Archive

Author Archive

การจัดอันดับสุดยอดมหานครไอซีทีที่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจโดยอีริคสัน

November 21st, 2012 No comments


· ดัชนีชี้วัดมหานครแห่งสังคมเครือข่าย ฉบับพิมพ์ครั้งที่สาม (Networked Society City Index, third edition) ของอีริคสัน ได้จัดอันดับให้ นิวยอร์ค สต็อกโฮล์ม และลอนดอน เป็นเมืองที่มีการใช้เทคโนโลยีไอซีทีเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจได้มากที่สุด

· ภาคประชาชน (แทนที่จะเป็นภาคธุรกิจหรือองค์กรอื่นๆ) กลับกลายเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ อันเนื่องมาจากความก้าวหน้าทางไอซีที

· รายงานสรุปว่าภาคธุรกิจจะได้ประโยชน์จากไอซีที เมื่อมีกฏหมายและข้อกำหนดทางการเงินที่ชัดเจน รวมทั้งมีกระบวนการที่เรียบง่ายและรวดเร็ว ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม

ในวันนี้ อีริคสัน ได้เปิดตัวรายงานและดัชนีชี้วัดมหานครแห่งสังคมเครือข่าย ฉบับพิมพ์ครั้งที่สาม (Networked Society City Index, third edition) ซึ่งได้ทำการศึกษาประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีไอซีทีในมหานครขนาดใหญ่ 25 แห่ง ในฉบับที่พิมพ์ออกมาก่อนหน้านี้สองฉบับ ได้นำเสนอประโยชน์ของไอซีทีที่มีต่อเมืองและประชากรตามลำดับ แต่ฉบับนี้ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของประโยชน์ที่มีต่อภาคธุรกิจ โดยครอบคลุมปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับวงจรธุรกิจในมหานครเหล่านี้ รวมทั้งมีการศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างความก้าวหน้าทางไอซีที และความสามารถในการใช้ไอซีทีเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจอีกด้วย จากการจัดอันดับพบว่า นิวยอร์ก สต็อกโฮล์ม และลอนดอน ได้คะแนนสูงสุดสามอันดับแรก

จากผลการศึกษาพบว่า เทคโนโลยีไอซีทีมีส่วนช่วยส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และสนับสนุนภาคธุรกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ประการที่หนึ่ง ไอซีทีช่วยเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ เช่น ทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น music streaming, video streaming, e-commerce หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับ cloud services เป็นต้น ประการที่สอง ไอซีทีทำให้สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ๆได้ เช่น ในกรณีที่เจ้าของธุรกิจมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่มีกลุ่มลูกค้าในวงจำกัด ก็สามารถขยายฐานลูกค้าออกไปสู่บริเวณที่กว้างขึ้นได้ และประการที่สาม ไอซีทีช่วยลดต้นทุนในการทำการค้าระหว่างบริษัทห้างร้าน เช่น บริษัทที่มีธุรกิจระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้ผลิต บริษัทคู่ค้าหรือพันธมิตร และกลุ่มลูกค้า ไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ใกล้กันเสมอไป

คุณ Patrik Regårdh จาก Networked Society Lab ของอีริคสัน กล่าวว่า “ผู้เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ อันเนื่องมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไอซีที มักมาจากภาคประชาชน มากกว่าภาครัฐหรือภาคธุรกิจ โดยรัฐบาลมักปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คน และภาคธุรกิจมักจะนำนวัตกรรมทางไอซีที มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร และสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การตัดสินใจด้านนโยบายของรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีไอซีทีในภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย ข้อบังคับ การวางแผน รวมไปถึงการวิจัยและการสนับสนุนด้านเงินลงทุน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ จากภาครัฐ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีไอซีทีให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ได้มีโอกาสเชื่อมต่อถึงกัน พัฒนาความร่วมมือ และแข่งขันกัน อย่างมีประสิทธิภาพ”

ความเกี่ยวข้องในเชิงบวกระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไอซีทีและการพัฒนาทางเศรษฐกิจนั้น เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งจากรายงานทางวิชาการหลายฉบับ และผลการวิจัยอื่นๆมากมาย เช่น จากรายงานของ Stockholm School of Economics ในปี 2012 สรุปว่า หากมีการเพิ่มของ broadband penetration เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้มีการจดทะเบียนธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 3.8 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว

นอกจากสามเมืองหลักที่กล่าวข้างต้นแล้ว (นิวยอร์ก สต็อกโฮล์ม ลอนดอน) เมืองดังต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของการหาดัชนีชี้วัดครั้งนี้ด้วย คือ ปักกิ่ง บัวโนสไอเรส ไคโร เดลฮี ดัคคา อิสตันบูล จาร์การ์ตา โยฮันเนสเบิร์ก การาจี ลากอส ลอสเองเจลิส มะนิลา เม็กซิโกซิตี มอสโค มุมไบ ปารีส เซาเปาโล โซล เซี่ยงไฮ้ ซิดนีย์ และโตเกียว โดยมีการศึกษาตัวบ่งชี้ 28 ประการ ที่สะท้อนถึงประโยชน์ของไอซีทีโดยรวม ในการหาดัชนีชี้วัดของแต่ละเมือง ตัวบ่งชี้เหล่านี้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองจำพวก คือ พวกที่เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางไอซีทีภายในเมือง และที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์จากการลงทุนด้านไอซีที ทั้งจากมุมมองทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

View :1246
Categories: Press/Release Tags:

ยอดโลจิสโพสต์เมืองหลวงโตต่อเนื่อง ไปรษณีย์ลุยเปิด 10 จุดบริการเต็มรูปแบบเดลิเวอรีถึงที่อยู่ทั่วกรุง พร้อมส่วนลดทันที 10%

November 21st, 2012 No comments

โลจิสโพสต์ส่งของใหญ่ฮิตโดนใจคนกรุง ไปรษณีย์ไทยเดินหน้าเปิด 10 จุดบริการทั้งในกทม.และปริมณฑล อำนวยความสะดวกส่งของใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มบริการรับส่งสิ่งของแบบถึงที่อยู่ผู้ส่งผู้รับ พร้อมส่วนลด 10% ทันทีที่ใช้บริการ

นางปริษา ปานะนนท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวถึงการเปิดจุดให้บริการโลจิสโพสต์เต็มรูปแบบ 10 แห่งว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการโลจิสโพสต์ส่งของใหญ่ทางไปรษณีย์ โดยเฉพาะผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพและปริมณฑลที่มีความต้องการส่งสิ่งของขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 55 ตั้งเป้ายอดใช้บริการเติบโตขึ้นจากปี 54 ถึงกว่า 26% ไปรษณีย์ไทยจึงเปิดจุดให้บริการโลจิสต์โพสต์ครบวงจรเต็มรูปแบบ ทั้งรับฝากและส่งสิ่งของชิ้นใหญ่ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 10 แห่งในกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ มีนบุรี นนทบุรี สามเสนใน หลักสี่ รังสิต บางขุนเทียน บางพลี ยานนาวา บางปู และภาษีเจริญ เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมสิ่งของชิ้นใหญ่ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 20-200 กก. อาทิ ตู้เย็น ทีวีรถจักรยานยนต์ รวมทั้งบริการรับฝากและจัดส่งสิ่งของแบบถึงที่อยู่ผู้รับทั่วกทม. และปริมณฑลรวม 50 เขต 20 อำเภอ เน้นลูกค้าทั่วไปรวมทั้งเจ้าของธุรกิจต่างๆที่ต้องการส่งของใหญ่ในราคาประหยัดตามมาตรฐานภายใน 3-5 วันทำการ สามารถตรวจสอบสถานะสิ่งของได้ตลอด 24 ชม. ผ่านทางเว็บไซต์ ww.thailandpost.co.th นอกจากนี้ยังได้จัดส่วนลด 10% สำหรับลูกค้าที่ส่งและรอจ่ายสิ่งของ ณ จุดให้บริการฯ ทั้ง 10 แห่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“ลูกค้าส่วนใหญ่ของโลจิสโพสต์จะเป็นคนต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพ ซึ่งต้องการส่งของใช้ในชีวิตประจำวันที่เป็นของชิ้นใหญ่กลับบ้านหรือส่งจากภูมิลำเนาในต่างจังหวัด โดยฝากส่งรถจักรยานยนต์มากที่สุด ตามด้วยคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า-เครื่องเสียงตามลำดับ ทั้งนี้ จุดให้บริการทั้ง 10 แห่งได้นำร่องใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ถุงครอบรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปแบบ Air Bubble เพื่อช่วยปกป้องสิ่งของตลอดการขนส่ง และเครื่องรับฝากสิ่งของนอกสถานที่ (Handheld) สำหรับเรียกเก็บและคำนวณค่าชำระเงินปลายทาง นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าหมายจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนักศึกษาที่ไปศึกษายังต่างจังหวัดซึ่งมีความต้องการส่งของใหญ่กลับบ้านหรือย้ายหอมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสะดวกต่อผู้ใช้บริการ ไปรษณีย์ไทยยังได้กำหนดรายการสิ่งของมาตรฐานในการชำระค่าฝากส่งเพิ่มเติมอีก 9 รายการ อาทิ เครื่องซักผ้า เก้าอี้ โซฟา ตู้เสื้อผ้า เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1545 หรือเข้าชมทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th

View :1382

กลุ่มทรู ร่วมกับ CAT ทดสอบ LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ในสภาพแวดล้อมจริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ผลการทดสอบประสบความสำเร็จ ราบรื่น ใช้งานได้ดี

November 21st, 2012 No comments


กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2555 – กลุ่มทรู นำโดย นายขจร เจียรวนนท์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารด้านกิจการองค์กร นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ และนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ พร้อมคณะผู้บริหารจาก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม โดย นายสมเกียรติ สำราญบำรุง (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาสื่อสารไร้สาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายความเร็วสูง โดยดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีสำหรับอนาคต LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz แสดงศักยภาพการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงในพื้นที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ใช้ได้จริงของเทคโนโลยี LTE 4G ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล

ผลการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถใช้ได้จริง รวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่าย ทั้ง 3G และ 4G สามารถทำได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การทดสอบ LTE 4G ของกลุ่มทรูในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ใช้ได้จริง ในสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ห่างไกล โดยผลการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้ความเร็วที่เหมาะสมกับช่วงคลื่นที่ทำการทดสอบ ทำให้เห็นถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว การสตรีมมิ่งวิดีโอในรูปแบบ HD ทำได้อย่างราบรื่น รวมถึงประสิทธิภาพและการใช้งานข้ามเทคโนโลยีระหว่าง 4G และ 3G (roaming) สามารถเชื่อมต่อได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด เรามั่นใจว่าหากประเทศไทยอนุญาตให้นำเทคโนโลยี LTE 4G มาใช้ในอนาคต ทรูก็พร้อมที่จะให้บริการได้ในทันที”

นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรู ขอขอบคุณ กสทช. และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่อนุญาตให้ทรูมูฟดำเนินการทดลอง LTE 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่จะช่วยทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารของประเทศไทย ซึ่งผู้บริหารจาก CAT ยังได้เข้าร่วมการทดสอบกับทรูในครั้งนี้ด้วย ผลการทดสอบได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมถึงได้พิสูจน์แล้วว่ากลุ่มทรูมีความพร้อมในการเข้าร่วมกับกสทช.และ CAT ในการนำเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูงมาให้คนไทยได้ใช้บริการและช่วยในการพัฒนาประเทศ”

View :1772
Categories: 3G, Technology, Telecom Tags: ,

Smart devices and social media to drive new culture of online, always-connected customers in 2013

November 21st, 2012 No comments

Melbourne, 21 November 2012 – New analytics solutions, multichannel metrics, and better collaboration tools will be crucial in 2013, as enterprises feel the pressure to understand and pre-empt the needs from the always-connected customer, says . Vendors will need to step up and add these capabilities fast, or else risk losing business.

As part of its 2013 Trends to Watch series, Ovum explores the important changes in the customer experience and interaction market, detailing how technologies are evolving to meet new consumer demands and providing recommendations for both enterprises and vendors.

According to Ovum’s report,* response teams will move into the contact center, driving the need for better management tools, and the global analyst firm forecasts** high growth (21% CAGR) for monitoring within the customer service function in the next five years. Mobile self-service will become more intelligent, customers will have the ability to request a callback from within a mobile application, and it will become easier to transfer a query from a self-service application to voice, chat, or email.

Traditionally siloed applications such as performance management, business intelligence, and customer feedback will be merged into voice-of-the-customer (VOC) analytics suites that help enterprises view and compare data across different stages of the customer lifecycle. Many enterprises will have a mixture of cloud- and premise-based customer service solutions, although, for most companies, core automated call distribution (ACD) functionality is likely to remain on-premise for the foreseeable future because of existing investments and mentality.

“Enterprises need to support today’s customers by providing timely and accurate responses via mobile, web, and voice channels. In order to succeed, they must address customer needs at every stage of the customer lifecycle, and support and integrate data internally. It makes sense for enterprises to create collaborative customer experience teams in order to align technology and data strategies across product, IT, marketing, and customer support,” says Aphrodite Brinsmead, senior analyst at Ovum.

