Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ซอฟต์แวร์พาร์ค จัดอบรมไอทีกับการบริหารจัดการธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่

August 3rd, 2010 No comments

ขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จะจัดงานสัมมนาเรื่อง “ไอทีกับการบริหารจัดการธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่” ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553 เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 3 อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี งานสัมมนาฟรีที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ พร้อมเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ประกอบการชั้นนำที่มีการนำไอทีมาใช้ในองค์กร ภายในงานจะได้พบกับโซลูชั่นในการบริหารจัดการธุรกิจ ระบบควบคุมต้นทุน ระบบควบคุมคุณภาพ ระบบการให้บริการลูกค้า และระบบจัดการเอกสาร ครบทุกความต้องการของธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในที่เดียว พลาดไม่ได้สำหรับผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สัมมาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนภายใน 23 สิงหาคมนี้เท่านั้น สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านไอทีสำหรับภาคอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์พาร์ค คุณณีรนารถ รัศมีวิศวะ โทร. 0 2583 9992 ต่อ 1446 หรือ neeranart@swpark.or.th

View :1642

เอชทีซี เปิดตัวเทคโนโลยีจอแสดงผลซุปเปอร์แอลซีดี

August 3rd, 2010 No comments

สู่สายผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีจอแสดงผลซุปเปอร์แอลซีดีแบบใหม่ จะนำมาใช้กับ Desire และ Nexus One เป็นรุ่นแรก

เอชทีซี คอร์ปอเรชัน ผู้นำระดับโลกในการออกแบบสมาร์ทโฟน ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีจอแสดงผลซุปเปอร์แอลซีดี (Super LCD – SLCD) เพื่อใช้กับสายผลิตภัณฑ์เอชทีซีในหลากหลายรุ่น เช่น HTC Desire และ Nexus One ในราวเดือนสิงหาคมนี้ จอแสดงผล SLCD แสดงสีสันที่ดูเป็นธรรมชาติ แสงสมจริง มุมมองกว้าง และปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปีเตอร์ โชว ซีอีโอ เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอชทีซีมีประสบการณ์และรับรู้ความต้องการของผู้ใช้งานโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับจอแสดงผลขนาด 3.7 นิ้ว จอแสดงผล SLCD ให้ผู้ใช้งานได้เปรียบเทียบประสบการณ์การแสดงภาพ ของจอแสดงผล 3.7 นิ้วในปัจจุบัน กับคุณสมบัติที่เพิ่มเติมเข้ามา รวมถึงการใช้แบตเตอรรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

SLCD เป็นเทคโนโลยี LCD ล่าสุดที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ LCD จากรุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงการจัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิมถึง 5 เท่า นอกจากนี้แล้ว SLCD ยังยกระดับประสบการณ์ในมุมมองการมองภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ VSPEC จากโซนี่

View :1534
Categories: Press/Release Tags: ,

ซิป้าเตรียมจัดงานใหญ่ มหกรรมสื่อสร้างสรรค์แห่งเอเชียวันที่ 6 – 8 ส.ค. ที่ไซเบอร์เวิลด์ รัชดาฯ

August 3rd, 2010 No comments

นายลักษมณ์ เตชะวันชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) เปิดเผยว่า “สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า เตรียมจัดงาน “” หรือมหกรรมสร้างสรรค์แห่งเอเชีย เพื่อเป็นการบันทึกความสำเร็จตามโครงการ Digital Media Asia 2010 ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดทำขึ้นตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งได้มอบหมายให้สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ไทย และสมาคมอิเลคโทรนิคบันเทิง เป็นผู้ดำเนินงาน โดยจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม นี้ ทั้งในส่วนของ ภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน”

ภายในงานจะมีการเสวนาจากกูรูทางด้านภาพยนตร์ เกม และแอนิเมชัน ต่างๆ อาทิ เบื้องหลังและเทคนิคการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นฮอลลีวู้ด (Animation Toolset to create Hollywood Movie Box Office) ในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม จาก Mr. Graham Toms นักแอนิเมเตอร์ผู้ผ่านงานที่ดีสนีย์ และเป็นหนึ่งในทีมสร้างเวอร์ชวลซีน (3D Virtual Scene) ในภาพยนตร์อวตาล (Avatar) จะมาบรรยายพิเศษเรื่องการใช้เครื่องมือด้านซอฟต์แวร์ต่างๆที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์ระดับโลกของดีสนีย์และอวตาลของ James Cameron

พบกับหนังสือการ์ตูนหายาก เล่มเดียวในโลก และนิทรรศการการ์ตูนไทย จากอดีตถึงปัจจุบัน การจับคู่ทางธุรกิจครั้งแรกในประเทศ ระหว่างนักสร้างแอนิเมชั่น และเหล่าผู้สร้างสรรค์แคแรคเตอร์การ์ตูนและฮีโร่ต่างๆ รวมทั้งการออกร้านของบรรดาศิลปินอินดี้ ผู้สร้างสรรค์การ์ตูนแคแรคเตอร์และคอมิก ที่เป็นสายธารต้นน้ำของการเศรษฐกิจสร้างสรรค์งานด้านแอนิเมชัน และที่เป็นไฮต์ไลท์ คือ พบกับแชมป์อัจฉริยะต่อ Lego ของโลก Jumpei Mitsui (JunLEGO) ที่จะมาสาธิตการต่อเลโก้ระดับโลกในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม รวมถึงการแสดงซุปเปอร์ฮีโร่ไทยโดยคุณฮาตะและเหล่าสมาชิกที่เป็นแฟนพันธ์แท้ฮีโร่ไทย รวมถึงมินิคอนเสิร์ต 10 ศตวรรษเพลงประกอบภาพยนตร์ไทย เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นในวันที่ 6-8 สิงหาคม 2553 นี้ ที่อาคารไซเบอร์เวิลด์ รัชดาฯ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 0-2938-4946-7

View :2111
Categories: Press/Release Tags: ,

ทีมนักศึกษาไทยคว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับผู้พิการในระดับนานาชาติ

August 3rd, 2010 No comments

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่พสกนิกรชาวไทย ทรงตระหนักถึงประโยชน์และความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศในการเสริมสร้างคุณภาพและศักยภาพของเด็กไทยที่อยู่ห่างไกลในชนบท ซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา รวมทั้งเด็กเจ็บป่วย ผู้พิการให้ได้มีโอกาสใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้และอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อผู้พิการอย่างต่อเนื่อง ทรงเห็นถึงความจำเป็นของคนพิการที่จะต้องใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิศวกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกพิการ (International Convention on Rehabilitation Engineering & Assistive Technology :iCREATe) ซึ่งจัดโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ START center (Singapore Therapeutic, Assistive & Rehabilitative Technology Centre) ประเทศสิงคโปร์มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปีนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล และคณะผู้บริหารจาก สวทช. เฝ้ารอรับเสร็จฯ

สำหรับปี 2553 เนคเทคร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรอีก 3 แห่ง คือ Singapore Therapeutic, Assistive & Rehabilitative Technology (Start) Centre, Shanghai Jiao Tong University, and University Of Shanghai For Science And Technology ได้จัดงาน icreate 2010 ขึ้น ณ ศูนย์การประชุม Shanghai everbright นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 21-24 กรกฎาคม 2553 โดยมีหัวข้อการประชุมเป็นเรื่อง “การเดินทาง การจ้างงาน การศึกษา นันทนาการ และกีฬาสำหรับคนพิการ” ทั้งนี้มีกิจกรรมหลักของงานประชุมวิชาการ 3 กิจกรรมคือ

• การประชุมวิชาการ/การนำเสนอผลงาน (Seminars & Workshops) โดยมุ่งเน้นให้เป็นเวทีของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีขั้นสูงในด้านเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก และส่งเสริมให้เกิดโอกาสในการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทางด้านวิชาการ ด้านการผลิต การจำหน่าย รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ อันได้แก่ นักวิจัย นักวิชาการ นักกายภาพบำบัด ผู้จำหน่าย ผู้ดูแลคนพิการ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้พิการ โดยจะมีกิจกรรมทั้งในส่วนของการนำเสนอบทความทางวิชาการ การอบรมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการแสดงปาฐากถา ในปี 2553 มีวิทยากรหลัก 4 ท่าน การนำเสนอผลงานจำนวน 71 เรื่อง และการอบรมเชิงปฏิบัติการ 12 เรื่อง
• การประกวดโครงงานนักศึกษา (Student Design Challenge: SDC) ได้มุ่งเน้นให้เป็นเวทีของการสร้างโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในการนำเสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหา และสร้างผลงานที่เป็นสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการ โดยเวทีแห่งกิจกรรมนี้ จะทำให้ผู้เข้าประกวดมีโอกาสได้นำเสนอผลงานต่อภาคอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรจากหลากหลายวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมต่อให้เกิดการทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องต่อไป ในปีนี้มีนักศึกษาส่งโครงการเข้าร่วมประกวด 35 โครงงาน จาก 4 ประเทศคือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศจีน ประเทศไทย และประเทศ ผลงานดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
• การจัดนิทรรศการ (Exhibition) เพื่อการจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ สินค้าและบริการจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันและหน่วยงานต่างๆ ในปีนี้มีหน่วยงานร่วมจัด 6 หน่วยงาน

เนคเทคได้ทำการคัดเลือกทีมตัวแทนประเทศไทย เพื่อไปร่วมแข่งขันการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับผู้พิการในระดับจำนวน 5 ทีมได้แก่
1. โครงการ The Design and Development of the Power added-on for Manual Wheelchair โดย นายบดินทร์ บูระวัตรเดชา นายสิทธิชัย ประสิทธิ์ผล นายวัศพล พงษ์สุวรรณ มีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ : ดร บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. โครงการ 9 ช่องมหัศจรรย์ (Incredible 9 Squares) โดย นางสาวชยพร ศุภวิไล นายณัฐพงศ์ สุระเสถียร มีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ดร.ชาคริต วัชโรภาส จากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์
3. โครงการโปรแกรมแปลภาษาไทยเป็นภาษามือสามมิติ โดย นายณัฐดนัย หอมคง นายนัทธ์นที มณีรัตน์ มี อาจารย์ที่ปรึกษาคือ ดร.นราธิป เที่ยงแท้ จาก ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
4. โครงการเครื่องเปิดหนังสืออัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางแขน (An Automatic Page Flipping System for Disabled Readers) โดย นายบาศ ทรงศิลป์ นายประกายเพชร ศุภกาญจนกันติ นายเมธิชัย โอบอ้อม มีอาจารย์ที่ปรึกษา คือ ดร.อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ จาก ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5. โครงการ Ptalk โปรแกรมอ่านภาษาไทยบนมือถือสำหรับคนตาบอด โดย นายปรีชากร ต่อเรืองวัฒนา นายปณิธาน บัลลังก์ปัทมา นางสาวธิติมา นุชพิทักษ์ มีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ดร.ชลวิช นัทธี จากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผลการประกวดโครงงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับผู้พิการ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 53 ตัวแทนประเทศไทยคว้ารางวัลชนะเลิศ ได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้รับรางวัลอื่นๆ อีก รวม 3 รางวัล ซึ่งมีผลการการแข่งขัน ดังนี้

“โปรแกรมแปลภาษาไทยเป็นภาษามือสามมิติ” ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 1400 เหรียญสหรัฐ โปรแกรมดังกล่าวพัฒนาโดย นายณัฐดนัย หอมคง และนายนัทธ์นที มณีรัตน์ อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.นราธิป เที่ยงแท้ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาต่อยอดจาก “พจนานุกรมไทย-ภาษามือ 3 มิติ” ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยจากโครงการการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่ง ประเทศไทย ครั้งที่ 6 (NSC 2004) และได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากโปรแกรมเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ พิการ (B7-2) ของเนคเทค/สวทช.

รางวัล Best prototype คือ เครื่องเปิดหนังสืออัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางแขน (An Automatic Page Flipping System for Disabled Readers) พัฒนาโดย นายบาศ ทรงศิลป์ นายประกายเพชร ศุภกาญจนกันติ นายเมธิชัย โอบอ้อม อาจารย์ที่ปรึกษา: ดร.อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติ จากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัเชียงใหม่ ได้รับพระราชทานรางวัลจาก HRH Princess Salote Mafile’o Pilolevu Tuita of Tonga โครงการนี้ได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการผู้ตัดสินว่าที่ได้รางวัลนี้เพราะว่าพร้อมนำสู่สายการผลิตได้

รางวัล Best poster คือ ผลงาน 9 ช่องมหัศจรรย์ (Incredible 9 Squares) พัฒนาโดย นางสาวชยพร ศุภวิไล นายณัฐพงศ์ สุระเสถียร อาจารย์ที่ปรึกษา: ดร.ชาคริต วัชโรภาส จาก ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับพระราชทานรางวัลจาก HRH Princess Salote Mafile’o Pilolevu Tuita of Tonga

View :1704

เตรียมพบกับศูนย์บริการอีซีเอสแห่งใหม่สุดโมเดิร์น ณ อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่าชั้น 4

August 3rd, 2010 No comments

นายศุภเกียรติ ตันตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดศูนย์บริการที่สาขาพันธุ์ทิพย์เพิ่มอีก 1 แห่งที่ชั้น 4 ว่า “แวลลูฯ เปิดศูนย์บริการที่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่าชั้น 3 มาเป็นเวลาถึง 17 ปีแล้ว โดยให้บริการด้านงานรับประกัน (Warranty), งานเคลม และงานซ่อม อาทิ โน้ตบุ๊ค, พรินเตอร์ และสตอเรจในแต่ละแบรนด์ที่บริษัทจัดจำหน่ายอยู่ เช่น เลอโนโว เอชพี เอเซอร์ อัสซุส และเบนคิว รวมถึงให้บริการด้านงานเคลมสินค้าของทรีคอม, ซิสโก, บัฟฟาโล และดีลิงค์ เป็นต้น
ปัจจุบันศูนย์บริการที่ชั้น 3 ต้องรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการด้านงานซ่อมและงานเคลมในจำนวนที่มากขึ้นประมาณ 40-50% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากแวลลูฯ ได้รับความไว้วางใจจากซัพพลายเออร์แบรนด์ดังมากมายที่แต่งตั้งให้เราเป็น Exclusive Service Center ของสินค้านั้นๆ เช่น เลอโนโว บัฟฟาโล ดีลิงค์ ทำให้ลูกค้าจำนวนมากทั้งที่เป็นเอนด์ยูสเซอร์และดีลเลอร์ที่ต้องการใช้บริการงานซ่อมและเคลมหลั่งไหลมาที่เราเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่การให้บริการที่ชั้น 3 ไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตลอด 7 วัน คือ วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. -19.00น. ได้อย่างเต็มที่

นอกจากนั้นยังมีซัพพลายเออร์ อาทิ เอชพี ที่เล็งเห็นศักยภาพของบริษัทที่มีความพร้อมในด้านการสำรองอะไหล่ จึงได้มอบอำนาจด้านการบริการให้กับเรามากยิ่งขึ้น คือ จากแต่เดิมที่แวลลูฯ รับหน้าที่เป็นจุดรับเครื่องโน้ตบุ๊คเอชพีเพียงอย่างเดียว และไม่ได้ทำหน้าที่ซ่อมด้วย แต่ปัจจุบันนี้เอชพีได้แต่งตั้งให้เราทำหน้าที่เป็นศูนย์ซ่อมสินค้าของเขาด้วย จึงยิ่งทำให้มีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการงานซ่อมของเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทจึงตัดสินใจเปิดศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งที่ชั้น 4 ของอาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า โดยจะเน้นให้บริการงานซ่อมสินค้าโน้ตบุ๊คของแบรนด์เลอโนโว ซึ่งแวลลูฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ให้บริการงานซ่อมโน้ตบุ๊คในกลุ่มคอนซูเมอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นชั้น 4 จึงจะเป็นศูนย์ซ่อมที่เน้นโน้ตบุ๊คของเลอโนโวโดยตรง ในขณะที่ชั้น 3 จะเน้นไปที่งานซ่อมสินค้าของแบรนด์เอชพี อัสซุส เบนคิว เอเซอร์ และงานบริการทั่วไป

และด้วยขนาดพื้นที่ของชั้น 4 ที่กว้างขวางขึ้นเมื่อเทียบกับศูนย์บริการที่ชั้น 3 บริษัทฯ จึงเปิดให้บริการด้านงานเคลมสินค้าของดีลิงค์และบัฟฟาโลเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระจายปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ให้ศูนย์บริการที่พันธุ์ทิพย์ทั้ง 2 ชั้นของเรามีความคับคั่งและแออัดมากเกินไป ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเข้าใช้บริการของลูกค้าทั้ง 2 แบรนด์นี้เพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากแวลลูฯ ได้รับความไว้วางใจจากทั้งดีลิงค์และบัฟฟาโลให้เป็นผู้แทนการให้บริการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย”

สำหรับการออกแบบศูนย์บริการแห่งใหม่ที่พันธุ์ทิพย์ชั้น 4 นั้น นายศุภเกียรติกล่าวว่า “เราต้องการให้ศูนย์บริการแห่งใหม่นี้มีบรรยากาศที่ดูทันสมัย โอ่โถงและผ่อนคลายเสมือนนั่งอยู่ในห้องรับรองพิเศษ จึงได้ออกแบบให้มีการใช้กระจกแผ่นใหญ่เป็นวัสดุหลักของศูนย์บริการนี้ เพื่อให้พื้นที่ดูมีความโปร่งและโล่งขึ้น และด้วยขนาดของพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม จึงได้มีการจัดแบ่งสัดส่วนทั้งพื้นที่ใช้สอยของลูกค้าให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และพื้นที่การทำงานของพนักงานซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 7 ท่าน แบ่งเป็นช่าง 3 ท่าน พนักงานที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์อีก 3 ท่าน และพนักงานระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ ที่ทำหน้าที่ดูแลศูนย์บริการอีก 1 ท่าน ได้มีพื้นที่การทำงานที่เป็นสัดส่วนขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการเข้ามารับบริการยิ่งขึ้นอีกด้วย”

“ในด้านของทำเลที่เราเลือกนั้น ก็จัดได้ว่าศูนย์บริการที่ชั้น 4 นั้นอยู่ในทำเลที่ดีมาก คือ เมื่อลูกค้าขึ้นบันไดเลื่อนของห้างมาก็สามารถสังเกตเห็นศูนย์บริการของเราได้อย่างเด่นชัดทันที สำหรับขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการตกแต่งภายใน โดยเรามีกำหนดจะเปิดให้บริการงานซ่อมและงานเคลม ณ ศูนย์บริการอีซีเอสแห่งใหม่ อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ชั้น 4 ในต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จศูนย์บริการแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากศูนย์บริการสาขาสำนักงานใหญ่เลยทีเดียว” นายศุภเกียรติกล่าวทิ้งท้าย

View :1524

เอ็มเปย์ มอบค่าโทรฟรี 30 นาที รับวันแม่

August 3rd, 2010 No comments

เอ็มเปย์ กระเป๋าเงินบนมือถือ ฉลองเทศกาลวันแม่ให้ลูกค้าบอกรักแม่ได้นานยิ่งขึ้น โดยมอบค่าโทรฟรี 30 นาที ให้ลูกค้าทุกคนที่สมัครบริการ ALERT TO PAY แจ้งเตือนจ่ายบิลจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ให้คุณแม่ ตั้งแต่วันที่ 5 – 12 ส.ค.นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 หรือ www..co.th/

View :1391
Categories: Press/Release Tags:

เอชพีร่วมกับกลุ่ม SPA จัดกิจกรรมรักษ์โลกใต้น้ำ อนุรักษ์ทรัพยากรเพื่อท้องทะเลไทย

August 3rd, 2010 No comments

นางสาวพจนารถ พงษ์เจริญ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับกลุ่ม SPA (Save Planet Association) กลุ่มนักดำน้ำอาสาสมัคร จัดกิจกรรม “รักษ์โลกใต้น้ำ ตัดอวนทำความสะอาดท้องทะเลชุมพร” ร่วมกันตัดเศษอวนที่ปกคลุมปะการังใต้น้ำ เพื่อไม่ให้ปิดกั้นแสงแดด ช่วยชีวิตปะการัง และปรับสมดุลให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลโดยสามารถเก็บเศษอวนและขยะใต้ท้องทะเลได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ดำเนินงานภายใต้โครงการ “ Planet Partners” เพื่อรณรงค์ในการปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

View :1949
Categories: Press/Release Tags:

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เปิดตัวโซลูชั่น การจัดเก็บข้อมูลแบบบริการ เป็นครั้งแรกช่วยลูกค้าใช้ระบบคลาวด์ได้ตามต้องการ

August 3rd, 2010 No comments

โดยได้เปิดตัว Private File Tiering Service and Public Online Storage
เพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและมีความคล่องตัวสูง อีกทั้งยังช่วยปกป้องสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นอยู่ของตนได้

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ เอชดีเอส ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากทรัพยากรระบบจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยภายในระบบคลาวด์ตามรูปแบบที่ตนต้องการ โดยได้เปิดตัว for Private File Tiering ซึงเป็นชุดบริการแรกของระบบคลาวด์ ( Cloud Service suite) ซึ่งช่วยให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่สามารถโอนย้ายข้อมูลเก่าหรือข้อมูลในรูปแบบไฟล์ที่มีมูลค่าน้อยไปเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์และมีค่าใช้จ่ายเฉพาะเมื่อมีการใช้งานและจ่ายเฉพาะส่วนที่ใช้ไปเท่านั้น

นอกจากนั้นแล้วการเป็นพันธมิตรกับบริษัท ดิจิ-ดาต้า คอร์ปอเรชั่น ทำให้บริษัท ฮิตาชิ สามารถนำเสนอโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลออนไลน์แบบคลาวด์สาธารณะ (Public Online Storage) ที่มีบริการที่ครอบคลุมสำหรับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ผู้ให้บริการด้านต่างๆ และผู้ติดตั้งระบบในการนำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบบริการของระบบคลาวด์สาธารณะแก่ลูกค้าและธุรกิจขนาดกลางและเล็ก โดยข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบรรลุข้อตกลงของระดับการให้บริการ (SLA) ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานได้

“บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้ผสานรวมเทคโนโลยีต่างๆ ของระบบคลาวด์เข้าด้วยกัน ทำให้โซลูชั่นและบริการต่างๆ สามารถปรับใช้สภาพแวดล้อมคลาวด์แบบส่วนตัว แบบผสม และแบบสาธารณะได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยแนวทางแบบผสานรวมที่โดดเด่นของเราทำให้องค์กรสามารถนำรูปแบบการประมวลผลแบบคลาวด์มาใช้งานได้ตามแบบที่ต้องการและในลักษณะที่คุ้มค่าบนฐานการลงทุนที่องค์กรด้านไอทีได้กำหนดไว้อย่างเหมาะสมในปัจจุบัน” นายมิกิ แซนดรอฟี หัวหน้าทีมกลยุทธ์ฝ่ายไฟล์และเนื้อหา บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว และว่า “ด้วย Hitachi Cloud Service for Private File Tiering ลูกค้าของเราไม่จำเป็นต้องจ่ายล่วงหน้าให้กับระบบจัดเก็บข้อมูลที่ต้องใช้งานและสามารถใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้เมื่อต้องการ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใดๆ เพิ่มเติมในการจัดการสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ส่วนตัว สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากจะทำให้ลูกค้ามีความคล่องตัวในการขยายและลดขนาดความจุเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น”

การขยายตัวอย่างมหาศาลของข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้างที่มีอยู่ภายในไดเร็กทอรีที่ใช้ไฟล์ร่วมกันหรือไดเร็กทอรีโฮม เช่น เอกสารธุรกิจ ข้อมูลไฟล์ ระเบียน PACS ข้อมูลวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาการความปลอดภัย และเนื้อหาบนเว็บ มักจะได้รับการจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ไฟล์อิสระจำนวนมากหรืออุปกรณ์ NAS ที่มีค่าใช้จ่ายสูงด้านการจัดการ อีกทั้งยังแย่งเวลาและทรัพยากรอันมีค่าจากข้อมูลที่องค์กรจำเป็นต้องเข้าถึงบ่อยครั้งและใช้งานอยู่เป็นประจำด้วย จะเห็นได้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่จะจัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ NAS หลักที่มีราคาแพง ซึ่งใช้ความจุมากและจำเป็นต้องได้รับการสำรองข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และยังกระทบต่อความจุที่ต้องใช้เพิ่มมากขึ้นในเครือข่ายระบบจัดเก็บข้อมูลอีกด้วย เพื่อช่วยรับมือกับการขยายตัวอย่างมหาศาลของข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างนี้ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้จัดเตรียมชุดโปรแกรม Hitachi Cloud Services ที่สามารถดำเนินการได้อย่างครอบคลุม และสามารถจัดวางโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ระบบคลาวด์ไว้ภายในสภาพแวดล้อมของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม

ระบบคลาวด์แบบส่วนตัวที่เป็นการจัดการแบบระดับไฟล์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่

ชุดโปรแกรม Hitachi Cloud Service for Private File Tiering ชุดแรกนี้จะผสานรวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในรูปแบบจ่ายเมื่อใช้ (pay-per-use model) โดย Hitachi Cloud Service for Private File Tiering จะช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่าย ทำให้การจัดการเป็นเรื่องง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้ประโยชน์สภาพแวดล้อม NAS หลักของตนด้วยการโอนย้ายข้อมูลเดิมหรือข้อมูลในรูปแบบไฟล์ที่มีค่าน้อยไปไว้ในระบบคลาวด์แบบส่วนตัวที่ตั้งอยู่ภายในไฟร์วอล์ของลูกค้า สิ่งนี้จะปรับเปลี่ยนวิธีการชำระเงินของลูกค้าโดยลูกค้าสามารถจ่ายเฉพาะส่วนจัดเก็บข้อมูลที่พวกเขาใช้ไปและจ่ายเมื่อมีการใช้งานเท่านั้น อีกทั้งยังกำจัดความต้องการทรัพยากรด้านการจัดการสภาพแวดล้อมดังกล่าวให้กับลูกค้าอีกด้วย บริการนี้คาดว่าจะช่วยองค์กรลดต้นทุนการป็นเจ้าของโดยรวมของสภาพแวดล้อม NAS ได้อย่างน้อย 25% สำหรับข้อเสนอนี้ได้พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีและการบริการที่เป็นนวัตกรรมของบริษัท ฮิตาชิ หลายอย่าง ได้แก่
- Hitachi Content Platform (HCP): แพลตฟอร์มระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแพลตฟอร์มเดียวที่รวมรายละเอียดของระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนหลังและสร้างสภาพแวดล้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบผสมผสานเข้าด้วยกัน โดย HCP ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับเนื้อหาที่ไม่มีโครงสร้างได้อย่างคล่องตัวด้วยที่จัดเก็บตามวัตถุประสงค์ซึ่งสนับสนุนบริการอันหลากหลาย นอกจากนี้ HCP ยังช่วยให้องค์กรสามารถได้รับประโยชน์จากการรวมและการเก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัยหรือไม่จำเป็นต้องเขียนแอพพลิเคชั่นสำคัญทั้งหมดขึ้นใหม่

o การออกแบบในลักษณะโมดูลที่ยืดหยุ่นทำให้ลูกค้าสามารถปรับขนาดแพลตฟอร์มได้ตามต้องการมากถึงระดับ 40 เพตาไบต์ของระบบจัดเก็บข้อมูลที่สามารถใช้ได้ภายในคลัสเตอร์เดียว
o การแบ่งแยกข้อมูลอย่างปลอดภัยภายใต้เนมสเปซที่ต่างกันเพื่อป้องกันการเข้าถึงของผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ด้วยความพร้อมใช้งานสูงที่มีอยู่ภายในและการป้องกันข้อมูลของ RAID6 ทำให้ลูกค้าสามารถจัดเตรียมการเข้าถึงแบบออนไลน์ ป้องกันการสูญเสียข้อมูลและลดจำนวนเทปสำรองสำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างลงได้
o ตัวเลือกสื่อที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง SATA ที่มีความหนาแน่นสูง ให้ความจุสูงสุดในระดับราคาที่ต่ำลงกว่าเดิม ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของได้
- บริการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลระยะไกลของบริษัท ฮิตาชิ: การจัดการระยะไกลและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอย่างอิสระของสภาพแวดล้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ ให้การจัดทำรายงานเกี่ยวกับประสิทธิภาพและข้อมูลด้านความจุ โดยลูกค้าที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการหรือไม่มีทรัพยากร เจ้าหน้าที่ หรือผู้เชี่ยวชาญที่จะปรับใช้และบำรุงรักษาโครงสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลของตนนั้น บริการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลระยะไกลของบริษัท ฮิตาชิ จะให้การติดตามตรวจสอบ การจัดเตรียม การจัดทำรายงาน และความสามารถด้านการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าภายในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์แบบแบ่งระดับชั้นของไฟล์
- ซอฟต์แวร์ Hitachi Data Protection Suite (HDPS): สนับสนุนโดยบริษัท คอมม์วอลท์ และการผสานรวมเข้ากับ Hitachi Content Platform ทำให้ HDPS สามารถจัดเตรียมการย้ายข้อมูลตามนโยบายได้อย่างชาญฉลาด ทำให้การแบ่งระดับชั้นในระบบคลาวด์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยความจุของระบบคลาวด์แบบส่วนตัวคือสิ่งแรกในชุดอินเตอร์เฟสของระบบคลาวด์ที่จะนำมาใช้ในบริการแบบคลาวด์ของฮิตาชิ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านไปยังระบบคลาวด์

ลูกค้าและธุรกิจขนาดกลางและเล็กเข้าถึงระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออนไลนได้อย่างง่ายดาย

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และบริษัท ดิจิ-ดาต้า ผู้ให้บริการชั้นนำด้านซอฟต์แวร์แบบบริการกำลังจัดเตรียมโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ (Public Online Storage) ที่มีความครอบคลุมสูง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการต่างๆ และผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม รวมถึงผู้ติดตั้งระบบสามารถนำเสนอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบบริการให้กับลูกค้าของพวกเขาและลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็กได้ โซลูชั่นแบบคลาวด์ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยจะช่วยผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมสามารถจัดเตรียมบริการระบบจัดเก็บข้อมูลด้วยรูปแบบ “โตเท่าใดจ่ายเท่านั้น” (pay as you grow) ตามการใช้งานจริง ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวของรายได้ รักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้สูงขึ้นด้วยการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยู่เพื่อสร้างและให้บริการคลาวด์อื่นๆ

ด้วยการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นของบริษัท ฮิตาชิ ร่วมกับแอพพลิเคชั่นและบริการของบริษัท ดิจิ-ดาต้า ผู้ให้บริการจะสามารถเข้าถึงตัวเลือกการเชื่อมต่อจำนวนมากภายในระบบคลาวด์และสถาปัตยกรรมที่เชื่อถือได้สำหรับการสร้างและปรับใช้บริการคลาวด์แบบออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการยังสามารถเข้าถึงคุณลักษณะการตรวจวัด และผสานรวมระบบการเรียกเก็บเงินเพื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ตามการใช้งานจริง โดยการปรับใช้ชุด API ที่ครอบคลุมจะทำให้ผู้ให้บริการสามารถผสานรวมแอพพลิเคชั่น ธุรกิจและระบบการดำเนินงานต่างๆ ของตนเข้าด้วยกัน ตลอดจนอินเตอร์เฟสของผู้ใช้ภายในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ได้
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้ ซิสเต็มส์ และบริษัท ดิจิ-ดาต้า ยังนำเสนอชุดบริการที่จะลดระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด โดยบริการต่างๆ เช่น การผสานรวมเว็บพอร์ทัลเพื่อช่วยการเข้าถึงของลูกค้า ตลอดจน การผสานรวมระบบลงชื่อใช้งานเพียงชื่อเดียวและระบบอี-คอมเมิร์ซจะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับทีมไอทีของผู้ให้บริการได้

View :1455
Categories: Press/Release Tags: ,

วัน-ทู-คอล! จับมือ ไมโครซอฟท์ ออกนวัตกรรมซิมใหม่ “Chat Sim” ครั้งแรกในเอเชีย

August 3rd, 2010 No comments

ทลายทุกข้อจำกัด ให้ลูกค้าแชทได้ไม่อั้น ตลอด 24 ชั่วโมง กับมือถือธรรมดา
เพียงวันละไม่ถึง 2.50 บาท

3 สิงหาคม 2553 : วัน-ทู-คอล! จับมือ ไมโครซอฟท์ ออกสุดยอดนวัตกรรมซิมรูปแบบใหม่ “Chat Sim” เป็นครั้งแรกในเอเชียที่ทลายทุกข้อจำกัด ให้ลูกค้า Chat ได้ไม่อั้นกับมือถือธรรมดา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Smart Phone, คอมพิวเตอร์ หรือ Notebook ด้วยอัตราค่าบริการสุดคุ้ม เพียงวันละไม่ถึง 2.50 บาท หาซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ตามร้านค้าทั่วไป สำหรับลูกค้าวัน-ทู-คอล! ปัจจุบันสามารถเปลี่ยนเป็น Chat Sim ได้ง่ายๆที่เอไอเอสช็อป และร้านเทเลวิซ ทุกสาขาทั่วประเทศ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสพัฒนาบริการในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาโดยตลอด โดยในปัจจุบันกระแสของ Social Network ในบ้านเรา กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยายเข้าไปยังกลุ่ม mass มากขึ้น ทั้งการใช้งานโปรแกรม แช็ตวินโดวส์ไลฟ์ (MSN), Facebook และ Twitter โดยเฉพาะการ “ออนเอ็ม” ผ่าน โปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์พบว่ามีคนใช้งานมากถึงกว่า 6.5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการออนเอ็มผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานเท่าที่ควร

ดังนั้น วัน-ทู-คอล! แบรนด์ที่มีแนวคิด “อิสระ” ต้องการตอบโจทย์กลุ่ม mass ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ออนเอ็มผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก และไม่ได้ใช้ Smart Phone กับกลุ่มลูกค้าวัน-ทู-คอล! ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการทำ CRM ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อให้มีอิสระในการใช้งาน สามารถเข้าสู่ Social Network ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้น โดย chat กันได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่อย่าง Microsoft ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การตลาด Partnership Marketing ภายใต้แนวคิด Ecosystem อีกครั้ง โดยร่วมกันออกนวัตกรรมซิมรูปแบบใหม่ “Chat Sim” ขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย ด้วยการนำโปรแกรมยอดนิยม “แช็ตวินโดวส์ไลฟ์” เข้าไปไว้ในซิมการ์ด ทำให้ลูกค้าสามารถออนเอ็มได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเมนูในซิม โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ GPRS และไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม อีกทั้งยังใช้งานได้กับมือถือธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องเป็น Smart Phone ทำให้ลูกค้ามีอิสระที่จะสนุกกับการ Chat ได้แบบไร้ข้อจำกัดอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังสามารถ Update Facebook และ Twitter ได้ง่ายๆ ทันใจด้วย”

มร. มาร์ค บริทท์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกคอนซูเมอร์ และออนไลน์ ไมโครซอฟท์ เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “จากจำนวนผู้ใช้งานโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์ทั่วโลกที่มีทั้งสิ้นกว่า 303.4 ล้านคนในปัจจุบัน และในประเทศไทยมีถึง 6.5 ล้านคน โดยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเกือบร้อยละ 25 ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องนั้น ทำให้ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นที่จะก้าวจากการเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีและโน้ตบุ๊กไปสู่โทรศัพท์มือถือ เพื่อเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการเข้าถึงเทคโนโลยี และยังตอบสนองความต้องการการใช้งานโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์ของผู้ใช้ยุคใหม่ที่ต้องการสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลตลอดเวลา ความร่วมมือระหว่างเอไอเอสและไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ถือเป็นการนำจุดแข็งของการเป็นผู้นำตลาดมือถือไทยของเอไอเอส และผู้นำด้านโปรแกรมแช็ตของไมโครซอฟท์มาผสานเข้าด้วยกัน เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกันในการขยายฐานลูกค้า และเพื่อให้ผู้ใช้บริการมือถือเอไอเอสได้รับประสบการณ์การใช้งานมือถือที่มีความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

นายอเนก อนันต์วัฒนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลุ่มลูกค้าพรีเพด เอไอเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจาก Chat Sim จะเป็นนวัตกรรมใหม่แล้ว ยังมีอัตราค่าบริการสุดคุ้มด้วย เพราะแชทได้ไม่อั้นโดยไม่ต้องเสียค่า GPRS มีเพียงค่าบริการ 17 บาท / สัปดาห์ เท่านั้น เฉลี่ยแล้ววันละไม่ถึง 2.50 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเครื่อง Smart Phone หรือค่าซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ทตามร้าน Internet Café ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีค่าโทรในอัตราพิเศษในกลุ่ม Chat Sim ด้วยกัน เพียงนาทีละ 50 สตางค์ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่นาทีแรก หรือหากโทรหาซิมอื่นๆ ก็มีอัตราค่าโทรเท่ากับ “โปรรักทุกค่าย” คือ นาทีละ 50 สตางค์ นาทีแรก 2 บาท

สำหรับวิธีการใช้งานก็ง่ายๆ เพียงเปิดเบอร์ แล้วพิมพ์ R ส่งไปที่หมายเลข 4817777 เพื่อสมัครใช้บริการโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์บนมือถือ พิเศษสมัครตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค.53 รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งฟรีค่าบริการสัปดาห์ละ 17 บาท ในสัปดาห์แรก และในสัปดาห์ถัดไปรับวันใช้งานสะสมเพิ่ม 7 วัน ทุกสัปดาห์ และใช้ GPRS / EDGE ฟรีสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงด้วย ลูกค้าที่สนใจสามารถซื้อ Chat Sim ได้ตามร้านค้าทั่วไป ในราคาเพียง ซิมละ 69 บาท และสำหรับลูกค้าวัน-ทู-คอล! ปัจจุบันก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ Chat Sim โดยใช้เบอร์เดิมได้ ที่เอไอเอส ช็อป หรือร้านเทเลวิซทุกสาขาทั่วประเทศ
“วัน-ทู-คอล! เชื่อมั่นว่า “Chat Sim” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้งานของคนกลุ่มใหญ่ที่นิยมการ Chat ผ่านโปรแกรมแช็ตวินโดวส์ไลฟ์ได้อย่างโดนใจ ไร้ข้อจำกัดอย่างแท้จริง และที่สำคัญมีอัตราค่าใช้บริการสุดคุ้มอีกด้วย” นายสมชัย กล่าวสรุป

View :1564
Categories: Press/Release Tags: ,

กูเกิลโครมสุดยอดเครื่องมือท่องเว็บสำหรับคนไทย

August 3rd, 2010 No comments

เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ ทำงานได้เร็วที่สุด พร้อมฟีเจอร์ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับเมืองไทย เผยแพร่ผ่านช่องทางที่แปลกใหม่

กรุงเทพฯ, 3 สิงหาคม 2553 – กูเกิลเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำงานได้เร็วที่สุด พร้อมด้วยชุดฟีเจอร์ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้ในเมืองไทย รองรับการท่องเน็ตอย่างเหนือชั้น มีให้เลือกทั้งรุ่นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทำงานบนระบบปฏิบัติการหลักๆ ทั้งหมด นำเสนอประสบการณ์บนเว็บที่รวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้จาก www.google.co.th/chrome

ในยุคเริ่มแรกของอินเทอร์เน็ต เว็บเพจต่างๆ มักจะประกอบด้วยข้อความภาษาอังกฤษ แต่ปัจจุบัน เว็บได้พัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มหลายภาษาที่รองรับการใช้งานทั่วโลก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงานผ่านทางไซต์สังคมออนไลน์ อีเมลและเว็บแอปพลิเคชันอื่นๆ รวมทั้งแก้ไขเอกสาร ดูวิดีโอ ฟังเพลง จัดการการเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย Google Chrome ได้รับการพัฒนาสำหรับเว็บในปัจจุบัน และพร้อมรองรับแอปพลิเคชันต่างๆ ในอนาคต

“Google Chrome ช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย และมีความสำคัญกับเรา รวมถึงพันธมิตรในท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 18 ล้านคนในเมืองไทย ” แอนดรู แมคกลินชีย์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์กูเกิล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “ ปัจจุบัน ผู้ใช้ชาวไทยใช้เวลามากขึ้นในการเชื่อมต่อออนไลน์ ดังนั้นจึงต้องการเบราว์เซอร์ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานในด้านอื่นๆ เช่นเดียวกับหน้าแรกของกูเกิล Google Chrome มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่เรียบง่าย พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำสำหรับรองรับการท่องเว็บที่รวดเร็ว ”

ประสบการณ์เว็บที่เหนือกว่าและรวดเร็วกว่าสำหรับผู้ใช้ชาวไทย

ทุกแง่มุมของ Google Chrome ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อความเร็วสูงสุด เพื่อให้ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กูเกิลได้พัฒนา V8 จาวาสคริปต์เอนจิ้น ( V8 JavaScript) สำหรับ Google Chrome ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังรองรับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันรุ่นอนาคตที่ไม่สามารถใช้งานกับเบราว์เซอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาปรับปรุง V8 อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ Chrome เวอร์ชั่นใหม่นี้ทำงานได้เร็วกว่า 200% เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นทดลองใช้งานที่นำออกเผยแพร่เมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา

นอกจากนี้ Google Chrome เปี่ยมด้วยฟีเจอร์ที่เหนือชั้น ช่วยให้ผู้ใช้สนใจเฉพาะเนื้อหาเว็บได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างการพิมพ์ที่อยู่เว็บ เช่น www.google.co.th/chrome กับการป้อนข้อความค้นหา เช่น “ ช่องทางใหม่ที่เร็วในการเข้าเว็บคืออะไร ” เพราะ Google Chrome ผสานรวมแถบการค้นหาและแถบที่อยู่เข้าไว้ด้วยกันที่ด้านบนสุดของเบราว์เซอร์ ซึ่งเรียกว่า “ แถบเอนกประสงค์ ” (omnibox) ซึ่งจะนำผู้ใช้ไปยังที่ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยกดแป้นพิมพ์เพียงไม่กี่ครั้ง นอกจากนี้ เบราว์เซอร์ดังกล่าวยังสามารถตรวจสอบโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ภาษาไทยเยี่ยม ชมเว็บไซต์ที่เป็นภาษาอื่นๆ และจะแปลเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นภาษาไทยโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที Google Chrome เวอร์ชันล่าสุดนี้สามารถซิงโครไนซ์การตั้งค่าบุ๊คมาร์คและ เบราว์เซอร์ของผู้ใช้ในระบบคลาวด์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการตั้งค่า เบราว์เซอร์และไซต์ของตนเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ในทุกๆ ที่

Google Chrome เปี่ยมด้วยเสถียรภาพและความปลอดภัย โดยแต่ละแท็บของเบราว์เซอร์ทำงานโดยแยกออกจากกัน หากว่าแท็บหนึ่งหยุดทำงานหรือทำงานผิดปกติ แท็บอื่นๆ ก็ยังคงทำงานได้อย่างฉับไวและมีเสถียรภาพ และผู้ใช้จะสามารถทำงานต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ท Google Chrome นอกจากนี้ โปรแกรมยังประกอบด้วย SafeBrowsing ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ตรวจจับมัลแวร์และฟิชชิ่งโดยอัตโนมัติ และแจ้งเตือนหากว่าผู้ใช้พยายามที่จะเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ และท้ายที่สุด ด้วย Google Chrome ผู้ใช้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ปลอดภัยมากที่สุดอีกต่อไป เพราะ Google Chrome จะอัปเดตส่วนที่เป็นแบ็คกราวด์โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะแน่ใจได้ว่าตนเองกำลังใช้งานเบราว์เซอร์เวอร์ชั่นที่ทันสมัยที่สุดอยู่เสมอ

Google Chrome – ประสบการณ์ที่เหมาะกับคนไทยอย่างแท้จริง
ด้วยความพยายามที่จะทำให้เว็บมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Google Chrome จึงประกอบด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับท้องถิ่น ซึ่งสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้ชาวไทยโดยเฉพาะ นั่นคือ ส่วนขยายเบราว์เซอร์ 8 ชุด และธีม Chrome 8 ชุดที่ออกแบบโดยศิลปิน

ส่วนขยายหรือ Extension คือโปรแกรมขนาดเล็กที่สามารถเพิ่มเติมฟังก์ชั่นที่ให้ข้อมูล ความเพลิดเพลิน หรือประโยชน์ใช้สอยให้กับเบราว์เซอร์ ดังนั้นจึงทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตอนนี้ผู้ใช้ชาวไทยจะสามารถเข้าถึงข่าวสารล่าสุดจากเว็บไซต์สนุก ( Sanook), ค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ตลาด ( Tarad), ตรวจสอบตารางการฉายภาพยนตร์ผ่านทาง MovieSeer, ตรวจสอบความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่แท้จริงโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า SpeedTest โดยสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย , แปลงสกุลเงินและเข้าถึงบทความด้านการเงินผ่านทางธนาคารกสิกรไทย , รับทราบข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโปรโมชั่นของทรูออนไลน์ , ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวบน EDTGuide และค้นหาความหมายของคำศัพท์พร้อมคำแปลผ่านทางพจนานุกรม Long Do โดยเพียงแค่คลิกปุ่มบนเบราว์เซอร์ Google Chrome และไม่จำเป็นต้องออกจากเว็บเพจที่คุณเปิดดูอยู่

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ ธนาคารฯ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมการให้บริการทางการเงิน ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร มี ความยินดีที่ได้เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในประเทศไทยที่ร่วมมือกับ Google ในการร่วมพัฒนา Google Chrome Extension ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลของธนาคารฯ ได้ง่ายขึ้นสำหรับ Google Chrome Extension ของธนาคารกสิกรไทย จะรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ของเครือธนาคารฯ เข้าไว้ด้วยกัน จึงประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินซึ่งเป็นประโยชน์และมีความหลากหลาย อีกทั้งเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ และเป็นเรื่องที่ลูกค้าต้องการตรวจสอบอยู่เป็นประจำ อาทิ ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก – เงินกู้ และสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตและบัตรเดบิต พร้อมกันนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้บริการที่ปรึกษาในการวางแผนการเงินของ K- We Plan จาก Extension ดังกล่าวได้อีกด้วย ลูกค้าที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Extension ของธนาคารกสิกรไทยในเพื่อใช้งานได้แล้วที่ เมนูส่วนขยายของ Google Chrome ทั้งนี้ ในอนาคตธนาคารฯ มีแผนจะพัฒนา Extension เพิ่มเติม โดยการนำเสนอข้อมูลอื่นๆ ที่เป็น ประโยชน์และครอบคลุมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มข้อมูลด้านการศึกษาการท่องเที่ยว และสุขภาพ จากเว็บไซต์ K-Beautiful Life ของธนาคารฯ เป็นต้น

Extension ติดตั้งได้ง่ายและอัพเดตได้โดยอัตโนมัติหลังจากที่ดาวน์โหลดมาแล้วใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome เพื่อไปยังแกลเลอรี Extension ของ Google Chrome ที่ www.google.com/chrome/extensions และเลือกจาก Extension หลายสิบชุดที่แยกตามหมวดหมู่

นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถแสดงสไตล์ส่วนตัวบน Google Chrome ด้วยการติดตั้งธีมที่สร้างโดยนักออกแบบ นักดนตรี คนดังและองค์กรชั้นนำในเมืองไทย เช่น ธีมที่ออกแบบโดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , ศิลปินชื่อดังอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ , ม.ล. จิราธร จิรประวัติ และติ๊ก ชิโร่ , บี บอยด์ ซีจี แอนิเมชัน สตูดิโอ , ดช. เทิดธันวา คะนะมะ ซึ่งชนะการประกวด Doodle 4 Google ในปีนี้ , อาจารย์หนู กันภัย และภาพพิเศษจากมูลนิธิเพื่อนช้าง ธีมเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบพื้นเมือง ไปจนถึงแบบแปลกใหม่และทันสมัย เพิ่มแรงบันดาลใจและความสนุกสนานให้กับการท่องเว็บ

นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถแสดงสไตล์ส่วนตัวบน Google Chrome ด้วยการติดตั้งธีมที่สร้างโดยนักออกแบบ นักดนตรี คนดัง และองค์กรในเมืองไทย เช่น ธีมที่ออกแบบโดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , ศิลปินชื่อดังอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ , ม.ล. จิราธร จิรประวัติ และติ๊ก ชิโร่ , บี บอยด์ ซีจี อนิเมชัน สตูโอ , ดช. เทอดธันวา คะนะมะ ซึ่งชนะการประกวด Doodle 4 Google ในปีนี้ , อาจารย์หนู กันภัย และภาพพิเศษจากมูลนิธิเพื่อนช้าง ธีมเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบพื้นเมือง ไปจนถึงแบบแปลกใหม่และทันสมัย เพิ่มแรงบันดาลใจและความสนุกสนานให้กับการท่องเว็บ

“ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นโอกาสและศักยภาพในการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของ Google Chrome เพื่อที่จะเป็นช่องทางในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับโครงการนี้ททท. นำเสนอภาพถ่ายของสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศและภาพถ่ายที่แสดงถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์อันงดงามของประเทศไทย ” คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการกลุ่มสารสนเทศการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวและเสริมว่า “ ททท. เชื่อมั่นว่าผู้ใช้ Google Chrome ทั่วโลกจะได้ชื่นชมความสวยงามจากภาพถ่ายของประเทศไทยผ่านธีม Google Chrome ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและคาดว่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักท่องเทียวสนใจเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ”

ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหน้าเบราว์เซอร์ปกติ โดยการเลือกธีมที่ชื่นชอบเพียงคลิกหนึ่งครั้ง ที่ www.google.co.th/chrome/artists

คู่ค้าในเมืองไทยนำเสนอช่องทางที่แปลกใหม่ในการเผยแพร่ Google Chrome
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ชาวไทยเข้าถึงเว็บผ่านทาง Google Chrome ได้อย่างกว้างขวาง กูเกิลจึงได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ทรู คอร์ปอเรชั่น และตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ชั้นนำ เอสไอเอส เพื่อผนวกรวม Google Chrome เข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ

ทรู ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จะใช้ Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลักบนคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กว่า 500 เครื่องทั่วประเทศ ผู้ใช้ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เหล่านี้จะสามารถท่องเว็บโดยใช้ Google Chrome ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย เพียงแค่ดับเบิลคลิกที่ไอคอน Chrome บนหน้าเดสก์ท็อปของคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ทรูจะแนะนำ Google Chrome ให้แก่ลูกค้าบริการบรอดแบนด์รายใหม่ๆ ผ่านโปรโมชั่นพิเศษบนหน้าแรกเว็บเพจของทรู ให้กับลูกค้าหนึ่งล้านคนที่กำลังออนไลน์

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ ความร่วมมือระหว่างทรูออนไลน์กับกูเกิลครั้งนี้ เป็นการผสานศักยภาพเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจร่วมกัน โดยกูเกิลมีความโดดเด่นเรื่องการค้นหาข้อมูลออนไลน์ขณะที่ทรูออนไลน์เป็นผู้นำตลาดไฮสปีดอินเตอร์เน็ตที่มีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 720,000 คน ความร่วมมือครั้งนี้จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าทรูออนไลน์ให้สัมผัสประสิทธิภาพความรวดเร็วทันใจของการใช้งาน เบราว์เซอร์ Google Chrome จากหลายช่องทางซึ่งรวมถึงการใช้งานจากร้านอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัลจาก Google Chrome และทรูออนไลน์ เต็มอิ่มตลอด 2 เดือนหลังการเปิดตัวครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าทรูออนไลน์จะได้รับความสะดวก รับทราบข่าวสารข้อมูลอัพเดทสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ก่อนใคร เพียงติดตั้ง Google Chrome Extension บนเบราว์เซอร์ Google Chrome ที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายกับการใช้งาน ท้ายนี้เรามั่นใจว่าลูกค้าทรูออนไลน์จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการ ผสมผสานศักยภาพทั้งของทรูออนไลน์และกูเกิลครั้งนี้ ”

ตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ในประเทศ ของเอสไอเอส กว่า 3,000 แห่ง จะติดตั้ง Google Chrome ไว้ในเครื่องพีซีที่วางจำหน่ายทั่วประเทศ ผู้ใช้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์จากเอสไอเอสจะสามารถใช้ Google Chrome เพื่อเข้าถึงเว็บได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการคลิกเมาส์เพียงแค่ครั้งเดียว

“SiS มีความยินดีในการร่วมเป็นพันธมิตรกับกูเกิลในการโปรโมท Google Chrome ผ่านช่องทางของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายรีเซลเลอร์ ผู้ติดตั้งระบบ บริษัทซอฟต์แวร์ รีเซลเลอร์แบบเพิ่มมูลค่า และผู้ผลิตอุปกรณ์ OEM ทั่วประเทศ มากกว่า 3,000 ราย โดยจะมีกิจกรรมผ่านสื่อของบริษัทฯ กับลูกค้าทั่วประเทศ ” คุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวและเสริมว่า “Google Chrome เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่น่าสนใจติดตั้งได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงนาที ใช้งานง่ายช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงหน้าเว็บและแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรามั่นใจว่า Google Chrome นี้จะมีประโยชน์กับผู้ใช้ชาวไทยได้อย่างแท้จริง ”

“กูเกิลรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับทรูและเอสไอเอสในรูปแบบการเผยแพร่ที่แปลกใหม่ ซึ่ง จะช่วยให้ผู้ใช้ชาวไทยใช้งานเว็บ

เบราว์เซอร์ได้ง่ายดายขึ้น” คุณพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย ป ระจำภูมิภาคเอเชีย-

ตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “การทำให้ Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลักในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของทรู และการติดตั้งโปรแกรม

ดังกล่าวไว้บนคอมพิวเตอร์ของเอสไอเอส จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Google Chrome เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งทำงานได้อย่าง

รวดเร็ว เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และใช้งานง่าย”

View :1762
Categories: Press/Release Tags: