Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

สวทช. กระทรวงวิทย์ฯจัดทัพเทคโนโลยีพร้อมรับมือพิบัติภัยในงาน NAC 2012 “รู้ สู้ พิบัติภัยไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”

March 18th, 2012 No comments


สวทช. โชว์นวัตกรรมและผลงานช่วยรับมือพิบัติภัย ในงานประชุมประจำปี สวทช.หรือ ดร.ปลอดประสพมั่นใจจะเป็นเวทีรวมองค์ความรู้การรับมือพิบัติภัยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดีที่สุด พร้อมย้ำให้ภาคธุรกิจพลิกกลยุทธ์แปลงวิกฤติเป็นโอกาสขยายผลงานวิจัยไปสู่การผลิตอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ในวงกว้าง

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า “สวทช.ได้มีการจัดงานประชุมประจำปีขึ้นทุกปี โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีที่เกิดจากองค์ความรู้และการวิจัยพัฒนาของ สวทช.และเครือข่ายเพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถดำเนินงานได้ดี มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมไปถึงการสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์และความมั่นคงประเทศ ด้วยการเน้นบูรณาการระหว่างกัน ซึ่งหมายถึงการนำเทคโนโลยีจากหลายๆ แห่งมารวมเข้าไว้ด้วยกัน และนำเสนอการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สำหรับหัวข้อการจัดงาน “รู้สู้พิบัติภัย ไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”ในปีนี้ นับว่าเหมาะและเข้ากับสถานการณ์ในการที่จะมาช่วยสนับสนุนการดำเนินการด้านจัดการภัยพิบัติตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ เนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในปีที่ผ่านมาที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากทั้งในแง่เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่และความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน “

“กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เสนอแนะนโยบายระยะยาวเพื่อใช้ในด้านการวางแผนการจัดการภัยพิบัติด้านน้ำในหลายๆด้าน โดยผมได้รับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ( กบอ.) กำหนดวิธีการดำเนินการของหน่วยงานรัฐ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเป็นไปโดยเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ รวมทั้งการดำเนินการอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมการป้องกันและแก้ไข ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายๆ หน่วยงาน ทั้งภายนอกและภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำให้ปัจจุบันเรามีระบบข้อมูลนำเสนอด้านสภาวะน้ำ ข้อมูลพยากรณ์ระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ ปริมาณฝนรายวันสูงสุดในพื้นที่ต่างๆ เส้นทางพายุจากภาพถ่ายดาวเทียม ปริมาณและระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ ทั้งระดับน้ำในเขื่อน ระดับน้ำในลุ่มน้ำ รวมถึงปริมาณฝนและระดับน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ“

“สวทช.เองก็เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงของกระทรวงฯ ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันและการสนับสนุนทำงานอย่างดีจาก ดร.ทวีศักดิ์ ผอ. นอกเหนือจากการวิเคราะห์พยากรณ์เตือนภัยล่วงหน้าต่างๆ ดังที่กล่าวแล้ว คาดว่าในอนาคตจะมีนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดจากภัยพิบัติ เช่น เทคโนโลยีการก่อสร้าง เทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้าง และอื่นๆให้ต้านทานภัยพิบัติได้ดีขึ้น หรือช่วยบรรเทาความสูญเสียให้น้อยลงได้ ดังตัวอย่างของเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่สาธิตให้ชมหรือข้อคิดจากเวทีอภิปรายต่างๆในงานนี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลที่ต้องการแนวทาง ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากหลายๆภาคส่วนเพื่อปรับปรุงแผนงานและบูรณาการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”ดร.ปลอดประสพกล่าว

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การจัดงาน NAC 2012 ภายใต้แนวคิด “รู้ สู้พิบัติภัยไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ในครั้งนี้เพื่อเป็นเวทีให้กับนักวิจัยของ สวทช. จาก ๔ ศูนย์แห่งชาติได้นำเสนอผลงานความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ให้กับประชาชนและสังคมได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับพิบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งก่อนเกิดภัย เมื่อเกิดภัยขึ้นแล้ว และหลังพิบัติภัยผ่านพ้นไป โดยเฉพาะภัยจากน้ำท่วม ตัวอย่างผลงานเด่นที่นำมาจัดแสดงในงานแถลงข่าวครั้งนี้ อาทิ

• ถุงกระสอบ nSack ซึ่งมีขนาดเล็กและเบา สะดวกในการใช้งาน โดยไม่ต้องบรรจุทราย เพียงแช่น้ำไว้ประมาณ ๔๕ นาที ถุงจะดูดซับน้ำได้มากถึง ๑๐๐ เท่า และนำไปใช้งานเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับกระสอบทรายแบบดั้งเดิม
• จ่าเฉยวัดระดับน้ำ หุ่นจำลองตำรวจที่ติดตั้ง sensor เพื่อใช้ในการตรวจจับความเร็วของรถที่วิ่งผ่าน และตรวจการแซงทับเส้นทึบ (จุดห้ามจอด หรือคอสะพาน) นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อการรับมืออุทกภัยที่เกิดขึ้น จึงได้มีแนวคิดในการเพิ่มการตรวจสอบระดับน้ำบนพื้นถนน เพื่อให้สามารถรายงานสถานภาพน้ำท่วมบนพื้นถนนได้ตามความเป็นจริง โดยใช้อุปกรณ์อัลตร้าโซนิคตรวจวัดระดับความสูงของน้ำบนพื้นถนนเทียบกับถนนปกติ ทำให้ผู้ใช้ถนนสามารถตรวจสอบข้อมูลว่าสามารถที่จะวิ่งผ่านถนนดังกล่าวได้หรือไม่
• แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งของอ่าวไทย ซึ่งได้ศึกษาผลกระทบต่อชายฝั่งอันเนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล รวมถึงศึกษาการรุกล้ำของคลื่นทะเลอันเกิดจากพายุที่อาจมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น และอาจส่งผลต่อการเกิดน้ำท่วมได้
• ศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินและผู้บกพร่องทางการพูด ช่วยให้ผู้บกพร่องทางการได้ยินและผู้บกพร่องทางการพูดได้มีโอกาสใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไปในสังคม โดยเฉพาะในขณะที่เกิดพิบัติภัย
• nCA :- “น้ำใส หายเหม็น ออกซิเจนสูง” นวัตกรรมแก้ปัญหาน้ำท่วมขังและเน่าเสียให้กลายเป็นน้ำดี ระบบดังกล่าวประกอบด้วยสารจับตะกอนเพื่อให้น้ำใส และเครื่องเติมอากาศด้วยปั๊มที่ออกแบบการใช้งานที่ง่าย
• Flood Sign Application เครื่องมือในการช่วยเก็บข้อมูลระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี ๒๕๕๔ ซึ่งถือเป็นมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ โดยให้ประชาชนช่วยเก็บรวบรวมและรายงาน (Crowd Sourcing) ข้อมูลระดับคราบน้ำท่วมสูงสุดในแต่ละพื้นที่ผ่านทางMobile Application นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องมือในการรายงานระดับน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกพื้นที่และมีความทันสมัยหรือเป็นปัจจุบันมากที่สุด สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีที่แอนดรอยด์มาร์เก็ตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำป้าย Flood Sign ที่ใช้อลูมิเนียมปรับปรุงผิวด้วยอะโนไดซิ่ง (Anodized Aluminium) มอบให้กับ อบต. ครอบคลุม ๑๗ จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อนำไปติดตั้งยังจุดที่มีระดับน้ำท่วมสูงสุดด้วย
• ข้าวโพดพันธุ์ใหม่ “ข้าวเหนียวข้าวก่ำ” มีสารฟีนอลิกและสารแอนโทไซยานินสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยจะทูลเกล้าฯ ถวายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานประชุมวิชาการในวันที่ ๒๓ มีนาคมนี้ และ สวทช. จะนำไปมอบให้กับเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.อยุธยา และ จ.สระบุรีได้นำไปปลูกต่อไป
• Thai Science Biodiversity ฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ข้อมูล สืบค้นหาข้อมูลได้ง่าย ทำให้ประเทศไทยมีข้อมูลอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ สามารถยืนยันถิ่นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตของประเทศไทยในเวทีโลกได้ ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ และความหลากหลายทางชีวภาพของไทยหลังเกิดพิบัติภัยต่างๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่พร้อมให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ อาทิ ระบบผลิตไบโอดีเซล เจลรักษาแผลยับยั้งแบคทีเรียและกระตุ้นการหายของแผล สารเคลือบผิวผลไม้จากไขรำข้าว และโปรแกรมบันทึกข้อมูลสุขภาพครอบครัวแบบพกพา เป็นต้น สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีหัวข้อที่น่าสนใจกว่า ๒๘ เรื่อง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศที่จะมาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการรับมือพิบัติภัย อาทิ

• การสัมมนาในหัวข้อ “การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการรับมือมหาอุทกภัย” ซึ่งจะถอดบทเรียนความจริงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ และเสวนาถึงแผนการจัดการและแนวทางการรับมือของภาครัฐ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงความเป็นไปได้ และชี้แนะแนวทางการใช้เครื่องมือ/เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนแผนการดังกล่าว ซึ่งจะถูกใช้เพื่อเตรียมการ ป้องกัน รับมือ เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนตัดสินใจเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ วิทยากรได้แก่ ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร รศ.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร และ ผศ.ดร.สุทัศน์ วีสกุล สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย

• การเสวนาในหัวข้อ “มองไปข้างหน้ากับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ” บริษัทชั้นนำด้านฮาร์ดิสก์ไดร์ฟที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น บริษัทเวสท์เทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โตซิบา สตอเรจ ดีไวท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศ) จำกัด บริษัท ซีเกท เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะมาร่วมพูดคุยและให้มุมมองต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟของไทย นอกจากนี้ในส่วนของภาคการศึกษากับการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ จะได้ฟังมุมมองและประสบการณ์จากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือฟีโบ้ ที่ได้นำเครื่องบินบังคับวิทยุสำรวจพื้นที่น้ำท่วม และได้นำมาประยุกต์ใช้สำรวจการลอกคูคลองในพื้นที่ต่างๆ

• การเสวนาในหัวข้อ “รู้ทันข้อมูลเพื่อรับมือพิบัติภัย” โดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล นักสื่อสารมวลชน และอาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จะมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองในการที่ประชาชนจะเลือกรับข้อมูลข่าวสารอย่างไรในช่วงวิกฤต ขณะเดียวกันภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีวิธีการสื่อสารอย่างไร เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก

• การสัมมนาเรื่อง “การปรับตัวของเกษตรกรในภาวะน้ำท่วม” เป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะได้รับฟังประสบการณ์ของเกษตรกรไทยที่ต้องปรับวิถีชีวิตและการทำกินในช่วงน้ำท่วม ซึ่งในช่วงวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา เกษตรกรบางรายสามารถสร้างรายได้จากวิกฤตนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีหัวข้อสัมมนาวิชาการอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ความเป็นไปได้ของการพัฒนาอุตสาหกรรม Organic and Printed Electronics ในประเทศไทย และศักยภาพของไทยในการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ Printed Electronic ซึ่งผลิตภัณฑ์ Printed Electronic ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น RFID tags หรือจอภาพต่างๆ

การจัดงานประชุมและแสดงผลงานประจำปี ๒๕๕๕ ของ สวทช. หรืองาน NAC 2012 เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ ๒๔-๒๘ มีนาคม นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมสำหรับครอบครัว “นักวิทยาศาสตร์น้อย รู้ สู้ พิบัติภัย” ในวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ด้วย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการจัดงานในปีนี้มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจ เกษตรกรและประชาชนผู้สนใจทั่วไป ซึ่งข้อมูลและความรู้จากงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับพิบัติภัยได้อย่างเหมาะสมต่อไป ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nstda.or.th/nac2012

View :1976

เนคเทค ผนึกกำลัง ซิป้า สกว. มูลนิธิสยามกัมมาจล และอินเทล เฟ้นหาเยาวชนนักวิทย์ฯ ในมหกรรม Thailand ICT Contest Festival 2012

March 17th, 2012 No comments

ครั้งที่ ๑๑ เฟ้นหาสุดยอดผลงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการสร้างสรรค์ผลงานจากวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ สัมผัสพลังความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์และสติปัญญาที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และพบกับสุดยอดนวัตกรรมต้นแบบ ผลงานทางวิทยาศาสตร์ การสื่อสาร ไอที และซอฟต์แวร์ จากแนวคิดของเยาวชนทั่วประเทศ ผลงานที่ได้รับรางวัลทางมูลนิธิสยามกัมมาจลพร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าของผลงานพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่การนำไปใช้ได้จริงในอนาคต พร้อมเดินหน้าผลักดันผลงานที่ชนะเลิศ สู่การแข่งขันเวทีระดับนานาชาติ โชว์ศักยภาพเด็กไทยต่อไป โดยงานมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๐-๒๒ มีนาคมศกนี้ ณ หอประชุมมหิศร อาคารเอสซีบีพาร์ค ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เปิดให้เยาวชนไทยและผู้ที่สนใจเข้าชมผลงานได้ฟรี

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ องค์การมหาชน () สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย () และ บริษัท ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑” หรือ Thailand ICT Contest Festival 2012 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ หอประชุมมหิศร อาคารเอสซีบีพาร์ค ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความรู้ ความสามารถของเยาวชนไทย ให้สามารถพัฒนาผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีศักยภาพ นำไปสู่การประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และยังเป็นการบ่มเพาะต้นทุนแห่งทรัพยากรมนุษย์ สู่การพัฒนารากฐานสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมเชิงสร้างสรรค์

ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กล่าวว่า “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑ ถือเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่สำหรับการแสดงออกถึงความสามารถของเยาวชน โดยจะเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเยาวชนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น ดังจะเห็นได้จากผลงานของเยาวชนไทยที่สามารถคว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชื่อว่า หากมีการสนับสนุนด้วยดีจากทั้งภาครัฐและเอกชน ความสามารถในด้านดังกล่าวจะมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และในอนาคตประเทศไทยจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องพึ่งต่างชาติ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์สู่การเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ทางเนคเทคได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น นอกจากซิป้าและบริษัท อินเทล ที่ได้ร่วมผลักดันการสนับสนุนการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยและมูลนิธิสยามกัมมาจล ก็ได้มาร่วมมือกันสร้างเข้มแข็งให้กับผลงานของเยาวชนผลักดันไปสู่กลุ่มผู้ใช้งานจริงทั้งด้านเกษตรกรรม ชุมชน และสังคมต่อไป”

ด้าน ดร.นิรชราภา ทองธรรมชาติ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ องค์การมหาชน
(ซิป้า) กล่าวว่า “ในมหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารครั้งที่ ๑๑ จะได้เห็นการตื่นตัวและพัฒนาการของเยาวชนไทยในความรู้ ความสามารถทางด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งพบว่ามีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เยาวชนคนไทยสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยสำนักงานฯ ในฐานะที่มีบทบาทในการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จะมีมาตราการสำหรับให้ผู้สนใจพัฒนาซอฟต์แวร์สู่ผู้ประกอบการที่เข้มแข็งในอุตสาหกรรมต่อไป”

ด้านนางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวว่า “มูลนิธิสยามกัมมาจล ดำเนินงานด้านการพัฒนาเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนองค์กรพัฒนาเยาวชนให้มีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพเพื่อประโยชน์ของตนเองและร่วมแบ่งปันความสามารถกับชุมชน ซึ่งจะเป็นผลให้คนรุ่นใหม่ เป็นพลเมืองที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนของสังคมไทย สำหรับเยาวชนที่มีความสามารถด้านไอที มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนการต่อยอดโครงการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย โดยปีนี้เป็นปีแรกที่สนับสนุนให้ผลงานของเยาวชนที่มีศักยภาพได้พัฒนาต่อไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง พร้อมทั้งสนับสนุนการรวมตัวกันของเครือข่ายเยาวชนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาความสามารถร่วมกัน ตลอดจนขยายผลให้เกิดเครือข่ายครู อาจารย์ ที่มีบทบาทสนับสนุนเยาวชนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยให้สามารถสร้างกำลังคนรุ่นใหม่ด้านไอที ที่มีคุณภาพและมีจำนวนมากยิ่งขึ้น ให้เพียงพอต่อความต้องการกำลังคนที่สามารถนำความก้าวหน้าทางไอทีไปสร้างความได้เปรียบในการพัฒนาประเทศต่อไป”

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งผู้สนับสนุนโครงการ “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑” หรือ Thailand ICT Contest Festival 2012 กล่าวว่า “เนื่องจากเยาวชนคือกำลังสำคัญที่จะผลักดัน และพัฒนาศักยภาพโดยรวมทั้งระดับประเทศ และโลกต่อไป ดังนั้น การมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงทักษะการคิดในเชิงวิเคราะห์ รู้จักการทำงานร่วมกัน ตลอดจนความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เราเดินไปสู่ความสำเร็จ การสนับสนุนที่อินเทลมีให้กับเนคเทคกว่าสิบปีที่ผ่านมา และร่วมส่งเสริมให้เด็กไทยได้ก้าวขึ้นไปประชันผลงานกันในเวทีระดับโลกอย่างงาน Intel International Science and Engineering Fair (Intel ISEF) ที่ประเทศสหรัฐฯ ภายหลังจากที่ได้ผู้ชนะจากเวทีระดับประเทศแล้วนั้น นับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยสร้างสรรค์ผลงานการคิดค้นกันอย่างเต็มที่ โดยจะเป็นการช่วยยกระดับความรู้ ความสามารถของเยาวชนไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลมากขึ้น”

ทั้งนี้ “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑” หรือ Thailand ICT Contest Festival 2012 มีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น การเสนอผลงาน ๑๓๑ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ยอดเยี่ยมในสาขาต่างๆ อาทิ โปรแกรมเกม โปรแกรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ (CAI) โปรแกรมเพื่อช่วยคนพิการ โปรแกรมเพื่อประยุกต์ใช้งาน Web Contest และ Mobile Application ในการแข่งขันโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๔ (The Fourteenth National Software Contest: NSC 2012)

ชมการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ ๑๔ (Young Scientist Competition: YSC 2012) สรรหาสุดยอดตัวแทนประเทศไทยชิงชัยในงาน Intel International Science and Engineering Fair (Intel ISEF) ณ เมืองพิตส์เบิร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ร่วมให้กำลังใจนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตัวแทนค่ายนักอิเล็กทรอนิกส์รุ่นเยาว์จาก ทั่วประเทศในการแข่งขันประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ ๑๑ ( Youth’s Electronics Circuit Contest: YECC 2012) เพื่อชิงชัยในการประดิษฐ์และสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์สำหรับเตรียมรับมือภัยพิบัติ เพื่อค้นหาสุดยอดนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์

ชมการแข่งขันระบบปฏิบัติการลินุกซ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๒ ( National Linux Competition: NLC 2012) ระดับนักเรียนและประชาชนทั่วไปในการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อใช้โปรแกรมต่างๆในลินุกซ์ทะเลและการใช้งานคอมพิวเตอร์สำหรับควบคุมและให้บริการเครือข่ายโดยใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ระบบปฏิบัติการตามแนวทาง Open Source ที่ช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

พร้อมกันนี้ ในการจัดงาน ทั้ง ๓ วัน ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมบนเวที เช่นการพูดคุยกับแขกรับเชิญ การสัมมนาเชิงปฏิบัติการสำหรับครู-อาจารย์ และกิจกรรมสัมมนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในประเด็นที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย รวมถึงการรับฟังเทคนิคและเคล็ดลับในการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อสร้างแรงบันดันดาลใจให้กับเยาวชนไทยที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยี เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. ๐๒ ๕๖๔๖๙๐๐ ต่อ ๒๓๔๕ หรือ ๒๓๘๘ – ๙ หรือทางเว็บไซต์ www.nectec.or.th/fic/

View :1716

สวทช. กระทรวงวิทย์ฯ จัดทัพเทคโนโลยีพร้อมรับมือพิบัติภัยในงาน NAC 2012 “รู้ สู้ พิบัติภัยไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”

March 17th, 2012 No comments

โชว์นวัตกรรมและผลงานช่วยรับมือพิบัติภัย ในงานประชุมประจำปี สวทช.หรือ ดร.ปลอดประสพมั่นใจจะเป็นเวทีรวมองค์ความรู้การรับมือพิบัติภัยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดีที่สุด พร้อมย้ำให้ภาคธุรกิจพลิกกลยุทธ์แปลงวิกฤติเป็นโอกาสขยายผลงานวิจัยไปสู่การผลิตอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ในวงกว้าง

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า “สวทช.ได้มีการจัดงานประชุมประจำปีขึ้นทุกปี โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีที่เกิดจากองค์ความรู้และการวิจัยพัฒนาของ สวทช.และเครือข่ายเพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถดำเนินงานได้ดี มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมไปถึงการสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์และความมั่นคงประเทศ ด้วยการเน้นบูรณาการระหว่างกัน ซึ่งหมายถึงการนำเทคโนโลยีจากหลายๆ แห่งมารวมเข้าไว้ด้วยกัน และนำเสนอการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สำหรับหัวข้อการจัดงาน “รู้สู้ ไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”ในปีนี้ นับว่าเหมาะและเข้ากับสถานการณ์ในการที่จะมาช่วยสนับสนุนการดำเนินการด้านจัดการภัยพิบัติตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ เนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในปีที่ผ่านมาที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากทั้งในแง่เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่และความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน “

“กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เสนอแนะนโยบายระยะยาวเพื่อใช้ในด้านการวางแผนการจัดการภัยพิบัติด้านน้ำในหลายๆด้าน โดยผมได้รับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ( กบอ.) กำหนดวิธีการดำเนินการของหน่วยงานรัฐ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเป็นไปโดยเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ รวมทั้งการดำเนินการอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมการป้องกันและแก้ไข ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายๆ หน่วยงาน ทั้งภายนอกและภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำให้ปัจจุบันเรามีระบบข้อมูลนำเสนอด้านสภาวะน้ำ ข้อมูลพยากรณ์ระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ ปริมาณฝนรายวันสูงสุดในพื้นที่ต่างๆ เส้นทางพายุจากภาพถ่ายดาวเทียม ปริมาณและระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ ทั้งระดับน้ำในเขื่อน ระดับน้ำในลุ่มน้ำ รวมถึงปริมาณฝนและระดับน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ“

“สวทช.เองก็เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงของกระทรวงฯ ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันและการสนับสนุนทำงานอย่างดีจาก ดร.ทวีศักดิ์ ผอ.สวทช. นอกเหนือจากการวิเคราะห์พยากรณ์เตือนภัยล่วงหน้าต่างๆ ดังที่กล่าวแล้ว คาดว่าในอนาคตจะมีนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดจากภัยพิบัติ เช่น เทคโนโลยีการก่อสร้าง เทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้าง และอื่นๆให้ต้านทานภัยพิบัติได้ดีขึ้น หรือช่วยบรรเทาความสูญเสียให้น้อยลงได้ ดังตัวอย่างของเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่สาธิตให้ชมหรือข้อคิดจากเวทีอภิปรายต่างๆในงานนี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลที่ต้องการแนวทาง ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากหลายๆภาคส่วนเพื่อปรับปรุงแผนงานและบูรณาการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”ดร.ปลอดประสพกล่าว

