Archive

Author Archive

เอ็มเปย์ มอบค่าโทรฟรี 30 นาที รับวันแม่

August 3rd, 2010 No comments

เอ็มเปย์ กระเป๋าเงินบนมือถือ ฉลองเทศกาลวันแม่ให้ลูกค้าบอกรักแม่ได้นานยิ่งขึ้น โดยมอบค่าโทรฟรี 30 นาที ให้ลูกค้าทุกคนที่สมัครบริการ ALERT TO PAY แจ้งเตือนจ่ายบิลจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ให้คุณแม่ ตั้งแต่วันที่ 5 – 12 ส.ค.นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 หรือ www..co.th/

View :1391
Categories: Press/Release Tags:

เอชพีร่วมกับกลุ่ม SPA จัดกิจกรรมรักษ์โลกใต้น้ำ อนุรักษ์ทรัพยากรเพื่อท้องทะเลไทย

August 3rd, 2010 No comments

นางสาวพจนารถ พงษ์เจริญ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับกลุ่ม SPA (Save Planet Association) กลุ่มนักดำน้ำอาสาสมัคร จัดกิจกรรม “รักษ์โลกใต้น้ำ ตัดอวนทำความสะอาดท้องทะเลชุมพร” ร่วมกันตัดเศษอวนที่ปกคลุมปะการังใต้น้ำ เพื่อไม่ให้ปิดกั้นแสงแดด ช่วยชีวิตปะการัง และปรับสมดุลให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลโดยสามารถเก็บเศษอวนและขยะใต้ท้องทะเลได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ดำเนินงานภายใต้โครงการ “ Planet Partners” เพื่อรณรงค์ในการปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

View :1949
Categories: Press/Release Tags:

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เปิดตัวโซลูชั่น การจัดเก็บข้อมูลแบบบริการ เป็นครั้งแรกช่วยลูกค้าใช้ระบบคลาวด์ได้ตามต้องการ

August 3rd, 2010 No comments

โดยได้เปิดตัว Private File Tiering Service and Public Online Storage
เพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและมีความคล่องตัวสูง อีกทั้งยังช่วยปกป้องสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นอยู่ของตนได้

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ เอชดีเอส ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากทรัพยากรระบบจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยภายในระบบคลาวด์ตามรูปแบบที่ตนต้องการ โดยได้เปิดตัว for Private File Tiering ซึงเป็นชุดบริการแรกของระบบคลาวด์ (Hitachi suite) ซึ่งช่วยให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่สามารถโอนย้ายข้อมูลเก่าหรือข้อมูลในรูปแบบไฟล์ที่มีมูลค่าน้อยไปเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์และมีค่าใช้จ่ายเฉพาะเมื่อมีการใช้งานและจ่ายเฉพาะส่วนที่ใช้ไปเท่านั้น

นอกจากนั้นแล้วการเป็นพันธมิตรกับบริษัท ดิจิ-ดาต้า คอร์ปอเรชั่น ทำให้บริษัท ฮิตาชิ สามารถนำเสนอโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลออนไลน์แบบคลาวด์สาธารณะ (Public Online Storage) ที่มีบริการที่ครอบคลุมสำหรับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ผู้ให้บริการด้านต่างๆ และผู้ติดตั้งระบบในการนำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบบริการของระบบคลาวด์สาธารณะแก่ลูกค้าและธุรกิจขนาดกลางและเล็ก โดยข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบรรลุข้อตกลงของระดับการให้บริการ (SLA) ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานได้

“บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้ผสานรวมเทคโนโลยีต่างๆ ของระบบคลาวด์เข้าด้วยกัน ทำให้โซลูชั่นและบริการต่างๆ สามารถปรับใช้สภาพแวดล้อมคลาวด์แบบส่วนตัว แบบผสม และแบบสาธารณะได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยแนวทางแบบผสานรวมที่โดดเด่นของเราทำให้องค์กรสามารถนำรูปแบบการประมวลผลแบบคลาวด์มาใช้งานได้ตามแบบที่ต้องการและในลักษณะที่คุ้มค่าบนฐานการลงทุนที่องค์กรด้านไอทีได้กำหนดไว้อย่างเหมาะสมในปัจจุบัน” นายมิกิ แซนดรอฟี หัวหน้าทีมกลยุทธ์ฝ่ายไฟล์และเนื้อหา บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว และว่า “ด้วย Hitachi Cloud Service for Private File Tiering ลูกค้าของเราไม่จำเป็นต้องจ่ายล่วงหน้าให้กับระบบจัดเก็บข้อมูลที่ต้องใช้งานและสามารถใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้เมื่อต้องการ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใดๆ เพิ่มเติมในการจัดการสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ส่วนตัว สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากจะทำให้ลูกค้ามีความคล่องตัวในการขยายและลดขนาดความจุเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น”

การขยายตัวอย่างมหาศาลของข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้างที่มีอยู่ภายในไดเร็กทอรีที่ใช้ไฟล์ร่วมกันหรือไดเร็กทอรีโฮม เช่น เอกสารธุรกิจ ข้อมูลไฟล์ ระเบียน PACS ข้อมูลวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาการความปลอดภัย และเนื้อหาบนเว็บ มักจะได้รับการจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ไฟล์อิสระจำนวนมากหรืออุปกรณ์ NAS ที่มีค่าใช้จ่ายสูงด้านการจัดการ อีกทั้งยังแย่งเวลาและทรัพยากรอันมีค่าจากข้อมูลที่องค์กรจำเป็นต้องเข้าถึงบ่อยครั้งและใช้งานอยู่เป็นประจำด้วย จะเห็นได้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่จะจัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ NAS หลักที่มีราคาแพง ซึ่งใช้ความจุมากและจำเป็นต้องได้รับการสำรองข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และยังกระทบต่อความจุที่ต้องใช้เพิ่มมากขึ้นในเครือข่ายระบบจัดเก็บข้อมูลอีกด้วย เพื่อช่วยรับมือกับการขยายตัวอย่างมหาศาลของข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างนี้ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้จัดเตรียมชุดโปรแกรม Hitachi Cloud Services ที่สามารถดำเนินการได้อย่างครอบคลุม และสามารถจัดวางโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ระบบคลาวด์ไว้ภายในสภาพแวดล้อมของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม

ระบบคลาวด์แบบส่วนตัวที่เป็นการจัดการแบบระดับไฟล์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่

ชุดโปรแกรม Hitachi Cloud Service for Private File Tiering ชุดแรกนี้จะผสานรวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในรูปแบบจ่ายเมื่อใช้ (pay-per-use model) โดย Hitachi Cloud Service for Private File Tiering จะช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่าย ทำให้การจัดการเป็นเรื่องง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้ประโยชน์สภาพแวดล้อม NAS หลักของตนด้วยการโอนย้ายข้อมูลเดิมหรือข้อมูลในรูปแบบไฟล์ที่มีค่าน้อยไปไว้ในระบบคลาวด์แบบส่วนตัวที่ตั้งอยู่ภายในไฟร์วอล์ของลูกค้า สิ่งนี้จะปรับเปลี่ยนวิธีการชำระเงินของลูกค้าโดยลูกค้าสามารถจ่ายเฉพาะส่วนจัดเก็บข้อมูลที่พวกเขาใช้ไปและจ่ายเมื่อมีการใช้งานเท่านั้น อีกทั้งยังกำจัดความต้องการทรัพยากรด้านการจัดการสภาพแวดล้อมดังกล่าวให้กับลูกค้าอีกด้วย บริการนี้คาดว่าจะช่วยองค์กรลดต้นทุนการป็นเจ้าของโดยรวมของสภาพแวดล้อม NAS ได้อย่างน้อย 25% สำหรับข้อเสนอนี้ได้พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีและการบริการที่เป็นนวัตกรรมของบริษัท ฮิตาชิ หลายอย่าง ได้แก่
- Hitachi Content Platform (HCP): แพลตฟอร์มระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแพลตฟอร์มเดียวที่รวมรายละเอียดของระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนหลังและสร้างสภาพแวดล้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบผสมผสานเข้าด้วยกัน โดย HCP ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับเนื้อหาที่ไม่มีโครงสร้างได้อย่างคล่องตัวด้วยที่จัดเก็บตามวัตถุประสงค์ซึ่งสนับสนุนบริการอันหลากหลาย นอกจากนี้ HCP ยังช่วยให้องค์กรสามารถได้รับประโยชน์จากการรวมและการเก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัยหรือไม่จำเป็นต้องเขียนแอพพลิเคชั่นสำคัญทั้งหมดขึ้นใหม่

o การออกแบบในลักษณะโมดูลที่ยืดหยุ่นทำให้ลูกค้าสามารถปรับขนาดแพลตฟอร์มได้ตามต้องการมากถึงระดับ 40 เพตาไบต์ของระบบจัดเก็บข้อมูลที่สามารถใช้ได้ภายในคลัสเตอร์เดียว
o การแบ่งแยกข้อมูลอย่างปลอดภัยภายใต้เนมสเปซที่ต่างกันเพื่อป้องกันการเข้าถึงของผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ด้วยความพร้อมใช้งานสูงที่มีอยู่ภายในและการป้องกันข้อมูลของ RAID6 ทำให้ลูกค้าสามารถจัดเตรียมการเข้าถึงแบบออนไลน์ ป้องกันการสูญเสียข้อมูลและลดจำนวนเทปสำรองสำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างลงได้
o ตัวเลือกสื่อที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง SATA ที่มีความหนาแน่นสูง ให้ความจุสูงสุดในระดับราคาที่ต่ำลงกว่าเดิม ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของได้
- บริการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลระยะไกลของบริษัท ฮิตาชิ: การจัดการระยะไกลและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอย่างอิสระของสภาพแวดล้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ ให้การจัดทำรายงานเกี่ยวกับประสิทธิภาพและข้อมูลด้านความจุ โดยลูกค้าที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการหรือไม่มีทรัพยากร เจ้าหน้าที่ หรือผู้เชี่ยวชาญที่จะปรับใช้และบำรุงรักษาโครงสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลของตนนั้น บริการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลระยะไกลของบริษัท ฮิตาชิ จะให้การติดตามตรวจสอบ การจัดเตรียม การจัดทำรายงาน และความสามารถด้านการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าภายในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์แบบแบ่งระดับชั้นของไฟล์
- ซอฟต์แวร์ Hitachi Data Protection Suite (HDPS): สนับสนุนโดยบริษัท คอมม์วอลท์ และการผสานรวมเข้ากับ Hitachi Content Platform ทำให้ HDPS สามารถจัดเตรียมการย้ายข้อมูลตามนโยบายได้อย่างชาญฉลาด ทำให้การแบ่งระดับชั้นในระบบคลาวด์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยความจุของระบบคลาวด์แบบส่วนตัวคือสิ่งแรกในชุดอินเตอร์เฟสของระบบคลาวด์ที่จะนำมาใช้ในบริการแบบคลาวด์ของฮิตาชิ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านไปยังระบบคลาวด์

ลูกค้าและธุรกิจขนาดกลางและเล็กเข้าถึงระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออนไลนได้อย่างง่ายดาย

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และบริษัท ดิจิ-ดาต้า ผู้ให้บริการชั้นนำด้านซอฟต์แวร์แบบบริการกำลังจัดเตรียมโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ (Public Online Storage) ที่มีความครอบคลุมสูง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการต่างๆ และผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม รวมถึงผู้ติดตั้งระบบสามารถนำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบบริการให้กับลูกค้าของพวกเขาและลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กได้ โซลูชั่นแบบคลาวด์ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยจะช่วยผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมสามารถจัดเตรียมบริการระบบจัดเก็บข้อมูลด้วยรูปแบบ “โตเท่าใดจ่ายเท่านั้น” (pay as you grow) ตามการใช้งานจริง ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวของรายได้ รักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้สูงขึ้นด้วยการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยู่เพื่อสร้างและให้บริการคลาวด์อื่นๆ

ด้วยการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นของบริษัท ฮิตาชิ ร่วมกับแอพพลิเคชั่นและบริการของบริษัท ดิจิ-ดาต้า ผู้ให้บริการจะสามารถเข้าถึงตัวเลือกการเชื่อมต่อจำนวนมากภายในระบบคลาวด์และสถาปัตยกรรมที่เชื่อถือได้สำหรับการสร้างและปรับใช้บริการคลาวด์แบบออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการยังสามารถเข้าถึงคุณลักษณะการตรวจวัด และผสานรวมระบบการเรียกเก็บเงินเพื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ตามการใช้งานจริง โดยการปรับใช้ชุด API ที่ครอบคลุมจะทำให้ผู้ให้บริการสามารถผสานรวมแอพพลิเคชั่น ธุรกิจและระบบการดำเนินงานต่างๆ ของตนเข้าด้วยกัน ตลอดจนอินเตอร์เฟสของผู้ใช้ภายในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ได้
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้ ซิสเต็มส์ และบริษัท ดิจิ-ดาต้า ยังนำเสนอชุดบริการที่จะลดระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด โดยบริการต่างๆ เช่น การผสานรวมเว็บพอร์ทัลเพื่อช่วยการเข้าถึงของลูกค้า ตลอดจน การผสานรวมระบบลงชื่อใช้งานเพียงชื่อเดียวและระบบอี-คอมเมิร์ซจะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับทีมไอทีของผู้ให้บริการได้

View :1454
Categories: Press/Release Tags: ,

วัน-ทู-คอล! จับมือ ไมโครซอฟท์ ออกนวัตกรรมซิมใหม่ “Chat Sim” ครั้งแรกในเอเชีย

August 3rd, 2010 No comments

ทลายทุกข้อจำกัด ให้ลูกค้าแชทได้ไม่อั้น ตลอด 24 ชั่วโมง กับมือถือธรรมดา
เพียงวันละไม่ถึง 2.50 บาท

3 สิงหาคม 2553 : วัน-ทู-คอล! จับมือ ไมโครซอฟท์ ออกสุดยอดนวัตกรรมซิมรูปแบบใหม่ “Chat Sim” เป็นครั้งแรกในเอเชียที่ทลายทุกข้อจำกัด ให้ลูกค้า Chat ได้ไม่อั้นกับมือถือธรรมดา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Smart Phone, คอมพิวเตอร์ หรือ Notebook ด้วยอัตราค่าบริการสุดคุ้ม เพียงวันละไม่ถึง 2.50 บาท หาซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ตามร้านค้าทั่วไป สำหรับลูกค้าวัน-ทู-คอล! ปัจจุบันสามารถเปลี่ยนเป็น Chat Sim ได้ง่ายๆที่เอไอเอสช็อป และร้านเทเลวิซ ทุกสาขาทั่วประเทศ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสพัฒนาบริการในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาโดยตลอด โดยในปัจจุบันกระแสของ Social Network ในบ้านเรา กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยายเข้าไปยังกลุ่ม mass มากขึ้น ทั้งการใช้งานโปรแกรม แช็ตวินโดวส์ไลฟ์ (MSN), Facebook และ Twitter โดยเฉพาะการ “ออนเอ็ม” ผ่าน โปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์พบว่ามีคนใช้งานมากถึงกว่า 6.5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการออนเอ็มผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานเท่าที่ควร

ดังนั้น วัน-ทู-คอล! แบรนด์ที่มีแนวคิด “อิสระ” ต้องการตอบโจทย์กลุ่ม mass ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ออนเอ็มผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก และไม่ได้ใช้ Smart Phone กับกลุ่มลูกค้าวัน-ทู-คอล! ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการทำ CRM ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อให้มีอิสระในการใช้งาน สามารถเข้าสู่ Social Network ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้น โดย chat กันได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่อย่าง Microsoft ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การตลาด Partnership Marketing ภายใต้แนวคิด Ecosystem อีกครั้ง โดยร่วมกันออกนวัตกรรมซิมรูปแบบใหม่ “Chat Sim” ขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย ด้วยการนำโปรแกรมยอดนิยม “แช็ตวินโดวส์ไลฟ์” เข้าไปไว้ในซิมการ์ด ทำให้ลูกค้าสามารถออนเอ็มได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเมนูในซิม โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ GPRS และไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม อีกทั้งยังใช้งานได้กับมือถือธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องเป็น Smart Phone ทำให้ลูกค้ามีอิสระที่จะสนุกกับการ Chat ได้แบบไร้ข้อจำกัดอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังสามารถ Update Facebook และ Twitter ได้ง่ายๆ ทันใจด้วย”

มร. มาร์ค บริทท์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกคอนซูเมอร์ และออนไลน์ ไมโครซอฟท์ เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “จากจำนวนผู้ใช้งานโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์ทั่วโลกที่มีทั้งสิ้นกว่า 303.4 ล้านคนในปัจจุบัน และในประเทศไทยมีถึง 6.5 ล้านคน โดยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเกือบร้อยละ 25 ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องนั้น ทำให้ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นที่จะก้าวจากการเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีและโน้ตบุ๊กไปสู่โทรศัพท์มือถือ เพื่อเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการเข้าถึงเทคโนโลยี และยังตอบสนองความต้องการการใช้งานโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์ของผู้ใช้ยุคใหม่ที่ต้องการสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลตลอดเวลา ความร่วมมือระหว่างเอไอเอสและไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ถือเป็นการนำจุดแข็งของการเป็นผู้นำตลาดมือถือไทยของเอไอเอส และผู้นำด้านโปรแกรมแช็ตของไมโครซอฟท์มาผสานเข้าด้วยกัน เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกันในการขยายฐานลูกค้า และเพื่อให้ผู้ใช้บริการมือถือเอไอเอสได้รับประสบการณ์การใช้งานมือถือที่มีความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

นายอเนก อนันต์วัฒนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลุ่มลูกค้าพรีเพด เอไอเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจาก Chat Sim จะเป็นนวัตกรรมใหม่แล้ว ยังมีอัตราค่าบริการสุดคุ้มด้วย เพราะแชทได้ไม่อั้นโดยไม่ต้องเสียค่า GPRS มีเพียงค่าบริการ 17 บาท / สัปดาห์ เท่านั้น เฉลี่ยแล้ววันละไม่ถึง 2.50 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเครื่อง Smart Phone หรือค่าซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ทตามร้าน Internet Café ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีค่าโทรในอัตราพิเศษในกลุ่ม Chat Sim ด้วยกัน เพียงนาทีละ 50 สตางค์ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่นาทีแรก หรือหากโทรหาซิมอื่นๆ ก็มีอัตราค่าโทรเท่ากับ “โปรรักทุกค่าย” คือ นาทีละ 50 สตางค์ นาทีแรก 2 บาท

สำหรับวิธีการใช้งานก็ง่ายๆ เพียงเปิดเบอร์ แล้วพิมพ์ R ส่งไปที่หมายเลข 4817777 เพื่อสมัครใช้บริการโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์บนมือถือ พิเศษสมัครตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค.53 รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งฟรีค่าบริการสัปดาห์ละ 17 บาท ในสัปดาห์แรก และในสัปดาห์ถัดไปรับวันใช้งานสะสมเพิ่ม 7 วัน ทุกสัปดาห์ และใช้ GPRS / EDGE ฟรีสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงด้วย ลูกค้าที่สนใจสามารถซื้อ Chat Sim ได้ตามร้านค้าทั่วไป ในราคาเพียง ซิมละ 69 บาท และสำหรับลูกค้าวัน-ทู-คอล! ปัจจุบันก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ Chat Sim โดยใช้เบอร์เดิมได้ ที่เอไอเอส ช็อป หรือร้านเทเลวิซทุกสาขาทั่วประเทศ
“วัน-ทู-คอล! เชื่อมั่นว่า “Chat Sim” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้งานของคนกลุ่มใหญ่ที่นิยมการ Chat ผ่านโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์ได้อย่างโดนใจ ไร้ข้อจำกัดอย่างแท้จริง และที่สำคัญมีอัตราค่าใช้บริการสุดคุ้มอีกด้วย” นายสมชัย กล่าวสรุป

View :1564
Categories: Press/Release Tags: ,

กูเกิลโครมสุดยอดเครื่องมือท่องเว็บสำหรับคนไทย

August 3rd, 2010 No comments

เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ ทำงานได้เร็วที่สุด พร้อมฟีเจอร์ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับเมืองไทย เผยแพร่ผ่านช่องทางที่แปลกใหม่

กรุงเทพฯ, 3 สิงหาคม 2553 – กูเกิลเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานได้เร็วที่สุด พร้อมด้วยชุดฟีเจอร์ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้ในเมืองไทย รองรับการท่องเน็ตอย่างเหนือชั้น มีให้เลือกทั้งรุ่นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทำงานบนระบบปฏิบัติการหลักๆ ทั้งหมด นำเสนอประสบการณ์บนเว็บที่รวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้จาก www.google.co.th/chrome

ในยุคเริ่มแรกของอินเทอร์เน็ต เว็บเพจต่างๆ มักจะประกอบด้วยข้อความภาษาอังกฤษ แต่ปัจจุบัน เว็บได้พัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มหลายภาษาที่รองรับการใช้งานทั่วโลก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงานผ่านทางไซต์สังคมออนไลน์ อีเมลและเว็บแอปพลิเคชันอื่นๆ รวมทั้งแก้ไขเอกสาร ดูวิดีโอ ฟังเพลง จัดการการเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย Google Chrome ได้รับการพัฒนาสำหรับเว็บในปัจจุบัน และพร้อมรองรับแอปพลิเคชันต่างๆ ในอนาคต

“Google Chrome ช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย และมีความสำคัญกับเรา รวมถึงพันธมิตรในท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 18 ล้านคนในเมืองไทย ” แอนดรู แมคกลินชีย์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์กูเกิล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “ ปัจจุบัน ผู้ใช้ชาวไทยใช้เวลามากขึ้นในการเชื่อมต่อออนไลน์ ดังนั้นจึงต้องการเบราว์เซอร์ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานในด้านอื่นๆ เช่นเดียวกับหน้าแรกของกูเกิล Google Chrome มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่เรียบง่าย พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำสำหรับรองรับการท่องเว็บที่รวดเร็ว ”

ประสบการณ์เว็บที่เหนือกว่าและรวดเร็วกว่าสำหรับผู้ใช้ชาวไทย

ทุกแง่มุมของ Google Chrome ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อความเร็วสูงสุด เพื่อให้ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กูเกิลได้พัฒนา V8 จาวาสคริปต์เอนจิ้น ( V8 JavaScript) สำหรับ Google Chrome ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังรองรับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันรุ่นอนาคตที่ไม่สามารถใช้งานกับเบราว์เซอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาปรับปรุง V8 อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ Chrome เวอร์ชั่นใหม่นี้ทำงานได้เร็วกว่า 200% เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นทดลองใช้งานที่นำออกเผยแพร่เมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา

นอกจากนี้ Google Chrome เปี่ยมด้วยฟีเจอร์ที่เหนือชั้น ช่วยให้ผู้ใช้สนใจเฉพาะเนื้อหาเว็บได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างการพิมพ์ที่อยู่เว็บ เช่น www.google.co.th/chrome กับการป้อนข้อความค้นหา เช่น “ ช่องทางใหม่ที่เร็วในการเข้าเว็บคืออะไร ” เพราะ Google Chrome ผสานรวมแถบการค้นหาและแถบที่อยู่เข้าไว้ด้วยกันที่ด้านบนสุดของเบราว์เซอร์ ซึ่งเรียกว่า “ แถบเอนกประสงค์ ” (omnibox) ซึ่งจะนำผู้ใช้ไปยังที่ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยกดแป้นพิมพ์เพียงไม่กี่ครั้ง นอกจากนี้ เบราว์เซอร์ดังกล่าวยังสามารถตรวจสอบโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ภาษาไทยเยี่ยม ชมเว็บไซต์ที่เป็นภาษาอื่นๆ และจะแปลเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นภาษาไทยโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที Google Chrome เวอร์ชันล่าสุดนี้สามารถซิงโครไนซ์การตั้งค่าบุ๊คมาร์คและ เบราว์เซอร์ของผู้ใช้ในระบบคลาวด์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการตั้งค่า เบราว์เซอร์และไซต์ของตนเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ในทุกๆ ที่

Google Chrome เปี่ยมด้วยเสถียรภาพและความปลอดภัย โดยแต่ละแท็บของเบราว์เซอร์ทำงานโดยแยกออกจากกัน หากว่าแท็บหนึ่งหยุดทำงานหรือทำงานผิดปกติ แท็บอื่นๆ ก็ยังคงทำงานได้อย่างฉับไวและมีเสถียรภาพ และผู้ใช้จะสามารถทำงานต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ท Google Chrome นอกจากนี้ โปรแกรมยังประกอบด้วย SafeBrowsing ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ตรวจจับมัลแวร์และฟิชชิ่งโดยอัตโนมัติ และแจ้งเตือนหากว่าผู้ใช้พยายามที่จะเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ และท้ายที่สุด ด้วย Google Chrome ผู้ใช้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ปลอดภัยมากที่สุดอีกต่อไป เพราะ Google Chrome จะอัปเดตส่วนที่เป็นแบ็คกราวด์โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะแน่ใจได้ว่าตนเองกำลังใช้งานเบราว์เซอร์เวอร์ชั่นที่ทันสมัยที่สุดอยู่เสมอ

Google Chrome – ประสบการณ์ที่เหมาะกับคนไทยอย่างแท้จริง
ด้วยความพยายามที่จะทำให้เว็บมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Google Chrome จึงประกอบด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับท้องถิ่น ซึ่งสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้ชาวไทยโดยเฉพาะ นั่นคือ ส่วนขยายเบราว์เซอร์ 8 ชุด และธีม Chrome 8 ชุดที่ออกแบบโดยศิลปิน

ส่วนขยายหรือ Extension คือโปรแกรมขนาดเล็กที่สามารถเพิ่มเติมฟังก์ชั่นที่ให้ข้อมูล ความเพลิดเพลิน หรือประโยชน์ใช้สอยให้กับเบราว์เซอร์ ดังนั้นจึงทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตอนนี้ผู้ใช้ชาวไทยจะสามารถเข้าถึงข่าวสารล่าสุดจากเว็บไซต์สนุก ( Sanook), ค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ตลาด ( Tarad), ตรวจสอบตารางการฉายภาพยนตร์ผ่านทาง MovieSeer, ตรวจสอบความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่แท้จริงโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า SpeedTest โดยสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย , แปลงสกุลเงินและเข้าถึงบทความด้านการเงินผ่านทางธนาคารกสิกรไทย , รับทราบข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโปรโมชั่นของทรูออนไลน์ , ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวบน EDTGuide และค้นหาความหมายของคำศัพท์พร้อมคำแปลผ่านทางพจนานุกรม Long Do โดยเพียงแค่คลิกปุ่มบนเบราว์เซอร์ Google Chrome และไม่จำเป็นต้องออกจากเว็บเพจที่คุณเปิดดูอยู่

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ ธนาคารฯ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมการให้บริการทางการเงิน ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร มี ความยินดีที่ได้เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในประเทศไทยที่ร่วมมือกับ Google ในการร่วมพัฒนา Google Chrome Extension ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลของธนาคารฯ ได้ง่ายขึ้นสำหรับ Google Chrome Extension ของธนาคารกสิกรไทย จะรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ของเครือธนาคารฯ เข้าไว้ด้วยกัน จึงประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินซึ่งเป็นประโยชน์และมีความหลากหลาย อีกทั้งเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ และเป็นเรื่องที่ลูกค้าต้องการตรวจสอบอยู่เป็นประจำ อาทิ ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก – เงินกู้ และสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตและบัตรเดบิต พร้อมกันนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้บริการที่ปรึกษาในการวางแผนการเงินของ K- We Plan จาก Extension ดังกล่าวได้อีกด้วย ลูกค้าที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Extension ของธนาคารกสิกรไทยในเพื่อใช้งานได้แล้วที่ เมนูส่วนขยายของ Google Chrome ทั้งนี้ ในอนาคตธนาคารฯ มีแผนจะพัฒนา Extension เพิ่มเติม โดยการนำเสนอข้อมูลอื่นๆ ที่เป็น ประโยชน์และครอบคลุมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มข้อมูลด้านการศึกษาการท่องเที่ยว และสุขภาพ จากเว็บไซต์ K-Beautiful Life ของธนาคารฯ เป็นต้น

Extension ติดตั้งได้ง่ายและอัพเดตได้โดยอัตโนมัติหลังจากที่ดาวน์โหลดมาแล้วใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome เพื่อไปยังแกลเลอรี Extension ของ Google Chrome ที่ www.google.com/chrome/extensions และเลือกจาก Extension หลายสิบชุดที่แยกตามหมวดหมู่

นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถแสดงสไตล์ส่วนตัวบน Google Chrome ด้วยการติดตั้งธีมที่สร้างโดยนักออกแบบ นักดนตรี คนดังและองค์กรชั้นนำในเมืองไทย เช่น ธีมที่ออกแบบโดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , ศิลปินชื่อดังอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ , ม.ล. จิราธร จิรประวัติ และติ๊ก ชิโร่ , บี บอยด์ ซีจี แอนิเมชัน สตูดิโอ , ดช. เทิดธันวา คะนะมะ ซึ่งชนะการประกวด Doodle 4 Google ในปีนี้ , อาจารย์หนู กันภัย และภาพพิเศษจากมูลนิธิเพื่อนช้าง ธีมเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบพื้นเมือง ไปจนถึงแบบแปลกใหม่และทันสมัย เพิ่มแรงบันดาลใจและความสนุกสนานให้กับการท่องเว็บ

นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถแสดงสไตล์ส่วนตัวบน Google Chrome ด้วยการติดตั้งธีมที่สร้างโดยนักออกแบบ นักดนตรี คนดัง และองค์กรในเมืองไทย เช่น ธีมที่ออกแบบโดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , ศิลปินชื่อดังอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ , ม.ล. จิราธร จิรประวัติ และติ๊ก ชิโร่ , บี บอยด์ ซีจี อนิเมชัน สตูโอ , ดช. เทอดธันวา คะนะมะ ซึ่งชนะการประกวด Doodle 4 Google ในปีนี้ , อาจารย์หนู กันภัย และภาพพิเศษจากมูลนิธิเพื่อนช้าง ธีมเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบพื้นเมือง ไปจนถึงแบบแปลกใหม่และทันสมัย เพิ่มแรงบันดาลใจและความสนุกสนานให้กับการท่องเว็บ

“ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นโอกาสและศักยภาพในการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของ Google Chrome เพื่อที่จะเป็นช่องทางในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับโครงการนี้ททท. นำเสนอภาพถ่ายของสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศและภาพถ่ายที่แสดงถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์อันงดงามของประเทศไทย ” คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการกลุ่มสารสนเทศการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวและเสริมว่า “ ททท. เชื่อมั่นว่าผู้ใช้ Google Chrome ทั่วโลกจะได้ชื่นชมความสวยงามจากภาพถ่ายของประเทศไทยผ่านธีม Google Chrome ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและคาดว่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักท่องเทียวสนใจเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ”

ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหน้าเบราว์เซอร์ปกติ โดยการเลือกธีมที่ชื่นชอบเพียงคลิกหนึ่งครั้ง ที่ www.google.co.th/chrome/artists

คู่ค้าในเมืองไทยนำเสนอช่องทางที่แปลกใหม่ในการเผยแพร่ Google Chrome
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ชาวไทยเข้าถึงเว็บผ่านทาง Google Chrome ได้อย่างกว้างขวาง กูเกิลจึงได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ทรู คอร์ปอเรชั่น และตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ชั้นนำ เอสไอเอส เพื่อผนวกรวม Google Chrome เข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ

ทรู ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จะใช้ Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลักบนคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กว่า 500 เครื่องทั่วประเทศ ผู้ใช้ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เหล่านี้จะสามารถท่องเว็บโดยใช้ Google Chrome ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย เพียงแค่ดับเบิลคลิกที่ไอคอน Chrome บนหน้าเดสก์ท็อปของคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ทรูจะแนะนำ Google Chrome ให้แก่ลูกค้าบริการบรอดแบนด์รายใหม่ๆ ผ่านโปรโมชั่นพิเศษบนหน้าแรกเว็บเพจของทรู ให้กับลูกค้าหนึ่งล้านคนที่กำลังออนไลน์

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ ความร่วมมือระหว่างทรูออนไลน์กับกูเกิลครั้งนี้ เป็นการผสานศักยภาพเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจร่วมกัน โดยกูเกิลมีความโดดเด่นเรื่องการค้นหาข้อมูลออนไลน์ขณะที่ทรูออนไลน์เป็นผู้นำตลาดไฮสปีดอินเตอร์เน็ตที่มีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 720,000 คน ความร่วมมือครั้งนี้จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าทรูออนไลน์ให้สัมผัสประสิทธิภาพความรวดเร็วทันใจของการใช้งาน เบราว์เซอร์ Google Chrome จากหลายช่องทางซึ่งรวมถึงการใช้งานจากร้านอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัลจาก Google Chrome และทรูออนไลน์ เต็มอิ่มตลอด 2 เดือนหลังการเปิดตัวครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าทรูออนไลน์จะได้รับความสะดวก รับทราบข่าวสารข้อมูลอัพเดทสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ก่อนใคร เพียงติดตั้ง Google Chrome Extension บนเบราว์เซอร์ Google Chrome ที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายกับการใช้งาน ท้ายนี้เรามั่นใจว่าลูกค้าทรูออนไลน์จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการ ผสมผสานศักยภาพทั้งของทรูออนไลน์และกูเกิลครั้งนี้ ”

ตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ในประเทศ ของเอสไอเอส กว่า 3,000 แห่ง จะติดตั้ง Google Chrome ไว้ในเครื่องพีซีที่วางจำหน่ายทั่วประเทศ ผู้ใช้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์จากเอสไอเอสจะสามารถใช้ Google Chrome เพื่อเข้าถึงเว็บได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการคลิกเมาส์เพียงแค่ครั้งเดียว

“SiS มีความยินดีในการร่วมเป็นพันธมิตรกับกูเกิลในการโปรโมท Google Chrome ผ่านช่องทางของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายรีเซลเลอร์ ผู้ติดตั้งระบบ บริษัทซอฟต์แวร์ รีเซลเลอร์แบบเพิ่มมูลค่า และผู้ผลิตอุปกรณ์ OEM ทั่วประเทศ มากกว่า 3,000 ราย โดยจะมีกิจกรรมผ่านสื่อของบริษัทฯ กับลูกค้าทั่วประเทศ ” คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวและเสริมว่า “Google Chrome เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่น่าสนใจติดตั้งได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงนาที ใช้งานง่ายช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงหน้าเว็บและแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรามั่นใจว่า Google Chrome นี้จะมีประโยชน์กับผู้ใช้ชาวไทยได้อย่างแท้จริง ”

“กูเกิลรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับทรูและเอสไอเอสในรูปแบบการเผยแพร่ที่แปลกใหม่ ซึ่ง จะช่วยให้ผู้ใช้ชาวไทยใช้งานเว็บ

เบราว์เซอร์ได้ง่ายดายขึ้น” คุณพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย ป ระจำภูมิภาคเอเชีย-

ตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “การทำให้ Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลักในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของทรู และการติดตั้งโปรแกรม

ดังกล่าวไว้บนคอมพิวเตอร์ของเอสไอเอส จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Google Chrome เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งทำงานได้อย่าง

รวดเร็ว เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และใช้งานง่าย”

View :1762
Categories: Press/Release Tags:

บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ย้ายที่ทำการใหม่

August 2nd, 2010 No comments

นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด หนึ่งในผู้ค้าส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ด้านไอทีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประกาศย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ไปยังที่ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ศกนี้ โดยจะย้ายไปที่อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) ซึ่งมีความทันสมัย โอ่โถงและกว้างขวางกว่าเดิม อีกทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางมหานคร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส, เอ็มอาร์ที และธนาคารพาณิชย์ชั้นนำเกือบ 10 แห่ง เพื่อให้รองรับกับการเติบโตของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนพนักงานมากถึง 380 คน โดยเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ ณ สำนักงานใหญ่จำนวน 300 คน ได้อย่างเต็มที่

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ การตัดสินใจย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สามแล้ว หลังจากที่เมื่อแรกตั้งบริษัทเราได้ตั้งต้นธุรกิจและใช้พื้นที่ของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลชิดลม เป็นที่ทำการอยู่ประมาณ 3 ปี ซึ่งในช่วงก้าวแรกของแวลลูฯ นั้นเรามีพนักงานอยู่เพียง 7-8 คนเท่านั้น และเมื่อธุรกิจมีการเติบโตขึ้น จึงได้ย้ายจากที่เซ็นทรัลชิดลมมายังอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเราได้ใช้ที่นี่เป็นที่ทำการของสำนักงานใหญ่ของบริษัทมายาวนาน จวบจนวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 19 ปีแล้ว

การย้ายที่ทำการใหม่ของเราในแต่ละครั้งนั้น เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรามีการเติบโตและก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ สำหรับที่อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 นั้น เป็นช่วงที่เรามีการเติบโตอย่างมาก ได้มีการขยายพื้นที่สำนักงานจากที่ชั้น 34 มาเพิ่มที่ชั้น 26 และที่ชั้น 3 ทำให้พนักงานแยกกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย การประสานงานและติดต่องานระหว่างแผนกหรือฝ่ายขาดความคล่องตัว ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ”

“ สำหรับการย้ายไปยังที่ทำการแห่งใหม่นั้น ในด้านของสถานที่นอกจากเราจะได้ความโอ่โถงและกว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสามารถจัดสรรให้พนักงานทั้งหมดจำนวน 300 คนได้อยู่รวมในชั้นเดียวกันแล้ว เรายังสามารถจัดสรรพื้นที่อีกหนึ่งชั้นไว้สำหรับใช้เป็นห้องประชุมขนาดต่างๆ ซึ่งนอกจากจะสามารถรองรับความต้องการใช้งานของทั้งพนักงานภายในบริษัทเองแล้ว ยังรวมถึงเวนเดอร์และยูสเซอร์ที่จะเข้ามาใช้สำหรับการฝึกอบรมและสัมมนาได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังได้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายภายในสำนักงาน คือระบบไว-ไฟและโมบายล์ ออฟฟิศให้มีความทันสมัยและตอบรับต่อการใช้งานของทั้งพนักงาน รวมถึงเวนเดอร์และยูสเซอร์ที่เข้ามาติดต่องานกับทางบริษัทได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ในด้านของสภาพแวดล้อมทั่วไปของที่ทำการแห่งใหม่ของเรา ณ อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์นั้น ก็รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อันเนื่องมาจากทำเลที่ตั้งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานคร การเดินทางจะมีความคล่องตัวและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที ซึ่งตั้งอยู่ทั้งหัวมุมและปลายถนนสุขุมวิท 21 เลยทีเดียว นอกจากนั้นยังได้รับสะดวกสบายในการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินต่างๆ เพราะมีธนาคารพาณิชย์ชั้นนำรายล้อมอยู่รอบที่ทำการใหม่ของเราถึงเกือบ 10 สถาบัน ซึ่งเราเชื่อว่าจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราจัดสรรให้อย่างเพียบพร้อมและ เต็มที่นี้จะเป็นการเสริมให้ประสิทธิผลของงานเราเพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีก ” นายสมศักดิ์กล่าวเสริม

อนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ศกนี้ เป็นต้นไป บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด จะย้ายไปยังที่ทำการแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 159/35 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ชั้น 21 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0 2661 6666

View :1494

กลุ่มทรู จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและCNBC ประกวด “ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2010”

August 2nd, 2010 No comments

กลุ่มทรู จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักข่าวต่างประเทศCNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) จัดประกวด ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2010 ครั้งที่ 1 ภายใต้แนวคิด “รวมความคิด ชาติเชื้อไทย” เฟ้นหาสุดยอดนักคิดสายเลือดไทย ไม่จำกัดอายุหรือสังกัดใดๆ เพียงสร้างสรรค์งานเข้าร่วมประกวด ทั้งประเภท Idea Seed เมล็ดพันธุ์ความคิด: สุดยอดแนวความคิดพร้อมแผนงานโดดเด่น และประเภท Inno Tree: สุดยอดนวัตกรรมผลงานที่สร้างขึ้น ลุ้นรับรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทพร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้เข้าร่วมประกวด ทั้งโอกาสเข้าอบรมกับผู้นำนวัตกรรมหลากหลายสาขา และเงินทุนสนับสนุนเพื่อต่อยอดผลงานเชิงพาณิชย์ มั่นใจศักยภาพนักคิดไทยพร้อมก้าวไกลสู่เวทีระดับนานาชาติ สนใจติดตามรายละเอียด www.trueinnovationawards.com หรือ 02-699-6368 begin_of_the_skype_highlighting              02-699-6368      end_of_the_skype_highlighting ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมที่จะทำให้เกิดประโยชน์ สร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผู้พัฒนา องค์กร และสังคมโดยรวม ดังที่กลุ่มทรูได้สร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าบริการเพื่อลูกค้ามาโดยตลอด ล่าสุด กลุ่มทรู ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานข่าวต่างประเทศ (เอเชีย-แปซิฟิก)จัดโครงการ True Innovation Awards (TIA) เป็นครั้งแรกในปี 2010 ภายใต้แนวคิด รวมความคิด ชาติเชื้อไทย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักคิดพัฒนาชาวไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ได้มีเวทีนำเสนอแนวคิดและโชว์ผลงานที่ตนเองคิดค้นและพัฒนาขึ้นมา โดยไม่จำกัดอายุและสังกัดใดๆ และสามารถเลือกส่งนวัตกรรมเข้าร่วมประกวดได้ 2 ประเภทคือ ประเภท Idea Seed เป็นการนำเสนอแนวคิดของแผนธุรกิจนวัตกรรม และประเภท Inno Tree เป็นการนำเสนอชิ้นงานนวัตกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อใช้งานได้ทันที โดยผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดครั้งนี้ นอกจากจะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาทแล้ว ยังจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม คือโอกาสเข้าอบรมกับผู้นำนวัตกรรมหลากหลายสาขา ได้แลกเปลี่ยนความรู้และทักษะซึ่งกันและกัน อันเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ และทำให้นำไปใช้ได้จริงในสังคม รวมทั้งโอกาสต่อยอดผลงานเชิงพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มทรูพร้อมที่จะร่วมพัฒนา ผลักดันให้ผลงานนวัตกรรมฝีมือนักคิดไทย ก้าวไกลสู่เวทีระดับนานาชาติ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีปณิธานมุ่งมั่นสร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดิน ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) และสำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) จัดการแข่งขัน ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมโดยคนไทย เพื่อนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นระบบ ซึ่งการจัดโครงการเช่นนี้จะผลักดันให้กระบวนการสร้างนวัตกรรมจากมันสมองของคนไทยเกิดความจริงจังและครบวงจร ทำให้คนที่มีความรู้สามารถนำความรู้มาสร้างเป็นนวัตกรรม และมีการจัดการนวัตกรรมอย่างมีแบบแผน สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าให้กับสังคมและประเทศชาติได้อย่างจริงจัง โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมที่จะจัดอบรมให้ความรู้กับผู้เข้าแข่งขันเพื่อร่วมพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทำให้นวัตกรรมประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจต่อไป

รศ.ดร.อรรณพ ตันละมัย คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า น่ายินดีที่มีภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งคณะฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนโครงการประกวด True Innovation Awards 2010 เวทีที่จะจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นใหม่ กล้าที่จะนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้สังคมได้รับรู้ และต่อยอดผลงานให้สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งเกณฑ์การตัดสินสำหรับนวัตกรรมประเภท Idea Seed จะพิจารณาจาก ความคิดสร้างสรรค์ ความสดใหม่เป็นตัวของตัวเอง และความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ขณะที่นวัตกรรมประเภท Inno Tree จะพิจารณาจากความคิดสร้างสรรค์,การนำไปใช้งานได้จริงอย่างมีคุณภาพ, การนำไปต่อยอดทางธุรกิจ, ประโยชน์และคุณค่าต่อสังคม และการนำเสนอผลงานและการตอบคำถาม โดยผลงานที่ส่งเข้ามาจะต้องเกี่ยวกับ 7 หัวข้อ ดังนี้Innovative Design การออกแบบเชิงนวัตกรรม, Innovative Education System & Distance Learning นวัตกรรมเพื่อการศึกษา, Green Innovation นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม, IT & Computer Software ซอฟต์แวร์นวัตกรรมเพื่อธุรกิจ, Robot & Electronic Devices นวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องกลทดแทนแรงงานมนุษย์, Telecom Innovation นวัตกรรมการสื่อสารเพื่ออนาคต, Mobile Application แอพลิเคชั่นบนมือถือ

มร.แซทแพล เบรนช์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ สำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) กล่าวว่า สำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) สนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเอเชียมาเป็นเวลานาน เนื่องจากตระหนักเป็นอย่างดีว่า นวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ประสบผลสำเร็จในระยะยาวซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นสื่ออย่างเป็นทางการร่วมเผยแพร่รางวัล True Innovation Awards 2010 ที่ยกย่องเชิดชูนวัตกรรม และเผยแพร่ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเลิศในประเทศไทย

สำหรับรางวัล แบ่งเป็น ประเภท Inno Tree ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัลๆ ละ 5 แสนบาท, รางวัล Silver จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 1 แสนบาท, รางวัล Bronze จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 5 หมื่นบาท และรางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท ในส่วนของประเภท Idea Seed ได้แก่ รางวัล Gold จำนวน 1 รางวัลๆ ละ 2 แสนบาท, รางวัล Silver จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 5 หมื่นบาท, รางวัล Bronze จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 2 หมื่นบาท และรางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัลๆ ละ 5 พันบาท ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ได้รับรางวัล ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากกลุ่มทรู อาทิ การเข้าร่วมโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่, โครงการบ่มเพาะธุรกิจการสื่อสาร อีกทั้งได้รับโอกาสทำธุรกิจกับกลุ่มทรู อีกด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและจัดส่งผลงานเข้ามาประกวดได้ที่ www.trueinnovationawards.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ Innovation Center โทร. 02-699-6368 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553

View :1647

ท้าพิสูจน์ความจำกับคิงส์ตัน ในงาน WCG 2010

August 2nd, 2010 No comments

สนุกกับเกมส์ทดสอบความจำ ลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมาย

คิงส์ตัน เทคโนโลยี อิงค์ ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก เตรียมควิกออฟกิจกรรมสนุกๆ บนเว็บไซต์ระหว่างช่วงการจัดงาน World Cyber Games 2010 (รู้จักกันดีในชื่อ WCG) ที่กำลังจะจัดขึ้นในประเทศไทยเร็วๆ นี้ โดยคิงส์ตันเป็นสปอนเซอร์หลักในส่วนผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ เตรียมเขย่าความมันส์ด้วยเกมฮาร์ดคอร์สนุกและท้าทาย นำร่องโดยสินค้าระดับพรีเมี่ยมตระกูล HyperX ความเร็วระดับ 2133MHz โดยคิงส์ตันวางฤกษ์ปล่อยเกมท้าพิสูจน์ความจำให้ผู้สนใจเข้ามาประลองฝีมือ ตั้งแต่วันที่ 7-8 สิงหาคม ศกนี้ พร้อมเปิดรับทุกคนเข้าร่วมเชียร์ผู้แข่งขันซึ่งจะได้รับของรางวัลกิ๋บเก๋ฟรี และขอเชิญแวะชมบูธของคิงส์ตันได้ที่งาน WCG จัดที่ Cyber World กรุงเทพฯ

ภายในงาน WCG ตลอดสองวัน เชิญแวะที่บูธคิงส์ตันเพื่อร่วมเล่นเกมท้าพิสูจน์ความจำ “Challenge Your Memory” ซึ่งเบื้องต้นผู้ร่วมเล่นเกมทุกคนจะได้รับที่ใส่ปากกาฟรีทันที สำหรับผู้ที่อยู่ทางบ้านยังสามารถเข้าไปร่วมเล่นเกมทดสอบความจำผ่านทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ (http://www.-blog.com/challenge_your_memory/th) นอกจากนี้ ยังมีเกมจับคู่ชื่อ “Match It” สำหรับท้าพิสูจน์ความจำแบบหนึ่ง-ต่อ-หนึ่ง

สำหรับรายละเอียดของเกมจะเป็นแบบมัลติเพลเยอร์ โดยผู้เล่นสองคนจะต้องจับคู่ไพ่ให้ตรงกันสองใบจากหน้าบอร์ด 4*4 ไล่ไปจนถึงบอร์ด 8*8 สำหรับผู้เล่นที่ทำแต้มคะแนนได้สูงสุด 5 อันดับแรกของแต่ละวันในช่วงการแข่งขัน จะได้รับคิงส์ตันยูเอสบี แฟรชไดร์ฟรุ่น DataTraveler Generation 2 ความจุ 16GB ถ้าอยากทดสอบว่าความจำของคุณเป็นเลิศแค่ไหน! เชิญมาพิสูจน์ได้ที่งาน

นางสาวเว่ย เว่ย หยิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคของคิงส์ตัน กล่าวว่า “WCG เป็นทัวร์นาเมนต์แข่งขันเกมไซเปอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกและคอเกมตั้งตารอทุกปี เราจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสเข้าร่วมงานที่ยิ่งใหญ่ในปีนี้ สำหรับเมมโมรี่ตระกูล HyperX ของคิงส์ตัน เป็นไลน์สินค้าที่เราตั้งเป้าเพื่อกลุ่มเกมเมอร์ประเภทฮาร์ดคอร์โดยเฉพาะซึ่งการเป็นสปอนเซอร์หลักของงานครั้งนี้ เราหวังที่จะเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ของ Kingston HyperX ที่มีชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับคอเกม”

หากต้องการพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ที่บล็อกของ Kingston กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.kingston-blog.com หากต้องการร่วมเล่นเกม “Challenge Your Memory” กรุณาเยี่ยมชม www.kingston-blog.com/challenge_your_memory/th/ หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Kingston ที่อัพเดตล่าสุด แวะที่ http://twitter.com/KingstonFEPR สำหรับชาวชุมชนออนไลน์ เข้าดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Kingston ได้ที่ www.facebook.com/kingstonAPAC

หากต้องการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นของแท้หรือไม่ Kingston นำเสนอเว็บไซต์สำหรับตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ที่http://www.kingston.com/thailand/verify/default.asp หากต้องการร่วมเล่นเกม “Challenge Your Memory” กรุณาเยี่ยมชม www.kingston-blog.com/challenge_your_memory/th/ และเชิญสัมผัสการผจญภัย “The Adventures of Rex” ได้ที่เวบไซต์ www.theadventuresofrex.com

View :1686
Categories: Press/Release Tags: ,

เอชพีเปิดตัวโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงใหม่ ลดปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอที

August 2nd, 2010 No comments

การขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอทีสร้างปัญหาให้แก่องค์กรต่างๆ มากมาย ทั้งทางด้านการทำงานที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ปัจจุบัน องค์กรหลายแห่งมีการใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการการดำเนินงานคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 70 ของงบประมาณไอทีทั้งหมด และอีกร้อยละ 30 ใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมไอที

Converged Infrastructure คือ มาตรฐานระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่เหมาะสำหรับองค์กรในการนำไปใช้แก้ไขปัญหาการทำงานที่แยกจากกันของเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ง่ายและไม่ซับซ้อน รวมทั้งสนับสนุนการผนวกรวมการทำงานด้านต่างๆ ของศูนย์ข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน

การสร้างเครือข่ายโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือนจริงหรือเวอร์ช่วล คือ เทคโนโลยีหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวก หรือ Converged Infrastructure และด้วยโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลใหม่ 2 ประเภทในตระกูล StorageWorks ที่ เอชพีประกาศเปิดตัวในวันนี้ ซึ่งได้แก่ HP StorageWorks P4800 BladeSystem storage area network (SAN) และ HP StorageWorks Enterprise Virtual Array (EVA) Cluster จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผนวกรวมการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเครื่องเดสก์ท้อปเข้าไว้ด้วยกัน โดยสร้างระบบเครือข่ายเสมือนจริงที่ผนวกรวมสมรรถนะการทำงานของทรัพยากรระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆ ตามความต้องการใช้งานขององค์กรได้อย่างง่ายดาย

โซลูชั่นระบบเครือข่ายจัดเก็บข้อมูล HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN องค์กรต่างๆ ต้องต่อสู้กับปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอทีทั้งจากเครื่องเดสก์ท้อป โน้ตบุ๊ค และอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ การที่ข้อมูลอยู่ในอุปกรณ์ไอทีหลากหลายประเภททำให้ยากต่อการจัดการ การรักษาความปลอดภัย และการสำรองข้อมูล ทั้งนี้ ระบบการทำงานเสมือนจริงของเครื่องลูกข่าย (client virtualization) จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการได้ง่ายดายขึ้น และมีการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น ทั้งยังลดเส้นทางการสำรองข้อมูลบนเครือข่ายได้อีกด้วย

ระบบการทำงานเสมือนจริงของเครื่องลูกข่ายเกิดจากการผนวกรวมระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเซิร์ฟเวอร์ โซลูชั่นเครือข่าย และระบบบริหารจัดการเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งกระบวนการดำเนินการนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เอชพีจึงออกแบบสถาปัตยกรรมอ้างอิงรองรับระบบการทำงานแบบเสมือนจริงของเครื่องลูกข่ายเป็นรายแรก โดยพัฒนาต่อยอดจากระบบ Converged Infrastructure สำหรับสถาปัตยกรรมที่ผนวกรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าไว้ด้วยกันแบบครบวงจรนี้ เอชพีได้รับการออกแบบให้มีสมรรถนะรองรับระบบเดสก์ท้อปเสมือนจริงได้หลายพันเครื่อง โดยมีขนาดกะทัดรัดในดีไซน์เรียบง่ายและรองรับการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานก่อนนำออกสู่ตลาด สถาปัตยกรรมอ้างอิงให้ประสิทธิผลในการบริหารจัดการไอทีเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยสนับสนุนผู้ใช้งานพร้อมกันถึง 1,600 ราย และมีค่าใช้จ่ายลดลงร้อยละ 50 ทั้งยังใช้พื้นที่ลดลงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับระบบการทำงานแบบเสมือนจริงของเครื่องลูกข่ายทั่วไป(1)

หัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมอ้างอิง คือ ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ปรับขยายได้ ทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกันบนสภาพแวดล้อมระบบเครือข่าย ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเบลดของเอชพีที่ผนวกรวมกัน ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN ใหม่นี้ สนับสนุนเทคโนโลยี HP BladeSystem มีสมรรถนะจัดเก็บข้อมูลถึง 63 เทราไบต์ และมีเบลดจัดเก็บข้อมูลจำนวน 4 ตัวที่เชื่อมต่อกับดิสก์ไดรฟ์ 140 ตัว

ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN มีคุณสมบัติโดดเด่นอื่นๆ ได้แก่
• มีการทำงานที่เร็วขึ้น พร้อมมีการตั้งค่าระบบให้สอดคล้องกับประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งยังผ่านการทดสอบมาแล้ว เพื่อสนับสนุนการใช้ซอฟต์แวร์เสมือนจริงบนเครื่องลูกข่าย อาทิ โปรแกรม Microsoft® Hyper-V ที่มาพร้อมกับโซลูชั่น Citrix XenDesktop และ VMWare View
• สนับสนุนระบบให้มีประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ โดยปรับปริมาณงานบนเบลดและดิสก์ไดรฟ์ให้สมดุล เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความแออัดในการจัดเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เข้าใช้ระบบเครือข่ายพร้อมกันหลายคนในเวลาเดียวกัน
• เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยกระจายทรัพยากรจัดเก็บข้อมูลออกไปในหลากหลายพื้นที่ เพื่อให้ธุรกิจมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด ทั้งยังทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลในระหว่างเกิดปัญหาต่างๆ อาทิ ไฟดับ และระบบล่มหรือขัดข้องโดยผู้ใช้งาน
• ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบเครือข่าย และสนับสนุนการบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างง่ายดาย โดยใช้เทคโนโลยี HP Virtual Connect นอกจากนี้ การติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล P4800 เข้ากับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem enclosure ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สวิตช์จัดเก็บข้อมูลและสายเคเบิลนอกตัวเครื่อง จึงไม่ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านไอทีในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายจัดการข้อมูล
• สร้างความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 SAN สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์การทำงานแบบเสมือนจริงทุกชนิด อาทิ ไมโครซอฟท์ และวีเอ็มแวร์ (VMware) เป็นต้น
• ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ระบบไฟและระบบทำความเย็นร่วมกันกับโซลูชั่น HP BladeSystem

โซลูชั่น
โซลูชั่น HP StorageWorks EVA Cluster ใหม่ คือ โซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบครบวงจรที่ใช้ Enterprise Virtual Array หรือ EVA หลายตัว เพื่อขจัดปัญหาความแตกต่างของข้อมูลที่จัดเก็บ ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการจัดเก็บข้อมูลได้จากจุดเดียว โดยมีสมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลสูงถึง 2 เพทาไบต์ และรองรับไดร์ฟได้ประมาณ 2,000 ตัว

ลูกค้าจะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากกว่าการใช้ EVA ตัวเดียวถึงร้อยละ 600 จึงช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และลดต้นทุนในการบริหารจัดการ ทั้งนี้ การสร้างเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือนจริง และการมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีคุณสมบัติการทำงานร่วมกัน จะช่วยให้ลูกค้าใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 300 และลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการได้ถึงร้อยละ 50(2)

ความโดดเด่นอื่นๆ ของโซลูชั่น HP StorageWorks EVA Cluster มีดังนี้
• ติดตั้งระบบสำรองการทำงานที่ชัดเจน เพื่อสนับสนุนการทำงานของชุดข้อมูลระหว่างอาร์เรย์ต่างๆ ให้มีความพร้อมและมีการทำงานอย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้น ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด
• สนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและง่ายดาย โดยใช้โซลูชั่น HP Command View เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลที่แตกต่างกันได้แบบรวมศูนย์เป็นเอกภาพจากจุดเดียว
• มีสมรรถนะการทำงานและความพร้อมในการใช้งานที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากมีฟีเจอร์อันล้ำสมัย อาทิ โปรแกรม thin provisioning ที่สนับสนุนโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และระบบเครือข่ายสำรองข้อมูลเพื่อทดแทนระบบการทำงานที่ขัดข้องในพื้นที่ที่ห่างไกล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือนจริงรุ่นใหม่ของเอชพี สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/storage/highlights

View :1403

F5 จับมือออราเคิล ยกระดับการบริหารและดูแลการเข้าใช้ระบบ

August 2nd, 2010 No comments

การทำงานร่วมกันของ BIG-IP จาก และออราเคิลแอคเซสแมเนเจอร์ ช่วยให้ระบุตัวตนผู้ใช้งานได้จากศูนย์กลาง
ควบคุมการเข้าใช้ระบบได้ง่ายขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มศักยภาพในการทำงานของแอพพลิเคชัน

กรุงเทพฯ – 30 กรกฎาคม 2553 – F5 เน็ตเวิร์กส์ อิงก์ (NASDAQ: FFIV) ผู้นำระดับโลกด้านแพลตฟอร์มระบบเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่าง F5 และ ออราเคิล ว่าวันนี้ โซลูชันการบริหารจัดการนโยบายการเข้าถึงระบบ หรือ BIG-IP® Access Policy ManagerTM (APMTM) ของ F5 สามารถทำงานร่วมกับระบบจัดการด้านการระบุตัวตนผู้ใช้งานของออราเคิลได้แล้ว ( Identity Management) โดยเฉพาะระบบบริหารการเข้าใช้ระบบของออราเคิล ( Access Manager) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งใน ออราเคิล ฟิวชัน มิดเดิลแวร์ ( Fusion Middleware) ยังสามารถผสานการทำงานเข้ากับความสามารถในการควบคุมการเข้าใช้ระบบของ บิ๊ก-ไอพี เอพีเอ็ม สำหรับเว็บแอพพลิเคชันได้เป็นอย่างดี ซึ่งการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีของ F5 และ ออราเคิลในครั้งนี้ ช่วยให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากการรวมระบบควบคุมและตรวจสอบการบังคับใช้งานตามกฏเกณฑ์ได้จากศูนย์กลาง เพิ่มความสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้าน BIG-IP ถือเป็นโซลูชันที่ดูแลด้านความปลอดภัยและการเข้าถึงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถควบคุมดูแลการเข้าถึงเว็บแอพพลิเคชันได้ตามลักษณะเนื้อหาและการใช้งาน ช่วยลดภาระในการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทั้งในส่วนแอพพลิเคชันและเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยควบคุมและบริหารงานได้จากศูนย์กลาง และเมื่อทำงานร่วมกับระบบบริหารการเข้าใช้ระบบของออราเคิล ก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้แอพพลิเคชันของออราเคิลจากระยะไกลผ่านอุปกรณ์โมบายได้อย่างปลอดภัย อำนวยความสะดวกแก่ผู้ดูแลระบบในการปรับขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของผู้ใช้อุปกรณ์โมบายและผู้ที่ใช้งานจากระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์หลักที่ได้จากความร่วมมือในครั้งนี้ครอบคลุมเรื่องของการรวมโครงสร้างระบบที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายไอทีได้มาก อีกทั้งยังให้ความสะดวกในการบริหารจัดการการใช้งานได้จากศูนย์กลาง ซึ่งช่วยเรื่องของการประหยัดเวลาในการบริหารจัดการด้านการระบุตัวตนผู้ใช้งานในเครือข่ายรวมถึงควบคุมการเข้าใช้ระบบปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องตามกฏเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงได้สะดวก รวดเร็ว และยังอำนวยความสะดวกในการปรับขยายโครงสร้างไอทีเพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการรองรับผู้ใช้งานผ่านระบบเคลื่อนที่ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุปกรณ์ บิ๊ก-ไอพีชั้นสูงสามารถรองรับการล็อกอินเข้าใช้งานได้หลายร้อยรายการในเวลาเพียงหนึ่งวินาที อีกทั้งรองรับผู้ใช้ที่เข้ารหัสด้วย SSL ได้พร้อมกันหลายหมื่นรายการ ให้อัตราการเข้ารหัสด้วย SSL ผ่าน HTTP(s) ในระดับมัลติกิกะบิตต่อวินาทีด้วย

กำหนดการจำหน่าย
BIG-IP Access Policy Manager พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับออราเคิลแอคเซสแมเนเจอร์ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.f5.com/pdf/solution-center/f5-oracle-solution-overview.pdf

View :1481
Categories: Press/Release Tags: ,