Archive

Author Archive

“คอมมาร์ต เน็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2012” หลากเทรนด์ หลายสไตล์สวนกระแสของแพง

May 15th, 2012 No comments

เออาร์ไอพี เปลี่ยนลุคงานไอทียิ่งใหญ่กลางปี เป็น “” จับตลาดนิวเจเนอร์เรชัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Modern Play” หลากเทรนด์ หลายสไตล์ ไปกับโลกไอที เลือกชอปได้ตามสไตล์คุณ พันธมิตรพร้อมขนโปรฯ จัดหนักรับเปิดเทอม ทั้งถูกกว่า ดีกว่า แรงกว่าและคุ้มกว่า พิเศษสำหรับสาวก New iPad ซื้อและรับเครื่องได้ไม่จำกัดจำนวน ตื่นตากับขบวนนวัตกรรมไอทีใหม่ๆ บนพื้นที่โชว์ Gadgets & Technology Zone ตามต่อกับ Net Gen TJ Search เฟ้นหาคนรุ่นใหม่หัวใจเทคโนโลยี งานนี้แจกหนัก!! ชอป 3,000 ลุ้นรับ All NEW ISUZU D-MAX V-CROSS เฉียดล้าน โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 มิถุนายน 2555 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที ภายใต้ชื่อ “คอมมาร์ต” กล่าวว่า เออาร์ไอพี ร่วมกับบริษัทคู่ค้าไอทีชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที “คอมมาร์ต เน็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2012” ภายใต้แนวคิด “Modern Play” หลากเทรนด์ หลายสไตล์ ไปกับโลกไอที เลือกชอปได้ตามสไตล์คุณ งานครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมใหม่ ทั้งการจัดแบ่งโซนโชว์เทคโนโลยีชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหม่ที่เน้นจับกระแสไลฟ์สไตล์ทันสมัย และมีกำลังซื้อมากขึ้น เนื่องจากสินค้าไอทีมีการเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 1-2 ปี ที่ผ่านมา อาทิ โน้ตบุ๊กที่อัพตัวสินค้าเป็นอัลตราบุ๊ก มือถือปรับเป็นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก็ตาม คอมมาร์ตจึงได้มีการปรับรูปแบบการจัดงาน ให้สอดคล้องกับแนวโน้มของสินค้าไอที

“งานคอมมาร์ต เน็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2012 ครั้งนี้ จะมีส่วนผลักดันให้ตลาดไอทีเติบโตได้ รวมถึงตลาดไอทีภายในปีนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อหรือข้าวของแพงก็ตาม ความต้องการใช้ไอทียังมีเพิ่มมากขึ้น และราคายังถูกลง ทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท และองค์กรต่างๆ เพราะสินค้าไอทีมีการปรับเปลี่ยนรุ่นอัพเดทตลอด ผู้บริโภคจึงต้องอินเทรนด์ไปกับสินค้าที่ทันสมัยขึ้น ความทันสมัย ง่าย สะดวกสบายและสามารถนำมาช่วยสนับสนุน ต่อยอดธุรกิจขององค์กรหรือหน่วยงาน งานคอมมาร์ต เน็กซ์เจน จะตอบโจทย์ตรงนี้” นายปฐม กล่าว

นายปฐม กล่าวเพิ่มเติมว่า คอมมาร์ต เน็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2012 จะเป็นเวทีการประชันของนวัตกรรมล่าสุด ของโลกไอที ที่จะเข้ามาตอบรับความต้องการของตลาด ซึ่งดูจากการจัดงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตลาดไอทีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาก กำลังซื้อเริ่มกลับมาและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นตามกระแสของสินค้าไอทีที่มีการอัพเดทรุ่นใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมารองรับกลุ่มเป้าหมายเน็กซ์เจนกลุ่มนี้ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่ และงานครั้งนี้มีโปรโมชันสุดพิเศษจากผู้จัดงาน และพันธมิตรคู่ค้า สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเอาใจคอไอทีในช่วงเปิดภาคการศึกษา รวมถึง New iPad ที่สามารถซื้อและรับเครื่องได้โดยไม่จำกัดจำนวนภายในงาน ถือได้ว่ามางานเดียวได้สินค้าทั้งถูกกว่า ดีกว่า แรงกว่า และคุ้มกว่าเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ในงานจะมีการจัดพื้นที่โชว์นวัตกรรมไอที (Gadgets) และเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดจากพันธมิตรคู่ค้าและจากต่างประเทศที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อาทิ Toshiba Flash Air Wireless SDHD เมมโมรี่การ์ดตัวแรกของโลกที่มีระบบ Wireless LAN, Sony Smart Watch นาฬิกาข้อมือสุดเท่ห์ที่รองรับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์, Fujitsu Arrows Tab F-01D สุดยอด Tablet ที่ไม่หวั่นสายฝน, และไฮไลท์อื่นๆ รวมถึงโซนสำหรับการทดลองใช้กล้อง DSLR จากหลายแบรนด์ดังเพื่อให้แฟนคอมมาร์ตได้สัมผัสก่อนใคร

ส่วนกิจกรรมเสวนา Workshop ที่น่าสนใจ เข้ากับกระแส อาทิ แท็บเล็ต ป.1 อะไรที่มากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน, เทคนิคการถ่ายภาพด้วยแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังมีมุม Buyer’s Guide ปรึกษาก่อนเลือกซื้อ โดยทีมบรรณาธิการจากนิตยสาร Commart พิเศษสุดกับ Commart Big Bonus สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าไอทีครบทุก 3,000 บาท รับคูปองชิงโชคลุ้น ALL NEW ISUZU D-MAX V-CROSS รุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่าเฉียดล้านบาท และลงทะเบียนก่อนเข้างานลุ้นตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ – ฮ่องกง และรางวัลอื่นๆ อีกมากมายให้ร่วมลุ้นใน Commart Game Show และร่วมประมูล Gadget และสินค้าไอทีคุณภาพเยี่ยมหลากหลายกับ Commart Auction รวมทั้งตามต่อกับกิจกรรม Net Gen TJ Search เฟ้นหาคนรุ่นใหม่หัวใจเทคโนโลยี และกิจกรรมอื่นๆ อีกมายมาย โดยสามารถเข้าชมสดๆ ได้ทาง www.commartthailand.com

สำหรับบริษัทไอทีชั้นนำ และพันธมิตรที่เข้าร่วมสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการจัดงาน “คอมมาร์ต เน็กซ์เจน 2012” ประกอบด้วย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด, บริษัท เดลล์ คอมพิวเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และมหาวิทยาลัยศรีปทุม

View :1555

เอไอเอสประกาศความสำเร็จโครงการ Start Up Weekend 2011 เดินหน้าขยาย Business Model หนุนนักพัฒนาไทยต่อเนื่อง

May 15th, 2012 No comments

เอไอเอสเดินหน้า เปิดตัวโครงการใหม่ “AIS The StartUP” เปิดโอกาสให้ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ และนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นคนไทย ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ ผลิตแอพพลิเคชั่นโดนๆ ป้อนสู่ตลาดไทยและสากล ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอไอเอส ที่จะให้คำแนะนำ ร่วมพัฒนาและทดสอบแอพฯ แบบครบวงจรบน Technology platform ทันสมัย ตลอดจนโอกาสในการพบปะนักลงทุน หลังประสบความสำเร็จจากการประกวด Start Up Weekend เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเหล่านักพัฒนาแอพฯ ชาวไทย อาทิ ทีม Shop Spot ได้ก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจดิจิตอลในรูปแบบบริษัทด้วยการสนับสนุนทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ พร้อมเปิดตัว App Shop Spot เอาใจสาวกโลก online คอช็อปปิ้งแล้ววันนี้

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “ปัจจุบันการเติบโตของตลาด Application เป็นไปอย่างก้าวกระโดดพร้อมกับการเติบโตของ Smart Device Appได้กลายเป็นธุรกิจแห่งอนาคตของโลกมือถือ โดยปัจจุบันทั่วโลกมี App ที่ใช้กับสมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆกว่า 1,000,000 App และมี App ใหม่ๆเกิดมากกว่า 1,000 application ต่อวัน จึงทำให้มูลค่าของตลาดการพัฒนา App ทั่วโลกสูงกว่าธุรกิจในโลกสื่อสารประเภทอื่นๆเป็นอย่างมาก สำหรับในประเทศไทยผู้บริโภคให้ความสนใจในการใช้งาน application เป็นอย่างมาก เห็นได้จากสถิติการ download application ที่มากถึง 1.2 ล้าน download ต่อเดือน ซึ่งส่วนมากมาจากผู้ผลิต application ต่างประเทศ โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัท Service provider และContent Provider เข้าสู่ธุรกิจ application และ content อย่างเต็มรูปแบบประมาณ 250 ราย”

“ดังนั้นเอไอเอสในฐานะ Operator นอกเหนือจากการมองหา Application ใหม่ๆให้แก่ลูกค้าแล้ว การเข้าสนับสนุนนักพัฒนา App ให้เข้มแข็งและมีพลังในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆที่เหมาะกับผู้บริโภคคนไทย และลูกค้าในต่างประเทศจึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน ดังเช่นการจัดโครงการ AIS Start Up Weekend 2011 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบผลสำเร็จเกินคาดหมาย โดยมีทีมนักพัฒนาหน้าใหม่ศักยภาพสูงหลายทีมกำลังเข้าสู่เส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจดิจิตอลอย่างเต็มตัว ภายในเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น อาทิ ทีม ShopSpot 1 ในผู้ชนะจาก AIS Start Up Weekend 2011 ซึ่งขณะนี้นอกจากจะเปิดตัว Application : Shop Spot ที่เป็น peer-to-peer commerce platform ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้คนสามารถทำการซื้อขายของกันได้อย่างง่ายๆ บนโลก Social Network ด้วยแนวคิด “ทำให้การซื้อ-ขายของเป็นเรื่องง่ายเหมือนการทวีต” แล้ว ปัจจุบันยังได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีนักลงทุนมาร่วมลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เช่นเดียวกับทีมอื่นๆที่ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา Application พร้อมๆกับการเดินสาย Road Show กับนักลงทุนอยู่”

“นี่คือ Trend ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในส่วนของอุตสาหกรรมการพัฒนา Application ที่หลายประเทศต่างพยายามผลักดันให้พลเมืองก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการดิจิตอลด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันที่ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าทุกชาติ ทุกภาษาได้อย่างไร้ข้อจำกัด โดยในส่วนของเอไอเอสเองนั้นช่วงที่ผ่านมาเราเองได้ต้อนรับพันธมิตรที่เป็น Content Provider หรือ Service Provider อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาบริการและ Application ไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามวันนี้เราได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและศักยภาพในการเป็นนักพัฒนา App อย่างเต็มรูปแบบพร้อมความกล้าในการเริ่มเป็นเจ้าของกิจการ ดังนั้นวันนี้เอไอเอสจึงเดินหน้าไปอีกขั้นในการต้อนรับการเป็นพันธมิตรโดยตรงกับตัวผู้พัฒนา Application หรือบริษัทรายย่อย ซึ่งปัจจุบันเริ่มเกิดขึ้นอย่างมากมาย กับ “โครงการ AIS The StartUP” ที่เป็นลักษณะของ Community นักพัฒนา ซึ่งเอไอเอสพร้อมจะสนับสนุน ส่งเสริม ทั้งเทคโนโลยี การเชื่อมต่อกับระบบหลังบ้าน กลยุทธ์-เทคนิคทางการตลาด ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าเอไอเอสที่มีกว่า 34 ล้านรายในปัจจุบัน และลูกค้าในระดับภูมิภาคผ่านทาง Singtel Group ที่มีฐานลูกค้ากว่า 400 ล้านราย ตลอดจนการให้คำแนะนำในการจัดตั้งบริษัทฯและเข้าพบนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีความสนใจลงทุนในธุรกิจ Digital อย่างไม่จำกัด” นายปรัธนากล่าว

โครงการ AIS The StartUP เปิดให้ท่านร่วมแชร์ไอเดียหรือส่งผลงานเข้ามาได้แล้ววันนี้ที่ email : thestartup@ais.co.th ดูรายละเอียดของโครงการได้ทาง http://www.ais.co.th/thestartup โดยหากไอเดียมีความน่าสนใจและสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ ทีมงาน AIS จะเชิญเข้าพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและพัฒนาผลงานร่วมกัน ณ AIS Innovation Center อาคารเอไอเอส พหลโยธิน ซอย 9 ชั้น 3 ซึ่งต่อจากนี้จะเป็นศูนย์กลางในการพบปะกันของคอมมูนิตี้นักพัฒนา รวมถึงนัดหมายให้พบปะกับนักลงทุนเพื่อเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในบริการที่พัฒนาร่วมกันต่อไป

ข้อมูลโดยย่อเกี่ยวกับทีมชนะเลิศและทีมรองชนะเลิศ AIS Startup weekend BKK 2011

ทีมชนะเลิศ

ทีม Chatterbox กับคอนเซ็ปท์สร้าง cross-platform mobile app


ทีม Chatterbox กับคอนเซ็ปท์สร้าง cross-platform mobile app ที่ช่วยให้ผู้ชมรายการโทรทัศน์สามารถสื่อสารกับผู้ชมคนอื่น ๆ ได้ในขณะชมรายการเดียวกัน และยังช่วยให้เจ้าของรายการสามารถเข้ามีส่วนร่วมกับผู้ชมรายการตนเองในขณะเดียวกันได้อีกด้วย จึงนับว่าเป็นการเชื่อมผู้คนที่ชมรายการโทรทัศน์เข้าด้วยกันไปพร้อมกับเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการดูรายการโทรทัศน์ และเปลี่ยนโลกนวัตกรรมอีกด้วย

ทีมรองชนะเลิศ

ทีม ShopSpot กับแอพฯ Shop Spot เป็นแอพฯ มือถือแนว peer-to-peer commerce platform


ทีม ShopSpot กับแอพฯ Shop Spot เป็นแอพฯ มือถือแนว peer-to-peer commerce platform ที่เปิดให้ผู้คนสามารถทำการซื้อขายของกันได้อย่างง่าย ๆ โดยมีแนวคิดของแอพฯ ว่า “ทำให้การซื้อของขายของเป็นเรื่องง่ายเหมือนการทวีต” ซึ่ง ShopSpot ได้เปิดตัวแอพฯมือถือบนแพลตฟอร์ม IOS หรือใน Apple storeไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และสามารถก้าวไปอยู่ในระดับท๊อป 5 ของแอพฯ ประเภทเดียวกันภายในระยะเวลาแค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้น ถึงตอนนี้ แอพฯ ShopSpot มียอดดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 1500 ครั้ง และกำลังสร้างกระแสใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกมือถือ

ทีม Like Me แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ใช้รับสิทธิพิเศษที่ผู้ใช้ชอบที่สุดจากแบรนด์ที่ชื่นชอบ


ทีม Like Me แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ใช้รับสิทธิพิเศษที่ผู้ใช้ชอบที่สุดจากแบรนด์ที่ชื่นชอบ และสนุกไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่ชอบเหมือนกัน ปัจจุบัน Like me กำลังดำเนินการพัฒนาโดย Like me จะเริ่มออกสู่สายตาผู้ใช้ครั้งแรกในต้นเดือน กรกฎาคมนี้ โดยขณะนี้ Like Me ได้มี Investor ในเมืองไทยเข้าร่วมลงทุนแล้ว

ทีม Got it พัฒนาแอพเพื่อรักษาความภักดีในตราผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลูกค้า


ทีม Got it พัฒนาแอพเพื่อรักษาความภักดีในตราผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลูกค้า โดยสามารถใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนแทนบัตรประเภท Royalty card ที่เป็นพลาสติกหรือบัตรกระดาษแข็งแบบดั่งเดิม และยังช่วยให้เจ้าของสินค้าและผู้ค้าเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าสามารถรับผลประโยชน์จากแต้มสะสมได้มากขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกสร้างความสนุก สร้างสังคม และให้ประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งลูกค้าและเจ้าของสินค้า ผู้ขายสินค้า

ทีม Flowz แอพฯ ในรูปแบบ Privilege Platform ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถพบประสบการณ์ใหม่ของการให้ privilege


ทีม Flowz แอพฯ ในรูปแบบ Privilege Platform ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถพบประสบการณ์ใหม่ของการให้ privilege และกิจกรรมสนุกๆ และช่วยให้บริษัทสามารถสร้างช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่านโปรแกรมcustomer royalty ให้กับลูกค้า โดยเจาะกลุ่มลูกค้าอายุระหว่า 18-40 ปีที่ใช้ Social Network และมือถือประเภทสมาร์ทโฟน กำลังเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน ทั้ง iOS และ Android

View :2108
Categories: Press/Release Tags:

โซนี่ มิวสิค ต่อยอดกลยุทธ์ “One Sony”ให้ลูกค้า “เอ็กซ์พีเรียโซนี่สมาร์ทโฟน” ดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งคอนเทนต์ได้ฟรียกค่ายแล้ววันนี้

May 14th, 2012 No comments

มิวสิค ต่อยอดกลยุทธ์ “One Sony” ให้ลูกค้า “เอ็กซ์พีเรียโซนี่สมาร์ทโฟน” (Xperia™ Sony Smartphone) ดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งคอนเทนต์ อาทิ เพลง MP3 และ มิวสิควีดีโอ จากโซนี่มิวสิคได้ฟรี!!!!!! ผ่านทางเว็บแอพพลิเคชั่น “ไอ-ฮัม มิวสิค สโตร์” (I-humm music store) ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2555 ด้วยวิธีง่ายๆเพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “ไอ-ฮัม มิวสิค สโตร์” (I-humm music store) ผ่านทาง Google Play มาลงไว้ในมือถือ เพียงเท่านี้ลูกค้า “เอ็กซ์พีเรียโซนี่สมาร์ทโฟน” (Xperia™ Sony Smartphone)ก็สามารถสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ทั้งไทยและต่างประเทศจากโซนี่มิวสิคได้ง่ายๆและไม่ยุ่งยาก โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/sonymobileth

View :1747
Categories: Press/Release Tags:

เทรนด์ ไมโคร ประกาศจับมือเฟซบุ๊กร่วมนำเสนอระบบป้องกันผู้ใช้ในโลกดิจิทัล

May 14th, 2012 No comments

บริษัท เทรนด์ ไมโคร อินคอร์ปอเรท ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ ประกาศเป็นพันธมิตรร่วมกับเฟซบุ๊ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับมัลแวร์และไซต์ที่เป็นอันตรายต่างๆ และปกป้องชีวิตของผู้ใช้ในโลกดิจิทัล โดยเฟซบุ๊กจะสนับสนุนการผสานรวมโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะ (Trend Micro™ Smart Protection Network™) ซึ่งใช้เทคโนโลยีคลาวด์ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของภัยคุกคาม และเครือข่ายระบบตรวจจับภัยคุกคามอัจฉริยะทั่วโลก เพื่อหยุดการทำงานของมัลแวร์และภัยคุกคามบนเว็บในเชิงรุกก่อนที่จะเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนี้ เฟซบุ๊กจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อช่วยในการปิดกั้นลิงก์ที่เป็นอันตรายต่างๆ ด้วย

ขณะนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กจะได้รับประโยชน์จากการป้องกันในลักษณะเดียวกับที่มีการปรับใช้ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะผ่านทางเครื่องแมค พีซี หรืออุปกรณ์มือถือ คลิกลิงก์ที่ถูกส่งหรือโพสต์อยู่บนวอลล์ของเพื่อน ลิงก์ดังกล่าวจะถูกวิเคราะห์ก่อนโดยอัตโนมัติ (เบื้องหลัง) จากเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะของบริษัท เทรนด์ ไมโคร (Trend Micro™ Smart Protection Network™) ซึ่งจะดำเนินการวิเคราะห์ในแบบเรียลไทม์เพื่อดูว่า URL และเนื้อหาของลิงก์ดังกล่าวปลอดภัยหรือไม่ ถ้าดูเหมือนว่าลิงก์ดังกล่าวจะไม่ปลอดภัย บริษัท เทรนด์ ไมโครจะแจ้งเตือนผู้ใช้ว่าลิงก์นั้นอาจนำไปสู่เว็บไซต์ที่เป็นอันตรายหรือไซต์ของมัลแวร์ได้ นอกจากโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะจะได้ผสานรวมเข้ากับฐานข้อมูลของเฟซบุ๊กซึ่งเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการ URL ที่เป็นอันตรายจากภายนอกแล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวยังได้นำเสนอการป้องกันขั้นสูงจากระบบคลาวด์เพื่อช่วยปิดกั้นภัยคุกคามในแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งประมวลผล URL อีเมล และการสืบค้นไฟล์กว่า 70 ล้านรายการต่อวัน โดยในแต่ละวันบริษัท เทรนด์ ไมโคร สามารถบล็อกภัยคุกคามได้กว่า 1.4 พันล้านรายการและประมวลผล URL ใหม่ๆ ได้เป็นจำนวนกว่า 300 ล้านรายการ

บริษัท เทรนด์ ไมโคร และเฟซบุ๊กยังร่วมมือกันส่งเสริมและให้ความรู้ด้านความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ โดยจะแจ้ง ให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุดของภัยคุกคามผ่านทางหลากหลายช่องทางที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บด้านความปลอดภัยของเฟซบุ๊ก คำแนะนำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศในบล็อก แบบสอบถาม วิดีโอ และอื่นๆ

แครอล คาร์เพนเตอร์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผู้บริโภค บริษัท เทรนด์ ไมโคร กล่าวว่า “ปัจจุบัน เฟซบุ๊ก ถือเป็นระบบสื่อสารที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และไม่ว่าคุณจะมีอายุ 9 ขวบหรือ 99 ปี ก็สามารถตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ได้เหมือนๆ กัน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับเฟซบุ๊กในการนำเสนอระดับชั้นการป้องกันเพิ่มเติมให้กับผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเป็นกังวลเมื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ และสามารถอัพโหลดรูปภาพในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของตนได้อย่างสบายใจ”

โจ ซูลลิแวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยของเฟซบุ๊ก กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ผสานรวมกับเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะของบริษัท เทรนด์ ไมโคร เข้ากับฐานข้อมูล URL ที่เป็นอันตรายของเฟซบุ๊ก รวมถึงการมีโอกาสที่ได้นำเสนอซอฟต์แวร์ของเทรนด์ ไมโคร ให้กับผู้ใช้ของเราด้วย ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถปกป้องผู้ใช้บริการของเราได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดบนเว็บก็ตาม”

นอกจากนี้ บริษัท เทรนด์ ไมโคร ยังได้นำเสนอเทรนด์ ไมโคร ไททาเนียม ซิเคียวริตี้ เอสเซนเชียลส์ (Trend Micro™ Titanium™ Security Essentials) รุ่นทดลองใช้ฟรีเป็นระยะเวลา 6 เดือนสำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กผ่านทางพีซี และเทรนด์ ไมโคร สมาร์ท เซิร์ฟวิ่งสำหรับเครื่องแมค (Trend Micro™ Smart Surfing for Mac) รุ่นทดลองใช้ฟรีสำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กผ่านทางเครื่องแมค ซึ่งทั้งสองโซลูชั่นนี้จะจัดเตรียมระบบป้องกันที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการท่องเว็บโดยปราศจากสิ่งรบกวน ในเบื้องต้นบริการนี้จะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และออสเตรเลียก่อน เมื่อต้องการลงทะเบียนใช้งานให้เข้าร่วมในชุมชน Fearless Web ของบริษัท เทรนด์ ไมโครทางเฟซบุ๊ก ด้วยการคลิก “Like” Fearless Web เพื่อรับสิทธิ์ใช้งานฟรีเป็นเวลาหกเดือน ซึ่งข้อเสนอนี้ยังจะสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางหน้าความปลอดภัยของเฟซบุ๊ก (https://www.facebook.com/security) ได้ด้วยเช่นกัน
เทรนด์ ไมโคร ไททาเนียม ซิเคียวริตี้ เอสเซนเชียลส์สำหรับพีซี • ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อหยุดภัยคุกคามในลักษณะเชิงรุกก่อนที่จะมาถึงตัวคุณ • ใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์และหน่วยความจำไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ • อินเทอร์เฟสง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน และยังได้รับคะแนนระดับสูงสุดจากการทดสอบ AV Comparatives*
เทรนด์ ไมโคร สมาร์ท เซิร์ฟวิ่งสำหรับเครื่องแมค • ป้องกันกลลวงฟิชชิ่งและภัยคุกคามออนไลน์อื่นๆ รวมถึงป้องกันการดาวน์โหลดสิ่งที่เป็นอันตรายจากเว็บไซต์ • ช่วยให้คุณสามารถจัดการกิจกรรมทางออนไลน์ของบุตรหลานได้ด้วยคุณสมบัติการควบคุมโดยผู้ปกครอง • การอัพเดตอัตโนมัติไม่มีค่าใช้จ่าย • เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเครื่องแมคที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา**

* อ้างอิงข้อมูลผลการทดสอบ AV Comparatives Whole Product Dynamic “Real World” Protection ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2554
** อ้างอิงข้อมูลยอดจำหน่ายปลีกรวมสิบสองเดือนในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งรายงานโดย NPD Group เมื่อเดือนมกราคม 2555

View :1351

ออโตเดสก์จับมือ Photobucket นำ Pixlr สู่ผู้ใช้กว่า 100ล้านราย

May 14th, 2012 No comments


โปรแกรมแต่งภาพยอดนิยม Pixlr เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ Photobucket

ออโตเดสก์ จับมือ Photobucket เว็บไซต์แชร์รูปและวีดีโอยอดนิยมนำ Pixlr™ โปรแกรมแต่งภาพที่สามารถแก้ไขได้แบบพิกเซลต่อพิกเซลสู่ผู้ใช้กว่า 100ล้านรายทั่วโลก “ออโตเดสก์จะช่วยปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ด้วยการสร้างการออกแบบแบบดิจิตอลและสร้างเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงได้ ที่สำคัญเป็นที่ถูกใจของคนส่วนมาก” กล่าวโดย ซามีร์ ฮันนา รองประธานฝ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคของออโตเดสก์ “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ Photobucket และยังคงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ผ่านเครื่องมือแต่งภาพที่หลากหลายของ Pixlr “

View :1321
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคประกาศแต่งตั้งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี

May 14th, 2012 No comments

บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ประกาศแต่งตั้ง นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก ได้ร่วมงานกับดีแทคมาเป็นระยะเวลากว่า 7 ปี โดยก่อนที่จะย้ายมารับตำแหน่งปัจจุบัน นายเพ็ตเตอร์ ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 และก่อนหน้านั้น เคยดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชีที่ดีแทคมาก่อน ตั้งแต่ปี 2547 – 2550 ในระหว่างนั้น นายเพ็ตเตอร์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2550 ส่งผลให้ดีแทคเป็นบริษัทไทยบริษัทแรกที่จดทะเบียนใน 2 ตลาด ภายหลังจากที่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ไปแล้วในปี 2538

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวว่า “ภายหลังจากที่ได้พยายามอย่างต่อเนื่อง ในการสรรหาผู้ที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี ทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ เราได้ตัดสินใจที่จะขอให้คุณเพ็ตเตอร์กลับมารับตำแหน่งนี้อีกครั้ง คุณเพ็ตเตอร์เป็นผู้ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งในเรื่องของอุตสาหกรรม การเงิน และการปฏิบัติการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจในช่วงเวลาที่สำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมูลใบอนุญาต 2.1 GHz ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ผมจึงรู้สึกยินดีมากที่คุณเพ็ตเตอร์ตัดสินใจรับตำแหน่งนี้”
“ในระหว่างนี้ คุณเพ็ตเตอร์จะดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี รวมทั้งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์” คุณจอนกล่าว

View :1118
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทค จับมือ โซนี่ มอบแพ็กเกจ Super Deal L พิเศษ 499 บาท ผ่อน 0% นาน 10 เดือน สำหรับ Xperia S

May 14th, 2012 No comments

ร่วมมือ มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าสมาร์ทโฟนดีแทคโดยเฉพาะ ต้อนรับรุ่น Xperia™ S และ รุ่น Xperia™ U สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากโซนี่เข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายของดีแทคทั่วประเทศด้วยโปรโมชั่นจูงใจ พิเศษรุ่น Xperia™ S รับสิทธิ์แพ็กเกจ Super Deal L ใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด เพียง 499 บาท/เดือน จาก 899/เดือน, ผ่อน 0% นาน 10 เดือน และลุ้นชมคอนเสิร์ต วัชราวลี , สิงโต นำโชค และแป้งโกะ แบบพิเศษกว่าใคร

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์สื่อสาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า ดีแทค กับ โซนี่ จับมือทำตลาดสมาร์ทโฟนร่วมกันในครั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าของเรามีสมาร์ทโฟนคุณภาพระบบในปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นทางเลือกใหม่ ซึ่งรุ่น Xperia™ S มีความโดดเด่นในด้านของฟังก์ชั่นด้านเสียงเพลงและกล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล ในครั้งนี้ดีแทคได้ต้อนรับลูกค้าที่ชื่นชอบโซนี่ ด้วยโปรโมชั่นพิเศษเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานด้านดาต้าและเอนเทอร์เทนเมนต์ต่าง ๆ บนเครือข่าย dtac 3G กับ รุ่นXperia™ S ได้อย่างสนุกเต็มรสชาติ เราจึงให้สิทธิ์ลูกค้าใช้งานแพ็กเกจ Super Deal L ยอดนิยมจากดีแทคได้ในอัตราเพียงเดือนละ 499 บาท ลูกค้าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัดและใช้งานโทรได้ถึง 550 นาที พร้อมกันนั้นพันธมิตรทั้งสองยังร่วมมือกันจัดแคมเปญบันเทิงพิเศษเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้ โดยให้ลูกค้ามีสิทธิ์ลุ้นไปชมคอนเสิร์ตวัชราวลี , สิงโต นำโชค และ แป้งโกะ ฟรีในช่วงเดือนมิถุนายนด้วย และในระยะเวลาอันใกล้นี้ดีแทคจะได้นำรุ่น Xperia™ U มาจำหน่ายอีกรุ่นหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนได้ง่ายด้วยสเปคเครื่องที่มีคุณภาพในราคาน่าสนใจ

การทำตลาดสมาร์ทโฟนของดีแทคในปี 2555 เรายึดมั่นในคอนเซ็ปต์การตลาด “สมาร์ทโฟน 3G จากดีแทค ใคร ๆ ก็มีได้” และยังคงเดินหน้านำเครื่องรุ่นยอดนิยมต่าง ๆ มาจำหน่ายตามความต้องการของลูกค้าพร้อมกับจัดโปรโมชั่นให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มต่อไป

นายกฤษณ์ ประพัทธศักดิ์ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท โซนี่ โมบายล์ คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ทางโซนี่มุ่งเน้นการทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแรงทางด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือกันระหว่าง โซนี่ และ ดีแทค ในครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะขยายตลาดสมาร์ทโฟนเข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายของดีแทคที่มีอยู่ทั่วประเทศ และเป็นการทำโปรโมชั่นร่วมกันเพื่อให้ลูกค้าดีแทคที่ซื้อโซนี่สมาร์ทโฟนได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากดีแทคมีจุดแข็งอยู่ที่การเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีคุณภาพและครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งทางโซนี่เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทแล้ว ยังสามารถสร้างแบรนด์โซนี่ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ดีแทคจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน จาก โซนี่ รุ่นใหม่ถึง 2 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย Xperia™ S และ Xperia™ U ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค ดีแทคเซ็นเตอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ

ลูกค้าที่ซื้อ รุ่น Xperia™ S ราคา 17,990 บาทที่ดีแทค สามารถรับสิทธิ์ผ่อนดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมทั้งได้รับสิทธิ์สมัครแพ็กเกจ Super Deal L เพียง 499 บาทต่อเดือน (จาก 899 บาทต่อเดือน) ในรอบบิลที่ 1-6 และ 649 บาทต่อเดือน ในรอบบิลที่ 7-18 และสามารถใช้งานเอนเทอร์เทนเมนต์กับ รุ่น Xperia™ S อย่างเต็มที่บนเครือข่าย dtac 3G (ใช้ความเร็ว 3G สูงสุดจำนวน 2 GB) พร้อมทั้งใช้งานโทรได้เดือนละ 550 นาที

สำหรับ รุ่น Xperia™ U ราคา 9,990 บาท วางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้ มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าดีแทครับโบนัสค่าโทร (ดีแทคโบนัส) รอบบิลละ 300 บาท นาน 24 รอบบิล และใช้บริการเสริมฟรี เฟซบุ๊คนาน 24 เดือน สำหรับลูกค้าแฮปปี้รับฟรีเฟซบุ๊ค พร้อมรับโบนัสโทรฟรี นาน 12 เดือน เมื่อสมัครแพ็กเกจที่ร่วมรายการ

ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดสมาร์ทโฟนใหม่พร้อมโปรโมชั่นเพิ่มเติม และศึกษาเงื่อนไขการใช้งานแพ็กเกจต่าง ๆ ได้ที่ www.dtac.co.th

View :1680

เอชพี ปฏิวัติบริการสนับสนุนลูกค้าองค์กรรองรับยุคคลาวด์ เปิดตัวบริการ Always On Support Services ใหม่

May 14th, 2012 No comments

ชูจุดเด่นป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆ ลดเวลาการหยุดทำงานของระบบ พร้อมพัฒนาอัตราการแก้ไขปัญหาได้สำเร็จในครั้งแรก

เอชพี ประกาศเปิดตัวบริการสนับสนุนด้านไอทีรายแรกในอุตสาหกรรม มีระบบสถาปัตยกรรมรองรับสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ แบบผนวกจากผู้ให้บริการหลากหลายราย ช่วยให้องค์กรต่างๆ มีความพร้อมรับมือกับปัญหาก่อนเกิดขึ้นจริง ตลอดจนมีอัตราการแก้ไขปัญหาสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 และช่วยแก้ไขปัญหาการหยุดทำงานของระบบที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ได้เร็วขึ้นร้อยละ 66(1)

บริการ ใหม่จากเอชพี ผนวกรวมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่พัฒนาบนระบบสถาปัตยกรรมแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) และนวัตกรรมบริการต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์การสนับสนุนโฉมใหม่ในสภาพแวดล้อมไอทีที่มีความซับซ้อนในปัจจุบัน

บริการสนับสนุนแบบเดิมเป็นการสนับสนุนในรูปแบบของการแก้ไขหลังจากมีปัญหาที่เกิดขึ้น (break/fix) โดยใช้กับอุปกรณ์แยกเฉพาะแต่ละชนิดที่จัดเก็บไว้ในคลังเทคโนโลยีเดียว อุปกรณ์ดังกล่าวมีทั้งสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ แบบเวอร์ช่วล และหลายหลายผู้ให้บริการ โดยจะมีการทำงานที่เกี่ยวพันระหว่างกันทั่วระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที ส่งผลให้การทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้นอีกระดับ

การวินิจฉัยปัญหาในสภาพแวดล้อมแบบเดิมดังกล่าวทำได้ช้ามาก ก่อให้เกิดการหยุดทำงานของระบบอย่างที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้องค์กรต่างๆ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ(2) ดังนั้น การกำหนดทิศทางการสนับสนุนแบบใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรในปัจจุบัน

รายงานล่าสุดของการ์ทเนอร์ระบุว่า คำจำกัดของ “บริการสนับสนุน” นั้นเปลี่ยนแปลงไป ลูกค้าต้องการและจำเป็นต้องได้รับบริการสนับสนุนเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหามากกว่าต้องการบริการแก้ไขหลังจากมีปัญหาเกิดขึ้น(3)

ในกรณีที่มีการคาดการณ์ไม่เพียงพอ ลูกค้าต้องการการสนับสนุนที่เข้มข้นมากขึ้นเมื่อเกิดปัญหา เช่น ความต้องการติดต่อกับหน่วยงานให้ความช่วยเหลือจากแหล่งเดียว และต้องมีความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการทำงานของตน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

มร. ร็อบ แอดดี้ ผู้อำนวยการด้านการวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำ เช่น เทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น และระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกรวมกับสภาพแวดล้อมหลากหลายระบบจะทำให้เกิดความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งยังทำให้สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีในปัจจุบันมีความท้าทายมากกว่าที่เคยมีมา ส่งผลให้ลูกค้าต้องการและคาดหวังจากผู้ให้บริการสนับสนุนมากขึ้น ขณะที่ระบบการสนับสนุนแบบเดิมจะมีความสำคัญลดลง ดังนั้น จึงถึงเวลาที่ต้องมีการพัฒนาและยกระดับระบบการสนับสนุนใหม่ โดยใช้วิธีการป้องกันเชิงรุกและมีการคาดการณ์อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นมาตรการที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก”

การสนับสนุนเชิงรุกจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้รอบด้าน

ระบบสนับสนุน Always On Support Services จากเอชพี เปิดให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารโดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับลูกค้า ทั้งยังเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมการทำงานของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และมีข้อมูลเกี่ยวกับระบบการทำงานของลูกค้าโดยละเอียด ก่อนได้รับการติดต่อขอรับบริการจากลูกค้าเป็นครั้งแรก

เซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Gen8 ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ มาพร้อมกับรูปแบบการให้บริการ Always on Support Services ใหม่ดังกล่าว ทั้งยังมีข้อมูลการวิเคราะห์สมรรถนะเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เสริมทัพด้วยเครื่องมือสนับสนุน HP Insight Remote Support สุดล้ำที่มีการทำงานอัตโนมัติ ทั้งยังมีสมรรถนะสนับสนุนและให้บริการใหม่ และมีข้อมูลการรับประกันสำหรับลูกค้า ส่งผลให้บริการสนับสนุนของเอชพี คือ สุดยอดประสบการณ์การสนับสนุนที่ประหยัดและคุ้มค่าสูงสุด เหนือกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมไอที

คุณวราภรณ์ ปิ่นโฑละ ผู้อำนวยการ หน่วยธุรกิจ เทคโนโลยี เซอร์วิส กลุ่มธุรกิจ เอ็นเทอร์ไพรส์ บิสิเนส บริษัท เอชพี ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีพื้นฐานที่สามารถช่วยจัดการกับระบบไอที เพื่อให้องค์กรจัดสรรเวลาและทรัพยากรต่างๆ มาทุ่มเทกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมแทนที่จะหมดไปกับการแก้ไขปัญหาต่างๆ” และเสริมว่า “ปัจจุบัน รูปแบบการสนับสนุนระบบไอทีเชิงรับแบบเดิมไม่ให้ประสิทธิผลอีกต่อไป อุตสาหกรรมไอทีจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีให้การสนับสนุนเพื่อให้บริการเชิงรุกและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และเอชพี คือผู้นำด้านดังกล่าว”

ผนวกรวมบริการสนับสนุนและระบบโครงสร้างพื้นฐานของเอชพี

บริการ Always On Support Services จากเอชพี มอบประสบการณ์การให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งระบบการแก้ไขปัญหาเชิงรุก โดยมอนิเตอร์การทำงานที่จุดจัดเก็บข้อมูลการวินิจฉัยกว่า 1,600 จุดที่รวบรวมโดยระบบสถาปัตยกรรม HP ProActive Insight Architecture อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน สถาปัตยกรรม HP ProActive Insight Architecture ติดตั้งบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Gen8 และจะผนวกรวมกับพอร์ทโฟลิโอระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) ทั้งหมดในเร็วๆ นี้

บริการ Always On Support Services จากเอชพีประกอบด้วย

· บริการ HP Foundation Care เร่งรัดการแก้ไขปัญหาเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยยกระดับบริการสนับสนุนให้มีการทำงานง่ายขึ้น ด้วยการสร้างจุดติดต่อเพียงจุดเดียวที่เอชพี เพื่อให้บริการทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมของลูกค้า นอกจากนี้ เอชพียังนำความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อิสระชั้นนำ (ISV : independent software vendors) มาใช้ขจัดปัญหาการโยนข้อผิดพลาดให้แก่ผู้อื่นที่พบในรูปแบบการให้บริการแบบเก่า

· บริการ HP Proactive Care ลดช่วงเวลาหการหยุดทำงานของระบบและสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยระบุปัญหาก่อนเกิดขึ้นจริง บริการ HP Proactive Care จะช่วยลูกค้าเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญของเอชพีได้โดยตรงและทันที เพื่อรับบริการสนับสนุนและคำแนะนำที่ถูกต้องทันต่อความต้องการของลูกค้า จึงช่วยขจัดความล่าช้าจากการขอรับการสนับสนุนจากบุคลากรที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ ที่พบในรูปแบบการสนับสนุนแบบเดิม

· บริการ HP Datacenter Care ให้การสนับสนุนที่ปรับตามความต้องการและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่มีผู้ให้บริการหลากหลายรายของลูกค้าแต่ละองค์กร โดยมีหน่วยงานให้บริการครบวงจรเพียงจุดเดียวที่เอชพี ส่งผลให้สามารถรับสายเรียกเข้าได้มากขึ้น ให้บริการเชิงรุกที่ดีขึ้น ให้การสนับสนุนเชิงรับและมีการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น โดยใช้เครื่องมือและชุดวิเคราะห์การคาดการณ์ของเอชพีเพื่อมอบความคุ้มค่าระดับพรีเมี่ยมในราคาสุดประหยัด

นอกจากนี้ เอชพี ยังเปิดบริการ Lifecycle Event Services ที่นำความรู้ความชำนาญของเอชพีมาผนวกกับพอร์ทโฟลิโอบริการชุด HP Care ข้างต้นตลอดอายุการทำงานของเทคโนโลยีในโครงการไอทีต่างๆ ซึ่งได้แก่ การวางกลยุทธ์ การออกแบบ การดำเนินการ และบริการให้การศึกษา ส่งผลให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อบริการเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตนได้มากที่สุด

บริการ Always On Support Services จากเอชพีเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ผ่านระบบ HP Technology Services และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของเอชพี รวมทั้งพันธมิตรที่ได้รับอนุญาตภายใต้โครงการ HP ServiceONE

เอชพี มีกำหนดจัดงาน HP Discover ระหว่างวันที่ 4 – 7 มิถุนายน 2555 ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา

View :1428

เอไอเอส เปิดให้บริการ “AIS Wifi @ อัมพวา” แล้ววันนี้ ตอบไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวยุคสังคมออนไลน์

May 11th, 2012 No comments


เอไอเอสร่วมกับเทศบาลตำบลอัมพวา ขยายพื้นที่ให้บริการ “” เอาใจคนรักการท่องเที่ยวตลาดน้ำ และหลงเสน่ห์ชุมชนย้อนยุค ให้ท่องเน็ต ไร้สายความเร็วสูงได้อย่างสะดวกสบาย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ทำให้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร จะเช็คอิน อัพเดตสเตตัส หรือแชร์ภาพบนโซเชียลเน็ตเวิร์กก็คล่องตัว ซึ่งบริการนี้จะครอบคลุมทั้งตลาดน้ำอัมพวาและพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์, พิพิธภัณฑ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัย, เลิศหล้าพฤกษาพรรณ, ศาลาริมน้ำ, สำนักเทศบาล, อาคารอเนกประสงค์เทศบาลอัมพวา และโรงเรียนอัมพวา

โดยลูกค้าเอไอเอสที่มีแพ็คเกจ AIS Wifi อยู่แล้ว สามารถเข้าใช้บริการ AIS Wifi @ อัมพวาได้ทันที โดยไม่ต้องสมัครหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม พิเศษ! สำหรับลูกค้าเอไอเอสที่สนใจ ทดลองใช้ AIS Wifi ที่อัมพวาได้ฟรี 1 ชม. /วัน เพียงกด *199*701# แล้วโทรออก ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2555 สอบถามเพิ่มเติมโทร AIS Call Center 1175

View :1328

เอชพีเผยโฉมเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ Color Inkjet Web Press ล้ำสมัย พร้อมจัดแสดงชุดผลิตภัณฑ์ HP Indigo ใหม่ในงาน drupa 2012

May 10th, 2012 No comments

การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ระดับโลกโดดเด่นด้วยแอพพลิเคชั่นดิจิตอลที่ใช้งานได้จริง เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์เสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจ

เอชพี ผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ยกระดับสมรรถนะด้านความเร็วของการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท ประกาศเปิดตัวเครื่องพิมพ์สีเต็มรูปแบบ HP Inkjet Web Press ความกว้างหนึ่งเมตร ที่สามารถพิมพ์ความยาวได้ถึง 244 เมตร (800 ฟุต) ต่อนาที และโดดเด่นด้วยหมึกพิมพ์ หัวพิมพ์ และกระดาษเคลือบเงาที่รองรับความเร็วในการพิมพ์ที่มากขึ้นโดยไม่กระทบกับคุณภาพของชิ้นงานพิมพ์

สมรรถนะการพิมพ์สีความเร็วสูงดังกล่าวจะมีพร้อมให้ใช้งานได้ในระบบการพิมพ์บางระบบ หรือเป็นออฟชั่นการอัพเกรดในปีหน้า

นอกจากนี้ เอชพีได้ประกาศว่าชุดผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งรวมถึงเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์เอชพีที่ป้อนกระดาษขนาด B2 เครื่องแรกในตลาด และเป็นหนึ่งในหกเครื่องพิมพ์ HP Indigo ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคมนั้น ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี และเอชพีได้ลงนามในข้อตกลงกับเหล่า ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ (PSPs) มากกว่า 70 รายในส่วนของเครื่องพิมพ์ HP Indigo 5600 และ 7600 Digital Presses

พร้อมกันนี้ เอชพีเปิดเผยว่าได้รับการสั่งซื้อโซลูชั่นการพิมพ์ความเร็วสูงแบบ ขาวดำ และแบบสีครบวงจรครั้งแรก รวมทั้งเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เว็บที่มีความเร็วมากขึ้นชุดใหม่แล้ว โดยขณะนี้เอชพีได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Inkjet Web Presses ไปแล้วกว่า 70 เครื่องทั่วโลก ซึ่งสามารถผลิตงานพิมพ์รวมกันได้มากกว่า11,000 ล้านแผ่น

“เรากำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากระบบการพิมพ์แบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ โดยที่ชุดผลิตภัณฑ์โซลูชั่นแบบดิจิตอลอันครบครันของเราเข้ามาพลิกโฉมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์และบริการที่เหล่าผู้ให้บริการ ด้านการพิมพ์สามารถนำเสนอแก่ลูกค้าได้” มร.คริสโตเฟอร์ มอร์แกน รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจกราฟฟิก โซลูชั่นส์ เอชพี กล่าว

ในงาน drupa 2012 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าครั้งสำคัญที่สุดในแวดวงกราฟฟิกอาร์ต เอชพีสาธิตชุดผลิตภัณฑ์ระบบดิจิตอลใหม่ล่าสุดที่ใช้แอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ปัจจุบัน รวมไปถึงป้ายฉลาก และบรรจุภัณฑ์ การพิมพ์โฆษณา การโฆษณาทางไปรษณีย์ ป้ายและดิสเพลย์ โดยเอชพียังได้เปิดตัว
· พันธมิตรในการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับกล่องแบบพับได้ร่วมกับ Stora Enso เพื่อผสานรวม in-line coating unit เข้ากับเครื่องพิมพ์ HP Indigo 30000 Digital Press ใหม่
· การขยายโปรแกมสิทธิการใช้ให้ครอบคลุมชุดผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากขึ้น
· การรับรองมาตรฐาน Forest Stewardship Council (FSC) สำหรับชุดผลิตภัณฑ์ภาพและกระดาษ technical paper
· อุปกรณ์เสริมใหม่สำหรับเครื่องพิมพ์ HP Designjet L26500 และ L28500 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้อนวัสดุที่เป็นสิ่งทอ
· โซลูชั่น HP Hiflex Web-To-Print ผ่านระบบคลาวด์เวอร์ชั่นใหม่ สำหรับ การนำไปประยุกต์ใช้งานด้านป้ายโฆษณาและดิสเพลย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ชุดผลิตภัณฑ์ HP SmartStream Workflow Solutions

โซนจัดแสดงของเอชพีในงาน drupa อยู่ในบริเวณฮอลล์ 4 ของอาคารจัดแสดงสินค้าเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ ซึ่งนับเป็นการจัดแสดงการพิมพ์ระบบดิจิตอลขนาดใหญ่ที่สุดของงาน บนเนื้อที่ 4,952 ตารางเมตร (53,300 ตารางฟุต) สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของเอชพีในด้านโซลูชั่นการพิมพ์สีอเนกประสงค์ คุณภาพสูง และเปี่ยมประสิทธิภาพ บูธของเอชพีมีความโดดเด่นด้วยระบบการพิมพ์ ดิจิตอลใหม่จำนวน 10 ระบบที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้เหล่าผู้ให้บริการด้านการพิมพ์เพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจ ด้วยการทำงานที่วางใจได้ มีประสิทธิภาพสูง พร้อมด้วยขอบเขตสี (color gamut) ที่ครบครันสำหรับ การพิมพ์ภาพที่มีความคมชัดแม่นยำ

คว้าโอกาสในด้านการนำไปประยุกต์ใช้ใหม่ๆ ด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ทสี ทีมีความเร็วยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี Inkjet Web Press ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน drupa 2008 ได้ช่วยให้ลูกค้าได้รับความก้าวล้ำสำคัญในด้านการพิมพ์โฆษณา การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนการนำไปประยุกต์ใช้อื่นๆ โดยเครื่องพิมพ์ HP T410, T360 และ T230 Color Inkjet Web Presses นี้มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีหัวพิมพ์อิงค์เจ็ทอันทันสมัย และหมึกพิกเม้นท์นาโนเทคโนโลยีที่รองรับความเร็วในการพิมพ์ มากยิ่งขึ้น โดยไม่ทำให้คุณภาพของชิ้นงานลดลงไป

“จากประสิทธิภาพและคุณภาพของระบบการพิมพ์เอชพีที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เราได้เห็นว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสามารถนำไปต่อยอดประยุกต์ได้มากกว่าการพิมพ์ สื่อโฆษณาทางไปรณีย์และการพิมพ์โฆษณา เพื่อเจาะตลาดสำหรับการพิมพ์ เชิงพาณิชย์ทั่วไปที่ต้องการการพิมพ์ปริมาณมากได้” มร. มอร์แกนกล่าว

เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้งานระบบ HP Exstream Customer Communications Management ได้ดียิ่งขึ้น เอชพีจึงเปิดตัวชุดซอฟต์แวร์ใหม่ในราคาพิเศษสำหรับลูกค้า HP Inkjet Web Press การผสานรวมของซอฟต์แวร์ HP Exstream กับ โซลูชั่น HP Inkjet สำหรับการผลิตงานพิมพ์ความเร็วสูงช่วยมอบสมรรถนะการพิมพ์ชั้นนำในแวดวงอุตสาหกรรมเพื่อการนำไปประยุกต์ใช้งานด้านการพิมพ์ สื่อโฆษณาทางไปรษณีย์ และการพิมพ์เอกสารที่เปลี่ยนเนื้อหาในงานพิมพ์ทุกแผ่น (transactional print)

เอชพียังได้ร่วมมือกับผู้ผลิตอุปกรณ์ซัพพลายชั้นนำในการขยายชุดผลิตภัณฑ์กระดาษเคลือบเงาที่สามารถใช้ได้กับเครื่องพิมพ์ HP Inkjet Web Press ซึ่งรวมไปถึงกระดาษเคลือบเงาแรกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ColorPRO Technology จากบริษัท Appleton Coated รวมทั้งกระดาษพิมพ์ใหม่ๆ จากการพัฒนาร่วมกับ Arjowiggins Graphic, Metsä Board และ Sappi

เครื่องพิมพ์ HP Inkjet Web Press ใหม่ยังมีวางจำหน่าย โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบการพิมพ์ IntelliJet 20, 30 และ 42 Printing Systems ของ Pitney Bowes สำหรับการพิมพ์เอกสารที่เปลี่ยนเนื้อหาในงานพิมพ์ทุกแผ่น และการพิมพ์จดหมาย โดย Pitney Bowes จะแสดง ระบบการพิมพ์ IntelliJet 20 ที่มีความโดดเด่นโดยใช้เครื่องพิมพ์ HP T230 Color Inkjet Web Press ขนาด 558 มม. (20 นิ้ว) ใหม่ พร้อมด้วยความเร็วการพิมพ์สูงสุดถึง 400 ฟุตต่อนาทีด้วยความหนาแน่นของ สีเต็มรูปแบบเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงสุด โดยจะจัดแสดงติดกันกับ โซนของเอชพี

การเปิดตัวอันแข็งแกร่งของเครื่องพิมพ์ดิจิตอล HP Indigo Digital ใหม่
การติดตั้งตัวเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 จะดำเนินการในช่วงปลายปีนี้ โดยมีกำหนดการวางจำหน่ายในช่วงปี 2556 ซึ่งผู้ใช้งานระดับเบต้ารวมไปถึงบริษัท Consolidated Graphics (สหรัฐฯ), Elanders (เยอรมันนี), Old City Press (อิสราเอล), Precision Printing (สหราชอาณาจักร) และ Wing Hung Group (ฮ่องกง)

“การมีเครื่องพิมพ์สำหรับกระดาษขนาด B2 ช่วยเปิดโอกาสมากมายให้พวกเราในด้านงานพิมพ์ใหม่ๆ ที่ไม่สามารถผลิตได้จากเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล และได้งานที่มีประสิทธิภาพ” มร. จอห์น เลา ประธานบริษัท Wing Hung Group

เอชพียังได้ประกาศความร่วมมือในการพัฒนาโซลูชั่นใหม่สำหรับกล่องแบบพับได้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และโซลูชั่นด้านบรรจุภัณฑ์ Stora Enso เพื่อผสานรวม in-line coating unit เข้ากับ เครื่องพิมพ์ HP Indigo 30000 Digital Press ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนการทำงาน และช่วยให้ได้แผ่นกระดาษงานพิมพ์ แบบเคลือบเงาที่พร้อมสำหรับงานไดคัท และการพับเช่นเดียวกับงานที่ได้จากกล่องที่พิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ตในปัจจุบัน

บริษัท EMKA Group ในอิสราเอล ซึ่งเป็นผู้ใช้งานระดับเบต้าของเครื่องพิมพ์ HP Indigo 5600 แบบป้อนแผ่น สามารถต่อยอดการประยุกต์ใช้ใหม่ๆ ที่ไม่ได้เป็นออปชั่นในการพิมพ์ระบบดิจิตอลมาก่อน เช่น คุณสัมบัติ “one shot” ของเครื่องพิมพ์ที่ช่วยให้บริษัทสามารถใช้งานวัสดุการพิมพ์สังเคราะห์ที่พิมพ์ยาก ที่จำเป็นสำหรับการพิมพ์การ์ดของขวัญและการ์ดสมนาคุณได้ ประสิทธิภาพที่สูงของเครื่องพิมพ์ จึงทำให้เครื่องพิมพ์นี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานพิมพ์ประเภท Transpromo ในปริมาณปานกลาง

“ปัจจุบันนี้ เรามีงานพิมพ์จำนวนหนึ่งที่เราต้องอาศัยการพิมพ์แบบออฟเซ็ทในการผลิตงานในปริมาณน้อย” Ofir Adir ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของบริษัท EMKA Group กล่าว “การใช้เครื่องพิมพ์ Indigo 5600 ใหม่นี้ ช่วยให้เราสามารถพิมพ์งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยให้ลูกค้าของเรามั่นใจในประสิทธิภาพของเราในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการ”

เหล่าผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์ยังได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น การทำงานแบบอัตโนมัติยิ่งขึ้น รวมทั้งความสามารถในการทำงานได้หลากหลายยิ่งขึ้นของเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์แบบกระดาษป้อน HP Indigo 7600 Digital Press ซึ่งมีวางจำหน่ายแล้วในขณะนี้ เครื่องพิมพ์รุ่นนี้มาพร้อมกับคุณสมบัติ เพื่อมอบมูลค่าสูงในการใช้งาน ที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สร้างสรรค์การตกแต่งบัตรเชิญ บัตรอวยพร โบร์ชัวร์ผลิตภัณฑ์สวยงาม และวัสดุการพิมพ์อื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชิ้นงาน

“เรามีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์” นิก ไวท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของ Mimeo CLE ในสหราชอาณาจักรกล่าว “เรามุ่งมั่นทำในทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ รวมทั้งประโยชน์แก่ผลิตภัณฑ์ เช่น เอฟเฟ็คในด้านผิวสัมผัส โดยใช้ HP Indigo 7600 เพื่อตอบสนองตลาด”

รองรับการผลิตงานแบบเอนด์-ทู-เอนด์
ในงาน drupa 2012 เอชพีได้ทำการสาธิตโซลูชั่นเวิร์กโฟลว์อันล้ำสมัยเป็นครั้งแรกเพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าเครื่องพิมพ์ HP Indigo ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบเอนด์-ทู-เอนด์ พร้อมลดค่าใช้จ่ายโดยรวม

โซลูชั่น HP SmartStream Production Center เป็นระบบเวิร์กโฟลว์ที่ตอบโจทย์ความท้าทายในการผลิตและมอบงานในปริมาณสูงสำหรับงานที่มีจำนวนพิมพ์ ไม่สูง ลดเวลารวมในการทำงาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของผลงาน

โซลูชั่น HP Indigo Finishing Connectivity ขยายเวิร์กโฟลว์ Job Definition Format (JDF) ไปสู่การทำเล่ม ลดเวลาในการทำงาน ลดความผิดพลาด พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไร และความต่อเนื่องของงาน ความสามารถในการเชื่อมต่อนี้สามารถเห็นได้ชัดจากพันธมิตรของ HP SmartStream Solution Partners ซึ่งรวมไปถึง Horizon, Polar-Mohr และ Duplo และพร้อมสามารถใช้ได้เป็นมาตรฐานใน HP SmartStream Production Pro Print Server เวอร์ชั่น 5.0

ต่อยอดพลังของข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงสู่การพิมพ์ระบบออฟเซ็ท
โซลูชั่น HP Print Module Solutions ที่นำมาสาธิตเป็นครั้งแรกในงาน drupa 2012 ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ สามารถพิมพ์งานกราฟฟิกแบบขาวดำ และแบบสีที่มีข้อความ บาร์โค้ดแตกต่างกันได้บนเอกสารที่พิมพ์มาแล้วได้ ระบบการพิมพ์สีและแบบขาวดำสามารถพิมพ์ได้ความยาวสูงสุด 244 เมตร (800 ฟุต) ต่อนาที พร้อมมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ไม่เคยมีมาก่อน คุณสมบัติในการเชื่อมจุดเกย (stitching) ที่เชื่อมต่อมอดูลขนาด 108 มม. (4.25 นิ้ว) หลายๆ จุดช่วยต่อยอดพื้นที่การพิมพ์สำหรับผู้ให้บริการงานพิมพ์เพื่อให้ได้ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขยายการใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ HP Scalable Print Technology ที่สามารถใช้งานได้แบบอัตโนมัติ และวางใจได้ของเอชพี โซลูชั่นใหม่นี้จึงช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และได้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น

ล่าสุดเอชพียังได้ประกาศเปิดตัว Adphos และ Graphic System Services ในฐานะที่เป็นพันธมิตรใหม่ของ HP SmartStream Solution ผู้ให้บริการระบบขนส่งกระดาษและบริการต่างๆ สำหรับ HP Print Module Solutions ในสหรัฐฯ เอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง

โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในด้านการพิมพ์ขนาดใหญ่
โซลูชั่นและผลิตภัณฑ์สื่อการพิมพ์สำหรับลูกค้าที่ใช้งานเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ HP Designjet and Scitex เข้ามาต่อยอดการพิมพ์ป้ายโฆษณาแบบเดิมๆ ไปสู่การผลิตงานพิมพ์มูลค่าสูง เช่น การพิมพ์วัสดุตกแต่ง เสื้อผ้า ป้ายจราจรและบรรจุภัณฑ์

เอชพียังได้แสดงผลิตภัณฑ์หมึกพิมพ์สีขาว และถาดป้อนอัตโนมัติสำหรับเครื่องพิมพ์ HP Scitex FB7500 และ FB7600 Industrial Presses รวมทั้ง HP SmartStream Production Analyzer ที่ทำงานผ่านระบบคลาวด์เวอร์ชั่นใหม่สำหรับการติดตามการทำงานของเครืองพิมพ์ HP Scitex แบบอัตโนมัติ

นับตั้งแต่เปิดตัวหมึกพิมพ์ลาเท็กซ์สำหรับเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ในงาน drupa 2008 เอชพีก็ได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์ลาเท็กซ์ไปแล้วกว่า 11,000 เครื่องทั่วโลก และผลิตวัสดุพิมพ์รวมมากกว่า 54 ล้านตารางเมตร เทคโนโลยีลาเท็กซ์ช่วยให้ ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น การพิมพ์ wall coverings สิ่งทอ และป้ายจราจร และวันนี้เอชพีได้เพิ่ม platen cover สำหรับเครื่องพิมพ์ HP latex ใหม่ล่าสุด นั่นคือ HP Designjet L26500 และ L28500 ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพในการป้อนสื่อสิ่งทอสำหรับการผลิตป้ายชนิดอ่อน และ ป้ายผ้าชั่วคราวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ เอชพียังได้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตสื่อชั้นนำในการร่วมพัฒนาสื่อใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยี ColorPRO Technology ที่จะมีพร้อมให้ใช้ได้ในปีหน้า ผลิตภัณฑ์สื่อที่มีเทคโนโลยีดังกล่าว นับตั้งแต่กระดาษเคลือบเงา ไปจนถึงสื่อสิ่งทอและแผ่นฟิล์ม ได้รับการออกแบบมาพร้อมกับหมึกพิมพ์เอชพี และเครื่องพิมพ์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการพิมพ์สูงสุด

ภาพที่ได้รับรองมาตรฐาน FSC และกระดาษเทคนิคแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนในด้านการจัดการป่าไม้อย่างมีประสิทธิภาพทั่วโลก และช่วยให้ผู้ให้บริการงานพิมพ์มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันในกลุ่มลูกค้าที่ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม

ระบบงาน MIS เวิร์คโฟลว์และโซลูชั่นเคลือบผิว
ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถเห็นได้ถึงความชำนาญการระดับแนวหน้าของ เอชพีในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมด้านคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังและ เปี่ยมประสิทธิภาพให้กับผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์ด้วยเซิร์ฟเวอร์ และโซลูชั่นจากสายผลิตภัณฑ์ HP Exstream, HP Hiflex และ HP SmartStream

HP Hiflex เป็นโซลูชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาล่าสุดของเอชพี หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของ Hiflex ในปี 2554 โซลูชั่น HP Hiflex Web-to-Print สามารถสร้างสรรค์ระบบร้านค้า (storefronts) แบบออนไลน์ที่ใช้งานได้ง่าย และสามารถช่วยให้ ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถดึงดูดธุรกิจและลูกค้าใหม่ๆ ได้ จากการจัดการคอนเท้นท์แบบโอเพ่น ซอร์สของ Drupal โซลูชั่นแบบ web-to-print ที่สามารถปรับตามความต้องการของผู้ใช้งานได้จึงผสานรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมการผลิตที่เดิมที่มีอยู่ เอชพียังได้ประกาศเปิดตัวโซลูชั่น HP Hiflex Web-to-Print เวอร์ชั่นใหม่สำหรับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และการนำไปประยุกต์ใช้ งานพิมพ์ป้ายต่างๆ

โซลูชั่น HP Hiflex MIS Solution ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยทำให้ขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับการทำใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ ใบแจ้งหนี้ เลขงาน หมายเหตุการจัดส่ง ป้ายติดสินค้าในการจัดส่ง ฯลฯ สามารถทำได้อัตโนมัติยิ่งขึ้น HP Hiflex MIS ที่สามารถทำงานได้เองแบบ standalone มีวางจำหน่ายแลวสำหรับผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ เพื่อนำไปใช้ใน การผสานรวมเข้ากับการผลิตและการจัดการ เพื่อให้ได้โซลูชั่นที่ใช้งานง่าย ในระบบคลาวด์เพื่อประสิทธิภาพและการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น

บริการด้านการเงินเต็มรูปแบบนอกสถานที่
นำเสนอ HP Financial Services ซึ่งเป็นฝ่ายธุรกิจที่ให้บริการเช่าซื้อและบริหารจัดการสินทรัพย์ตลอดอายุการใช้งานของเอชพี ที่พรัอมมอบบริการ นอกสถานที่ โดยมอบบริการโซลูชั่นการเงินเต็มรูปแบบในด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ ของเอชพี รวมทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นๆ โซลูชั่นให้กู้ยืมของHP Financial Services จะช่วยให้เหล่าผู้ให้บริการด้านการพิมพ์สามารถมีทางเลือกในการชำระเงินที่เหมาะสมกับตนเอง รวมทั้งกำหนดชำระเงินที่มีความยืดหยุ่นตามกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจของลูกค้า

View :2186
Categories: Press/Release Tags: