Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

วัน-ทู-คอล! เอาใจน้องๆให้รู้ผลสอบแอดมิชชั่นทันใจ ผ่านมือถือ

April 26th, 2012 No comments

น-ทู-คอล! เอาใจน้องๆเอไอเอสวัยทีนทั่วประเทศที่กำลังรอลุ้นผลสอบแอดมิชชั่น โดยมอบความสะดวกสบายด้วยบริการรายงานผลสอบผ่านมือถืออย่างรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา ทันทีที่มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าด้วยหลากหลายวิธี ทั้งส่ง SMS โดยพิมพ์เลขที่ใบสมัคร 7 หลัก ส่งไปที่หมายเลข 4268855 ,ผ่านโมบายไลฟ์บนมือถือ wap.mobilelife.ais.co.th หรือผ่านทางเว็บไซต์ www.ais.co.th/12call ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175

View :1470
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที ฝึกอบรมเพิ่มศักยภาพผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง

April 26th, 2012 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพชุมชนภาคกลาง ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทใกล้ชิดกับคนเรามากยิ่งขึ้น และเพื่อป้องกันปัญหาโลกหมุนเร็วเกินไป กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพชุมชน ภายใต้โครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเพื่อพ่อหลวง เพื่อพัฒนาศักยภาพด้าน ICT ให้กับบุคลากรของศูนย์ฯ รวมทั้งเยาวชน กลุ่มอาชีพและชุมชน เพื่อประโยชน์เชิงอาชีพ รายได้ และการดำรงชีวิตประจำวันให้สามารถรู้เท่าทันโลก

โดยการสัมมนาและฝึกอบรมผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนนี้ เป็นกิจกรรมที่กระทรวงฯ และผู้เกี่ยวข้องจัดขึ้น เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นในเรื่อง ICT เรื่องการบริหารจัดการศูนย์ฯ บทบาทผู้ดูแลศูนย์ฯ แนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ฯ ระเบียบปฏิบัติ และบทบาทแกนนำเครือข่าย รวมถึงการบริหารจัดการศูนย์ฯ ให้มีความยั่งยืน การค้าขายออนไลน์ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การดำเนินการจัดตั้งธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับศูนย์การเรียนรู้ ในลักษณะเป็นผู้ประกอบการสังคมที่สร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาสังคมในชุมชนของตน นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ดูแลศูนย์ฯ ในรุ่นต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เช่น เครือข่ายแกนนำ ตัวแทนจากสถิติจังหวัดได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน ซึ่งการสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทั่วถึง และเท่าเทียมนั้น กระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เร่งพัฒนาคน และสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ชุมชนโดยใช้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเป็นเครื่องมือ

สำหรับกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่กระทรวงฯ ดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน โดยมีการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายและเหมาะสมกับชุมชน เช่น การประชุมร่วมกัน การสัมมนาและการฝึกอบรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อเน้นการสร้าง “ผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน” ให้มีความรู้มีทักษะที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนของตนเอง พร้อมกับ “หัวใจ” ของการให้บริการประชาชน

โดยในปีนี้ กระทรวงฯ ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม จัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ เครือข่ายแกนนำผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สถิติจังหวัด ใน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1. การอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 1,200 คน โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 4 ครั้งใน 4 ภาค 2. การส่งเสริมให้จัดกิจกรรมในศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนทั้ง 1,800 แห่ง และศูนย์เครือข่ายอีก 7 แห่ง ให้สามารถจัดทำโครงการและจัดกิจกรรมในชุมชน เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และ 3.การประเมินผลการดำเนินงานศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน

“กิจกรรมการอบรมดังกล่าว กระทรวงฯ ตั้งใจมอบนโยบายและแนวคิดใหม่ๆ ในการจัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ เช่น การกระจายอำนาจในการบริหารจัดการศูนย์ฯ การทำงานร่วมกับแกนนำในแต่ละภูมิภาค การออกแบบวิธีการเรียนการสอน การอบรม ที่เน้นการศึกษาตามอัธยาศัยและการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตามความพร้อม และความต้องการของแต่ละชุมชนในรูปแบบของการอบรมเชิงบูรณาการด้วยระบบ Offline และ Online จำนวน 12 หลักสูตร รวมทั้งหลักสูตรพิเศษอื่นๆ ที่เป็นความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น บริษัท อินเทล จำกัด เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องๆ ต่าง รวมถึงการเตรียมความพร้อมเป็นประชาคมอาเซียน และการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทรวงวิทยาศาสตร์ และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอีกด้วย” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1339

ดีแทคเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์เป็นเจ้าของ dtac the new iPad 24 เมษา เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน

April 24th, 2012 No comments

ชูแนวคิด “เร็วกว่า ดีกว่า ใจถึงกว่า” กับแพ็คเกจหลากหลายสุดคุ้ม

ดีแทคมอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าดีแทคและแฮปปี้ลงทะเบียนแสดงความสนใจเพื่อรับสิทธิ์เป็นเจ้าของ dtac ก่อนใครผ่าน www.dtac.co.th ในวันที่ 24 เมษายน 2555 ตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน และเตรียมวางจำหน่าย dtac พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 29 เมษายน 2555 นี้พร้อมแพ็กเกจหลากหลายที่เอาใจลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน มอบประสบการณ์สื่อสารที่รวดเร็วบนเครือข่าย dtac 3G ความเร็วสูงสุด 42 Mbps

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์สื่อสาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ดีแทคเตรียมเปิดตัว dtac the new iPad อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 เมษายนนี้ พร้อมแนวคิด “เร็วกว่า ดีกว่า ใจถึงกว่า” โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าดีแทคและแฮปปี้ลงทะเบียนแสดงความสนใจได้ในวันที่ 24 เมษายน 2555 วันเดียวเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 12:00 น. – 24:00 น. ลูกค้าที่ลงทะเบียน 1,200 ท่านแรก นอกจากจะได้เป็นเจ้าของ dtac the new iPad ก่อนใครแล้ว ยังได้รับ dtac feel goood set มูลค่า 2,690 บาทฟรี ประกอบด้วยเคสใส่ iPad ดีไซน์พิเศษ limited edition พร้อม Stylus หรือปากกาเขียนหน้าจอ และ dtac WiFi ให้ใช้ฟรี นอกจากนั้น เรายังได้เตรียมของขวัญพิเศษอีกมากมายไว้เซอร์ไพรส์ในวันที่ลูกค้ามารับเครื่อง 27- 28 เมษายนที่ dtac House อาคารจัตุรัสจามจุรี กรุงเทพฯ อีกด้วย จะเป็นอะไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไป”

เพราะดีแทค “ใจถึงกว่า” ใคร dtac the new iPad จึงมาพร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่หลากหลายในราคาสุดคุ้มเหมาะกับทุกการใช้งาน อาทิ
· สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านหลากหลายอุปกรณ์สื่อสาร เช่นสมาร์ทโฟน และ tablet รับ “ซิมเสริม” หรือ MultiSIM ฟรี พร้อมใช้อินเทอร์เน็ตบน dtac 3G/EDGE และ dtac WiFi สูงสุดนาน 1 ปี
· สำหรับลูกค้าใหม่ ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณมาก แพ็กเกจที่เหมาะสม คือ dtac iPad 550 บาทต่อเดือน สามารถใช้อินเทอร์เน็ตบน dtac 3G/EDGE และ dtac WiFi ได้ไม่จำกัดนาน 1 ปี
· สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตไม่มาก ดีแทคมีแพ็กเกจเริ่มต้นเพียง 199 บาทต่อเดือน พร้อมใช้ dtac WiFi ไม่จำกัดนาน 6 เดือนฟรี

นอกจากนั้น ดีแทคยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อ dtac the new iPad พร้อมสมัครแพ็กเกจ สามารถผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคและดีแทค เซ็นเตอร์เท่านั้น

View :1570
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที ร่วมมือ ITU จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ “Satellite Launching and Monitoring”

April 24th, 2012 No comments


นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ เรื่อง “Satellite Launching and Monitoring” โดย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในฐานะหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีภารกิจในการกำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนากิจการอวกาศของประเทศ ได้ร่วมกับ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เป็นเจ้าภาพในการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศ เรื่อง “Satellite Launching and Monitoring” ขึ้น ระหว่างวันที่ 24 – 27 เมษายน 2555 ณ โรงแรม Pullman Bangkok King Power กรุงเทพฯ

การสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในการดำเนินงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม ตลอดจนสร้างความเข้าใจในกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ และเป็นองค์กรสากลที่ทำหน้าที่ในการพัฒนามาตรฐานและกฎระเบียบสำหรับการสื่อสารวิทยุ และโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานด้านกิจการอวกาศที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับประเด็นการสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมของประเทศไทย ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ เพื่อก่อให้เกิดความมีเอกภาพ และการประสานงานระหว่างหน่วยงานภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดโอกาสและการลงทุน ในกิจการดาวเทียมสื่อสารในอนาคตเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

โดยการสัมมนาดังกล่าวมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมของประเทศไทย ITU และประเทศสมาชิก Asia Pacific Space Cooperation Organization (APSCO) เข้าร่วม 14 ประเทศ จำนวนประมาณ 30 คน และกระทรวงไอซีที ในฐานะเจ้าภาพจัดการสัมมนาฯ ได้เชิญบุคลากรและหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนพร้อมทั้งหน่วยงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมของประเทศไทยประมาณ 60 คน เข้าร่วมในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย โดยผู้เข้าร่วมการสัมมนานอกจากจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญของ ITU ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความเข้าใจในขั้นตอนและการปฏิบัติอย่างถูกต้องแล้ว ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้จากประเทศต่างๆ ได้อย่างอิสระ

สำหรับรูปแบบของงานจะมีทั้งการสัมมนา บรรยาย ฝึกปฏิบัติ การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และการศึกษาดูงาน ในหัวข้อต่างๆ อาทิ Satellite Communication Regulations, Satellite International Regulatory Framework, Satellite Filing and Procedures และ Satellite Monitoring and Equipment เป็นต้น

View :2313
Categories: Press/Release Tags:

บริษัท ฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัด แต่งตั้ง นายมาซายูกิ คูนิมารุ ดำรงตำแหน่ง ประธาน

April 24th, 2012 No comments

บริษัท จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นและการให้บริการทางด้านเทคโนโลยีอย่างครบถ้วน รวมไปถึงโซลูชั่นคลาวด์ ซอฟต์แวร์อีอาร์พี การบริหารจัดการโครงสร้างทางด้านไอที การจัดวางระบบที่ปรึกษาทางด้านไอที คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์และสแกนเนอร์ ประกาศแต่งตั้งนายมาซายูกิ คูนิมารุ ดำรงตำแหน่ง ประธาน บริษัท จำกัด เพื่อดูแลรับผิดชอบทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และการให้บริการต่างๆ ในประเทศไทย พร้อมช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจให้กับบริษัทก้าวต่อไปอย่างมั่นคง

มาซายูกิ คูนิมารุ


นายมาซายูกิ คูนิมารุ ได้เริ่มต้นการทำงานที่ บริษัท ฟูจิตสึ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จนถึงปัจจุบัน มีประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานถึง 32 ปี โดยทำหน้าที่ในการดูแลรับผิดชอบส่วนงานต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งในระดับผู้บริหารของฟูจิตสึมาโดยตลอด และดูแลรับผิดชอบในหลายภูมิภาค อาทิ อเมริกาเหนือ ยุโรป, เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จด้วยดีเสมอมา จนปัจจุบันได้เข้าดำรงตำแหน่งประธาน บริษัท ฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัด

มร.กาวิน เซลเคิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคของฟูจิตสึ เอเซีย กล่าวว่า “บริษัทได้เล็งเห็นว่า จากประสบการณ์การทำงานและความรู้ของนายคูนิมารุ เป็นบุคคลที่มากด้วยความสามารถและเข้าใจถึงความต้องการขององค์กรธุรกิจในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเคยมีประสบการณ์การทำงานที่ฟูจิตสึในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 จนถึงปัจจุบันและได้ทำให้ฟูจิตสึฯ มีการเติบโตของรายได้มาโดยตลอด รวมไปถึงการปฏิบัติการด้านแมนูแฟคเจอริ่ง ออโตโมทีฟ และมีความพร้อมที่ขับเคลื่อนและผลักดันบริษัทให้ประสบความสำเร็จและก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป”

มร.คูนิมารุ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยวาเซดะในปี 2523

View :2045

ซอฟต์แวร์พาร์ค เผยแผนโรด MT2 เน้นสร้างโอกาสทางการตลาด นักพัฒนา และ บ่มเพาะนักธุรกิจ

April 24th, 2012 No comments

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ประธานกลุ่มเอ็มทีสแควร์ กล่าวว่า การพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือและแท็บเล็ต ที่ต้องการสร้างสรรค์และผลักดันการพัฒนาแอพพลิเคชั้นบนมือถือและแท็บ และมีศูนย์กลางในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักพัฒนากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่ม MT2 จนถึงทุกวันนี้เป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งปีแล้ว จากเดิมที่หน่วยงานที่เป็นสมาชิก (Alliance) ร่วมก่อตั้งเพียง 9 หน่วยงาน เพิ่มเป็น 20 หน่วยงานในปัจจุบัน และนักพัฒนาอิสระเพิ่มจากไม่กี่สิบคนเป็นห้าร้อยกว่าคนในปัจจุบันเช่นกัน ตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านสมาชิกที่เป็น Alliance ได้ร่วมกันพัฒนา และสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เช่น การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนและพัฒนาแอพลิเคชั่นของ ซอฟต์แวร์ปาร์ค การจัดกิจกรรม AIS Start Up Weekend ของ บริษัท AIS เป็นต้น

สำหรับในปีนี้ เพื่อให้การทำงานและความร่วมมือภายในกลุ่ม MT2 มีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น จึงได้กำหนด Road Map เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ไว้ 3 ด้าน

1.ด้านการพัฒนาบุคคลากร เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนโมบายแอพพลิเคชั่น ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น โดยมีกลุ่มสมาชิก MT2 ในส่วนภาคการศึกษาเป็นผู้มีบทบาทหลักในการร่วมสร้างนักพัฒนาให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการพัฒนา Application นั่นคือการสร้างห้องปฏิบัติการ “ Mobile Developing Centre” เพื่อการพัฒนานักพัฒนาโมบายล์ไทยตั้งแต่นิสิต นักศึกษา และ กลุ่มสมาชิก MT2 ที่ต้องการใช้ สถานที่แห่งนี้สำหรับการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนา Application และ แลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงมีการแสดงผลงานของนักศึกษาทางด้าน Mobile Application และกิจกรรมเด่นในปีนี้คือ MT2 Road Show กับมหาวิทยาลัยสมาชิก

2.ด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มผู้ประกอบการด้านโมบายล์ และผู้ประกอบการด้านโมบายล์รายใหม่ ได้ตระหนักถึงการแข่งขันทางการตลาด ให้ความรู้ระดับผู้ประกอบการ โดยมีช่องทางการสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ผ่านช่องทาง สวทช (Incubator), ม.ศรีปทุม Mobile Incubator, AIS The Startup และส่งเสริมให้ความรู้อย่างต่อเนื่องด้วย Monthly Event ซึ่งเป็นกิจกรรมร่วมกันของกลุ่ม MT2 AllianceและSoftware Park

3.ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา Application เพื่อให้เกิดมูลค่า เป็นสินค้า หรือ เป็นความเชี่ยวชาญที่จับต้องได้เพื่อส่งมอบยังตลาดโลก เช่น การมีฐานข้อมูลนักพัฒนา บริษัทผู้ประกอบการโมบายแอพพลิเคชั่น ซึ่งในตอนนี้มีฐานข้อมูลที่สมบูรณ์อยู่ประมาณ 18 บริษัท โดยสามารถเข้าไปดูใน www.swpark.or.th/mt2 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Goto Market เช่นการนำผู้ประกอบการธุรกิจโมบายล์ของไทยไปร่วมงาน Expo ณ งาน CommuniAsia ที่ประเทศสิงคโปร์ มีกิจกรรมทั้งการ Showcase และ Business Matching

กลุ่ม MT2 ยังคงให้ความสำคัญกับการผลักดันการให้ความรู้กับนักพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด MT2 ได้จับมือร่วมกับCommunity ระดับโลก คือ Google Development Group (GDG) และได้รับการสนับสนุนองค์กรชั้นนำ คือ บริษัทGoogle นั่นเอง ซึ่ง MT2 และ GDG จะจัด Mobile Application Workshopร่วมกัน ในเดือน พ.ค. 2555 นี้ ในหัวข้อ QR และ AR code สำหรับการ Payment โดยกำหนดเป็น Workshop 3 ชั่วโมง จำนวน 2 รอบ และยังมีกิจกรรมที่วางแผนร่วมกันแล้วอีก 2 กิจกรรมด้วยกัน

ประธานกลุ่มเอ็มทีสแควร์ กล่าวเสริมอีกว่า “ในปีนี้ทางกลุ่ม MT2 จะให้ความสำคัญกับการผลักดันด้านการตลาด คือ การชี้ให้เห็น Demand ทางด้านการตลาด ในหลายมุมมอง โดยร่วมกับบริษัทชั้นนำ องค์กรชั้นนำ ทั้ง ในอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ถึงความต้องการในการใช้ Mobile Application แบบใด การให้ความต้องการนี้รวมทั้งบริษัทในเมืองไทย นำทีมโดยบริษัท AIS หนึ่งในพันธมิตรของ MT2 จะมาให้แนวทาง หรือ ให้ Requirement ว่าตลอดทั้งปีนี้ นักพัฒนาต้องผลิต Applicationแบบไหนถึงจะได้ใจ AIS เพื่อเป็นการกระตุ้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ของนักพัฒนา ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ ทั้งนี้ต้องการเปิดมุมมองทางการตลาดให้นักพัฒนาทราบ ให้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผลิต application ของตนเองเข้าสู่ตลาด Apps Store ต่าง ๆ หรือ จะนำความสามารถของนักพัฒนามาแข่งขันกันในระดับบริษัท หรือ ระดับนักพัฒนาอิสระ ได้มาร่วมกิจกรรมด้วยกันอย่างต่อเนื่องผ่าน MT2 โดยกลุ่ม MT2 เชื่อว่า เราจะร่วมกันผลักดันให้อุตสาหกรรมโตไปตามที่เราต้องการผ่านกระบวนการส่งเสริมทางการตลาด และ การ Outsourcing ให้เกิดเป็นคุณค่าทางเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น และภาพนักพัฒนาโมบายล์ฝีมือระดับโลก จะถูกเปิดให้กับโลกได้เห็นว่า ประเทศไทย คือ แหล่งผลิต โมบายล์ Application ระดับโลกที่ทั่วโลกต้องการ”

ด้าน ผศ.ดร.ภุชงค์ อุทโยภาศ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “ความเปลี่ยนแปลงทางด้านไอที ที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ Steve Jobs เรียกว่า Post PC Era ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ใช้ทั่วโลก เริ่มเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์พกพาแบบอัจฉริยะมากขึ้นทุกขณะ เหล่านี้นำมาซึ่งโอกาสสำหรับประเทศไทย เพราะทำให้เกิดความต้องการ เนื้อหา บริการ และ ซอฟต์แวร์ ต่างๆ บนระบบโมบายล์ อย่างมหาศาล ทางภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เห็นความสำคัญของการพัฒนากำลังคนและเทคโนโลยีทางด้านนี้ จึงได้ดำเนินกิจกรรมหลายประการด้วยกัน เช่น การร่วมมือกับซอฟต์แวร์พาร์ค TRIDI ในตอนเริ่มต้น NECTEC และหน่วยงานอื่นๆ จัดตั้ง กลุ่มความร่วมมือ MT2 เพื่อร่วมกันผลักดันยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านโมบายล์คอมพิวติ้ง การสร้างกำลังคนและเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กิจกรรมอีกประการหนึ่ง คือ การพัฒนาคุณภาพนิสิต ให้มีความรู้ในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ด้าน โมบายล์ ดังนั้น ทางภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงจัดตั้งห้องปฎิบัติการด้านโมบายล์คอมพิวติ้ง โดยลงทุนกว่าหนึ่งล้านบาทเพื่อสร้างห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย มีอุปกรณ์ครบครันในการพัฒนาด้านโมบายล์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ Smart Phone บนแพลตฟอร์ม IOS, Android, iPad และมีพื้นที่ในการอบรม บรรยาย และนำเสนองาน โดยมีจุดประสงค์ในการร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม ในการสร้างกำลังคน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และให้นิสิตได้มีประสบการณ์กับการพัฒนาจริง เพื่อสามารถนำไปพัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก หรือ ทำงานให้กับองค์กร ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

และในอนาคต ทางภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และภาคเอกชน ผ่านทางความร่วมมือ ของ MT2 ในการ จัดกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย การประชุมผู้ใช้ การเผยแพร่ความรู้และทิศทาง การแข่งขันพัฒนาโปรแกรม เพื่อยกระดับความสามรถของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ให้แข่งขันได้ทั่วโลกต่อไป”

View :1538
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที ตั้งคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันนโยบาย Smart Network

April 21st, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้า การดำเนินนโยบาย Smart Thailand ว่า กระทรวงฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ผลักดันนโยบาย Smart Network ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ในการจัดทำแผนการดำเนินงานให้เกิดความชัดเจน และผลักดันการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายของนโยบายดังกล่าว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธาน และมีกรรมการ รวมทั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ร่วมในคณะกรรมการชุดนี้

“ในระยะเริ่มแรกภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการผลักดัน คือ การพัฒนาโครงข่ายให้สามารถเชื่อมโยงรองรับการให้บริการ บรอดแบนด์ได้อย่างทั่วถึง และครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 สามารถใช้บริการได้ภายในปี 2558 และไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ใช้บริการได้ภายในปี 2563 พร้อมทั้งกำหนดกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินการเพื่อพัฒนาโครงข่ายให้ได้มาตรฐานรองรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพในอัตราที่เหมาะสม

และเพื่อเป็นการรองรับการบริหารจัดการโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงต้องมีการพิจารณากำหนดรูปแบบ แนวทางการบริหารจัดการ และการลงทุน เพื่อพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์ให้เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนเพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ตลอดจนพิจารณากรอบวงเงินและแหล่งเงินในการลงทุน เพื่อพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์เพิ่มเติมให้สามารถเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ และตอบสนองต่อความต้องการใช้บริการของทุกภาคส่วนได้อย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และเท่าเทียม” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และบรรลุตามภารกิจ คณะกรรมการฯ จะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 2 คณะ คือ 1.คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงข่ายและรูปแบบการบริหารจัดการโครงข่าย เพื่อรองรับการให้บริการบรอดแบนด์ ทำหน้าที่ศึกษารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงข่าย และขีดความสามารถ เพื่อรองรับการให้บริการบรอดแบนด์ พิจารณากรอบวงเงินลงทุน รูปแบบ และแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม รวมทั้งการสนับสนุนส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาโครงข่ายให้บริการบรอดแบนด์ที่มีประสิทธิภาพ ลดการลงทุนซ้ำซ้อน และสามารถรองรับการให้บริการที่มีคุณภาพในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม และ 2.คณะอนุกรรมการพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายในการบริหารจัดการโครงข่าย การใช้บรอดแบนด์ ทำหน้าที่พิจารณาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การโอนกรรมสิทธิ์ เงื่อนไขการบริหารจัดการโครงข่าย และสิทธิในการใช้ทรัพย์สินตามสัญญาร่วมการงาน เป็นต้น โดยคณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุดจะรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานต่อคณะกรรมการฯ ทุก 2 สัปดาห์

View :1161
Categories: Press/Release Tags:

แอลจีตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและดีไซน์ คว้า 28 ด้านการออกแบบจากสองสถาบันชั้นนำระดับโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10

April 20th, 2012 No comments

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่มาพร้อมดีไซน์ที่ล้ำสมัยด้วยการคว้า 28 รางวัลด้านดีไซน์จากสองสถาบันชั้นนำระดับโลก red dot design award และ iF (International Forum) design award ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 10 พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับปีนี้ แอลจีได้รับ 14 รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจาก red dot design award ซึ่งพิจารณาโดยคณะกรรมการอิสระจำนวน 30 ท่าน ในการคัดเลือกผลงานมากกว่า 4,500 ชิ้นจากผู้ผลิตและนักออกแบบที่ส่งเข้าประกวด 60 ประเทศทั่วโลก ทั้งยังได้รับอีก 14 รางวัลจาก iF design award ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากผลงานของผู้เข้าแข่งขันที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 2,923 ชิ้น โดยแอลจี Optimus UI 2.0 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่มีการออกแบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟซที่สวยงามและเหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม

คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือระดับโลก แอลจีมุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการผนวกนวัตกรรมที่ทันสมัยพร้อมกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการรวมถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้บริโภค เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่างและสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งรางวัลที่ได้รับนี้จะเป็นแรงผลักดันให้แอลจีไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”

ส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ของแอลจีที่ได้รับรางวัล red dot design และ iF design award ประจำปี 2555 ได้แก่

• ทีวีรุ่น LM9600 CINEMA 3D Smart TV นอกเหนือจากเทคโนโลยีภาพสามมิติและฟีเจอร์สมาร์ททีวีที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น LM9600 ยังโดดเด่นสะดุดตาด้วยดีไซน์ CINEMA SCREEN กรอบจอที่มีขนาดบางเฉียบ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพสามมิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับรับชมอยู่ในโรงภาพยนตร์ และด้วยดีไซน์อันทันสมัยของ LM9600 ยังเพิ่มความสวยงามและกลมกลืนไปกับการตกแต่งบ้านได้อย่างลงตัว

Magic Remote


• Magic Remote ที่มอบประสบการณ์การใช้งานอย่างเหนือชั้น ด้วยดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากับหลักสรีระศาสตร์ มีรูปทรงโค้งมน ผิวสัมผัสเรียบลื่น สะดวกในการใช้งาน และด้วยระบบคำสั่งรูปแบบใหม่ถึงสี่แบบ ได้แก่ การสั่งงานด้วยเสียง หมุน ชี้ และใช้ท่าทางของร่างกาย ช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมทีวีง่ายดายยิ่งขึ้น ดุจเม้าส์ไร้สาย

• สมาร์ทโฟน แอลจี Optimus UI 2.0 บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มาพร้อมฟีเจอร์ What’s New ที่ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อความแจ้งเตือนต่างๆ โดยไม่ต้องปลดล็อคตัวเครื่อง และ “Home Screen Edit Mode” ที่สามารถปรับแต่งหน้าจอการทำงานได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ วิดเจ็ตแจ้งสภาพอากาศยังได้รับการออกแบบให้มีแอนนิเมชั่นที่สวยงามและตอบสนองการทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

• LG Styler เครื่องอบไอน้ำถนอมผ้าอัจฉริยะ ช่วยดูแลรักษาเสื้อผ้า โดยการปล่อยไอน้ำร้อนที่ช่วยลดรอยยับ ขจัดกลิ่นอับและเพิ่มความหอมสดชื่นให้แก่เสื้อผ้าด้วยน้ำหอมกลิ่นอโรม่าที่สามารถเลือกกลิ่นที่ต้องการได้ ด้วยแผงควบคุมการใช้งานที่ง่ายดายผ่านหน้าจอสัมผัส พร้อมการดีไซน์ที่ถูกออกแบบอย่างสวยงามลง จึงเป็นเสมือนอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน

View :1441
Categories: Press/Release Tags:

กัลฟ์เจพี ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้ารายใหญ่เลือก IBM COGNOS TM1 และ IBM COGNOS BI ของ IBM BUSINESS ANALYTICS โซลูชั่น

April 20th, 2012 No comments

กลุ่มบริษัทกัลฟ์ เจพี จำกัด (Gulf JP) มั่นใจเลือกไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรด้านไอที ใช้ซอฟต์แวร์ไอบีเอ็ม ค็อกโนส ทีเอ็มวัน (IBM Cognos TM1) และไอบีเอ็ม ค็อกโนส บิสิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ โซลูชั่น (IBM Cognos Business Intelligence) และไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาจากบริษัทวิช คอนซัลติ้ง จำกัด (WISH Consulting) พันธมิตรรายสำคัญของไอบีเอ็มทางด้าน IBM Business Analytics Solution ในการพัฒนาระบบการ จัดทำงบประมาณ วางแผน พยากรณ์ทางธุรกิจ (Budgeting Planning and Forecasting) รวมทั้งระบบการทำงบการเงินรวมในกลุ่มบริษัท (Financial Consolidation) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ วางแผนและตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหาร เพื่อขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นายพลาย สมุทวณิช ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ เจพี จำกัด กล่าวว่า “บริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่ ที่มีทั้งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และขนาดเล็กโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้ง 9 แห่ง ซึ่งจัดจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพื่อรองรับและสนองตอบความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแผนงานที่วางไว้ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ เจพี จึงได้วางแผนการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแผนงานทางด้านเทคโนโลยี จึงได้มองหาไอทีโซลูชั่น เพื่อช่วยปรับปรุงกระบวนการ ระยะเวลา และความถูกต้องรวดเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูล รายงานทางธุรกิจทั้งด้านการขายและการตลาด ต้นทุนการผลิตและบัญชีการเงิน โดยได้เลือกซอฟต์แวร์ IBM Cognos TM1 และ IBM Cognos BI และไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาบริษัท วิช คอนซัลติ้ง จำกัด พันธมิตรรายสำคัญของไอบีเอ็ม เนื่องจาก จุดแข็งของซอฟต์แวร์ IBM Business Analytics ที่สามารถตอบโจทย์ ได้ทั้ง 3 มิติ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ บิสิเนสโซลูชั่น โดยเป็นเครื่องมือวิเคราะห์และบริหารจัดการในองค์กรหลายส่วนได้อย่างแท้จริง ในส่วนของซอฟต์แวร์โซลูชั่น ไอบีเอ็มมีโรดแมปที่ชัดเจนในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มความสามารถของซอฟต์แวร์ IBM Cognos TM1 และ BI และในส่วนสุดท้ายเป็นโซลูชั่น ที่ตอบโจทย์ให้กับผู้บริหารสามารถนำข้อมูลที่ได้มาตัดสินใจดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้อง ทำให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันสูง บริหารงานได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้

นางเจษฎา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก กัลฟ์ เจพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่ที่สุด ที่ได้รับความเชื่อถือในประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นผู้พัฒนาแผนงานด้านไอทีเพื่อรองรับขอบข่ายการให้บริการที่ขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยความเป็นผู้นำในด้านการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจร ของไอบีเอ็มรวมถึงระบบที่ล้ำสมัยและปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ทางไอบีเอ็มพร้อมสนับสนุน กัลฟ์ เจพี ในทุกด้านในการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลในองค์กรเพื่อก้าวไปสู่ยุคใหม่ ให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและต่อเนื่องไปในอนาคต”

View :1971
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที ร่วมมือ 4 หน่วยงานรัฐ เผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ

April 20th, 2012 No comments

นางจีราวรรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กับ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมและดำเนินโครงการเผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ ด้วยการร่วมกันแบ่งปัน แลกเปลี่ยน และเผยแพร่องค์ความรู้ สื่อการเรียนรู้ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไปสู่สถานศึกษา และศูนย์การเรียนรู้ รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ โดยผ่านช่องทางเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลทั่วไป (Personal Computer) เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Laptop Computer) อุปกรณ์แท็บเล็ต (Tablet Computer) โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน (Smart Phone) และอื่น ๆ ที่ประชาชนหรือเยาวชนผู้ใช้บริการสามารถใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังร่วมกันจัดทำหลักเกณฑ์และคัดเลือกสถานศึกษา และศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่จะเข้าร่วมโครงการเผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ รวมทั้งร่วมกันดำเนินการเสริมสร้างความรู้ จัดการฝึกอบรม และจัดการสัมมนาการใช้งานสื่อการเรียนรู้ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้กับบุคลากรทางการศึกษา บรรณารักษ์ หรือผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เพื่อให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความพร้อมในการเผยแพร่องค์ความรู้แก่ผู้ใช้บริการต่อไป

“การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะได้ร่วมกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกรมศิลปากร ดำเนินโครงการที่ตระหนักถึงความสำคัญของการขยายโอกาสการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้เหล่านี้ในกลุ่มเด็กและเยาวชนทุกภาคส่วนของประเทศ โดยใช้สื่อที่มีความสวยงาม เข้าใจง่าย ทันสมัย และร่วมใช้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดความรู้ให้กว้างขวาง และครอบคลุมมากยิ่งขึ้นไปยังประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท้องถิ่นห่างไกล อันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบท ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างพื้นฐานสังคมไทยให้ไปสู่สังคมแห่งฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ พร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นในสภาวการณ์ปัจจุบัน

ซึ่งกระทรวงฯ และผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนทั่วประเทศ พร้อมเต็มที่ในการให้ความร่วมมือกับโครงการฯ นี้ ผ่านทางศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนจำนวน 1,880 ศูนย์ในทุกอำเภอทั่วประเทศ และกระทรวงฯ มีเป้าหมายที่จะจัดตั้งให้ครบทุกตำบล เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสาร ยกระดับคุณภาพการศึกษา และเสริมศักยภาพในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยที่ผ่านมาได้ช่วยให้ประชาชนในชนบทห่างไกลมีความตื่นตัวในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีการอบรมหลักสูตรคอมพิวเตอร์พื้นฐานให้แก่กลุ่มอาชีพต่างๆ และกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกันได้แล้วรวมกว่า 200,000 คน” นางจีราวรรรณ กล่าว

โครงการเผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนการเรียนรู้รวมทั้งองค์ความรู้ต่างๆ ของไทยให้ปลูกฝังในกลุ่มเด็กและเยาวชนของประเทศได้กว้างขวางครอบคลุมในทุกภาคส่วนของไทยมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ทัดเทียมกับนานาประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

View :1121
Categories: Press/Release Tags: