Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ทรูไลฟ์ พลัส เขย่าตลาด Pay TV เปิดแพ็กเกจใหม่ “ทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์”

February 15th, 2012 No comments

ดูรายการระดับโลกในราคาสุดพิเศษ เดือนละ 590 บาท เพียงใช้ แบบรายเดือน แพ็กเกจ 399 บาทขึ้นไป 2 เบอร์ในบ้านเดียวกัน

ศูนย์รวมความพิเศษของทุกบริการในกลุ่มทรู โชว์ศักยภาพผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ไลฟ์สไตล์ เปิดตัวแพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม “โกลด์ไลท์” ชมรายการระดับโลกคุณภาพกว่า 92 ช่อง ในราคาพิเศษเพียงเดือนละ 590 บาท (จากปกติเดือนละ 1,070 บาท) สำหรับลูกค้าที่ใช้ทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน แพ็กเกจ 399 บาทขึ้นไป 2 เบอร์ในบ้านเดียวกัน โดนใจทุกคนในครอบครัว ครบทุกประเภทรายการทั้งหนังดังสุดฮิตระดับอินเตอร์ ซีรี่ส์บันเทิงสุดฮอตจากแดนกิมจิ บอลพรีเมียร์ลีกแมทช์ดัง การ์ตูนสนุกสร้างสรรค์ยอดฮิตจากอเมริกา สารคดีระดับโลก และช่องรายการอื่นๆ อีกมากมาย สมัครได้แล้ววันนี้ที่ทรูช้อป ทรูพาร์ตเนอร์ทุกสาขา หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า ทรูไลฟ์พลัส โทร 02 900 9119

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ คอนเวอร์เจนซ์ กลุ่มบริษัททรู และกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรูไลฟ์ พลัส ต่อยอดความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม สร้างปรากฎการณ์ความคุ้มค่าอีกครั้งกับคอนเวอร์เจนซ์แพ็กเกจใหม่ ผนวกบริการทรูมูฟ เอช และทรูวิชั่นส์ ให้ลูกค้าได้ทั้งโทรและออนไลน์ผ่านเครือข่าย 3G+ แถมยังได้รับความรู้ความบันเทิงจากหลากหลายรายการของทรูวิชั่นส์ ล่าสุด เปิดตัว “ทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ แพ็กเกจ” ที่รวมช่องรายการดังระดับโลก ตอบสนองทุกความชอบสำหรับทุกคนในครอบครัว ออกแบบพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้ทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน แพ็กเกจ 399 บาทขึ้นไป 2 เบอร์ในบ้านเดียวกัน ให้รับชมรายการคุณภาพระดับโลกจากทรูวิชั่นส์ ในราคาเบาๆ เพียงเดือนละ 590 บาท (จากปกติเดือนละ 1,070 บาท) มั่นใจว่า ความคุ้มค่าของแพ็กเกจทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ ที่ให้ลูกค้าได้ทั้งดูช่องรายการคุณภาพของทรูวิชั่นส์ พร้อมโทรและเล่นเน็ตผ่านเครือข่ายคุณภาพของทรูมูฟ เอช จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีเหมือนเช่นเคย

นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรูวิชั่นส์ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำตลาดบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ทรูวิชั่นส์มุ่งมั่นคัดสรรรายการคุณภาพสำหรับทุกคนในครอบครัว เพื่อมอบสาระ ความรู้ และความบันเทิงอย่างครบครันให้ผู้บริโภคทุกระดับ โดยเฉพาะทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ แพ็กเกจ ที่ออกแบบและเลือกสรรหลากหลายคอนเทนต์ครบรส โดนใจทุกคนในครอบครัว ทั้งรายการบันเทิงและวาไรตี้ อาทิ ช่อง TVN ช่องบันเทิงจากเกาหลี เต็มอิ่มกับหนังดังและสุดยอดรายการบันเทิงทางช่อง FOX Family Movies เอาใจชายหนุ่มผู้รักความเร็วและการแต่งรถ ด้วยช่องรายการ Discovery Turbo และสำหรับแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะได้ชมการถ่ายทอดสดรวมกว่า 150 แมทช์ ต่อฤดูกาล ทางช่องทรูสปอร์ต 2, ทรูสปอร์ต 5, ทรูสปอร์ต 6 และทรูสปอร์ตเอ็กซ์ตร้า 1 และยังมีช่องกีฬาอีกหลากหลายเพื่อแฟนกีฬารวมกว่า 12 ช่อง นอกจากนี้ยังครบครันด้วยช่องเพื่อเด็กๆ อย่าง Nickelodeon ช่องการ์ตูนยอดนิยมจากอเมริกา อภิมหาความสนุกเพื่อคุณหนูๆ ที่ชื่นชอบการ์ตูน รวมถึงช่องรายการอื่น ๆ อีกมากให้เลือกรับชมได้รวมกว่า 92 ช่อง โดยลูกค้าจะได้รับชมรายการผ่านกล่องอัจฉริยะรุ่นใหม่ “ทรูวิชั่นส์ รุ่น เอชดี พลัส” ที่มีคุณภาพความคมชัดสมจริง ระบบเสียงรอบทิศ สามารถรองรับการเพิ่มช่องใหม่ และรายการคุณภาพระดับโลกด้วยระบบดิจิตอลในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังสามารถอัพเกรดเป็นแพ็กเกจโกลด์, แพลทินัม หรือเลือกซื้อแพ็กเกจพิเศษเพิ่มได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวแพ็กเกจ “โกลด์ไลท์” ตอกย้ำยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มทรู มอบความพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้ทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน แพ็กเกจ 399 บาทขึ้นไป 2 เบอร์ในบ้านเดียวกัน สามารถสมัครชมทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ แพ็กเกจ ด้วยค่าบริการเพียงเดือนละ 590 บาท (จากปกติเดือนละ 1,070 บาท) ซึ่งจะช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ ให้ลูกค้าได้ทั้งโทรและออนไลน์เต็มสปีดบนเครือข่าย 3G+ ที่เร็วและแรงเหนือใคร ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps* ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดทั่วกรุงเทพฯ ทุกจังหวัดมากกว่า 600 อำเภอทั่วไทย รวมถึง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ สนามบินหลัก 10 แห่ง ทางหลวงสายหลัก 4 เส้นทาง และบริการ WiFi ความเร็วสูงสุด 8 Mbps ครอบคลุม 100,000 จุด ทั้งในและต่างประเทศ และยังได้ชมรายการคุณภาพระดับโลก หลากหลายทั้งสาระและความบันเทิงจากทรูวิชั่นส์มากถึง 92 ช่อง นอกจากนี้ ในเร็วๆ นี้ สมาชิก ทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ แพ็กเกจ จะสามารถรับชมรายการผ่านแอพพลิเคชั่น TV anywhere ได้เช่นเดียวกับลูกค้าทรูมูฟ เอช ที่เป็นสมาชิกทรูวิชั่นส์ แพลทินัม และโกลด์ แพ็กเกจ ซึ่งสามารถดูรายการต่างๆ บนมือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านเครือข่าย 3G+ ของทรูมูฟ เอช