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การจัดงาน NAC 2012 ภายใต้แนวคิด “รู้ สู้พิบัติภัยไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ในครั้งนี้เพื่อเป็นเวทีให้กับนักวิจัยของ สวทช. จาก ๔ ศูนย์แห่งชาติได้นำเสนอผลงานความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ให้กับประชาชนและสังคมได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับพิบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งก่อนเกิดภัย เมื่อเกิดภัยขึ้นแล้ว และหลังพิบัติภัยผ่านพ้นไป โดยเฉพาะภัยจากน้ำท่วม ตัวอย่างผลงานเด่นที่นำมาจัดแสดงในงานแถลงข่าวครั้งนี้ อาทิ
• ถุงกระสอบ nSack ซึ่งมีขนาดเล็กและเบา สะดวกในการใช้งาน โดยไม่ต้องบรรจุทราย เพียงแช่น้ำไว้ประมาณ ๔๕ นาที ถุงจะดูดซับน้ำได้มากถึง ๑๐๐ เท่า และนำไปใช้งานเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับกระสอบทรายแบบดั้งเดิม
• จ่าเฉยวัดระดับน้ำ หุ่นจำลองตำรวจที่ติดตั้ง sensor เพื่อใช้ในการตรวจจับความเร็วของรถที่วิ่งผ่าน และตรวจการแซงทับเส้นทึบ (จุดห้ามจอด หรือคอสะพาน) นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อการรับมืออุทกภัยที่เกิดขึ้น จึงได้มีแนวคิดในการเพิ่มการตรวจสอบระดับน้ำบนพื้นถนน เพื่อให้สามารถรายงานสถานภาพน้ำท่วมบนพื้นถนนได้ตามความเป็นจริง โดยใช้อุปกรณ์อัลตร้าโซนิคตรวจวัดระดับความสูงของน้ำบนพื้นถนนเทียบกับถนนปกติ ทำให้ผู้ใช้ถนนสามารถตรวจสอบข้อมูลว่าสามารถที่จะวิ่งผ่านถนนดังกล่าวได้หรือไม่
• แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งของอ่าวไทย ซึ่งได้ศึกษาผลกระทบต่อชายฝั่งอันเนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล รวมถึงศึกษาการรุกล้ำของคลื่นทะเลอันเกิดจากพายุที่อาจมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น และอาจส่งผลต่อการเกิดน้ำท่วมได้
• ศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินและผู้บกพร่องทางการพูด ช่วยให้ผู้บกพร่องทางการได้ยินและผู้บกพร่องทางการพูดได้มีโอกาสใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไปในสังคม โดยเฉพาะในขณะที่เกิดพิบัติภัย
• nCA :- “น้ำใส หายเหม็น ออกซิเจนสูง” นวัตกรรมแก้ปัญหาน้ำท่วมขังและเน่าเสียให้กลายเป็นน้ำดี ระบบดังกล่าวประกอบด้วยสารจับตะกอนเพื่อให้น้ำใส และเครื่องเติมอากาศด้วยปั๊มที่ออกแบบการใช้งานที่ง่าย
• Flood Sign Application เครื่องมือในการช่วยเก็บข้อมูลระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี ๒๕๕๔ ซึ่งถือเป็นมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ โดยให้ประชาชนช่วยเก็บรวบรวมและรายงาน (Crowd Sourcing) ข้อมูลระดับคราบน้ำท่วมสูงสุดในแต่ละพื้นที่ผ่านทางMobile Application นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องมือในการรายงานระดับน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกพื้นที่และมีความทันสมัยหรือเป็นปัจจุบันมากที่สุด สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีที่แอนดรอยด์มาร์เก็ตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำป้าย Flood Sign ที่ใช้อลูมิเนียมปรับปรุงผิวด้วยอะโนไดซิ่ง (Anodized Aluminium) มอบให้กับ อบต. ครอบคลุม ๑๗ จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อนำไปติดตั้งยังจุดที่มีระดับน้ำท่วมสูงสุดด้วย
• ข้าวโพดพันธุ์ใหม่ “ข้าวเหนียวข้าวก่ำ” มีสารฟีนอลิกและสารแอนโทไซยานินสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยจะทูลเกล้าฯ ถวายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานประชุมวิชาการในวันที่ ๒๓ มีนาคมนี้ และ สวทช. จะนำไปมอบให้กับเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.อยุธยา และ จ.สระบุรีได้นำไปปลูกต่อไป
• Thai Science Biodiversity ฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ข้อมูล สืบค้นหาข้อมูลได้ง่าย ทำให้ประเทศไทยมีข้อมูลอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ สามารถยืนยันถิ่นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตของประเทศไทยในเวทีโลกได้ ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ และความหลากหลายทางชีวภาพของไทยหลังเกิดพิบัติภัยต่างๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่พร้อมให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ อาทิ ระบบผลิตไบโอดีเซล เจลรักษาแผลยับยั้งแบคทีเรียและกระตุ้นการหายของแผล สารเคลือบผิวผลไม้จากไขรำข้าว และโปรแกรมบันทึกข้อมูลสุขภาพครอบครัวแบบพกพา เป็นต้น สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีหัวข้อที่น่าสนใจกว่า ๒๘ เรื่อง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศที่จะมาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการรับมือพิบัติภัย อาทิ

• การสัมมนาในหัวข้อ “การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการรับมือมหาอุทกภัย” ซึ่งจะถอดบทเรียนความจริงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ และเสวนาถึงแผนการจัดการและแนวทางการรับมือของภาครัฐ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงความเป็นไปได้ และชี้แนะแนวทางการใช้เครื่องมือ/เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนแผนการดังกล่าว ซึ่งจะถูกใช้เพื่อเตรียมการ ป้องกัน รับมือ เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนตัดสินใจเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ วิทยากรได้แก่ ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร รศ.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร และ ผศ.ดร.สุทัศน์ วีสกุล สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย

• การเสวนาในหัวข้อ “มองไปข้างหน้ากับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ” บริษัทชั้นนำด้านฮาร์ดิสก์ไดร์ฟที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น บริษัทเวสท์เทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โตซิบา สตอเรจ ดีไวท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศ) จำกัด บริษัท ซีเกท เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะมาร่วมพูดคุยและให้มุมมองต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟของไทย นอกจากนี้ในส่วนของภาคการศึกษากับการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ จะได้ฟังมุมมองและประสบการณ์จากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือฟีโบ้ ที่ได้นำเครื่องบินบังคับวิทยุสำรวจพื้นที่น้ำท่วม และได้นำมาประยุกต์ใช้สำรวจการลอกคูคลองในพื้นที่ต่างๆ

• การเสวนาในหัวข้อ “รู้ทันข้อมูลเพื่อรับมือพิบัติภัย” โดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล นักสื่อสารมวลชน และอาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จะมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองในการที่ประชาชนจะเลือกรับข้อมูลข่าวสารอย่างไรในช่วงวิกฤต ขณะเดียวกันภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีวิธีการสื่อสารอย่างไร เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก

• การสัมมนาเรื่อง “การปรับตัวของเกษตรกรในภาวะน้ำท่วม” เป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะได้รับฟังประสบการณ์ของเกษตรกรไทยที่ต้องปรับวิถีชีวิตและการทำกินในช่วงน้ำท่วม ซึ่งในช่วงวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา เกษตรกรบางรายสามารถสร้างรายได้จากวิกฤตนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีหัวข้อสัมมนาวิชาการอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ความเป็นไปได้ของการพัฒนาอุตสาหกรรม Organic and Printed Electronics ในประเทศไทย และศักยภาพของไทยในการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ Printed Electronic ซึ่งผลิตภัณฑ์ Printed Electronic ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น RFID tags หรือจอภาพต่างๆ

การจัดงานประชุมและแสดงผลงานประจำปี ๒๕๕๕ ของ สวทช. หรืองาน NAC 2012 เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ ๒๔-๒๘ มีนาคม นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมสำหรับครอบครัว “นักวิทยาศาสตร์น้อย รู้ สู้ พิบัติภัย” ในวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ด้วย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการจัดงานในปีนี้มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจ เกษตรกรและประชาชนผู้สนใจทั่วไป ซึ่งข้อมูลและความรู้จากงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับพิบัติภัยได้อย่างเหมาะสมต่อไป ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nstda.or.th/nac2012

View :2010

เลอโนโวจัดโปรโมชั่นโน๊ตบุ๊คและเดสก์ท็อปสเปคแรงๆในราคาสุดคุ้ม พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมายในงานคอมมาร์ท 2012

March 16th, 2012 No comments

พบกับโน๊ตบุ๊คและเดสก์ท็อปสเปคแรงๆของเลอโนโวในราคาโปรโมชั่นสุดคุ้ม พร้อมรับของที่ระลึกและร่วมลุ้นแพคเกจสุดพิเศษจากพันธมิตรคนสำคัญของเลอโนโวต่างๆมากมาย ในงานคอมมาร์ตระหว่างวันที่ 22 – 25 มีนาคม นี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

คุณจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“ภายในงานคอมมาร์ทนี้ เลอโนโว ร่วมจัดโปรโมชั่นกับพันธมิตรชั้นนำ อย่าง ไมโครซอฟท์และดีแทค เพื่อมอบสิทธิพิเศษยิ่งขึ้นให้ลูกค้าเลอโนโว นอกจากนี้ เลอโนโวมีแผนจะร่วมมือพันธมิตรในแขนงต่างๆ เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”

โปรโมชั่นสุดคุ้มในงานคอมมาร์ท 2012

ลูกค้าที่ซื้อคอมพิวเตอร์เลอโนโวทุกรุ่นทีร่วมรายการ รับฟรีทันที แพคเกจการใช้งานเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย Wi-Fi จากดีแทค จำนวน 1 เดือน นอกจากนี้ ยังรับสิทธิ์ร่วมลุ้นแพคเกจรับซัมเมอร์ อาทิ บัตรกำนัลห้องพักสุดหรู และของที่ระลึกมากมาย ดังนี้

เลอโนโว จับมือ ไมโครซอฟท์ มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับลูกค้า เพียงซื้อคอมพิวเตอร์ ออล-อิน-วัล IdeaCenter อัลตร้าบุ้ค หรือ โน๊ตบุ้ค IdeaPad ที่มาพร้อม Microsoft Windows 7 ของแท้ รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ แพคเกจท่องเที่ยวสุดหรู ที่ Muthi Maya resort เขาใหญ่ 3 วัน 2 คืน มูลค่า 40,000 บาท จำนวน 1รางวัล นอกจากนี้คุณสามารถร่วมลงทะเบียนกิจกรรม รับเงินคืน 777 บาทกับไมโครซอฟท์ ได้ที่ www.microsoft.com/thailand/family/777 หมดเขต 31 มีนาคมนี้ เท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-263-6888

ธุรกิจ SMB สุดคุ้มกับ 10 ฟีเจอร์เด่นจากผลิตภัณฑ์ Think ของเลอโนโว พร้อมคุ้มยิ่งขึ้นกับโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ ThinkPad Edge E120 ThinkPad Edge E320 ThinkPad Edge E420 และ ThinkPad X220i พร้อมรับสิทธิ์แบ่งชำระดอกเบี้ย 0% สูงสุด 10 เดือน และรับของที่ระลึกพิเศษจากเลอโนโว อาทิ ThinkPad external USB DVD-RW drive

นอกจากนี้ พบโปรโมชั่นสุดพิเศษกับโน๊ตบุ้คIdeaPad Z470 ซึ่งเหมาะกับผู้ที่รักแฟชั่นทันสมัย มีสไตล์และให้คุณสมบัติด้านมัลติมีเดียครบครัน พร้อมแรงทันใจกับหน่วยประมวลผล 2nd Generation Intel Core i7 Intel Turbo Boost Technology 2.0 และระบบเสียงสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า Dolby Advanced Audio

สัมผัสมิติใหม่แห่งความสุขภายในบ้านกับ IdeaCentre B320 ด้วยเทคโนโลยี One Key TV เลือกได้ดั่งใจทั้งทีวีและคอมพิวเตอร์ บนดีไซน์จอภาพไร้กรอบได้อย่างสมบรูณ์แบบ ขนาด 21.5 นิ้ว พร้อมขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลด้วย Intel® Core™ i5 และ Intel® Turbo Boost Technology 2.0 และสมรรถนะเร็วทันใจด้วยเทคโนโลยี Lenovo Enhanced Experience 2.0 for Windows® 7 และเทคโนโลยี RapidBoot เอกสิทธิ์เฉพาะตัวของเลอโนโวเพื่อเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม มากกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปสูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยลูกค้าที่ซื้อคอมพิวเตอร์ IdeaCentre ตระกูล B Series ทุกรุ่นที่ราคาตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป รับฟรีทันที บัตรชมภาพยนตร์ดิจิติอล 4 มิติ ที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ จำนวน 2 ที่นั่ง สิทธิพิเศษนี้เฉพาะผู้ซื้อ 20 ท่านแรก เท่านั้น

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ้คตระกูล ThinkPad Edge
ThinkPad Edge E120 รองรับการทำงานของระบบ 3G และเต็มประสิทธิภาพการทำงานด้วยหน่วยประมวลผลของ 2nd Generation Intel® Core™ i3 สำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ ThinkPad Edge E120 ภายในงานคอมมาร์ท 2012 รับฟรี USB DVD-RW และหน่วยความจำเพิ่มถึง 2GB ในราคาพิเศษเพียง 21,900 บาท

ThinkPad Edge E320 มาพร้อมหน่วยประมวลผล 2nd Generation Intel® Core™ i3 ฮาร์ดดิสก์ขนาด 320 GB และหน่วยความจำขนาด 2 GB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Heatwave red และ Midnight black ในราคาเพียง 22,900 บาท

สำหรับ ThinkPad Edge E320 ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล 2nd Generation Intel® Core™ i5 สามารถรองรับระบบ 3G และมอบฟรี ThinkPad USB DVD-RW รุ่นนี้มาในรูปโฉมสีดำแบบ Midnight black ในราคาเพียง 23,900 บาท

ThinkPad Edge E420 ประสิทธิภาพครบครันด้วยหน่วยประมวลผล 2nd Generation Intel® Core™ i3 ฮาร์ดดิสก์ขนาด 500 GB และหน่วยความจำขนาด 2 GB ราคาสุดคุ้มเพียง 22,400 บาท

ThinkPad X220i รองรับการทำงานของระบบ 3G และรับฟรี ThinkPad USB DVD-RW ในราคาพิเศษเพียง 32,000 บาท

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์เลอโนโว ThinkPad Edge E220s จำนวน 50 เครื่องแรกภายในงานคอมมาร์ท 2012 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 29,900 บาทเท่านั้น

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ้คตระกูล IdeaPad
เลอโนโว IdeaPad Z470 มาพร้อมหน่วยประมวลผล 2nd Generation Intel® Core™ i5 ฮาร์ดดิสก์ขนาด 750 GB และหน่วยความจำมากถึง 4 GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ สีชมพูและสีฟ้า พิเศษสุดในราคาเพียง 20,900 บาท สามารถอัพเกรดหน่วยความจำเพิ่ม 2GB และรับประกันตลอด 2ปี

สำหรับ IdeaPad Z470 ที่เต็มประสิทธิภาพด้วยหน่วยประมวลผล 2nd Generation Intel® Core™ i7 ตัวเครื่องสีดำและมาพร้อมหน่วยความจำมากถึง 8GB สามารถอัพเกรดหน่วยความจำเพิ่ม 2GB และรับประกันตลอด 2ปี

IdeaCentre ออล-อิน-วัล
IdeaCentre B320 มาพร้อมซอฟต์แวร์แบบ Multi-touch และเทคโนโลยี One Key TV มีวางจำหน่ายด้วยราคาสุดพิเศษ 31,990 บาท สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานคอมมาร์ท 2012 และซื้อผลิตภัณฑ์เลอโนโวรุ่น IdeaCentre B320 ออล-อิน-วัล ได้ในราคาเพียง 29,900 บาท จำนวนจำกัดเพียง 50 เครื่องแรกต่อวัน

View :2296

สวทช.ส่งเสริมการเลื้ยงโคนม โดยนำเทคโนโลยีจีโนมมาใช้ในการคัดเลือกสัตว์พันธุ์ เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

March 16th, 2012 No comments

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( )


ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช. ) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สวทช. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในการสนับสนุนการวิจัย “ โครงการพัฒนาระบบการประเมินความสามารถทางพันธุกรรมจีโนมของโคนมในประเทศไทย” ซึ่งผลงานที่ได้จากโครงการฯ นำไปประยุกต์ใช้และเป็นประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในการคัดเลือกพันธุ์โคนมและพัฒนาศักยภาพทางพันธุกรรมโคนมภายใต้ระบบการผลิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการผลิตโคนม ทั้งในด้านผลผลิตน้ำนมและผลิตภัณฑ์นม ส่งเสริมอาชีพของเกษตรกรรายย่อย พัฒนาอุตสาหกรรมโคนมและ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้โครงการฯ ดังกล่าว ยังได้สนับสนุนการผลิตบุคลากรระดับบัณฑิตศึกษาให้มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแบบจำลอง การประเมินความสามารถทางพันธุกรรมและการปรับปรุงพันธุ์โคนมและเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของแหล่งเก็บข้อมูลดีเอ็นเอที่ได้จากตัวอย่างเนื้อเยื่อของโคนมที่ถูกเลี้ยงดูและให้ผลผลิตภายในประเทศ ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับการพัฒนางานวิจัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมของโคนมที่แสดงออกภายใต้สภาพแวดล้อมในเขตร้อนชื้น

ผศ.ดร. ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ นักวิจัย สังกัด ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


ผศ.ดร. ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ นักวิจัย สังกัด ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การประเมินความสามารถทางพันธุกรรมโคนมขนาดใหญ่ในประเทศไทย ถูกพัฒนาขึ้นในเขตภาคกลางของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 โดยความร่วมมือระหว่าง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้เผยแพร่ข้อมูล “คุณค่าการผสมพันธุ์โคนม(EBV)” ให้เกษตรกรใช้คัดเลือกพันธุ์โคนมอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาศักยภาพทางพันธุกรรมประชากรโคนมในประเทศไทยที่ผ่านมายังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัญหาที่สำคัญ คือ การประเมินความสามารถทางพันธุกรรมดังกล่าวมีความแม่นยำต่ำ ด้วยเหตุนี้อัตราการพัฒนาศักยภาพทางพันธุกรรมสำหรับลักษณะที่สำคัญทางเศรษฐกิจในประชากรโคนมของประเทศไทย จึงจำเป็นต้องถูกเร่งทำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแนวทางหนึ่ง คือ การเพิ่มการพิจารณา ข้อมูลจีโนม ร่วมกับ ข้อมูลพันธุ์ประวัติ และความสามารถในการแสดงออกที่ปรากฏของสัตว์แต่ละตัว ตามที่ได้ปฏิบัติกันโดยทั่วไป ด้วยเทคนิคชีววิทยาโมเลกุลในปัจจุบัน จีโนมสนิป (Genomic SNP) ถูกตรวจสอบ ได้อย่างแม่นยำในโคนม โดยใช้ต้นทุนต่ำ และนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบการประเมินความสามารถทางพันธุกรรมจีโนมได้ (Genetic-Genomic Evaluation System)

ดังนั้นโครงการวิจัยฯ จึงมีเป้าหมาย เพื่อพัฒนาระบบการประเมินพันธุกรรมจีโนม ได้แก่ แบบจำลองและวิธีการทำนายความสามารถทางพันธุกรรมจีโนม ความสัมพันธ์ระหว่างสนิปและลักษณะที่สำคัญทางเศรษฐกิจในโคนม และระบบฐานข้อมูลร่วมของพันธุ์ประวัติ-ลักษณะปรากฏ-จีโนไทป์ ทำให้เกิดข้อมูล “คุณค่าการผสมพันธุ์จีโนม (GEBV)” สำหรับลักษณะที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่มีความแม่นยำสูงกว่า “คุณค่า การผสมพันธุ์(EBV)” ที่ทำโดยการใช้วิธีการประเมินค่าทางพันธุกรรมที่ใช้กันอยู่ทั่วไปประมาณร้อยละ 30 สำหรับใช้ในการการคัดเลือกพันธุ์สัตว์ เร่งอัตราความก้าวหน้าทางพันธุกรรมในประชากรโคนม ทำให้พันธุกรรมของโคนมในประชากรหลากหลายพันธุ์ของประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลพันธุกรรมระดับจีโนมเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตของโคนมในเขตร้อนชื้น

View :1866

ทรูมูฟ เอช รุกตลาดดาต้า เปิดตัว NET SIM 3G+

March 16th, 2012 No comments

เปิดตัว “” ซิมแบบเติมเงินสำหรับเล่นเน็ตสุดคุ้ม ที่ให้อิสระไม่มีวันหมด ได้วันเพิ่มทุกครั้งที่ใช้งาน มอบอิสระในการเชื่อมต่อออนไลน์แรงเต็มสปีดบนเครือข่าย 3G+ ที่ใช้ได้จริงวันนี้ทั่วประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เน้นใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านแอร์การ์ด และแท็บเล็ต โดยเมื่อเปิดใช้บริการ รับฟรี 3G+ จำนวน 100 MB และ WiFi 3 ชั่วโมง ใช้ได้นาน 60 วัน และคุ้มยิ่งขึ้น เมื่อสมัครแพ็กเกจเสริมเน็ตรายเดือน 350 รับ 3G+ เพิ่มอีก 200 MB/เดือน พร้อมเพิ่มความสะดวกกับ True iService บริการออนไลน์ให้ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจเสริม เติมเงิน รวมถึงตรวจสอบข้อมูลต่างๆ สนใจซื้อ ในราคา 99 บาท ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายนนี้ ที่ร้านทรูช็อป ทรูพาร์ทเนอร์ ร้าน 7-eleven และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ทรูมูฟ เอช NET SIM 3G+


นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมูฟ เอช ตอกย้ำผู้ให้บริการ 3G ตัวจริงอีกครั้ง เปิดตัว “NET SIM 3G+” ซิมแบบเติมเงินที่ให้อิสระไม่มีวันหมด ได้วันเพิ่มเป็น 60 วันทุกครั้งที่ใช้งาน ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานดาต้า ให้ลูกค้าออนไลน์ผ่านแอร์การ์ด และแท็บเล็ต บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายที่เร็วและแรงกว่า ด้วย 3G+ ความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps* ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ทั่วกรุงเทพฯ ทุกจังหวัด กว่า 600 อำเภอทั่วไทย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ สนามบินหลัก 10 แห่ง ทางหลวงสายหลัก 4 เส้นทาง และบริการ WiFi by TrueMove H ความเร็วสูงสุด 8 Mbps* ครอบคลุม 100,000 จุด ทั้งในและต่างประเทศ โดยเมื่อเปิดใช้บริการ NET SIM 3G+ ลูกค้าจะได้รับฟรี 3G+ จำนวน 100 MB และ WiFi 3 ชั่วโมง ใช้ได้นาน 60 วัน ซึ่งค่าบริการ 3G+ มีอัตรา 2 บาท/MB และ WiFi นาทีละ 1 บาท และคุ้มยิ่งขึ้น เมื่อสมัครแพ็กเกจเสริมเน็ตรายเดือน 350 รับ 3G+ เพิ่มอีก 200 MB/เดือน”

ยิ่งไปกว่านั้น ทรูมูฟ เอช ยังมีบริการ True iService บริการออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจเสริม และเติมเงิน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ www.truemove-h.com/prepay-iservice หรือแอพพลิเคชั่น True iService

View :2179

BenQ ไทยรุกหนักหลังตลาดภาคพื้นเอเชียโตต่อเนื่อง ลั่น!!นั่งแท่นเบอร์ 1 ดิจิตอลไลฟ์สไตล์

March 16th, 2012 No comments

รุกหนัก หวังขึ้นที่ 1 ผู้นำนวัตกรรมของโลก ทางด้านดิจิตอลไลฟ์สไตล์ หลังตลาด Commercial โตต่อเนื่อง สอดคล้องภาพรวมภาคพื้นเอเชีย- แปซิฟิค เหตุ พัฒนาสินค้าตรงใจ ด้วยฟังก์ชั่นใช้งานง่าย สะดวกในราคาสมเหตุผล พร้อมขยายฐานดีลเล่อร์รุกต่อเนื่อง เชื่อสิ้นปีโตกว่า 50% ตั้งเป้าขึ้น เบอร์ 1 DLP Projector แชร์ตลาดขนาด 1.5 พันล้าน ตามรอยตลาดโลกหลังเทรนด์ดีไซน์ของ ตอบครบทุกโจทย์

มร.เอเดรียน ชาง ประธานบริหาร บริษัท เบ็นคิว (เอเซีย-แปซิฟิค) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมดิจิตอลไลฟ์สไตล์ที่นำความเพลิดเพลินและคุณภาพมาสู่ชีวิต ด้วยปรัชญา “Enjoyment Matters” เปิดเผยว่า BenQ ถือเป็นผู้นำนวัตกรรมดิจิตอล ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคจากทั่วโลก โดยที่ผ่านมา BenQ เป็นแบรนด์ TOP 3 ของโลก โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ DLP Projector แบรนด์ BenQ เป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ในภูมิภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิค ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัย ใช้งานง่าย ประหยัดเนื่องจากพัฒนาขึ้นภายใต้โจทย์ของการประหยัดพลังงาน และค่าบำรุงรักษา

สำหรับในประเทศไทยนั้นตลาด Commercial ในกลุ่มลูกค้า Corporate ระดับนโยบาย ภาครัฐ หน่วยงานเอกชน เติบโตต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ตลาด Retail หรือกลุ่ม Home user มีอัตราการเติบโตในลักษณะเสถียร ซึ่งในปี 2010 มีสัดส่วนความเติบโตของตลาดทั้งสองส่วนอยู่ที่ Retail 65 และ Commercial 45 แต่ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของกลุ่ม Commercial เพิ่มขึ้น ในสัดส่วนอยู่ที่ Retail 60 และ Commercial 40 สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของตลาดกลุ่มลูกค้า Corporate ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมของอุปกรณ์ดิจิตอลมากขึ้น เลยทำให้ตลาดนี้โตมากขึ้น

มร.เอเดรียน ชาง กล่าวต่อไปว่า “ทิศทางการเติบโตดังกล่าวสอดคล้องกับตลาดของภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ที่ความนิยมต่อสินค้าในกลุ่มตลาด Commercial จอโปรเจ็คเตอร์ มีสูงขึ้นต่อเนื่อง เหตุผลหนึ่งคือนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ระบบการประชุม มีความทันสมัยควบคุมง่ายยิ่งขึ้น ประกอบกับความเติบโตของการใช้งานในองค์กร Corporate ที่ต้องการประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมประชุมสัมมนามากขึ้น จะเห็นได้ชัดเจนที่กลุ่ม Education ที่มีสัดส่วน 80% ของตลาด commercial ทั้งหมด ด้วยขนาดของห้องเรียนใหญ่ขึ้น มีความทันสมัยมากขึ้น จำเป็นต้อง

ใช้อุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย ประหยัด และเป็นระบบที่ควบคุมได้ ทำให้ BenQ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เข้าถึงตลาดกลุ่มนี้อย่างจริงจังยิ่งขึ้น”

“จุดแข็งสำคัญของ BenQ คือดีไซน์ที่ทันสมัย ฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย ประหยัดในแง่ของการดูแลรักษา และโหมดการใช้งาน ตลอดจนการออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมกับบริการหลังการขาย ด้วยพาร์ทเนอร์มืออาชีพ ประกอบกับเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตัวแทนจำหน่าย ที่มีเป้าหมายชัดเจนในกลุ่มตลาด Commercial ซึ่งคาดว่าในปี 2012 นี้ภาพรวมของตลาดจะโตขึ้นอีกราว 15-20 % โดย BenQ ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากเดิมอีกกว่า 30-40 % เลยทีเดียว” มร.เอเดรียน ชาง กล่าว

โดย BenQ มองว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการขยายตลาดดิจิตอลไลฟ์สไตล์ เนื่องจากภาพรวมในปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดดิจิตอลเทคโนโลยีในไทยเติบโตสูงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค จาก 30 ประเทศ ซึ่งนับรวมประเทศในตะวันออกกลางด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาด Commercial ทำให้ BenQ หันมาให้ความสำคัญกับตลาดนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ตลอดทั้งปี

ล่าสุดได้พัฒนา”GP II” Projector ขนาดพกพาที่ได้รับเอกสิทธิ์เฉพาะของ iPad iPhone สามารถเชื่อมต่อกับระบบเข้ากับ iPad iPhone SD Card UHB SDMD ได้ทันที โดยไม่ต้องมี PCใช้พลังงานไฟฟ้าเพียง 25 Vat ที่สามารถประหยัดไฟได้ถึง 20-30% ส่วนหลอด LCD สามารถใช้งานได้นานถึง 30,000 ชั่วโมง หรือ อายุการใช้งานประมาณ 8 ปี ด้วยราคา 21,900 บาท โดยได้เริ่มจำหน่ายใน Apple Studio แล้วและจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการราวเดือนเมษายนนี้

นอกจากนี้ BenQ ยังเดินหน้าพัฒนาในธุรกิจใหม่ อย่างการผลิตหลอดไฟ LED ประหยัดพลังงาน โดยจะเน้นที่กลุ่ม Commercial เป็นหลัก เช่น โครงการของภาครัฐ หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ หรือ โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่าเทรนด์ Green Product จะเป็นแนวการพัฒนาสินค้าในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ที่ BenQ จะทยอยเปิดตัวธุรกิจต่อเนื่องทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวโน้มไลฟ์สไตล์ของตลาดในเมืองไทยเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดรวมของจอ Projector ไทยอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท โดย BenQ มีแชร์ตลาดอยู่ที่ 14.5% คาดว่าปีนี้มูลค่าตลาดจะโตไปอีกประมาณ 20% โดย BenQ ตั้งเป้าความเติบโตจากยอดรายได้เดิมอีก 50% ซึ่งภาพรวมของตลาดในเมืองไทยเติบโตเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค รองจาก จีน และอินเดีย โดยรายได้รวมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคคิดเป็น

25% ของรายได้รวมทั้งหมดโดยอีก 75% มาจากยอดจำหน่ายใน สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และยุโรป ซึ่ง BenQ เป็น Top 3 ของผู้เล่นรายหลักของโลก แต่ในกลุ่ม ProJector แล้ว BenQ ครองยอดขายอันดับหนึ่งในตลาดโลก

View :1289

เลอโนโว เปิดตัวมินิโน๊ตบุ้ค IdeaPad S series

March 16th, 2012 No comments

เลอโนโวเปิดตัว IdeaPad S205 และ IdeaPad S206 มินิโน๊ตบุ้คสองรุ่น ที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย น้ำหนักเบา บางเฉียบ พกพาสะดวก ในราคาประหยัด พร้อมยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของคุณให้ดีเยี่ยมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพื่อเติมเต็มความต้องการด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์ระหว่างเน็ตบุ๊คและโน้ตบุ๊คได้อย่างสมบรูณ์แบบ

คุณจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“ เลอโนโวสร้างสรรค์มินิแล็ปท็อป IdeaPad รุ่นล่าสุด เพื่อตอบสนองการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเหล่าแฟชั่นนิสต้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน โน๊ตบุ้คคู่ใจจะสามารถเชื่อมต่อพวกเขาสู่ความทันสมัยได้อยู่เสมอ โดย IdeaPad ตระกูล S series มาพร้อมดีไซน์เฉพาะตัวขนาดเบา บาง ง่ายต่อการพกพา”

เลอโนโวส่งมินิโน๊ตบุ้คร่วมคอลเลคชั่นแห่งโลกแฟชั่น
เลอโนโว เสนอมินิโน๊ตบุ้ค IdeaPad S206 เติมเต็มการใช้งานระหว่างเน็ตบุ้คและโน๊ตบุ้คได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมยกระดับชีวิตคุณให้ดียิ่งขึ้นและสะดวกสบายในแต่ละวัน ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงและดูหนังผ่านทางลำโพงในตัวเครื่องที่คุณภาพเสียงชัดและดีเยี่ยม อีกทั้งคุณยังสามารถส่งไฟล์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเพียงใช้การเชื่อมต่อของ DirectShare โน๊ตบุ้คตระกูล S Series อัดแน่นไปด้วยความสามารถและง่ายต่อการพกพา ทั้งนี้โน๊ตบุ้ค S206 มีรูปลักษณ์การออกแบบที่น่ารักและเท่ห์มากยิ่งขึ้น สำหรับโน๊ตบุ้ค IdeaPad S205 เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบโน๊ตบุ้คที่เน้นการออกแบบที่สวยเก๋ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ชื่นชอบเลอโนโว

IdeaPad S206 มีน้ำหนักเบาและบางเป็นพิเศษโดยไม่กระทบกับความเป็นเลิศด้านการประมวลผล จึงทำให้การใช้งานในคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่สะดวกมากขึ้นอีกขั้น ในราคาย่อมเยาสำหรับเด็กนักเรียนหรือวัยรุ่นที่สนใจและชื่นชอบ นับเป็นมินิโน้ตบุ๊คที่บางที่สุด มาพร้อมระบบประมวลผล AMD C60 dual core processor บวกกับพื้นผิวสวยน่าสัมผัสและคีย์บอร์ด Accutype กับคีย์ทรงกลมใช้ถนัดมือออกแบบมาเพื่อเน้นความสะดวกในการพกพาระหว่างเดินทางด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้สูงสุด 4 ชั่วโมง ทั้งยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีและใช้งานแอพพลิคชั่นพื้นฐานได้โดยไม่ต้องเปิด Windows ใหม่ทุกครั้ง ด้วยฟังก์ชั่น “Instant on” ใน Lenovo Quick Start พร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ กล้องเว็บแคมแบบ HD ความละเอียด 0.3 ล้าน และ 802.11b/g/n Wi-Fi เพื่อการใช้งาน video chatting และ Web calling ที่ลื่นไหลไม่สะดุด


นอกจากนี้ IdeaPad S206 มาพร้อมจอ HD widescreen ขนาดใหญ่ 11.6” และบางเพียง 20.7 มม.น้ำหนักเพียง 1.3 กก. โดยมินิโน้ตบุ๊ครุ่นนี้ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักเรียนหรือวัยรุ่นที่โปรดปรานการท่องโลกอินเตอร์เน็ต ด้วยราคาไม่สูงและดีไซน์สีสันจัดจ้านให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ สีชมพู (Cotton-candy Pink) สีแดง (Crimson Red) สีฟ้า (Electric Blue) สีเทา (Graphite Grey) ลีขาวมุก (Pearl White) โทน Metallic สีสันสดใสพร้อมเคลือบเงาให้มีความมันวาว

IdeaPad S205 มาพร้อมสมรรถนะของ AMD Athlon TM X2 E350 กราฟฟิก AMD Radeon TMHD6310M และหน่วยความจำ 2GB DDR3 SDRAM รวมถึง ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ 6-cell Li-ion และเทคโนโลยี Lenovo Energy Management ทำให้สามารถรองรับการใช้งานยาวนานมากกว่า 5 ชั่วโมง ตอบโจทย์การใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ IdeaPad S205 py’รองรับการเชื่อมต่อ ระบบสัญญาณมัลติมีเดียความละเอียดสูง(HDMI) ช่องเสียบ USB 3 พอร์ท และ 6-in-1 Card Readers ซึ่งไม่ว่าไอเดียของคุณจะมีสีสันสนุกขนาดไหน รับรองได้เลยว่า IdeaPad S205 จะแต่งเติมให้มีชีวิตชีวาได้อย่างแน่นอน

โน๊ตบุ้ค IdeaPad S206 ราคาเริ่มต้นที่ 12,990 บาท ส่วนโน๊ตบุ้ค IdeaPad S205 ราคาเริ่มต้นที่ 10,590 บาท มีวางจำหน่ายแล้ว ณ เลอโนโว เอ็กซ์คลูซีฟ สโตร์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เลอโนโว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เลอโนโว คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร.02-689-6451 หรือ 1800-060-087 ติดตามข่าวสารล่าสุดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเลอโนโวได้ที่เว็บไซต์ Lenovo Thailand (http://www.lenovo.com/th/en/) หรือ สมัครได้ที่ Lenovo RSS Feeds (http://news.lenovo.com/) หรือติดตามผ่าน Facebook (http://www.facebook.com/lenovo.lover)

View :7356

“โมโน กรุ๊ป” ลงสนามแอพพลิเคชั่น…ชูแอพไทย “Monolive” ท้าชน “WhatsApp” พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ

March 16th, 2012 No comments

“โมโน กรุ๊ป” สบช่องขยายธุรกิจ เปิดทางนำแอพพลิเคชั่นลงสนาม หลังส่ง “Horolive” บริการดูดวงผ่าน Application ออกมาชิมลางก่อนหน้านี้ ล่าสุดส่งพระเอกหน้าใหม่ “Monolive” มาเอาใจคนชอบแชท หวังเบียด “WhatsApp” แย้มเปิดตัวเพียง 1 เดือน มียอดดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแล้วเกือบ 2 แสนคน และขึ้นแท่นอันดับ 1 แอพพลิเคชั่นที่มีผู้ดาวน์โหลดมากที่สุดในขณะนี้

นวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท จำกัด


นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท โมโน จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน Application บนมือถือ ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ในเขตกทม.และหัวเมืองใหญ่ๆ มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนกว่า 50.4% โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีการถือครองสมาร์ทโฟนจะเป็นนักเรียน,นักศึกษาและคนวัยทำงาน โดยในปี 54 ที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนมีมูลค่าประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท ขยายตัว 30-40% ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลาดแอพพลิเคชั่นเองมีอัตราเติบโตควบคู่กันไปด้วย

ด้วยตัวเลขที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปีที่ผ่านมาบริษัทเราได้ผลิตแอพพลิเคชั่นต่างๆ ออกมารองรับระบบโทรศัพท์ที่เป็นสมาร์ทโฟน อาทิ “Horolive” แอพเพื่อการทำนายดวงชะตาหรือดูดวง ซึ่งมีหมอชื่อดัง อาทิ หมออ้าย หมอคฑา ซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายในการดูดวงให้กับผู้ต้องการ ซึ่งเหมาะกับคนไทยเป็นอย่างมาก ด้วยค่าบริการเพียง 30 บาท / เดือน “Mthai” เป็นแอพที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอัพเดทข่าวสารในทุกวงการ “Bat jumper” เป็นแอพเกมที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและสามารถฝึกสมองในขณะเล่นเกมส์ได้ด้วย และเกมส์น้องใหม่ “Tap the Bird” ซึ่งเป็นเกมเกี่ยวกับศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่จะสามารถช่วยเสริมทักษะด้านภาษาได้อีกด้วย โดยทั้งหมดได้รับฟีดแบ็คอย่างดีเยี่ยม

ล่าสุดกับ “Monolive” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นโปรแกรมการแชทของคนไทยในระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน ซึ่งโปรแกรมนี้ผู้ใช้จะสามารถพูดคุย สื่อสาร ส่งข้อความฟรี ซึ่งปัจจุบันมียอดการดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานกว่า 200,000 คน หลังเปิดตัวเพียง 4 สัปดาห์ และยังมียอดดาวน์โหลดขึ้นเป็นอันดับ 1 ในขณะนี้ โดยความพิเศษของ “Monolive” คือจะเป็นแอพที่รวบเอาข้อดีของทุกแอพแชทมาอยู่ที่จุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นของ WhatApp Line หรือ BBM อาทิ บัดดี้สเตตัส การส่งไฟล์วีดีโอและเสียงพูด จึงทำให้ขณะนี้มีสมาชิกแล้วกว่า 200,000 คน และคาดว่าจะมีถึง 2, 000,000 คนภายในปีนี้ ทั้งนี้เราได้เตรียมพร้อมระบบเพื่อรองรับให้ผู้ใช้งานได้ทั่วโลก โดยจะเน้นตลาดที่บริษัทมีสาขาอยู่แล้ว เช่น อินโดนีเซีย เกาหลี และในประเทศที่เรากำลังจะเปิดสาขาในอนาคต ได้แก่ เวียดนามและรัสเซีย

ในส่วนของการลงทุนอาจจะไม่ได้ลงในตัวเลขมากนัก แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะลงทุนในระบบเพื่อรองรับกับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล และคงต้องเน้นเรื่องของการพัฒนาฟีเจอร์และฟังค์ชั่นให้ดียิ่งๆขึ้นไป และก็ต้องแข่งกับเจ้าของแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่จะวัดความสำร็จได้ คือ การสร้างแอพให้โดดเด่นถูกใจผู้บริโภคให้มากที่สุด

ปัจจุบันโมโนกรุ๊ปถือเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์บนมือถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย อีกทั้งยังมีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาคอนเทนต์ในทุกรูปแบบ จึงมองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมากในการที่จะขยายตลาดด้านนี้ให้กว้างมากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ” นายนวมินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

View :1793

“คิงส์ตัน” แบรนด์หน่วยความจำที่ดีที่สุดและได้รับความไว้วางใจสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

March 16th, 2012 No comments


นับแต่การก่อตั้งในปี 2530 เป็นต้นมา บริษัท คิงส์ตัน ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลกถือเป็นแบรนด์โมดูลหน่วยความจำอันดับหนึ่งในปัจจุบันด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% จากการสำรวจของบริษัทวิจัยตลาดชั้นนำทั่วโลก ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2554 ที่ผ่านมา คิงส์ตันยังคงความเป็นแบรนด์โมดูลหน่วยความจำที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจเป็นอันดับหนึ่ง พิสูจน์ได้จากยอดขาย DRAM ที่เติบโตขึ้นกว่า 20% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความไว้วางใจจากผู้บริโภคและยอดขายที่เติบโตขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งผู้นำตลาดของคิงส์ตันได้อย่างชัดเจน

“คิงส์ตันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงจากสื่อชั้นนำมากมายในภูมิภาค และขอขอบคุณทุกคะแนนโหวตที่มีให้กับเรา ซึ่งรางวัลเหล่านี้นับเป็นแรงบันดาลใจสำคัญยิ่งสำหรับคิงส์ตัน” แอน ไบ (Ann Bai) ผู้อำนวยการฝ่ายขายหน่วยความจำ DRAM ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของคิงส์ตัน กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ “ในยุคแห่งคลาวด์คอมพิวเตอร์เช่นในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ RAM สำหรับเซิฟเวอร์จากคิงส์ตันนับเป็นทางเลือกอันดับแรกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งองค์กรขนาดใหญ่ ศูนย์ข้อมูลและศูนย์บริการคลาวด์คอมพิวเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์อันเป็นที่รู้จักแพร่หลายอย่าง ValueRAM แล้ว คิงส์ตันยังนำเสนอผลิตภัณฑ์โมดูลหน่วยความจำประสิทธิภาพสูงคุณภาพระดับพรีเมียมอย่าง HyperX ที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับคอเกม นักโอเวอร์คล็อก ผู้รักการปรับแต่งฮาร์ดแวร์และผู้บริโภคที่ชื่นชมไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมอีกด้วย ทั้งนี้คิงส์ตันขอสัญญาว่าเราจะยังคงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมโมดูลหน่วยความจำคุณภาพสูงรวมถึงบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ให้กับผู้บริโภคต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง”

คิงส์ตันนำเสนอผลิตภัณฑ์โมดูลหน่วยความจำหลากหลายซีรีส์ไม่ว่าจะเป็น ValueRAM, HyperX, System-Specific และ Server Memory โดยผลิตภัณฑ์โมดูลหน่วยความจำทุกชนิดของคิงส์ตันรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ผ่านการทดสอบ 100% พร้อมรับประกันตลอดอายุการใช้งานและบริการสนับสนุนด้านเทคนิคฟรี

รับชมวิดีโอสัมภาษณ์ได้ที่ … http://www.youtube.com/watch?v=OkE5Hg_P9xc&feature=youtu.be

View :1965