Archive

Author Archive

ก.ไอซีที เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ICT ไทย

November 15th, 2012 No comments


นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ปัจจุบัน GDP ของประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ โดยประเทศไทยมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กรวมแล้วกว่า 2 ล้านราย มีการจ้างแรงงานกว่า 8 ล้านคน และผู้ประกอบการไอซีทีของประเทศมีมากกว่า 3,000 ราย เป็นผู้ประกอบการไอซีทีขนาดกลางและขนาดเล็กกว่า 96%ซึ่งมูลค่าของอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศไทยมีมูลค่าเกือบล้านล้านบาท ส่วนใหญ่มูลค่านั้นจะเป็นอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจากผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งสิ้น แต่เมื่อมองปัญหาในปัจจุบันของอุตสาหกรรมไอซีทีที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ประกอบกับจากการที่กระทรวงฯ ได้มีศึกษาความต้องการของผู้ประกอบการในด้านการลงทุน และสถาบันทางการเงินในเรื่องหลักเกณฑ์และแนวทางในการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม () พบว่าผู้ประกอบการไอซีทีที่มีขนาดกลางและขนาดเล็ก ประสบปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาอุตสาหกรรม ได้แก่ ปัญหาด้านแหล่งเงินทุนที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุด รองลงมาเป็นเรื่องการตลาด และท้ายสุดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ ปัญหาบุคลากรที่ไม่มีคุณภาพ

นอกจากนั้น ด้านสถานภาพทางการเงิน พบว่าจำนวนผู้ประกอบการที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบยังมีไม่มาก เนื่องจากสถาบันการเงินได้มองอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ไม่มีหลักทรัพย์ในการค้ำประกันและไม่มีการรับประกันความมั่นคงของการดำเนินธุรกิจ จึงเป็นเรื่องยากมากที่สถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อให้ อีกทั้งผู้ประกอบการยังขาดความรู้ด้านธุรกิจ การเขียนแผนธุรกิจ การทำการตลาดที่เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงฯ ได้รับทราบถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไอซีทีไทยสู่สากล กิจกรรมส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการเทคโนโลยีสารสนเทศขนาดกลางและขนาดย่อม และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 โดยกระทรวงฯ จะให้การสนับสนุนอย่างจริงจังในการพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีสารสนเทศขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้อย่างกว้างขวาง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ต่อไป

View :1217

Canimals ได้จัดกิจกรรม “Play Cantasia To Win Galaxy”

November 15th, 2012 No comments

ได้จัดกิจกรรม ซึ่งสามารถร่วมสนุกผ่านทาง Facebook ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 16 ธันวาคม 2555 ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงเข้าไปเล่มเกมส์Cantasia ที่ app.facebook.com/cantasia แล้วส่งคำเชิญไปที่เพื่อนๆ ของตนเองใน Facebook ให้มาร่วมเล่นเกมส์Cantasia ให้มากที่สุดภายในช่วงที่กำหนด เท่านี้ก็มีสิทธิ์รับของรางวัลจาก เป็น Samsung Galaxy Note 10.1 และของรางวัลอื่นๆอีกมากมาย มูลค่ากว่า 200,000 บาท

View :1473

อเมริกัน สแตนดาร์ด เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด บนมือถือ

November 15th, 2012 No comments


เปิดตัว แอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้มือถือ โดยที่ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าทุกคอลเลคชั่นรวมทั้ง ข่าวสาร กิจกรรมและโปรโมชั่น ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจ อีกทั้ง ยังสามารถค้นหาร้านค้าผู้แทนจำหน่าย อเมริกัน สแตนดาร์ดที่ตั้งอยู่ในสถานที่ ใกล้เคียงกับผู้ที่ใช้อยู่ได้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยในแอพพลิเคชั่นดังกล่าวประกอบด้วย 4 ฟังก์ชั่นหลัก ได้แก่ ข่าวและโปรโมชั่นต่างๆ , คอลเลคชั่นสินค้า , Your Style Your Way และ ข้อมูลร้านค้าผู้แทนจำหน่ายอเมริกันสแตนดาร์ดทั่วประเทศ

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฟรี! ได้แล้ววันนี้ บน IOS Platform ทั้ง App Store, iPhone, iPod, iPad และAndroid Platform ทั้ง Smart Phone, Tablet หรือ ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ อเมริกัน สแตนดาร์ด www.americanstandard.co.th

View :1388

บราเดอร์ ประกาศรุกตลาดสแกนเนอร์ ล่าสุดส่งสแกนเนอร์ 3 รุ่นใหม่ ปลุกกระแสครอบคลุมทุกกลุ่มกำลังซื้อ คาดตลาดพร้อมตอบรับ

November 15th, 2012 No comments


-พร้อมขายที่ ไอที ซิตี้ เป็นแห่งแรก และตัวแทนจำหน่ายที่สนใจ-

บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) ผู้นำด้านธุรกิจเครื่องพิมพ์ขยายความแกร่งสู่ตลาดสแกนเนอร์ ล่าสุดสร้างกระแสอีกครั้งด้วยการส่ง สแกนเนอร์ 3 รุ่นล่าสุด ADS-1000, DS-700D และ DS-600 ลงชิงชัยในเมืองไทย เผยมั่นใจสินค้าตอบโจทย์ตรงความต้องการ ภาพรวมตลาดสแกนเนอร์ไทยเติบโตสูงถึง 136% ในปีที่ผ่านมา เดินหน้าอัดเกมรุกพร้อมขายแล้ววันนี้เริ่มที่ ไอที ซิตี้ และจะขยายช่องทางขายให้กับตัวแทนที่สนใจทั่วไทย

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยล่าสุดว่า ตลาดสแกนเนอร์ ถือเป็นตลาดใหม่สำหรับเมืองไทย ซึ่งปัจจุบันยังมีศักยภาพในการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเปรียบเทียบตัวเลขอัตราการเติบโตของปี 2553 กับ 2554 พบว่า มีอัตราการเติบโตสูงถึง 136% ในขณะที่มีแบรนด์ลงมาเล่นในตลาดดังกล่าวน้อย แต่กลับมีโอกาสทางการตลาดอยู่อีกมาก เป็นเหตุให้ บราเดอร์ เล็งเห็นถึงโอกาสทางการตลาดดังกล่าว และส่ง บราเดอร์ สแกนเนอร์ 3 รุ่นใหม่สู่ตลาดเมืองไทย ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ครอบคลุมทุกกลุ่มการใช้งาน

“พฤติกรรมของผู้บริโภค ณ ปัจจุบัน เริ่มหันมาเก็บเอกสารเป็น Soft file เพิ่มขึ้น ดูตัวอย่างจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา ที่เอกสารฉบับจริงได้รับความเสียหาย ดังนั้น หากสามารถสำรองเป็น Soft File ได้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ได้อย่างมาก และด้วยพัฒนาการในด้านดีไซน์ ทำให้วันนี้เรามีทางเลือกใหม่คือกลุ่ม Mobile scanner หรือ สแกนเนอร์แบบพกพาเข้ามาลดช่องว่างเรื่องข้อจำกัดในการใช้งานได้อย่างดี ซึ่งบราเดอร์มองว่าตลาดในกลุ่มดังกล่าวมีอัตราและทิศทางการเติบโตที่สูง จึงได้ส่งสแกนเนอร์ 3 รุ่นใหม่เจาะในกลุ่มตลาดส่วนนี้ที่ถือเป็นกลุ่มตลาดระดับกลางถึงบน ซึ่งปัจุบันการใช้งานมิได้จำกัดเพียงแค่กลุ่มธุรกิจเท่านั้น แต่ตัวเลขในส่วนกลุ่มครอบครัวก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเรามั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าในส่วนนี้จะตอบรับต่อ บราเดอร์ สแกนเนอร์ เพราะเราพัฒนาสินค้าให้ง่ายต่อการใช้งาน ทั้งยังพัฒนา Software เอกสิทธิ์เฉพาะที่ช่วยจัดการเรื่องเอกสารอีกด้วย โดยสินค้าใหม่ทั้ง 3 รุ่นนี้ จะพร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วเอเชียในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้” นายธีรวุธวิเคราะห์

ด้านนายไพโรจน์ อมตมหัทธนะ รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด กล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมการขายกลุ่มสินค้าสแกนเนอร์ว่า “ตลาดในกลุ่มนี้ยังต้องถูกพัฒนาเรื่องความเข้าใจแก่ผู้บริโภคชาวไทยอีกมาก และก้าวกระโดดเข้ามาปลุกตลาดของบราเดอร์ ด้วยนวัตกรรม “โมบาย สแกนเนอร์” น่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดเติบโตและเข้าใจในประโยชน์ของสินค้ากลุ่มสแกนเนอร์ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน สินค้าในกลุ่มสแกนเนอร์ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. Mobile Scanner 2. Desktop Scanner และ 3. Flash base Scanner โดยเทรนด์ที่เติบโตอย่างมากจะเป็นกลุ่ม Mobile Scanner เพราะปัจจุบันกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนเกือบทุกคนที่มี Notebook ก็จะมี Mobile Scanner ด้วยเช่นกัน และองค์กรทั่วไปเริ่มหันมาจัดเก็บเอกสารเป็น Soft File มากขึ้น”

ทั้งนี้ เครื่องโมบายสแกนเนอร์ 3 รุ่นใหม่จาก บราเดอร์ ประกอบด้วย

1. เครื่องสแกนเอกสารแบบตั้งโต๊ะ รุ่น ADS-2100 โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในเรื่องความเร็ว การสแกน การจัดการ
และจัดระเบียบของเอกสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- ความเร็วในการสแกนเอกสารแบบ 2 หน้าสูงสุด 24 หน้าต่อนาที (48 หน้าต่อนาที (ipm))
- มีช่องป้อนกระดาษอัตโนมัติ รองรับกระดาษได้สูงสุด 50 แผ่น เพื่อการสแกนเอกสารแบบหลายหน้าได้อย่างคล่องตัว
- ความละเอียดในการสแกนสูงสุด 1200 dpi
- สร้างไฟล์ PDF ที่สามารถค้นหาคำได้ เพื่อการจัดเอกสารได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
- สามารถสแกนเอกสารโดยตรงไปยัง USB เพื่อการสแกนเอกสารโดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์
- มาพร้อมชุด Software เอกสิทธิ์เฉพาะของ บราเดอร์ เพื่อการสแกนเอกสารอย่างมืออาชีพ

2. เครื่องสแกนเอกสารแบบพกพา DS-700D ประสิทธิภาพการทำงานแบบไร้ขีดจำกัด ทุกที่ทุกเวลา
- น้ำหนัก 603 กรัม
- การสแกนเอกสารแบบ 2 หน้าในการป้อนกระดาษครั้งเดียว
- การสแกนเอกสารเป็นไฟล์ PDF แบบค้นหาคำได้, PDF แบบมาตรฐาน JPEG และ TIFF
- เทคโนโลยีการสแกนแบบ One Touch
- Software ปฏิบัติการที่มาพร้อมกับเครื่องสำหรับ Windows และ MAC
- ความละเอียด 600X600 dpi
- จ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านการเชื่อมต่อ USB

3. เครื่องสแกนเอกสารแบบพกพา DS-600 อีกหนึ่งประสิทธิภาพการทำงานแบบไร้ขีดจำกัด ทุกที่ทุกเวลา ด้วยขนาดกระทัดรัด
- น้ำหนัก 315 กรัม
- การสแกนเอกสารเป็นไฟล์ PDF แบบค้นหาคำได้, PDF แบบมาตรฐาน JPEG และ TIFF
- เทคโนโลยีการสแกนแบบ One Touch
- Software ปฏิบัติการที่มาพร้อมกับเครื่องสำหรับ Windows และ MAC
- ความละเอียด 600X600 dpi
- จ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านการเชื่อมต่อ US

View :1576
Categories: Gadgets, Technology Tags:

ออโตเดสก์เปิดตัว 4 พันธมิตรเทคโนโลยีสะอาดในสิงคโปร์

November 15th, 2012 No comments

ครบรอบ 1 ปีโครงการ ของออโตเดสก์ในสิงคโปร์

กรุงเทพฯ – 14 พฤศจิกายน 2555 – , อิงค์ (NASDAQ: ADSK) ผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์เพื่องานออกแบบด้าน 3D design งานเอ็นจิเนียร์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ฉลองครบรอบ 1 ปีของโครงการ Clean Tech Partner Program ในประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่เปิดตัวโครงการจนถึงปัจจุบันมีบริษัทกว่า 1,000 บริษัทเข้าร่วมโครงการนี้จากทั่วโลก รวมถึงนักนวัตกรรมในประเทศสิงคโปร์ด้วย

ออโตเดสก์ Clean Tech Partner Program นำเสนอซอฟต์แวร์แบบจำลองดิจิตอล (Digital Prototyping) จากออโตเดสก์สู่บริษัทเทคโนโลยีสะอาดด้วยค่าธรรมเนียมน้อยที่สุด โดยมีเป้าหมายเร่งรัดด้านนวัตกรรมและที่อยู่บางพื้นที่ของโลกที่กำลังถูกบีบรัดด้วยความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยแรงสนับสนุนจากรัฐบาลทำให้โครงการนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเทคโนโนโลยีสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, ยาพาหนะไฟฟ้า, อาคารสีเขียว, การบำบัดของเสียและน้ำเสีย และโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เป็นจำนวนมาก

เจค ลาเยส หัวหน้าแผนกความยั่งยืนและเทคโนโลยีสะอาด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของออโตเดสก์ กล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากสำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีแรกของ Clean Tech Partner โปรแกรมในสิงคโปร์ และออโตเดสก์ก็ยังยินดีต้อนรับพันธมิตรใหม่ๆ เสมอ สิงคโปร์มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราเพราะมันได้แสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่มที่แข็งแกร่งและการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด ซึ่งในสิงคโปร์เราจะได้เห็นว่า เทคโนโลยีสะอาดมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมสีเขียว, โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ, เมืองอัจฉริยะ, ประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการผลิตพลังงาน เป็นต้น ซึ่งเป็นความพยายามของเราคือการช่วยผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีสะอาดสร้างสรรค์โลกทียั่งยืนที่ดีกว่าด้วยโปรแกรมของออโตเดสก์”

ผู้เข้าร่วมโปรแกรม Clean Tech Partner ในสิงคโปร์

BioMachines
BioMachines เป็นผู้พัฒนาโซลูชั่นการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับสถานที่ห่างไกล เช่น ในป่าไม้และพื้นที่การเกษตร ซึ่งแพล็ตฟอร์มอัจฉริยะนี้ได้พัฒนาความถูกต้องแม่นยำและคุณภาพของข้อมูลในสถานที่ห่างไกลและสามารถช่วยให้นักวิจัยประหยัดเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ, ดิน, พืช, สัตว์ และน้ำอีกด้วย ผู้ก่อตั้งร่วมของ BioMachines วินเซนท์ เว่ย กล่าวว่า “จากการใช้โซลูชั่นของออโตเดสก์เราสามารถออกแบบ, มองเห็นภาพและจำลองแนวคิดการค้นพบใหม่ๆ ของเราได้ ด้วยแบบจำลองดิจิตอล เราสามารถสำรวจและสื่อสารทางความคิดและทดสอบแนวคิดได้หลากหลาย เพื่อเร่งการปรับปรุงสำหรับลูกค้าของเรา เช่น Asian Plantation Capital ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำของการจัดการป่าไม้และการเพาะปลูกที่ยั่งยืนซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย เป็นต้น”
Green Building Group
Green Building Group เป็นรุ่นที่ 3 ในการพัฒนาโซลูชั่นเทคโนโลยีฟิล์มแสงอาทิตย์ หรือที่รู้จักกันว่า Building Integrated Photovoltaic (BIPV) เทคโนโลยีนี้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมวัสดุห่อหุ้มพื้นผิวอาคาร ถือได้ว่าเป็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถผลักดันการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ “เราต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่มีความซับซ้อนในการออกแบบผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ของเราสำหรับบูรณาการใช้ร่วมกับระบบลักษณะภายนอกของตึกอาคาร เราใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk Inventor และ AutoCAD ซึ่งเราสามารถปรับแต่งการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเราให้ตรงกับความต้องการพิเศษของสถาปัตยกรรมนั้นๆ ได้ เรารู้สึกขอบคุณออโตเดสก์ที่รองรับตลาดเกิดใหม่และองค์ประกอบที่สำคัญของภาคพลังงานสะอาด และอนุญาตให้เรามีเครื่องมือที่สามารถพัฒนาโซลูชั่นเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ที่ทันสมัยได้” กล่าวโดย ฟิลิป กวาง กรรมการผู้จัดการของ Green Building Group

Sing Yue Technologies
Sing Yue Technologies เป็นบริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์พลังงานทดแทน ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่กำลังรอจดสิทธิบัตรอย่าง การออกแบบ Compressed WindTurbine และผลิตภัณฑ์ Wind Controller ด้วย ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา เอกลักษณ์ของ WindTurbine คือมีเป้าหมายอยู่ที่การใช้ชีวิตในเมือง โดย ไมล์ เฉิง ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งชอง Autodesk Clean Tech โปรแกรม เราใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk Simulation Mechanical ของออโตเดสก์และซอฟต์แวร์การจำลองที่หลายหลากของซอฟต์แวร์แบบจำลองดิจิตอล เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เราประหยัดเวลาและทรัพยากรตอนที่เราประเมินวัสดุและข้อมูลสมมุติฐานที่ต้องการ เพื่อให้เพียงพอกับข้อกำหนดในการออกแบบของเรา เรายังสามารถสร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนด้วยภาพยนตร์ที่สมจริงที่สร้างขึ้นโดยใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk Showcase ของออโตเดสก์อีกด้วย”

Greenlots
Greenlots เป็นผู้พัฒนาด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานของตารางผ่านการจัดการเรียกเก็บเงินของยานพาหนะไฟฟ้า บริษัทนำเสนอเครือข่ายคลาวด์เบสกับการชาร์จสเตชั่นฮาร์ดแวร์สำหรับธุรกิจ, ภาครัฐและระบบสาธารณูปโภคเพื่อติดตั้งเครือข่ายของตัวเอง Greenlots ขายระบบใน 13 ประเทศและได้รับประโยชน์มากมายจากการเข้าร่วม Clean Tech Partner โปรแกรมในสิงคโปร์ตั้งแต่แรกเริ่มโครงการ “เราภูมิใจมากที่ได้เป็นบริษัทแรกในสิงคโปร์ที่เข้าร่วมกับ Clean Tech Partner โปรแกรมของออโตเดสก์ โครงการนี้ช่วยเสริมความสำคัญของบริษัทออกแบบฮาร์ดแวร์เช่นเรา ผู้ที่ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบดิจิตอลที่รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อย” กล่าวโดย รอน มาฮาเบอร์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Greenlots “ซอฟต์แวร์ต้นแบบดิจิตอลของออโตเดสก์ทำให้เราเข้าถึงเทคโนโลยีออกแบบที่ดีที่สุดได้ ซึ่งช่วยให้เราสามารถเร่งนวัตกรรมและการแข่งขันระดับโลกได้”

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 1 ปีแรกของโครงการ Clean Tech Partner โปรแกรมในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนความพยายาม, นวัตกรรมและความก้าวหน้าทางด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บุกเบิกคลีนเทคโนโลยี ด้วยการนำเสนอและจัดหาซอฟต์แวร์ระดับโลกจากออโตเดสก์ให้กับพวกเขา คลีนเทคโนโลยีมีโอกาสเติบโตในระยะยาวและมีมูลค่าทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการในเอเชีย และเราเริ่มเห็นถึงความสนใจจากบริษัทและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยแล้วเช่นกัน จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีการเรียกร้องซัสแตนเนเบิลโปรดักส์และผ่านโครงการเช่นโครงการอย่าง Clean Tech Partner โปรแกรมมากขึ้นด้วย นอกจากนี้การสนับสนุนจากภาครัฐยังเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของโครงการนี้ที่จะช่วยในการสร้างและขยายการรับรู้ไปในทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม ออโตเดสก์สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเติบโตในของธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ Clean Tech Partner โปรแกรมนี้จะบรรลุภารกิจในการช่วยลูกค้าของเราสร้างโลกที่ยั่งยืนและดีกว่าในอนาคต” กล่าวโดย นายฉัตรชาญ สุทธิพิศาล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ออโตเดสก์ ประเทศไทย

เกี่ยวกับ Clean Tech Partner Program
Clean Tech Partner Program ของออโตเดสก์ สนับสนุนความพยายาม, นวัตกรรมและความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีสะอาด, ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ระดับโลกในการออกแบบ, สร้างภาพวิช่วลและจำลองแนวความคิดของพวกเขาด้วยต้นแบบจำลองดิจิตอล (Digital Prototyping) บริษัทเทคโนโลยีสะอาดในอเมริกาเหนือ, ยุโรป, ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ได้รับซอฟต์แวร์มูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ* ในการสมัครซึ่งจะจ่ายเพียง 50 ดอลลาร์สหรัฐ คอลเล็กชั่นซอฟต์แวร์ของออโตเดสก์ประกอบด้วย Autodesk Product Design Suite Ultimate, Autodesk Building Design Suite Ultimate, Autodesk Simulation Mechanical, Autodesk Inventor Publisher และ Autodesk Vault Professional ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์

เกี่ยวกับออโตเดสก์
ออโตเดสก์ อิงก์ เป็นผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์เพื่องานออกแบบในด้าน 3D design งานเอ็นจิเนียร์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มีลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการผลิต, การออกแบบและก่อสร้าง และมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ รวมไปถึง 17 อะคาเดมี่ที่ได้รางวัลชนะเลิศสำหรับสาขา Best Visual Effects ที่ใช้ซอฟต์แวร์, แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ, คลาวด์เซอร์วิสและชุมชนออโตเดสก์ในการออกแบบ วิช่วลไลซ์ จำลองและติดต่อสื่อสารกับแนวความคิดของพวกเขา ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ที่ได้เริ่มเปิดตัวซอฟต์แวร์ AutoCAD บริษัทออโตเดสก์ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องสำหรับตลาดทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมท่านสามารถเยี่ยมชมที่ www.autodesk.com

View :1156

ซัมซุงเปิดตัว Samsung Galaxy Camera

November 14th, 2012 No comments

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดตัว ให้สื่อไทย เช้าวันนี้

View :1593
Categories: Gadgets Tags:

ดีแทคประเดิมจำหน่าย Nokia Lumia 920 และ Nokia Lumia 820 ในงานคอมมาร์ตคอมเทค 2012

November 14th, 2012 No comments


ฟรี Wireless Charger มูลค่า 2,290 บาทและของสมนาคุณพิเศษมากมาย

14 พฤศจิกายน 2555 – ดีแทคจับมือโนเกียประเดิมวางจำหน่าย และ สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ในงานคอมมาร์ตคอมเทค 2012 มอบส่วนลดรายเดือนรวม 6,480 บาท พิเศษ Wireless Charger DT – 900 มูลค่า 2,290 บาท เมื่อซื้อ พร้อมสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าดีแทคโดยเฉพาะเพื่อต้อนรับการเปิดตัวครั้งแรกของ และ Nokia Lumia 820 ที่บูทดีแทคภายในงาน

สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทคเท่านั้น เมื่อซื้อ Nokia Lumia 920 และ Nokia Lumia 820 ที่บูทดีแทคภายในงานรับสิทธิ์สมัครใช้งานแพ็กเกจดีแทคสมาร์ทโฟนราคาพิเศษเพียงเดือนละ 539 บาท จาก 899 บาท นาน 18 รอบบิล รวมส่วนลดรายเดือน 6,480 บาท ลูกค้าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตบน 3G/EDGE ได้ไม่จำกัดด้วยความเร็วสูงสุดจำนวน 2GB (FUP) โทรฟรีทุกเครือข่าย 550 นาที ต่อรอบบิล และใช้งาน wifi ได้ไม่จำกัด พิเศษ เมื่อซื้อ Nokia Lumia 920 รับฟรี Wireless Charger DT-900 มูลค่า 2,290 บาท และเมื่อซื้อ Nokia Lumia 820 รับฟรีกระเป๋าเป้จากโนเกีย โดยของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด

นอกจากนั้น ลูกค้าดีแทคยังสามารถใช้สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน รับฟรีคู่มือใช้งาน Windows Phone 8 และกระเป๋าผ้า Nokia Lumia สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่บูทดีแทคในงานคอมมาร์ตคอมเทค 2012 ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2555 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Nokia Lumia 920 และ Nokia Lumia 820 จะเริ่มวางจำหน่ายที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป พร้อมกับข้อเสนอแพ็กเกจดีแทคสมาร์ทโฟน 539 บาทจาก 899 บาทต่อเดือน Nokia Lumia 920 ราคาเครื่องละ 21,500 บาท วางจำหน่ายในสีเหลือง แดง เทา ขาว ละ ดำ Nokia Lumia 820 ราคา16,600 บาท วางจำหน่ายในสีเหลือง แดง ขาว และ ดำ

Nokia Lumia 920 และ Nokia Lumia 820 สุดยอดสมาร์โฟนสุดยอดนวัตกรรมเพื่อการถ่ายภาพมาพร้อมกับเทคโนโลยี Pure View, Optical Image Stabilizer ระบบลดการสั่นไหวของภาพ, ระบบนำทางใหม่ล่าสุด และระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย

ในภาพ – ปกรณ์ มโนรมย์ภัทรสาร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโพสต์เพด และ พีระพล ฉัตรอนันทเวช ผู้อำนวยการฝ่าย อุปกรณ์สื่อสาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () พร้อมด้วย นนทวัน สินธวานนท์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด

View :1862

โซนี่เดินหน้ารุกตลาดโน้ตบุ๊คเปิดตัวไวโอ้ใหม่ พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8

November 9th, 2012 No comments

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ประกาศเดินหน้ารุกตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เปิดตัวไวโอ้จากโซนี่ โน้ตบุ๊คจอสัมผัส 4 ซีรี่ย์ ได้แก่ VAIO™ Duo 11 , VAIO™ Tap 20 , VAIO™ T Series 13 และ VAIO™ E Series 14P โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัยผสานเข้ากับหน้าจอแบบทัชสกรีนที่มาพร้อมกับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ เพื่อตอบสนองการใช้งานและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

มร.โทรุ ชิมิซึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ครึ่งปีหลังโซนี่ยังคงเดินเกมรุกตลาดคอมพิวเตอร์พกพา โดยมองว่าตลาดคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ยังคงมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ โซนี่ยังคงมุ่งเน้นในการออกแบบ และพัฒนาประสิทธิภาพของ VAIO ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ และที่สำคัญคือการให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ใช้ วันนี้ โซนี่จึงพร้อมเปิดตัวไวโอ้รุ่นใหม่ ๆ ที่มาเทคโนโลยีการใช้งานแบบสัมผัสหน้าจอ (Touch) บนระบบปฏิบัติการ Windows 8 พร้อมกันถึง 4 ซีรี่ย์ ได้แก่ VAIO™ Duo 11 , VAIO™ Tap 20 , VAIO™ T Series 13 และ VAIO™ E Series 14P เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติการใช้งานครบครันทั่งเพื่อธุรกิจ และความบันเทิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “there’s more to the touch” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ใช้ไวโอ้ได้อย่างลงตัว และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น”

คุณพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ไมโครซอฟท์มั่นใจว่านับจากนี้ ผู้บริโภคจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการใช้คอมพิวเตอร์ผ่านระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 แบบไร้ขีดจำกัด ด้วยทัพผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่จาก SONY VAIO ที่น่าตื่นเต้นและล้ำสมัย ฟังก์ชั่นระบบสัมผัสแบบทัชสกรีนในโน๊ตบุ๊ค โดยวินโดวส์ 8 จะทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานและสนุกได้ในทุกที่ที่ต้องการ พร้อมกับประสบการณ์การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและลื่นไหล ที่สำคัญวินโดวส์ 8 ยังมีแอพพลิเคชั่นมากมายที่จะมาช่วยเติมเต็มประสบการณ์การใช้งาน และนี่คือเหตุผลที่ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับโซนี่ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ อาทิเช่น vMUSIC by Sony ซึ่งแอพพลิเคชั่นนี้ผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่วินโดวส์ สโตร์ (Windows Store) โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาด 17 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีวินโดวส์ สโตร์ เปิดพร้อมบริการ ”

ผลิตภัณฑ์ไวโอ้รุ่นใหม่จากโซนี่ประกอบไปด้วย

VAIO™ Duo 11

อัลตร้าบุ๊คแบบไฮบริด ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง PC และ Tablet เข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่ง VAIO™ Duo 11 มาพร้อมจอ LCD ที่เลื่อนได้ด้วย Surf Slider จากโซนี่ ที่ให้คุณเลื่อนเป็นแบบคีย์บอร์ดสำหรับงานเอกสาร และสามารถเปลี่ยนเป็นแบบกระดานเพื่อใช้สำหรับท่องอินเตอร์เน็ตและสังคมออนไลน์ หรือสนุกไปกับแอพพลิเคชั่นต่างๆของ Windows 8 ได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ VAIO™ Duo 11 ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ล้ำสมัยเหมาะแก่การพกพาด้วยน้ำหนักเบาเพียง 1.3 กิโลกรัม และบางเพียง 11.75 มิลลิเมตร พร้อมด้วยหน่วยประมวลผล Intel® Core™ ใหม่ล่าสุด ที่ให้การประมวลผลอย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพด้วยความละเอียดของหน้าจอแบบสัมผัส Full HD 1920×1080 OptiContrast™ ขนาด 11.6 นิ้ว และรองรับกับการเขียนทุกประเภทด้วย Digitizer Stylus แบบใหม่ที่ไวต่อการกดและจะทำให้การเขียนของคุณเป็นธรรมชาติมากที่สุดอีกด้วย โดย VAIO™ Duo 11 จำหน่ายราคา 45,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

VAIO™ Tap 20

โน้ตบุ๊คแบบพกพาแนวคิดใหม่จากโซนี่ที่เปลี่ยนคอมพิวเตอร์ภายในบ้านให้เป็นเครื่อง PC สำหรับครอบครัว และสามารถแบ่งปันประสบการณ์ความสนุกสนานให้กับคนที่คุณรักได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้สนุกกับช่วงเวลาของครอบครัวในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 20 นิ้วแบบปรับได้ ให้ภาพที่คมชัด ด้วยมุมมองที่กว้าง ระบบสัมผัสที่สามารถสัมผัสพร้อมกันได้ถึง 10 ตำแหน่ง พร้อมแบตเตอรี่ในตัว เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลและครอบครัว สามารถปรับได้ตามการใช้งานตามความเหมาะสม สามารถวางไว้บนโต๊ะกาแฟและให้ทุกคนในครอบครัวสนุกไปกับเกมส์บนจอ Multi – Touch Screen ขนาดใหญ่ หรือสามารถพลิกขาตั้งในตัวออกมาแล้วปรับมุมให้ได้องศาตามที่ต้องการ ก็สามารถใช้สำหรับเพื่อการชมภาพยนตร์หรือรับชมความบันเทิงอื่นๆได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหากวาง VAIO™ Tap 20 แบบตั้งขึ้น ก็ยังเปลี่ยนเป็น PC ตั้งโต๊ะได้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย โดย VAIO™ Tap 20 เริ่มวางจำหน่ายประมาณเดือนธันวาคม ศกนี้ ในราคา 46,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

VAIO™ T Series 13

VAIO™ T Series 13 เป็นอัลตร้าบุ๊คที่มีสไตล์ สัมผัสได้ถึงความสง่างาม ที่ทำมาจากวัสดุชั้นพรีเมี่ยม ได้แก่ แมกนีเซียม และ อลูมิเนียม ด้วยหน้าจอทัชสกรีนขนาด 13.3 นิ้ว มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel® Core™ ใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังสามารถทำงานควบคู่ไปกับ Speedy SSD หรือ hybrid HDD/SDD Storage ที่สามารถสร้างความบันเทิงอย่างง่ายได้และเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยสามารถใช้รูปแบบการเลื่อนขึ้น-ลงอย่างอิสระ เพื่อดูเว็บเพจต่างๆ หรือดูเอกสารและสื่อต่างๆที่เก็บไว้ได้เป็นอย่างดีและสามารถแสดงผลได้อย่างยอดเยี่ยม ประกอบกับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 8 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสัมผัสได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วย Rapid Wake + Eco ที่ทำให้สามารถเริ่มใช้งานได้หลังจากเปิดฝาโน้ตบุ๊คภายในเลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดย VAIO™ T Series 13 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 34,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

VAIO™ E Series 14P

ด้วยระบบสัมผัสที่มาพร้อมกับ VAIO™ E Series 14P จะช่วยให้คุณสนุกไปกับการเล่นเกมส์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ด้วยหน้าจอทัชสกรีนขนาด 14 นิ้ว อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel® Core™ ใหม่ล่าสุด สามารถเก็บข้อมูลได้มากมายและรองรับงานกราฟฟิคได้เป็นอย่างดี ดีไซน์เก๋แบบมีสไตล์ด้วยการดีไซน์ของเงินหุ้มขอบ โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ของ VAIO บนฝาจออลูมิเนียม โดย VAIO™ E Series 14P วางจำหน่ายราคา 34,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

นอกจากนี้ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบ Swarovski ด้วย VAIO™ E Series 14P รุ่นพิเศษที่ออกแบบลวดลาย และประดับด้วยคริสตัลสวยหรูจาก Swarovski พร้อมวางจำหน่ายในราคา 31,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ยิ่งไปกว่านั้นยังให้คุณได้สนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับแอพพลิเคชั่นใหม่ๆบนระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่มีอยู่มากกว่า 20 แอพพลิเคชั่น ทั้งข่าวสาร บันเทิง ช็อปปิ้ง และข้อมูลสาระต่างๆ มากมาย

เท่านั้นยังไม่พอทางโซนี่ยังได้ร่วมกับ บีอีซี-เทโร มิวสิค มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊คของโซนี่สามารถดาวน์โหลดเพลง MP3 และ มิวสิควีดีโอเพลงใหม่ล่าสุดจาก บีอีซี-เทโร มิวสิค แบบอันลิมิเต็ดได้ฟรี! ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางแอพพลิเคชั่นของ V Music บีอีซี-เทโร มิวสิค ที่มีอยู่ในเครื่องโน้ตบุ๊คของโซนี่อีกด้วย

พร้อมกันนี้ทางโซนี่ยังได้จัดกิจกรรมทางการตลาดควบคู่ไปกับการเปิดตัวโน้ตบุ๊ค 4 ซีรี่ย์ในครั้งนี้ ด้วยการจัดกิจกรรมโรดโชว์ โดยจะเริ่มที่เชียงใหม่ในระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน ศกนี้ ซึ่งภายในงานจะมีการสาธิตฟังก์ชั่นการทำงานของผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คทั้ง 4 ซีรี่ย์บนระบบปฏิบัติกร Windows 8 พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากดารา และศิลปินที่จะไปร่วมมอบความบันเทิงภายในงานกันอย่างคับคั่ง

ไวโอ้รุ่นใหม่จะเริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ศกนี้เป็นต้นไปที่ โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และไวโอ้ โปรช็อป ทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือ www.sony.co.th

View :1499
Categories: Gadgets Tags: ,

ดีแทคตั้งเป้าสู่ผู้นำยุค 4G เผยผลทดสอบเร็วสูงสุด 150 Mbps

November 9th, 2012 No comments

8 พฤศจิกายน 2555 – ดีแทคเผยพร้อมก้าวนำตลาดโทรคมนาคมไทย ด้วยการนำเทคโนโลยี ที่ทันสมัยที่สุดมาสู่ผู้บริโภค และพร้อมที่จะนำประเทศรองรับการแข่งขันเออีซีด้วยเครือข่ายโทรคมนาคมที่สมบูรณ์แบบ

ดีแทคเผยผลทดสอบเทคโนโลยีการสื่อสาร 4G บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ที่ดีแทคเฮ้าส์ โดยผลการทดสอบปรากฏว่า ความเร็วการใช้งานดาวน์โหลดทำได้สูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) และอัพโหลดทำได้สูงสุดถึง 50 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) หรือเร็วกว่า 3G ประมาณ 5 เท่า และยังเร็วกว่า 2G ประมาณกว่า 200 เท่า ซึ่งดีแทคได้ทำการทดสอบในเขตกรุงเทพฯ บริเวณสยามสแควร์ และอาคารจัตุรัสจามจุรี หรือบริเวณดีแทคเฮ้าส์

ดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคเปิดเผยว่าการเตรียมความพร้อมในการทดสอบ 4G เป็นหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพเครือข่ายภายใต้แคมเปญ Life Network หรือ เครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของดีแทค โดยดีแทคจะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ ซึ่งสามารถทำการอัพเกรดเครือข่ายทั่วประเทศจาก 3G เป็น 4G ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปลี่ยนการ์ด 4G ในตู้สัญญาณ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ดีแทคเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 4G ได้รวดเร็วที่สุด นอกจากพร้อมที่จะนำเทคโนโลยี 4G ที่ทันสมัยมาสู่ผู้ใช้งานแล้ว เทคโนโลยีที่ทันสมัยจะสามารถสร้างโอกาสต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ในการใช้งานอย่างมหาศาลเพื่อผู้ใช้งานทั่วประเทศ

ดีแทคเป็นเครือข่ายที่มีเสาสัญญาณใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยจำนวนสถานีฐานมากที่สุดถึง 15,700 สถานีฐาน โดยเป็นสถานีสัญญาณ 3G กว่า 5,000 สถานีที่จะครอบคลุมทั่วประเทศในปลายปีนี้ จึงทำให้เราเชื่อมั่นว่าดีแทคจะเป็นผู้นำด้านเครือข่ายที่มีคุณภาพที่สุดได้อย่างแน่นอน และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดนี้จะส่งให้ดีแทคก้าวสู่ระดับแนวหน้าด้านความพร้อมสำหรับบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ และเทคโนโลยี 4G ในอนาคต” ดร.ดามพ์ กล่าว

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่าผลการทดสอบน่าพอใจเป็นอย่างยิ่งด้วยความเร็วการใช้งานดาวน์โหลดทำได้สูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) และอัพโหลดทำได้สูงสุดถึง 50 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) หรือเร็วกว่า 3G ประมาณ 5 เท่า และยังเร็วกว่า 2G ประมาณกว่า 200 เท่า โดยได้ทดสอบบนอุปกรณ์สื่อสารสมาร์ทโฟน แอร์การ์ดต่างๆ ที่รองรับเทคโนโลยี 4G

“ด้วยการดำเนินงานเพื่อยกระดับคุณภาพเครือข่ายทั้งหมดทั่วประเทศที่ผ่านมา หรือ Network SWAP ที่ได้ดำเนินไปด้วยดีอย่างรวดเร็ว โดยดีแทคได้เปลี่ยนอุปกรณ์เครือข่ายเสร็จสิ้นแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคใต้ ส่วนที่เหลือในจังหวัดอื่นๆ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้ ทั้งหมดนี้จะทำให้ดีแทคมีเครือข่ายที่มีเทคโนโลยีสูงสุดที่นำมาสู่การใช้งาน และนอกจาก 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ที่จะเปิดให้บริการแล้ว การติดตั้งหรืออัพเกรดสู่เทคโนโลยี 4G จะทำได้ง่ายดาย ภายใต้เครือข่ายใหม่ของดีแทคด้วยการเปลี่ยนการ์ด 4G ที่ตู้สัญญาณ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ดีแทคเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 4G ได้รวดเร็วที่สุด ทั้งนี้เครือข่ายดีแทคได้สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและโครงข่ายที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียในปัจจุบัน” นายประเทศ กล่าว

ดร.ดามพ์ กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า “ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดีแทคมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการสื่อสารมาบริการลูกค้าดีแทค เราจะต้องเพิ่มมูลค่าการใช้งานสู่ชีวิตประจำวันของลูกค้า และที่สำคัญจะนำไปสู่การสร้างการแข่งขันและโอกาสต่างๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุคการแข่งขันรองรับการเปิดเสรีอาเซียน (เออีซี) อีกด้วย

View :1676
Categories: 3G Tags: ,

กสทช. เป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาวิชาการระดับโลกด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร

November 9th, 2012 No comments

เตรียมพบกับงานวิจัยด้านการกำกับดูแล และพัฒนาการของภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและการสื่อสารระดับโลกมากมาย

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานสัมมนาทางวิชาการระดับโลก The 19th ITS Biennial Conference 2012 (ITS 2012 Bangkok) ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2555 ณ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี กรุงเทพฯ โดยมีนักวิชาการ และผู้สนใจในแวดวงโทรคมนาคมจากทั่วทุกมุมโลกลงทะเบียนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

รศ.ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ของ International Telecommunications Society ในครั้งที่ 19 หรือ ITS 2012 Bangkok โดยการเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาทางวิชาการ ITS 2012 Bangkok ในครั้งนี้ จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนากิจการโทรคมนาคมทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์ กฎหมาย การบริหารจัดการและการกำกับดูแล ตลอดจนการนำเสนอผลงานการศึกษาและวิจัยด้านโทรคมนาคม ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย นักวิชาการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน อาทิ หน่วยงานด้านโทรคมนาคม สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรเอกชน ทั้งผู้ผลิตและผู้ให้บริการโทรคมนาคม ทั้งที่เป็นองค์กรภายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนสื่อมวลชน

“จุดเด่นของ ITS 2012 อยู่ที่เป็นการประชุมทางวิชาการระดับโลกด้านโทรคมนาคมที่ไม่ได้มีแค่เพียงนักวิชาการ หรือเรื่องเชิงวิชาการอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีนักธุรกิจ และนักเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านโทรคมนาคม รวมไปจนถึงนักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย จึงสามารถกล่าวได้กว่า การประชุม ITS 2012 นับเป็นการผสมผสานทั้งภาคทฤษฎี และการนำไปใช้จริงให้เกิดประโยชน์” รศ.ประเสริฐ กล่าว

สำหรับการประชุม ITS 2012 ในปีนี้ จะมีการนำเสนอผลงานทางวิชาการด้านโทรคมนาคมระดับโลกที่น่าสนใจมากมายกว่า 150 ฉบับ โดยแบ่งออกเป็น 11 กลุ่ม หัวข้อหลัก อาทิ “Opening Platform and New Services, Access Policies for Broadband Networks, Competition and Regulatory in Transition, Digital TV, Spectrum Policies and Frequency Allocations เป็นต้น

ผศ.ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในฐานะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่าในส่วนของประเทศไทย กสทช. เตรียมผลักดันให้เกิดดิจิตอลทีวีขึ้นในประเทศไทยซึ่งภายในการสัมมนาฯ ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับความรู้และร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องดิจิตอลทีวี เนื่องจากมีงานวิจัยที่มีหัวข้อเกี่ยวข้องกับดิจิตอลทีวีเข้าร่วมการบรรยายในการสัมมนาฯ ครั้งนี้มากถึง 6 เรื่องด้วยกัน ซึ่งเราสามารถนำคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในเชิงปฏิบัติที่ประสบผลสำเร็จมาแล้วจากต่างประเทศ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินการทีวีระบบดิจิตอลในประเทศไทย

ที่ผ่านมา กสทช. ได้มีมติในการแบ่งช่องรายการของโทรทัศน์ระบบดิจิตอลทั้ง 48 ช่อง เป็นช่องรายการในกลุ่ม ช่องบริการชุมชน 12 ช่อง ช่องบริการสาธารณะ 12 ช่อง ช่องบริการธุรกิจในหมวดรายการเด็กและเยาวชน 5 ช่อง หมวดข่าวสารและสาระ 5 ช่อง หมวดช่องทั่วไป 10 ช่อง และในหมวดของช่องรายการที่มีคุณภาพความคมชัดสูง (เอชดี) 4 ช่องรายการ โดยในหมวดของช่องทั่วไปและเอชดี จะมีการกำหนดให้ต้องจัดรายการที่เป็นสาระประกอบอยู่เป็น 25% ของรายการทั้งหมด

“หากโครงการดิจิตอลทีวี 48 ช่องประสบความสำเร็จ กสทช. คาดว่าจะมีครัวเรือนที่รับชมดิจิตอลทีวีตามเมืองใหญ่สูงถึงร้อยละ 80 และจะเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจรูปแบบใหม่ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังสามารถทำรายการได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังทำให้ความสามารถในการวัดความนิยมของผู้ชม (วัดเรตติ้ง) เป็นไปด้วยความแม่นยำและเชื่อถือได้มากขึ้นอีกด้วย” ผศ.ดร.ธวัชชัย กล่าว

รศ.ประเสริฐ กล่าวในตอนท้ายว่า การเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITS 2012 ในครั้งนี้ นับเป็นการสนับสนุนการเผยแพร่แง่มุมด้านโทรคมนาคมในเชิงวิชาการทั้งระดับภูมิภาคและระดับประเทศ อีกทั้ง เป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้สร้างความร่วมมือกับองค์กร ITS สถาบันวิชาการด้านโทรคมนาคมชั้นนำระดับโลก หน่วยงานกำกับดูแล ตลอดจนหน่วยงานด้านนโยบายโทรคมนาคมระหว่างประเทศ อันเป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยในอนาคตต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.its2012bangkok.com

View :1304
Categories: Press/Release Tags: