Archive

Author Archive

กระทรวงไอซีที – กสทช. – ทีเส็บเผยความคืบหน้าเตรียมงาน ITU Telecom World 2013 พร้อมรับผู้นำไอทีโลกถกรับมือการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิตอล

September 26th, 2013 No comments

กรุงเทพฯ / 26 กันยายน 2556 – 3 หน่วยงานผนึกกำลังเป็นเจ้าภาพจัดงาน Telecom World 2013 งานนิทรรศการด้านเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศระดับโลก เผยความคืบหน้าการเตรียมงาน เพื่อรับผู้นำอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลกกกว่า 20,000 คนถกแนวทางการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิตอลและการพัฒนามาตรฐานด้านไอทีและโทรคมนาคมของโลก ซึ่งประเทศไทยได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้เป็นครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายนนี้ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ITU Telecom World เป็นงานนิทรรศการใหญ่ระดับโลกประจำปีสำหรับผู้อยู่ในอุตสาหกรรมไอทีที่จัดขึ้นโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) “จากการที่ประเทศไทยได้รับสิทธิเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ITU Telecom World 2013 ขณะนี้ คณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ซึ่งมีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เป็นแกนหลัก ได้ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการ การอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง พิธีการ ที่พัก ความปลอดภัย และอื่นๆ เชื่อว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพในงานนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก และตอกย้ำบทบาทของไทยในการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานและกฎเกณฑ์ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลก รวมทั้งแสดงศักยภาพของประเทศที่จะเป็นศูนย์กลางด้านไอทีของภูมิภาคต่อไป”

แนวคิดหลักของการจัดงานในปีนี้คือ Embracing Change in a Digital World หรือการเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิตอล ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกตระหนักและกำลังร่วมกันเตรียมการเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิตอลต่างๆ

หัวข้อหลักที่จะมีการพูดคุยกันในงานนี้ภายใต้แนวคิดหลักดังกล่าว จะเน้น 5 ประเด็น คือ ความเปลี่ยนแปลงในวิธีการสื่อสารของผู้คน ความจำเป็นของโมเดลธุรกิจในยุคข้อมูลเป็นใหญ่ พลวัตความเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ตลอดจนความจำเป็นของระเบียบควบคุมใหม่ๆ และกระบวนการวางมาตรฐาน อันเกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีโมบาย โซเชียลเน็ตเวิร์ค คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิตอลต่างๆ

งาน ITU TELECOM WORLD 2013 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2556 มีกิจกรรมหลายรูปแบบทั้งการประชุม การบรรยาย การอภิปรายโดยผู้แทนและผู้นำของหน่วยงานที่รับผิดชอบการกำหนดมาตรฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศต่างๆ รวมถึงผู้นำอุตสาหกรรมไอทีและโทรคมนาคมของโลกเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจของโลกไอที เพื่อกำหนดแนวทางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลก

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงนิทรรศการและการสาธิตเทคโนโลยี นวัตกรรม โซลูชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ด้านสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคม ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้พบปะ พูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็น และข้อมูลระหว่างกัน รวมทั้งเจรจาโอกาสทางธุรกิจหรือความร่วมมือต่างๆ ร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสารของโลกต่อไป

อีกส่วนหนึ่งของงานคือการประกวด Young Innovators Competition 2013 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “social technopreneur” ซึ่งมีความสามารถในการสร้างสรรค์โซลูชั่นด้านการสื่อสารโทรคมนาคม โดย ผู้เข้ารอบสุดท้าย 10 คนที่คัดมาจากผู้สมัครกว่า 600 คนจาก 88 ประเทศทั่วโลก จะได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป นำเสนอโครงการ และได้มีโอกาสทำงาน พบปะ หรือทำความรู้จักกับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมจริง รวมทั้งได้รับโอกาสที่จะได้รับเงินสนับสนุนการพัฒนาสูงสุด 10,000 เหรียญสหรัฐอีกด้วย

# # #

เกี่ยวกับ ITU
ITU เป็นทบวงการชำนัญพิเศษภายใต้สหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่พัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสาร ด้วยประวัติการทำงานเกือบ 150 ปี ITU ได้ประสานความร่วมมือในการจัดสรรการใช้คลื่นวิทยุความถี่ของสังคมโลกส่งเสริมความร่วมมือของนานาชาติในการจัดสรรวงจรดาวเทียม ตลอดจนทำงานภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงระบบการสื่อสารโทรคมนาคมพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ITU ยังมีบทบาทในการวางมาตรฐานโทรคมนาคมทั่วโลกเพื่อเชื่อมโยงระบบการสื่อสาร คมนาคมรูปแบบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ITU มุ่งมั่นเชื่อมโยงโลกทั้งใบผ่านระบบสื่อสารต่างๆ ตั้งแต่เครือข่ายบรอดแบนด์ เทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่ ระบบนำร่องเพื่อการบินและการเดินทะเล ระบบดาราศาสตร์วิทยุ ระบบพยากรณ์อากาศผ่านดาวเทียม การประสานเทคโนโลยีไร้สายและใช้สายเข้าด้วยกันเพื่อให้สื่อสารได้ทุกที่ทุก เวลา ไปจนถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและระบบออกอากาศของโทรทัศน์

View :1472
Categories: Technology, Telecom Tags:

ดีแทคเปิดโครงการ 1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย – Internet for All

September 26th, 2013 No comments

dtac_5556
ตั้งเป้า 86 โรงเรียนปีนี้ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 86 พรรษา

26 กันยายน 2556 – ตอกย้ำนโยบายให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ภายใน 3 ปีด้วยสัญญาณคุณภาพ 3G อินเทอร์เน็ต พร้อมเดินหน้าโครงการ 1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย – กระจายอินเทอร์เน็ตสู่โรงเรียนครบ 200 แห่งหรือคิดเป็นจำนวนนักเรียนประมาณ 80,000 คนในปีหน้า เชื่อมต่อช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Divide) มั่นใจนำสู่จุดเปลี่ยนระบบการเรียนการสอนเพื่อความเท่าเทียมกัน ยกระดับการแข่งขันต่างประเทศ รับเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนรวมถึงเป็นการใช้ทรัพยากรคลื่น 3G เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ พร้อมแนะนำ “Digital Responsibility” ให้ความรู้การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ “Internet for All” ของดีแทคที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ภายใน 3 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยรวมให้กับประเทศ ทั้งนี้สำหรับภาคการศึกษา ดีแทคเชื่อว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่าย 3G อินเทอร์เน็ตของดีแทค ไตรเน็ตที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดบนแบนด์วิธที่กว้างที่สุด จะช่วยในการเข้าถึงพื้นที่โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการใช้งานของอินเทอร์เน็ต และยังเป็นการปลูกฝังการเรียนรู้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป

ปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่ต่ำอยู่ มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 26.5 ล้านราย หรือคิดเป็นประมาณ 30% ของประชากรทั้งหมด โดยเป็นอันดับที่ 131 จาก 150 ประเทศ (ข้อมูลจากเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม 2013) เท่ากับว่ายังมีประชากรอีกจำนวนไม่น้อยยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งดูจากอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ประมาณ 10% ขณะที่อัตราเข้าถึงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของคนไทยคิดเป็น 136% ของประชากร แสดงให้เห็นว่าโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถช่วยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นได้

สำหรับโอกาสนี้ ดีแทค ได้เปิดโครงการ “1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย – Internet For All” อย่างเป็นทางการ เพื่อมอบแอร์การ์ดและซิมการ์ด จำนวน 600 ชุด และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตฟรี 5 กิกะไบต์ต่อเดือน ให้กับโรงเรียนจำนวน 200 แห่ง หรือจำนวนนักเรียนประมาณ 80,000 คน ภายในปี 2557 โดยแบ่งเป็นโรงเรียนละ 3 ชุดหรือมากกว่า รวมเป็น 1 ล้านชั่วโมง โดยจะตั้งเป้าขยายออกไปอีก 3 ปี เพื่อให้เข้าถึงโรงเรียนได้มากกว่า 2,000 แห่ง หรือนักเรียนจำนวนประมาณ 1 ล้านคน โดยโครงการนี้ได้ร่วมมือกับสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สทร. สพฐ) ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ คัดเลือกโรงเรียนเพื่อพิจารณาเข้าร่วมโครงการ โดยในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 86 พรรษา ทางโครงการตั้งเป้าในการขยายโอกาสสู่โรงเรียนให้ได้ 86 โรงเรียนภายในปี 2556 นี้

“ดีแทคต้องการที่จะเชื่อมต่อช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Divide) โดยได้ทำการสำรวจพบว่าโรงเรียนต่างๆ ในชนบทมีปัญหาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต หรือมีอินเทอร์เน็ตใช้งานแต่ยังไม่พอเพียงและความเร็วจำกัด โดยบางแห่งยังพบว่าขาดแคลนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งาน ซึ่งกลายเป็นข้อจำกัดทางการศึกษาตามมา ขณะที่บางแห่งต้องการสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพดี โดยมีสัญญาณคุณภาพ 3G อินเทอร์เน็ตของดีแทคที่สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ จึงเป็นจุดสำคัญที่จะนำมาใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน ยิ่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี กำลังใกล้เข้ามา การพัฒนาการศึกษาของไทยให้มีความเท่าเทียมกันทั่วประเทศ ยังเป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอีกด้วย” นายจอน กล่าว

โครงการ Digital Responsibility
ในโลกออนไลน์เด็กและเยาวชนควรได้รับการแนะนำถึงโอกาสในการการเข้าถึงข้อดี และข้อเสียของการใช้งานและรู้จักวิธีที่จะจัดการถึงความเสี่ยง เพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดีแทคเห็นความสำคัญในส่วนนี้จึงเปิดตัวโครงการ Digital Responsibility โดยได้จัดทีมดีแทคอาสาทำดี ( Volunteer) ภายใต้โครงการดีแทคทำดีทุกวันไปให้ข้อมูลในโรงเรียนต่างๆ ในหัวข้อ 1. การสอนใช้งานอินเทอร์เน็ตเบื้องต้นอย่างถูกต้อง 2. การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 3. การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้งานที่ไม่เหมาะสม

โครงการ ICT Free WiFi by dtac
นอกจากนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ Internet for All ดีแทคยังได้มีโครงการ ICT Free WiFi by dtac ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่จะนำ WiFi ไปบริการฟรีในพื้นที่โรงพยาบาลของรัฐบาลจำนวน 12 แห่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินงานอีกด้วย ในส่วนนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยนอกและญาติที่รอตรวจ รวมถึงแพทย์ประจำโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและใช้ประโยชน์ออนไลน์ได้ฟรี โดยคาดว่าจะมีปริมาณคนที่อยู่ในพื้นที่ใช้งานในโรงพยาบาลต่อแห่งต่อวันสูงสุดประมาณ 33,000 คน ดังนั้นจึงคาดว่าเมื่อเปิดให้บริการได้ครบทั้ง 12 แห่งจะสามารถรองรับได้สูงสุดประมาณ 400,000 คนต่อวัน สำหรับการความคืบหน้าในโครงการทางดีแทคจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

View :1342
Categories: 3G Tags: ,

TACGA ดึงเกรแฮมคลาร์ก กูรูแอนิเมชั่น ชื่อดังจากฮอลลีวูด ปั้นผู้ประกอบการไทยหวังผลิตงาน 3มิติ ป้อนตลาดโลก

September 10th, 2013 No comments

TACGA จับเทรนด์ภาพยนตร์ แอนนิเมชั่น 3 มิติ ทั่วโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น พร้อมจัด โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “3 มิติ Stereoscopic for Movie and Animation” 11-13 กันยายน 2556 ณ โรงแรมอโณมา ราชดำริ กับกูรู เกรแฮมคลาร์ก จากฮอลลิวูด เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยรับจ้างผลิตงาน หวังดึงต่างชาติใช้ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตคอนเทนต์ 3 มิติ

นายนิธิพัฒน์ สมสมาน นายกสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมดูภาพยนตร์ 3 มิติ เพิ่มสูงขึ้นไปทั่วโลก โดยปี 2012 เพียงปีเดียวมีการผลิตภาพยนตร์และแอนนิเมชั่น 3 มิติที่เข้าฉายในโรงภาพยนต์ทั่วโลกมากถึง 44 เรื่อง ประกอบกับโรงภาพยนตร์ โทรทัศน์ได้เพิ่มความสามารถในการรับชมภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมรับชมภาพยนตร์และแอนนิเมชั่น 3มิติของผู้ชมทั่วโลก

ทั้งนี้ด้วยแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และแอนนิเมชั่นในตลาดโลก สมาคมฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุน จากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟแวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัด “โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (workshop) 3 มิติ Stereoscopic for Movie and Animation” สำหรับผู้ประกอบการทั่วไป ให้มีศักยภาพเทียบเท่าระดับสากล เพื่อรองรับการจ้างผลิตผลงานในลักษณะ 3 มิติที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก และเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยกลายเป็นแห่งผลิตคอนเทนต์ 3 มิติของโลก

สำหรับวัตถุประสงค์การจัดสัมมนาครั้งนี้ก็เพื่อส่งเสริมการขยายตลาดแอนิเมชั่นและภาพยนตร์ในรูปแบบ3 มิติ ของไทย รวมทั้งผู้ประกอบการได้เรียนรู้และเข้าใจการสร้างงานแอนิเมชันและภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติ ส่งเสริมให้เกิด IP (Intellectual Property) และการผลิตงานที่เป็นรูปแบบของ 3 มิติ และสร้างความตื่นตัวและการรับรู้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โฆษณา และแอนิเมชั่นของไทยในวงกว้าง

“การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ให้เรียนรู้การสร้างสรรค์งานภาพยนตร์และแอนิเมชันในรูปแบบ 3 มิติ ทั้งในเรื่องของเทคนิคการทำงาน กระบวนการทำงานและมุมมองทางศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ผลงาน จะสามารถเพิ่มมูลค่าของงาน อีกทั้งเพิ่มโอกาสทางการขายแอนิเมชันในตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้น” นายนิธิพัฒน์ กล่าว

นายนิธิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (workshop) 3 มิติ Stereoscopic for Movie and Animation” จะจัดขึ้นวันที่ 11-13 กันยายน 2556 ณ โรงแรมอโนมา ราชดำริ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญงาน 3 มิติ ระดับโลก เกรแฮมคลาร์ก ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่าย Stereography ของบริษัท Stereo D. ซึ่งให้บริการการผลิตและดูแลเรื่องการสร้างสรรค์ความเป็น 3 มิติของภาพยนตร์ยอดนิยมหลายเรื่อง เช่น “JACKASS 3D,” “THOR,” “CAPTAIN AMERICA,” “TITANIC 3D,” “JURASSIC PARK 3D,” “PACIFIC RIM,”and “THE AVENGERS.” เป็นต้น

View :1264
Categories: Press/Release Tags:

ผู้บริโภคเจอ “ซิมดับ” ล่วงหน้าก่อนสัมปทานสิ้นสุด เหตุถูกโอนย้ายอัตโนมัติ “หมอลี่” จี้สำนักงาน กสทช. เร่งบังคับผู้ให้บริการมือถือทำตามกฎหมาย

September 10th, 2013 No comments

แม้ยังไม่ถึงวันที่ 15 กันยายน ที่สัญญาสัมปทานการให้บริการมือถือจะสิ้นสุดลง แต่ผู้ใช้บริการมือถือค่ายทรูมูฟบางส่วนประสบปัญหา “ซิมดับ” เรียบร้อยแล้ว หลังถูกโอนย้ายไปยังบริการทรูมูฟ-เอชโดยอัตโนมัติและถูกล็อกห้ามย้ายกลับหรือย้ายไปค่ายอื่นใน 90 วัน “หมอลี่” ชี้การโอนย้ายบริการเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่ต้องแสดงเจตนา การที่ผู้ให้บริการกำหนดกติกาว่าใครไม่แจ้งความประสงค์แปลว่าต้องการโอนย้าย เข้าข่ายผิดประกาศของ กสทช. ทั้งเรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ได้ทำหนังสือให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อกฎหมายพร้อมเร่งดำเนินการให้ถูกต้องแล้ว

จากกรณีสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเครือข่ายทรูมูฟและดีพีซีหรือดิจิตอลโฟนกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน ศกนี้ อันเป็นที่มาให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ออกประกาศ เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่ กสทช. เรียกว่า “ประกาศห้ามซิมดับ” แต่ปรากฏว่าในขณะนี้กลับเกิดปัญหา “ซิมดับ” ขึ้นแล้ว โดยตลอดช่วงต้นผู้ใช้บริการของเครือข่ายทรูมูฟมีการร้องเรียนและการโพสข้อความตามเว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก ว่าประสบปัญหาไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ โดยบางกรณีเพียงไม่สามารถรับสายได้ แต่บางกรณีใช้ไม่ได้ทั้งโทรออกและรับสาย ภายหลังจากที่ถูกโอนย้ายบริการไปยังเครือข่ายทรูมูฟ-เอช ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่มีการร้องเรียนและแสดงความคิดเห็นกันมาก เนื่องจากในการโอนย้ายดังกล่าวนั้น ทางผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการไม่ได้เป็นฝ่ายแจ้งความประสงค์ แต่เกิดจากการดำเนินการโดยอัตโนมัติของทางบริษัท

ทั้งนี้ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางบริษัททรูมูฟ ได้เริ่มส่งข้อความสั้น (SMS) ถึงผู้ใช้บริการ แจ้งว่า ทาง กสทช. ได้กำหนดให้บริษัทแจ้งว่าการให้บริการของบริษัทในคลื่น 1800 MHz จะสิ้นสุดลง 15 ก.ย. 56 และจะใช้งานต่อได้ไม่เกิน 15 ก.ย. 57 และเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจะดำเนินการอัพเกรดเลขหมายให้เป็นทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติก่อนวันสิ้นบริการ 15 ก.ย. 56 กรณีไม่ต้องการอัพเกรดจะต้องโทรแจ้ง ซึ่งต่อมาปรากฏข้อความลักษณะเดียวกันบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัทด้วย

เรื่องดังกล่าวมีการวิจารณ์จากผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง ในประเด็นที่ว่าเป็นรูปแบบของการบังคับโอนย้ายโดยผู้บริโภคไม่ได้เลือก และโอนย้ายก่อนถึงวันสัมปทานสิ้นสุดลง ตลอดจนมีประเด็นกระทบถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้บริโภคต้องการใช้โปรโมชั่นเดิม หรือบางรายไม่ได้อยากใช้บริการของทรูมูฟเอชและพร้อมจะยุติการใช้บริการไปพร้อมกับการยุติบริการของทรูมูฟ เป็นต้น

ต่อเรื่องนี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องและได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่าการโอนย้ายผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัตินั้นเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสอดคล้องกับมติ กทค. หรือไม่ ตลอดจนให้สำนักงาน กสทช. กำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย

“ในส่วนการวิเคราะห์ของผมเห็นว่าเรื่องการโอนย้ายอัตโนมัตินั้นขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2549 เพราะไม่เป็นไปตามหลัก “เสนอสนองตรงกัน” ขณะเดียวกันก็ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วย เพราะประกาศข้อ 6 ระบุชัดเขนว่า “การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิทธิของผู้ใช้บริการ” และข้อ 9 กำหนดว่า “ในการขอโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ผู้ใช้บริการยื่นคำขอ…” เพราะข้อกำหนดของบริษัทกลายเป็นว่า ใครไม่อยากถูกโอนย้ายต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่อง หากอยู่เฉยเท่ากับยอมรับการโอนย้ายอัตโนมัติ”

กสทช. ประวิทย์ระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของบริษัทมีการอ้าง กสทช. ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ทั้งที่ความจริงที่ กสทช. ให้ทำคือให้แจ้งเรื่องวันสิ้นสุดสัมปทานและแจ้งสิทธิการโอนย้าย นอกจากนี้ในการพิจารณากรณีร่างประกาศเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็ยืนยันหลักการโอนย้ายตามความสมัครใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับมติ กทค. ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะบังคับให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามมติและตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นเรื่องมีปัญหาในการใช้บริการหลังโอนย้ายนั้น กสทช. ประวิทย์ชี้ว่าน่าจะเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งบริษัทจะต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่มีหลักกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วคือ หากผู้บริโภคประสงค์จะโอนย้ายค่ายเมื่อไร ทางผู้ให้บริการจะต้องตอบสนอง ไม่สามารถอ้างเรื่องต้องคงอยู่จนครบ 90 วันได้ เพราะ กสทช. ไม่เคยให้ความเห็นชอบกับการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการไปกำหนดกันเอาเอง ดังนั้นจึงขอส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิ โดยไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของพนักงานของบริษัท และหากประสบปัญหาก็แจ้งร้องเรียนมายัง กสทช. หมายเลข 1200 ได้

View :1232
Categories: Press/Release Tags:

ประกาศผลและมอบรางวัลการประกวดสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ ประเภท e-Learning ปี พ.ศ. 2555

September 10th, 2013 No comments

DSC09419
งานประกาศผล มอบรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การประกวดสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ ประเภท e-Learning ปี พ.ศ. 2556

สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK park) ร่วมกับ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ได้จัดงานประกาศผลและมอบรางวัลการประกวดสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ ประเภท e-Learning ปี พ.ศ. 2555 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันอังคารที่ 10 กันยายน 2555 เวลา 13.00 – 15.00 น. ณ อุทยานการเรียนรู้ทีเค พาร์ค (ชั้น 8) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค กล่าวว่า สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นตามนโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต ภายใต้วัตถุประสงค์เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกถึงพลังแห่งการสร้างสรรค์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ในการจัดฝึกอบรมการสร้างสื่อดิจิทัลให้กับครูทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ยุคปัจจุบัน ที่การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศอย่างรวดเร็วฉับไวเป็นสิ่งสำคัญ เด็กนักเรียนจำเป็นจะต้องมีแหล่งเรียนรู้ในรูปของสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น การประกวดสื่อดิจิทัล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมไอซีทีเชิงบวกในเด็ก พัฒนาทักษะด้านไอซีทีให้กับครู และช่วยเพิ่มจำนวนสื่อดีที่จะสะสมในแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กไทย
คุณสุจิตรา สาระอินทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการอบรมเพิ่มเติมความรู้ในการจัดทำผลงานสื่อดิจิทัลให้สามารถใช้งานในเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตได้ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ได้รับแจกแท็บเล็ตจากรัฐบาล มีครูเข้าร่วมการฝึกอบรมมากกว่า 400 คน ในศูนย์ฝึกอบรม 4 ภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานเขตการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิเขต 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โรงแรมอมรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก และ ทีเค พาร์ค กิจกรรมต่อเนื่องหลังจากการฝึกอบรม ก็คือ การประกวดสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดจำนวนกว่า 135 ผลงาน จากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมผู้ทรงคุณวุฒิให้มีทีมที่ผ่านเข้ารอบ 22 ทีมสุดท้าย โดยมีทีมที่ได้รับรางวัลเป็นไปตามรายการแนบท้าย
ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการนี้จะกระตุ้นให้เกิดการใช้ไอซีทีในทางสร้างสรรค์ ได้แก่ การเพิ่มเนื้อหาข้อมูลดิจิทัลเชิงบวก ซึ่งประเทศของเรายังขาดแคลนมาก ส่วนใหญ่แล้วเรายังเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อดึงข้อมูลจากต่างประเทศ อีกประการหนึ่ง ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพด้านไอซีทีให้กับครู โดยเฉพาะครูในต่างจังหวัดซึ่งขาดโอกาสในด้านนี้ โครงการยังช่วยเสริมนโยบายของรัฐบาลโดยเพิ่มเนื้อหาให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านแท็บเล็ตมากยิ่งขึ้น โดยคณะทำงานจะได้คัดเลือกสื่อขึ้นทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อจัดทำสำเนาเผยแพร่ให้กับโรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ในความดูแลของพระองค์ท่าน และโรงเรียนอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

รายชื่อทีมที่ได้รับรางวัล
การประกวดสื่อดิจิทัลสร้างสรรค์ ประเภทอีเลินนิ่ง (e-learning) ประจำปี 2556

ระดับประถมศึกษา

รางวัล ชื่อผลงาน ชื่อสถาบัน จังหวัด
รางวัลชนะเลิศ กระบี่กระบอง โรงเรียนวัดเศวตฉัตร กรุงเทพฯ
รางวัลชมเชย แอโรบิคขยับกายสบายชีวี โรงเรียนวัดเศวตฉัตร กรุงเทพฯ
รางวัลชมเชย อาเซียน โรงเรียนสวนหม่อน นครราชสีมา
รางวัลชมเชย การดำรงชีวิตของพืช โรงเรียนปทุมานุกูล นครศรีธรรมราช
รางวัลชมเชย การหาพื้นที่รูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก โรงเรียนบ้านในถุ้ง นครศรีธรรมราช
รางวัลชมเชย แรงและความดัน โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ชัยภูมิ

ระดับมัธยมศึกษา
รางวัล ชื่อผลงาน ชื่อสถาบัน จังหวัด
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระบบคอมพิวเตอร์และเทศโนโลยีสารสนเทศ โรงเรียนภูเรือวิทยา เลย
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 สื่อการสอนโครงงานคอมพิวเตอร์ โรงเรียนจ่านกร้อง พิษณุโลก
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เตรียมความพร้อมก่อนเข้า ป.1 โรงเรียนบึงมะลูวิทยา ศรีสะเกษ
รางวัลชมเชย MOMENTUM โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่
รางวัลชมเชย ฟังคำในหลวง โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่
รางวัลชมเชย บทเรียนอีเลิร์นนิ่งคณิตศาสตร์พื้นฐาน ป.5 : เศษส่วน โรงเรียนบึงมะลูวิทยา ศรีสะเกษ
รางวัลชมเชย ระบบจำนวนเต็ม โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ ศรีสะเกษ
รางวัลชมเชย เรียนรู้ สู่อาเซียน โรงเรียนกันทรารมณ์ ศรีสะเกษ

ระดับอุดมศึกษา
รางวัล ชื่อผลงาน ชื่อสถาบัน จังหวัด
รางวัลชนะเลิศ The Adventure of Mate ตอนระบบสุริยะจักรวาล มหาวิทยาลัยบูรพา ชลบุรี
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ2 ภัยมา…ป่าหาย…แก้ไขได้ด้วยมือเรา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร กรุงเทพฯ
รางวัลชมเชย พลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม
รางวัลชมเชย สภาวะโลกร้อน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาสารคาม
รางวัลชมเชย ดนตรีพื้นบ้านไทย 4 ภาค มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาสารคาม
รางวัลชมเชย โลกและการเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม
รางวัลชมเชย การดำรงพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต วิทยาศาสตร์ ป.5 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กรุงเทพฯ

View :1569
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจบันเทิง ทีวี และภาพยนตร์ชั้นนำกว่า 29 ราย เปิดตัวพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบ บนแอพพลิเคชั่น Watchever

September 6th, 2013 No comments

Resize of _AEW8401 (1)
5 กันยายน 2556 แอพพลิเคชั่น Watchever เริ่มเปิดให้ลูกค้าได้ใช้งานอย่างไม่เป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยมียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 300,000 ครั้ง และผู้ใช้งานมากกว่า 120,000 คนต่อเดือน วันนี้พร้อมแล้ว ประกาศจับมือกับพันธมิตร อาทิ บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) , บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด, บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด, บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน),บริษัท พระนครฟิล์ม จำกัด ,บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด และอีกหลายพันธมิตรชื่อดังกว่า 29 ราย ให้บริการความบันเทิงเต็มรูปแบบบนแอพพลิเคชั่น Watchever

ปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ กล่าวว่า ดีแทคเห็นโอกาสเติบโตจากยอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีอยู่กว่า 9 ล้านคน และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของจำนวนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เชื่อมั่นว่าการเปิดตัวเต็มรูปแบบของแอพพลิเคชั่น Watchever ในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มศักยภาพให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการนำภาพยนตร์ดัง ละครยอดฮิต ซีรี่ย์สุดฮอต การ์ตูน และสารคดี มาให้ความบันเทิงอย่างสะดวกสบาย และเป็นการผลักดันธุรกิจด้านบันเทิง ทีวี และภาพยนตร์ ให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งในยุคดิจิตอล โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ในการรวบรวมคอนเทนต์เพื่อตอบโจทย์ทุกความบันเทิงให้กับลูกค้า

ปัจจุบันในแต่ละเดือนมียอดการใช้งานวิดีโอสตรีมมิ่งผ่าน Watchever กว่า 350,000 ครั้ง ซึ่งจัดอยู่ในอันดับ 1 ใน 30 สุดยอดแอพพลิเคชั่น ที่มีผู้ดาวน์โหลดสูงสุด Google play และติดอันดับ Top 10 ใน App Store ภายในสัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ ทั้งนี้คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ จะมีลูกค้าที่สนใจเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว สำหรับ Watchever”

นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดรีมเบส อินเตอร์แอ็คทีฟ จํากัดผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น Watchever ให้กับดีแทคกล่าวว่า ”เราไม่หยุดที่จะพัฒนาคุณภาพการใช้งานและเนื้อหาความบันเทิงให้กับลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อนำเสนอสิ่งที่ตรงใจลูกค้าทุกคน โดยเฉพาะให้ชมทีวีสดๆ กว่า 40 ช่อง ภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศกว่า 2,000 เรื่อง การ์ตูน สารคดีสุดฮิตนับสิบๆเรื่อง และ
ซีรี่ส์ลิขสิทธิ์ยอดนิยมกว่า 500 episodes ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android, BlackBerry, Smart TV และ Windows phone นอกจากนี้เรายังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำ “Social TV” ที่สามารถ แชร์ และแชทไปพร้อมๆ กับเพื่อนใน Social Network ขณะชมรายการต่างๆ อีกทั้งเพื่อไม่ให้พลาดรายการสุดโปรด ผู้ใช้งานสามารถตั้งเตือนเมื่อรายการนั้นมาถึงผ่านฟีเจอร์ “My Schedule” ได้อีกด้วย” นายฉัตรชัยกล่าว

ทั้งนี้ ก็ได้เตรียมแพ็กเกจสุดคุ้มให้กับลูกค้าเป็นพิเศษ คือ แพ็กเกจ Buffet รายวัน วันละ 4 บาท และแพ็กเกจ Buffet รายเดือนลดราคาพิเศษเหลือแค่ 69 บาท สามารถดูได้ทั้งภาพยนตร์ดัง ละครยอดฮิต ซีรี่ย์สุดฮอต การ์ตูน และสารคดี แบบไม่จำกัด ลูกค้าแฮปปี้และดีแทคสามารถยังสามารถรับชมทีวีสดๆ กว่า 40 ช่องได้ฟรี แค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Watchever ได้ทั้ง App Store และ Google play หรือ กด *197*5#โทรออกเพื่อรับ link download

View :1649

Ericsson Connected Vehicle Cloud ได้รับชัยชนะในการประกาศรางวัลของ CTIA E-Tech

September 4th, 2013 No comments

· โซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ของอีริคสันได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขา Enterprise Solution – General Business

· การแข่งขันในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมส่งผลงานเกือบ 300 ชิ้น โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนทั้งในด้านความแปลกใหม่ ความสามารถในการใช้งาน ความสำคัญทางเทคโนโลยี การนำไปใช้งานได้จริง และ ความรู้สึก ‘ว้าว’โดยรวม

· โซลูชั่นด้านการขนส่งและยานยนต์นี้ จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในตลาดยานยนต์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเข้าถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ผ่านแนวทางใหม่

อีริคสันได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน 2013 CTIA Emerging Technology (E-Tech) Awards ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทางการสื่อสารไร้สายที่โดดเด่น ทั้งสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น mobile apps, ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค, ตลาดองค์กรและ vertical markets รวมทั้งเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ของอีริคสัน ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขา Enterprise Solution – General Business โดยผ่านเกณฑ์การให้คะแนนทั้งในด้านความแปลกใหม่ ความสามารถในการใช้งาน ความสำคัญทางเทคโนโลยี การนำไปใช้งานได้จริง และ ความรู้สึก ‘ว้าว’ โดยรวม

“เกณฑ์การตัดสินในปีนี้ เน้นไปที่ผลกระทบและแรงบันดาลใจที่ได้จากอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สาย ที่มีต่ออุตสาหกรรมประเภทอื่น และต่อวิถีชีวิตประจำวันโดยทั่วไป เรามีความยินดีที่ได้แสดงวิสัยทัศน์และการประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆจากอุตสาหกรรมของเรา ในงาน CTIA 2013 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือสำหรับตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ เราขอแสดงความยินดีกับอีริคสันที่ได้รับรางวัล E-Tech Award สำหรับโซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ในครั้งนี้” คุณโรเบิร์ต เมสิโร รองประธาน และ Show Director ของ CTIA กล่าว

Connected Vehicle Cloud ของอีริคสันได้เปิดโอกาสสำคัญ ทั้งสำหรับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีด้านอื่นๆ ให้สามารถเข้าถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ ผ่านแนวทางใหม่ จากการใช้งานผ่าน Ericsson Service Enablement Platform โซลูชั่นนี้จะสามารถเชื่อมต่อสู่กลุ่มผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น, องค์กรของรัฐ, ผู้ผลิตรถยนต์, และกลุ่มผู้บริโภคได้ โดยตั้งเป้าหมายที่จะรองรับความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในด้านการปรับเปลี่ยนขนาดของระบบ, ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นให้เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ส่งผลให้เกิดประสบการณ์ในการขับขี่ยุคใหม่และโอกาสทางธุรกิจจำนวนมากสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์

“อุตสาหกรรมยานยนต์ได้กลายเป็นธุรกิจระดับโลกมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างยานยนต์ จำเป็นต้องใช้โมเดลทางธุรกิจใหม่ที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลกำไรที่ดีและช่วยพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ภายในอุตสาหกรรมนี้ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น รวมทั้งเชื่อมต่อรถยนต์เหล่านี้เข้ากับอุตสาหกรรมอื่นที่มีการเชื่อมโยงในลักษณะเดียวกันได้ต่อไป” กล่าวโดย คุณเพอร์ บอร์กคลินท์ ประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่าย Business Support Solutions ของอีริคสัน “โซลูชั่น Connected Vehicle Cloud ถูกสร้างขึ้นบนความสามารถของเครือข่ายโทรคมนาคมที่ก้าวหน้า จึงทำให้เกิดการพัฒนาอย่างมากเพื่อประสบการณ์การขับขี่ยุคใหม่ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่นวัตกรรมของเราได้รับการยอมรับถึงศักยภาพที่จะช่วยพัฒนาตลาด ‘connected car’ ให้ประสบความสำเร็จได้ยิ่งขึ้นไป”

นวัตกรรมจำนวนเกือบ 300 ผลงานได้เข้าร่วมแข่งขัน และมีการคัดเลือกโดยคณะกรรมการของ CTIA E-Tech ที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอันเป็นที่นับถือ ผู้สื่อข่าว และนักวิเคราะห์ การประกาศผลรายนามผู้ชนะในสาขาต่างๆ ได้จัดขึ้นในระหว่างงาน CTIA Conference ที่ Sands Expo & Convention Center ณ เมืองลาสเวกัส

ข้อมูลเพิ่มเติมของ Ericsson Vehicle Cloud solution และ Ericsson Operations Support and Business Support Solutions สามารถดาว์โหลดได้ที่

http://www.ericsson.com/ourportfolio/transport-and-automotive-industry/connected-vehicle-cloud

View :1792

แอลจีพร้อมรุกตลาดพรีเมียมสมาร์ทโฟน เปิดตัว LG G2

September 4th, 2013 No comments

LG G2 (17)

กรุงเทพฯ, 3 กันยายน 2556 – บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉม () สมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมจากแอลจีรุ่นแรกภายใต้ “จี” ซีรีส์ ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสมาร์ทโฟนเพื่อผู้บริโภค พร้อมเปิดปฐมบทใหม่ของตลาดพรีเมียมสมาร์ทโฟนในประเทศไทย

คุณอนุพันธ์ ภักดีศุภฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีให้ความสำคัญต่อการรับฟังและเรียนรู้จากผู้บริโภค ผ่านการศึกษาวิจัยพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของพวกเขาเสมอ ซึ่งนำมาสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมสมาร์ทโฟนอันชาญฉลาดที่มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามล้ำสมัย และสัมพันธ์กับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดกับผู้ใช้งานอย่างลงตัว แอลจี จีทู ภายใต้ จี ซีรีส์นี้ ถือเป็นการยกระดับอีกขั้นของสมาร์ทโฟนที่แสดงถึงวิสัยทัศน์ของแอลจีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากประสบการณ์ในการใช้งานของผู้บริโภคอย่างแท้จริง”

แอลจี จีทู พลิกโฉมดีไซน์ของสมาร์ทโฟน ด้วยแนวคิดของ “Rear Key” ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาพฤติกรรมในการจับโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานส่วนใหญ่ที่มักวางนิ้วชี้ในตำแหน่งตรงกลางของด้านหลังเครื่องอยู่เสมอ แอลจีจึงพัฒนาตำแหน่งของปุ่มสั่งการเพื่อให้สะดวกต่อผู้ใช้งานมากขึ้น โดยความพิเศษของ “Rear Key” คือ สามารถปรับเพิ่มลดเสียงของการสนทนา เข้าโหมดกล้องถ่ายรูปพร้อมถ่ายภาพ รวมถึงการเปิดฟังก์ชั่น Quick Memo™ เพื่อให้ผู้ใช้งานบันทึกข้อความได้อย่างรวดเร็วทันใจ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ KnockON ที่ช่วยให้เปิดปิดหน้าจอ เพียงแค่เคาะ 2 ครั้ง บนหน้าจอเบาๆ เท่านั้น

แอลจี จีทู ยังมาพร้อมกับชิพประมวลผลล้ำหน้าที่สุดกับ Snapdragon™ 800 จากควอลคอมม์ ด้วยความเร็ว ที่ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานอีกขั้น ด้วยการตอบสนองดังใจคิด มอบภาพกราฟฟิคที่สวยสมจริง และแบตเตอรี่ความจุพิเศษขนาด 3000 มิลลิแอมป์ พร้อมรองรับการใช้งานยาวนานได้ตลอดวัน

นอกจากนี้ แอลจี จีทู มาพร้อมหน้าจอ ฟูล เอชดี ขนาด 5.2 นิ้ว และเทคโนโลยีระบบ Full HD IPS ที่มอบความคมชัดเหนือระดับ สีสันสดใสไม่ผิดเพี้ยนให้ภาพเสมือนจริง ครั้งแรกกับเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) ในแอลจี จีทู ช่วยให้ผู้ที่รักการถ่ายภาพสามารถถ่ายภาพได้คมชัด หมดปัญหาภาพสั่นแม้ขณะเคลื่อนไหวหรือถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย และยังเก็บรายละเอียดได้มากกว่าด้วยกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แอลจี จีทู ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับคุณภาพเสียงระดับ 24 bit/192kHz Hi-Fi เทียบเท่าสตูดิโอระดับอาชีพ จึงเต็มอิ่มกับสุดยอดคุณภาพเสียง และสัมผัสเสียงสมจริงได้อย่างที่ไม่เคยมีในสมาร์ทโฟนรุ่นใดมาก่อน

LG G2 (แอลจี จีทู)

LG G2 (แอลจี จีทู)


และด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในฟีเจอร์ที่ใช้งานบ่อยที่สุด แอลจี จีทู จึงมาพร้อมกับไฮไลท์ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงและตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้อย่างตรงจุดที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Audio Zoom เลือกซูมและฟังเฉพาะเสียงที่ต้องการ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีเสียงรบกวนสูง QuickRemote ฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนแทนรีโมทคอนโทรล โดยใช้กับโทรทัศน์, เครื่องเล่นบลูเรย์, เซตท็อป บ็อกซ์, เครื่องปรับอากาศ หรือโปรเจ็คเตอร์ที่เป็น อินเตอร์แบรนด์ได้ทุกแบรนด์ และ Answer Me รับโทรศัพท์อัตโนมัติ เพียงยกโทรศัพท์แนบหู

ภายในงานยังมีคู่รักสุดหวาน คุณชาคริตและคุณวุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์ แย้มนาม แอลจี แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ที่มาร่วมพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้สมาร์ทโฟนด้วย โดยคุณวุ้นเส้นกล่าวว่า “วุ้นเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพ และต้องแชร์ภาพอัพเดทขึ้นอินสตาแกรม เฟสบุคของตัวเองตลอดเวลา ซึ่งดีไซน์การออกแบบปุ่ม ’Rear Key’ ของแอลจี จีทู ช่วยให้วุ้นถ่ายภาพตัวเองได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ แอลจี ยังมีเทคโนโลยี OIS ที่ช่วยให้วุ้นได้รูปสวยๆ แม้ถ่ายภาพขณะเคลื่อนไหวหรืออยู่ในงานปาร์ตี้ที่มีสภาพแสงน้อยได้อีกด้วย”

ด้านคุณชาคริตกล่าวว่า “สมาร์ทโฟนก็เหมือนผู้ช่วยของผม ฉะนั้นต้องฉลาด รวดเร็วและสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน อย่างแอลจี จีทู ที่มีชิพประมวลผลที่แรงที่สุด และมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน จึงช่วยให้ผมใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ของผมได้จริงๆ”

แอลจี จีทู มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีขาว โดยแอลจีเตรียมนำมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกันภายใน ต้นเดือนตุลาคมนี้ สามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของแอลจีทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th และ www.facebook.com/thailandlifesgood

View :1390

เทรนด์ไมโครจับมือเอสไอเอสรุกตลาดคลาวด์ ซิเคียวริตี้สมบูรณ์แบบครั้งแรกในไทย

September 4th, 2013 No comments

Trend Micro & SiS
บริษัท (ประเทศไทย) เปิดกลยุทธ์รุกตลาดคลาวด์ซิเคียวริตี้ครึ่งปีหลัง ผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจยักษ์ใหญ่ บริษัท ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นำเสนอโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ดีพ ซิเคียวริตี้ ยกระดับการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และเอสเอ็มบี พร้อมตั้งเป้ายอดขายโซลูชั่นคลาวด์ซิเคียวริตี้เพิ่มขึ้นประมาณ 20 %
นายวิลเลี่ยม ตัน ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากรายงานของบริษัทวิจัยข้อมูลเทคนาวิโอ ประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 963.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2557 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ตลาดคลาวด์ซิเคียวริตี้ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น คือการใช้บริการคลาวด์สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญซึ่งกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของอาชญากรไซเบอร์ที่พุ่งเป้าโจมตีไปที่ระบบคลาวด์โดยเฉพาะ และในรายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่าบริษัทเทรนด์ไมโครครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้านซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ (2012 Technavio Global Cloud Security Software Market)”

บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) มีแนวทางการทำตลาดที่เน้นให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับบริษัทคู่ค้า ล่าสุดร่วมกับบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศความพร้อมรุกตลาดคลาวด์ซิเคียวริตี้ครึ่งปีหลัง พร้อมเปิดตัวโซลูชั่น “เทรนด์ไมโคร ดีพ ซิเคียวริตี้ 9” โซลูชั่นแรกและโซลูชั่นเดียวในอุตสาหกรรมที่มีคุณสมบัติเด่นด้านการปกป้องบนระบบเสมือนของ VMware โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งเอเจนท์ (agentless) ก็สามารถครอบคลุมครบทั้งระบบป้องกันการบุกรุก ระบบตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบ รวมถึงทำการปรับแต่งระบบเสมือนจริงได้โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสใดๆ เพิ่มเติม ช่วยตอบสนองความต้องการในการรักษาความปลอดภัยสำหรับเซิร์ฟเวอร์ และนำไปปรับใช้ร่วมกับระบบคลาวด์แบบเปิด และไฮบริดได้ ที่สำคัญยังเสริมความคล่องตัวและประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยให้กลุ่มลูกค้าองค์กรสามารถปรับขยายศูนย์ข้อมูล รวมทั้งเพิ่มปริมาณโหลดของระบบไปยังระบบคลาวด์แบบที่องค์กรต้องการได้อย่างมั่นใจ โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน การธนาคาร หน่วยงานราชการ และภาคอุตสาหกรรมการผลิต

นายวิลเลี่ยมกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “บริษัทเทรนด์ไมโครมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งและสร้างประโยชน์ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ และมั่นใจว่าความร่วมมือระหว่างบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) และบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าตั้งแต่องคก์กรธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดย่อม รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาโซลูชั่นคลาวด์ซิเคียวริตี้ที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด ล่าสุดบริษัท เอสไอเอสฯ ยังได้รับรางวัล Asean Distributor of the year 2012″ จากทาง VMware Asean ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางด้าน Virtualization อย่างแท้จริง และจากความร่วมมือของทั้งสองบริษัทคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในส่วนของคลาวด์ซิเคียวริตี้ให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 20%”

นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในการรุกตลาดคลาวด์ซิเคียวริตี้ครั้งนี้ว่า “เนื่องจากปัจจุบันมีการนำอุปกรณ์ไอทีมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงเริ่มมีการปรับใช้ระบบคลาวด์ในองค์กรที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่และทุกเวลา ดังนั้นองค์กรธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดย่อมต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญในด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลขององค์กรกันเพิ่มมากขึ้น”

“บริษัท เอสไอเอส มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกับบริษัท เทรนด์ไมโครในครั้งนี้ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กรที่กำลังก้าวไปสู่ระบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยกลุ่มสินค้าที่ทำตลาดร่วมกับเทรนด์ไมโคร คือ โซลูชั่นดีพ ซิเคียวริตี้ โซลูชั่นรักษาความความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ที่สมบูรณ์แบบ และเป็นกลุ่มสินค้าชั้นนำในตลาด มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 และด้วยความเชี่ยวชาญของเอสไอเอสซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายในกลุ่มสินค้าเวอร์ช่วลไลซ์ (Virtualized) ที่ครบสมบูรณ์ที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ระบบวีเอ็ม (VM), ระบบรักษาความปลอดภัยบนวีเอ็ม และแบ็คอัพบนวีเอ็ม จึงมั่นใจว่าธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้ และส่งผลให้ยอดขายในส่วนการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน”

View :1545

ดีแทคประกาศผลผู้ชนะเลิศทีม ฟาสอินโฟล (Fastinflow) จากโครงการ dtac Accelerate คว้าชัยลัดฟ้าสู่ ซิลิคอน แวลลีย์

