Archive

Archive for the ‘3G’ Category

เอไอเอสก้าวสู่ปีที่ 24 พร้อมประกาศความสำเร็จตามสัญญากับเครือข่าย 3G2100 ครบหัวเมืองทั้ง 77 จังหวัด

October 2nd, 2013 No comments

โชว์ฐานลูกค้า 3G กว่า 10 ล้านราย ภายในเวลาเพียง 8 เดือน
1_1

1 ตุลาคม 2556 : นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ ได้ก่อตั้งและให้บริการมาจนก้าวสู่ปีที่ 24 โดยในแต่ละช่วงเวลาบุคลากรทุกคนต่างมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง เป็นกำลังสำคัญให้แก่ประเทศ ทั้งนี้พบว่าล่าสุดในภาพรวมทั้งอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้งาน Mobile Data สูงขึ้นถึงกว่า 120% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว รวมไปถึงการขยายตัวของตลาดสมาร์ทโฟน หรือ Special Device ก็สูงขึ้นถึงกว่า 70% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา ดังนั้นนอกเหนือจากการเดินหน้าพัฒนาบริการบนคลื่น 3G2100 ในปัจจุบันแล้ว บริษัทฯยังมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการประมูล 4G ที่ กสท.กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นในปี 2557 เพราะจะเป็นการตอบโจทย์อัตราการเติบโตดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งาน VDO ที่เติบโตเป็นอันดับต้นๆ”
“และในวันนี้ เราได้ทำในสิ่งที่หลายๆคนเห็นว่าไม่สามารถเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้แล้ว โดยหลังจากได้รับใบอนุญาต 3G เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาบริการเพื่อมอบให้แก่ลูกค้าอย่างรวดเร็วที่สุด โดยล่าสุดนับเป็นความสำเร็จในเป้าหมายแรกของเราหลังจากใช้เวลาเพียง 8 เดือน ประกอบด้วย

1. ขยายเครือข่าย 3G 2100 ได้ครบทุกหัวเมือง ทั้ง 77 จังหวัด เรียบร้อยแล้ว และจะเดินหน้าขยายต่อเนื่อง โดยคาดว่าในราวไตรมาส 2 ของปี 2557 จะครอบคลุมได้เทียบเท่ากับเครือข่าย 2G เดิม ที่ได้รับการยอมรับว่าครอบคลุมสูงสุด

2. ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า เข้ามาใช้บริการ AIS 3G2100 เป็นจำนวนกว่า 10 ล้านราย โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีจะมีลูกค้ากว่า 12 ล้านราย

3. มีการพัฒนาคุณภาพเครือข่ายให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้จะเห็นได้จากผลการทดสอบ (Drive test) ของ กสทช.และบล็อกเกอร์ล่าสุดที่ผ่านมา คุณภาพเครือข่ายของ AIS 3G2100 ดีเป็นอันดับ 1 ซึ่งแม้จะไม่ได้สะท้อนคุณภาพในภาพรวมทั้งหมด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

“ทั้งหมดถือเป็นการบรรลุเป้าหมายแรกของเรา โดยเป้าหมายต่อไปคือ การรักษาความเป็นผู้นำในทุกด้านเพื่อมอบบริการที่สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่คนไทยจากเทคโนโลยี 3G ต่อไป”

ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย เอไอเอส กล่าวว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา กับฐานลูกค้า AIS 3G2100 กว่า 10 ล้านราย เราได้พบว่า มีปริมาณการใช้งาน Data ที่ขยายตัวถึงกว่า120% และมีการเปลี่ยนเครื่องเป็นสมาร์ทโฟนแล้วสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน App ยอดนิยมสูงสุดก็คือ Facebook, LINE, Youtube ทั้งนี้มีผู้ใช้งาน Data มากกว่า 12 ล้านรายต่อเดือน ในขณะที่ Apps ของ AIS เอง ไม่ว่าจะเป็น AIS Bookstore, AIS Music Store, AIS Movie Store, Google Free Zone, AIS Mobile Barclays Premier League ก็มีผู้ใช้รวมกันมากกว่าเดือนละ 1 ล้านราย”

“ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เรายิ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่จะทำให้ AIS 3G สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนยิ่งขึ้นตามหลักของ DNAs รวมไปถึงการสื่อสารไปยังลูกค้า ซึ่งในช่วงของการเปิดตัว เราสื่อสารด้วยแนวคิด AIS 3G2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ที่สะท้อนทั้งความเชื่อมั่นของการให้บริการ 3G 2100 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาตรฐาน ที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนเครื่อง หรือ ยุ่งยากกับการนำไปใช้งานในต่างประเทศ รวมไปถึงสะท้อนมายังความมุ่งมั่นตั้งใจของบุคลากรเอไอเอสทุกคน ที่มีความเป็น “ตัวจริง” ในอุตสาหกรรมมือถือ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพตัวจริงที่เชื่อถือได้”

“ดังนั้นวันนี้ เราจึงตั้งใจที่จะก้าวไปอีกขั้นกับ “การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต” อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเทคโนโลยี 3G สามารถตอบ Lifestyle ที่แตกต่างของแต่ละท่านได้อย่างรอบด้าน มากกว่าเพียงระบบสื่อสารเช่นในยุคของ 2G ที่ผ่านมา สิ่งที่เอไอเอสทำคือ การพัฒนาบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น, Application, การคัดสรรสมาร์ทโฟน รวมถึงการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายและงานบริการลูกค้า อย่างสอดคล้องกับแนวคิดข้างต้น เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเลือกใช้บริการต่างๆจากเราได้ตามความต้องการของแต่ละท่านได้อย่างตรงใจ อาทิ บริการแช็ตจากเอไอเอส ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, วัยรุ่น, วัยทำงาน หรือ ผู้สูงอายุ ก็สามารถใช้แช็ตที่มี Quality DNAs ในรูปแบบเอไอเอสได้อย่างง่ายดายและตอบโจทย์ไม่แตกต่างกัน”

“ส่วนการสื่อสารแนวคิดนี้ไปยังลูกค้า เราชูแนวคิด “เจมส์ แอนด์ เดอะแก็งค์” ที่เน้นให้เห็นภาพความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ที่แม้จะมี Lifestyle, อายุ , อาชีพ ที่แตกต่าง อย่าง คุณสมบัติ เมทะนี, คุณนุ้ย สุจิรา, คุณสมรักษ์ คำสิงห์ , น้องกันต์-น้องฝน ฮอร์โมน แต่ทั้งหมดนี้มีความต้องการใช้บริการที่ไม่แตกต่างกัน แม้จะมีวิธีการนำไปใช้ที่แตกต่าง โดยมี “เจมส์-จิรายุ” ทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนของ AIS 3G ที่จะนำเสนอบริการที่ตรงใจ ตรงสไตล์ เพื่อทุกคน ซึ่งเอไอเอส จะนำเสนอแนวคิดนี้อย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2557”

View :1812
Categories: 3G, Technology, Telecom Tags: ,

เอไอเอส 3G 2100 จับมือ 3 พาร์ทเนอร์ เปิดปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกของประเทศไทย กับบริการ “AIS mPAY MasterCard”

September 26th, 2013 No comments

_AEW0009_1

24 กันยายน 2556 : 3G 2100 ตอกย้ำกลยุทธ์ Ecosystem จับมือ 3 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ ได้แก่ มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ , ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด มอบอีกสิ่งดีๆ ที่เข้าใจลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบการช้อปออนไลน์ เปิดตัวบริการ “ mPAY MasterCard” บัตรช้อปปิ้งบนโลกออนไลน์ ภายใต้แนวคิด “ช้อปออนไลน์ ปลอดภัย ใครๆ ก็ช้อปได้” เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นำนวัตกรรมพรีเพดมาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอส ทุกคนสามารถซื้อของออนไลน์จากเว็บไซต์ที่รับชำระผ่านบัตร MasterCard ได้ เพียงเติมเงินเข้าตามจำนวนที่ต้องการใช้ พร้อมทั้งมีความปลอดภัยสูงด้วยมาตรฐาน 3D Secure ที่จะส่ง SMS ให้ลูกค้าทราบเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของทุกครั้งก่อนชำระเงิน ลูกค้าเอไอเอสสามารถใช้บริการ “ mPAY MasterCard” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพียงดาวน์โหลด mPAY App จาก App Store หรือ Play Store มาไว้บนมือถือ พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการและซื้อสินค้าออนไลน์ครั้งแรก ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2557 รับเงินคืน 50% สูงสุด 300 บาท ทันที

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “หลังจากเอไอเอสเปิดให้บริการ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 นอกเหนือจากการพัฒนาบริการในรูปแบบที่แตกต่าง เพื่อตอบโจทย์ในทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว เอไอเอสยังมีบริการ “เอ็มเปย์” ซึ่งมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการให้บริการธุรกรรมทางการเงินบนมือถือแบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า
เอไอเอส ในการชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งโอนเงินและถอนเงินได้อย่างง่ายๆ ผ่านมือถือ โดยที่ผ่านมาบริการเอ็มเปย์ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากมีจำนวนรายการธุรกรรมทางการเงิน (Transaction) ถึงกว่า 1.2 ล้านรายการ / วัน ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมากว่า 30% โดยปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ากว่า 1 ล้านราย และตั้งเป้าการเติบโตจนถึงสิ้นปีนี้ไว้ที่ 25%
_AEW9869_1
และเนื่องจากปัจจุบันตลาด e-commerce มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก (1) ยังไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้ และ (2) ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของการใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าออนไลน์ ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว ให้สามารถช้อปออนไลน์ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล เอไอเอส 3G 2100 จึงมีนโยบายในการขยายตลาดบริการ e-commerce ภายใต้กลยุทธ์ Ecosystem โดยการผสานความร่วมมือกับ 3 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ ได้แก่ (1) มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ บริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมและการชำระเงินระดับโลก (2) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผู้นำทางด้านนวัตกรรมการเงินใหม่ๆ และ (3) บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์ ร่วมกันเปิดตัวปรากฏการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้งออนไลน์กับบริการ “” บัตรช้อปปิ้งบนโลกออนไลน์ ภายใต้แนวคิด“ช้อปออนไลน์ ปลอดภัย ใครๆ ก็ช้อปได้” เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถซื้อของออนไลน์จากเว็บไซต์ที่มีสัญลักษณ์ MasterCard ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นำนวัตกรรมพรีเพดมาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน

โดยใน Phase แรก “AIS mPAY MasterCard” เปิดให้บริการรับชำระค่าสินค้าออนไลน์กับร้านค้าที่ใช้ระบบการชำระเงินในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 100,000 ร้าน และจะขยายการให้บริการไปยังทุกร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกที่มีสัญลักษณ์ MasterCard ต่อไปในราวต้นปีหน้า

สำหรับวิธีการใช้งาน ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลด mPAY App จาก App Store หรือ Play Store มาไว้บนมือถือ จากนั้นเปิดใช้งานบัตร “AIS mPAY MasterCard” โดยลูกค้าจะได้รับเลขบัตร 16 หลัก , เลข CVC (Card Verification Code) ซึ่งเป็นรหัสความปลอดภัย 3 หลัก และวันหมดอายุ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการชำระค่าสินค้าออนไลน์ ที่มีราคาเริ่มตั้งแต่ 300 – 30,000 บาท / ครั้ง พร้อมทั้งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีความปลอดภัยสูง ด้วยมาตรฐาน 3D Secure ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่จะส่ง SMS ให้ลูกค้าทราบเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของบัตรซื้อสินค้าดังกล่าวก่อนชำระเงินทุกครั้ง

ลูกค้าเอไอเอสเปิดใช้งานบัตร “AIS mPAY MasterCard” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการเปิดบัตร และไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ และ พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการและซื้อสินค้าออนไลน์ครั้งแรก ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2557 รับเงินคืน 50% สูงสุด 300 บาท ทันที

_AEW9840_1
ทางด้าน มร. แอนโทนิโอ คอร์โร ผู้จัดการประจำประเทศไทยและพม่า มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “มาสเตอร์การ์ดเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี และมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาระบบการชำระเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ และด้วยนวัตกรรม virtual card นี้ จะช่วยให้ลูกค้าของเอไอเอสสามารถลงทะเบียนและใช้เลขบนบัตร “AIS mPAY MasterCard” สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์เช่นบนเว็บไซต์ต่างๆ ที่รับบัตรมาสเตอร์การ์ดได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ทั้งยังเป็นการช่วยให้ธุรกิจร้านค้าเติบโตได้อีกด้วย นอกจากนี้ การร่วมมือนี้จะเป็นการตอบสนองความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ให้แก่ผู้บริโภคไทย อย่างเช่นกลุ่มวัยรุ่นที่มีความสนใจในการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนกระเป๋าสตางค์”

ด้าน มร. ฌอง มาร์ค ดาแลร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “พฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 15 – 30 ปี พบว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินในตลาดในปัจจุบันยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างครบถ้วนให้กับกลุ่มผู้บริโภคในช่วงวัยดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่มีบัตรเครดิต กลุ่มพนักงานที่ไม่พร้อมสมัครบัตรเครดิต และกลุ่มที่ต้องการควบคุมวงเงินในการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นต้น ดังนั้น ธนาคารธนชาต ภายใต้แนวคิด “คิดได้ ก็ทำได้” จับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เปิดตัวให้บริการบัตร Virtual Prepaid Card สู่ตลาดเมืองไทยเป็นครั้งแรก เพื่อตอบสนองผู้บริโภคในการช้อปปิ้งออนไลน์อย่างไร้ขีดจำกัดได้อย่างสะดวก สบาย และปลอดภัยอย่างไม่เคยมีมาก่อน”

และ คุณปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทูซีทูพีหันมาพัฒนาและให้บริการด้านการออกบัตรร่วมกับพันธมิตรทั้ง3 โดยเชื่อมโยงความแข็งแกร่งของ MasterCard ในการเข้าถึงร้านค้าทั่วโลก ธนาคารธนชาต ในด้านการเป็นผู้นำเรื่องนวัตกรรมการเงินใหม่ๆ ทูซีทูพี ในด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยในการใช้บัตร และเอไอเอส ที่มีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง เพราะพวกเรามีความเชื่อว่าบัตรนี้จะช่วยกระตุ้นยอดการซื้อสินค้าออนไลน์ได้เป็นอย่างดี เนื่องด้วยด้านความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บัตร ซึ่งมีมาตรฐาน 3D Secure เช่นเดียวกับบัตรเครดิต และบัตรเดบิตของ MasterCard รวมทั้งผู้ใช้ยังสามารถควบคุมวงเงินในบัตรได้ด้วยตนเอง บัตรนี้จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการซื้อของออนไลน์ทุกคน โดยเฉพาะคนที่ไม่มีบัตรเครดิต หรือคนที่ต้องการความมั่นใจในการชำระเงินออนไลน์มากขึ้น”

View :2023
Categories: 3G, Application Tags:

ดีแทคเปิดโครงการ 1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย – Internet for All

September 26th, 2013 No comments

dtac_5556
ตั้งเป้า 86 โรงเรียนปีนี้ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 86 พรรษา

26 กันยายน 2556 – ดีแทค ตอกย้ำนโยบายให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ภายใน 3 ปีด้วยสัญญาณคุณภาพ 3G อินเทอร์เน็ต พร้อมเดินหน้าโครงการ 1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย – กระจายอินเทอร์เน็ตสู่โรงเรียนครบ 200 แห่งหรือคิดเป็นจำนวนนักเรียนประมาณ 80,000 คนในปีหน้า เชื่อมต่อช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Divide) มั่นใจนำสู่จุดเปลี่ยนระบบการเรียนการสอนเพื่อความเท่าเทียมกัน ยกระดับการแข่งขันต่างประเทศ รับเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนรวมถึงเป็นการใช้ทรัพยากรคลื่น 3G เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ พร้อมแนะนำ “Digital Responsibility” ให้ความรู้การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ “Internet for All” ของดีแทคที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ภายใน 3 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยรวมให้กับประเทศ ทั้งนี้สำหรับภาคการศึกษา ดีแทคเชื่อว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่าย 3G อินเทอร์เน็ตของดีแทค ไตรเน็ตที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดบนแบนด์วิธที่กว้างที่สุด จะช่วยในการเข้าถึงพื้นที่โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการใช้งานของอินเทอร์เน็ต และยังเป็นการปลูกฝังการเรียนรู้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป

ปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่ต่ำอยู่ มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 26.5 ล้านราย หรือคิดเป็นประมาณ 30% ของประชากรทั้งหมด โดยเป็นอันดับที่ 131 จาก 150 ประเทศ (ข้อมูลจากเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม 2013) เท่ากับว่ายังมีประชากรอีกจำนวนไม่น้อยยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งดูจากอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ประมาณ 10% ขณะที่อัตราเข้าถึงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของคนไทยคิดเป็น 136% ของประชากร แสดงให้เห็นว่าโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถช่วยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นได้

สำหรับโอกาสนี้ ดีแทค ได้เปิดโครงการ “1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย – Internet For All” อย่างเป็นทางการ เพื่อมอบแอร์การ์ดและซิมการ์ด จำนวน 600 ชุด และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตฟรี 5 กิกะไบต์ต่อเดือน ให้กับโรงเรียนจำนวน 200 แห่ง หรือจำนวนนักเรียนประมาณ 80,000 คน ภายในปี 2557 โดยแบ่งเป็นโรงเรียนละ 3 ชุดหรือมากกว่า รวมเป็น 1 ล้านชั่วโมง โดยจะตั้งเป้าขยายออกไปอีก 3 ปี เพื่อให้เข้าถึงโรงเรียนได้มากกว่า 2,000 แห่ง หรือนักเรียนจำนวนประมาณ 1 ล้านคน โดยโครงการนี้ได้ร่วมมือกับสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สทร. สพฐ) ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ คัดเลือกโรงเรียนเพื่อพิจารณาเข้าร่วมโครงการ โดยในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 86 พรรษา ทางโครงการตั้งเป้าในการขยายโอกาสสู่โรงเรียนให้ได้ 86 โรงเรียนภายในปี 2556 นี้

“ดีแทคต้องการที่จะเชื่อมต่อช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Divide) โดยได้ทำการสำรวจพบว่าโรงเรียนต่างๆ ในชนบทมีปัญหาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต หรือมีอินเทอร์เน็ตใช้งานแต่ยังไม่พอเพียงและความเร็วจำกัด โดยบางแห่งยังพบว่าขาดแคลนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งาน ซึ่งกลายเป็นข้อจำกัดทางการศึกษาตามมา ขณะที่บางแห่งต้องการสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพดี โดยมีสัญญาณคุณภาพ 3G อินเทอร์เน็ตของดีแทคที่สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ จึงเป็นจุดสำคัญที่จะนำมาใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน ยิ่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี กำลังใกล้เข้ามา การพัฒนาการศึกษาของไทยให้มีความเท่าเทียมกันทั่วประเทศ ยังเป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอีกด้วย” นายจอน กล่าว

โครงการ Digital Responsibility
ในโลกออนไลน์เด็กและเยาวชนควรได้รับการแนะนำถึงโอกาสในการการเข้าถึงข้อดี และข้อเสียของการใช้งานและรู้จักวิธีที่จะจัดการถึงความเสี่ยง เพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดีแทคเห็นความสำคัญในส่วนนี้จึงเปิดตัวโครงการ Digital Responsibility โดยได้จัดทีมดีแทคอาสาทำดี ( Volunteer) ภายใต้โครงการดีแทคทำดีทุกวันไปให้ข้อมูลในโรงเรียนต่างๆ ในหัวข้อ 1. การสอนใช้งานอินเทอร์เน็ตเบื้องต้นอย่างถูกต้อง 2. การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 3. การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้งานที่ไม่เหมาะสม

โครงการ ICT Free WiFi by dtac
นอกจากนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ Internet for All ดีแทคยังได้มีโครงการ ICT Free WiFi by dtac ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่จะนำ WiFi ไปบริการฟรีในพื้นที่โรงพยาบาลของรัฐบาลจำนวน 12 แห่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินงานอีกด้วย ในส่วนนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยนอกและญาติที่รอตรวจ รวมถึงแพทย์ประจำโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและใช้ประโยชน์ออนไลน์ได้ฟรี โดยคาดว่าจะมีปริมาณคนที่อยู่ในพื้นที่ใช้งานในโรงพยาบาลต่อแห่งต่อวันสูงสุดประมาณ 33,000 คน ดังนั้นจึงคาดว่าเมื่อเปิดให้บริการได้ครบทั้ง 12 แห่งจะสามารถรองรับได้สูงสุดประมาณ 400,000 คนต่อวัน สำหรับการความคืบหน้าในโครงการทางดีแทคจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

View :1342
Categories: 3G Tags: ,

เอไอเอสเปิดให้ลูกค้าสมัครแพ็กเกจชมพรีเมียร์ลีกอังกฤษสดบนมือถือได้แล้ว

August 24th, 2013 No comments

image002

23 สิงหาคม 2556 : นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล กล่าวว่า “ขณะนี้เอไอเอสสามารถเปิดให้คอบอลสมัครแพ็กเกจ “ Mobile BPL” เพื่อเข้าชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษสดบนมือถือได้ตามปกติแล้ว หลังจากปิดระบบรับสมัครแพ็กเกจดังกล่าวลงชั่วคราว เพื่อปรับปรุงและขยายระบบการถ่ายทอดสดบนมือถือของเอไอเอสอย่างเร่งด่วน โดยลูกค้าที่สนใจสามารถสมัครได้ง่ายๆ เพียงกด *909*1# โทรออก พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดคุ้ม สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2556 ชมถ่ายทอดสดได้ในราคาเพียง 199 บาท/เดือน ตลอดทั้งฤดูกาล จากราคาปกติ 299 บาท/เดือน นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่แพ็กเกจทัวร์พร้อมตั๋วชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกติดขอบสนามประเทศอังกฤษ จำนวน 20 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทด้วย”

View :1370

ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุมประเทศที่มีอัตราการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่สูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย

August 20th, 2013 No comments

Screen Shot 2556-08-20 at 7.04.53 PM

· จากผลการวิเคราะห์ล่าสุดของ พบการเข้าถึงสมาร์ทโฟนในประเทศไทยของผู้บริโภคในตัวเมืองนั้นมีอัตราเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013

· การเข้าถึงแท็บเล็ตของผู้บริโภคในตัวเมืองมีอัตราเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าตัวจาก 2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013

· การใช้งานแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นจาก 40 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 57 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013

จากข้อมูลวิจัยในปี 2013 แสดงให้เห็นว่าในผู้บริโภคโดยเฉพาะในตัวเมืองในประเทศไทยนั้น มีอัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นจาก 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 ในขณะที่การเข้าถึงแท็บเล็ตมีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดพบว่า การใช้งานแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นจาก 40 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 ขึ้นมาเป็น 57 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 จึงทำให้ประเทศไทยนั้นได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศในลำดับที่ 23 จากทั้งหมด 43 ประเทศที่มีการใช้งานแอพพลิเคชั่น

ท่ามกลางกลุ่มคนที่มีการใช้งานสมาร์ทโฟนจะพบว่ามีอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของการเข้าถึงระบบอินเทอร์เนต โซเชียลเน็ตเวิร์ค การแชตออนไลน์ และการใช้วีดีโอสตรีมมิ่ง นาย อัฟรีซาล อับดุล ราฮิม หัวหน้าวิจัย Ericsson Consumer Lab ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียเนีย เปิดเผยว่า“ถ้าหากเรามองดูที่การใช้งานสมาร์ทโฟน เราสามารถพูดได้ว่าคนไทยนั้นมีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานดาต้าเซอร์วิสที่หลากหลาย โดยพวกเขานั้นใช้สมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานแอพพลิเคชั่น เพื่อการรับส่งแชตออนไลน์ ดูวิดีโอคลิป ติดต่อกับเพื่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งนี้ 3 เหตุผลที่จะทำให้คนไทยนั้นมีการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นก็เพื่อความต้องการที่อยากจะมีแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจต่างๆ จากใน App Store, การติดต่อกับผู้คนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และรวมทั้งความต้องการในการลองสิ่งใหม่ๆ

สำหรับปีที่ผ่านมา อัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟนของกลุ่มคนที่มีสมาร์ทโฟนของคนเมืองโตขึ้นมากกว่าเป็น 2 เท่าจากในปี 2012 ไปสู่ 2013 ซึ่งเป็นอัตราที่โตขึ้นมาสูงที่สุดจากทุกๆ ประเทศที่มีการสำรวจ

นาย อัฟรีซาล กล่าวเสริมอีกว่า “ความต้องการการเข้าถึงอินเทอร์เนตได้ในทุกที่ ทุกเวลา และการติดตาม ข้อมูลอัพเดทใหม่ๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการซื้อสมาร์ทโฟน ในขณะที่ปัจจัยที่ทำให้เกิดการซื้อแท็บเล็ต คือการเล่นอินเทอร์เนต การเล่นเกมส์ และ ความบันเทิง”

ทั้งนี้สำหรับการเข้าถึงแท็บเล็ตมีอัตราการเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า จากในปี 2012 จนมาถึง 2013 จากการศึกษาในเรื่องนี้ ทำให้พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเพิ่มในด้านการใช้งานแท็บเล็ตสูงที่สุดในภูมิภาคนี้อีกด้วย

นาย บัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ข้อมูลการเข้าถึงสมาร์ทโฟนในประเทศไทยในรายงานฉบับนี้นั้นสอดคล้องกับข้อมูลจากรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนมิถุนายนที่อธิบายลักษระการใช้งานบนเครือข่ายมือถือทั่วโลกอีกด้วย

อ้างอิงจากข้อมูลที่เราทำการเก็บรวบรวมจากโครงข่ายที่เราได้ดำเนินการจัดการต่างๆ ทั่วโลก ณ ตอนนี้เราคาดการณ์ได้ว่าจำนวนผู้จดทะเบียนใช้งานสมาร์ทโฟน จะเพิ่มสูงขึ้น 4.5 พันล้านคน ในปี 2018 โดยเมื่อปลายปี 2012 อีริคสันประมาณการณ์ไว้ว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหมดอยู่ที่ 1.2 พันล้านคน โดย กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของโทรศัพท์มือถือซึ่งถูกขายในไตรมาสที่ 1 ในปี 2013 เป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เปรียบเทียบกับอัตราที่ผ่านมาคือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนราว 40 เปอร์เซ็นต์ที่เคยถูกขายมาตลอดทั้งปีในปี 2012 นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอัตราการซื้อสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

อัตราการเติบโตในด้านของความสนใจในแอพพลิเคชั่น โซเชียลมีเดีย วีดีโอ และแชตออนไลน์ก็มีความสอดคล้องกับในรายงาน Ericsson Mobility Report เช่นกัน ซึ่งพบว่า Data Traffic ในโทรศัพท์มือถือเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่าจากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในป๊ 2018 เราคาดการณ์ว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของData Traffic ในโทรศัพท์มือถือ จะเป็นในรูปแบบ วีดีโออีกด้วย

สำหรับ Data Traffic ในโครงข่ายโทรศัพท์มือถือยังจะคงมีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมากซึ่งมีเป็นผลมาจากการใช้ Smart Device และแอพพลิเคชั่นที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และแน่นอนว่าสิ่งนี้จะเป็นผลกระทบต่อผู้ให้บริการเครือข่ายและ Regulators ต่างๆทั่วโลกที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมของเครือข่ายและจัดสรรปริมาณคลื่นความถี่อย่างเหมาะสมอีกด้วย

ตามรายงาน Mobility Report ในปี 2018 ผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีความคาดหวังว่าจะใช้งานดาต้าบนโทรศัพท์ต่อเดือนมากขึ้นเป็น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปัจจุบัน หรือเปรียบเทียบคือการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 2 GB ต่อคน

เราคาดหวังว่าผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มความต้องการในด้านของการใช้งานดาต้า ซึ่งเป็นข้อมูลที่ชัดเจนเหมือนกับที่เราเคยรวบรวมเอาไว้

Ericsson ConsumerLab เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ การนำเสนอหลักของเราคือการเข้าใจอย่างถ่องแท้ เรามีประสบการณ์ด้านการวิจัยผู้บริโภคมากกว่า 15 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาคุณค่าและพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงวิธีที่พวกเขาดำเนินการและคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้าน ICT เราให้ข้อมูลการเข้าใจอย่างถ่องแท้ของผู้บริโภคเพื่อกำหนดกลยุทธ์ การตลาดและการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ภายในกลุ่มบริษัทอีริคสัน ความรู้ของเราช่วยให้บรรดาผู้ประกอบการพัฒนาบริการที่สร้างรายได้ที่น่าดึงดูดใจได้

บริษัทอีริคสันเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลกสำหรับบรรดาผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคม บริษัทอีริคสันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมือถือในระบบ 2G, 3G และ 4G และจัดหาการสนับสนุนสำหรับเครือข่ายต่างๆโดยมีผู้สมัครสมาชิกกว่า 2 พันล้านรายและอยู่ในแนวหน้าด้านการบริการการจัดการ (managed services) ผลงานของบริษัทประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายของระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบเคลื่อนที่ การบริการโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์ โซลูชันด้านบรอดแบนด์และมัลติมีเดียสำหรับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่าย วิสาหกิจและอุตสาหกรรมมีเดีย บริษัทโซนีอิริคสันและเอสที-อีริคสันซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนเป็นบริษัทที่จัดหาอุปกรณ์มือถือส่วนบุคคลที่มีคุณลักษณะที่ครบถ้วนสำหรับผู้บริโภค

บริษัทอีริคสันกำลังทำให้วิสัยทัศน์ในการเป็น “ผู้ผลักดันหลักในโลกที่มีการสื่อสารทั้งหมด” ของบริษัทก้าวไกลโดยผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยีและโซลูชันทางธุรกิจที่ยั่งยืน บริษัทอีริคสันมีการปฏิบัติการใน 180 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 80,000 คนมีรายรับ 206.5 พันล้านโครน (27.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2552 ก่อตั้งในปี 2419 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน บริษัทอีริคสันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ OMX ในสตอกโฮล์มและ NASDAQ นิวยอร์ก

View :1870
Categories: 3G, Application Tags:

กทค. ชี้ DTAC ผิด เก็บค่าโทรเกิน 99 สตางค์ สั่งคืนเงินส่วนเกินให้ผู้บริโภคพร้อมดอกเบี้ย

August 19th, 2013 No comments

() พิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีเก็บค่าโทรมือถือเกิน 99 สตางค์รายแรกแล้ว สั่ง ต้องคืนเงินส่วนที่เก็บเกินให้ผู้บริโภคพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 แต่ยังไม่ยอมให้มีมาตรการเยียวยาเป็นการทั่วไป ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ประสบปัญหายังต้องร้องเรียน จึงจะได้เงินคืน

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยถึงผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภคโดยที่ประชุม กทค. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้วางบรรทัดฐานต่อกรณีการคิดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2G ในอัตราที่เกินกว่า 99 สตางค์ แล้วว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย นั่นคือประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ. 2555 ดังนั้นจึงมีมติให้ผู้ให้บริการต้องคืนเงินส่วนที่เก็บเกินไปนั้นให้แก่ผู้บริโภคที่ร้องเรียน โดยจะต้องจ่ายดอกเบี้ยของเงินส่วนเกินนั้นด้วย ในอัตราร้อยละ 15 ตามอัตราที่บริษัทเรียกเก็บจากผู้บริโภคในกรณีที่ชำระค่าบริการล่าช้า

“มตินี้เป็นการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ร้องเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการของดีแทค แต่จากกรณีเดียวนี้ก็เป็นบรรทัดฐานว่า ผู้ให้บริการทุกรายที่มีหน้าที่ตามประกาศเรื่องอัตราขั้นสูงนั้น หากมีการเรียกเก็บเงินเกินกว่าอัตราที่ประกาศกำหนด แล้วผู้บริโภคมีการร้องเรียนเข้ามา ก็จะต้องถูกสั่งให้คืนเงินที่เก็บเกินไปนั้นพร้อมดอกเบี้ยเช่นเดียวกันทุกๆ ราย”

นายประวิทย์กล่าวต่อไปด้วยว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ กทค. ไม่ยอมมีมติสั่งเป็นการทั่วไปในเรื่องดังกล่าว ทั้งๆ ที่ทางผู้ร้องเรียนรายนี้ก็มีคำร้องขอในประเด็นดังกล่าวด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคที่ประสบปัญหาไม่จำเป็นต้องมาร้องเรียนกันทุกคน และ กทค. ก็ไม่ต้องพิจารณาเรื่องร้องเรียนเป็นกรณีๆ ไป โดยถ้า กทค. มีมติออกมา สำนักงาน กสทช. ก็จะสามารถสั่งการให้บริษัทที่คิดค่าบริการเกินดำเนินการคืนเงินแก่ผู้ใช้บริการทั้งหมด

นอกจากนี้ยังปรากฏด้วยว่า สำนักงาน กสทช. มีการเสนออีกวาระหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกันให้ กทค. พิจารณา นั่นคือ เรื่องมาตรการเยียวยาผู้ร้องเรียนกรณีถูกคิดค่าบริการเกินอัตราขั้นสูงฯ ซึ่งมีข้อเสนอประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 2 ประการคือ 1)ให้ผู้ร้องเรียนมีสิทธิชำระค่าบริการเฉพาะส่วนที่เห็นว่าไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด (99 สตางค์) ได้ 2) เมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่าไม่เป็นการเรียกเก็บเกินอัตรา ก็ให้มีสิทธิเก็บเงินต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นการเรียกเก็บเกิน ก็ต้องคืนเงินส่วนต่างพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม กทค. ไม่ได้พิจารณาวาระดังกล่าว เนื่องจากทางส่วนงานเจ้าของเรื่องได้ขอถอนข้อเสนอออกไปเพื่อปรับปรุงใหม่ หลังจากพบว่า ในการแสดงความเห็นชั้นกลั่นกรองเรื่องก่อนบรรจุวาระ กทค. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่เสนอ

“มีผมที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของสำนักงาน โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ข้อ 1) เพราะรู้ว่าเรื่องการไม่ยอมรับชำระเงินบางจำนวนนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคถูกต้อนเข้าตาจนในที่สุด กล่าวคือ เมื่อมีปัญหาการโต้แย้งเรื่องค่าบริการบางส่วน โดยทั่วไปแล้วผู้บริโภคเพียงไม่อยากจ่ายค่าบริการส่วนที่ยังมีข้อติดใจหรือข้องใจ และพร้อมจ่ายค่าบริการส่วนที่ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้ เพราะผู้ให้บริการหรือบริษัทจะยอมรับชำระยอดเต็มเท่านั้น ผู้บริโภคจึงเลือกไม่ชำระ และพอครบสองรอบบิล บริษัทก็ใช้สิทธิตามกฎหมายระงับหรือตัดบริการของผู้บริโภค เท่ากับบังคับผู้บริโภคให้เลิกโต้แย้งโดยปริยาย เพื่อแลกกับการได้ใช้บริการ ดังนั้นข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ในข้อแรกจึงนับว่ามาถูกทาง ส่วนข้อ 2) ก็เป็นหลักที่ถูกต้อง ซึ่งผมเสนอด้วยซ้ำว่า ควรกำหนดเป็นมาตรการทั่วไป ไม่ใช่ใช้กับคนที่มาร้องเรียนเท่านั้น แต่เนื่องจาก กทค. ท่านอื่นๆ เห็นว่าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนนั้นจำเป็นต้องดูเป็นกรณีๆ ไป เพราะข้อเท็จจริงแต่ละกรณีมีความแตกต่างกัน ความจริงเหตุผลนี้ผมก็ไม่เถียง แต่ก็เห็นว่ามาตรการที่เสนอนั้นก็มีเงื่อนไขเฉพาะ ไม่ได้ครอบคลุมจนกว้างไปหมด ก็เลยเสียดายที่ยังต้องให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายเริ่มต้นร้องเรียนเข้ามา ซึ่งผมก็อยากชักชวนนะครับ เพื่อที่จะได้รับการคุ้มครองในบรรทัดฐานเดียวกันกับกรณีที่ กทค. พิจารณาแล้ว ขณะเดียวกันผมก็แจ้งให้สำนักงานเร่งรัดเสนอเรื่องร้องเรียนกรณีค่าบริการเกิน 99 สตางค์รายอื่นๆ เข้ามาด้วย เพราะทราบว่ามีอีกเกือบ 130 เรื่อง” กสทช. ประวิทย์กล่าวในที่สุด

View :1317

เอไอเอส 3 จี 2100 ตัวจริงมาตรฐานโลก เกี่ยวก้อย น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยก้าวสู่การเป็น “ตัวจริงในแบบคุณ”

August 16th, 2013 No comments

มอบกำลังใจน้องเมย์-รัชนก อินทนนท์และโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอดกว่า 1 ล้านสองแสนบาท

16 สิงหาคม 2556 : 3จี 2100 ตัวจริงมาตรฐานโลก มอบกำลังใจสนับสนุนเส้นทางแห่งการเป็นนักแบดระดับโลกให้แก่ “น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์” แชมป์โลกหญิงแบดมินตันคนไทยคนแรก และโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด พร้อมควงแขนเป็นพรีเซ็นเตอร์ สร้างแรงบันดาลใจสื่อคุณค่าความเป็น “ตัวจริง” แก่คนไทย

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย ให้สามารถเชื่อมโยง เสริมศักยภาพให้แก่คนไทย และอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ จากเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าเป็น “ตัวจริง มาตรฐานโลก” รวมถึง การที่ชาวเอไอเอส เกือบหมื่นกว่าชีวิต ที่ต่างมุ่งมั่น ทำงานอย่างหนัก ด้วยความรู้ ความชำนาญที่สั่งสมกันมา เพื่อให้ก้าวสู่ความเป็น “ตัวจริงในใจคุณ” แห่งโลกมือถือให้ได้แล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างแรงบันดาลใจที่จะเป็น “ตัวจริงในแบบคุณ” ให้แก่คนไทยทุกคนมาโดยตลอด เพราะเชื่อในความเป็น “ตัวจริง” ที่เกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเป็นพื้นฐานให้ประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกแห่งวงการกีฬา ที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงคุณค่าแห่งความเป็นตัวจริง และเป็นจุดที่เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนไทยได้ในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นที่ผ่านมาเอไอเอส จึงได้ร่วมสนับสนุนการเป็นตัวจริงในโลกแห่งวงการกีฬาของไทยมาอย่างตัวเนื่อง อาทิ การสนับสนุนฟุตบอล “เอไอเอส ลีกภูมิภาค” ที่นอกจากจะมีส่วนช่วยทำให้เกิดกระแสความนิยมให้แก่วงการฟุตบอลบ้านเราเป็นอย่างยิ่งแล้ว ยังทำให้เกิดความสามัคคีในชุมชนระดับภูมิภาคทั่วประเทศอีกด้วย รวมไปถึงการที่เอไอเอส ได้ร่วมมอบกำลังใจให้แก่นักกีฬาไทย ที่ได้สร้างชื่อ ฝากผลงาน ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศจากแมทช์การแข่งขันสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นโอลิมปิกและพาราลิมปิก มาอย่างต่อเนื่อง
5
สำหรับ “น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์” นั้น เราเชื่อว่าทุกคนคงให้การยอมรับว่า เธอเป็น “ตัวจริงมาตรฐานโลก ในใจมหาชน” อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่พรสวรรค์ หากเป็นเพราะความมุ่งมั่น อุตสาหะฝึกซ้อมอย่างหนัก สร้างความแข็งแกร่ง ทั้งร่างกายและจิตใจ จนทำให้เธอประสบความสำเร็จก้าวสู่ความเป็นแชมป์โลกในวันนี้ ซึ่งเอไอเอส ขอร่วมแสดงความยินดี และมอบกำลังใจให้เธออย่างต่อเนื่อง จากการที่ก่อนหน้านี้เราได้ร่วมแสดงความยินดีจากการแข่งขันโอลิมปิกครั้งล่าสุด และสนับสนุนค่าบริการดาต้าให้เธอได้สื่อสารกลับบ้าน ในช่วงเวลาที่เธอจะต้องเดินทางไปร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
“วันนี้เพื่อขอบคุณที่ทำให้คนไทยมีความสุขอีกครั้ง จากผลงานในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ 2013 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ซึ่งเธอได้พิสูจน์ความเป็น “ตัวจริง มาตรฐานโลก” อย่างชัดเจน รวมถึงเพื่อสนับสนุนให้เธอเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางของ “ตัวจริง มาตรฐานโลก” ได้อย่างราบรื่น เอไอเอส 3 จี จึงขอมอบกำลังใจให้แก่เธอ ประกอบด้วย
1. มอบเงินสดจำนวน 500,000 บาท ให้แก่น้องเมย์
2. มอบเหรียญทองคำ แกะสลักชื่อ น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์ ตัวจริงมาตรฐานโลก น้ำหนัก 25 บาท มูลค่า 500,000 บาท
3. มอบค่าบริการดาต้าให้แก่น้องเมย์ เพื่ออำนวยความสะดวกตลอดช่วงเวลาแห่งการเดินทางเพื่อแข่งขันในต่างประเทศ
และ 4. มอบเงินสดสนับสนุนโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด 200,000 บาท เพื่อสร้างน้องเมย์ 2-3-4 ต่อไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านสองแสนบาท

“อีกทั้ง จากวันนี้เป็นต้นไป น้องเมย์จะได้ให้เกียรติเป็น Presenter ของ เอไอเอส 3G 2100 ตัวจริงมาตรฐานโลก เป็นเวลา 1 ปีเต็ม เพื่อร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนไทยในการก้าวสู่การเป็น “ตัวจริงในแบบคุณ” ต่อไป”

โดยนายสมชัย กล่าวในตอนท้ายว่า “เอไอเอส 3 จี 2100 ที่ขณะนี้กำลังพัฒนาบริการที่ดีที่สุดอย่างไม่หยุดยั้ง และมีเครือข่ายครอบคลุมแล้วในหัวเมืองทั้ง 77 จังหวัด พร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้แก่ “ตัวจริง มาตรฐานโลก” อย่างน้องเมย์-รัชนก เพื่อร่วมเดินไปบนเส้นทางแห่งตัวจริง ส่งมอบความสุขให้แก่คนไทยด้วยกันตลอดไป”

View :1354

ลูกค้าเอไอเอสชม พรีเมียร์ลีกอังกฤษ แบบสดๆ บนมือถือ ครบทั้ง 380 แมทช์เป็นครั้งแรก ในราคาพิเศษ 199 บาท/เดือน ตลอดฤดูกาล

August 15th, 2013 No comments

image002

14 สิงหาคม 2556 : 3G 2100 ผู้สนับสนุนหลักการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2013-2016 ในประเทศไทย เอาใจคอบอลทั่วประเทศ เปิดปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ออกแคมเปญ “ Mobile Barclays Premier League” เป็นครั้งแรกที่ให้เฉพาะลูกค้าเอไอเอสชมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ครบทั้ง 380 แมทช์ บนมือถือทุกประเภททั้ง Smart Phone และ Feature Phone ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครือข่ายคุณภาพ 3G 2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ด้วยความคมชัดระดับ HD ตลอดฤดูกาล จัดเต็มทั้ง แอพฯ Mobile BPL , แพ็กเกจ Premier League Live ที่อัดแน่นไปด้วย Content พรีเมียร์ลีกอังกฤษแบบจุใจ อาทิ คลิปการแข่งขันย้อนหลัง 10 ปี , วิเคราะห์เจาะลึกคู่ต่อคู่จากขอบสนาม เป็นต้น , แพ็กเกจ Premier League Live Score และซิม Premier League พิเศษ! สมัครแพ็กเกจ Premier League Live ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 56 ในราคาเพียง 199 บาท/เดือน ตลอดฤดูกาล แค่กด *909# แล้วโทรออก

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสสนับสนุนกิจกรรมทางด้านกีฬาและมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจกับนักกีฬาไทยมาโดยตลอด อาทิ การสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีกต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ,การมอบรางวัลแห่งความสำเร็จให้กับนักกีฬาไทยในกีฬาโอลิมปิค และพาราลิมปิกที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะเราเชื่อว่าความมุ่งมั่น ตั้งใจ จะทำให้สามารถก้าวสู่การเป็นตัวจริงในระดับโลกได้ วันนี้ เอไอเอส 3G 2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก ในฐานะผู้นำในการให้บริการโทรศัพท์มือถือของไทย ตอบโจทย์นโยบายหลักในการทำการตลาดภายใต้แนวคิด Quality DNAs ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพในทุกมิติของการบริการ โดยคำนึงถึงความต้องการและประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นหลัก จึงออกแคมเปญใหม่ “AIS Mobile Barclays Premier League” ขึ้น โดยนำ Content ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของชาวไทยและคนทั่วโลก มาให้เฉพาะลูกค้าเอไอเอส ได้ชมกันแบบสดๆ บนมือถืออย่างไร้ข้อจำกัด ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครือข่ายคุณภาพ ครบทั้ง 380 แมทช์ตลอดฤดูกาลแรก ด้วยความคมชัดระดับ HD เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย”

โดย นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า “แคมเปญ “AIS Mobile Barclays Premier League” ถือเป็นการมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะลูกค้าเอไอเอสที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล
ให้สามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษบนมือถือทุกประเภทได้อย่างเต็มอิ่มในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
· แอพฯ AIS Mobile BPL เพียงกด *909# แล้วโทรออก เพื่อดาวน์โหลด App Mobile BPL มาไว้บนมือถือทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android และสำหรับลูกค้าที่ใช้มือถือ Feature phone หรือระบบปฏิบัติการอื่นๆ สามารถชมได้ผ่าน wap.mobilelife.co.th/mobilebpl
· แพ็กเกจ Premier League Live แพ็กเกจดูบอลพรีเมียร์ลีกสดผ่านมือถือครบทั้ง 380 แมทช์ พิเศษ! เหลือเพียงเดือนละ 199 บาท ตลอดฤดูกาล จากปกติเดือนละ 299 บาท เมื่อสมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 56 พร้อมอัดแน่นไปด้วย Content พรีเมียร์ลีกอังกฤษแบบจุใจ ทั้งชม Match Rerun ได้ครบทุกแมทช์ , Real Time Score Update อัพเดททุกผลคะแนนแบบลูกต่อลูก , Archive ที่เดียวที่รวบรวมคลิป Hi-light ฤดูกาลล่าสุด และคลิปย้อนหลังที่เป็นที่สุดของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษไว้กว่า 10 ปี , League Info ข่าวสาร ตารางการแข่งขัน และตารางคะแนนรวม , Exclusive Clip รายงานสดวิเคราะห์เจาะลึกการแข่งแบบคู่ต่อคู่จากขอบสนามประเทศอังกฤษ และ Alert on App แจ้งเตือนทุกความเคลื่อนไหวของทีมโปรดตลอดเวลา
· แพ็กเกจ Premier League Live Score แพ็กเกจรายงานสดผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษผ่านทาง SMS พร้อมชม Clip การยิงประตูแบบลูกต่อลูก และคลิปวิเคราะห์จากกูรู ในอัตราค่าบริการ 49 บาท/สัปดาห์ โดยสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี 7 วัน ในการสมัครครั้งแรก
· ซิม AIS Premier League ซิมใหม่ลายพรีเมียร์ลีก ที่ผลิตเดือนละมากกว่า 5 แสนใบ ออกมาเอาใจคอบอลโดยเฉพาะ

โดยลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ Premier League Live , แพ็กเกจ Premier League Live Score รวมทั้งร่วมสนุกกับกิจกรรมโหวตและเกมส์ตอบคำถามเกี่ยวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากมายได้ทุกเดือน อาทิ รถยนต์ Toyota Vios , แพ็คเกจทัวร์พร้อมตั๋วชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกติดขอบสนามประเทศอังกฤษ , ทองคำ และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท

พิเศษสำหรับแมทช์เปิดสนามในวันที่ 17 ส.ค. 56 นี้ เอไอเอสจะจัดกิจกรรมเอาใจคอบอลให้ร่วมสนุกในงาน “AIS Mobile BPL Exclusive Party” กระทบไหล่ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทย อาทิ กระแต-ศุภักษร , โบวี่-อัฐมา , ฮั่น-เดอะสตาร์ , แมทธิว-ลีเดีย เป็นต้น พร้อมชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษแมทช์แรกของฤดูกาล 2013-2014 ร่วมกัน ณ พารากอนฮอลล์ 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ลูกค้าเอไอเอสที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ เพียงกด *909*9# แล้วโทรออก

“เราเชื่อมั่นว่าด้วยประสิทธิภาพของเครือข่ายคุณภาพของเอไอเอส 3G 2100 ตัวจริง มาตรฐานโลก เมื่อผสานรวมกับ Content ระดับโลกอย่างฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะทำให้ลูกค้าเอไอเอสที่เป็นแฟนบอลตัวจริง ได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกว่าใครในการชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษบนมือถือทุกที่ ทุกเวลา ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบคุณได้อย่างแท้จริง” นายฐิติพงศ์ กล่าวสรุป

View :1538

ดีแทคฉลองเปิดตัว “ดีแทค ไฮบริด ช็อป” ชูคอนเซ็ปต์ “Physical Meets Digital” ชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์

August 12th, 2013 No comments

Resize of AP2_5478

เพราะโลกดิจิตอลและความเคลื่อนไหวในแวดวงการสื่อสารก้าวล้ำไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เมื่อดีแทคตัดสินใจปรับโฉมร้านสาขาบนชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ก่อนจะเปิดใหม่อีกครั้ง การกลับมาครั้งนี้จึงต้องมาพร้อมนวัตกรรมล่าสุดในการบริการที่ลูกค้าผู้ใช้บริการต้องเก็บความประทับใจกลับบ้านไปอย่างเต็มที่ที่สุด!! นี่จึงเป็นที่มาให้ดีแทคเปิด “” พร้อมเฉลิมฉลองการเปิดร้านครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ ชวนเซเลบริตี้และดาราชื่อดัง มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ดิจิตอลในปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งนี้ในแบบที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ดีแทคได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยไตรเน็ต ซึ่งเป็นการวางตำแหน่งทางการตลาด ด้วยสิ่งที่เหนือกว่า และแตกต่างกว่าใครผ่านเทคโนโลยี 3 โครงข่ายอัจฉริยะ สมาร์ทโฟนดีแทคไตรเน็ตโฟน แพคเกจการใช้งาน และงานบริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการของลูกค้า และสิ่งสำคัญที่ลูกค้าจะได้สัมผัสบริการจากดีแทคอย่างเป็นรูปธรรม คือศูนย์บริการ ซึ่งล่าสุฃดดีแทคได้ปรับคอนเซ็ปต์ของช็อปใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ายุค 3G ที่ต้องการใช้งานโมบายล์อินเตอร์เน็ต โดยตั้งเป้าหมายในการปรับโฉมศูนย์บริการดีแทคให้ครบ 300 สาขา ด้วยงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาทภายใน 2 ปี เพื่อตอกย้ำถึงความตั้งใจจริงที่ต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีและเกิดความประทับใจจากดีแทค

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า “การเปิด “ดีแทค ไฮบริด ช็อป” บนชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์ในวันนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Customer Centricity” หรือการมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของลูกค้ายุคปัจจุบัน ทั้งลูกค้าแบบ Physical shopper ที่ยังนิยมมารับบริการในศูนย์บริการจากพนักงานและการได้สัมผัสและทดลองใช้สินค้าถึงมือ และ Digital Shopper ที่นิยมความรวดเร็วในการรับบริการโดยไม่ต้องเดินทางมาถึงที่ศูนย์ฯ ดีแทคจึงนำเอาแนวคิดนี้มาสร้างสรรค์เป็นดีแทค ไฮบริด ช็อป ซึ่งลูกค้าสามารถมารับบริการได้อย่างครบวงจร ทั้งจากพนักงานในร้าน และรับข้อมูลต่างๆ ผ่าน “Scan Me” บน Device ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย”

“ดีแทค ไฮบริด ช็อป” คือศูนย์บริการที่รวมเอาข้อดีของการซื้อสินค้าและบริการทั้งแบบ Physical และ Digital เข้าด้วยกัน การบริการแบบ Physical หมายรวมถึงทุกๆ ส่วนที่ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสในร้าน ตั้งแต่การปรับโฉมศูนย์บริการให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์สะท้อนเอกลักษณ์ของดีแทค การพัฒนาอุปกรณ์และบุคลากรในร้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งการอบรมพนักงานในโครงการ Smartphone Expert เพื่อพัฒนาความรู้เรื่องสมาร์ทโฟนโดยผ่านการทดสอบอบรมจากเจ้าของเทคโนโลยีอย่าง Apple IOS , Samsung Android, Microsoft Windows และ BlackBerry การปรับปรุงศูนย์บริการให้มีลักษณะเป็นรีเทลช็อปที่มีโทรศัพท์และ แอคเซสซอรี่ให้ลูกค้าเลือกช้อปปิ้งอย่างครบครัน รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Digital sale-kit โปรแกรมที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกเครื่องและโปรโมชั่นได้ตรงกับความต้องการและการใช้งานของลูกค้าอย่างแท้จริง
ส่วนการบริการแบบ Digital หมายถึงการที่ศูนย์บริการแห่งนี้เปรียบเสมือนประตู (Portal) ซึ่งเปิดเข้าสู่โลกดิจิตอลที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้ด้วยตนเอง โดยมีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ช่วย ทั้งการใช้ “Scan Me” ที่ช่วยเชื่อมต่อลูกค้าให้เข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะสำหรับดีแทค ไฮบริด ช็อป ที่สาขาชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์นี้ ลูกค้ายังสามารถสแกนโค้ทเพื่อรับข้อมูลและสิทธิพิเศษจาก reward ที่ดีแทคจับมือกับร้านค้าและร้านอาหารชั้นนำทั่วทั้งเซ็นทรัลเวิลด์มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามาช้อปปิ้งในเซ็นทรัลเวิลด์โดยเฉพาะ

เมื่อรวมการบริการทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกัน ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าภายในศูนย์บริการแห่งนี้จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับคำแนะนำจากพนักงานทั้งรายละเอียดสินค้า โปรโมชั่นค่าโทร ได้สัมผัสและทดลองใช้สินค้าอย่างเต็มที่ โดยในขณะเดียวกันยังสามารถเข้าถึงข้อมูลและเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของสินค้าได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบดิจิตอลที่มีให้บริการได้อย่างเต็มที่ภายในศูนย์บริการ

งานนี้ เซเลบริตี้ที่มาร่วมงานอย่าง “เป๋า-วฤธ หงสนันทน์” และ “แอ้-ปนิดา ศรีชัย” พร้อมด้วยดาราหน้าใสที่กำลังมาแรงจากซีรี่ส์ฮอร์โมนอย่าง “มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล” และ “เก้า-สุภัสสรา ธนชาต” นอกจากจะได้ “Scan Me” ของว่างในงานกันสนุกแล้ว ยังได้มาทดลองใช้บริการสไตล์ไฮบริดโดยผ่านการใช้โทรศัพท์มือถือ “Scan Me” เพื่อทดสอบการให้บริการแบบรวดเร็วฉับไวทันยุคดิจิตอลของดีแทค พร้อมทั้งพูดคุยสอบถามคำแนะนำในการเลือกโปรโมชั่นค่าโทรและทดลองใช้สมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ อย่างเต็มที่ด้วย ที่สำคัญในงาน หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดังยังมาให้ความรู้ในหัวข้อ “เบอร์ไม่สวยก็รวยได้” เพื่อชวนชาวดีแทคคุยเรื่องเลขมงคล และเปิดโอกาสให้ทุกคนเช็คดวงจากหมายเลขโทรศัพท์กันเต็มที่ และทั้งนี้ภายในร้านดีแทค ไฮบริด ช็อป ยังมีโปรแกรม “เบอร์ไม่สวยก็รวยได้” โดยหมอช้างจะยังมีให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการเพื่อรับคำทำนายเบอร์โทรศัพท์จากหมอช้างผ่านโปรแกรมได้ฟรีด้วย

นอกจากบริการล้ำในสไตล์ไฮบริดแล้ว ยังส่งต่อสิทธิพิเศษให้ลูกค้าอย่างเต็มที่แบบนี้ด้วยแล้ว ลูกค้าที่เข้ามาในดีแทค ไฮบริด ช็อปแห่งนี้เป็นต้อง feel goood กันทุกรายแน่นอน!

View :1080

ดีแทค ไตรเน็ต รุกคืบหน้าโอนย้ายต่อเนื่องลูกค้ากลุ่มบริการข้ามแดนอัตโนมัติและกลุ่มบริการพิเศษ

August 9th, 2013 No comments

TriNet_2508

8 สิงหาคม 2556 – ดีแทค ไตรเน็ตรุกต่อเนื่องการโอนย้ายไป TriNet ตามความประสงค์ลูกค้า โดยทยอยโอนย้ายลูกค้าแต่ละกลุ่มเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด มุ่งสู่เป้า 1ล้านรายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ทยอยส่ง SMS เชิญลูกค้ามาเปลี่ยนซิมตามกำหนดวันที่ศูนย์บริการสำหรับกลุ่มบริการพิเศษตั้งแต่ 8 สิงหาคม นี้

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และกรรมการบริษัท จำกัด กล่าวว่า ตามที่มีลูกค้าแสดงความประสงค์ต้องการโอนย้ายมาใช้ มากกว่า 3.5 ล้านรายนั้น เพื่อประสิทธิภาพและความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามแผนรองรับการโอนย้าย บริษัทฯ จึงขอแจ้งความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยตอนนี้ลูกค้าทุกท่านกำลังอยู่ในลำดับการติดต่อกลับ โดยจะได้รับแจ้งผ่านทาง SMS ล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดวันโอนย้าย

“สำหรับความคืบหน้าของลูกค้ากลุ่มบริการพิเศษเช่น กลุ่มบริการข้ามแดนอัตโนมัติ, Multi SIM, Group Bill (Family) หรือใช้แอร์การ์ดและแท็บเล็ต ที่มีความประสงค์โอนย้าย จะทยอยได้รับ SMS แจ้งให้ทราบถึงกำหนดวันเปลี่ยนซิมการ์ดที่ศูนย์บริการดีแทคทุกสาขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมถึงระบบตอบรับอัตโนมัติเพื่อให้ลูกค้าได้สามารถเลือกรับซิมใหม่ด้วยการจัดส่งทางไปรษณีย์ พร้อมคู่มือการดำเนินการที่สามารถทำได้ง่าย ซึ่งจะทยอยได้รับซิมใหม่ประมาณกลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป”

ทั้งนี้ ดีแทค ไตรเน็ต ได้เริ่มโอนย้ายลูกค้าที่แจ้งความประสงค์ไปโครงข่าย TriNet แล้วตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา และกำลังทยอยโอนย้ายอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะดำเนินการได้ครบ 1 ล้านรายในเดือนสิงหาคมนี้ หากลูกค้ามีความคิดเห็นจากการใช้งานหรือมีคำแนะนำสามารถโทรแจ้งได้ที่ 1678

View :1389