นอกจากนี้ ทรูไลฟ์ พลัส ยังเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ ที่เล่าประสบการณ์ของ 3 คู่ที่ใช้ทรูมูฟ เอช 2 เบอร์ ซึ่งมีทั้งคู่สวีท ณัฐ ศักดาทร และปั๋ม AF7 คู่พ่อและลูก และคู่แฝด ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นอารมณ์ต่างๆ ทั้งความสนุก และความตื่นเต้นของทุกคู่จากการที่ได้รับชมรายการคุณภาพระดับโลกจากทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ ทั้งนี้ ลูกค้าที่สนใจสามารถสมัคร “ทรูวิชั่นส์ โกลด์ไลท์ แพ็กเกจ” ได้แล้ววันนี้ที่ร้านทรูช้อปทุกสาขา หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า ทรูไลฟ์พลัส โทร 0 2900 9119

* ความเร็วในการใช้บริการ 3G+ ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้งาน ณ จุดที่ใช้งานและอุปกรณ์ที่รองรับ

View :1334

ไอบีเอ็มตั้งเป้าปี 2555 นำประเทศไทยก้าวสู่โลกใหม่ เร่งสร้างธุรกิจ สร้างคน สร้างเมือง ให้กับประเทศไทย

February 15th, 2012 No comments

บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ตั้งเป้าหมายปี 2555 เน้นนำประเทศไทยก้าวสู่โลกใหม่ นำองค์ความรู้ ความก้าวหน้าเทคโนโลยีในอนาคต มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพของทุกธุรกิจอุตสาหกรรมในไทย มุ่งสร้างธุรกิจ สร้างคน สร้างเมือง ควบคู่ไปกับการ สร้างสมาร์ทบิสิเนส เป็นคู่คิดช่วยปฏิรูปการดำเนินธุรกิจของลูกค้า ด้วยโซลูชั่นที่ตอบโจทย์และสร้างคุณค่าให้กับทุกอุตสาหกรรม นำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยจัดการและวิเคราะห์จำนวนมหาศาล (Big Data) โซเชียลบิสิเนส (Social Business) สมาร์ทคอมเมิร์ซ (Smart Commerce) ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน และสร้างความสำเร็จของธุรกิจในยุคนี้ พร้อมขยายตลาดเพิ่มสาขาต่างจังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และประเทศลาว

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ในปี 2555 นี้ไอบีเอ็มได้ตั้งเป้าหมายสำคัญไว้ 3 เรื่องนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ คือ การสร้างธุรกิจ สร้างคน และสร้างเมือง เพื่อนำประเทศไทยก้าวสู่โลกยุคใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจการลงทุนของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ฐานการผลิตและการลงทุนต่างก็พุ่งเป้ามาที่ประเทศในกลุ่มที่ตลาดกำลังเติบโต (Growth Market) รวมทั้งอาเซียนและประเทศไทย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความพร้อมเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ เป็นแหล่งผลิตสินค้า และแรงงานที่มีคุณภาพ ด้วยการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ สร้างมูลค่าทางธุรกิจ และทรัพยากรคนที่มีทักษะความชำนาญ

ในฐานะที่ไอบีเอ็มเป็นองค์กรของความก้าวหน้า ด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยที่คิดค้นสร้างสรรค์ให้โลกธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับในปี 2555 นี้ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ครบรอบ 60 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไอบีเอ็มทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยและองค์กรต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้แก้ไขปัญหาที่ท้าทายและซับซ้อน พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพในด้านต่างๆ ด้วยหลักการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานและค่านิยมของเราในการสร้างความก้าวหน้าให้กับลูกค้า พันธมิตร และตอบแทนให้กับประเทศชาติ จึงได้กำหนดที่จะทำภารกิจใน 3 มิติ เพื่อ สร้างธุรกิจ สร้างคน และสร้างเมือง

1. สร้างธุรกิจ : Building Smarter Business ไอบีเอ็มมุ่งสร้างโซลูชั่นใหม่ๆมาสู่ตลาด เป็นคู่คิดในการช่วยปฏิรูปการดำเนินธุรกิจของลูกค้า ในเรื่องของกระบวนการทางธุรกิจ ช่วยลดค่าใช้จ่าย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวบรวมเอาเทคโนโลยีที่เป็นโซลูชั่นครบทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการทางด้านไอที มาช่วยสร้างคุณค่าให้กับทุกธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยโซลูชั่นทั้งหมดในปีนี้ได้เน้นตอบโจทย์ กระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ที่องค์กรต่างๆต้องพร้อมรับมือ เช่น ภาวะข้อมูลกำลังล้นโลก หรือมีอยู่มากมายจนเกิดกระแสที่เรียกว่าบิ๊กดาต้า ซึ่งหมายถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ซับซ้อน มาจากหลากหลายแหล่งและไม่มีโครงสร้างตายตัว (Unstructured Data) ข้อมูลดิบมหาศาลหรือบิ๊กดาต้าเหล่านี้ ต้องนำระบบวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ(Business Analytics) มาช่วยให้องค์กรปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยระบบวิเคราะห์ข้อมูลจะต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญในการคิดไตร่ตรอง นำมาใช้ตัดสินใจและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ และช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลทุกอย่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว โลกของเรามีการเชื่อมต่อทางสังคมมากขึ้น ตอนนี้โลกกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ จากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโทรศัพท์มือถือ แท๊บเล็ต ทุกคนกลายเป็นผู้เผยแพร่คอนเท้นต์ ไอบีเอ็มมองว่าโซเชียลบิสิเนส รวมทั้งโซลูชั่นสมาร์ทเตอร์ คอมเมิร์ซ ที่ได้ออกแบบมาสำหรับช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด ที่ครบวงจร เพื่อรองรับยุคของผู้บริโภคที่นิยมใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ จะเป็นกลจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปธุรกิจ โดยจะช่วยให้ทุกภาคส่วนขององค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากแนวคิดการเชื่อมโยงกันทางสังคมในระบบงานธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ ไอบีเอ็มยังได้ขยายตลาดออกไปสู่ภูมิภาค และประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นไปในจังหวัดกลุ่มที่มีนิคมอุตสาหกรรมในทุกๆภาค เพื่อขยายการดูแลลูกค้าให้ได้อย่างใกล้ชิด โดยในปีนีมีแผนขยายไปที่ ชลบุรี โคราช ขอนแก่น หาดใหญ่ และ ประเทศลาว

2. สร้างคน Smarter People : Building workforce of the future สร้างทักษะในตลาดแรงงานโดยเฉพาะทักษะทางด้านไอที จากผลสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั่วโลก ชี้ว่าอุตสาหกรรมไอที กำลังต้องการบุคลากรที่มีทักษะทางด้าน การวิเคราะห์ข้อมูล( Business Anayltics) บุคลากรที่มีทักษะด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง และบุคลากรที่มีความรู้ด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม ไอบีเอ็มได้ริเริ่มช่วยสร้างบุคลากรเหล่านี้ โดยมีแผนงานที่จะนำเอาทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญของไอบีเอ็มมาให้ความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องความสำคัญและความต้องการ บุคคลากรที่มีทักษะดังกล่าว โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อร่วมกันพัฒนาและสร้างคนกลุ่มนี้ ในการเตรียมรองรับความต้องการของตลาดดังกล่าว นอกจากนี้ไอบีเอ็มยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นผู้นำมาโดยตลอด เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่มองโลกเป็นผืนเดียวกัน เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาผู้นำยุคใหม่ที่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก ด้วยแนวทางการพัฒนาผู้นำของไอบีเอ็ม

3. สร้างเมือง Smarter Cities : System of The Cities ความแข็งแรงของเมืองที่มีศักยภาพหลากหลายด้านจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ ไอบีเอ็มมีแผนงานจะไปช่วยพัฒนาระบบของเมือง นำความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ มาบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพในเมืองใหญ่ เพื่อสร้างโมเดลสมาร์ทเตอร์ซิตี้ ในงานบริการภาครัฐ (Government Service) ด้านความปลอดภัยสาธารณะ ( Public Safety) ทางด้านการขนส่ง (Transportation) ทางด้านการศึกษา (Education) ทางด้านพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy and Utilities) ทางด้านการสื่อสาร (Telecommunications) และทางด้านการสาธารณะสุข (Healthcare) โดยมุ่งไปที่จังหวัดในเขตนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการลงทุนภาคอุตสาหกรรม การเข้ามาช่วยสร้างโมเดลสมาร์ทเตอร์ซิตี้ จะเป็นการช่วยสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานให้เมืองพร้อมรองรับการเติบโต พัฒนาเมืองให้เกิดความแข็งแกร่ง สร้างศักยภาพทางด้านตราสินค้าของเมืองให้เป็นที่จดจำได้

“ไอบีเอ็มมั่นใจว่าด้วยองค์ความรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ผนวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการผลักดันแผนงานดังกล่าวให้ต่อเนื่องจะช่วย สร้างธุรกิจ สร้างคน และสร้างเมือง สามารถนำประเทศไทยก้าวเข้าสู่โลกใหม่ได้อย่างแท้จริง” นางพรรณสิรี กล่าวสรุป

View :1357

อาร์เอส จับมือ เอไอเอส เปิดตัวแคมเปญ AIS ชวนโหลดเหินฟ้า อาร์สยาม จัดให้

February 15th, 2012 No comments

ค่ายเพลงอาร์สยาม ในเครือ บมจ.อาร์เอส จับมือ เอไอเอส เปิดตัวแคมเปญใหม่ “ ชวนโหลดเหินฟ้า อาร์สยาม จัดให้” ลุ้นควงแขน 2 ศิลปิน บ่าววี และ จินตหรา พูนลาภ อาร์สยาม กิน เที่ยว ญี่ปุ่น ฟรี!!! สร้างสีสันเอาใจคนชอบโหลดสำหรับผู้ใช้บริการเอไอเอสโดยเฉพาะ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 เมษายน คาดเปิดใช้บริการ 2 เดือนแรกกระตุ้นยอดดาวน์โหลดให้กลับมาคึกคักได้อย่างแน่นอน

อภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานดิจิตอล บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่านับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ในวงการเพลงลูกทุ่งที่ AIS จับมือ ค่ายเพลงอาร์สยาม ในเครือ บมจ.อาร์เอส จัดแคมเปญพิเศษ AIS ชวนโหลดเหินฟ้า อาร์สยามจัดให้ กิน เที่ยว ญี่ปุ่น ฟรี!! พิเศษสำหรับลูกค้า AIS ที่สมัครแพ็คเกจเหมาหรือโหลดเพลงผ่าน *223 อาร์สยามจัดให้ หรือโหลดเพลงรอสาย ริงโทน เพลงเต็ม เอ็มวี จากค่ายอาร์สยามผ่านคอลลิ่งเมโลดี้ *789 ก็มีสิทธิ์ลุ้น ควงแขน บ่าววี อาร์สยาม และ จินตหรา พูนลาภ อาร์สยาม ไปย้อนอดีตกับปราสาทโอซาก้า ชมภูเขาไฟฟูจิ นมัสการเจ้าแม่กวนอิม และช้อปปิ้งย่านชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น ฟรี 5 วัน 3 คืน มูลค่า 55,000 บาท รวมจำนวน 20 รางวัล (รางวัลละ 1 ที่นั่ง) รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 เมษายนนี้ โดยประกาศรางวัล ครั้งแรกในวันที่ 30 มี.ค. 55 และครั้งต่อไปในวันที่ 30 เม.ย. 55 หรือสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีได้ที่ www.rsiamonline.com

อาร์เอส ในฐานะผู้ทำธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เชื่อว่าบริการดังกล่าวจะสามารถสร้างความคึกคักให้กับวงการดาวน์โหลดอีกครั้ง พร้อมกับขยายฐานผู้ใช้บริการให้เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเรามั่นใจว่าบริการ *223 อาร์สยามจัดให้ จะเป็นช่องทางสำคัญในการนำเสนอผลงานเพลงลูกทุ่งไปสู่ผู้ฟังได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถดาวน์โหลดเพลงลูกทุ่งที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเราเป็นเจ้าของคลังเพลงลูกทุ่งขนาดใหญ่ที่สุด ที่รวบรวมมาเพื่อต้องการตอบโจทย์ผู้ฟังเพลงลูกทุ่งหลากหลายสไตล์ให้ทั่วถึง อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับกลุ่มผู้ฟังในต่างจังหวัดได้เข้าถึงคอนเท้นต์เพลงลูกทุ่งระดับคุณภาพอย่างง่ายดายอีกด้วย คาดหลังจากเปิดตัวแคมเปญ AIS ชวนโหลดเหินฟ้า อาร์สยามจัดให้ กิน เที่ยว ญี่ปุ่น ฟรี!! ภายในระยะเวลา 2 เดือน จะมียอดผู้ลงทะเบียนใช้บริการ *223 อาร์สยามจัดให้ ประมาณ 2 แสนรายเลยทีเดียว

ด้าน นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เอส กล่าวว่า “ปัจจุบัน ลูกค้าที่ใช้บริการเพลงผ่านทางโทรศัพท์มือถือของเอไอเอสมีอยู่ 6 ล้านคนต่อเดือน และมากกว่า 40% ของผู้ใช้งานเลือกใช้พลงรอสายและดาวน์โหดเพลงลูกทุ่ง ในปี 2011 ยอดดาวน์โหลดเพลงรอสายลูกทุ่งโตกว่า 15% จากการที่เรามองเห็นถึงความเติบโตของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ เอไอเอสต้องขอขอบคุณอาร์สยามในการให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งกว่า 10 ปีที่ผ่านมาในการบุกตลาดใหม่ๆ ของวงการเพลงลูกทุ่ง

ดังนั้น เพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนลูกค้า เอไอเอส และ อาร์สยาม จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรม
“AIS ชวนโหลดเหินฟ้า อาร์สยามจัดให้ กิน เที่ยว ญี่ปุ่น ฟรี!!” ขึ้น เพื่อเป็นการมอบประสบการณ์พิเศษจากนักร้องคนพิเศษ เพื่อลูกค้าคอลูกทุ่ง โดยเชื่อว่าสุดยอดซุปตาร์ลูกทุ่ง 2 ท่านอย่าง บ่าววี และจินตหรา พูนลาภ จะสามารถมอบความสุขได้อย่างจัดเต็มอย่างแน่นอน ทั้งนี้การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ยังเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะสรรหาความหลากหลายของคอนเท้นต์ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการเพื่อการใช้ชีวิตในแบบคุณ

View :1330
Categories: Press/Release Tags: ,

ทรูมูฟ เอช ร่วมกับ WBA และซิสโก้ เปิดให้ทดสอบ Next Generation Hotspot (Hotspot 2.0) ครั้งแรกในเอเชีย

February 15th, 2012 No comments

ผู้นำบริการ WiFi และ 3G สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศ ประกาศความร่วมมือกับ สมาพันธ์ (Wireless Broadband Alliance) และซิสโก้ นำ () มาเปิดให้ลูกค้าทดลองสัมผัส เป็นครั้งแรกในเอเชีย โดย Next Generation Hotspot () เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีจาก ที่ปรับปรุงการเชื่อมโยงสัญญาณระหว่าง WiFi และ 3G ได้อัตโนมัติ พร้อมความปลอดภัยของข้อมูลสูง ผู้สนใจสามารถทดลองใช้บริการได้ ณ ทรูช้อป สาขาเซ็นทรัล พระราม 9 และทรูช้อป สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555

นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้อำนวยการ ด้านธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เทคโนโลยี Next Generation Hotspot (Hotspot 2.0) เกิดจากความร่วมมือของสมาชิกสมาพันธ์ WBA ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผู้ให้บริการโซลูชั่นเครือข่าย และผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารชั้นแนวหน้า ที่ออกแบบขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในการใช้งานโมบายล์ อินเทอร์เน็ต โดยจะเชื่อมโยงสัญญาณระหว่าง WiFi และ 3G อย่างอัตโนมัติ ทำให้สามารถออนไลน์ไร้สายได้ตลอดเวลา ราบรื่นไม่ติดขัดแม้ขณะปรับเปลี่ยนการเชื่อมโยงสัญญาณ อีกทั้งยังส่งผลให้มีพื้นที่บริการครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้กำลังทดสอบนวัตกรรมดังกล่าวในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง ขณะที่ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ผ่านมา จะถูกนำไปเสนอในการประชุม GSMA World Congress ที่จะจัดขึ้นปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน

“ทรูมูฟ เอช ในฐานะสมาชิกสมาพันธ์ Wireless Broadband Alliance (WBA) และหนึ่งในคณะผู้บริหารของสมาพันธ์ ที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งเป็นผู้นำบริการ WiFi และ 3G เพียงรายเดียวของไทยที่มีส่วนร่วมในโครงการ Next Generation Hotspot (Hotspot 2.0) ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีบทบาทสำคัญในโครงการนำร่องทดสอบนวัตกรรมเทคโนโลยีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู ที่มุ่งมั่นเพิ่มความสะดวกสบาย ให้ใช้ชีวิตอิสระยิ่งขึ้นผ่านการเชื่อมโยงบรอดแบนด์ไร้สายอย่างราบรื่น และมีความปลอดภัยสูงในการรับส่งข้อมูล”

ดร. ธัชพล โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สมาร์ทโฟนกำลังเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารไร้สายในปัจจุบัน และ WiFi ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์เชื่อมโยงไร้สายความเร็วสูง จากรายงานการประเมินผลของ Cisco Visual Networking Index ประจำปี 2554 คาดว่าจะมีเครื่องมือสื่อสารไร้สายมากกว่า 7.1 พันล้านเครื่องในปี 2558 ซึ่งเกือบจะเท่ากับจำนวนประชากร 7.2 พันล้านคนในปีเดียวกัน เรารู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สาย คือ สมาพันธ์ WBA (Wireless Broadband Alliance) และ ทรูมูฟ เอช ในการทดลองให้บริการเชื่อมโยงไร้สายความเร็วสูงที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย”

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จุดเด่นของเทคโนโลยี Next Generation Hotspot (Hotspot 2.0) คือเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เชื่อมโยงบรอดแบนด์ไร้สายผ่านซิมการ์ด และโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ ที่จะทำการเลือกโครงข่าย WiFi Hotspot ให้อัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องจำ SSID (Service Set IDentifier) ไม่ว่าจะใช้งานที่ใดทั่วโลก และด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ระบบจะจดจำข้อมูลผู้ใช้ผ่านซิมการ์ด จึงล็อกอินใช้งานได้โดยไม่ต้องพิมพ์ Username และ Password ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังมั่นใจได้ว่าการใช้งานจะปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพราะเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลด้วยระบบ WPA2-Enterprise (WiFi Protected Access 2) ที่นำคุณลักษณะในระบบเครือข่ายองค์กรแบบส่วนตัว (Private Enterprise Network) มาไว้ในระบบเครือข่ายฮอตสปอตสาธารณะ เพื่อลดการโจมตีจากภายนอกได้ เช่น การปลอมแปลง SSID เป็นชื่อเดียวกัน การเจาะดูข้อมูล และการบุกรุกเข้ามาในระบบ เป็นต้น โดยทรูมูฟ เอช ขอเชิญผู้สนใจทดลองสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวได้แล้วที่ทรูช้อป สาขาเซ็นทรัล พระราม 9 และ ทรูช้อป สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 29 กุมภาพันธ์นี้”

ทั้งนี้ นวัตกรรมเทคโนโลยี Next Generation Hotspot (Hotspot 2.0) ยังมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการสื่อสารเคลื่อนที่ โดยจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถบริหารจัดการช่องทางของการรับส่งข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของกลุ่มทรู ที่ได้ร่วมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมบรอดแบนด์ไร้สายระดับโลก

View :1574

แอลจี เปิดตัว PRADA PHONE BY LG 3.0

February 15th, 2012 No comments

บริษัท จำกัด เปิดตัว อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างปราด้า แบรนด์ชื่อดังระดับโลก และแอลจี ในการสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนซึ่งผสมผสานที่สุดแห่งดีไซน์และนวัตกรรมล้ำสมัยด้วย NOVA Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ที่ให้ความสว่างสูงที่สุดในโลกถึง 800-nit