View :1268
Categories: Press/Release Tags: ,

กลุ่มทรู มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าสนุกกับ PSY เจ้าของท่าเต้นสุดฮิตระดับโลก กับคอนเสิร์ต “Gangnam Style Thailand Extra Live” ฟรี!!!

November 21st, 2012 No comments


กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2555 – กลุ่มทรู โดย นายธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ (กลาง) รองผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ร่วมกับ นายวินิจ เลิศรัตนชัย (ซ้ายสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชเชอร์ เฟสติวัล จำกัด และ นายรณพงศ์ คำนวณทิพย์ (ขวาสุด) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด นำศิลปินสุดฮอต (ไซ) เจ้าของท่าเต้นสุดฮิตระดับโลกและสร้างยอดวิวสูงสุดทะลุกว่า 700 ล้านวิวในยูทูป จัดคอนเสิร์ตในไทยเป็นครั้งแรก กับ “Gangnam Style Thailand Extra Live” ในวันลอยกระทงวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ณ สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม เมืองทองธานี

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มทรู รับบัตรคอนเสิร์ตรวมกว่า 1,000 ใบ มูลค่าใบละ 2,000 บาท งานนี้ไม่มีบัตรขาย อยากได้ต้องร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มทรูง่ายๆ 3 ช่องทาง ได้แก่

• โปรโมชั่น ‘Happy Wednesday with Gangnam Style Thailand’
เมื่อซื้อ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ตรุ่นใดก็ได้ ราคา 20,000 บาทขึ้นไป พร้อมสมัครแพ็คเกจทรูมูฟ เอช รายเดือน 899 บาท ในวันพุธที่ 21 พ.ย.นี้เท่านั้น ที่ทรูช้อป เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 3 จำนวนจำกัด 250 ท่านแรกเท่านั้น (ท่านละ 2 ใบ)

• ช่องทางที่ 2 สำหรับลูกค้า H Music
เพียงดาวน์โหลด H Music App แล้ว Snap หน้าจอที่เห็น H Music App แล้วโพสท์ไปที่ Facebook ของคุณพร้อม Tag ไป Facebook ของ TrueMove H 3G+ ลุ้นรับบัตร 100 รางวัลๆละ 2 ใบ พิเศษสุดสำหรับคนที่ฟังหรือดู MV ผ่านแอพพลิเคชั่น H Music สูงสุด 50 ท่าน รับไปเลยบัตรท่านละ 2 ใบ ไม่ต้องลุ้น ตั้งแต่วันนี้ – 25 พ.ย. นี้

• ช่องทางที่ 3 สำหรับผู้ถือบัตร True Card
นำ True Reward Point 200 คะแนน มาแลกรับบัตรคอนเสิร์ตได้ 2 ใบ หนึ่งคนมีสิทธิ์แลกได้สูงสุด 4 ใบ สามารถมาแลกได้ที่บูธ TrueYou บริเวณลานพาร์คพารากอน ในวันเสาร์ที่ 24 พ.ย นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป หรือจนกว่าบัตรจะหมด จำนวนบัตรที่แจกหน้างานทั้งสิ้น 300 ใบ มาก่อนมีสิทธิ์ก่อน….

View :1321
Categories: Press/Release Tags:

WiFi จากทรูมูฟ เอช คว้ารางวัลนวัตกรรมระดับโลก Best Next Generation Hotspot (NGH) Initiative Award จาก WBA Wi-Fi Global Congress ประเทศสหรัฐอเมริกา

November 21st, 2012 No comments

กรุงเทพฯ 21 พฤศจิกายน 2555 – กลุ่มทรูโดย ทรูมูฟ เอช ผู้นำบริการ WiFi และ 3G ในประเทศไทย ได้รับรางวัล WBA WiFi Industry Awards 2012 ประเภท “Best Next Generation Hotspot (NGH) Initiative Award” จากบริการ Next Generation Hotspot ในงานประชุม WBA Wi-Fi Global Congress ระดับโลกที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ตอกย้ำความเป็นผู้นำของทรูมูฟ เอช ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายการสื่อสารไร้สายให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

มร. ชริแคนต์ เฌนวาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไวร์เลส บรอดแบนด์ อัลไลแอนซ์ (Wireless Broadbrand Alliance) หรือดับเบิลยูบีเอ กล่าวว่า “ดับเบิลยูบีเอ รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ได้มอบรางวัลแห่งความสำเร็จดังกล่าวให้แก่สมาชิกของดับเบิลยูบีเอจากทั่วโลก ที่ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนตลาดการสื่อสารไร้สายแบบไว-ไฟยุคใหม่ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

สำหรับรางวัล WBA Wi-Fi Industry Award 2012 เป็นรางวัลที่เปิดให้สมาชิกผู้ให้บริการสื่อสารทุกรายจากทั่วโลก ส่งโครงการเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการของดับเบิลยูบีเอ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ได้แก่ นักวิเคราะห์ สื่อมวลชน และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการสื่อสาร โดยมี มร.โจ แมดเด็น หัวหน้านักวิเคราะห์ กลุ่มธุรกิจการสื่อสารไร้สาย บริษัท โมบายล์ เอ็กซ์เพิร์ทส์ แอลแอลซี เป็นประธาน ซึ่งรางวัลทั้งหมดมี 5 ประเภท ได้แก่ Best Next Generation Hotspot (NGH) Initiative Award, Best Wi-Fi Service Innovation Award, Best Wi-Fi Technology Innovation Award, Most Innovative Hotspot Venue และ Best New Ventures or Business Plan”

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เป็นความภูมิใจของทรูมูฟ เอช ที่เป็นบริษัทสื่อสารไทยเพียงรายเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล และได้รับรางวัล WBA Wi-Fi Industry award 2012 ประเภท “Best Next Generation Hotspot (NGH) Initiative Award” ซึ่งรางวัลนี้ จะเป็นกำลังใจให้กลุ่มทรูมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและประสิทธิภาพในการสื่อสาร เพื่อสร้างความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งานของลูกค้า อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็นผู้นำการสื่อสารไร้สายและผู้นำทางด้านกลยุทธคอนเวอร์เจนซ์เพียงรายเดียวของไทย ให้ลูกค้าใช้ชีวิตอิสระยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงบรอดแบนด์ไร้สายระหว่างเทคโนโลยี 3G และ WiFi อย่างราบรื่น”

นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้อำนวยการ ด้านธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า โครงการนำร่องทดสอบนวัตกรรมเทคโนโลยี Next Generation Hotspot ที่ WiFi by TrueMove H ร่วมกับ ซิสโก้ ออกแบบโครงข่ายและทดสอบใช้งานจริงเป็นครั้งแรกในเอเชีย จะเชื่อมโยงสัญญาณระหว่าง WiFi และ 3G อย่างอัตโนมัติ ซึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยี Next Generation Hotspot คือ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เชื่อมโยงบรอดแบนด์ไร้สายผ่านซิมการ์ด และโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ โดยเลือกโครงข่าย WiFi Hotspot ให้อัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องจำ SSID (Service Set IDentifier) ไม่ว่าจะใช้งานที่ใดทั่วโลก และด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ระบบจะจดจำข้อมูลผู้ใช้ผ่านซิมการ์ด จึงล็อกอินใช้งานได้โดยไม่ต้องพิมพ์ Username และ Password ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังมั่นใจได้ว่าการใช้งานจะปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพราะเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลด้วยระบบ WPA2-Enterprise (WiFi Protected Access 2) ที่นำคุณลักษณะในระบบเครือข่ายองค์กรแบบส่วนตัว มาไว้ในระบบเครือข่ายฮอตสปอตสาธารณะ เพื่อลดการโจมตีจากภายนอกได้ เช่น การปลอมแปลง SSID เป็นชื่อเดียวกัน การเจาะดูข้อมูล และการบุกรุกเข้ามาในระบบ เป็นต้น ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช ได้เปิดให้ผู้สนใจทดลองสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวที่ทรูช้อป สาขาเซ็นทรัล พระราม 9 และ ทรูช้อป สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับรางวัลดับเบิลยูบีเอ อวอร์ด ประจำปี 2555 (WBA Awards 2012) สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ www.wballiance.com/awards

View :1264

บริการดาต้าโรมมิ่งจากดีแทคเปิดบริการสมัครครั้งเดียว สนุกได้ทั่วโลก

November 21st, 2012 No comments


ด้วยแพ็กเกจสบายใจไม่ต้องเลือกเครือข่าย 350 บาทต่อวัน พร้อมฟรี WiFi roaming

21 พฤศจิกายน 2555 – ดีแทค แนะนำบริการดาต้าโรมมิ่งใหม่ สมัครครั้งเดียว สนุกได้ทั่วโลก รายแรกที่อำนวยความสะดวกลูกค้าที่ใช้บริการดาต้าโรมมิ่ง เพื่อเพิ่มความสบายใจร่วมกับการใช้แพ็กเกจอัตราเดียวไม่ต้องเลือกเครือข่าย 350 บาทต่อวัน

นายปกรณ์ มโนรมย์ภัทรสาร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดธุรกิจโพสต์เพด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ช่วงปลายปีนี้ ดีแทคเปิดตัวบริการใหม่ด้านดาต้าโรมมิ่งเพื่อเอาใจลูกค้าที่นำสมาร์ทโฟนไปใช้งานในต่างประเทศ โดยเราเป็นรายแรกที่แนะนำบริการ สมัครครั้งเดียว สนุกได้ทั่วโลก เพื่อตอบรับกับความต้องการของลูกค้าที่เดินทางบ่อยครั้งและไม่สะดวกที่จะสมัครบริการก่อนเดินทางทุกครั้ง บริการของเรานอกจากจะให้ความสะดวกแล้วยังจะให้ประโยชน์กับลูกค้าในการช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย โดยลูกค้าสามารถใช้แพ็กเกจดาต้าโรมมิ่ง 350 บาทต่อวันได้อย่างต่อเนื่องจากการสมัครเพียงครั้งเดียว และใช้งานดาต้าได้วันละ25 เมกกะไบต์ (MB) ทุกเครือข่ายใน 50 ประเทศทั่วโลก พร้อมกันนั้นยังสามารถใช้บริการฟรี wifi ในต่างประเทศแบบไม่จำกัดได้ด้วย หากลูกค้าใช้งานเกิน 25MB ค่าบริการดาต้าส่วนเกินเพียงเมกกะไบต์ละ 12 บาทเท่านั้น หรือในกรณีที่ใช้งานไม่ถึงราคาของแพ็กเกจ ลูกค้าชำระค่าบริการตามที่ใช้งานจริง”

สำหรับลูกค้าที่เดินทางต่อเนื่องเป็นเวลานาน ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้แพ็กเกจดาต้าโรมมิ่ง 2,599 บาท สำหรับการใช้งาน 500 MB ในระยะเวลา 7 วัน โดยลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจก่อนการเดินทางได้ที่ดีแทคฮอลล์ทั่วประเทศ หรือ โทร 1678 ดีแทคคอลเซ็นเตอร์ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th

View :1504

ก.วิทย์แถลง 5 ยุทธศาสตร์นาโนเทคโนโลยี หวังเป็นผู้นำการวิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีของอาเซียน ตั้งเป้าผลักดันงบ S&T เป็น 1% ของ GDP

November 21st, 2012 No comments

21 พฤศจิกายน 2555 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา : นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล รัฐนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการ “เมทัลเล็กซ์ นาโน ฟอรัม 2012 ภายใต้แนวคิด “The New Cutting-Edge of High Precision Manufacturing Industries” พร้อมปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “From Plan to Practice: Nanotechnology for the Benefits of Thailand and Mankind” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2555 โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำนาโนเทคโนโลยีมาปรับใช้ กับอุตสาหกรรมโลหะการ ความก้าวหน้าด้านงานวิจัยนวัตกรรมใหม่ และกรณีศึกษาที่มีผลกระทบต่อวงการอุตสาหกรรม ทั้งนี้ นาโนเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในด้านกิจกรรม เครื่องจักรกล และเทคโนโลยีโลหะการ และการดำเนินงานของ METALEX สอดคล้องกับนโยบายการยกระดับมาตรฐานการพัฒนาความรู้ความก้าวหน้า ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนาโนของประเทศไทยเพื่อให้สอดคล้องกับ การผลักดันการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของไทยให้สามารถตอบสนองต่อความ เปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมโลก โดยเฉพาะการเป็นผู้นำใน Asean Economic Community (AEC 2015) โดยประเทศไทยเป็น ผู้นำในเรื่องอุตสาหกรรมการผลิตแบบโลหะการ และในปัจจุบันนาโนเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเครื่องจักร เครื่องกลที่มีความแม่นยำสูงมาก (High-Precision machinery) การพัฒนาและใช้วัสดุชนิดใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติสูงขึ้น (new functional nanomaterials)

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วท. กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการที่จะส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งในอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร เพื่อให้สังคมในระดับรากหญ้าอยู่ดีกินดี โดยมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นส่วนขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับ สังคมและเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ นาโนเทคโนโลยีก็เป็นวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่มีความสำคัญและได้รับความ นิยมอย่างกว้างขวาง และเข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกๆ ศาสตร์ เช่น การเกษตร โภชนาการ อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งอุตสาหกรรมสิ่งทอ เช่น การใช้นาโนเทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ อาทิ ผ้าไหมกันน้ำและแบคทีเรีย,ระบบการจัดส่งสำหรับวิตามินและเครื่องสำ อางค์,บรรจุภัณฑ์สำหรับยืดอายุการเก็บรักษาผักผลไม้ เป็นต้น ซึ่งจากความสำคัญดังกล่าว จึงทำให้มีการจัดทำนโยบายนาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (2012-2121) ที่ผ่านการอนุมัติจากมติครม. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างการแข่งขันระดับชาติในการพัฒนาคุณภาพชีวิต อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนานาโนเทคโลยี ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้เน้นใน 5 ยุทธศาสตร์หลัก อันได้แก่ 1.คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ทาง การแพทย์และสาธารณสุข 2.การพัฒนาวัสดุ และผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรและการผลิต 3.ความมั่นคง ด้านพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 4.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านนาโนเทคโนโลยี และ 5.ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เตรียมที่จะผลักดันงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อทำวิจัยและพัฒนา เป็น 1% ของ GDP ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 120 พัน ล้านบาท ในอีกไม่กี่ข้างหน้านี้ โดยต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ผ่านกลไกของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวง การคลัง ในการสร้างแรงจูงใจลดดอกเบี้ยและลดหย่อนภาษี 300% ให้แก่ผู้ประกอบการที่มีค่าใช้จ่ายในงานวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ผ่านกลไกนี้ อย่างทั่วถึง นายวรวัจน์ฯ กล่าว

View :1429

ม.หอการค้าเชิญกูรูโทรคมนาคมระดับโลกร่วมถก 3จี

November 21st, 2012 No comments

หัวข้อ “ อนาคตหลังศาลปกครอง” 21พ.ย.ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์

สถาบันเอพาร์ ออกโรง เชิญปรมาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์โทรคมนาคมระดับโลก ร่วมถกงานสัมมนา “ผ่าทางตัน 3G…ประชาชนได้ประโยชน์อะไร” ภายใต้หัวข้อ “3G…อนาคตหลังศาลปกครอง” พร้อมวิทยากรฝีปากกล้าคับคั่ง ในวันพุธที่ 21 พ.ย. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

รศ.สุธรรม อยู่ในธรรม คณะบดีคณะนิติศาสตร์ ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันวิชาการนโยบายสาธารณะกับธุรกิจและการกำกับดูแล (APaR-เอพาร์) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงที่มาของการจัดงานสัมมนาในหัวข้อ“3 จี..อนาคตหลังศาลปกครอง” ว่าหลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ได้จัดประมูลคลื่นความถี่ 2.1กิ๊กกะเฮิร์ตส์ (GHz) เพื่อออกใบอนุญาตมือถือระบบ 3 จี โดยที่ 3 บริษัทสื่อสารที่เข้าร่วมประมูลเสนอราคาประมูลคลื่น 41,625 ล้านบาท สูงกว่าราคาประมูลตั้งต้น 40,500ล้านบาท แต่ปรากฏว่าได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่าง หนักหน่วงทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนกลายเป็นข้อวิพากษ์ทางสังคมทำให้กสทช.ยังไม่สามารถออกใบอนุญาต 3 จีได้แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วร่วมเดือน

ล่าสุดยังปรากฎว่า ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลปกครอง ได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นฟ้องสำนักงาน กสทช.ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้พิจารณาว่า การประมูลคลื่น 3 จี เป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายเป็นการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 47และพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรการ 45 ประกอบมาตรา 41 วรรค1 และวรรค 7 หรือไม่

