Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

“คอปเปอร์ไวร์ด” ลุยขยาย iStudio by copperwired เปิดอีก 1 สาขาตึกยูไนเต็ดรองรับลูกค้าย่านสีลม

March 26th, 2012 No comments

“คอปเปอร์ไวร์ด” เดินหน้าขยายสาขา เปิดเพิ่มอีก 1 สาขาที่อาคาร United Center หวังรองรับลูกค้าย่านสีลม ส่งผลทั้งเดือนมีนาคมทำสถิติเปิด ถึง 3 สาขา ใน 3 ทำเลทอง” ปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข” เผยการขยายสาขามุ่งยึดนโยบายให้สินค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น คุยปีนี้เปิดเพิ่ม 7 สาขา รวมทั้งปียึดทำเลทองครบ 17 สาขาครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งกรุงเทพฯ-เขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วประเทศ

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ไวร์ด จำกัด


นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ไวร์ด จำกัด ตัวแทนจำหน่ายระดับพรีเมี่ยมของแอปเปิ้ล ภายใต้ชื่อร้าน iStudio by copperwired และสินค้า Gadget ภายใต้ชื่อร้าน .life(ดอทไลฟ์) กล่าวว่าในวันที่ 26 มีนาคมนี้ คอปเปอร์ไวร์ด ได้เปิดร้าน iStudio by copperwired เพิ่มอีก 1 สาขา ที่อาคาร United Center สีลม เพื่อให้ลูกค้าในบริเวณดังกล่าวสามารถเข้ามาซื้อสินค้าในร้าน iStudio by copperwired ได้อย่างสะดวก โดยสาขาใหม่นี้เป็นร้านรูปแบบใหม่ที่ออกแบบให้เป็นร้านเทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ที่ให้ความสะดวกสบาย หรูหรา สไตล์แอปเปิ้ล โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าไปสัมผัส ทดลอง และใช้งานได้จริง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด เช่นเดียวกับสาขาอื่นๆ ที่เปิดไปก่อนหน้านี้

“หลังเปิดสาขาอาคาร United Center อย่างเป็นทางการจะทำให้ในเดือนมีนาคมนี้ คอปเปอร์ไวร์ด เปิดร้าน iStudio by copperwired ถึง 3 สาขา และแต่ละสาขาล้วนแต่เป็นทำเลที่ยอดเยี่ยม สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะเห็นได้จาก 2 สาขาที่เปิดให้บริการไปก่อนหน้านี้ คือ สาขาที่ตึก All Seasons Place และ Park Ventures Ecoplex เพลินจิต ต่างได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ดังนั้น การขยายสาขาหลังจากนี้จะยังคงยึดนโยบายเลือกทำเลที่มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาในร้าน iStudio by copperwired ได้อย่างสะดวก” นายปรเมศร์กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะขยายร้าน iStudio by copperwired เพิ่มอีก 7 สาขา นอกจากนั้นยังมีแผนจะปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ให้มีรูปแบบที่ทันสมัย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแอปเปิ้ล ขึ้นอีก 2 สาขาด้วย ซึ่งจะทำให้จนถึงสิ้นปี บริษัทจะมีร้าน iStudio by copperwired กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และเขตเศรษฐกิจสำคัญรวมทั้งสิ้น 17 สาขา ครอบคลุมลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น

View :1704

“คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012” กวาดยอดขาย 3,200 ล้าน มั่นใจปีนี้ตลาดไอทีไปได้สวย

March 26th, 2012 No comments

ประสบความสำเร็จตามเป้า หลังผู้ค้าไอทีงัดโปรฯกระหน่ำ ลด แลก แจก แถม ผู้เข้าชมงานล้นหลามทั้ง 4 วัน ทำยอดทะลุกว่า 3.2 พันล้านบาท มั่นใจตลาดไอทีไทยโตตามคาด คอมมาร์ตสำราญแลนด์โชว์ ทำบรรยากาศงานคึกคัก เผยโน้ตบุ๊กยังครองแชมป์สินค้าขายดีรับอานิสงค์จากอัลตร้าบุ๊กเป็นแรงกระตุ้นกวาดยอดเฉียด 1,800 ล้านบาท ตามมาด้วยแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน มาแรงรับนโยบายรัฐบาล

นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที “คอมมาร์ต” กล่าวว่า การจัดงาน “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012” ที่จัดระหว่างวันที่ 22 – 25 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามเป้า สร้างเม็ดเงินสะพัดตลอดงานทั้ง 4 วันกว่า 3,200 ล้านบาท โดยโน้ตบุ๊กยังครองแชมป์สินค้าขายดีอันดับหนึ่ง ยอดขายเฉียด 1,800 ล้านบาท ซึ่งได้อัลตร้าบุ๊กเข้ามาเป็นแรงกระตุ้นยอดขาย ส่วนอันดับสอง คือ แท็บเล็ต ตามมาด้วยสมาร์ทโฟน งานนี้พันธมิตรผู้ค้าไอทีแบรนด์ต่างๆ ใช้กลยุทธ์จัดโปรโมชั่นสินค้าราคาลด แลก แจก แถม ที่น่าสนใจ ทำให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งถือว่าเป็นเปิดตลาดไอทีงานแรกของปีได้อย่างสวยงาม

“เออาร์ไอพีพอใจกับการจัดงานคอมมาร์ตครั้งนี้ ภาพรวมตลาดปีนี้ส่งสัญญาณบวกอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดไอทีซบเซาด้วยปัญหาเศรษฐกิจ และภัยทางธรรมชาติ แต่มั่นใจว่าไตรมาส 2 จะดีกว่านี้ และส่งผลให้การเติบโตของตลาดไอทีไทยน่าจะเติบโตตามเป้า 12% งานนี้เราสามารถช่วยคู่ค้าทำยอดขายได้ตามเป้า ส่งผลให้ตลาดในภาพรวมทั้งปีมีแนวโน้มที่สดใส และงานครั้งนี้ผู้บริโภครอมาซื้อสินค้า รวมทั้งโปรโมชันสินค้าราคาถูกสุดๆ ที่ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงสินค้า ตลอดจนกิจกรรมการตลาดและการวางสื่อประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้า ประกอบกับเวนเดอร์ทุกรายงัดกลยุทธ์ในเรื่องของราคาเต็มที่ เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงทำให้งานคอมมาร์ตครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินที่คาดการณ์ไว้” นายปฐม กล่าว

