Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ดีแทคเปิดตัว Save Save ค่าโทรต่ำสุดนาทีละ 0.31 บาท รองรับลูกค้าใหม่วัยเริ่มทำงาน

April 19th, 2012 No comments

ดีแทคเปิดตัวแพ็กเกจล่าสุดสำหรับใช้งานโทรเพื่อรองรับลูกค้าใหม่และลูกค้าที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน แพ็กเกจ 250 ค่าโทรประหยัดสำหรับโทรหาเบอร์ดีแทคนาทีละ 0.31 บาท และ Voice Buffet คุ้มค่าสำหรับโทรทุกเครือข่าย คาดสร้างแรงจูงใจค่าโทรถูกใจให้ลูกค้าใช้บริการดีแทครายเดือนมากยิ่งขึ้น สร้างบริการที่ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (customer centricity) และมีทางเลือกให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () เปิดเผยว่า แพ็กเกจรายเดือนใหม่สำหรับใช้งานโทรนี้ทำขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าในวัยเริ่มทำงาน จากการสำรวจลูกค้าเพื่อทำ Segmentation เราพบว่ายังมีลูกค้าส่วนใหญ่ที่ความต้องการใช้งานโทรประหยัดในเครือข่ายอยู่ ดังนั้น เราจึงได้ออกแบบแพ็กเกจรายเดือนใหม่ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ แพ็กเกจ Save Save 250 มีค่าโทรถึงเบอร์ดีแทคที่คุ้มค่าโดยเฉพาะและเรามีโปรโมชั่นให้ลูกค้าโทรต่ำสุดนาทีละ 0.31 บาทเป็นระยะเวลาถึง 3 เดือน พร้อมทั้ง ยังมีแพ็กเกจ Save Save 299 เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เลือกด้วย สำหรับลูกค้าที่ใช้งานโทรมากในทุกเครือข่ายก็สามารถสมัครแพ็กเกจ Voice Buffet เพื่อใช้งานโทรทุกเครือข่ายได้

“เรามั่นใจว่าแพ็กเกจใหม่ของเราจะช่วยเติมเต็มทางเลือกให้กับลูกค้า ตลอดจนช่วยดึงดูดใจและรักษาลูกค้าให้อยู่ในระบบกับเราได้ต่อไปอีก” นายอมฤต กล่าวปิดท้าย

แพ็กเกจ Save Save 250 ค่าบริการเดือนละ 250 บาท ลูกค้าสามารถโทรหาหมายเลขในเครือข่ายดีแทคได้ 500 นาที พร้อมรับฟรีค่าโทร 300 นาทีต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน และมีค่าโทรเฉลี่ยต่ำสุดในช่วงโปรโมชั่นเพียงนาทีละ 0.31 บาท

แพ็กเกจ Save Save 299 ค่าบริการเดือนละ 299 บาท ให้ลูกค้าโทรหาหมายเลขดีแทคได้ 400 นาที และใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ 20 ชั่วโมง พร้อมรับฟรีค่าโทร 300 นาทีต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน

แพ็กเกจ Voice Buffet ค่าบริการเดือนละ 799 บาท ลูกค้าสามารถโทรหาหมายเลขปลายทางในทุกเครือข่ายได้ไม่อั้นในช่วงเวลาทำงานคือระหว่าง 8.00-17.00 น. จำกัดระยะเวลาการโทรไม่เกิน 30 นาทีต่อครั้ง ลูกค้าสามารถใช้งานได้ 6 รอบบิล จากนั้นระบบจะเปลี่ยนเป็นแพ็กเกจ dtac voice 799 โทรฟรีทุกเครือข่ายเดือนละ 950 นาที

โปรโมชั่นพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าดีแทครายเดือนใหม่ ที่สมัครแพ็กเกจตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 สมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค ดีแทคเซ็นเตอร์ และผู้แทนจำหน่ายของดีแทคทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดแพ็กเกจที่เว็บไซต์ของดีแทค www.dtac.co.th

View :2094

โนเกียเปิดให้จอง Nokia Lumia สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone บุกตลาด พร้อมกันทีเดียวถึง 3 รุ่น

April 19th, 2012 No comments

มาแล้ว! สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone ของโนเกียที่กวาดรางวัลจากเวทีระดับโลก และสร้างกระแสการสั่งซื้อต่อเนื่องทั่วโลก จะเปิดให้คนไทยได้สั่งจองเพื่อเป็นเจ้าของในวันที่ 20 เมษายน 2555 นี้พร้อมกันทีเดียว 3 รุ่น ที่โนเกีย ช็อป (Nokia Shop) เท่านั้น

กองทัพ Nokia Lumia ที่เปิดรับจองในประเทศไทย ประกอบด้วย Nokia Lumia 900 สุดยอดสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่กวาดรางวัลระดับโลกหลายรางวัล มาในระบบ Dual Carrier HSPA ขนาด 42.2 Mbps มอบประสบการณ์ด้านคอนเทนท์ที่เหนือกว่าบนหน้าจอ ClearBlack Amoled ขนาด 4.3 นิ้ว พร้อมกล้องหน้าสำหรับการทำ Video Call และแบตเตอรี่ศักยภาพสูง Nokia Lumia 800 ดีไซน์สวยงามเพรียวบางโดดเด่นในเฉดสีสุดโดน หน้าจอ AMOLED ClearBlack 3.7 นิ้ว เลนส์ Carl Zeiss วีดีโอคุณภาพ HD พร้อมหน่วยความจำภายใน 16GB และฟรี SkyDrive หน่วยความจำออนไลน์ เพื่อเก็บรูปภาพและเพลงโปรด และ Nokia Lumia 710 สมาร์ทโฟนที่ออกแบบเพื่อการใช้งานสังคมออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย และแชร์รูปภาพได้ทันที ท่องเว็บว่องไวด้วย IE9 พร้อมศักยภาพที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งการใช้งานได้ตามใจ ฝาหลังหลากสีสันสดใสถอดเปลี่ยนได้ถึง 5 สี ทุกรุ่นมาพร้อมบริการแผนที่และระบบนำทาง (Nokia Maps และ Nokia Drive) ซึ่งให้บริการฟรีบนโทรศัพท์มือถือโนเกียเท่านั้น

โนเกียยังได้เตรียมของกำนัลสุดพิเศษสำหรับ 300 ท่านแรกที่จองโทรศัพท์แต่ละรุ่น โดยผู้ที่จอง Nokia Lumia 900 รับหูฟังสุดชิค WH-930 มูลค่า 5,590 บาทฟรี จอง Nokia Lumia 800 รับหูฟังสีสดสวย WH-920 มูลค่า 2,540 บาทฟรี จอง Nokia Lumia 710 รับหูฟังบลูทูธ BH-112 มูลค่า 950 บาทฟรี สำหรับลูกค้า Nokia N Series ที่สั่งจอง Nokia Lumia เพียงแสดง SMS ที่ได้รับจากทางโนเกีย รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 400 บาท สามารถสั่งจองได้ที่โนเกีย ช็อป ทุกสาขาทั่วประเทศ

Nokia Lumia 900 มี 3 สีให้เลือก ดำ ขาว และฟ้า วางจำหน่ายในราคา 18,000 บาท
Nokia Lumia 800 มี 4 สีให้เลือก ดำ ขาว ฟ้า และชมพู วางจำหน่ายในราคา 15,400 บาท
Nokia Lumia 710 มี 2 สีให้เลือก ดำ และ ขาว พร้อมฝาหลังหลากสีสันสดใส วางจำหน่ายในราคา 9,000 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nokia Lumia ได้ที่โนเกียช็อป หรือ โนเกียแคร์ไลน์ 02 255 2111
หรือสามารถคลิกดูได้ที่ www.nokia.co.th/lumia

View :2124

ก.ไอซีที เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุม ASEAN CIO Forum 2012 ครั้งแรกในไทย

April 19th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ CIO ของอาเซียน ( 1st ) ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ร่วมกับ The Authority for Info-communications Technology Industry (AITI) ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม และสมาคมซีไอโอ 16 (CIO16) แห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ขึ้น ภายใต้แนวคิดการมุ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาด้าน ICT (ICT Development) การปรับเปลี่ยนด้าน ICT (ICT Transformation) และการหาแนวร่วมด้าน ICT (ICT Crowd Sourcing)

การริเริ่มการจัดประชุมผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่สำคัญยิ่งตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน 2015 โดยการประชุมฯ ดังกล่าว จะเป็นพื้นฐานสนับสนุนให้เกิดการแบ่งปันวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดและความร่วมมือระหว่างกัน ตั้งแต่กลุ่มผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ CIO ของอาเซียน ไปจนถึงภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และสถาบันต่างๆ ซึ่งแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน 2015 นั้น เกิดจากความร่วมมือของรัฐสมาชิกแห่งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน จำนวน 10 ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดเตรียมทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในการสร้างชุมชนอาเซียน

“ICT จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการบูรณาการทางสังคมและเศรษฐกิจของอาเซียน รวมทั้งช่วยผลักดันให้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บรรลุผลได้ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT รุ่นใหม่และทุนมนุษย์ที่มีทักษะในการส่งเสริมอุตสาหกรรม เชิงนวัตกรรมและความสามารถด้านการแข่งขัน รวมทั้งการสร้างและใช้สภาพแวดล้อมเชิงควบคุมและนโยบายในการทำให้ ICT สามารถเปลี่ยนอาเซียนให้กลายเป็นตลาดเดียว ตลอดจนช่วยสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและภาคประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การบูรณาการร่วมกันระหว่างอาเซียนอีกด้วย ซึ่งการประชุม 1st ASEAN CIO Forum 2012 ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืน และนำไปสู่ประชาคมธุรกิจผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันในการเป็นประชาคมอาเซียนที่มีความสามารถด้านการแข่งขัน”

ด้านนายไชยเจริญ อติแพทย์ นายกสมาคม CIO 16 เปิดเผยว่า การจัดประชุม ASEAN CIO Forum ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทุกภาคส่วน ได้ตระหนัก เตรียมการ และดำเนินการ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการที่อาเซียนจะกลายเป็นประชาคมเดียวกัน ในปี 2558 โดยการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ตัวบุคคล กฎระเบียบภายในองค์กร ไปจนถึงระดับประเทศ และระดับภูมิภาค ซึ่งภาคอุตสาหกรรมหรือธุรกิจต่างๆ จำนวนมากได้เริ่มดำเนินการวางแผนงาน กลยุทธ์ วางโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และมีมิติใหม่ๆ อาทิ แนวทางที่มีผลในเชิงปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ไปจนถึงแนวปฏิบัติเชิงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นต้น

“ในการประชุมครั้งนี้ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนมุมมอง ถ่ายทอดความรู้ และรับทราบนโยบายแผนงาน ICT ที่สำคัญๆ จากแต่ละประเทศ รวมทั้งรับทราบปัญหาอุปสรรคที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันหรือระหว่างกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ระบบ ICT ของอาเซียนในอนาคต โดยสมาคม CIO16 ได้นำเสนอรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ Public Private Partnership (PPP) เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งในการเตรียมความพร้อมนำมิติใหม่เหล่านี้ไปดำเนินการ ซึ่ง ICT นั้นจะเป็นกลไกสำคัญในการรวบรวมและเสริมขีดความสามารถให้แก่บุคลากร ระบบ กระบวนการ และการใช้ประโยชน์จากการลงทุนที่มีเทคโนโลยีให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ซึ่งอาเซียนสามารถจะนำบทเรียนหลายๆ รูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเปิด อียู (EU) มาเรียนรู้ปรับปรุงให้ดีกว่า เร็วกว่า ถูกกว่า และปลอดภัยกว่าได้”

“ในงานนี้จะมีการเปิดประชุมโต๊ะกลม โดยเชิญ CIO จากประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมหารือ เพื่อสร้างสรรค์การทำงานแบ่งความรับผิดชอบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดแนวทางการผลักดันการดำเนินงานด้าน ICT ร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน สำหรับรูปแบบของการประชุมฯ นั้น จะเป็นการอภิปรายแบบเปิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยผู้มีเกียรติ ผู้กำหนดทิศทางนโยบายจากแต่ละชาติอาเซียนที่สำคัญๆ ผู้นำ ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ประกอบการเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรม ICT จากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมาแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งหัวข้อของการอภิปรายทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับ ICT เพื่อเตรียมความพร้อมกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่ถือเป็นการรวมตัวกันของชาติต่างๆ ที่มีทั้งความหลากหลายและความคล้ายคลึงกัน ดังนั้น การประชุมฯ ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการใช้และรวบรวมทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับ ICT เพื่อสร้างและผสานรวมความแตกต่างในกลุ่มอาเซียนเข้าไว้ด้วยกัน”

สำหรับหัวข้อในการประชุมฯ ครั้งนี้ นายกำพล ศรธนะรัตน์ เลขาธิการสมาคม CIO 16 กล่าวว่า จะครอบคลุมเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในภาพรวม ICT ของอาเซียน อาทิ ระบบการประมวลผลแบบคลาวด์ และการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ การรวมระบบเครือข่าย ระบบมือถือ การสื่อสาร และผู้ให้บริการด้านเนื้อหา ระบบการรักษาความปลอดภัยสำหรับโลกไซเบอร์ การตรวจสอบพิสูจน์ทางไซเบอร์ และการสร้างมาตรฐานด้านธรรมาภิบาล ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามระเบียบ (Governance, Risk and Compliance : GRC) สำหรับอาเซียน การเรียนรู้เพื่อปรับปรุงการใช้ ICT ช่วยจัดการวิกฤตการณ์จากสึนามิ น้ำท่วมใหญ่ในไทย และ หรือการใช้ไอซีที เพื่อความสมานฉันท์ของคนต่างเชื้อชาติภายในประเทศ เป็นต้น

“หัวข้อสำคัญต่างๆ เหล่านี้จะมีการลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับ “การสนับสนุน” ที่เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของ “ความร่วมมือ” เพื่อนำไปสู่การสร้างชุมชนที่ดีด้วย ICT และผู้เข้าร่วมประชุมฯ ยังจะได้พบกับนิทรรศการที่จัดแสดงเทคโนโลยีรวมทั้งโซลูชั่นใหม่ล่าสุด เพื่อใช้จัดการกับความท้าทายทางธุรกิจ ภัยคุกคาม และบริการต่างๆ ตามต้องการ (on demand) พร้อมกันนี้ยังมีการอภิปรายแบบกลุ่มจากมุมมองของผู้รู้จริงในแต่ละประเทศ ที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมฯ ภายใต้จุดมุ่งหมายเพื่อการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในอาเซียน และเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มความเชี่ยวชาญ ความปราดเปรื่อง และความคล่องแคล่วของซีไอโอหรือสิ่งที่ CIO จะต้องเป็นให้ได้ภายในปี 2558” นายกำพล กล่าว

นอกจากนั้นแล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านไอทีของไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้มาอภิปรายในหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ พระราชกรณียกิจด้าน ICT เพื่อคุณภาพชีวิตของพสกนิกรชาวไทย ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วิสัยทัศน์ของ CIO เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นประชาคมอาเซียน (Engaging the vision of CIOs to prepare ASEAN for a greater future as one community) และ Leader’s Note : Towards a Collaborative Government เป็นต้น

View :2191

ไอทีพลาซ่า เร่งขยายธุรกิจ อัดงบ 20 ล้านบาท รีโนเวท “คลองถม คอนเนอร์” สู่การเป็นศูนย์ค้าปลีก-ส่งสินค้าไอทีครบวงจร

April 18th, 2012 No comments

เร่งขยายธุรกิจ อัดงบ 20 ล้านบาท รีโนเวท สู่การเป็นศูนย์ค้าปลีก-ส่งสินค้าไอทีครบวงจร พร้อมเปิดให้บริการแล้วย่านถนนเสือป่า กระตุ้นการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของตลาดไอที ตอบรับความต้องการและกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น เผยใช้แผนกลยุทธ์ปี 55 มุ่งเดินหน้าเป็นผู้นำด้านสินค้าไอทีทั่วประเทศ

นายสมชาย จันทนะประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอที พลาซ่า จำกัด กล่าวว่า “ทุกวันนี้ตลาดสินค้าไอที มีการขับเคลื่อนและพัฒนาควบคู่ไปกับเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลาบวกกับปัจจุบัน “โซเชียล มีเดีย” (Social Media) เข้ามามีบทบาทสำคัญในสังคมมากขึ้นและยังเป็นที่นิยมของทุกคน ทำให้สินค้าไอทีเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงและกลายเป็นปัจจัยที่ 6 และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว โดยช่วงที่ผ่านมาไอทีพลาซ่าได้เร่งกำลังขยายธุรกิจให้เป็นพื้นที่ที่ให้บริการสินค้าไอทีให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และพร้อมที่จะเป็นผู้นำด้านสินค้าไอทีแบบครบวงจร โดยใช้กลยุทธ์ปี 55 เน้นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง รวมทั้งทุ่มงบจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องทุกสาขา อาทิ ออกสื่อโฆษณา, วิทยุโทรทัศน์, เว็บไซต์ และยังจัดโปรโมชั่นลดราคากระหน่ำตลอดฤดูกาล จัดกิจกรรมชิงรางวัลใหญ่อย่างต่อเนื่อง พร้อมวางแผนควบคู่กับการกระตุ้นยอดขายให้ตัวแทนร้านค้าอีกด้วย”

ล่าสุด ทางบริษัทได้เล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น และต้องการอำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าไอทีต่างๆแก่คนในพื้นที่ จึงได้อัดงบ 20 ล้านบาทในการรีโนเวท อาคารคลองถม คอนเนอร์ หรือ เดิมเป็นตึกล็อคเล่ย์ ในย่านถนนเสือป่า จ.กรุงเทพฯ โดยมีการปรับปรุงพื้นที่ของไอทีพลาซ่าเดิมสู่การเป็นศูนย์ค้าปลีก-ส่งสินค้าไอทีครบวงจร ซึ่ง “คลองถม คอนเนอร์” ไม่เพียงแต่จำหน่ายแต่สินค้าไอทีและอะไหล่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆและ Gadget ไอทีต่างๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำศูนย์ซ่อมมาตรฐานไปลง อาทิ ศูนย์ซ่อมซัมซุง(Samsung) , ศูนย์ซ่อมไอโฟน(iPhone) หรือ แบล็คเบอรี่(Black Berry) ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์และรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการและมองหาศูนย์ซ่อมคุณภาพดีและราคาย่อมเยาได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าที่คลองถมคอนเนอร์สามารถตอบทุกความต้องการของคอไอทีอย่างแน่นอน

“สำหรับ “คลองถม คอนเนอร์” นั้น ภายในอาคารประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้น โดยพื้นที่ 3 ชั้นแรก อันได้แก่ ชั้นที่ 1 , ชั้นลอย และ ชั้น2 เราเปิดให้บริการเป็นพื้นที่ค้าปลีกอุปกรณ์ไอที , อุปกรณ์ไฟฟ้า และของเบ็ดเตล็ดทั่วไป ส่วนชั้น3 – ชั้น 5 เราจะเปิดเป็นส่วนขยายไอทีพลาซ่าโดยจะแตกไลน์สินค้าที่เน้นไปทางบ้านหม้อและคลองถมเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงเปิดให้เป็นศูนย์การค้าที่ค้าส่งสินค้าไอทีแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย” นายสมชายกล่าว

และเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของลูกค้า “คลองถม คอนเนอร์” ย่านถนนเสือป่า เปิดให้บริการแล้ววันนี้พร้อมให้บริการลูกค้าที่กำลังหาซื้อสินค้า ในกลุ่มของสินค้าที่เป็นอุปกรณ์ไอที และอะไหล่โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งอุปกรณ์เสริมและ Gadget ไอทีต่างๆ ทั้งปลีและส่ง ราคาย่อมเยา โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.itplaza.co.th ได้ตลอด 24

View :1546

เอไอเอสพร้อมส่งมิติใหม่ของงานบริการและประสบการณ์ครองใจลูกค้า ณ สำนักงานบริการเอไอเอสโฉมใหม่ สาขาพิษณุโลก

April 17th, 2012 No comments

เดินหน้าสู่มิติใหม่ของการบริการลูกค้า เผยกลยุทธ์ดูแลลูกค้าปี 2555 ด้วยที่สุดของบริการและการสร้างประสบการณ์เชิงบวก ที่มุ่งเน้น ความเร็ว (Speed), คุณภาพ (Quality) ,ทางเลือก (Choices) พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานบริการเพิ่มคุณภาพเข้มข้นในทุกมิติ ผ่าน Quality DNAs ล่าสุดเดินหน้าจัดเต็ม Total Experience เต็มรูปแบบผ่าน สาขาพิษณุโลก โฉมใหม่ใสปิ๊ง

นางวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้า และการบริการ เอไอเอส กล่าวว่า “นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนาบริการคุณภาพอย่างลึกซึ้ง ลงรายละเอียดในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด Quality DNAs เพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยแนวคิด “ชีวิตในแบบคุณ” แล้ว เอไอเอสก็ไม่เคยหยุดยั้ง และจะเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ อีกขั้นด้วยมิติใหม่ของการบริการให้ลูกค้าได้รับที่สุดของบริการคุณภาพและประสบการณ์เชิงบวก (Customer Experience Champion) เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงใจในแบบของคุณ”

“นอกจากนี้ ความท้าทายของงานบริการคือ การเข้าใจและเห็นภาพความต้องการของลูกค้าและสามารถนำมาพัฒนาเป็นรูปแบบบริการที่สนองตอบและมอบประสบการณ์คุณภาพได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาช่องทางการส่งมอบบริการ หรือ Customer Touch Point ที่ยกระดับสู่ Experience Shop โดยเฉพาะของสำนักงานบริการ เอไอเอสแห่งล่าสุด ที่สาขาพิษณุโลก ท่านจะสัมผัสได้นอกเหนือจากการทำธุรกรรมปกติ ไม่ว่าจะเป็น การจัดอุปกรณ์ โอนถ่ายข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ความเร็วสูง หรือ Express Data Transfer ที่ทำให้การเปลี่ยนมือถือสมาร์ทโฟน เครื่องใหม่เป็นเรื่องง่าย รวมไปถึงการติดตั้ง eService Kiosk ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่างๆได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย และเรายังมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอสที่มาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พิษณุโลกจะได้รับส่วนลด ทั้งรับประทานและช็อปปิ้ง อีกมากกว่า 20 ร้านค้าด้วยเช่นกัน

นางวิลาสินีกล่าวในตอนท้ายว่า “สำนักงานบริการเอไอเอส สาขาพิษณุโลก ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าแห่งนี้ นอกจากจะเป็นเสมือนตัวแทนของชาวเอไอเอสทุกคน ที่จะทำหน้าที่ส่งมอบบริการที่ดีที่สุดเพื่อให้ประสบการณ์การใช้มือถือของท่านมีคุณภาพครบถ้วนที่สุดแล้ว เราจะไม่หยุดยั้งในการพัฒนาบริการ เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอสชาวพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียงเลือกใช้ชีวิตในแบบของท่านได้อย่างไม่มีข้อจำกัดตลอดไป อีกทั้งพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคนพิษณุโลก ในการสร้างความทันสมัย และสนับสนุนการเติบโตของ จ.พิษณุโลกตลอดไปเช่นกัน

View :1618

“เอไอเอส” จับมือ “โซนี่มิวสิค” ขยายตลาดดิจิตอลมิวสิคบนสมาร์ทโฟน

April 17th, 2012 No comments

ฉลอง “AIS Music Store” ครบล้านโหลด พาลูกค้าลุ้นบินลัดฟ้าชมคอนเสิร์ต 2PM

จับมือกับ Sony Music เปิด “2PM on AIS Music Store” และหลากหลายเพลงสากลต่างประเทศจากศิลปินสุดฮ็อต ทั้ง Full Song และ MV มาเอาใจลูกค้า ผ่าน AIS Music Store (load play share ไม่จำกัด ไม่คิดค่า data) พร้อมลุ้นบินลัดฟ้ากับตู่-ภพธร ไปชมสุดยอดคอนเสิร์ต 2PM ที่ประเทศญี่ปุ่น

คุณปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดมิวสิคดิจิตอล คอนเทนต์ครอบคลุมบริการหลักๆ ได้แก่ เสียงรอสาย และ Full song (เต็มเพลง) เมื่อตลาดสมาร์ทโฟนได้รับความนิยม แอพพลิเคชั่นประเภทเพลง จึงได้รับความนิยมตามไปด้วย โดยมีปัจจัยด้านพฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ รวมถึงแต่ละค่ายเพลงต่างหากลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆ เป็นตัวผลักดัน และส่งเสริมกับแอพพลิเคชั่นดังกล่าวด้วย”
“และในปี 2555 นี้ แนวโน้มความนิยมของแอพพลิเคชั่นประเภทเพลงเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากในประเทศไทย อย่าง AIS Music Store ที่เปิดให้บริการไปเมื่อตุลาคม 2554 เป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้คุณโหลดเพลงทุกประเภทได้แบบไม่จำกัด ทั้งเต็มเพลงและมิวสิควีดีโอ จากทุกค่ายเพลงในประเทศไทย พร้อมทั้งสามารถแชร์เพลงโปรดให้เพื่อนๆ ผ่านทาง Facebook และ Twitter อีกทั้งอัพเดตข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการเพลงได้ก่อนใคร ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าคอเพลง โดยมีปริมาณดาวน์โหลดเพลงแล้วกว่า 1 ล้านเพลง ทำให้เห็นได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในการฟัง โหลด แชร์ content ต่างๆจากแอพพลิเคชั่นนี้ ผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต กำลังเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในพ.ศ.นี้”

“โดยมองว่าปัจจัยที่ทำให้บริการประเภทดิจิตอลมิวสิคอย่าง AIS Music Store ประสบความสำเร็จ เนื่องจาก มีเพลงที่หลากหลาย โดยมีเพลงไทยจากทุกค่ายเพลงดัง รวมทั้งเพลงสากล เค-ป็อป และเอเชียน- ป็อป รวมกว่า 30,000 เพลง รวมถึงมีโมเดลของการคิดค่าบริการที่ง่ายและคุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกค้า ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยต่อท่านจะดาวน์โหลดเพลงประมาณ 14 เพลง ซึ่งใช้ปริมาณดาต้าประมาณ 100MB หรือมากกว่า ดังนั้นโมเดลที่ดีที่สุด คือการเหมารวมค่าบริการเชื่อมต่อดาต้ารวมอยู่ในแพ็คเกจเลย ไม่ต้องจ่ายค่าเชื่อมต่อดาต้าเพิ่มอีก ทำให้ลูกค้าหมดกังวลเวลาต้องสตรีมมิ่งเพื่อดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ที่แอพฯ”

และล่าสุด เพื่อเป็นการขยายตลาดดิจิตอลมิวสิค และเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกฟังเพลงได้ตาม Lifestyle เอไอเอส จึงได้จับมือกับค่ายเพลงอินเตอร์ชั้นนำอย่าง Sony Music นำเพลงสากลต่างประเทศจากศิลปินสุดฮ็อต มาเอาใจลูกค้าคอเพลงสากล ให้ได้สนุกไปกับโลกแห่งเสียงเพลงในแบบของคุณได้อย่าง ไม่จำกัด ผ่านแอพพลิเคชั่น AIS Music Store โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น AIS Music Store ได้ฟรี เพียงกด *900 แล้วโทรออก และสมัครบริการโทร. *1525 พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม “2PM on AIS Music Store ลัดฟ้าสู่ญี่ปุ่น” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้าเอไอเอสที่โหลดเพลงของศิลปิน 2PM หรือเพลงของศิลปินอื่นๆ จาก ค่าย Sony Music ใน AIS Music Store ทั้งเต็มเพลงและมิวสิควีดีโอ ได้รับรางวัลชมคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่แห่งปีของศิลปิน 2PM พร้อมแพ็คเกจทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่นฟรี! กับตู่-ภพธร สุนทรญาณ ศิลปินชื่อดังจากค่าย Sony Music ลูกค้าเอไอเอสสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 10 พฤษภาคม 2555 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.co.th/musicstore/

ด้านคุณภัทรา บุศราวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Sony Music กล่าวว่า “งานนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง โซนี่ มิวสิค และทาง เอไอเอส ที่นอกจากจะจัดเพลงสากลให้แฟนๆที่ชื่นชอบและรักเสียงเพลงได้โหลดกันอย่างจุใจ ทั้งเพลงไทย, เอเชี่ยนและเพลงสากล แบบไม่จำกัด แล้ว ยังมีความพิเศษเพิ่มเติม เพื่อลูกค้าเอไอเอสเท่านั้นกับการได้สิทธิ์ลุ้นบินลัดฟ้าไปชมคอนเสิร์ตของ 6 หนุ่ม วง 2PM กันสดๆถึงประเทศญี่ปุ่น พร้อมศิลปินร่วมทริปสุดหล่ออย่าง ตู่-ภพธร ที่ว่ากันว่าเป็นสุดยอดคอนเสิร์ตที่ใช้ระยะเวลาในการขายบัตรเพียงไม่นานก็หมดเกลี้ยง!! ทั้งนี้เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งถึงความเป็นพันธมิตรระหว่างโซนี่ และ เอไอเอส ที่จะทำให้ตลาดดิจิตอล มิวสิค มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับแนวทางของโซนี่อย่างแน่นอน”

View :1959

ทรูมูฟ เอช จับมือ ซัมซุง รุกตลาดซิมเติมเงิน 3G+ บนสมาร์ทโฟน

April 15th, 2012 No comments

จัดโปรโมชั่นแนวใหม่ไม่ซ้ำใคร ให้ลูกค้ารับค่าเครื่องคืน 100% เมื่อซื้อ Samsung Galaxy Y พร้อมเปิดใช้ซิมทรูมูฟ เอช 3G+ แบบเติมเงิน

เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง บุกตลาดสมาร์ทโฟนแบบเติมเงิน ตอบรับเครือข่าย 3G+ ครอบคลุมทั่วประเทศ ประกาศจับมือกับ จัดโปรโมชั่นแนวใหม่ ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยแนวคิด “รับค่าเครื่องคืนเต็ม 100%” เพียงซื้อสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Y มูลค่า 4,790 บาท พร้อมเปิดใช้ซิมทรูมูฟ เอช 3G+ แบบเติมเงินที่มาพร้อมในแพ็คเกจ โดยทุกครั้งที่เติมเงิน ลูกค้าจะได้รับโบนัสคืนเท่ากับมูลค่าที่เติมเงินในแต่ละครั้ง สูงสุด 4,790 บาท คุ้มสุดๆ เหมือนได้รับค่าเครื่องคืน 100% สัมผัสชีวิตอิสระผ่านเครือข่าย 3G+ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ Samsung Galaxy Y พร้อมซิมทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2555 ที่ร้านทรูช็อปและร้านตัวแทนจำหน่าย Samsung ทั่วประเทศ

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ธุรกิจโมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูมูฟ เอช ขยายฐานลูกค้าแบบเติมเงิน ให้คนไทยทั่วประเทศเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมออนไลน์เต็มสปีดบนเครือข่าย 3G+ ที่ใช้งานได้จริงครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในไทย ด้วยโปรโมชั่น ‘รับค่าเครื่องคืน 100%’ แนวคิดใหม่ครั้งแรกของตลาดโทรคมนาคมไทยที่จำหน่ายสมาร์ทโฟน 3G พร้อมซิมเติมเงิน แถมคืนโบนัสใช้งานเต็มจำนวนเท่ากับมูลค่าเครื่องที่ลูกค้าซื้อ ล่าสุดร่วมกับ ซัมซุง นำ Samsung Galaxy Y สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กสเป็คแรงที่ขายดีที่สุดในปัจจุบัน มาจำหน่ายพร้อมกับซิมทรูมูฟ เอช 3G+ แบบเติมเงิน โดยทุกครั้งที่เติมเงิน ลูกค้าจะได้รับโบนัสคืนเท่ากับมูลค่าที่เติมเงินในแต่ละครั้ง จนครบ 4,790 บาท ซึ่งสามารถใช้เป็นทั้งค่าโทร SMS MMS และดาต้า ได้เต็มมูลค่า จึงเหมือนลูกค้าได้รับค่าเครื่องคืน 100% ทั้งนี้ การทำตลาดพร้อมกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ 3G ครั้งนี้ ยังเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการได้สัมผัสประสบการณ์ 3G เต็มรูปแบบ ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมมากที่สุด โปรโมชั่นโดนใจ รวมถึงแพ็กเกจเสริมหลากหลายสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ทั้งโทรและเล่นเน็ต ทรูมูฟ เอช จึงมั่นใจว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าแบบเติมเงินได้ทั่วประเทศ พร้อมๆ ไปกับการขยายการให้บริการ 3G+ เช่นกัน”

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงได้สร้างและบุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จนในวันนี้เราได้ก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการแข่งขันในปัจจุบันค่อนข้างเข้มข้น ทั้งนี้เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี 3G ในประเทศไทยทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจเลือกใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น ผนวกกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งจากเดิมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภคเป็นเพียงแค่อุปกรณ์สำหรับ การติดต่อสื่อสารเท่านั้น แต่ในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือได้ขยายไปสู่การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ต่อเนื่องสังคม และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ผ่านดีไวซ์เพียงเครื่องเดียว ซัมซุงได้นำเสนอ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ วาย (Samsung Galaxy Y)’ สมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก สเป็คแรงที่รองรับ 3G และ WiFi พร้อม CPU ความเร็วสูงถึง 832 MHz ซึ่งสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ในราคาเพียง 4,790 บาท โดยทางซัมซุงหวังว่าจะสามารถเจาะกลุ่มวัยรุ่นและผู้เริ่มลองใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ซึ่งการที่ซัมซุงได้จับมือกับทรูมูฟ เอช ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G+ ในครั้งนี้ จะช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ทั้งยังส่งเสริมให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายทั่วประเทศได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งซัมซุงมองว่าจะเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาสมาร์ทโฟนในเมืองไทย เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้บริโภคที่มีความต้องการด้านการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

โปรโมชั่น ‘รับค่าเครื่องคืน 100%’ ให้ลูกค้ารับสิทธิ์สะสมโบนัสได้ภายในระยะเวลา 1 ปีนับจากวันที่เปิดใช้บริการ และสามารถตรวจสอบยอดโบนัสได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เพียงโทร #123*9# ฟรี โดยสามารถใช้โบนัสเป็นค่าโทรและบริการต่างๆ จาก ทรูมูฟ เอช 3G+ ได้ ดังนี้
• โทรทุกเครือข่าย นาทีละ 2 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง คิดตามจริงเป็นนาที เศษของนาทีคิดเป็นหนึ่งนาที
• SMS, MMS ข้อความละ 2 บาท
• 3G+/EDGE/GPRS เมกะไบท์ละ 5 บาท
สำหรับการใช้บริการอื่นนอกจากที่แจ้งข้างต้น หรือกรณีที่ใช้โบนัสหมดแล้ว จะคิดค่าบริการตามอัตรารายการส่งเสริมการขายที่ลูกค้าเลือกใช้อยู่ในขณะนั้น ๆ

ทรูมูฟ เอช 3G+ มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อไร้สายที่เร็วและแรงกว่าด้วยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps* ที่ใช้ได้จริงวันนี้ ครอบคลุมครบ 77 จังหวัด 843 อำเภอ 5,158 ตำบล และจะครบ 928 อำเภอ 7,235 ตำบล 71,567 หมู่บ้าน ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงบริการ WiFi ความเร็วสูงสุด 8 Mbps* ครอบคลุม 100,000 จุด ในไทยกลางปีนี้ และมากกว่า 200,000 จุด ในต่างประเทศ พร้อมมอบอิสระอย่างแท้จริงให้กับลูกค้าแบบเติมเงิน ภายใต้แนวคิดสุดล้ำ อิสระแบบไม่มีวันหมด ได้วันเพิ่มเป็น 60 วันทุกครั้งที่มีการใช้งาน ทั้งโทรออก เล่นเน็ต เติมเงิน หรือส่งข้อความ ไม่ว่าจะใช้มาก ใช้น้อย ก็มีวันใช้งานต่อเนื่องเหมือนไม่มีวันหมด

Samsung Galaxy Y สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ตัวเล็ก สเป็คแรงหน่วยประมวลผลรวดเร็ว 832 MHz หน้าจอกว้าง 3 นิ้ว QVGA กล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล บันทึกวีดีโอได้คมชัด รองรับ 3G / WiFi / Bluetooth พร้อมสนุกกับแอพแต่งรูป แชท Social Network และอื่นๆอีกเพียบบน Play store (Android market)

* ความเร็วในการใช้บริการ 3G+ และ WiFi ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้งาน ณ จุดที่ใช้งานและอุปกรณ์ที่รองรับ

View :2141

เอ็นโซโก้ ส่ง Ensogo Top Up Credit ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มอิสระในการช้อปปิ้งให้ลูกค้าซื้อดีลสะดวกและประหยัดยิ่งขึ้น แม้ไม่มีบัตรเครดิต

April 15th, 2012 No comments

บริษัทในเครือลีฟวิ่งโซเชียล ผู้นำเว็บไซต์ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของไทย ออกนวัตกรรมใหม่เอาใจขาช้อปออนไลน์ตัวจริง เพิ่มอิสระในการช้อปปิ้งให้ลูกค้าจับจ่ายซี้อดีลไหนๆ บน www.ensogo.com ได้ตามใจต้องการอย่างสะดวก ง่ายดายแม้ไม่มีบัตรเครดิต ประหยัดทั้งเวลาและค่าธรรมเนียมในการชำระเงินยิ่งขึ้น ด้วย ‘’ ช่องทางการซื้อและเติมเครดิตเอ็นโซโก้เข้าบัญชีของสมาชิกผ่านทางออนไลน์ ที่มีสองราคาให้เลือกช้อป คือ มูลค่า 300 เครดิต ราคา 300 บาท และมูลค่า 500 เครติด ราคา 500 บาท โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อและเติมเครดิตได้ไม่จำกัดจำนวน พิเศษ! รับเครดิตเอ็นโซโก้เพิ่มอีก 3% ของมูลค่ายอดซื้อฟรีทันที เมื่อซื้อ ‘’ ราคาเดียวกัน จำนวน 2 คูปองขึ้นไป ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายนเท่านั้น

นายทอม ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์เอ็นโซโก้ บริษัทในเครือลีฟวิ่งโซเชียล กล่าวว่า “ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าเอ็นโซโก้ที่ชำระเงินในการจับจ่ายดีลพิเศษของเราผ่านบัตรเครดิตมีประมาณ 78% แล้ว แต่ก็ยังมีลูกค้าจำนวนไม่น้อย ที่เลือกชำระเงินผ่านช่องทางการเงินอื่นๆ เนื่องด้วยไม่มี บัตรเครดิตหรือไม่สะดวกใช้บัตรเครดิต บริษัทฯ จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ ‘Ensogo Top Up Credit’ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงดีลสินค้าและบริการต่างๆ บนเว็บไซต์เอ็นโซโก้ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เครดิตที่ได้มาจาก ‘Ensogo Top Up Credit’ จะสามารถนำมาใช้จับจ่ายดีลที่ต้องการบน www.ensogo.com ได้เหมือนกับการใช้เงินสด โดย 1 เครดิตเอ็นโซโก้ มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสด 1 บาท”

“Ensogo Top Up Credit จะมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของเอ็นโซโก้ ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน รวมถึงหมดปัญหาเรื่องการชำระเงินไม่ทันเวลาที่กำหนด และไม่พลาดซื้อสุดยอดดีลที่มีจำหน่ายในจำนวนจำกัด บริษัทฯ มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายสินค้าบนเว็บไซต์ เอ็นโซโก้มากยิ่งขึ้น” นายทอม กล่าวเพิ่มเติม

View :1503

ก.ไอซีที Road Show ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จ ดึงผู้ประกอบการรายใหญ่ร่วมลงทุนในไทย

April 15th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้ร่วมเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นพร้อมนายกรัฐมนตรีและคณะ ระหว่างวันที่ 5 – 9 มีนาคม 2555 เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ แนบแน่นทุกระดับระหว่างไทย – ญี่ปุ่น ในโอกาสพิเศษครบรอบ 125 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – ญี่ปุ่น และสร้างความเชื่อมั่นในแนวทางการแก้ปัญหาอุทกภัยของรัฐบาลไทย ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ร่วมเดินทางเพื่อไป Road Show ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย รวมทั้งเพื่อให้ภาคเอกชนของญี่ปุ่นได้ทราบถึงนโยบายด้าน ICT ของไทยหรือ SMART THAILAND ซึ่งให้สิทธิพิเศษสำหรับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย จึงทำให้การไป Road Show ในครั้งนั้นได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

“ประเทศญี่ปุ่นได้ให้การยอมรับประเทศไทยว่า มีจุดเด่นในการสร้างสรรค์ผลงานและศักยภาพในการผลิตงานที่มีมาตรฐาน จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งบริษัทหลายแห่งของไทยได้ร่วมงานกับบริษัทต่างชาติทั้งในระดับฮอลลีวูด รวมทั้งบริษัทของญี่ปุ่น มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นยังคงมีความกังวลในเรื่องระบบการสื่อสาร โครงสร้างพื้นฐาน และความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล จึงได้มีการชี้แจงถึงการดำเนินโครงการ SMART THAILAND ซึ่งเป็นโครงการที่สอดรับกับนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ และนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทยสำหรับปี พ.ศ. 2554 – 2563 หรือ ICT 2020 ที่มีเป้าหมายในการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมประชากรร้อยละ 80 ในอีก 3 ปีข้างหน้า และร้อยละ 95 ภายในปี พ.ศ. 2563 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ฝ่ายญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงด้านมัลติมีเดียของญี่ปุ่น อาทิ Bandai, TOEI เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อร่วมกันผลิตผลงานที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและส่งออกไปทั่วโลก รวมถึงยังได้เชิญชวนผู้ประกอบการญี่ปุ่นมาจัดกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทย หรือร่วมในงานแสดงสินค้าที่ประเทศไทยจัดขึ้น และจัดให้มีการจับคู่ทางธุรกิจให้มากขึ้นกว่าที่เคยทำกันมาในอดีต พร้อมกันนี้ ยังมีแนวคิดที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญของญี่ปุ่นมาถ่ายทอดเทคโนโลยีและประสบการณ์แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยรวมทั้งผู้ประกอบการไทย เพื่อยกระดับคุณภาพและขีดความสามารถของบุคลากรไทยในการทำงานร่วมกันในอนาคตอีกด้วย” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

และในช่วงต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา บริษัท IDA (International Digital Artist) ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตผลงานต่างๆ ในรูปแบบ รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ของเล่น และเกม ชั้นแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น ได้ตอบรับคำเชิญและเดินทางมาเยี่ยมคารวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยได้แสดงเจตจำนงที่จะมาลงทุนและร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยในการผลิตผลงานที่มีชื่อเสียงในระดับโลก พร้อมทั้งได้แสดงความชื่นชมที่ กระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญและเข้าใจในอุตสาหกรรม Digital content เป็นอย่างมาก นอกจากนั้น บริษัท IDA ยังพร้อมที่จะประสานงานในการเชิญผู้เชี่ยวชาญของญี่ปุ่นมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับนักศึกษาและผู้ประกอบการไทย รวมถึงยังได้ชื่นชมผลงานผู้ประกอบการไทยและตั้งใจที่จะให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต Character ในลักษณะเดียวกับไอ้มดแดงที่เคยโด่งดังมากในอดีตเพื่อนำออกเผยแพร่ทั่วโลก

“การตอบรับคำเชิญและเดินทางมาเยือนประเทศไทยของผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงจากญี่ปุ่นในครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของการเดินทางไป Road Show ที่ประเทศญี่ปุ่นที่เห็นเป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะต้องมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ ให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย และนำไปสู่ความสำเร็จก้าวต่อๆ ไปของประเทศอย่างแน่นอน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

View :1260

ก.ไอซีที ห่วงใยเด็กและเยาวชน ใช้อินเทอร์เน็ตไม่เหมาะสมช่วงปิดเทอม

April 12th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็กและเยาวชนในช่วงอายุระหว่าง 6 – 20 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมดเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงระหว่างการปิดภาคเรียน จึง ทำให้เด็กและเยาวชนมีเวลาว่างในการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และอาจนำไปสู่การใช้งานในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น เว็บลามกอนาจาร เว็บการพนัน โดยที่ผู้ปกครองไม่สามารถอยู่ควบคุมพฤติกรรมการใช้งานได้

ดังนั้น กระทรวงไอซีที จึงขอเชิญชวนให้ผู้ปกครองใช้โปรแกรมไอซีที เฮ้าส์คีปเปอร์ () เป็นเครื่องมือในการช่วยดูแลและป้องกันเด็กและเยาวชนจากเว็บร้าย รวมถึงภัยอันตรายต่างๆ จากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม โดยโปรแกรมไอซีที เฮ้าส์คีปเปอร์ นี้ จะทำหน้าที่ช่วยผู้ปกครองในการกำหนดระยะเวลา และช่วงเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ให้กับเยาวชน นอกจากนั้นผู้ปกครองยังสามารถกำหนดเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมเพิ่มเติมลงในโปรแกรมได้ด้วยตนเอง เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจาก เว็บร้ายเหล่านั้น ขณะที่ระบบอัตโนมัติของโปรแกรมก็จะปรับปรุงฐานข้อมูลรายชื่อเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมเองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน พร้อมกันนี้ก็ยังมีระบบบันทึกการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถติดตามข้อมูลการใช้งานของเยาวชได้ ผู้ปกครองที่สนใจ จะใช้โปรแกรมไอซีที เฮ้าส์คีปเปอร์ เพื่อดูแลและเฝ้าระวังภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ตให้กับเด็กและเยาวชนในปกครอง สามารถ ดาวน์โหลดโปรแกรมด้วยตนเองที่เว็บไซต์ www.mict.go.th หรือ www.icthousekeeper.com ซึ่งจะมีรายละเอียดวิธีการใช้ต่างๆ เพื่อป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม

สำหรับการพัฒนาโปรแกรมไอซีที เฮ้าส์คีปเปอร์ นั้น กระทรวงฯ ดำเนินการภายใต้ “โครงการจัดการดูแลและเฝ้าระวังภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม” โดยได้ดำเนินการปรับปรุงโปรแกรมใหม่ให้สามารถรองรับ Windows7 และได้ผลิตแผ่นโปรแกรมเผยแพร่ จำนวน 10,000 แผ่น รวมทั้งจัดทำและปรับปรุงเว็บไซต์ icthousekeeper ให้ทันสมัย เพื่อให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมเวอร์ชั่นล่าลุดได้ พร้อมกันนี้ยังได้มีการจัดสัมมนาเพื่อประชาสัมพันธ์โปรแกรม และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้โปรแกรมป้องกันเว็บที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการควบคุมระยะเวลาและช่วงเวลาการเล่นคอมพิวเตอร์หรือการใช้อินเทอร์เน็ตสำหรับประชาชนและสถานศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้และตอบข้อซักถามต่างๆ ให้กับนักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง ประชาชนหรือผู้สนใจทั่วประเทศ ซึ่ง ได้ดำเนินการไปแล้ว 10 ครั้งในจังหวัดต่างๆ อาทิ กรุงเทพมหานคร นครสวรรค์ พิษณุโลก ชลบุรี ระยอง ลำปาง เป็นต้น

นอกจากนั้น กระทรวงฯ อยากขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลานในช่วงวันหยุดสงกรานต์ เพื่อให้รอดพ้น จากการเผยแพร่เนื้อหาอันไม่เหมาะสมทางอินเทอร์เน็ต โดยการควบคุมดูแลไม่ให้มีการถ่ายคลิปวีดิโอต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากช่วงสงกรานต์ในปีที่ผ่านมาได้มีการอัพโหลดคลิปที่ไม่เหมาะสมต่างๆ เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หรืออาจมีความผิดตามกฎหมายฉบับอื่นๆ ได้ และขอให้มีการเล่นสงกรานต์อย่างเหมาะสมรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมไทยอันดีงามเพื่อให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

View :1348
Categories: Press/Release Tags: