Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ก.ไอซีที ระดมสมองวางรูปแบบจัดตั้งห้องเรียนออนไลน์

February 8th, 2012 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดตั้งห้องเรียนออนไลน์ ว่า กระทรวงฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับการส่งเสริมการใช้และพัฒนาทักษะด้าน ICT อย่างทั่วถึง และสามารถนำ ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะลดความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างสังคมเมืองและชนบท รวมทั้งเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ถือเป็นทุนทรัพย์หลักของประเทศ ตามนโยบายและวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งต้องการให้ “ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา (Smart Thailand)” กระทรวงฯ จึงได้ผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการการเรียนการสอนแนวใหม่ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียน รวมทั้งกลุ่มครูที่สนใจด้าน ICT ได้มีโอกาสพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“ปัจจุบันเทคโนโลยีการเรียนออนไลน์เป็นรูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราวและเนื้อหา รวมถึงใช้สื่อในการนำเสนอบทเรียน และการเรียนการสอนที่อยู่ในรูปการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ จึงทำให้มีกลุ่มครูผู้สนใจด้าน ICT ร่วมมือกันพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนจนเกิดเป็นห้องเรียนออนไลน์ เพื่อเป็นเครื่องมือให้ครูผู้สอนและนักเรียนได้ถ่ายทอดความรู้ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด” นางจีราวรรณ กล่าว

ด้าน นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มครูผู้ที่สนใจด้าน ICT ได้ร่วมกันจัดทำห้องเรียนออนไลน์นำร่องขึ้นบนเว็บไซต์ที่ชื่อว่า www.thaischoolict.net/elearning โดยมีความตั้งใจทำให้ครบทุกสาระวิชา เพื่อให้เกิดห้องเรียนออนไลน์ที่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การดำเนินงานยังขาดปัจจัยในการพัฒนาอีกหลายด้าน จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการช่วยเหลือในการส่งเสริม สนับสนุน รวมถึงผลักดันเพื่อให้เกิดห้องเรียนออนไลน์ที่ครบถ้วน และมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมไปยังกลุ่มคนต่างๆ รวมถึงเครือข่ายอื่นๆ ที่มีความต้องการเหมือนกัน ซึ่งจะช่วยยกระดับครู นักเรียน และประชาชนทั่วไปให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดตั้งห้องเรียนออนไลน์ขึ้น โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ สถานศึกษา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มาระดมความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนแนวความคิด ทัศนคติ มุมมองต่อนวัตกรรมการออกแบบ และพัฒนาศูนย์รวมในการเรียนการสอนให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงให้สามารถขยายวงกว้างเพื่อขยายโอกาสไปยังเครือข่ายกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในการผลิตหลักสูตร และการใช้ประโยชน์จากห้องเรียนออนไลน์สำหรับจัดกิจกรรมการสอนของครู นักเรียน ผู้นำชุมชน คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส โดยให้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนต่างๆ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านั้นได้มีโอกาสในการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

“การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ กระทรวงฯ มุ่งหวังว่า จะได้รับฟังข้อมูลด้านการจัดทำห้องเรียนออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวความคิด สร้างสรรค์และพัฒนาองค์ความรู้สู่การปฏิบัติ รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ครู นักเรียน ผู้นำชุมชน คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และประชาชนทั่วไป ได้มีกิจกรรมเข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ซึ่งกระทรวงฯ ได้จัดตั้งขึ้นจำนวน 1,880 ศูนย์ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในระยะแรกจะดำเนินการให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์นำร่องจำนวน 25 ศูนย์ และจะดำเนินการให้ครบทุกศูนย์ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อให้เป็นเครือข่ายการเรียนรู้แก่นักเรียน หรือเด็กชนบทที่ห่างไกล และเด็กด้อยโอกาสได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ และนำความรู้ที่ได้รับนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป” นายสมบูรณ์ กล่าว

View :1478

เอ็นโซโก้เปิดตัวเว็บไซต์โฉมใหม่

February 8th, 2012 No comments

บริษัทในเครือลีฟวิ่งโซเชียล ผู้นำเว็บไซต์ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของไทย ปรับโฉมเว็บไซต์ใหม่ (www.ensogo.com) ให้ทันสมัยและโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม พร้อมช่วยสร้างสรรค์ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนานยิ่งกว่าที่เคย ด้วยการใช้งานที่เร็วขึ้นถึงสองเท่าและลุคแอนด์ฟีลที่ดูง่ายสบายตา เว็บไซต์เอ็นโซโก้ดีไซน์ใหม่ยังโดดเด่นด้วยการทำงานที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ช่วยให้สมาชิกค้นพบดีลใหม่ๆ ได้ในทุกๆ วัน ด้วยฟีเจอร์การแบ่งดีลตามเขตและจังหวัด รวมถึงการแบ่งดีลตามหมวดหมู่ต่างๆ ค้นพบและเพลิดเพลินไปกับดีลใหม่ๆ ในราคาสุดคุ้มได้ที่ www.ensogo.com

เอ็นโซโก้ บริษัทในเครือลีฟวิ่งโซเชียล ผู้นำเว็บไซต์ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งในประเทศไทย รวบรวมประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดคุ้มทั้ง กิน เที่ยว ช้อป จากผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำทั่วประเทศมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษมากกว่า 50% โดยผู้สนใจสามารถสมัครสมาชิกเว็บไซต์ www.ensogo.com เพื่อรับข่าวสารดีลใหม่ๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงแบ่งปันข้อมูลดีลสุดคุ้มให้เพื่อนๆ ได้รับทราบผ่านทางเครือข่ายสังคมต่างๆ ได้ในทุกๆ วัน นอกจากนี้ สมาชิกยังจะได้รับเครดิตเพิ่มขึ้นแทนคำขอบคุณหากชักชวนให้เพื่อนสมัครเป็นสมาชิกและซื้อดีลครั้งแรกบนเว็บไซต์เอ็นโซโก้

View :1561

แคนนอน เปิดตัว PowerShot S100 ใหม่

February 8th, 2012 No comments

แคนนอนต่อยอดความสำเร็จในตระกูล PowerShot ล่าสุด เปิดตัวกล้องดิจิตอลแคนนอน รุ่นใหม่ เน้นประสิทธิภาพสูงด้วยระบบป้องกันการสั่นไหวใหม่ล่าสุด Intelligent IS และเทคโนโลยี HS System มั่นใจว่าทุกภาพคมชัด ดีไซน์คล่องตัว น้ำหนักเบา ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ไม่พลาดเก็บทุกภาพช็อตสำคัญ

กล้องดิจิตอลแคนนอน PowerShot S100 ใหม่ พัฒนาจากรุ่นเดิม (S95) โดยผสมผสานระหว่างดีไซน์เรียบเท่ กับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของแคนนอน เพื่อให้ทุกภาพสีสดใส คมชัดแม้ถ่ายภาพในที่แสงน้อย อาทิ เลนส์ 24 -120 มม. พร้อมซูมออปติคัลได้สูงถึง 5 เท่า รูรับแสงกว้างสุด F2.0 ค่า ISO สูงสุด 6400 ภายในประกอบด้วย เซ็นเซอร์แบบ CMOS ความไวแสงสูงความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซลขนาด 1/1.7 นิ้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในกล้อง DSLR ตระกูลEOS ของแคนนอน รวมถึง Manual Mode ให้ผู้ใช้ปรับตั้งค่ากล้องได้แบบกล้องโปรฯ และยังสามารถเลือกบันทึกภาพเป็นแบบ RAW ไฟล์ได้เหมือนกล้อง DSLR ได้อีกด้วย

แคนนอน PowerShot S100 ยังใช้เทคโนโลยี HS System ซึ่งผสานจุดเด่นของเซ็นเซอร์ CMOS และชิปประมวลผล DIGIC 5 ผลลัพท์ที่ได้คือ ภาพคมชัดในทุกสภาวะแสง โดยไม่ต้องใช้แฟลช แม้ถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีความคอนทราสต์ระหว่างแสงและเงาสูง แต่ภาพที่ถ่ายยังคงดูเป็นธรรมชาติแม้กระทั่งในสภาวะแสงน้อย
นอกจากนี้แคนนอน PowerShot S 100 ยังคงมี Control Ring (ระบบควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆบนด้วยวงแหวนบนตัวกล้อง) ซึ่งเป็นลูกเล่นซิกเนเจอร์ของ PowerShot S ซีรีส์ มาตั้งแต่รุ่น S95 โดยControl Ring ของ S100 ออกแบบให้สะดวกในการตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ผู้ใช้จึงสามารถปรับ รูรับแสง ค่าความไวแสง หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนโทนสี โดยปรับได้ขณะถ่ายภาพ ไม่ต้องผ่านเมนูตั้งค่าหลักให้ยุ่งยาก แต่ให้ความรู้สึกเหมือนใช้กล้องระดับโปรฯ

พิเศษ! แคนนอน PowerShot S100 มีระบบ GPS ในตัวกล้อง สามารถระบุพิกัดของภาพถ่าย และแสดงเส้นทางของทริปถ่ายภาพ และยังเพิ่มความสามารถในการบันทึกวีดีโอแบบ Full HD อีกด้วย เพื่อความสมบูรณ์แบบทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว

กล้องดิจิตอลแคนนอนPowerShot S100 มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีเงิน ราคาช่วงแนะนำเพียง 15,900 บาท เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ตัวแทนจำหน่ายแคนนอนทั่วประเทศ

View :2255
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคเผยปี 2554 ผลประกอบการดีต่อเนื่อง

February 7th, 2012 No comments

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เผยปี 2554 มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งทั้งในส่วนของกำไรสุทธิ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

ดีแทคมีรายได้ในปี 2554 รวมทั้งสิ้น 7.93 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบริการเสียงและรายได้จากบริการเสริมโดยเฉพาะรายได้ด้านข้อมูล ด้านอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ลดลงเหลือร้อยละ 34 อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการปรับเพิ่มอัตราส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานในช่วงท้ายไตรมาส 3 ของปี
ตลอดปี 2554 ดีแทค สามารถสร้างกระแสเงินสดถึง 2.15 หมื่นล้านบาท (นิยามโดยกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ลบด้วย รายจ่ายเพื่อการลงทุน หรือ CAPEX) และผลจากการมีกระแสเงินที่แข็งแกร่งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปีในอัตรา 1.38 บาทต่อหุ้น เพิ่มเติมจากที่เคยจ่ายเงินปันผลพิเศษไปแล้ว 16.46 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ในปี 2554 ดีแทคมีลูกค้าใหม่จำนวน 1.6 ล้านราย ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ารวม 23.2 ล้านราย

นายจอน เอ็ดดี้ อัลดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ปี 2554 ถือเป็นปีสำคัญยิ่งของดีแทคที่ได้เริ่มโครงการการปรับปรุงยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ สำหรับเครือข่ายทั้งหมด และการเปิดให้บริการ 3จี เอชเอสพีเอ บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งนับเป็นก้าวย่างสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ ตามแนวคิด Life Network แม้ปีนี้จะเกิดอุทกภัยที่กระทบพื้นที่สำคัญหลายแห่ง แต่ดีแทคยังคงมีผลประกอบการที่ดีโดยมีอัตราเติบโตของรายได้ที่ร้อยละ 9.6 จากปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักได้แก่รายได้ด้านข้อมูลและประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่าย ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทมีมติที่จะเสนอเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปีในอัตรา 1.38 บาทต่อหุ้น เพิ่มเติมจากการประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษที่ 16.46 บาทต่อหุ้นเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินที่ได้จ่ายไปแล้ว”

View :1333
Categories: Press/Release Tags:

“บราเดอร์ สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต “Brother presents Singular Apostrophe S Concert ขยายกลยุทธ์ Music Marketing ในปี 55”

February 7th, 2012 No comments

เดินหน้ากลยุทธ์ Music Marketing รับปี 2555 หลังประสบความสำเร็จอย่างมากจากการจัดคอนเสิร์ต Brother The CMYK Concert Project #1 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จึงได้สานต่อกระแสนิยมด้วยการ จับมือค่ายเพลงระดับโลกอย่าง โซนี่ มิวสิค ในฐานะผู้สนับสนุนหลักใน การเนรมิตร “ที่สุดแห่งศิลปะ ทางดนตรี” กับคอนเสิร์ตครั้งแรก’ของ ซิงกูล่าร์ ใน “Brother presents Singular Apostrophe S Concert” โดยมีกำหนดจัดขึ้นทั่วประเทศ(กรุงเทพฯ, เชียงใหม่,ขอนแก่น,หาดใหญ่) เพียงร่วมแคมเปญส่งเสริมการขาย กับผลิตภัณฑ์ในเครือ ก็มีสิทธิ์รับบัตรชมคอนเสิร์ตฟรี พร้อมลุ้น Exclusive meet & Greet กับ Singular ซึ่งสิทธิพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าของบราเดอร์เท่านั้น

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ที่บราเดอร์ได้ร่วมกับ โซนี่ มิวสิค ในการจัดคอนเสิร์ตคุณภาพ เพื่อมอบให้แก่ลูกค้าของ บราเดอร์ ซึ่งครั้งนี้ได้ให้การสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต “Brother presents Singular Apostrophe S Concert” ในฐานะสปอนเซอร์หลักของงาน ตามกลยุทธ์ Music Marketing ที่ได้ดำเนินต่อเนื่อง มาเป็นปีที่ 3 และได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า โดยในปีนี้ บราเดอร์ได้ขยายพื้นที่ในการจัดคอนเสิร์ต ไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าพร้อมสร้าง Brand awareness ในพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 2,000 – 2,500 คน

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายกับ บราเดอร์ เพื่อร่วมชมคอนเสิร์ต “Brother presents Singular Apostrophe S Concert” ในครั้งนี้ สามารถร่วมสนุกง่ายๆ เพียงตัดชิ้นส่วนข้างกล่อง เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (สีหรือขาว-ดำ) หรือเครื่องมัลติฟังก์ชั่นเลเซอร์ (สีหรือขาว-ดำ) ที่ระบุ serial number และชิ้นส่วนกล่องโทนเนอร์ หรือดรัมด้านที่มีชื่อรุ่นและสติกเกอร์รับประกัน พร้อมเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และระบุจังหวัดที่ต้องการชมคอนเสิร์ตให้ชัดเจน ใส่ซองพร้อมแนบสำเนาใบกำกับภาษีอย่างเต็มหรืออย่างย่อ (ระบุรุ่น serial number และร้านค้าที่ซื้อ) ลงวันที่ตั้งแต่ 15 มกราคม – 10 มีนาคม 2555 ส่งไปรษณีย์มาที่ ตู้ปณ. 75 ปณศ. นนทบุรี 11000 ภายใน 17 มีนาคม ศกนี้ และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-950-2930 และติดตามรายชื่อผู้โชคดีได้ที่ www.brother.co.th และ www.facebook.com/BrotherCommercialThailand ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ในปี 2555 บราเดอร์ ยังได้ขยายแคมเปญเพื่อตอบแทนกลุ่มลูกค้าจักรเย็บผ้าด้วย ซึ่งสามารถร่วมสนุกได้ง่ายๆ เพียงตัดชิ้นส่วนข้างกล่องจักรเย็บผ้ารุ่นที่ร่วมรายการ (LS-2125, BM-2600, DS-140, NV-50, 4234D และ QC-1000 ) ที่ระบุ serial number พร้อมเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และระบุ จังหวัดที่ต้องการชมคอนเสิร์ตให้ชัดเจน ใส่ซองพร้อมแนบสำเนาใบกำกับภาษี อย่างเต็มหรืออย่างย่อ (invoice ราคารวม VAT ต้องระบุรุ่น serial number และร้านค้าที่ซื้อ) ลงวันที่ตั้งแต่ 15 มกราคม – 10 มีนาคม 2555 ส่งไปรษณีย์มาที่ ตู้ปณ. 75 ปณศ. นนทบุรี 11000 ภายใน 17 มีนาคม ศกนี้ และสามารถสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ 02-950-2930 และติดตามรายชื่อผู้โชคดีได้ที่ www.brother.co.th และ www.facebook.com/BrotherSewingClub, www.facebook.com/BrotherCommercialThailand ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป

View :2331

ดีแทคเปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ของ dtac Voice โทรฟรีเสาร์-อาทิตย์ไม่จำกัด

February 7th, 2012 No comments

พร้อมลุ้นบินฟรีในประเทศ 1,000 รางวัล

ดีแทคเปิดตัวโปรโมชั่นใหม่เสริมทัพแพ็กเกจ ให้ลูกค้าโทรฟรีเสาร์-อาทิตย์เฉพาะเบอร์ดีแทคไม่จำกัดนาน 3 เดือน พร้อมรับโทรฟรีสูงสุด 200 นาที และให้ลูกค้าร่วมลุ้นบัตรโดยสารสายการบินในประเทศรวม 1,000 รางวัล สร้างความน่าสนใจให้กับแพ็กเกจหลักพร้อม วางแผนปรับโปรโมชั่นลงตลาดเป็นระยะ ๆ เพื่อคงความตื่นเต้นน่าสนใจ

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () กล่าวว่า แพ็กเกจ dtac Voice เป็นแพ็กเกจที่ทำตลาดได้เป็นอย่างดีเพราะมีความเข้าใจง่าย ตรงกับการใช้งานของลูกค้าโดยมีค่าบริการให้เลือกหลากหลายตามความเหมาะสม ซึ่งหลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราเห็นแนวโน้มในการทำตลาดต่อเนื่องด้วยการเพิ่มโปรโมชั่นที่น่าสนใจสำหรับลูกค้า คือเพิ่มประโยชน์ในการใช้งานให้มากขึ้นด้วยการเสนอโปรโมชั่นโทรฟรีในวันเสาร์-อาทิตย์แบบไม่จำกัดหาเบอร์ พร้อมทั้งเพิ่มรางวัลลุ้นบินฟรีอีก 1,000 รางวัล ให้กับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจในช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม โดยในไตรมาสต่อ ๆ ไป ดีแทคก็จะมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสันและดึงดูดใจลูกค้าอย่างสม่ำเสมอถือเป็นการขยายตลาดพร้อมทั้งตอบแทนลูกค้าไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ลูกค้าดีแทคสามารถรับฟรีโปรโมชั่นโทรฟรีเสาร์-อาทิตย์ไม่จำกัดเฉพาะเบอร์ดีแทคได้เมื่อเปิดหมายเลขและสมัครแพ็กเกจ dtac voice ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2555

แพ็กเกจ dtac voice มีให้เลือกตามลักษณะการใช้งาน ตั้งแต่ใช้งานน้อยไปจนถึงใช้งานมาก เริ่มต้นที่เดือนละ 149 บาทถึงเดือนละ 1,199 บาท ให้โทรทุกเครือข่ายนานสูงสุด 1,600 นาที และรับนาทีโทรฟรีเพิ่ม 50 – 200 นาทีเมื่อสมัครแพ็กเกจ dtac voice 299, dtac voice 499, dtac voice 799 และ dtac voice 1199 และเมื่อลูกค้าสมัครแพ็กเกจรายเดือนใดก็ได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ทุกสาขา รับสิทธิ์ลุ้นบินฟรีกับสายการบินในประเทศ รวม 1,000 รางวัล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ดีแทคคอลล์เซ็นเตอร์ 1678 หรือที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ทุกสาขา

View :1418
Categories: Press/Release Tags:

ฟูจิ ซีร็อกซ์ จัดงาน 2012 DocuWorld โชว์คอนเซ็ปต์ Green Solution

February 7th, 2012 No comments

เนรมิตเมืองฟูจิ ซีร็อกซ์ อย่างยิ่งใหญ่ เปิดโซนโชว์โซลูชั่นที่ครบวงจร

กระหึ่มจัดงานใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Green Solution for Sustainable Growth ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงาน 3,000 คน โชว์เมืองฟูจิ ซีร็อกซ์ ผ่านโซนต่างๆ ที่มุ่งนำเสนอโซลูชั่นครบวงจรทางด้านการพิมพ์ ตอบสนองทุกรูปแบบที่เหมาะสมและหลากหลายธุรกิจ อย่างมืออาชีพ พร้อมพัฒนาโซลูชั่นพิเศษเจาะกลุ่มสถาบันการศึกษาและธุรกิจโรงพยาบาลโดยเฉพาะ

มร.มาซาชิ ฮอนดะ กรรมการและประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้จัดงาน 2012 DocuWorld ขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2555 ณ พารากอนฮอลล์ 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยงาน “DocuWorld 2012” เป็นหนึ่งในกิจกรรมใหญ่ประจำปีของ ฟูจิ ซีร็อกซ์ โดยภายในงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนงานแสดงผลิตภัณฑ์และสาธิตประสิทธิภาพการทำงานของสินค้าและบริการของ ฟูจิ ซีร็อกซ์ รวมทั้งโซลูชั่นและเทคโนโลยีการบริหารจัดการงานเอกสารในองค์กรอย่างมืออาชีพ และส่วนการสัมมนา โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาร่วมการบรรยายตลอดวัน และ การสัมมนาที่เวทีกลางโดยวิทยากรชื่อดัง

มร.มาซาชิ ฮอนดะ กล่าวถึง คอนเซ็ปต์ของการจัดงาน 2012 DocuWorld ในปีนี้ คือ Green Solution for Sustainable Growth ว่าเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชั่นต่างๆ ของฟูจิ ซีร็อกซ์ ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านเอกสารและข้อมูล เช่น การลดเวลา ลดขั้นตอนการทำงาน ลดภาระค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ในการใช้รูปแบบที่เหมาะสมและแตกต่างกันของธุรกิจประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจสถาบันการศึกษา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ISO เป็นต้น ซึ่งในงาน 2012 DocuWorldได้ใช้รูปแบบของเมืองฟูจิ ซีร็อกซ์ ในการสื่อสาร โดยได้แบ่งเป็นโซนต่างๆ ดังนี้

- Solution for Your Business Zone โซนที่นำเสนอเครื่องมัลติฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด และโซลูชั่นต่างๆที่ ช่วยลดค่าใช้จ่าย, ลดขั้นตอนและเวลาในการทำงาน และยังช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ที่ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง การนำเสนอความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยแยกเป็นประเภทของธุรกิจ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ISO

- Digital Printing Zone โซนที่นำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการด้านการพิมพ์ และสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการพาณิชย์ นอกจากนี้ยังแนะนำโอกาสและช่องทางการขยายธุรกิจและการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์เฉพาะบุคคลที่จะเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต

- Document Management Center โซนที่นำเสนอบริการรูปแบบต่างๆ ของฟูจิ ซีร็อกซ์ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรต่างๆ พร้อมทั้งพบกรณีตัวอย่างความสำเร็จขององค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

- Document Supply Zone โซนที่นำเสนอกระดาษในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้ในการพิมพ์ที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม

- Home/Office Corner โซนที่นำเสนอรูปแบบของ Printer ที่สามารถใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสม ทั้งการสั่งพิมพ์ผ่านระบบ Wireless โดยใช้รูปแบบของร้านกาแฟ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความสะดวกสบาย

- Fuji Xerox Eco-Manufacturing Zone โซนที่นำเสนอโรงงานรีไซเคิลของ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ในประเทศไทย ที่สามารถรีไซเคิลชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ได้ถึง 99.8% และได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย รวมทั้งนโยบายกิจกรรม 3 R (Reduce, Reuse, Recycle, Reuse) เพื่อตอบสนองนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม

ส่วนงานสัมมนา มีการจัดสัมมนา 2 ห้องรวม 11 หัวข้อ โดยวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญตลอดระยะเวลาที่จัดงาน รวมไปถึงการสัมมนาที่เวทีใหญ่โดยวิทยากรรับเชิญที่เป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียง เพื่อให้ความรู้และสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าและบุคคลทั่วไปที่สนใจ

นายสมมาตร บุณยะสุนานนท์ รองประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงทิศทางการตลาดในปีนี้ว่า ในปี 2555 ฟูจิ ซีร็อกซ์ จะยังคงนำเสนอเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชั่นรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ มีทั้งเครื่องมัลติฟังก์ชั่นสี ขาวดำ ซึ่งสินค้าได้ถูกพัฒนาให้ใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น ในขณะเดียวกันก็เน้นให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย โดยการพัฒนาเครื่องให้มีการใช้พลังงานลดลงจากการใช้ไฟ LED ในการสแกนและทำภาพ ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ใช้พลังงานลดลงมากกว่า 30% รวมถึงจุดเด่นเรื่องการใช้เทคโนโลยี Smart Energy Management คือ เครื่องที่ถูกใช้งานเท่านั้นถึงจะได้รับการจ่ายพลังงาน ทำให้เครื่องกินไฟน้อยลง การใช้วัตถุดิบที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ อย่าง Biomass Plastic มาเป็นส่วนประกอบของเครื่องทำให้ลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศในขั้นตอนการผลิต มีการใช้วัตถุดิบ Recycle และ Reuse อุปกรณ์บางชิ้นเพื่อลดการบริโภคทรัพยากร วัตถุดิบและส่วนประกอบที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานที่ผ่านมาตรฐาน RoHS ซึ่งเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้เทคโนโลยี Smart WelcomEyes เพื่อให้เครื่องเข้าสู่โหมดพร้อมใช้งานทันทีที่ผู้ใช้เดินมาถึงหน้าเครื่องโดยอัตโนมัติ ลดเวลาในการรอเครื่อง การพัฒนาเมนูหน้าจอสีระบบสัมผัส ซึ่งขณะนี้มีฟูจิ ซีร็อกซ์ เท่านั้นที่มีเมนูเป็นภาษาไทย และภาษาอื่นอีก 5 ภาษาช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงการใช้งานคุณสมบัติต่างๆได้อย่างเข้าใจและใช้เครื่องได้อย่างคุ้มค่า

นายสมมาตร กล่าวต่อว่า ในส่วน Production Printing ของ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ในปีนี้จะนำเสนอความเป็น Total Solutions สำหรับผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจ Digital Printing Business เพราะ ฟูจิ ซีร็อกซ์ มีเครื่องพิมพ์ที่มีความหลากหลาย หลายรุ่นเหมาะกับขนาดของธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ลูกค้าต้องการ รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่สร้างงานพิมพ์เฉพาะบุคคล, งานพิมพ์เฉพาะบุคคล, งานพิมพ์ประเภทป้องกันการปลอมแปลง, งานพิมพ์โฟโต้บุ๊ค , งานพิมพ์ควบคุมคุณภาพงานสี, งานพิมพ์ด่วน อีกทั้งยังมีแนวทางการทำการตลาดที่เกี่ยวกับธุรกิจสิ่งพิมพ์ Digital Printing ได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ที่สนใจมีความมั่นใจที่จะลงทุนไปกับ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ดังคำพูดที่ว่า “ฟูจิ ซีร็อกซ์ไม่ได้ต้องการขายสินค้า แต่เราเป็นคู่ค้าที่ดีของลูกค้าทุกราย”

นายสมมาตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ฟูจิ ซีร็อกซ์ ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้นวัตกรรมโซลูชั่นเกี่ยวกับการจัดการเอกสาร และกลุ่มเป้าหมายรอง คือ กลุ่มลูกค้าขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก เช่น SME โดยจะเน้นไปที่การทำโซลูชั่น แก้ปัญหางานเอกสารด้วย Simple Solution โดยเป็นลักษณะการให้คำปรึกษาหรือแนะนำวิธีการทำงานเอกสารให้ลูกค้ามีความสะดวกมากขึ้น ประหยัดขึ้น โดยกลุ่มที่เน้นเป็นพิเศษ คือ กลุ่มลูกค้าที่เป็น สถาบันการศึกษา จึงมีพัฒนา Education Printing Service Solution รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่มีการทำ ISO ซึ่งฟูจิ ซีร็อกซ์ได้พัฒนาโซลูชั่น ISO Document Process Solution และ กลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล กับการพัฒนาโซลูชั่น Green Hospital Solution ส่วนในด้าน Digital Printing กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ที่ทำธุรกิจสิ่งพิมพ์โดยทั่วไป โรงพิมพ์, ร้านแยกสี, ร้านพิมพ์งานด่วน, ร้านถ่ายรูป, สำนักพิมพ์ หรือผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอลพริ้น

“ปัจจุบัน ฟูจิ ซีร็อกซ์ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชั่นสี และมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในเครื่องพิมพ์ดิจิตอลสำหรับธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งในปีนี้ ฟูจิ ซีร็อกซ์ คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท จากธุรกิจของฟูจิ ซีร็อกซ์ ทั้งหมดคือการให้บริการด้านระบบงานจัดการเอกสารทั้งในส่วนฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ รวมถึงการให้บริการด้านธุรกิจเอาท์ซอร์ส” นายสมมาตร กล่าวทิ้งท้าย

View :1526

โกลบเทคฟ้อง โนเกีย(ประเทศไทย) ละเมิดลิขสิทธิ์ข้อมูลแผนที่

February 6th, 2012 No comments

ประกาศกร้าวฟ้องร้อง กล่าวโทษ โนเกีย (ประเทศไทย) และนาฟเทค โซลูชั่น (ประเทศไทย) ละเมิดลิขสิทธิ์ข้อมูลแผนที่ วอนเรียนรู้จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกระตุ้นให้คนไทยร่วมกันรักษาสิทธิ เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาไทย ไม่ให้ถูกละเมิดจากบริษัทต่างชาติ สร้างความเสียหายต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของไทย

นายวิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบเทค จำกัด ผู้นำในการให้บริการ Location Content Provider หนึ่งในกลุ่มบริษัทซีดีจี เปิดเผยว่า
ในขณะนี้บริษัทฯได้ดำเนินคดีฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผนที่ ให้กับ โนเกีย เนื่องจากบริษัทดังกล่าว ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ข้อมูลแผนที่ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท โกลบเทค ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลแผนที่ดิจิตอล () มากที่สุดในประเทศไทย

โดยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 บริษัท โกลบเทค จำกัด ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยัง บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัดและ บริษัท นาฟเทค โซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ดำเนินการลบข้อมูลแผนที่ที่ได้คัดลอก ทำซ้ำ หรือดัดแปลง จากข้อมูลแผนที่ CDG Map ออกจากข้อมูลแผนที่ Ovi Map ทั้งหมด พร้อมทั้งให้เรียกเก็บข้อมูลแผนที่ Ovi Map ที่ได้จำหน่ายไปแล้วออกจากตลาดโดยทันที นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ รวมทั้งห้ามบริษัท โนเกีย(ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท นาฟเทค โซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการใดๆอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อีกต่อไป นอกจากนี้หากพบว่าผู้ใดนำไปเผยแพร่ต่อ บริษัท โกลบเทค ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายทันที เพื่อช่วยกระตุ้นให้คนไทยร่วมรักษาสิทธิและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ไม่ให้ถูกละเมิดโดยต่างชาติอีกด้วย เพื่อจะเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทโกลบเทค จำกัด ยังได้ดำเนินคดีในกรณีการละเมิดลิขสิทธ์ข้อมูลแผนที่ กับ บริษัท อาปิโก ไอทีเอส จำกัด เช่นเดียวกัน ในกรณีนำข้อมูลแผนที่ CDG Map ไปใช้ในแผนที่ Power map Z9

การดำเนินคดีทางกฎหมายกับ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัดและ บริษัท นาฟเทค โซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ดังกล่าว ยังเป็นการสนับสนุนให้มีการเรียกร้องในสังคมไทย ให้ร่วมปกป้องในสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาในส่วนการผลิตสาขาอื่นๆด้วย เพราะการผลิตผลงานด้วยทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) นั้น ใช้พลังศักยภาพอย่างสูง พร้อมทั้งมีการลงทุนทางธุรกิจด้วยมูลค่ามหาศาล ซึ่งเป็นการยืนยันว่าคนไทยสามารถผลิตผลงานจากทรัพย์สินทางปัญญาได้ในระดับโลก ดังนั้น จึงต้องทำการปกป้องสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมทุกประการ

“การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของไทยไม่ให้ถูกละเมิดโดยต่างชาตินั้น เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญอย่างมาก คนไทยมีศักยภาพและมีความสามารถในการผลิตผลงานได้อย่างมีคุณภาพ แต่หากถูกละเมิดอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้แล้ว ผู้ประกอบการไทยจะมีกำลังใจในการผลิตผลงานทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาออกมาได้อย่างไร เพราะผลิตผลงานออกมา ก็ต้องมาเจอกับสภาพอย่างที่เกิดขึ้นในกรณีนี้”

นายวิชัย กล่าวว่า ในการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมครั้งนี้ บริษัท โกลบเทค จำกัด ได้ขอความคุ้มครองจากอำนาจศาลบังคับให้ผู้ถูกฟ้องร้อง คือ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย)จำกัด และ บริษัท นาฟเทค โซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หยุดจำหน่าย จ่าย โอน และดำเนินการใดๆในการละเมิดลิขสิทธิ์อีกต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่ขยายตัวอย่างกว้างขวางต่อบริษัท โกลบเทค ทั้งนี้สำหรับมูลค่าความเสียหายจากการเรียกร้องในคดี กับทั้ง 2 บริษัท ดังกล่าว คิดเป็นมูลค่า 540 ล้านบาท

บริษัทฯมีเทคนิคการทำตำหนิพิเศษบนข้อมูลแผนที่ CDG Map ไว้ เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลแผนที่ที่จัดทำและผลิตโดย บริษัท โกลบเทค จำกัด การที่บริษัทฯตัดสินใจดำเนินการฟ้องร้องครั้งนี้ เพราะบริษัทฯได้รับความเสียหายในทางธุรกิจ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯตรวจพบตำหนิพิเศษดังกล่าวบนข้อมูลแผนที่ Ovi Map ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ Nokia

“ผมเชื่อในกระบวนการยุติธรรม เราเป็นเอกชนไทยรายหนึ่งถูกละเมิดลิขสิทธิ์จากต่างชาติ การที่เรายื่นขอความเป็นธรรมผ่านขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนโดยถูกต้อง เพื่อที่จะเรียกร้องความถูกต้องและเป็นธรรม เพราะเราเป็นกลุ่มธุรกิจคนไทย ที่มีความมุ่งมั่นผลิตผลงาน จากทรัพย์สินทางปัญญาของเราเอง เราลงทุน แต่ต่างชาติรายอื่นมาฉกฉวยประโยชน์จากการลงทุนของเรา ผมก็อยากจะให้สังคมไทยมองว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราคนไทยจะต้องร่วมกันปกป้องสิทธิตรงส่วนนี้ ไม่ได้เพียงเพื่อประโยชน์ของบริษัทโกลบเทค เพียงรายเดียว แต่เพื่อคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย” นายวิชัยกล่าวในตอนท้าย

View :1400

ก.ไอซีที จับมือ จ.นครราชสีมา พัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน

February 3rd, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเทศบาลนครนครราชสีมา ว่า โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ถือเป็นการ บูรณาการโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือ และความตั้งใจของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชน ที่จะร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคมไทย ทำให้ประชาชนสามารถรับบริการต่างๆ ผ่านสื่อ ICT ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม บรรลุเป้าหมายในการลดช่องว่างด้านดิจิทัลระหว่างสังคมเมืองและชนบท โดยข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งเรื่องการสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่เท่าเทียม การใช้ประโยชน์ของข้อมูลในการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ตนเอง และชุมชน

“กระทรวงฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ผลักดันการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังว่าจะสามารถสร้างโอกาส และประโยชน์ให้แก่ชุมชนได้อย่างคุ้มค่า ซึ่ปัจจัยที่จะส่งผลต่อความยั่งยืนของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วน ที่จะร่วมมือร่วมใจกันดูแล บริหารจัดการ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เป็นศูนย์ของชุมชนอย่างแท้จริง” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

ด้าน นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2550 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันสามารถดำเนินการจัดตั้งแล้วเสร็จ จำนวน 1,880 แห่ง ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จัดตั้งได้ 20 ศูนย์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จัดตั้งได้ 40 ศูนย์ และในปีงบประมาณ 2552 จัดตั้งได้อีก 217 ศูนย์ กระจายตัวออกไปในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แม้กระทั่งในพื้นที่ห่างไกลที่โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมยังเข้าไปไม่ถึง

“นอกจากการจัดตั้งศูนย์ฯ โดยติดตั้งคอมพิวเตอร์ พร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแล้ว กระทรวงฯ ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน โดยได้คัดเลือกบุคลากรในชุมชน แห่งละ 2 คน เพื่อเข้ารับการอบรมแบบเข้มข้น เป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในหลักสูตรต่างๆ ทั้งระดับพื้นฐาน ระดับสูง และหลักสูตรต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ความมั่นใจ ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริหารศูนย์ ในการที่จะช่วยบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนให้มีความยั่งยืน ตลอดจนได้จัดกิจกรรมการอบรมให้แก่ประชาชนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสร้างความสามารถด้าน ICT สำหรับการต่อยอดอาชีพ การสร้างรายได้ และพัฒนาองค์ความรู้ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย” นายสมบูรณ์ กล่าว

สำหรับ เทศบาลนครนครราชสีมา แห่งนี้ ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากข้อเสนอของชุมชนทั่วประเทศ มากกว่า 2,000 ชุมชน จึงถือได้ว่ามีความพร้อมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในทุกด้าน ทั้ง สถานที่จัดตั้ง ศักยภาพบุคลากร การบริหารจัดการงบประมาณ ข้อมูล องค์ความรู้ รวมทั้งวิสัยทัศน์การมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้นำ โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ อาคารพลังสุริยะ เทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อให้บริการแก่ประชาชนและส่วนราชการอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งกระทรวงฯ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายจำนวน 20 ชุด เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายจำนวน 1 ชุด พร้อมระบบเครือข่ายและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่จำเป็นสำหรับการให้บริการแก่ประชาชน

นอกจากการเปิด ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนเทศบาลนครนครราชสีมา แล้ว กระทรวงฯ ยังได้ร่วมสนับสนุน จังหวัดนครราชสีมาในการดำเนินโครงการประชุมเชิงวิชาการ ICT เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดนครราชสีมา (Smart Korat Wifi Province) ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบาย Smart Thailand ของรัฐบาล ที่ได้ขยายไปสู่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศภายใต้แนวคิด Smart Province หรือ จังหวัดอัฉริยะ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนแบบ มีส่วนร่วม และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัด โดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พร้อมทั้งระบบการบริหารจัดการทที่มุ่งเน้นคุณภาพ มาใช้ในการบริหารจัดการจังหวัดต่างๆ

View :1500

เทรนด์ ไมโคร เผยผลสรุปรายงานด้านภัยคุกคามข้อมูลประจำปี 2554

February 3rd, 2012 No comments

บริษัท (TYO: 4704; TSE: 4704) เปิดเผยถึงผลสรุปรายงานด้านภัยคุกคามข้อมูล ระบุว่าปี 2554 นับเป็น “ปีแห่งการละเมิดข้อมูล” หลังจากที่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากบริษัทขนาดใหญ่และที่มีชื่อเสียงจำนวนมากซึ่งถูกโจมตีจากภัยคุกคามด้านการละเมิดข้อมูลแบบเจาะจงเป้าหมายที่ไม่เพียงแต่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาต้องได้รับความเสียหายอย่างมากมายไปพร้อมกันด้วย

นักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้ระบุไว้ในรายงานว่าเป็นการย้อนกลับมาพิจารณาถึงการทำนายที่ผ่านมา และได้สรุปเหตุการณ์เกี่ยวกับภัยคุกคามที่ได้รับความสนใจ รวมถึงความสำเร็จด้านการรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งปี 2554 ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

• ภัยคุกคามระบบมือถือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2554 นักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้ติดตามการโจมตีจากมัลแวร์มือถือจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ตั้งเป้าไปที่แพลตฟอร์ม Android โดยตรง และพบว่า RuFraud และ DroidDreamLight เป็นสองสายพันธุ์มัลแวร์ Android ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เนื่องจากได้ทำให้ผู้ใช้นับล้านรายสูญเสียเงินและข้อมูลไปแล้ว

• ปี 2554 เป็นปีแห่งการทำเงินของเหล่าสแปมเมอร์สื่อสังคมออนไลน์ และสแกมเมอร์ผู้ที่ใช้หัวข้อที่เป็นกระแสในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์มาปรับปรุงเทคนิคทางด้านวิศวกรรมสังคมและการเจาะระบบของตน และได้ขโมยข้อมูลจากผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ทั่วโลกนับล้านราย ด้วยเหตุนี้ ผู้ควบคุมกฎระเบียบจึงได้เริ่มกำหนดให้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์นำนโยบายและกลไกต่างๆ เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ของตนมาบังคับใช้

• แม้ว่าจำนวนของช่องโหว่ที่ได้รับรายงานต่อสาธารณะจะลดลงจากจำนวน 4,651 รายการในปี 2553 เป็น 4,155 รายการในปี 2554 แต่การโจมตีได้พัฒนาความซับซ้อนและครอบคลุมยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยช่องโหว่ที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดได้แก่ CVE-2011-3402, CVE-2011-3544 และ CVE-2011-3414 รวมถึงช่องโหว่ ซีโร่เดย์ของผลิตภัณฑ์ Adobe อีกสองรายการได้ถูกนำมาใช้หาประโยชน์ในโลกออนไลน์ด้วย

• แม้ว่ามุมมองด้านอาชญากรรมไซเบอร์ดูจะแข็งกร้าวมากขึ้นทุกขณะ แต่บริษัท เทรนด์ ไมโคร พร้อมกับพันธมิตรอุตสาหกรรมและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็สามารถดำเนินการเชิงกลยุทธ์บางอย่างที่ประสบผลสำเร็จได้อย่างน่าสนใจในปีนี้ หนึ่งในนั้น ได้แก่ Operation Ghost Click หลังจากที่ใช้เวลายาวนานถึง 5 ปีในการติดตามอย่างลับๆ และทำงานร่วมกับสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ)อย่างใกล้ชิด โดยบริษัท เทรนด์ ไมโคร เป็นบริษัทด้านความปลอดภัยเพียงบริษัทเดียวที่เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้ และสามารถช่วยเอฟบีไอในการระบุการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้เป็นผลสำเร็จ

ไรมันด์ จีนส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) กล่าวว่า “เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2554 ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่เทรนด์ ไมโครสามารถจัดการกับภัยคุกคามได้เป็นผลสำเร็จ แต่งานของเราไม่เคยเสร็จสิ้น เนื่องจากมีภัยคุกคามใหม่ๆ มากถึง 3.5 ล้านรายการเกิดขึ้นในทุกวินาที ประกอบกับการที่องค์กรธุรกิจและผู้บริโภคกำลังเดินหน้าเข้าสู่ระบบคลาวด์ ความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลและการเงินจึงเกิดขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นมา บริษัท เทรนด์ ไมโครยังคงเดินหน้าพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีมุมมองที่ดีขึ้นและสามารถติดตามตรวจสอบผู้ที่เข้าถึงข้อมูลของตนได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา และทุกรูปแบบได้”

View :1368