ด้านกิจกรรมเวิร์คช็อป และสัมมนาเสริมความรู้ภายในงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012 ครั้งนี้มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตอบโจทย์การใช้แอพพลิเคชั่นกับชีวิตประจำวัน ส่วนกิจกรรมคอมมาร์ต “สำราญแลนด์แดนไอที” การแข่งขันเกมส์ต่างๆ อาทิ กิจกรรมแข่งขันเกมส์ “Angry Birds @ Face Book Thailand Challenge at Commart” ในงานสร้างความคึกคักฮาเฮ และสีสันให้กับงานเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับยอดขายสินค้าต่างๆ ภายในงาน โน้ตบุ๊ก 4 วันขายได้ 53,966 เครื่อง ครองแชมป์สินค้าขายดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Core i5 ที่มีการทำโปรโมชั่นมากที่สุด โดยเฉพาะเวนเดอร์ 6 รายที่ยอดขายใกล้เคียงกันกัน คือ Dell , Samsung , Lenovo , Asus , Acer , Toshiba ส่วนแท็บเล็ต สามารถทำยอดขายปรับเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 5 เท่าจากปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากนโยบายการใช้แท็บเล็ตของรัฐบาล ประเมินยอดขายรวมกว่า 14,000 เครื่อง นำโดย Samsung , Apple , Toshiba ส่วนยอดขาย Harddisk เริ่มคลี่คลาย ยอดจำหน่ายในงานกลับมาติดอันดับสินค้าขายดีเช่นกัน

สำหรับทิศทางการจัดงานคอมมาร์ตครั้งต่อไป เออาร์ไอพี ยังคงเน้นความคุ้มค่าการซื้อสินค้า และราคาที่เหมาะสมกับผู้บริโภค โดยจะเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรจัดงานคอมมาร์ตต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้แก่ งานคอมมาร์ต เอ็ก-เจน 2012 โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 10 มิถุนายน 2555 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, คอมมาร์ต คอมเทค 2012 และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.commartthailand.com

View :1239

RIZZ ประกาศขึ้นแท่นแบรนด์อันดับ 1 คว้ามาร์เก็ตแชร์ตลาด IT Accessory 20% ในปีนี้

March 23rd, 2012 No comments

RIZZ เดินเครื่องบุกตลาดเต็มตัว เล็งขึ้นแท่นแบรนด์ อันดับ1 เปิดตัว เป็น Brand Ambassador สร้างภาพลักษณ์เป็นผลิตภัณฑ์ของคนรุ่นใหม่ สดใส ใช้งานง่าย ตั้งเป้าคว้ามาร์เก็ตแชร์ 20% และมียอดขายรวม 400 ล้านบาทในปีนี้

นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ IT Accessory ภายใต้แบรนด์ RIZZ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์ RIZZ ให้เป็นที่แพร่หลายในกลุ่มผู้ใช้ ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ใช้งานง่าย คุณภาพที่น่าเชื่อถือ ตลอดจนการบริการหลังการขาย

โดยบริษัทจะเน้นสื่อสารการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นผ่านทางสื่อประเภทต่างๆ และได้มีการแต่งตั้ง “หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ” ให้เป็น Brand Ambassador เพื่อการสื่อสารภาพลักษณ์ให้เป็นผลิตภัณฑ์คนรุ่นใหม่ ทันสมัย ใช้งานง่าย ซึ่งบริษัทตั้งงบการตลาดสำหรับปีนี้ไว้จำนวน 30 ล้านบาท เพื่อการทำกิจกรรมกับกลุ่มเป้าหมาย จัดโปรโมชั่น และโฆษณา

“ที่ผ่านมา RIZZ มีการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ใช้ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ดีไซน์สวยงาม หาซื้อง่ายใน 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ และยังเป็น IT Accessory ประเภท Electronic เพียงรายเดียวที่มีการรับประกันสินค้านานถึง 12 เดือน ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการใช้งาน IT Accessory รูปแบบต่างๆมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทเห็นโอกาส และจังหวะที่เหมาะสมในการทำตลาดและสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่เชื่อมั่นในกลุ่มผู้ใช้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น”นายอมรศักดิ์ กล่าว

ส่วนภาพรวมตลาด IT Accessory ในปีนี้ ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์ไอที ที่มีเพิ่มมากขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ทั้งในส่วนของสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็ปเลท ฯลฯ ส่งผลให้อุปกรณ์เสริมต่างๆมีความต้องการสูงขึ้นตาม โดยคาดว่าตลาดรวมเฉพาะในส่วนของ IT Accessory ประเภท Electronic ในปีนี้จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากกว่า 50%

ทั้งนี้ RIZZ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ที่ประมาณ 15% – 20% ของตลาดรวม จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 10% ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท เติบโต 100% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายรวมอยู่ที่ 200 ล้านบาท

View :1080

รมว.ไอซีที นำทีมสื่อมวลชนดูงานศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน บ้านรางไม้แดง จังหวัดราชบุรี

March 23rd, 2012 No comments

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ลงพื้นที่เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ชุมชนต่อยอดการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร จากเครื่องมือของศูนย์การเรียนรู้ฯ พร้อมชมกระบวนการผลิตน้ำข้าวกล้องงอก ที่ช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับชาวชุมชนบ้านรางไม้แดง โดยมี นายสุรพล แสวงศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ให้การต้อนรับ

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนส่งเสริมให้ชุมชนมีความแข็งแกร่งและสามารถยืนด้วยลำแข้งของชุมชนเองได้ โดยชุมชนบ้านรางไม้แดงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของชุมชนที่ประสบความสำเร็จจากการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ในด้านการฝึกอบรมและสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนของหมู่บ้าน จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอก น้ำข้าวกล้องงอก ไอศครีมข้าวกล้องงอก ผลิตผลทางการเกษตรผลผลิตจากหมู่บ้านรางไม้แดงที่โดดเด่น

ชาวชุมชนบ้านรางไม้แดง ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในการเตรียมการเพาะปลูก ค้นคว้าเรื่องดิน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐ ราคาสินค้าเกษตร ตรวจสอบสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ เพื่อวางแผนการผลิตสินค้าได้เท่าทันความต้องการของตลาด และใช้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนในการหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเกษตรกร เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนด้านการเกษตร ทำให้สามารถลดต้นทุนและความเสี่ยง อีกทั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนยังเป็นแหล่งข้อมูลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น เมื่อมีศัตรูพืชระบาด เป็นต้น

นอกจากนี้ยังใช้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเป็นช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผลผลิต และขายสินค้าของชุมชน รวมทั้งเป็นแหล่งรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือก การแปรรูป และต่อยอดการผลิต ตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่ายเปิดร้านอาหารปลอดภัย และล่าสุดอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของชุมชนและเครือข่าย สำหรับเผยแพร่บนเว็บไซต์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

กระทรวงไอซีที ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันมีศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนกระจายครอบคลุมทั่วประเทศแล้วมากกว่า 1,800 แห่ง เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนในชุมชน ให้สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

“ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน มีเป้าหมายหลักเพื่อลดช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างคนเมืองและคนชนบท ให้สามารถใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตอย่างเท่าเทียม โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมาของการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน พบว่า ประชาชนทั่วประเทศได้ใช้งานศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์หลากหลายด้าน ซึ่งนอกจากประชาชนจะได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีแล้วยังสามารถเป็นแหล่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนอีกด้วย” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ฯ กล่าว

ปัจจุบันกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ กระทรวงไอซีที ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนขึ้น ทั่วประเทศแล้วมากกว่า ๑,๘๐๐ แห่ง ซึ่งมีที่ตั้งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เป็นแหล่งการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนในชุมชน ให้สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเป็นการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มรายได้ ส่งเสริมการประกอบอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้รับการยอมรับจากชุมชน ภาคีเครือข่ายและหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างดี

ดังนั้น เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนในชุมชน และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้รับทราบข้อมูล และสามารถใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน กระทรวงไอซีที จึงได้จัดทำ “กิจกรรมประกวดแผนการประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน” ภายใต้โครงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ขึ้น เพื่อส่งเสริมพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ให้คนไทยทั่วประเทศได้รู้จัก และเข้าถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างแพร่หลาย รวมทั้งเป็นแผนต้นแบบเพื่อให้ชุมชนสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับชุมชนของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อไป โดยการเชิญชวนนิสิตนักศึกษาที่สนใจด้านไอที ร่วมสร้างสรรค์และส่งผลงานของตนเองเข้าประกวดกับโครงการประกวดแผนประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ซึ่งได้รับความสนใจจากนิสิตนักศึกษาเป็นจำนวนมาก สมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมฯ กว่า ๑๐๐ ทีม และเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ นี้ ได้ประกาศผลทีมที่เข้ารอบ ๒๐ ทีมสุดท้ายไปแล้ว โดยผู้สนใจสามารถชมผลงานของทั้ง ๒๐ ทีมได้ที่ www.ictcontest.com หรือ www.facebook.com/ictcontest

ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน บ้านรางไม้แดง ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนตัวอย่างที่ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในการสืบค้นข้อมูลด้านการเกษตร และต่อยอดสร้างอาชีพจากผลผลิตทางการเกษตร ใช้ ICT เป็นเครื่องมือในการจัดการความรู้เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ด้านการเกษตรระหว่างชุมชนเกษตรกรทั่วไป รวมทั้งได้จัดทำเว็บไซต์สำหรับขายสินค้าของชุมชนอีกด้วย

ประกอบกับในขณะนี้กระทรวงไอซีที ได้จัดทำโครงการร้านค้าชุมชนออนไลน์ที่ www.ThaiTelecentreMall.com หรือ e-Shop ขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายแกนนำผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนภาคกลางเป็นแกนหลักในการรวบรวมข้อมูลสินค้า/บริการจากชุมชนเพื่อสร้างช่องทางและโอกาสทางการตลาดให้แก่กลุ่มอาชีพและสินค้าชุมชนโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อของการซื้อขายที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลก ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถสร้าง e-Women ระดับเอเชียและแปซิฟิคมาแล้ว จำนวน ๓ คน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของจุดเปลี่ยนในการประยุกต์ใช้ ICT กับกลุ่มอาชีพในชุมชนอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ICT เป็นเครื่องมือที่สำคัญของการพัฒนาอาชีพ การเพิ่มพูนรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างแท้จริง

นายสุรพล แสวงศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ชุมชนบ้านรางไม้แดง ได้รับการดูแลการสนับสนุนด้านวิชาการและเงินทุนจากภาครัฐหลายหน่วยงาน รวมทั้งสมาชิกในชุมชนเองก็พยายามสร้างชุมชนให้แข็งแกร่งยืนด้วยลำแข้งของตนเอง โดยการสร้างชุมชนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านการเกษตร ทั้งนี้ องค์ความรู้ที่ได้เกิดจากการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งหน่วยงานต่างๆ เข้ามาอบรมให้ความรู้ในหลายด้าน รวมถึงการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนบ้านรางไม้แดงด้วย

สำหรับแผนงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า ชุมชนบ้านรางไม้แดง ได้วางแผนที่จะรวบรวมองค์ความรู้ขึ้นเว็บไซต์ของชุมชน เพื่อเผยแพร่แก่คนในชุมชนและแลกเปลี่ยนความรู้กับชุมชนอื่นๆ โดยมุ่งให้บริการเป็นศูนย์เรียนรู้แก่ผู้สนใจทั้งภายในจังหวัด ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลมาศึกษาโดยตรงที่จังหวัดราชบุรีอีกต่อไป

ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน “บ้านรางไม้แดง”

ข้อมูลจำเพาะของชุมชน
บ้านรางไม้แดงไม่ปรากฏหลักฐานการก่อตั้งหมู่บ้าน พื้นที่เป็นชายเขามีป่าเบญจพรรณขึ้นปกคลุมพื้นที่โดยเฉพาะต้นไม้แดงและมีลำรางน้ำในหมู่บ้านจึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน ประชากรอพยพมาจากบ้านโรงช้าง บ้านบางป่า และคนจีนอพยพเข้ามาถากทางทำมาหากินในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทางด้านการเกษตร มีผู้นำชุมชนเป็นผู้ใหญ่บ้านเท่าที่สามารถค้นหาประวัติได้ 5 ท่าน บ้านรางไม้แดงตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรี 6 กม. มีประชากรทั้งสิ้น 1,329 คน แยกเป็นชาย 656 คน เป็นหญิง 673 คน ประกอบอาชีพทางการเกษตร 54 ครัวเรือน 104 ราย ในอดีตมีการทำนาแบบดั้งเดิมไม่ประสบปัญหา ต่อมาเมื่อสังคมเจริญขึ้นมีการจัดรูปที่ดินและทำนาสองครั้งในหนึ่งปีเพื่อเพิ่มผลผลิตรวมถึงมีการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ในปี 2528 ชุมชนบ้านรางไม้แดงประสบปัญหาดินเสื่อมสภาพและการใช้สารเคมีส่งผลกระทบกับตัวเกษตรกร จากการสำรวจโดยการตรวจเลือดพบสารปนเปื้อนในกระแสเลือดของเกษตรกร นอกจากนั้นปัญหาการเพาะปลูกทวีความรุนแรงขึ้นเกิดการ ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งส่งผลให้เกิดการลงทุนที่สูงแต่ได้ผลิตผลที่ต่ำ ผลพวงในครั้งนั้นชุมชนได้ร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหา จึงเกิดการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มศูนย์ข้าวชุมชนขึ้นเมื่อปี 2544 วัตถุประสงค์หลักเมื่อเริ่มต้นนั้นเพื่อให้ชุมชนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวกระจายครอบคลุมพื้นที่ทั้งตำบลประมาณ 4,500 ไร่ และเกิดกลุ่มผลิตปุ๋ยและสารกำจัดแมลงชีวภาพ เพื่อรณรงค์ให้ลดการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ปัจจุบันสามารถลดการใช้สารเคมีได้ประมาณ 50% และลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้กับชุมชนเกษตรกร และกลุ่มยังหวังที่จะแปรรูปผลผลิตออกจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีกต่อไป

การสนับสนุนจากภาครัฐด้านอาชีพ
หมู่บ้านรางไม้แดงมีหน่วยงานจากภาครัฐหลายหน่วยงานเข้ามาสนับสนุนทางด้านการเกษตร สำหรับการก่อตั้งชุมชนเพื่อด้านอาชีพได้มีการจัดตั้งเป็น ศูนย์ข้าวชุมชน ด้านการทำนาและเพาะเห็ด โดยได้รับการอบรมความรู้จากสถาบัน/องค์กรหลายแห่ง อาทิเช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และการประสานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงานร่วมประชุมแก้ไขปัญหา

ด้านอาชีพเสริมของชุมชนหลังการปลูกข้าว ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้า OTOP โดยใช้ผลผลิตที่ได้ในชุมชนจากการปลูกข้าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น การผลิตข้าวกล้องงอก น้ำข้าวกล้องงอก เป็นต้น

จุดเด่นของชุมชนบ้านรางไม้แดง
ชุมชนบ้านรางไม้แดง ได้รับการดูแล การสนับสนุนด้านวิชาการและเงินทุนจากภาครัฐ สมาชิกในชุมชนเองก็พยายามสร้างชุมชนให้แข็งแกร่งยืนด้วยลำแข้งของตนเอง โดยสร้างชุมชนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านการเกษตร ทั้งนี้ องค์ความรู้ที่ได้เกิดจากการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งหน่วยงานต่างๆ เข้ามาอบรมให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการสืบค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน บ้านรางไม้แดง โดยในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า ชุมชนวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากระบบสารสนเทศและเครื่องมือในศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เพื่อรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้ด้านการเกษตรและอาชีพเสริมที่มีอยู่ทั้งหมด มาบรรจุใส่ในระบบสารสนเทศและจัดทำเป็นเว็บไซต์เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้ให้เพื่อน ๆ เกษตรกรในหมู่บ้านสามารถเข้ามาค้นคว้าได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งเผยแพร่ไปยังพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่สนใจ ให้เข้ามาศึกษาข้อมูลด้านการเกษตรได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ชุมชนดังเช่นปัจจุบัน

การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ประโยชน์ในชุมชน
เมื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ให้เครื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนให้กับหมู่บ้านรางไม้แดงแล้ว หลังจากนั้นก็มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาอบรมให้ความรู้วิธีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ วิธีการสืบค้นข้อมูล ตลอดจนอบรมให้ความรู้แก่ผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ซึ่งเป็นตัวแทนของหมู่บ้าน เพื่อให้บริการและถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนในหมู่บ้าน ทำให้ชาวชุมชนบ้านรางไม้แดงสามารถประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศ ดังนี้

• การเตรียมการเพาะปลูก สมาชิกของชุมชนบ้านรางไม้แดงเข้ามาที่ศูนย์การเรียนรู้ฯ ค้นคว้าเรื่องดินโดยค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของชุมชนและที่ดินโดยใช้ GPS ช่วยค้นหาระบุตำแหน่ง เมื่อได้ตำแหน่งแล้วก็ไปค้นหาข้อมูลดินว่าดินที่ตำแหน่งนี้เป็นดินชุดไหน ประเภทอะไร เหมาะสมในการเพาะปลูกอะไร คุณสมบัติของดินเป็นอย่างไร ต้องปรับปรุงดินอย่างไรเพื่อเพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ เราจะสามารถรู้และแก้ปัญหาสภาพดินได้ ซึ่งดินเป็นหัวใจหลักของการเพาะปลูก และคนในชุมชนจะช่วยกันดูแลรักษา สภาพดิน เช่น การลดปริมาณสารเคมีเพื่อไม่ให้ดินนั้นมีสารเคมีตกค้าง ปัจจุบันคนในชุมชนเปลี่ยนวิธีการเกษตรจากการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกเป็นทำปุ๋ยใช้เองลดสารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกได้ถึงร้อยละ 50
• การเพาะปลูก ชาวชุมชนบ้านรางไม้แดงใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนหลายอย่างสรุปโดยสังเขปดังนี้
1) ก่อนการเพาะปลูกพืชชนิดใด คนในชุมชนจะเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ตที่ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เพื่อตรวจสอบเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลราคาพืชผลการเกษตร แล้วนำไปคิดเรื่องต้นทุนว่าเมื่อปลูกพืชผลนั้นๆ แล้วจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่ ทำให้ลดความเสี่ยงและปัญหาการเพาะปลูกที่อาจขาดทุนได้
2) ในฤดูการเพาะปลูกเกษตรสามารถเข้ามาตรวจสอบสภาพอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝน ปริมาณน้ำฝนในแต่ละช่วง เพื่อลดปัญหาพืชผลการเกษตรเสียหาย การเตรียมการสำหรับการเพาะปลูกในฤดูกาลนั้นๆ ความเสี่ยงในการเพาะปลูก
3) เมื่อเพาะปลูกแล้ว หากพบปัญหาในการเพาะปลูกเราก็เข้ามาที่ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน สืบค้นข้อมูลที่เราอยากทราบ เช่น เมื่อมีศัตรูพืชระบาด ปัญหาศัตรูพืชเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกร ซึ่งเป็นปัญหาที่เกษตรกรทุกที่ต้องเจอ ชุมชนศึกษาข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรที่ได้เผยแพร่ข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ ทำให้แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว ลดการสูญเสียของผลผลิต ไม่ต้องลองถูกลองผิดเอง และในอนาคตกำลังจะร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อจัดตั้งหมู่บ้านรางไม้แดงเป็นศูนย์พยากรณ์ศัตรูพืชและเชื่อมโยงกับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน
• ด้านผลผลิต การจัดการผลผลิตในชุมชน พยายามแปรรูปผลิตผลของชุมชนเอง เพื่อสร้างมูลค่าให้สูงขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในขณะนี้คือ ข้าวกล้องงอก (Gaba Rice) น้ำข้าวกล้องงอก และไอศกรีมข้าวกล้องงอก พยายามประยุกต์แปรรูปผลผลิตที่มีในชุมชน นอกจากนี้ยังใช้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เป็นช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผลผลิต โดยได้เริ่มจัดทำเว็บไซต์ของชุมชนและร้านค้าชุมชน ผ่าน www.thaitelecentre.org และ www.thaitelecentremall.com ตามลำดับ เพื่อขายสินค้า รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือก การแปรรูป และต่อยอดการผลิต พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายเปิดร้านอาหารปลอดภัย และกำลังรวบรวมข้อมูลของชุมชนและเครือข่าย สำหรับนำขึ้นเว็บไซต์ เพื่อเผยแพร่สินค้าของชุมชนและเครือข่ายให้ให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
• การให้บริการอื่น ๆ ชุมชนบ้านรางไม้แดง มีแผนงานที่จะรวบรวมองค์ความรู้ขึ้นเว็บไซต์ของชุมชน เพื่อเผยแพร่แก่คนในชุมชนและแลกเปลี่ยนความรู้กับชุมชนอื่นๆ โดยมุ่งให้บริการเป็นศูนย์เรียนรู้แก่ผู้สนใจทั้งภายในจังหวัด ต่างจังหวัดและต่างประเทศ เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง โดยไม่ต้องเดินทางไกลมาศึกษาโดยตรงที่ตำบลเจดีย์หัก รวมทั้งจะเปิดให้บริการถาม-ตอบในเว็บไซต์ เพื่อแลกเปลี่ยนและจัดการความรู้ด้านเกษตรกรรมอย่างเป็นรูปธรรมด้วย

View :1981

ทรูมูฟ เอช จัดเต็มแพ็กเกจต้อนรับลูกค้าฮัทช์ แบบเติมเงิน รับฟรี! โทรศัพท์มือถือ SAMSUNG Caspi มูลค่า 1,990 บาท

March 23rd, 2012 No comments

ต้อนรับลูกค้าฮัทช์ แบบเติมเงิน มอบแพ็กเกจพิเศษสุดคุ้ม โทรจุใจ ได้เครื่องใหม่เบอร์เดิม รับทันที SAMSUNG Capsi มูลค่า 1,990 บาท* หรือเลือกรับส่วนลด 1,500 บาท แลกซื้อ SAMSUNG Galaxi Mini ราคาปกติ 4,990 บาท เพียงสมัครแพ็กเกจเสริมเหมาจ่าย 1,500 บาท โทรได้ 1,200 นาที และ SMS 120 ครั้ง และยังสามารถโอนยอดเงินคงเหลือจากฮัทช์มาใช้ได้เต็มจำนวน สมัครได้แล้ววันนี้ – 30 เมษายน 2555

ทรูมูฟ เอช 3G+ มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อไร้สายที่เร็วและแรงกว่าด้วยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps** ที่ใช้ได้จริงวันนี้ ครอบคลุมครบ 77 จังหวัด 843 อำเภอ 5,158 ตำบล และจะครบทุกอำเภอ (928 อำเภอ) 7,235 ตำบล ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงบริการ WiFi ความเร็วสูงสุด 8 Mbps** ครอบคลุม 100,000 จุด ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมมอบอิสระอย่างแท้จริงให้กับลูกค้าแบบเติมเงิน ภายใต้แนวคิดสุดล้ำ อิสระแบบไม่มีวันหมด ได้วันเพิ่มเป็น 60 วันทุกครั้งที่มีการใช้งาน ทั้งโทรออก เล่นเน็ต เติมเงิน หรือส่งข้อความ ไม่ว่าจะใช้มาก ใช้น้อย ก็มีวันใช้งานต่อเนื่องเหมือนไม่มีวันหมด

ลูกค้าฮัทช์แบบเติมเงินสามารถเปลี่ยนมาใช้ทรูมูฟ เอช ได้ที่ร้านทรูช็อป ที่ร่วมรายการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1331 หรือ www.hutch.co.th

View :2317

ทรูมูฟ เอช จับมือ โรวิโอ เปิดตัว Angry Birds Space ในไทย ดาวน์โหลด และ พา “ฝูงนกยั๊วะ” ตะลุยอวกาศ ได้แล้ววันนี้

March 22nd, 2012 No comments


โดย นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ (ที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ โดย นายบิเจย์ กุรัง (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจลูกค้า (Key Account Director) บริษัท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ผู้ให้บริการด้านสื่อบันเทิงที่อยู่เบื้องหลังเกม Angry Birds สุดยอดเกมฮิตอันดับ 1 ทั่วโลก ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในไทย เปิดตัว โดยมีศิลปิน AF7 น้ำแข็ง และนัตตี้ ร่วมเปิดตัวเกมใหม่ล่าสุด ชวนลูกค้าทรูมูฟ เอช โหลดเกมเร็วกว่าบนเครือข่าย 3G+ ด้วยความเร็วสูงสุด 42 Mbps* ใช้ได้จริงวันนี้ ครอบคลุมครบ 77 จังหวัด 843 อำเภอ 5,158 ตำบล ลูกค้าทรูมูฟ เอช ดาวน์โหลด ได้แล้ววันนี้ ผ่าน App Store สำหรับ iOS, Google Play สำหรับระบบปฏิบัติการ Android เพียงค้นหาคำว่า “” หรือดาวน์โหลดที่ space.angrybirds.com

พิเศษ! เตรียมพบกับกิจกรรมสนุกๆ ต้อนรับการเปิดตัว Angry Birds Space ให้สัมผัสเกมใหม่และเรียนรู้เทคนิคการเล่น พร้อมสิทธิ์รับเสื้อยืด Angry Birds Space ซึ่งจัดทำขึ้นพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอชเท่านั้น ที่ร้านทรูช็อป สาขาดิจิตอล เกตเวย์ เร็วๆ นี้

* ความเร็วในการใช้บริการ 3G+ และ WiFi ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้งาน ณ จุดที่ใช้งานและอุปกรณ์ที่รองรับ

View :1755

LG เปิดตัว แอลจี PM4700 3D Plasma TV

March 22nd, 2012 No comments

ภาพสวยคมชัดระดับ HD พร้อมฟีเจอร์สมาร์ททีวีตอบรับชีวิตออนไลน์ได้อย่างลงตัว

แอลจี PM4700 3D Plasma TV


บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว แอลจี PM4700 3D Plasma TV มอบภาพสามมิติสวยคมชัดระดับ HD พร้อมระบบการแปลงภาพสองมิติเป็นสามมิติ โดยสามารถปรับระดับความลึกของภาพสามมิติได้ถึง 20 ระดับ รองรับการเชื่อมต่อโลกออนไลน์ด้วยฟีเจอร์สมาร์ททีวี มอบอิสระในการควบคุมให้กับผู้ชมด้วย Magic Remote ที่ใช้งานได้เสมือนเม้าส์ไร้สาย ดีไซน์สวยบางเฉียบแบบ TruSlim Frame เพิ่มอรรถรสในการรับชมอย่างสมบูรณ์แบบ

แอลจี PM4700 3D Plasma TV มาพร้อมระบบแสดงภาพ สามมิติคุณภาพสูงระดับ HD Ready ความละเอียดหน้าจอ 1,365 x 768p อัตราคอนทราสต์ 3,000,000 : 1 Response Time 0.001 ms. ภาพเคลื่อนไหวลื่นไหล คมชัด ไม่เบลอด้วย 600Hz Sub Field Drive พร้อมระบบการแปลงภาพสองมิติให้เป็นสามมิติ และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับความลึกของภาพสามมิติได้อย่างอิสระถึง 20 ระดับ

แอลจี PM4700 3D Plasma TV โดดเด่นด้วยฟีเจอร์สมาร์ททีวีที่รองรับการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ทั้งทาง LAN และ Wi-Fi จึงเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย และยังสามารถแชร์คอนเทนต์บนอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ อาทิ คอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเลต หรือกล้อง กับทีวีผ่านฟังก์ชั่น Smart Share ได้อย่างสะดวกสบายแบบไร้สาย อีกทั้งยูสเซอร์อินเทอร์เฟซของ Home Dashboard ได้ถูกออกแบบมาให้มีรูปแบบการใช้งานที่เข้าใจง่าย โดยผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าเมนูหลักได้ด้วยตัวเอง และควบคุมทุกความเคลื่อนไหวบนหน้าจอด้วย Magic Remote

เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน แอลจี PM4700 3D Plasma TV ยังเพิ่มลูกเล่นด้วย Photo mode ซึ่งผู้ใช้สามารถรับชมและปรับแต่งโทนสีรูปภาพจาก USB ที่เชื่อมต่อกับทีวี พร้อม Memo Cast บริการเตือนบนหน้าจอที่ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อความหรือใส่รูปภาพโดยสามารถเลือกตั้งเตือนเวลาได้

แอลจี PM4700 3D Plasma TV ขนาด 50 นิ้ว ราคา 27,990 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757 หรือ www.lg.com/th

คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์:
ระบบแสดงภาพสามมิติ
3D Depth Control ปรับระดับความลึกของภาพสามมิติได้ 20 ระดับ
HD Ready 1,365 x 768p ความละเอียดหน้าจอระดับ HD ให้ภาพคมชัด
600 Hz Sub Field Drive ชมภาพเคลื่อนไหวเหมือนจริงด้วยภาพ 600 ภาพต่อวินาที
Smart TV เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ทได้ผ่าน LAN หรือ Wi-Fi
เชื่อมต่อกับสัญญาณ WiFi ด้วย WiFi Dongle
Magic Remote ควบคุมสมาร์ททีวีได้สะดวกสบายด้วยรีโมทเสมือนเมาส์ไร้สาย ด้วยฟังก์ชั่น Point, Gesture, Wheel
Home Dashboard หน้าจอเมนูหลักใช้งานง่ายและปรับแต่งได้ตามใจชอบ
แชร์คอนเทนต์บนอุปกรณ์ไฮเทคกับทีวีผ่านฟังค์ชั่น Smart Share
Photo Mode โหมดสำหรับการรับชมและปรับแต่งรูปภาพอย่างมืออาชีพ
Memo Cast ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อความหรือใส่รูปภาพเพื่อให้แสดงเตือนบนหน้าจอทีวีได้
TruSlim ดีไซน์ High Glossy พร้อมกรอบทีวีสุดบาง
ช่องต่อ HDMI และ USB 2.0

View :2440

ดีแทค ขยายเครือข่ายให้บริการ 3จี ครอบคลุมสถานีฐานเพิ่มขึ้น 3,000 สถานี ภายในปี 2555

March 22nd, 2012 No comments

ตอกย้ำคำมั่นสัญญาที่จะให้บริการ 3จี ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศไทยได้เร็วยิ่งขึ้น

ตอกย้ำคำมั่นสัญญา และความมุ่งมั่นสู่การเป็นเครือข่ายดาต้าที่ดีที่สุด โดยขยายสถานีฐานเพื่อให้บริการ 3จี เพิ่มอีกจำนวน 3,000 สถานีทั่วประเทศ ภายในปี 2555 ทั้งนี้ มุ่งที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และสัมผัสได้ถึงคุณภาพของบริการสื่อสารที่ดีขึ้น และเร็วขึ้นด้วยเครือข่าย 3จี ที่ครอบคลุมสถานีฐานทั้งหมด 5,000 แห่งทั่วประเทศ สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของบริษัทฯ ที่จะให้บริการ 3จี ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอทั่วประเทศไทย รวมทั้ง ความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาสู่ผู้บริโภคในวันนี้

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ดีแทค มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดด้านการสื่อสารให้แก่ลูกค้า โดยการลงทุนอย่างต่อเนื่องด้านเทคโนโลยีเพื่อการขยายเครือข่ายให้บริการ 3จี บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ โดยในเดือนมีนาคมนี้ เราจะขยายการให้บริการ 3จี ครอบคลุม 2,000 สถานีฐานในพื้นที่บริการ 45 จังหวัด และด้วยความต้องการด้านการใช้บริการดาต้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เราจึงตั้งเป้าที่จะขยายการให้บริการ 3จี ครอบคลุมเพิ่มขึ้นอีก 3,000 สถานีฐาน ภายในปี 2555 ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าของเราได้รับบริการด้านเสียง และบริการดาต้าที่มีคุณภาพ ด้วยเครือข่ายให้บริการที่ดียิ่งขึ้น การขยายการให้บริการ 3จี สู่สถานีฐานทั้งหมด 5,000 แห่ง ทั่วประเทศ ทำให้ดีแทคมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถให้บริการ 3จี ได้ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศไทย ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ทั้งนี้ งบลงทุนครั้งนี้ได้รวมอยู่ในแผนรายจ่ายเพื่อการลงทุน หรือ CAPEX ในปี 2555 ที่ได้ประมาณการไว้เป็นจำนวน 8-9 พันล้านบาท”

ขณะเดียวกัน แผนการปรับปรุงยกระดับเครือข่าย 2จี มากกว่า 10,000 สถานีฐานทั่วประเทศ ก็มีความคืบหน้าตามแผน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2555 นี้ โดยผู้ใช้บริการจะสัมผัสได้ถึงคุณภาพของบริการด้านเสียงที่ดีขึ้น และบริการดาต้าที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรับปรุงยกระดับเครือข่ายครั้งนี้ ยังเป็นการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุดในโลกมาสู่ประเทศไทย ซึ่งจะส่งให้ดีแทคก้าวสู่ระดับแนวหน้าด้านความพร้อมทางเทคโนโลยีสำหรับบริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ และเทคโนโลยี LTE (4จี) ในอนาคตอีกด้วย

“ดีแทค มีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการประมูล 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในปีนี้ ในระหว่างนี้ เราได้รับการอนุญาตจาก บมจ. กสท. โทรคมนาคม สำหรับการทดสอบให้บริการเทคโนโลยี LTE โดยรอการพิจารณาอนุญาตจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อเริ่มทดสอบการให้บริการ LTE ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 นี้ เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้กำกับดูแลในเรื่องของการนำคลื่นความถี่มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น เราจึงสนับสนุน กสทช. อย่างยิ่งที่จะจัดการประมูลสำหรับบริการ 4จี ไปพร้อมๆ กับ การประมูลบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ การเปิดให้บริการ 3จี และ 4จี จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุด ทั้งสู่ผู้บริโภค หน่วยงานผู้กำกับดูแล รัฐบาล และประเทศโดยรวม” นายอับดุลลาห์ กล่าว

View :1371

เปิดฉาก! คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012

March 22nd, 2012 No comments

กระหึ่ม!! ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กับมหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทียิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ “″ ละลานตากับแท็บเล็ตที่ขนมาประชันราคารับซัมเมอร์ จับตาอัลตร้าบุ๊กเทคโนโลยียุคผลัดใบเปิดตัวในงานหลายยี่ห้อ พิเศษสุด New iPad โชว์และประมูลเครื่องแรกในเมืองไทย พร้อมโปรโมชันสุดคุ้มทั้งงานคาดกระตุ้นตลาดไอทีคึกต้นปี เพลินไปกับกิจกรรมเฮฮาตลอดงานรับคอนเซ็ปท์ “ชอปสำราญแลนด์แดนไอที” ห้ามพลาด !! วันที่ 22 – 25 มีนาคม 2555 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน)


นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที “คอมมาร์ต” กล่าวว่า เออาร์ไอพีร่วมกับบริษัทคู่ค้าไอทีชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอที “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012″ ภายใต้แนวคิด “ชอปสำราญแลนด์แดนไอที” งานครั้งนี้ฉีกรูปแบบแปลกออกไปจากเดิม ซึ่งนอกจากการจำหน่ายสินค้าไอทีคุณภาพเยี่ยมและราคาถูกแล้ว ยังมีกิจกรรมแข่งขันเกมส์ “Angry Birds @ Face Book Thailand Challenge at Commart” ชิงรางวัลบินลัดฟ้าไปบาหลีกับแอร์เอเชีย และกิจกรรมคอมมาร์ตเฟ้นหา “TJ Search” รวมทั้งมีเกมส์อื่นๆ ภายใต้ชื่อ “คอมมาร์ต สำราญโชว์” ชิงรางวัลต่างๆ อีกมากมาย

“การจัดงานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012 ครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาเหมาะสมและพร้อมที่สุด เพราะตรงกับช่วงที่มีการปิดภาคเรียนของนักเรียน นักศึกษาพอดี ประกอบกับสินค้าไอทีมีการปรับราคาลดลง และเวนเดอร์เองก็มีความพร้อมอย่างเต็มทีที่จะนำสินค้าหลากหลายรุ่นมาทำตลาด หลังจากที่เกิดการชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา งานครั้งนี้จึงจะได้เห็นการทำโปรโมชันประชันกันอย่างหนัก ลด แลก แจก แถม ตลอดทั้งงาน 4 วันเต็ม โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3 พันล้านบาท ผู้เข้าชมงานประมาณ 8 แสนคน และสร้างมูลค่าให้ตลาดรวมไอทีของประเทศเติบโตตามเป้าหมายได้ 12 % ได้อย่างแน่นอน” นายปฐม กล่าว

เดลล์ เปิดตัวอัลตร้าบุ๊กรุ่น Dell Ultrabook XPS 13 ในงาน


นายปฐม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานคอมมาร์ตในครั้งนี้ จะเป็นการนำเทคโนโลยีของยุคไอทีที่กำลังผลัดใบทางเทคโนโลยีในหลายๆ โปรดักส์ ซึ่งจะเปลี่ยนไปทั้งรูปแบบ รูปทรงที่เบา และบางมากขึ้น มาอวดโฉมกันอย่างคับคั่ง นั่นคือ อัลตร้าบุ๊ก ที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย อาทิ โตชิบาเปิดตัวอัลตร้าบุ๊กขนาด14 นิ้ว รุ่น Toshiba Satellite U840 เป็นครั้งแรก, นอกจากนี้ ยังมีอัลตร้าบุ๊กอีกหลายแบรนด์ดังมาเปิดตัวในราคาพิเศษอีกกว่า 10 รุ่น
 
ส่วน โน้ตบุ๊ก งานนี้จัดหนัก และราคาโดนใจกว่าทุกครั้ง อาทิ Asus นำ Intel N2600 Duo Core มาลดในราคา 8, 500 บาท , โตชิบา โปรโมชันโน้ตบุ๊ก ราคาพิเศษเฉพาะในงานนี้ เพียง 12,990 บาทเท่านั้น, เดลล์ นำโน้ตบุ๊ก Intel Core i5 ลดเหลือ 16,955 บาท และ Acer นำมินิโน้ตบุ๊กรุ่น Aspire one D270 ลด 50% เหลือเพียง 4,495 บาท เท่านั้น ราคารวม Vat แล้ว (พฤหัสบดี – ศุกร์ วันละ 100 เครื่อง, เสาร์ – อาทิตย์ วันละ50 เครื่อง) สำหรับ แท็บเล็ต กว่า 30 รุ่น ขนขบวนมาลดราคาและเปิดตัว อาทิ แบรนด์โตชิบา รุ่น REGZA Tablet AT 200 ที่บางและเบาที่สุดในโลก, ค่ายซัมซุงขนแท็บเล็ตมาทำโปรโมชันพร้อมของแถมมูลค่ากว่า 5 พันบาท และแท็บเล็ต แบรนด์อื่นๆ ราคาเริ่มต้นที่ 3,999 บาท อีกทั้งงานนี้ยังมี Accessories มาให้เลือกสรรในราคาพิเศษอีกมากมาย

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมอบรมสัมมนา ฟรี Workshop ที่น่าสนใจ อาทิ กลยุทธ์การตลาดด้วย Location Based โดย มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิธีการเลี้ยงลูกด้วย Tablet โดย บรรณาธิการนิตยสาร Commart ฆ่าไวรัส โดยไม่มี AntiVirus ต้องทำอย่างไร Panda Software มีคำตอบให้กับทุกคน รวมทั้งกิจกรรม การประมูลสินค้าไอที เริ่มต้นที่ราคา 1 บาท พิเศษสุด New iPad รุ่นใหม่ล่าสุดมาโชว์พร้อมประมูล และสำหรับผู้ซื้อสินค้าไอทีครบทุก 3,000 บาท รับสิทธิ์คูปองชิงโชคลุ้นรับรถยนต์ นิสสัน มาร์ซ มูลค่ากว่า 4 แสนบาท พิเศษสุดสำหรับผู้ที่มียอดชอปสูงสุดในงานรับตั๋วเครื่องบินแอร์เอเซีย ไป-กลับ กรุงเทพฯ – ฮ่องกง และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่ www.commartthailand.com

สำหรับบริษัทไอทีชั้นนำ และพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนการจัดงาน “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012″ ประกอบด้วย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยศรีปทุม

View :1806

ทรูมิวสิคจับมือ 8 ค่ายเพลงชั้นนำ เปิด “TrueMusic Store –ทรูมิวสิค สโตร์”

March 22nd, 2012 No comments

คลังเพลงดิจิตอลที่ใหญ่สุดในไทย เลือกฟังและโหลดได้ไม่อั้นก่อนใคร ทั้งอินเทรนด์ง่ายๆ ทุกไลฟ์สไตล์ดนตรี ผ่าน แอพ เว็บ หรือวอพ

ผู้นำด้านดิจิตอล มิวสิค ภายใต้บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด จับมือ 8 ค่ายเพลงชั้นนำ เปิดตัว - คลังเพลงดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดในไทย รวมเพลงจากศิลปินจากอาร์เอส มิวสิค, วอร์นเนอร์มิวสิค ไทยแลนด์, โซนี่ มิวสิค เอนเทอร์เทนเมนต์, ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค เอนเทอร์เทนเมนต์,สไปร์ซซี่ ดิสก์ เรคคอร์ด, เคพีเอ็น มิวสิค, ทรู แฟนเทเซีย และเอสเอ็ม ทรู รวมทั้งเปิดโอกาสให้ศิลปินอิสระมีช่องทางนำเสนอเพลงได้ เอาใจทุกไลฟ์สไตล์ดนตรี ให้ฟังและโหลดได้จุใจไม่อั้นก่อนใคร เต็มอิ่มกับคอเพลงคอมมิวนิตี้และศิลปินคนโปรด เลือกสัมผัสประสบการณ์ดนตรีได้ง่ายๆ ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง แอพพลิเคชั่น ทรูมิวสิคสโตร์บนมือถือ, วอพ m.truelife.com หรือเว็บไซต์ www.truemusic.com หวังยอดผู้ใช้จากเดิม 2 ล้านคน เพิ่มอีก 5-10 %

นางสาวกิรณา ชีวชื่น ผู้จัดการทั่วไป สายงานโมบายคอนเทนต์ บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด ภายใต้ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ทรูมิวสิค จับมือ 8 ค่ายเพลงชั้นนำ เปิดตัว TrueMusic Store-ทรูมิวสิค สโตร์ คลังเพลงดิจิตอลที่ใหญ่สุดในไทย โดยรวบรวมเพลงใหม่ล่าสุดให้ฟังก่อนใคร พร้อมโหลดได้มากที่สุด จาก 8 ค่าย ได้แก่ อาร์เอส มิวสิค, วอร์นเนอร์มิวสิค ไทยแลนด์, โซนี่ มิวสิค เอนเทอร์เทนเมนต์, ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค เอนเทอร์เทนเมนต์,สไปร์ซซี่ ดิสก์ เรคคอร์ด, เคพีเอ็น มิวสิค, ทรู แฟนเทเซีย และเอสเอ็ม ทรู ทุกศิลปิน ทุกแนวเพลง นอกจากนี้ ทรูมิวสิค สโตร์ ยังมีความพิเศษที่แตกต่างดังนี

· เป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ศิลปินอิสระมีช่องทางนำเสนอและขายเพลงได้ง่ายผ่าน TrueMusic Store
· พิเศษสุดเอ็กคลูซีฟแห่งแรก ที่ให้โหลดเพลงได้ก่อนใครถึง 7 วัน กับ 4 เพลงใหม่ล่าสุดจาก ศิลปิน Jason Mraz ค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค ไทยแลนด์ และเพลง Sherlock จากศิลปิน Shinee ค่าย เอสเอ็ม ทรู โดยสามารถดาวน์โหลดเพลงผ่านมือถือทุกรุ่นและเว็บไซต์ พร้อมมิวสิควิดีโอคุณภาพ HD ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
· ยิ่งไปกว่านั้น ทรูมิวสิคสโตร์ พร้อมเป็นคอมมิวนิตี้ดนตรีที่ดีที่สุด สามารถพูดคุยกับผู้ที่ชื่นชอบเพลงแนวเดียวกัน ผ่านแอพพลิเคชั่น myLife
· ทั้งยังสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรม Music Icon พื้นที่เล่นซน คนดนตรี ให้ผู้ที่อยากร้องเพลง ส่งคลิปมาร่วมกิจกรรมบนเว็บไซต์ และผู้ที่ได้รับการโหวตสูงสุดประจำเดือน จะได้ขึ้นเวทีแสดงดนตรีร่วมกับศิลปินดังทุกเดือน

“ทรูขอขอบคุณค่ายเพลงต่างๆ ที่สนับสนุนทั้งเพลงใหม่ เพลงฮิตติดชาร์ต เพลงอินดี้นอกกระแส และเพลงอื่นๆ อีกหลากหลายแนว เราเชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ทุกความบันเทิงได้เต็มอิ่ม โดนใจคอดนตรีทุกแนว ด้วยราคาเพียง 15 บาทต่อเพลง หรือสมัครแพคเกจรายเดือนๆ ละ 50 บาท ดาวน์โหลดได้ไม่อั้น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาโหลดเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์อีกด้วย นอกจากนี้ทรูขอขอบคุณลูกค้าที่สมัครหรือดาวน์โหลดวันนี้ มีสิทธ์ลุ้นรับมือถือ Samsung Galaxy Y ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายนนี้”

นางสาวกิรณา กล่าวต่ออีกว่า TrueMusic Store จะเป็นผู้นำทางด้านเพลงดิจิตอลอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์ไสตล์ของคอเพลง โดยนำจุดเด่นของกลุ่มทรู ที่เป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ไลฟ์สไตล์ เปิดให้สัมผัสประสบการณ์ดนตรีหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้งผ่าน TrueMusic Store แอพพลิเคชั่น วอพ m.truelife.com และเว็ปไซต์ www.truemusic.com

“ปัจจุบัน ตลาดฟังเพลงเปลี่ยนไปโดยผู้บริโภคมีการฟังเพลงในระบบโทรศัพท์เพิ่มมากยิ่งขึ้น และระบบโทรศัพท์ได้มีการพัฒนาเน็ตเวิร์คมารองรับ ทั้งทรู H และ 3G ที่ทรูเป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นของทรูแล้วกว่า 2 ล้านคน และมีจำนวนผู้ใช้ประจำ และดาวน์โหลดอย่างต่อเนื่อง 7 หมื่นคน และคาดว่าในการผนึกกำลังของค่ายเพลงในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มยอดจำนวนผู้ดาวน์โหลด และสมาชิกเพิ่มในช่วง 3 เดือนแรกอีกกว่า 5 หมื่นคน” นางสาวกิรณา กล่าวสรุปในตอนท้าย

View :1741