September 4th, 2013 No comments

Resize of IMG_4063
28 สิงหาคม 2556 – ดีแทคประกาศผลทีม ฟาสอินโฟล (Fastinflow) ผู้ชนะเลิศในโครงการ ประกวดผลงานโมบายแอพพลิเคชั่น ในธีม Wizard of Apps เฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น หลังขับเคี่ยวกับหลายทีมและผ่านเวิร์คช้อปจากนักธุรกิจชื่อดังที่บินตรงมาจากซิลิคอน แวลลีย์อย่างเข้มข้น ตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จนได้ ทีมฟาสอินโฟล ที่ชนะใจกรรมการ ด้วยแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับ การวิจัยการตลาดที่ง่ายต่อการใช้งาน ภายใน 5 นาที กับ 3 ขั้นตอน คือ 1. สร้างแนวคำถามที่ต้องการถามลูกค้า 2. ส่งคำถามไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และ 3. รับผลสรุปจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ฟาสอินโฟลเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดให้กับนักวิจัยการตลาดที่ต้องการเจาะลึกถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
Resize of IMG_4138 (1)
รางวัลสำหรับผู้ชนะ จะได้เข้าร่วมโปรแกรม Blackbox Connect ที่ซิลิคอน แวลลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการเข้าคอร์สติวเข้ม ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ภายใต้แนวคิด “Half-a-year Silicon Valley experience condensed in a two-week immersion program” ด้วยเนื้อหาจากประสบการณ์จริงของ ผู้บริหาร นักพัฒนา นักลงทุน และนักธุรกิจชั้นนำของซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทระดับโลก และสำหรับผู้ผ่านเข้ารอบโครงการ Accelerate จะได้รับการสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์จากดีแทคอีกด้วย

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับทีมที่ชนะเลิศ และทีมที่เข้ารอบทั้งหมดในวันนี้ซึ่งได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและพลังสร้างสรรค์ ที่อยากทำงานอย่างอิสระ มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีอนาคตไกล ผลงานที่แต่ละทีมนำเสนอเข้ามา ทำให้มองเห็นเทรนของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายรองรับการดำเนินชีวิต mobility lifestyle ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า

โครงการ dtac Accelerate เกิดขึ้นจากการที่ดีแทคมีความเชื่อมั่นในความสามารถของคนไทย และต้องการสร้างแรงกระตุ้นให้คนไทยเป็นผู้ริเริ่มสร้างนวัตกรรม แอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เพิ่มพื้นที่เรียนรู้และแสดงศักยภาพให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ดีแทคให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจสู่โมบายคอนเทนท์และแอพพลิเคชั่น ที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการทรานฟอร์มบริษัทสู่ธุรกิจโมบายล์ อินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เพื่อสร้าง application ecosystem ที่สมบูรณ์แบบขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านการส่งเสริมการตลาดกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในประเทศไทย เพื่อนำแอพพลิเคชั่นดีๆ สู่ผู้ใช้บริการ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นไทยก้าวสู่เวทีระดับโลก”

โครงการ dtac Accelerate ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยม ด้วยจำนวน Like กว่า 8,000 บน Facebook Fan Page มีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกว่า 2,500 คน มีไอเดียที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกมากกว่า 200 ไอเดียจากผู้เข้าแข่งขันประมาณ 1,000 คน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา dtac Accelerate เป็นโครงการที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่าง ด้วยการจัด Workshop กับผู้บริหารดีแทค นักพัฒนา นักลงทุนและนักธุรกิจชื่อดังที่บินตรงมาจาก ซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ เช่น Matt Monday อดีต editor จาก Apple App Store และ Paul Jastrzebski ผู้เชี่ยวชาญด้าน Business Development ที่นำเกมดังมากมายเช่น Grand Theft Auto 3, Shadowgun มาสู่ Google Play Fadi Bishara ผู้ก่อตั้ง Blackbox Accelerator เป็นต้น

และในที่สุดก็มาถึงวันเดโมเดย์ รอบชิงชนะเลิศที่ทั้ง 10 ทีมที่เข้ารอบจะได้พรีเซ้นท์ผลงานต่อคณะกรรมการ 5 ท่าน ซึ่งประกอบไปด้วย 1. Stephanie Palmeri, Principal จาก SoftTech VC ที่ลงทุนในบริษัท Startup กว่า 15,000 ล้านบาท 2. Benjamin Ranck, CTO แห่ง Jetabroad บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสำรองตั๋วเครื่องบิน และการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในอนาคต 3. Matt Walters, Principal จาก Ardent Capital ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsNew และ Topicmarks 4. ชวภาส องค์มหัทมงคล ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร PrimeStreet Advisory บริษัทที่ปรึกษาด้านการร่วมทุน อาจารย์พิเศษ และที่ปรึกษาให้กับองค์กรธุรกิจและการศึกษาหลายแห่ง และ 5. ปัญญา เวชบรรยงรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย Business Support System ดีแทค
Resize of IMG_4096 (1)
โดยมีรายชื่อทีมผู้เข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายและแอพพลิเคชั่นดังนี้
· DietParty: แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้คุณสนุกกับการลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการที่น่าสนุกและลดน้ำหนักไปพร้อมกับเพื่อนๆ
· Evrdi, Social Diary ไดอารี่ออนไลน์แนวใหม่ ที่จะช่วยเก็บความทรงจำของคุณ ไม่หล่นหายไปตามกาลเวลา
· Facecard: แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้ นามบัตรของคุณ ไม่เป็นเพียงบัตรกระดาษใบเล็กอีกต่อไป
· Fastinflow: แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้นักการตลาด สามารถหา consumer insight ของลูกค้าได้ ในเวลา 5 นาที!
· Shopsuke: แอพพลิเคชั่นที่จะรวมร้านค้าที่ถูกใจใน Facebook พร้อมช่องทางสื่อสารกับร้านค้าโดยตรง มาอยู่ในมือคุณ
· Haamor: นวัตกรรมทางการแพทย์ ที่จะช่วยให้ปัญหาสุขภาพของคุณมีคำตอบ ด้วยคำถามง่าย ๆ จากแพทย์ชั้นนำ
· Packlink: ทริปท่องเที่ยวของคุณ จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป กับแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดของสำคัญในการเดินทาง
· Quest: แอพพลิเคชั่นที่จำช่วยให้ startups ค้นหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ และสร้างความสัมพันธ์เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน
· sabuy.me: แอพพลิเคชั่นที่ช่วยสร้างช่องทางให้กับร้านค้าออนไลน์ พร้อมระบบการซื้อขายที่สะดวกยิ่งขึ้น
· Storylog: การแบ่งปันเรื่องสนุกของคุณ จะไม่เป็นเพียงเรื่องเล่าธรรมดาๆ อีกต่อไป กับแอพพลิเคชั่น Storylog

View :1337
Categories: Application Tags: