Home > Press/Release, Technology > แคนนอนเปิดตัว EOS-1DX กล้องดิจิตอลSLR กล้องดิจิตอลฟูลเฟรมที่เร็วที่สุดในโลก

แคนนอนเปิดตัว EOS-1DX กล้องดิจิตอลSLR กล้องดิจิตอลฟูลเฟรมที่เร็วที่สุดในโลก

แคนนอนเปิดตัว EOS-1DX กล้องดิจิตอลSLR ที่พัฒนาจากผลการสำรวจความต้องการของช่างภาพมืออาชีพทั่วโลก พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ช่วยให้คุณภาพของไฟล์ภาพคมชัดความละเอียดสูงและความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่เร็วที่สุดรวมทั้งพัฒนาฟังก์ชั่นการบันทึกภาพเคลื่อนไหว เพื่อตอบสนองทุกนิยามในการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ

ที่สุดแห่งกล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพของแคนนอน ในตระกูล EOS-1D แคนนอนสร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลแคนนอน EOS-1DX ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล ซึ่งทำงานควบคู่กับชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด Dual DIGIC 5+ ลิขสิทธิ์เฉพาะของแคนนอน ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงถึง 12 ภาพต่อวินาที ( หรือ 14 ภาพต่อวินาที ในโหมด Super High Speed Mode) คมชัดทุกสถานการณ์ด้วยช่วง ISO กว้างถึง ISO 100 – 51200 (และสามารถเพิ่มได้ถึง ISO 204800 ในโหมด H2 ) แม้ถ่ายภาพในที่มืด ก็ยังมีสัญญาณรบกวนต่ำ (low-noise) และด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบใหม่ เพื่อความแม่นยำ และความคมชัดในการโฟกัสภาพด้วยการผสานพลังของ61-Point High-Density Reticular AF และเซ็นเซอร์วัดแสงแบบ RGB ความละเอียด100,000 พิกเซลเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้EOS-1D X พัฒนาสู่ความเป็นเลิศในด้านความเร็วและความแม่นยำในการโฟกัสภาพ สามารถติดตามวัตถุที่เคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ แม้ในสภาวะที่ยากแก่การโฟกัสภาพ นอกจากนี้ EOS-1D X ยังได้รับการพัฒนาความสามารถด้านการบันทึกภาพเคลื่อนไหว บันทึกภาพที่ความละเอียดแบบ Full HD สามารถเลือกรูปแบบการบีบอัดไฟล์ภาพได้ 2 ระดับ (All-I Frame และ IPB)เฟรมเรทสูงสุดที่ 60p ที่ระดับ HD และใหม่ล่าสุดในกล้อง EOS ฟังก์ชั่น Timecode embedding ช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดต่อเมื่อใช้กล้องมากกว่า 1 ตัว หลายหลายความสามารถในการใช้งานด้วยฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ และยังคงความแข็งแรงของตัวกล้องด้วยอายุการใช้งานชัตเตอร์สูงถึง 400,000ครั้ง …และนี่คือที่สุดของ EOS ในปัจจุบัน

EOS-1DX นับเป็นกล้องรุ่นที่ 10 (X หมายถึงเลข 10 ในอักษรโรมัน) ของกล้องถ่ายภาพสำหรับมืออาชีพนับตั้งแต่รุ่น F-1 เป็นต้นมา (F-1, NewF-1,EOS-1, EOS-1N, EOS-1V, EOS-1D, EOS-1D Mark II, EOS-1D Mark III, EOS-1D Mark IV, EOS-1DX) ซึ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่ากล้อง DSLR สำหรับมืออาชีพในรุ่นก่อนหน้า โดย X ย่อมาจากคำว่า EXTREME และยังหมายถึง Crossoverที่ได้ผสานเทคโนโลยีระดับมืออาชีพและพัฒนาจุดเด่น รวมถึงฟีทเจอร์ของกล้องในตระกูล1D และ 1DS ให้โดดเด่นมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ

จุดขายของกล้องดิจิตอลแคนนอน EOS-1DX:
· ชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะความเร็วสูง Dual DIGIC 5+ พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล แคนนอนได้พัฒนาช่วงของค่าความไวแสงให้กว้างขึ้นกว่าเดิม ที่ ISO 100 – 51200(และสามารถเพิ่มได้ถึง ISO 204800 ในโหมด H2)รวมทั้งปรับคุณภาพของไฟล์ภาพด้วยฟังก์ชั่นการแก้ไขความคลาดเคลื่อนของสีแบบเรียลไทม์
· พัฒนาระบบออโต้โฟกัสใหม่EOS iSA (Intelligent Subject Analysis) System เพื่อความแม่นยำในการติดตามวัตถุ รวมถึง EOS iTR (Intelligent Tracking and Recognition) AF เพื่อช่วยในการโฟกัสติดตามใบหน้า(Face Tracking) และ การโฟกัสติดตามสี (Color Tracking AF) พร้อมด้วยระบบวัดแสงแบบใหม่
· ระบบ AE และ AF ที่ให้ความแม่นยำสูงด้วยความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 12 ภาพต่อวินาที พร้อมทั้งฟังก์ชั่นถ่ายภาพใหม่ที่ถ่ายภาพด้วยความเร็วพิเศษต่อเนื่องสูงสุด 14 ภาพต่อวินาที (Mirror Lockup Function) ซึ่งมีเวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นเพียง 36 มิลลิวินาที (ที่ความเร็วสูงสุด)
· ชุดชัตเตอร์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพิ่มความทนทานกว่าเดิม ใช้วัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์ รองรับการใช้งานได้สูงถึง400,000 ครั้ง พร้อมซีลป้องกันละอองน้ำและฝุ่น ร่วมด้วย Sensor Cleaning แบบใหม่ ที่ช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยหน้าจอแสดงสถานะแจ้งผู้ใช้งานเมื่อระบบทำงานผิดปกติ
· นับเป็นครั้งแรกที่กล้องในตระกูล EOS ที่มีอุปกรณ์เสริม GPS ที่ช่วยระบุสถานที่และเวลา (UTC Synchronization) ส่วนอุปกรณ์เสริมWFT อุปกรณ์โอนไฟล์ภาพแบบไร้สายขนาดกะทัดรัดได้ติดตั้งบลูทูธเพิ่มเติมจากฟังกชั่นเดิมที่มีอยู่ ตัวกล้องมี 2 สล็อตสำหรับใส่การ์ดความจำแบบCF และสามารถรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายด้วยช่องสัญญาณแบบGigabit Ethernet
· User Interface ออกแบบใหม่ พร้อมโครงสร้างเมนูที่ช่วยให้เข้าถึงการตั้งค่าสำคัญต่างๆได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น รวมทั้ง Help Function ที่อธิบายความหมายของการตั้งค่าต่างๆ
· การบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบEOS Movies ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพหลากหลายด้าน ได้แก่ ค่าความไวแสง คุณภาพของไฟล์ภาพ (ลดการเกิดภาพเป็นคลื่น และลดสัญญาณรบกวน)พร้อมมีรูปแบบการบีบอัดข้อมูล 2 แบบให้เลือก (ALL-I Frame และ IPB) ตามความต้องการในงานตัดต่อของผู้ใช้งาน รวมถึงฟังก์ชั่น Time Code embedding ช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดต่อเมื่อใช้กล้องมากกว่า 1 ตัว และการแบ่งไฟล์และบันทึกอัตโนมัติสำหรับการบันทึกภาพต่อเนื่องเมื่อไฟล์มีขนาดใหญ่กว่า 4GB ทำให้สามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้นานถึง 29 นาที 59 วินาที

นอกจากนี้แล้ว กล้องดิจิตอลแคนนอน EOS-1DX ยังมีความสามารถที่หลากหลาย ตอบสนองทุกความต้องการของช่างภาพมืออาชีพ ด้วยคุณสมบัติดังนี้

ภาพถ่ายคมชัด คุณภาพสูง

EOS-1DX กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ที่ใช้ CMOS เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม หรือเท่ากับฟิล์ม 35 มม. ให้ความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งอัตราส่วนภาพต่อสัญญาณรบกวนที่เหนือกว่าและมีค่าขนาดของพิกเซลที่ 6.95μm เมื่อเทียบกับรุ่น EOS-1D Mark IV ที่มีค่าขนาดของพิกเซล5.7μm ซึ่งค่าขนาดพิกเซล และเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ไม่พลาดในการเก็บทุกรายละเอียดและสีสันของภาพ พร้อมลดสัญญาณรบกวน

ชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะความเร็วสูง Dual DIGIC 5+ ลิขสิทธิ์เฉพาะของแคนนอนใน EOS-1DX สามารถประมวลผลภาพเร็วกว่า DIGIC 4 ซึ่งใช้ใน EOS รุ่นปัจจุบันถึง 17 เท่า เพื่อให้ภาพถ่ายยังคงคุณภาพเยี่ยม แม้ถ่ายภาพด้วยค่าความไวแสง (ISO) สูง

จากการพัฒนาความสามารถในการลดสัญญาณรบกวน ทำให้คุณภาพของภาพที่ถ่ายด้วย EOS-1DXที่ ISO 51200 เทียบเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วย EOS-1D Mark IV ที่ISO 12800 ซึ่งแคนนอนได้พัฒนามาตรฐานการตั้งค่าความไวแสงเพิ่มอีก 2 ระดับ คือ สูงสุดที่ความไวแสง ISO 51200 (กล้องEOS-1D Mark IV สามารถตั้งค่าความไวแสงสูงสุดได้สูงสุดที่ISO 12800) และยังสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง ISO 204800 ช่วงของความไวแสงที่กว้างกว่าขึ้นเดิมนี้ ช่วยลดความเบลอของภาพในเกือบทุกสถานการณ์ โดยยังให้สัญญาณรบกวน(Noise) ต่ำอีกด้วย

สุดยอดนวัตกรรมของระบบ AE/AF

แคนนอน EOS-1DX ออกแบบระบบออโต้โฟกัสใหม่ นับเป็นระบบออโต้โฟกัสที่ก้าวหน้ามากที่สุดของแคนนอน ออกแบบให้มีจุดโฟกัสทั้งหมด 61 จุด โดยมีจุดโฟกัสที่วางตำแหน่งเซ็นเซอร์แบบCross type มากถึง 41 จุด ช่วยให้การโฟกัสวัตถุเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
เซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบcross type ทั้ง41 จุดนั้นสนับสนุนการทำงานของเลนส์ที่มีรูรับแสงf/4.0 (ที่ความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วสูงสุดของกล้อง EOS-1D Mark IVที่รูรับแสง f/2.8) หรืออีกนัยหนึ่งถึงแม้จะใช้เลนส์ Extender 1.4X ควบคู่กับเลนส์ที่มีรูรับแสงขนาด f/2.8 เซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบกากบาท 41 จุดของEOS-1DX ก็ยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และถ้าใช้เลนส์ f/2.8 ก็ยิ่งทวีความเร็วในการโฟกัสด้วยเซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบ Dual Cross Type 5 จุดที่แถวกลาง ให้ความเร็วที่เหนือกว่ากล้องในตระกูล EOS-1D ที่เคยมีมาทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบกากบาทในพื้นที่ส่วนกลางอีก 21 จุด ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ f/5.6
เพื่อสนับสนุนเลนส์ที่มีรูรับแสงไม่กว้างมากเช่น EF70-300mm f/4-5.6 L IS USM, EF100-400mm f/4.5-5.6 L IS USM หรือเมื่อใช้ EF Extender 2x กับเลนส์f/2.8 หรือ ใช้ EF Extender 1.4x กับเลนส์ f/4เป็นต้น

EOS iSA (Intelligent Subject Analysis) System เปรียบได้กับหัวใจของชุดออโต้โฟกัสใหม่ของแคนนอนซึ่งเป็นผลมาจากการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างเซ็นเซอร์วัดแสงแบบRGB ความละเอียด 100,000 พิกเซล และชิปประมวลภาพ DIGIC 4 ที่ถูกนำมาใช้ควบคุมระบบวัดแสงโดยเฉพาะซึ่งนวัตกรรมนี้ช่วยในการจดจำสีของวัตถุและใบหน้าของบุคคล เพื่อให้ระบบออโต้โฟกัสแบบEOS iTR (Intelligent Tracking and Recognition) AF นั้นสามารถติดตามวัตถุได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโฟกัสในที่มืดเมื่อเทียบกับ AF system แบบเดิม

สุดยอดประสิทธิภาพความเร็วสูงเหนือใคร

EOS-1D X ตอบสนองความต้องการของช่างภาพประเภทกีฬาได้เป็นอย่างดีเนื่องจากใช้เวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นมากเพียง 36 มิลลิวินาที

เมื่อเลือกโหมด One-Shot AF และ AI Servo AF จะสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 12 ภาพต่อวินาที ขณะเดียวกันช่างภาพยังสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงที่14 ภาพต่อวินาทีได้อีกด้วย

โครงสร้างกระจกสะท้อนภาพใหม่ ใน EOS-1D X ซึ่งได้แก่ Quad Active Mirror Stopper ซึ่งใช้ระบบล็อคกระจกสะท้อนภาพBounce Lock Mechanism แบบแยกที่ทำงานร่วมกับDouble Balancers เพื่อช่วยลดการสั่นไหวของภาพจากการดีดกลับของกระจกสะท้อนภาพ ซึ่งกลไกกระจกสะท้อนภาพใหม่นี้ช่วยให้กล้องทำงานอย่างเสถียร และถ่ายภาพได้ต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับช่างภาพว่าจะไม่พลาดแม้ช็อตแอ็คชั่นที่มีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

ก้าวหน้ากว่าด้วยEOS Movie

ออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีEOS Movies ให้เหนือขึ้นอีกระดับด้วยชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะความเร็วสูง Dual DIGIC 5+ ทำงานคู่กับระบบการขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ของเซ็นเซอร์ CMOS ช่วยลดการเกิดความคลาดสี และลายคลื่น(moiré) ที่ปรากฎอยู่ในวัตถุที่ถ่ายทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ให้คุณภาพไฟล์ภาพที่คมชัด สัญญาณรบกวนต่ำแม้ถ่ายภาพที่ความไวแสงสูง

EOS-1D X ยังเพิ่มคุณสมบัติใหม่ด้านการบันทึกภาพเคลื่อนไหว (EOS Movie) ไว้อีกมายมาย ได้แก่ สนับสนุนระบบTime code (SMTPE – compliant), สามารถปรับการตั้งค่าระดับบันทึกเสียงได้แบบแมนนวลในขณะที่ถ่ายอยู่ และสามารถบันทึกภาพได้แม้เลือกใช้งานในโหมด P, Av, TV และ Manual อยู่ โดยสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ทันที โดยการตั้งค่าสำหรับปุ่ม User-Customizable ที่ตัวกล้อง
และนอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบการบีบอัดข้อมูลได้ 2 รูปแบบ คือ ALL-I และ IPB เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในWork Flow ของ Post-Productionต่างๆ โดยการบีบอัดแบบ ALL-I จะมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่กว่า แต่สามารถแปลงไฟล์ได้รวดเร็วในขณะตัดต่อเนื่องจากแต่ละเฟรมไม่ได้เชื่อมต่อกัน ส่วนการบีบอัดแบบIPB จะมีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า โดยคุณภาพของไฟล์จะใกล้เคียงกับ EOS Movie ในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้

เพื่อตอบสนองความต้องการแบบมืออาชีพ เพื่อการบันทึกภาพต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น และการใช้ร่วมกันกับไฟล์ภาพเคลื่อนไหวจากกล้องอื่นๆ ไฟล์ภาพเคลื่อนไหวที่มีขนาดใหญ่เกิน 4GB (ขนาดสูงสุดตามระบบการจัดการไฟล์แบบFAT) จะถูกแยกออกเป็นไฟล์ใหม่โดยอัตโนมัติ โดยยังคงบันทึกภาพเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก ตลอดความยาว 29 นาที 59 วินาที

เพิ่มความทนทานและความเชื่อใจได้ไปอีกระดับ

ชุดชัตเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ในกล้องEOS-1D X ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยใช้ Carbon Fiber ในการผลิต Shutter Blade ซึ่งมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งทนทานจึงให้อายุการใช้งานชัตเตอร์สูงถึง400,000 ครั้ง และใหม่ล่าสุดของกล้องในตระกูล EOS-1D ที่ได้มีการพัฒนาม่านชัตเตอร์อิเลคทรอนิกส์ชุดที่หนึ่ง เพื่อลดการเกิดเสียงลงระหว่างการถ่ายภาพแบบ Live View

ด้วยความแข็งแรงของตัวกล้องที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยการออกแบบตัวกล้องที่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองและละอองน้ำ ช่วยตอบความต้องการด้านการถ่ายภาพได้ในทุกสภาวะการณ์ ร่วมด้วยกับระบบทำความสะอาดฝุ่นใหม่ล่าสุด Ultra Wave Motion Cleaning (UWMC) ซึ่งใช้ชิ้นส่วนที่สร้างคลื่นสั่นสะเทือนถึง 2 ชิ้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการขจัดเศษฝุ่นขนาดเล็กจากเซ็นเซอร์

นอกจากนี้ วงแหวนควบคุมกล้องได้รับการออกแบบใหม่ โดยเพิ่มระบบ Non-contact rotation detection ที่ช่วยชะลอการสึกหรอ และลดเสียงรบกวนขณะใช้งาน

อุปกรณ์เสริม GPSและ Wireless

EOS-1D X มาพร้อมกับอุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย (Wireless File Transmitter)รุ่น WFT-E6 ซึ่งรองรับกับ Wireless LAN IEEE802.11nช่วยให้การโอนถ่ายไฟล์ภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า

WFT-E6มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่า WFT-E2 II (ซึ่งใช้กับกล้อง EOS-1D Mark IV) และสามารถป้องกันฝุ่นละออง และละอองน้ำได้ดีเหมือนกับตัวกล้องEOS-1D X นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกล้องEOS-1D X ได้พร้อมกันถึง10 ตัวด้วยฟังก์ชั่น Wireless Time Syncing

อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจของ EOS-1D Xได้แก่ GP-E1 เครื่องรับสัญญาณจีพีเอสขนาดกะทัดรัดช่วยบันทึกข้อมูลพิกัดสถานที่ลงในข้อมูลEXIF ของภาพที่ถ่ายด้วยEOS-1D X โดยเมื่อใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นแผนที่ต่างๆ ก็จะสามารถระบุตำแหน่งพิกัดสถานที่ที่ถ่ายรูปได้อย่างง่ายดาย

และด้วยความสามารถทั้งหมดนี้ ทำให้ EOS-1D X เป็นกล้องดิจิตอลฟูลเฟรมที่เร็วที่สุดในโลก ที่ตอบสนองทุกความต้องการของการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ ทั้งในด้านความประสิทธิภาพของกล้อง และคุณภาพของภาพถ่าย

View :1961

Related Posts

  1. No comments yet.
  1. No trackbacks yet.
You must be logged in to post a comment.