ด้วยเหตุนี้ สถาบันวิชาการเอพาร์ (APaR) จึงกำหนดจัดสัมมนา “ผ่าทางตัน 3G…ประชาชนได้ประโยชน์อะไร” ภายใต้หัวข้อ “ 3 จี : อนาคตหลังศาลปกครอง” ในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ณ ห้อง Meeting Room 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นเวทีสร้างความกระจ่างให้แก่ทุกฝ่ายและเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงและทิศทางในอนาคตของมือถือระบบ 3 จีที่กำลังระอุแดดอยู่ในเวลานี้
สำหรับวิทยากรเข้าร่วมขึ้นเวทีสัมมนาฯ นอกจาก รศ.สุธรรม อยู่ในธรรม คณะบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และอดีตกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ในฐานะโต้โผหลักของสถาบันฯแล้ว ยังมี ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการด้านกฎหมายฝีปากกล้า และคุณสิทธิชัย เทพไพฑูรย์ นายกสมาคมเกมส์ไทย กลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าการตลาดบนเครือข่ายออนไลน์และมือถือกว่า 15,000 ล้านบาท และ ดร.วีระชาติ กิเลนทอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการประเมินและออกแบบนโยบาย (RIPED) และที่สำคัญ งานสัมมนาครั้งนี้ ยังมีโปรเฟสเซอร์ เจอราร์ด โปโกเรล (Prof. Gerard Pogorel ) จากฝรั่งเศส ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ปรมาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์โทรคมนาคมของโลก” ในระดับชูวาเลียร์ อคาเดมิค( chevalier academique) ที่ขึ้นเวทีสัมมนาครั้งนี้ด้วย

View :1193

ดีแทคเปิดตัวออนไลน์สโตร์โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ

November 20th, 2012 No comments

19 พฤศจิกายน 2555 – ดีแทคเปิดตัวออนไลน์สโตร์มุ่งมั่นทำตลาดดิจิตัลเพื่อขยายหน้าร้านบนโลกออนไลน์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยหน้าจอการใช้งานที่ออกแบบให้มีความเข้าใจง่าย พร้อมรวบรวมสินค้าใหม่ ๆ จากดีแทคให้ลูกค้าได้สั่งซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย

ทิม เวอร์โรเดน ผู้อำนวยการฝ่ายออนไลน์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า ปัจจุบันลูกค้าของเรามีความตื่นตัวในการซื้อขายสินค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยมีสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่สูงถึง 34% แล้ว และลูกค้าก็ต้องการความสะดวกสบายในการใช้บริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางนี้ ซึ่งดีแทคก็พร้อมที่จะมอบบริการที่ดีเพื่อช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลา เราเชื่อมั่นว่าดีแทคออนไลน์สโตร์จะเป็นช่องทางที่รวดเร็ว ปลอดภัยและให้ความสะดวก โดยดีแทคร่วมมือกับดีเอชแอลในการจัดส่งสินค้า พร้อมกันนั้น ยังมีหน้าจอการทำงานที่เข้าใจง่ายช่วยให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าได้ด้วยการทำรายการเพียง 3 คลิกเท่านั้น นอกจากนั้น ยังจัดโปรโมชั่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าราคาประหยัดด้วย และในเวลาอีกไม่นาน นี้ เราจะพัฒนาออนไลน์ช็อปให้ลูกค้าสามารถใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้ เพื่อเอาใจลูกค้าที่ทำรายการผ่านมือถือ ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีจำนวนมากกว่า 25% ของลูกค้าออนไลน์ทั้งหมด

“การเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดออนไลน์เมื่อสองปีที่แล้วทำให้เรามีพื้นฐานการทำงานที่ดี และมีฐานลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากพอสมควร ทำให้ในปีนี้เรามีความมั่นใจในการลงทุนต่อเนื่องอีกระดับ โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้าเข้ามาแวะชมที่หน้าเพจของเรา 2 ล้านรายต่อเดือนภายในปี 2555 ซึ่งเฟซบุ๊กของดีแทคเองก็ประสบความสำเร็จมีสมาชิกแล้วถึง 1 ล้านราย และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดีแทคปรับเปลี่ยนดีไซน์ของสื่อออนไลน์ทั้งหมดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงเว็บไซต์ใหม่ เว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือ การบริการด้วยตัวเอง ข้อมูลโปรโมชั่น รวมทั้งยังวางแผนจะทำโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ อีกเป็นจำนวนมากในปีต่อ ๆ ไป ในเวลาเดียวกันนี้ เราสร้างทีมออนไลน์ขึ้นมาใหม่เพื่อทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิดและปรับปรุงบริการให้ดียิ่งขึ้น กล่าวได้ว่า ดีแทคออนไลน์มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างกิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อให้บริการลูกค้ามากขึ้นในอนาคต” ทิมกล่าวสรุป

ดีแทคออนไลน์สโตร์เปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ โดยสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.dtac.co.th/onlinestore และเยี่ยมชมเว็บไซต์ใหม่ได้ที่ www.dtac.co.th

View :1041
Categories: Press/Release Tags: