Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ย้ายที่ทำการใหม่

August 2nd, 2010 No comments

นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด หนึ่งในผู้ค้าส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ด้านไอทีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประกาศย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ไปยังที่ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ศกนี้ โดยจะย้ายไปที่อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) ซึ่งมีความทันสมัย โอ่โถงและกว้างขวางกว่าเดิม อีกทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางมหานคร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส, เอ็มอาร์ที และธนาคารพาณิชย์ชั้นนำเกือบ 10 แห่ง เพื่อให้รองรับกับการเติบโตของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนพนักงานมากถึง 380 คน โดยเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ ณ สำนักงานใหญ่จำนวน 300 คน ได้อย่างเต็มที่

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ การตัดสินใจย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สามแล้ว หลังจากที่เมื่อแรกตั้งบริษัทเราได้ตั้งต้นธุรกิจและใช้พื้นที่ของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลชิดลม เป็นที่ทำการอยู่ประมาณ 3 ปี ซึ่งในช่วงก้าวแรกของแวลลูฯ นั้นเรามีพนักงานอยู่เพียง 7-8 คนเท่านั้น และเมื่อธุรกิจมีการเติบโตขึ้น จึงได้ย้ายจากที่เซ็นทรัลชิดลมมายังอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเราได้ใช้ที่นี่เป็นที่ทำการของสำนักงานใหญ่ของบริษัทมายาวนาน จวบจนวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 19 ปีแล้ว

การย้ายที่ทำการใหม่ของเราในแต่ละครั้งนั้น เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรามีการเติบโตและก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ สำหรับที่อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 นั้น เป็นช่วงที่เรามีการเติบโตอย่างมาก ได้มีการขยายพื้นที่สำนักงานจากที่ชั้น 34 มาเพิ่มที่ชั้น 26 และที่ชั้น 3 ทำให้พนักงานแยกกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย การประสานงานและติดต่องานระหว่างแผนกหรือฝ่ายขาดความคล่องตัว ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ”

“ สำหรับการย้ายไปยังที่ทำการแห่งใหม่นั้น ในด้านของสถานที่นอกจากเราจะได้ความโอ่โถงและกว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสามารถจัดสรรให้พนักงานทั้งหมดจำนวน 300 คนได้อยู่รวมในชั้นเดียวกันแล้ว เรายังสามารถจัดสรรพื้นที่อีกหนึ่งชั้นไว้สำหรับใช้เป็นห้องประชุมขนาดต่างๆ ซึ่งนอกจากจะสามารถรองรับความต้องการใช้งานของทั้งพนักงานภายในบริษัทเองแล้ว ยังรวมถึงเวนเดอร์และยูสเซอร์ที่จะเข้ามาใช้สำหรับการฝึกอบรมและสัมมนาได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังได้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายภายในสำนักงาน คือระบบไว-ไฟและโมบายล์ ออฟฟิศให้มีความทันสมัยและตอบรับต่อการใช้งานของทั้งพนักงาน รวมถึงเวนเดอร์และยูสเซอร์ที่เข้ามาติดต่องานกับทางบริษัทได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ในด้านของสภาพแวดล้อมทั่วไปของที่ทำการแห่งใหม่ของเรา ณ อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์นั้น ก็รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อันเนื่องมาจากทำเลที่ตั้งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานคร การเดินทางจะมีความคล่องตัวและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที ซึ่งตั้งอยู่ทั้งหัวมุมและปลายถนนสุขุมวิท 21 เลยทีเดียว นอกจากนั้นยังได้รับสะดวกสบายในการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินต่างๆ เพราะมีธนาคารพาณิชย์ชั้นนำรายล้อมอยู่รอบที่ทำการใหม่ของเราถึงเกือบ 10 สถาบัน ซึ่งเราเชื่อว่าจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราจัดสรรให้อย่างเพียบพร้อมและ เต็มที่นี้จะเป็นการเสริมให้ประสิทธิผลของงานเราเพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีก ” นายสมศักดิ์กล่าวเสริม

อนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ศกนี้ เป็นต้นไป บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด จะย้ายไปยังที่ทำการแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 159/35 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ชั้น 21 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0 2661 6666

View :1494

กลุ่มทรู จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและCNBC ประกวด “ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2010”

August 2nd, 2010 No comments

กลุ่มทรู จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักข่าวต่างประเทศCNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) จัดประกวด ทรู อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2010 ครั้งที่ 1 ภายใต้แนวคิด “รวมความคิด ชาติเชื้อไทย” เฟ้นหาสุดยอดนักคิดสายเลือดไทย ไม่จำกัดอายุหรือสังกัดใดๆ เพียงสร้างสรรค์งานเข้าร่วมประกวด ทั้งประเภท Idea Seed เมล็ดพันธุ์ความคิด: สุดยอดแนวความคิดพร้อมแผนงานโดดเด่น และประเภท Inno Tree: สุดยอดนวัตกรรมผลงานที่สร้างขึ้น ลุ้นรับรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทพร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้เข้าร่วมประกวด ทั้งโอกาสเข้าอบรมกับผู้นำนวัตกรรมหลากหลายสาขา และเงินทุนสนับสนุนเพื่อต่อยอดผลงานเชิงพาณิชย์ มั่นใจศักยภาพนักคิดไทยพร้อมก้าวไกลสู่เวทีระดับนานาชาติ สนใจติดตามรายละเอียด www.trueinnovationawards.com หรือ 02-699-6368 begin_of_the_skype_highlighting              02-699-6368      end_of_the_skype_highlighting ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมที่จะทำให้เกิดประโยชน์ สร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผู้พัฒนา องค์กร และสังคมโดยรวม ดังที่กลุ่มทรูได้สร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าบริการเพื่อลูกค้ามาโดยตลอด ล่าสุด กลุ่มทรู ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานข่าวต่างประเทศ (เอเชีย-แปซิฟิก)จัดโครงการ True Innovation Awards (TIA) เป็นครั้งแรกในปี 2010 ภายใต้แนวคิด รวมความคิด ชาติเชื้อไทย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักคิดพัฒนาชาวไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ได้มีเวทีนำเสนอแนวคิดและโชว์ผลงานที่ตนเองคิดค้นและพัฒนาขึ้นมา โดยไม่จำกัดอายุและสังกัดใดๆ และสามารถเลือกส่งนวัตกรรมเข้าร่วมประกวดได้ 2 ประเภทคือ ประเภท Idea Seed เป็นการนำเสนอแนวคิดของแผนธุรกิจนวัตกรรม และประเภท Inno Tree เป็นการนำเสนอชิ้นงานนวัตกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อใช้งานได้ทันที โดยผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดครั้งนี้ นอกจากจะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาทแล้ว ยังจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม คือโอกาสเข้าอบรมกับผู้นำนวัตกรรมหลากหลายสาขา ได้แลกเปลี่ยนความรู้และทักษะซึ่งกันและกัน อันเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ และทำให้นำไปใช้ได้จริงในสังคม รวมทั้งโอกาสต่อยอดผลงานเชิงพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มทรูพร้อมที่จะร่วมพัฒนา ผลักดันให้ผลงานนวัตกรรมฝีมือนักคิดไทย ก้าวไกลสู่เวทีระดับนานาชาติ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีปณิธานมุ่งมั่นสร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดิน ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) และสำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) จัดการแข่งขัน ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมโดยคนไทย เพื่อนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นระบบ ซึ่งการจัดโครงการเช่นนี้จะผลักดันให้กระบวนการสร้างนวัตกรรมจากมันสมองของคนไทยเกิดความจริงจังและครบวงจร ทำให้คนที่มีความรู้สามารถนำความรู้มาสร้างเป็นนวัตกรรม และมีการจัดการนวัตกรรมอย่างมีแบบแผน สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าให้กับสังคมและประเทศชาติได้อย่างจริงจัง โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมที่จะจัดอบรมให้ความรู้กับผู้เข้าแข่งขันเพื่อร่วมพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทำให้นวัตกรรมประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจต่อไป

รศ.ดร.อรรณพ ตันละมัย คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า น่ายินดีที่มีภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งคณะฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนโครงการประกวด True Innovation Awards 2010 เวทีที่จะจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นใหม่ กล้าที่จะนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้สังคมได้รับรู้ และต่อยอดผลงานให้สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งเกณฑ์การตัดสินสำหรับนวัตกรรมประเภท Idea Seed จะพิจารณาจาก ความคิดสร้างสรรค์ ความสดใหม่เป็นตัวของตัวเอง และความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ขณะที่นวัตกรรมประเภท Inno Tree จะพิจารณาจากความคิดสร้างสรรค์,การนำไปใช้งานได้จริงอย่างมีคุณภาพ, การนำไปต่อยอดทางธุรกิจ, ประโยชน์และคุณค่าต่อสังคม และการนำเสนอผลงานและการตอบคำถาม โดยผลงานที่ส่งเข้ามาจะต้องเกี่ยวกับ 7 หัวข้อ ดังนี้Innovative Design การออกแบบเชิงนวัตกรรม, Innovative Education System & Distance Learning นวัตกรรมเพื่อการศึกษา, Green Innovation นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม, IT & Computer Software ซอฟต์แวร์นวัตกรรมเพื่อธุรกิจ, Robot & Electronic Devices นวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องกลทดแทนแรงงานมนุษย์, Telecom Innovation นวัตกรรมการสื่อสารเพื่ออนาคต, Mobile Application แอพลิเคชั่นบนมือถือ

มร.แซทแพล เบรนช์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ สำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) กล่าวว่า สำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) สนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเอเชียมาเป็นเวลานาน เนื่องจากตระหนักเป็นอย่างดีว่า นวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ประสบผลสำเร็จในระยะยาวซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศ CNBC (เอเชีย-แปซิฟิก) ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นสื่ออย่างเป็นทางการร่วมเผยแพร่รางวัล True Innovation Awards 2010 ที่ยกย่องเชิดชูนวัตกรรม และเผยแพร่ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเลิศในประเทศไทย

สำหรับรางวัล แบ่งเป็น ประเภท Inno Tree ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัลๆ ละ 5 แสนบาท, รางวัล Silver จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 1 แสนบาท, รางวัล Bronze จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 5 หมื่นบาท และรางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท ในส่วนของประเภท Idea Seed ได้แก่ รางวัล Gold จำนวน 1 รางวัลๆ ละ 2 แสนบาท, รางวัล Silver จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 5 หมื่นบาท, รางวัล Bronze จำนวน 2 รางวัลๆ ละ 2 หมื่นบาท และรางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัลๆ ละ 5 พันบาท ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ได้รับรางวัล ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากกลุ่มทรู อาทิ การเข้าร่วมโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่, โครงการบ่มเพาะธุรกิจการสื่อสาร อีกทั้งได้รับโอกาสทำธุรกิจกับกลุ่มทรู อีกด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและจัดส่งผลงานเข้ามาประกวดได้ที่ www.trueinnovationawards.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ Innovation Center โทร. 02-699-6368 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553

View :1648

ท้าพิสูจน์ความจำกับคิงส์ตัน ในงาน WCG 2010

August 2nd, 2010 No comments

สนุกกับเกมส์ทดสอบความจำ ลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมาย

คิงส์ตัน เทคโนโลยี อิงค์ ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก เตรียมควิกออฟกิจกรรมสนุกๆ บนเว็บไซต์ระหว่างช่วงการจัดงาน World Cyber Games 2010 (รู้จักกันดีในชื่อ WCG) ที่กำลังจะจัดขึ้นในประเทศไทยเร็วๆ นี้ โดยคิงส์ตันเป็นสปอนเซอร์หลักในส่วนผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ เตรียมเขย่าความมันส์ด้วยเกมฮาร์ดคอร์สนุกและท้าทาย นำร่องโดยสินค้าระดับพรีเมี่ยมตระกูล HyperX ความเร็วระดับ 2133MHz โดยคิงส์ตันวางฤกษ์ปล่อยเกมท้าพิสูจน์ความจำให้ผู้สนใจเข้ามาประลองฝีมือ ตั้งแต่วันที่ 7-8 สิงหาคม ศกนี้ พร้อมเปิดรับทุกคนเข้าร่วมเชียร์ผู้แข่งขันซึ่งจะได้รับของรางวัลกิ๋บเก๋ฟรี และขอเชิญแวะชมบูธของคิงส์ตันได้ที่งาน WCG จัดที่ Cyber World กรุงเทพฯ

ภายในงาน WCG ตลอดสองวัน เชิญแวะที่บูธคิงส์ตันเพื่อร่วมเล่นเกมท้าพิสูจน์ความจำ “Challenge Your Memory” ซึ่งเบื้องต้นผู้ร่วมเล่นเกมทุกคนจะได้รับที่ใส่ปากกาฟรีทันที สำหรับผู้ที่อยู่ทางบ้านยังสามารถเข้าไปร่วมเล่นเกมทดสอบความจำผ่านทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ (http://www.-blog.com/challenge_your_memory/th) นอกจากนี้ ยังมีเกมจับคู่ชื่อ “Match It” สำหรับท้าพิสูจน์ความจำแบบหนึ่ง-ต่อ-หนึ่ง

สำหรับรายละเอียดของเกมจะเป็นแบบมัลติเพลเยอร์ โดยผู้เล่นสองคนจะต้องจับคู่ไพ่ให้ตรงกันสองใบจากหน้าบอร์ด 4*4 ไล่ไปจนถึงบอร์ด 8*8 สำหรับผู้เล่นที่ทำแต้มคะแนนได้สูงสุด 5 อันดับแรกของแต่ละวันในช่วงการแข่งขัน จะได้รับคิงส์ตันยูเอสบี แฟรชไดร์ฟรุ่น DataTraveler Generation 2 ความจุ 16GB ถ้าอยากทดสอบว่าความจำของคุณเป็นเลิศแค่ไหน! เชิญมาพิสูจน์ได้ที่งาน

นางสาวเว่ย เว่ย หยิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคของคิงส์ตัน กล่าวว่า “WCG เป็นทัวร์นาเมนต์แข่งขันเกมไซเปอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกและคอเกมตั้งตารอทุกปี เราจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสเข้าร่วมงานที่ยิ่งใหญ่ในปีนี้ สำหรับเมมโมรี่ตระกูล HyperX ของคิงส์ตัน เป็นไลน์สินค้าที่เราตั้งเป้าเพื่อกลุ่มเกมเมอร์ประเภทฮาร์ดคอร์โดยเฉพาะซึ่งการเป็นสปอนเซอร์หลักของงานครั้งนี้ เราหวังที่จะเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ของ Kingston HyperX ที่มีชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับคอเกม”

หากต้องการพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ที่บล็อกของ Kingston กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.kingston-blog.com หากต้องการร่วมเล่นเกม “Challenge Your Memory” กรุณาเยี่ยมชม www.kingston-blog.com/challenge_your_memory/th/ หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Kingston ที่อัพเดตล่าสุด แวะที่ http://twitter.com/KingstonFEPR สำหรับชาวชุมชนออนไลน์ เข้าดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Kingston ได้ที่ www.facebook.com/kingstonAPAC

หากต้องการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นของแท้หรือไม่ Kingston นำเสนอเว็บไซต์สำหรับตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ที่http://www.kingston.com/thailand/verify/default.asp หากต้องการร่วมเล่นเกม “Challenge Your Memory” กรุณาเยี่ยมชม www.kingston-blog.com/challenge_your_memory/th/ และเชิญสัมผัสการผจญภัย “The Adventures of Rex” ได้ที่เวบไซต์ www.theadventuresofrex.com

View :1687
Categories: Press/Release Tags: ,

เอชพีเปิดตัวโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงใหม่ ลดปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอที

August 2nd, 2010 No comments

การขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอทีสร้างปัญหาให้แก่องค์กรต่างๆ มากมาย ทั้งทางด้านการทำงานที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ปัจจุบัน องค์กรหลายแห่งมีการใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการการดำเนินงานคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 70 ของงบประมาณไอทีทั้งหมด และอีกร้อยละ 30 ใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมไอที

HP Converged Infrastructure คือ มาตรฐานระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่เหมาะสำหรับองค์กรในการนำไปใช้แก้ไขปัญหาการทำงานที่แยกจากกันของเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ง่ายและไม่ซับซ้อน รวมทั้งสนับสนุนการผนวกรวมการทำงานด้านต่างๆ ของศูนย์ข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน

การสร้างเครือข่ายโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือนจริงหรือเวอร์ช่วล คือ เทคโนโลยีหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวก หรือ Converged Infrastructure และด้วยโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลใหม่ 2 ประเภทในตระกูล StorageWorks ที่ เอชพีประกาศเปิดตัวในวันนี้ ซึ่งได้แก่ HP StorageWorks P4800 BladeSystem storage area network (SAN) และ HP StorageWorks Enterprise Virtual Array (EVA) Cluster จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผนวกรวมการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเครื่องเดสก์ท้อปเข้าไว้ด้วยกัน โดยสร้างระบบเครือข่ายเสมือนจริงที่ผนวกรวมสมรรถนะการทำงานของทรัพยากรระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆ ตามความต้องการใช้งานขององค์กรได้อย่างง่ายดาย

โซลูชั่นระบบเครือข่ายจัดเก็บข้อมูล HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN องค์กรต่างๆ ต้องต่อสู้กับปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอทีทั้งจากเครื่องเดสก์ท้อป โน้ตบุ๊ค และอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ การที่ข้อมูลอยู่ในอุปกรณ์ไอทีหลากหลายประเภททำให้ยากต่อการจัดการ การรักษาความปลอดภัย และการสำรองข้อมูล ทั้งนี้ ระบบการทำงานเสมือนจริงของเครื่องลูกข่าย (client virtualization) จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการได้ง่ายดายขึ้น และมีการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น ทั้งยังลดเส้นทางการสำรองข้อมูลบนเครือข่ายได้อีกด้วย

ระบบการทำงานเสมือนจริงของเครื่องลูกข่ายเกิดจากการผนวกรวมระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเซิร์ฟเวอร์ โซลูชั่นเครือข่าย และระบบบริหารจัดการเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งกระบวนการดำเนินการนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เอชพีจึงออกแบบสถาปัตยกรรมอ้างอิงรองรับระบบการทำงานแบบเสมือนจริงของเครื่องลูกข่ายเป็นรายแรก โดยพัฒนาต่อยอดจากระบบ Converged Infrastructure สำหรับสถาปัตยกรรมที่ผนวกรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าไว้ด้วยกันแบบครบวงจรนี้ เอชพีได้รับการออกแบบให้มีสมรรถนะรองรับระบบเดสก์ท้อปเสมือนจริงได้หลายพันเครื่อง โดยมีขนาดกะทัดรัดในดีไซน์เรียบง่ายและรองรับการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานก่อนนำออกสู่ตลาด สถาปัตยกรรมอ้างอิงให้ประสิทธิผลในการบริหารจัดการไอทีเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยสนับสนุนผู้ใช้งานพร้อมกันถึง 1,600 ราย และมีค่าใช้จ่ายลดลงร้อยละ 50 ทั้งยังใช้พื้นที่ลดลงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับระบบการทำงานแบบเสมือนจริงของเครื่องลูกข่ายทั่วไป(1)

หัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมอ้างอิง คือ ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ปรับขยายได้ ทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกันบนสภาพแวดล้อมระบบเครือข่าย ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเบลดของเอชพีที่ผนวกรวมกัน ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN ใหม่นี้ สนับสนุนเทคโนโลยี HP BladeSystem มีสมรรถนะจัดเก็บข้อมูลถึง 63 เทราไบต์ และมีเบลดจัดเก็บข้อมูลจำนวน 4 ตัวที่เชื่อมต่อกับดิสก์ไดรฟ์ 140 ตัว

ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 BladeSystem SAN มีคุณสมบัติโดดเด่นอื่นๆ ได้แก่
• มีการทำงานที่เร็วขึ้น พร้อมมีการตั้งค่าระบบให้สอดคล้องกับประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งยังผ่านการทดสอบมาแล้ว เพื่อสนับสนุนการใช้ซอฟต์แวร์เสมือนจริงบนเครื่องลูกข่าย อาทิ โปรแกรม Microsoft® Hyper-V ที่มาพร้อมกับโซลูชั่น Citrix XenDesktop และ VMWare View
• สนับสนุนระบบให้มีประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ โดยปรับปริมาณงานบนเบลดและดิสก์ไดรฟ์ให้สมดุล เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความแออัดในการจัดเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เข้าใช้ระบบเครือข่ายพร้อมกันหลายคนในเวลาเดียวกัน
• เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยกระจายทรัพยากรจัดเก็บข้อมูลออกไปในหลากหลายพื้นที่ เพื่อให้ธุรกิจมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด ทั้งยังทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลในระหว่างเกิดปัญหาต่างๆ อาทิ ไฟดับ และระบบล่มหรือขัดข้องโดยผู้ใช้งาน
• ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบเครือข่าย และสนับสนุนการบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างง่ายดาย โดยใช้เทคโนโลยี HP Virtual Connect นอกจากนี้ การติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล P4800 เข้ากับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem enclosure ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สวิตช์จัดเก็บข้อมูลและสายเคเบิลนอกตัวเครื่อง จึงไม่ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านไอทีในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายจัดการข้อมูล
• สร้างความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks P4800 SAN สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์การทำงานแบบเสมือนจริงทุกชนิด อาทิ ไมโครซอฟท์ และวีเอ็มแวร์ (VMware) เป็นต้น
• ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ระบบไฟและระบบทำความเย็นร่วมกันกับโซลูชั่น HP BladeSystem

โซลูชั่น
โซลูชั่น HP StorageWorks EVA Cluster ใหม่ คือ โซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบครบวงจรที่ใช้ Enterprise Virtual Array หรือ EVA หลายตัว เพื่อขจัดปัญหาความแตกต่างของข้อมูลที่จัดเก็บ ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการจัดเก็บข้อมูลได้จากจุดเดียว โดยมีสมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลสูงถึง 2 เพทาไบต์ และรองรับไดร์ฟได้ประมาณ 2,000 ตัว

ลูกค้าจะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากกว่าการใช้ EVA ตัวเดียวถึงร้อยละ 600 จึงช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และลดต้นทุนในการบริหารจัดการ ทั้งนี้ การสร้างเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือนจริง และการมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีคุณสมบัติการทำงานร่วมกัน จะช่วยให้ลูกค้าใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 300 และลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการได้ถึงร้อยละ 50(2)

ความโดดเด่นอื่นๆ ของโซลูชั่น HP StorageWorks EVA Cluster มีดังนี้
• ติดตั้งระบบสำรองการทำงานที่ชัดเจน เพื่อสนับสนุนการทำงานของชุดข้อมูลระหว่างอาร์เรย์ต่างๆ ให้มีความพร้อมและมีการทำงานอย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้น ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด
• สนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและง่ายดาย โดยใช้โซลูชั่น HP Command View เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลที่แตกต่างกันได้แบบรวมศูนย์เป็นเอกภาพจากจุดเดียว
• มีสมรรถนะการทำงานและความพร้อมในการใช้งานที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากมีฟีเจอร์อันล้ำสมัย อาทิ โปรแกรม thin provisioning ที่สนับสนุนโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และระบบเครือข่ายสำรองข้อมูลเพื่อทดแทนระบบการทำงานที่ขัดข้องในพื้นที่ที่ห่างไกล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือนจริงรุ่นใหม่ของเอชพี สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/storage/highlights

View :1403

F5 จับมือออราเคิล ยกระดับการบริหารและดูแลการเข้าใช้ระบบ

August 2nd, 2010 No comments

การทำงานร่วมกันของ BIG-IP จาก และออราเคิลแอคเซสแมเนเจอร์ ช่วยให้ระบุตัวตนผู้ใช้งานได้จากศูนย์กลาง
ควบคุมการเข้าใช้ระบบได้ง่ายขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มศักยภาพในการทำงานของแอพพลิเคชัน

กรุงเทพฯ – 30 กรกฎาคม 2553 – F5 เน็ตเวิร์กส์ อิงก์ (NASDAQ: FFIV) ผู้นำระดับโลกด้านแพลตฟอร์มระบบเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่าง F5 และ ออราเคิล ว่าวันนี้ โซลูชันการบริหารจัดการนโยบายการเข้าถึงระบบ หรือ BIG-IP® Access Policy ManagerTM (APMTM) ของ F5 สามารถทำงานร่วมกับระบบจัดการด้านการระบุตัวตนผู้ใช้งานของออราเคิลได้แล้ว ( Identity Management) โดยเฉพาะระบบบริหารการเข้าใช้ระบบของออราเคิล ( Access Manager) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งใน ออราเคิล ฟิวชัน มิดเดิลแวร์ ( Fusion Middleware) ยังสามารถผสานการทำงานเข้ากับความสามารถในการควบคุมการเข้าใช้ระบบของ บิ๊ก-ไอพี เอพีเอ็ม สำหรับเว็บแอพพลิเคชันได้เป็นอย่างดี ซึ่งการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีของ F5 และ ออราเคิลในครั้งนี้ ช่วยให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากการรวมระบบควบคุมและตรวจสอบการบังคับใช้งานตามกฏเกณฑ์ได้จากศูนย์กลาง เพิ่มความสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้าน BIG-IP ถือเป็นโซลูชันที่ดูแลด้านความปลอดภัยและการเข้าถึงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถควบคุมดูแลการเข้าถึงเว็บแอพพลิเคชันได้ตามลักษณะเนื้อหาและการใช้งาน ช่วยลดภาระในการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทั้งในส่วนแอพพลิเคชันและเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยควบคุมและบริหารงานได้จากศูนย์กลาง และเมื่อทำงานร่วมกับระบบบริหารการเข้าใช้ระบบของออราเคิล ก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้แอพพลิเคชันของออราเคิลจากระยะไกลผ่านอุปกรณ์โมบายได้อย่างปลอดภัย อำนวยความสะดวกแก่ผู้ดูแลระบบในการปรับขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของผู้ใช้อุปกรณ์โมบายและผู้ที่ใช้งานจากระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์หลักที่ได้จากความร่วมมือในครั้งนี้ครอบคลุมเรื่องของการรวมโครงสร้างระบบที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายไอทีได้มาก อีกทั้งยังให้ความสะดวกในการบริหารจัดการการใช้งานได้จากศูนย์กลาง ซึ่งช่วยเรื่องของการประหยัดเวลาในการบริหารจัดการด้านการระบุตัวตนผู้ใช้งานในเครือข่ายรวมถึงควบคุมการเข้าใช้ระบบปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องตามกฏเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงได้สะดวก รวดเร็ว และยังอำนวยความสะดวกในการปรับขยายโครงสร้างไอทีเพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการรองรับผู้ใช้งานผ่านระบบเคลื่อนที่ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุปกรณ์ บิ๊ก-ไอพีชั้นสูงสามารถรองรับการล็อกอินเข้าใช้งานได้หลายร้อยรายการในเวลาเพียงหนึ่งวินาที อีกทั้งรองรับผู้ใช้ที่เข้ารหัสด้วย SSL ได้พร้อมกันหลายหมื่นรายการ ให้อัตราการเข้ารหัสด้วย SSL ผ่าน HTTP(s) ในระดับมัลติกิกะบิตต่อวินาทีด้วย

กำหนดการจำหน่าย
BIG-IP Access Policy Manager พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับออราเคิลแอคเซสแมเนเจอร์ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.f5.com/pdf/solution-center/f5-oracle-solution-overview.pdf

View :1481
Categories: Press/Release Tags: ,

WD ปลื้มรายได้ไตรมาส 4 ทะลุ 2.4 พันล้านดอลลาร์

August 2nd, 2010 No comments

รายได้สุทธิ 265 ล้าน คิดเป็นมูลค่า 1.13 ดอลล่าห์ต่อหุ้น

รายได้ปีงบประมาณ ‘53 ปิดสวยงามที่ 9.8 พันล้านเหรียญฯ เติบโต 32%
รายได้สุทธิกำไร 5.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 185 %

กรุงเทพฯ –30 กรกฎาคม 2553– – เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีชื่อเสียงระดับโลก รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2553 และงบการเงินประจำไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ สิ้นสุดวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 สำหรับไตรมาสที่ 4 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2. 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ มียอดจัดส่งฮาร์ดไดร์ฟทั้งสิ้น 49.7 ล้านยูนิต มีรายได้สุทธิ 265 ล้านเหรียญฯ หรือมีกำไร 1.13 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลประกอบการดังกล่าวนี้ได้รวมตัวเลข 27 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้คดีฟ้องร้อง

สำหรับตัวเลขการเงินไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ มียอดจัดส่งฮาร์ดไดร์ฟ 40 ล้านยูนิต มีรายได้สุทธิ 196 ล้านเหรียญฯ หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.86 ดอลลาร์ ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 4 ของปีงบประมาณก่อนหน้านี้ได้รวมรายได้ 5 ล้านเหรียญฯ จากผลสรุปเกณฑ์พึงรับพึงจ่ายของการปรับโครงสร้างองค์กร และอีก 18 ล้านเหรียญฯ จากการขายโรงงานในซาราวัก ประเทศมาเลเซีย

จากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสของเดือนมิถุนายน WD มียอดเงินสด 363 ล้านเหรียญสหรัฐ ปิดตัวเลขเงินสดรวมและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ 2.7 พันล้านเหรียญฯ ตามประกาศก่อนหน้านี้ บริษัท ได้บรรลุข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการผลิตสื่อแม่เหล็กของ Hoya Corporation ในช่วงไตรมาสเดือนมิถุนายน โดยมีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นเงินสด 233 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปีงบประมาณ 2553 บริษัทมีรายได้รวม 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายได้สุทธิ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีกำไร 5.93 ดอลลาร์ต่อหุ้น เทียบกับผลประกอบการทางการเงินของปีก่อนหน้า WD มียอดรายได้รวม 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายได้สุทธิ 470 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกำไร 2.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ รายได้สุทธิชองปีงบประมาณ 2553 ได้รวมยอด 27 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของไตรมาสที่ 4 ในปีงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้คดีฟ้องร้อง สำหรับรายได้สุทธิของปีงบประมาณ 2552 ได้รวมตัวเลข 14 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายด้านงานวิจัยและการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ SiliconSystems, Inc รวมทั้งค่าใช้จ่ายการปรับโครงสร้างองค์กรจำนวน 112 ล้านเหรียญสหรัฐ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 8 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายโรงงานในมาเลเซีย

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2553 อัตราการเติบโตทางธุรกิจของ WD เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 และมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 194 %

“แม้ว่าจะแผ่วกว่าอุปสงค์ที่คาดการณ์ไว้สำหรับช่วงไตรมาสเดือนมิถุนายน แต่ผลประกอบการปี 2553 เป็นอีกหนึ่งปีทองของ WD ที่เติบโตและมีผลกำไร” นายจอห์น คอยน์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Western Digital กล่าวและว่า “ความต้องการในระยะยาวสำหรับฮาร์ดไดร์ฟที่มีต้นทุนต่ำแต่ให้พื้นที่ความจุสูงยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาล และกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์เชิงพาณิชย์ การที่ WD มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลักนำเสนอสินค้าคุณภาพสูงในต้นทุนต่ำ และมีสินทรัพย์ทรงประสิทธิภาพเพื่อการเจริญเติบโตสูงสุดในตลาด เราเชื่อว่า WD ยังคงสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานที่มั่นคงและมีผลกำไร”

View :1825
Categories: Press/Release Tags:

“ซันโย” บุกสยามโอเชียนเวิลด์ ทดสอบกล้องวิดีโอกันน้ำ Xacti VPC-CA100

August 2nd, 2010 No comments

โชว์สุดยอดความคมชัดแห่งสีสันด้วย Full HD รายแรกของโลก!

บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด ดำดิ่งทดสอบคุณสมบัติความคมชัดใต้น้ำลึก 3 เมตร ของกล้องรุ่น Xacti VPC-CA100 กล้องวิดีโอกันน้ำแบบ Full HD (1920×1080) รายแรกของโลก! ณ สยามโอเชียนเวิลด์ ท้าพิสูจน์คุณสมบัติพิเศษถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 14.0 ล้านพิกเซล เทคโนโลยีซูมภาพ 12 เท่า เอาใจผู้ชื่นชอบถ่ายภาพระยะใกล้ด้วยมาโคร 1 ซม. จอภาพแอลซีดีกว้าง 2.7 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ 285 องศา ชัดเจนทุกมุมมอง มีให้เลือก 3 สีได้แก่ ชมพู เหลือง และดำ เหมาะสำหรับผู้ชื่อชอบกิจกรรมทางน้ำ และผู้นิยมบันทึกภาพความทรงจำในรูปแบบวิดีโอแต่ต้องการความคล่องตัวในการเดินทาง เชิญพบกับศักยภาพที่เหนือชั้นได้แล้ววันนี้ ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ด้วยราคา 24,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมรับฟรี…ของสัมมนาคุณมากมาย อาทิ การ์ดหน่วยความจำ 16 GB, สาย HDMI, แบตเตอรี่ และซอฟท์เคส (Soft case) พร้อมผ่อนสบายๆ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน ด้วยบัตรเครดิต KTC บัตร GE และ K-Bank

View :1840

ตำรวจตรวจจับอินเตอร์เน็ตคาเฟ่พบซอฟต์แวร์เถื่อนบนเครื่องคอมพิวเตอร์รวมทั้งสิ้น 280 เครื่อง มูลค่ากว่า 4.3 ล้านบาท

July 29th, 2010 No comments

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) เพิ่มความพยายามลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต หรืออินเตอร์เน็ต คาเฟ่ โดยระดมกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศ

ในระลอกแรกนี้ ตำรวจเข้าตรวจค้นอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ จำนวนแปดแห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพ หาดใหญ่ และหนองคาย และพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์คิดเป็นมูลค่า 4.34 ล้านบาท

อินเตอร์เน็ต คาเฟ่ซึ่งถูกตรวจค้นในครั้งนี้ มีคอมพิวเตอร์ในครอบครองเฉลี่ยร้านละ35 เครื่อง ถูกตรวจพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ต่างๆ จริง เจ้าของอินเตอร์เน็ต คาเฟ่อาจต้องหยุดกิจการ ถูกปรับ และอาจถูกจำคุกได้

“ร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตเหล่านี้นับเป็นว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีการใช้งานคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากในการสร้างรายได้และผลกำไร” พันตำรวจเอก ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ โฆษกของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) กล่าว “ธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏหมายลิขสิทธิ์เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ หากฝ่าฝืนก็จำต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย”

อีกหนึ่งผลงานของตำรวจไทย ที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมร้านค้าคอมพิวเตอร์สองแห่ง ที่ต้องสงสัยว่าจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ภายในงานแสดงสินค้าไอทีคอมมาร์ท

เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตรวจภายในบริเวณงาน และพบผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์สองรายที่เสนอติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายให้กับลูกค้า จึงได้เข้าจับกุมผู้จัดจำหน่ายทั้งสองรายในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

“การใช้งานและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อน เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายลิขสิทธิ์ไทยอย่างชัดเจน และเราจำเป็นต้องเตือนให้ธุรกิจต่างๆ ตระหนักถึงความร้ายแรงของผลที่จะตามมาจากการละเมิดกฎหมายด้วยการเข้าตรวจค้นจับกุม” พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าว “ร้านค้าต่างๆ รู้ดีถึงความสุ่มเสี่ยงของการจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ภายในงานคอมมาร์ท เพราะเคยมีการตรวจตราและจับกุมในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อนแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เห็นได้ชัดว่าการจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อนภายในงานลดลง แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง เราจึงยังมีงานต้องทำอีกมาก”

เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่รายหนึ่ง ร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าวว่า

“ผมไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องนี้ แต่จากความเข้าใจของผม เจ้าของอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ รายนี้ถูกตั้งข้อหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จากการตรวจพบว่ามีซอฟต์แวร์เถื่อนหลายรายการ ติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ใช้งานภายในร้าน ขณะนี้กำลังมีการสืบสวนกรณีนี้อยู่ผมจึงไม่อาจให้ความเห็นมากไปกว่านี้ได้ ที่ผมพูดได้ก็คือเมื่อเราเข้าตรวจค้นอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ที่ต้องสงสัยว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เราปฏิบัติตามระเบียบ และเจ้าของสิทธิ์มีส่วนร่วมในกระบวนการทางกฎหมายตลอดจนการตกลงค่าชดเชยอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจบก. ปอศ. เพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของสิทธิ์ เก็บรวบรวมหลักฐานภายในอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ตามที่ได้รับหมายค้นจากศาล เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาตกลงยอมความหรือชดใช้ค่าเสียหาย”

กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทที่ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ที่รายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ผ่านทางสายด่วนโทร. 02-714-1010 begin_of_the_skype_highlighting              02-714-1010      end_of_the_skype_highlighting

View :1900

ไอที ซิตี้ ผนึกพันธมิตรธุรกิจไอทีกว่า 80 บริษัท จัดงาน“ไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010” กระตุ้นตลาดค้าปลีกไอทีครึ่งปีหลัง

July 29th, 2010 No comments

ชูเทคโนโลยีไอทีเด่น พร้อมโปรโมชั่นดุ เด็ด ดัง ดี ยกขบวนสินค้าไอทีมาลดพิเศษ 50% และเมื่อซื้อสินค้าครบทุก 3,000 บาท ลุ้นรับรางวัลใหญ่รถยนต์ Toyota Altis มูลค่า 890,000 บาท พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 สิงหาคม 2553 ที่ ร้านไอที ซิตี้ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ หวังกระตุ้นตลาดค้าปลีกไอทีครึ่งปีหลัง

เอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจของไอที ซิตี้ ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยในไตรมาสแรกของปี 2553 มียอดขายเติบโต 19.06% ล่าสุดพร้อมเปิดสาขาใหม่ที่หัวหินช้อปปิ้งมอลล์ วันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ปัจจุบันไอที ซิตี้ มีสาขารวมทั้งหมด 40 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนยอดขายของไอที ซิตี้ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรก”

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของไอที ซิตี้ในปีนี้ จะยังคงเน้นเรื่องการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดโปรโมชั่นพิเศษประจำเดือนหรือตามเทศกาลแล้ว บริษัท ไอที ซิตี้ ยังมีกิจกรรมใหญ่ประจำปี คือ งานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 ซึ่งจะจัดตั้งแต่วันที่ 29 กรกฏาคมถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2553 ที่ร้าน ไอที ซิตี้ ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ นับเป็นงานที่ไอที ซิตี้ให้ความสำคัญและจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เน้นให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคมีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีไอทีใหม่ล่าสุด ในราคาพิเศษสุดๆ ซึ่งในปีนี้ไอที ซิตี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากบริษัทคู่ค้ากว่า 80 บริษัทมากกว่า 11 แบรนด์ดัง อาทิ เอเซอร์, เอชพี, แคนนอน, ซัมซุง, ซินโดม, โซนี, โตชิบา, เดลล์, อัสซุส, บราเธอร์ และเบนคิว ที่จะนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแต่ละแบรนด์มาจัดแสดงและจัดจำหน่ายในราคาสุดพิเศษเฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้นและคาดว่าการจัดงานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ประมาณ 30% คิดเป็นรายได้ประมาณ 450 ล้านบาท

นอกเหนือจากเทคโนโลยีไอทีที่นำมาจัดแสดงและการจัดโปรโมชั่นสินค้าไอทีราคาพิเศษแล้ว ไอที ซิตี้ยังเปิดตัวเว็บไซต์ของบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ คือ www.itcity.co.th เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลด้านสินค้าไอทีที่ทันสมัย รวมทั้งนำเสนอราคา และโปรโมชั่นสินค้าต่างๆ สำหรับลูกค้าโดยผ่านสื่อออนไลน์เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด iCare บริการประกันภัยโน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ จอมอนิเตอร์ โปรเจคเตอร์ และแอลซีดี ทีวี ที่จะเพิ่มระยะเวลาการประกันเป็น 3 ปีเต็มในราคาสุดพิเศษ ส่วนไฮไลท์ของเทคโนโลยีที่นำมาจัดแสดงในงาน ได้แก่ Notebook Dell Adamo โน้ตบุ๊กสุดหรูดีไซน์สุดล้ำบางเฉียบที่สุดในโลกเพียง 0.99 เซนติเมตร, Belkin NextNet Wireless Router ความเร็วสูง ประสิทธิภาพเยี่ยม พร้อมฟังก์ชั่นการทำงานมากมาย ง่ายต่อการใช้งานและติดตั้ง, Logitech WebCam ที่บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p, Dlink Pocket 3G Router และ Acer Projector 3D Wireless ตอบรับกระแสความแรงของระบบสามมิติด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อตอบสนองความบันเทิงอย่างเต็มขั้น

งานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 ครั้งนี้ยังจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ ดุ เด็ด ดัง ดี ยกขบวนสินค้าไอทีลดพิเศษ 50% และเมื่อลูกค้าหรือผู้บริโภคซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท สามารถลุ้นโชค 2 ต่อ ต่อที่ 1 ฉีกลุ้นรับ เปิดคูปองปุ๊บรับโชคทันทีกับของรางวัลมากมาย อาทิ กล้องดิจิตอล เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเล่น MP3 Flash Drive 4 GB คูปองเงินสด คูปองส่วนลดสินค้าอื่นๆ พร้อมของรางวัลอีกมากมาย และต่อที่ 2 ส่งคูปองชิงโชค เพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่สุดในงาน รถยนต์ Toyota Altis 1 คัน มูลค่า 890,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งหมดกว่า 4 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษจากบัตรเครดิตและบริการชำระเงินด้วยระบบเงินผ่อนอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ ได้แก่ เคทีซี, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรี GE, อิออน, อีซี่บาย และเฟิร์สช้อยส์ พร้อมโปรโมชั่นอื่นๆ อาทิ Cash Back สูงสุด 5%, ผ่อน 0% และรับฟรีของสมนาคุณมากมาย สนใจแวะชมงานไอที ซิตี้ เอ็กซ์โป 2010 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2553 ที่ร้านไอที ซิตี้ ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไอที ซิตี้ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร. 02-656-5030 ถึง 45

“ทั้งนี้ ทางไอที ซิตี้ยังคงมีนโยบายในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า ด้วยตารางเปรียบเทียบการเลือกซื้อสินค้าโดยแยกออกเป็นหมวดหมู่ตามประเภทของสินค้าภายในร้านไอที ซิตี้ทุกสาขา ซึ่งจะมีข้อมูลที่อัพเดทสินค้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ พร้อมทั้งมีสินค้าให้ทดลองใช้งานจริง ก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในตัวสินค้านั้นๆ และตัดสินใจซื้อได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด และเรายังคงนโยบายในการจำหน่ายสินค้าราคาเดียวกันคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ” เอกชัยกล่าว

View :1666
Categories: Press/Release Tags: ,

“เอ็ม แอนด์ ซอฟท์” เปิดตัว Speednavi SQ 3.0 จีพีเอสนำทางอัจฉริยะ เวอร์ชั่นใหม่จากประเทศเกาหลี

July 29th, 2010 No comments

บริษัท เอ็ม แอนด์ ซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดโปรแกรมนำทาง Speednavi จากประเทศเกาหลี บุกตลาดเมืองไทย เปิดตัวโปรแกรมเวอร์ชั่น ล่าสุด แห่งปี 2010 “” ภายใต้คอนเซ็ปท์ “more kind & visual upgrade” ชูจุดเด่นค้นหาง่าย ลูกเล่นหลากหลาย พร้อมแผนที่ละเอียดที่สุด ตั้งเป้าขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งแซงหน้าคู่แข่งสำคัญอย่าง Garmin ภายในสิ้นปีแน่นอน ส่วนลูกค้าเดิมสามารถอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ได้ภายในสค.นี้

มร.แอนดรูว์ อาน (Mr.Andrew Ahn) ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท เอ็ม แอนด์ ซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดโปรแกรมนำทาง Speednavi จากประเทศเกาหลี เปิดเผยว่า “จากศักยภาพของโปรแกรมนำทาง (จีพีเอส) Speednavi ได้มีการคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุดบริษัทพร้อมขอแนะนำโปรแกรมนำทางเวอร์ชั่นใหม่ ของปี 2010 คือ “Speednavi SQ 3.0” ภายใต้แนวคิด “more kind & visual upgrade”

“Speednavi SQ 3.0” มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่มีแผนที่นำทางที่ละเอียด แม่นยำ สามารถแนะนำเส้นทางที่สะดวก ใกล้ที่สุดและช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทาง สอดรับกับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตมากขึ้น”

Speednavi เป็นโปรแกรมนำทางรายเดียวในไทยที่มีการอัพเดทถึง 5 เวอร์ชั่น นับตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2550 ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มเครื่องนำทางส่วนบุคคล (PND) และกลุ่มเครื่องเสียงติดรถยนต์” มร.แอนดรูว์ กล่าว

“สำหรับเป้าหมายทางการตลาดนั้นบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้เกิน 50%เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ (2553) สำหรับลูกค้าเดิมสามารถ อัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 3.0 ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน”

ด้านทวีวัฒน์ เศวตจินดากร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็ม แอนด์ ซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Speednavi SQ 3.0” ถูกพัฒนาให้มีฟังก์ชั่นต่างๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มความง่ายในการใช้งาน อาทิ เลือกจัดการเมนูต่างๆ ได้จากหน้าแผนที่เพียงหน้าเดียว ความสะดวกต่อการเข้าถึงทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน (Active menu) สามารถปรับองศาของมุมมองแผนที่แบบ 3 มิติได้ถึง 5 ระดับ (Map view mode) และอ่านชื่อถนนหรือเส้นทางต่างๆ ได้จากโปรแกรมสังเคราะห์เสียง TTS (Text to Speech) พร้อมแสดงรายละเอียดของทางเลี้ยวทั้งชื่อถนนและระยะทางก่อนถึงจุดหมายปลายทาง (Turn-by-Turn) และ ฟังก์ชั่นแสดงสัญลักษณ์ POI รวมทั้งชื่อถนนก่อนออกจากทางด่วน (Highway guidance mode) ตลอดจนเปลี่ยน ไอคอนรถได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังแสดงสถานะของสัญญาณจีพีเอสจากสีรถได้ทันที (Vehicle symbol) อีกด้วย

“สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นทำการตลาดในเชิงรุก เน้นสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดอาทิ การออกบูธงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับไอที การจัดอบรมการใช้งานจีพีเอสให้กับองค์กรและบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้สินค้าเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่า “Speednavi SQ 3.0” จะเป็นเวอร์ชั่นที่สามารถผลักดันบริษัทก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดได้ตามเป้าหมายภายในสิ้นปี 2553 นี้อย่างแน่นอน” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกล่าว.

View :1926