PRADA PHONE BY LG 3.0


PRADA phone by LG 3.0 หรูหราด้วยหน้าจอทัชสกรีนแบบกลอสซี่ พร้อมดีไซน์ด้านหลังตัวเครื่องด้วยลายหนังซาฟเฟียโน (Saffiano) สุดคลาสสิคอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ปราด้า นับเป็นสมาร์ทโฟนที่สะท้อนปรัชญาการออกแบบของปราด้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นายสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีมุ่งนำเสนอมือถือซึ่งผสานเทคโนโลยีที่เหนือชั้น พร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เสมอมา สำหรับ PRADA phone by LG 3.0 เป็นผลงานชิ้นเอกที่ปราด้าและแอลจีใส่ใจและปราณีตในการออกแบบเพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนที่มีความสง่างามที่สุด ซึ่งนับเป็นการสานต่อความสำเร็จจากความร่วมมือระดับโลกระหว่าง ปราด้าและแอลจี”

ด้วยความพิถีพิถันในรายละเอียดทุกขั้นตอน PRADA phone by LG 3.0 ได้ถูกถ่ายทอดความงามลงบนตัวเครื่อง ด้วยความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร ตัวปุ่มการทำงานถูกดีไซน์ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน ช่วยเพิ่มความหรูหราให้โดดเด่นยิ่งขึ้น สำหรับประสิทธิภาพการทำงานเหนือกว่าด้วย Dual-Core และ Dual-Channel เพื่อการประมวลผลอันทรงพลัง พร้อม Dual Band WiFi เพื่อช่วยรองรับการเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด

PRADA phone by LG 3.0 ได้รับการออกแบบยูสเซอร์อินเทอร์เฟซ ด้วยไอคอนและเมนูการทำงานที่เน้นโทนสีดำ เทา และขาว ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 จิงเจอร์เบรด สามารถรองรับการอัพเกรดเป็น 2.4 ไอศครีม แซนด์วิชได้ในอนาคต

เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมหน้าจอ NOVA Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ที่ให้ความสว่างสูงที่สุดในโลกถึง 800nit จึงสามารถดูรูปภาพหรือคอนเทนต์อื่นๆ ได้อย่างสบายตาแม้อยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้ PRADA phone by LG 3.0 ยังมาพร้อมหน่วยความจำตัวเครื่อง 8GB กล้องความละเอียดสูง 8 ล้านพิกเซล บันทึกภาพได้ทุกความเคลื่อนไหว เพื่อให้ผู้ใช้งานสนุกสนานกับวินาทีแห่งความสุขได้ตลอดเวลา

PRADA phone by LG 3.0 ราคา 19,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และสามารถซื้อปราด้าบลูทูธ (มีจำนวนจำกัด) ได้ตามร้านค้าที่เข้าร่วมรายการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th หรือ www.pradaphonebylg3.com/thai ติดต่อศูนย์บริการข้อมูลแอลจี โทร 02-878-5757

ข้อมูลตัวเครื่อง
· ตัวเครื่องบางที่สุด เพียง 8.5 มิลลิเมตร
· หน้าจอ 4.3″ WVGA (800 x 480) NOVA Plus (800 นิต)
· หน่วยประมวลผลแบบ Tri Dual 1.0 GHz เพื่อรองรับและตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็วทันใจ และยังมีระบบ WiFi แบบ Dual-band สำหรับเชื่อมต่อไร้สายเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
· ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.3 จิงเจอร์เบรด (สามารถอัพเกรดเป็น 2.4 ไอศครีม แซนด์วิชได้ในอนาคต)
· หน่วยความจำตัวเครื่อง 8GB พร้อมกล้องความละเอียดสูง 8 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัสและแอลอีดี กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล
· การเชื่อมต่อ Bluetooth™ 3.0, USB 2.0, Wi-Fi™ Direct, DLNA, HDMI/MHL, NFC, A-GPS
· เครือข่าย HSPA+ 21Mbps
· ขนาด 127.5 x 69 x 8.5 มม.
· แบตเตอรี่ 1,540 mAh

ความร่วมมือระหว่างปราด้าและแอลจี
เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 นำมาสู่การเปิดตัวมือถือปราด้าถึงสองรุ่น โดยรุ่นแรกเข้าสู่ตลาดในปี พ.ศ. 2550 และต่อมาในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวครอบคลุมทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์, ยูสเซอร์ อินเตอร์เฟซ ไปจนถึงดีไซน์และแพ็คเกจ

PRADA Phone by LG 1.0 นับเป็นมือถือแบรนด์แฟชั่นระดับโลกรุ่นแรก ซึ่งมียอดขายถึงกว่า 1 ล้านเครื่อง เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างดีไซน์สุดหรูและเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ และ PRADA Phone by LG 1.0 ก็ได้รับเกียรติเข้าไปจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์การแสดงศิลปะสมัยใหม่ของนิวยอร์ค (New York City’s Museum of Modern Art – MoMA) และในพิพิธภัณฑ์การแสดงศิลปะร่วมสมัยของเซี่ยงไฮ้ (the Museum of Contemporary Art – MOCA)

PRADA Phone by LG จึงเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่นำเสนอให้แก่ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง โดย PRADA Phone by LG 1.0 เป็นมือถือทัชสกรีนรุ่นแรกของโลก และ PRADA Phone by LG 2.0 เป็นสมาร์ทโฟน ที่มอบประสบการณ์ที่แตกต่างผ่านเทคโนโลยี Link ที่มีอยู่ในนาฬิกาพิเศษ ซึ่งช่วยให้การใช้งานต่างๆ อาทิ การควบคุม caller ID การส่งข้อความ การบล็อคสายโทรเข้า-ออก เพื่อใช้งานสะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระดับโลกระหว่างปราด้าและแอลจี พร้อมรายละเอียดของ PRADA Phone by LG 3.0 ได้ที่ www.pradaphonebylg3.com/thai

View :2039

ประชุมวิชาการระหว่างประเทศของกลุ่มสมาชิกเครือข่าย Asia-Pacific Advanced Network: APAN ครั้งที่ 33

February 13th, 2012 No comments

สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสาร สนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ร่วมกับสมาคมเครือข่ายไทยเพื่อการศึกษาวิจัย (ThaiREN) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) จัดประชุมวิชาการระหว่างประเทศของกลุ่มสมาชิกเครือข่าย : ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ.55 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติ โรงแรม ดิ เอ็มเพรส จ.เชียงใหม่

กิจกรรมที่น่าสนใจคือการแสดงสดข้ามสามทวีป (Dance Dancing Across Oceans – Three Continent Networked Music and Dance Performance จำนวน 4 ประเทศ ได้แก่ Chiang Mai/Thailand, Barcelona/Spain, Salvador/Brazil and Daejeon/Korea ซึ่งจะร่วมแสดงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศในบทเพลงเดียวกัน โดยมีการถ่ายทอดสดแบบความละเอียดสูง (High definition video, HD) โดยที่ระยะห่างของสามทวีปมิได้เป็นอุปสรรค

สนใจลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ http://www.apan.uni.net.th หรือ http://www.apan.net/ โทร. 0-2354- 5678

Highlight activity on APAN

ในโลกปัจจุบัน หรือที่เราเรียกว่า ยุคไซเบอร์ เครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลายและไร้ขีดจำกัด ข้อมูลถูกแปลงจากระบบ “อนาล็อก” เป็น “ดิจิตอล” การสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนพัฒนากลายเป็นการสื่อสารยุคดิจิตอลไปในทุกๆ ด้านไม่เว้นแม้แต่ศิลปวัฒนธรรม การแพทย์และสุขภาพ ซึ่งได้มีการสื่อสารแลกเปลี่ยนไปพร้อมกันแม้อยู่กันคนละทวีป

ดังนั้นการแสดงในวันนี้ จึงเป็นการแสดงที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเป็นการแสดงสดข้ามสามทวีป (Dance Dancing Across Oceans – Three Continent Networked Music and Dance Performance จำนวน 4 ประเทศ ได้แก่ Chiang Mai/Thailand, Barcelona/Spain, Salvador/Brazil and Daejeon/Korea ซึ่งจะร่วมแสดงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศในบทเพลงเดียวกัน โดยมีการถ่ายทอดสดแบบความละเอียดสูง (High definition video, HD) โดยที่ระยะห่างของสามทวีปมิได้เป็นอุปสรรค ทั้งนี้เพราะการแสดงครั้งนี้ใช้เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชนิดพิเศษ ที่เรียกว่าเครือข่ายเพื่อการศึกษาวิจัย (Research Education Network, REN) ซึ่งไม่ใช่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วไป ทั้งนี้เพราะการแสดงต้องมีการปฎิสัมพันธ์กับแบบทันทีทันใด (Real time) เพื่อไม่ให้การแสดงต้องสะดุด ดังนั้นคุณภาพของภาพและเสียงจะต้องดีมาก รวมทั้งจะต้องมีระยะเวลาตอบสนองที่รวดเร็ว การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบธรรมดาจึงไม่สามารถใช้ได้ ทั้งนี้เพราะข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วและคุณภาพของระบบเครือข่าย

ในการแสดงนั้นจะมีการใช้เครื่องมือพิเศษ คือกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวความละเอียดสูง (HD) ถึง 2 ตัว โดยใช้อุปกรณ์ตัดต่อภาพแบบ Real-time จากนั้นก็จะส่งสัญญาณภาพและเสียงไปยังอุปกรณ์รวมสัญญาณ (Multi-conferencing Unit, MCU) ชนิดพิเศษที่รองรับความละเอียดสูง เพื่อให้นักแสดงทั้งสามประเทศสามารถเห็นนักแสดงร่วมในแต่ละประเทศพร้อมกัน ภาพและเสียงที่มีความละเอียดสูงนั้นจะมีขนาดของข้อมูลใหญ่มากซึ่งไม่สามารถที่จะส่งผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบธรรมดาได้ ดังนั้นจึงมีการติดตั้งระบบเครือข่ายเพื่อการศึกษาวิจัย (REN) โดยเชื่อมโยงระหว่าง เครือข่าย ThaiREN โดยมีสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นแกนหลัก จากนั้นจะเชื่อมโยงไปยังเครือข่าย TEIN (Trans Eurasia Information Network) ซึ่งเป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาวิจัยที่เชื่อมระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอชีย โดยการันตีขนาดความเร็วอินเทอร์เน็ตของทั้ง 3 ประเทศๆ ละ ไม่น้อยกว่า 200 Mbps

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเป็นการแสดงในยุคดิจิตอลนั้นเอง การแสดงนี้จะเป็นการผสมผสานศิลปวัฒนธรรมของแต่ละทวีป ผ่านบทเพลงที่สร้างสรรมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร โดยใช้เครือข่ายเพื่อการศึกษาวิจัย (REN) ซึ่งเป็นการแสดงศักยภาพของระบบเครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยง application ต่างๆ เช่น การแสดง การแพทย์ และอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติในอนาคตต่อไป เหนือสิ่งอื่นใดเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยก็มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ เช่นเดียวกัน

View :1817

แอลจีแต่งตั้ง “มร. ยอน โฮ (ไมเคิล) เจิง” เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ประจำประเทศไทย

February 13th, 2012 No comments

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประกาศแต่งตั้ง มร.ยอน โฮ (ไมเคิล) เจิง ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของบริษัท จำกัด


ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานถึง 25 ปี ผนวกกับวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่กว้างไกล มร.เจิง เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของแอลจี ทั้งในภูมิภาคยุโรปและสำนักงานใหญ่ ประเทศเกาหลี ล่าสุดก่อนเข้ารับตำแหน่งที่แอลจี ประเทศไทย มร. เจิง ได้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารในกลุ่มผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์โซลูชั่นทั่วโลก

ภายใต้การดำเนินงานของ มร. เจิง แอลจี ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำใน 3 ด้าน คือ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้วยการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เพื่อสามารถสร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำ และตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้อย่างสูงสุด, ด้านที่สองคือ การทำตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย โดยผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดที่แตกต่างและต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดียิ่งต่อพันธมิตรธุรกิจและลูกค้า ด้านที่สามคือ ความเป็นผู้นำในด้านการบริหารจัดการในทุกส่วนของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคล การบริหารจัดการซัพพลายเชน และการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ

“แอลจีได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้บริโภคต่อไป” มร. เจิง กล่าว

“ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่มีความสามารถหลากหลายของแอลจี ประเทศไทย และ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมกันสร้างแอลจีให้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง พร้อมการพัฒนาเพื่อสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” มร. เจิง กล่าวสรุป

View :1612

“เอ็มไทยดอทคอม” ส่ง “mobile Internet” พร้อม Mthai Promotion หวังโต 50%

February 13th, 2012 No comments

(www.) ในเครือ “โมโน กรุ๊ป” (Mono Group) มั่นใจธุรกิจดิจิตอลโตอย่างต่อเนื่อง เปิดมิติใหม่แห่งนวัตกรรมสร้างการโฆษณารูปแบบใหม่เข้าสู่ตลาดพ่วงอินเทอร์เน็ต และโมบายอินเตอร์เน็ต (mobile internet) ลั่นเข้าสู่ทุก “จอ” ทุกอุปกรณ์พร้อมให้ผู้เข้าชมเข้าเว็บไซต์ได้ในทุกที่ทุกสถานการณ์ เพื่อตอบรับการเข้ามาของเทคโนโลยี 3G และ Wi-Fi พร้อมลูกเล่นใหม่เปิดให้โฆษณาประชาสัมพันธ์บนเว็บเชื่อมโมบายด้วย “MThai Promotion ศูนย์รวมข่าวส่วนลด โปรโมชั่นสินค้า ให้ใช้ได้เริ่มต้น ฟรี !!!” ลั่นปีนี้ โตไม่น้อยกว่า 50 %

นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเว็บไซต์เอ็มไทยดอทคอมที่ผ่านมาถือเป็นปีทอง ปีที่ผ่านมาเอ็มไทยได้นำเสนอ รูปแบบการโฆษณาบนวีดีโอคลิปที่สามารถลงโฆษณาที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก รวมทั้งการจัดทำเว็บไซต์เป็นผู้แนะนำด้านการตลาดออนไลน์ร่วมกับเอเจนซี่สำหรับลูกค้าหลายราย เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเอเจนซี่และลูกค้า ทำให้ได้รับความไว้วางใจในการดูแลหลายแคมเปญ จนประสบความสำเร็จด้านยอดรายได้ส่วนโฆษณาเป็นอย่างดี ปีนี้ยังคงเดินแผนเดิมอย่างเข้มข้นพร้อมทั้งเปิดเนื้อหาใหม่ Mthai Promotion เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลส่วนลด สิทธิพิเศษสำหรับสินค้าแนวช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว ภัตตาคาร และอิเลคทรอนิกส์ เสริมรูปแบบการโฆษณาแนวใหม่ ข้อมูลส่วนลดบนเว็บไซต์จะทะลุเข้าไปยัง Application ของเอ็มไทย ลูกค้าไม่ต้องวางแผนประชาสัมพันธ์ส่วนลดแบบออนไลน์และโมบายแยกกันอีกต่อไป ด้วยแผนงานทั้งหมดจึงคาดการณ์ได้ว่าปีนี้ รายได้โฆษณาของเอ็มไทยดอทคอมจะเติบโตไม่น้อยกว่า 50%

นอกจากนี้เอ็มไทยดอทคอม จะกลายเป็นผู้นำด้านสื่อโฆษณาออนไลน์ที่มีลูกเล่นหลากหลายเหนือเว็บไซต์อื่นๆ และเมื่อกล่าวถึงเอ็มไทยดอทคอม สื่อนิตยสาร สื่อโทรทัศน์ดาวเทียมและสื่ออื่นๆ ในเครือธุรกิจโมโน กรุ๊ป ทั้งหมดนี้จะประกอบเป็นภาพใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นสื่อโฆษณาครบวงจรที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกช่องทาง และตอบสนองการรับรู้ให้กับสินค้าของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็มไทยดอทคอม ในเครือ “โมโน กรุ๊ป” กล่าวเพิ่มเติมว่า เอ็มไทยดอทคอมเป็นเว็บไซต์สัญชาติไทยที่ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 13 ทุกๆปีจะต้องวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับกระแสเทคโนโลยีใหม่ๆ ปี 2012 ถือเป็นการเปิดมิติใหม่แห่งโลกดิจิตอลที่เว็บเอ็มไทยจะมีการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมเคียงคู่การใช้งานทุกๆ อุปกรณ์ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ทั้ง 4 หน้าจอ ครอบคลุม คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ (ประเภทสมาร์ททีวีและอินเตอร์เน็ตทีวี) และ แท็บเบล็ต สรุปได้ว่า เอ็มไทยดอทคอมจะตามไปอยู่ในทุกๆหน้าจอให้ใช้งานทุกที่ทุกสถานการณ์ ทั้งนี้กระแสตอบรับใน Application ของเอ็มไทยดอทคอมก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี วัดได้จากยอดดาวน์โหลด MThai Application ที่ติดอันดับท็อป 10 ในสัปดาห์แรก ทั้งบน แอนดรอยด์ และไอโฟน ยอดรวมดาวน์โหลดล่าสุดมากถึง 60,000 ดาวน์โหลด (ในระหว่างเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม 2554) ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเร็วๆนี้ กำลังจะมีการพัฒนาตัว Application บนเทคโนโลยีของโนเกียอีกด้วย

ทางด้านคอนเท็น เรายังประกาศจุดแข็งเหนือเว็บไซต์อื่นๆ ในประเด็นการนำเสนอเนื้อหา เอ็มไทยดอทคอม มีทีมข่าว ทีมเนื้อหา ถือลิขสิทธิ์ในเนื้อหาของตนเอง และมีบริษัทคู่ค้าหลายรายไว้วางใจเอ็มไทยดอทคอมเซ็นสัญญาเผยแพร่ลิขสิทธิ์เนื้อหากับเอ็มไทยดอทคอมเพียงผู้เดียว ส่วนด้าน “ดิจิตอลคอมเมิร์ช” ล่าสุด คือบริการDoonung.mthai.com ที่ยังคงเติบโตต่อไป เป็นการดูหนังออนไลน์ที่ถูกลิขสิทธิ์ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์หนังต่างพึงพอใจที่มีเอ็มไทยดอทคอมช่วยทำการตลาดสู้กับแผ่นผี และปีนี้ยังต้องเติบโตสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ได้ข้อสรุปคือ สมาชิกสมัครแล้วติดใจใช้บริการต่อเนื่องหลายเดือน เป็นสัญญาณที่ดีของรูปแบบความบันเทิงส่วนตัวผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ต่างประเทศประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเราตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปี 2012 จะมีสมาชิกมากกว่า 55,000 ราย

“ทิศทางของเว็บไซต์และโลกออนไลน์ในปี 2012 เชื่อว่าจะเป็นปีที่มีการแข่งขันสูงมาก ปีที่ผ่านมาเอ็มไทยได้รับการตอบรับจากผู้เยี่ยมชมเป็นอย่างดีและได้รับความไว้วางใจจากเอเจนซี่ลูกค้าและบริษัทคู่ค้าหลายโครงการ ปีนี้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เราต้องทำให้คนเยี่ยมชมรักเราให้ได้ จดจำจุดเด่นของเราที่มีเหนือกว่าเว็บไซต์อื่น และแม้ไม่เข้ามาหาเรา เราจะเข้าไปหาคุณในทุกๆหน้าจอเอง ผมเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้นเหล่านี้จะทำให้เห็นการเติบโตด้านผู้เยี่ยมชมที่เป็นรูปธรรม และทะยานสู่ ความเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งเร็วๆ นี้” นายปฐมพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

View :1677

Nokia Belle ซอฟต์แวร์ล่าสุดสำหรับสมาร์ทโฟนโนเกีย พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว

February 13th, 2012 No comments

ซอฟต์แวร์ล่าสุดสำหรับสมาร์ทโฟนโนเกีย พร้อมให้อัพเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมาร์ทโฟนโนเกียได้แล้ววันนี้ โดยผู้ใช้ Nokia C6-01, C7, E6, E7, X7, และ N8 สามารถดาวน์โหลดฟรี ผ่านเครื่องคอมพิวเตอรด้วยโปรแกรม Nokia Suite หรือรับบริการดาวน์โหลดฟรีได้ที่โนเกีย แคร์ เซ็นเตอร์

มร. แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่กล่าววว่า “Nokia Belle เป็นระบบปฏิบัติการทรงประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ง่ายและสนุกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนความเป็นตัวตนบนหน้าจอหลักที่ปรับเปลี่ยนได้ มากถึง 6 หน้าจอ สามารถแบ่งปันข้อมูลและเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆด้วย NFC ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนโนเกียสามารถร่วมเปิดประสบการณ์สมาร์ทโฟนที่ฉลาดยิ่งขึ้นกับ Nokia Belle ได้แล้ววันนี้”

คุณสมบัติใหม่ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

หน้าจอหลักใหม่ทั้งหมด
Nokia Belle เพิ่มจำนวนหน้าจอหลักจาก 3 หน้าจอเป็น 6 หน้าจอ เพิ่มพื้นที่ในการแสดงแอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆ สามารถแสดงหน้าจอได้สมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นการวางหน้าจอแนวตั้งหรือแนวนอน เลือกวิดเจ็ทแบบอินเตอร์แอคทีฟได้หลากหลายขนาด ให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนประสบการณ์บนหน้าจอได้ด้วยตัวคุณเอง การเพิ่มวิดเจ็ทและshortcuts สามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงแค่กดค้างไว้เพื่อเลือกและเพิ่มวิดเจ็ท คุณสามารถลาก (drag) และวาง (drop) วิดเจ็ทระหว่างหน้าเพจได้ง่ายๆ เพราะวิดเจ็ทจะหาพื้นที่ว่างเองโดยอัตโนมัติ

การตอบสนองที่เร็วขึ้น
หน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้รวดเร็วขึ้นและพลังการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยให้การท่องเว็บราบรื่นยิ่งขึ้น ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น และทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ดีขึ้น ซอฟต์แวร์ใหม่ช่วยให้สมาร์ทโฟนโนเกียตอบสนองการทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 20%

แบ่งปันผ่าน NFC ได้ง่ายขึ้น (เฉพาะ Nokia C7)
ซอฟต์แวร์ใหม่มอบประสบการณ์ NFC ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว โดยเชื่อมต่อตรงไปยังแอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันรูปภาพเดียวหรือหลายรูป แบ่งปันวิดีโอและเพลง จับคู่ (pair) กับสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยี NFC อื่นๆ หรือการเล่นเกมส์ขั้นใหม่ๆ บน Angry Birds ทั้งหมดนี้คุณสามารถทำได้ง่ายๆ แค่แตะ (tap) สมาร์ทโฟนเข้าด้วยกัน

ประสบการณ์ด้านภาพถ่ายที่ราบรื่นต่อเนื่อง
แอพพลิเคชั่นด้านภาพถ่ายมีพื้นที่มากขึ้นสำหรับการจัดเก็บเนื้อหา และยังสามารถควบคุมได้ง่าย อัลบั้มภาพ (image gallery) จะแสดงภาพที่เราถ่ายเองเท่านั้น ซอฟต์แวร์ใหม่ยังมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ดีขึ้นด้วยวิดีโอคุณภาพ HD โดยสามารถบันทึกภาพได้ในอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และมีปุ่มกดถ่ายภาพบนหน้าจอ

รองรับ HTML5 ได้ดียิ่งขึ้น
Nokia Belle มาพร้อมการแสดงผลที่ดีขึ้น รวมถึงบริการใหม่ๆ บน HTML5 มี user interface ที่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานอื่นๆ บน Nokia Belle ซอฟต์แวร์ใหม่มาพร้อมกับ Toolbar ใหม่ สามารถดูประวัติการชมเว็บย้อนหลังด้วยปุ่ม back และ forward พร้อมแสดงหน้าที่เยี่ยมชมบ่อยที่สุด ระบบ Audio/video และ Geo-location สำหรับ HTML5 สามารถแสดงผลวิดีโอคุณภาพสูงบน YouTube พร้อมบริการ location-aware เช่น ‘Flickr Nearby photos’ ซึ่งใช้แสดงภาพถ่ายของสถานที่ใกล้เคียง

แผนที่โนเกียใหม่
แผนที่โนเกียใหม่ได้แบ่งแอพพลิเคชั่น Drive, Maps, Check-in และ Guides ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ระบบแผนที่นำทางใช้ข้อมูลจราจรจริงเพื่อความถูกต้องแม่นยำ โดยมาพร้อม User Interface ใหม่ซึ่งง่ายต่อการใช้งาน มี icon สำหรับการดาวน์โหลดแผนที่ประเทศและลบข้อมูลแผนที่ประเทศที่ซ้ำซ้อน แอพพยากรณ์อากาศ แสดงสภาพอากาศในปัจจุบัน และการคาดการณ์สภาพอากาศในอีก 5 วันข้างหน้า ทั้งยังมี Search ซึ่งเป็นแถบสำหรับค้นหาสถานที่โปรด และฟังก์ชั่นการค้นหาแบบออฟไลน์ นอกจากนี้ยังเพิ่ม “Place page” ในดีไซน์ใหม่พร้อมแกลลอรี่ภาพ แสดงการรีวิวที่เขียนโดยผู้ใช้งาน พร้อมคำอธิบายที่เขียนโดยเจ้าของสถานที่ หรือผู้ให้บริการคอนเทนท์

View :1939

ก.ไอซีที ห่วงใยเยาวชนช่วงวาเลนไทน์แนะใช้สื่อ ICT อย่างมีสติเพื่อความปลอดภัย

February 11th, 2012 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ในช่วงวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ที่กำลังจะมาถึงนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีความเป็นห่วงเยาวชนไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันการสนทนาต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถกระทำได้ง่าย เช่น การติดต่อสื่อสารผ่านเว็บไซต์ การสนทนาบนโทรศัพท์มือถือในรูปแบบต่างๆ หรือ การนัดพบเจอกันผ่านเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ ตลอดจนการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็ได้มีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งการตรวจสอบการใช้งานบนสื่ออินเทอร์เน็ตต่างๆ ข้างต้นนั้นกระทำได้โดยลำบาก เพราะเป็นการสนทนาระหว่างบุคคลที่มีรูปแบบแตกต่างกันไป

“กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตระหนักถึงภัยอันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น จึงขอแนะนำเยาวชนให้ระมัดระวังอันตรายจากการนัดพบกับบุคคลที่ติดต่อกันผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เนื่องจากบุคคลที่เราสนทนาด้วยนั้น อาจไม่ได้มีคุณสมบัติดีอย่างที่คิด หรือตามที่ได้มีการอวดอ้างไว้ในการสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเสมอไป จึงขอให้เยาวชนตระหนักว่า หากมีการชักชวนเพื่อนัดพบกันในวันดังกล่าว ควรไตร่ตรองอย่างมีสติและระมัดระวังหรือปรึกษาผู้ปกครองก่อนไปตามที่นัดหมายกัน รวมทั้งขอให้บอกกล่าวกับบุคคลใกล้ชิดไว้ด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการถูกล่อลวงเพื่อหวังทรัพย์สินหรือการกระทำอื่นๆ อันอาจจะเป็นอันตรายต่อเยาวชนได้ ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขอฝากถึงผู้ปกครองทุกท่านร่วมช่วยกันสอดส่อง และดูแลบุตรหลานในวันดังกล่าว เพื่อป้องกันหรือยับยั้งอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยควรให้ความรักความเข้าใจอย่างอบอุ่น รวมทั้งให้เวลากับเยาวชนในช่วงวันเวลาดังกล่าว ให้มากขึ้น” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1381