Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ก.ไอซีที เปิดตัว “ThaiCERT” หน่วยงานดูแลความมั่นคงปลอดภัยของธุรกรรมออนไลน์

December 22nd, 2011 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยในการแถลงข่าว กับ “ความมั่นคงปลอดภัยของธุรกรรมออนไลน์” ว่า ปัจจุบันการทำธุรกรรมออนไลน์ในประเทศไทยได้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment นั้น มีมูลค่าสูงกว่า 680 ล้านล้านบาท ซึ่งการผลักดันให้จำนวนและมูลค่าการทำธุรกรรมออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ จำเป็นจะต้องมีหน่วยงานและบุคลากรที่มีศักยภาพ และมีความพร้อมของทรัพยากรเพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือเอื้อต่อการทำธุรกรรมออนไลน์

“ความมั่นคงปลอดภัยถือเป็นมิติสำคัญที่เอื้อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่น่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงไอซีที ได้เล็งเห็นความสำคัญในการทำงานเชิงรุกของการรักษาความมั่นคง ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงฯ ในด้าน “Security” ที่มีส่วนทำให้ประเทศไทยมี Smart Business และนำไปสู่ความเป็น Smart Thailand อย่างสมบูรณ์แบบ จึงได้มอบหมายให้ “ThaiCERT” หรือ ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ทำหน้าที่ผลักดันการดำเนินงานในทางปฏิบัติ” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

“ThaiCERT” นั้น เดิมเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามภารกิจของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนภารกิจนี้มายัง สพธอ. ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา เพื่อสานต่อภารกิจดังกล่าวให้มีความแข็งแกร่ง โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักกระทรวงไอซีทีในการปฏิบัติภารกิจป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งนับเป็นอีกบทบาทหนึ่งของ สพธอ. ในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงไอซีที

“หน้าที่หลักของ “ThaiCERT” คือ การรับแจ้งเหตุและแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา สามารถรับแจ้งเหตุภัยคุกคามจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเฉลี่ยมากกว่า 100 เรื่องต่อเดือน โดยการรับแจ้งภัยคุกคามเรื่องการฉ้อฉล ฉ้อโกง หรือหลอกลวงนั้น มีมากกว่า 48% รองลงมาเป็นเรื่องการโจมตีและเจาะระบบคอมพิวเตอร์ประมาณ 13.6% ส่วนที่เหลือเป็นภัยคุกคามอื่นๆ เช่น ภัยคุกคามที่เกิดจากโปรแกรมไม่พึงประสงค์ เป็นต้น” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

นอกจากนี้ “ThaiCERT” ยังได้ดำเนินการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ ได้แก่ สมาคมอีคอมเมิร์ซ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ สมาคมความมั่นคงทางด้านไซเบอร์แห่งประเทศไทย (CSAT) สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ประชาคมความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเนคเทคอีกด้วย

“สำหรับแผนงานในช่วง 6 เดือนต่อไปของ “ThaiCERT” นั้น ได้มีการวางเป้าหมายในการให้บริการรับแจ้งเหตุภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และจะยกระดับการทำงานให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เน้นการทำงานเชิงลึก โดยเจาะ ไปที่กลุ่มผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตและผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มการเงินการธนาคารและกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ ส่วนผู้ที่ต้องการ แจ้งเหตุภัยคุกคามกับ “ThaiCERT” สามารถติดต่อได้ 2 ช่องทาง คือ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0 – 2142 – 2483 เวลา 8.30 – 17.30 น. ทุกวันยกเว้นวันหยุดราชการ และทางอีเมล์ที่ report@thaicert.or.th “นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

View :1431

ก.ไอซีที ชวนเยาวชนคนรุ่นใหม่ร่วมประกวดแผนประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน

December 21st, 2011 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยในการแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรมประกวดแผนการประชาสัมพันธ์ ภายใต้โครงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ผลงานของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนให้เป็นที่รับรู้และแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายคนชั้นกลางที่นิยมค้นหาข้อมูลข่าวสารจากอินเทอร์เน็ต และเครือข่าย social network เช่น Facebook เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในภารกิจของกระทรวงฯ และเกิดการรับรู้ข้อมูลของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนในหลากหลายแง่มุมมากขึ้น ทั้งในด้านการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ชุมชนผ่านเครื่องมือ ICT การสร้างประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการสร้างองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนสินค้า ภูมิปัญญา และสร้างความสามารถทางการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ ด้วยการประยุกต์ใช้เครื่องมือ ICT ให้เข้ากับวิถีชุมชน ทั้งการจัดเก็บข้อมูลชุมชน การประชาสัมพันธ์ชุมชน สินค้า ภูมิปัญญา สร้างเครือข่ายสังคมแห่งการช่วยเหลือ และสร้างมูลค่าสินค้า บริการของชุมชนผ่านแนวคิด Social Network

ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดกิจกรรมประกวดแผนการประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ขึ้น เพื่อสานต่อกิจกรรมในโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน พร้อมกระตุ้นให้คนไทยทั่วประเทศได้รู้จักและเข้าถึงประโยชน์ของศูนย์ฯ อย่างแพร่หลาย ด้วยการเชิญชวนนิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ที่สนใจด้าน ICT ร่วมสร้างสรรค์และส่งผลงานของตนเองเข้าประกวดโดยผ่านช่องทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social Network ที่กำหนดไว้

ด้าน นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า “กิจกรรมประกวดแผนการประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน” นี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้กลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งกับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่ตั้งกระจายอยู่ในชุมชนต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวน 1,879 แห่ง ตามความสนใจของนิสิตนักศึกษาที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ โดยการนำข้อมูลที่ได้รับรู้มาดำเนินการวางแผนการประชาสัมพันธ์ให้กับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนนั้นๆ และนำเสนอผลงานผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต และ Social Network ที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างความสนใจให้กับโครงการฯ และสามารถเผยแพร่ข้อมูลได้เป็นวงกว้าง รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ถึงบทบาท และประโยชน์ของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนมากขึ้น ซึ่งการเผยแพร่ผลงานผ่าน Social Network นี้ถือเป็นวิธีการแข่งขันแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน

“กิจกรรมการประกวดฯ ครั้งนี้ ได้เปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันตั้งวันนี้ถึง 15 มกราคม 2555 โดยการสมัครต้องรวมกลุ่มนิสิต นักศึกษากลุ่มละ 3 – 5 คน เพื่อสมัครเข้าร่วมกิจกรรม จากนั้นให้คัดเลือกศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนที่สนใจ เพื่อจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ส่งเข้าประกวด โดยในแผนจะมีทั้งกิจกรรมการเสนอ slogan ของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่นักศึกษาเลือกทำ เพื่อแนะนำศูนย์ฯ การเสนอแผนประชาสัมพันธ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน หรือ จะสร้างสรรค์โครงการฯ ขึ้นใหม่ และการนำเสนอสื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนด้วย” นางจีราวรรณ กล่าว

สำหรับผู้ที่ชนะการประกวดฯ กระทรวงฯ จะมอบทุนการศึกษา และโล่เกียรติยศให้เป็นรางวัล โดยผู้ชนะรางวัลที่ 1 ได้รับ ทุนการศึกษา จำนวน 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ รางวัลที่ 2 ทุนการศึกษา จำนวน 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และรางวัลที่ 3 ทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษสำหรับผลงานดีเด่นจากการตัดสินของคณะกรรมการ ระดับภาค 5 รางวัล คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ซึ่งจะได้รับทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท โดยผู้ที่ได้รับรางวัลระดับภาค ยังมีสิทธิ์ได้รางวัลระดับประเทศ นอกจากนี้นิสิตนักศึกษาทุกคนที่ได้รับรางวัลทั้งในระดับประเทศ และระดับภาคยังจะได้เกียรติบัตรเป็นรายบุคคลด้วย

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ ฯ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายของโครงการฯ ว่า “กระทรวงฯ จะเดินหน้าพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน เพื่อให้เด็ก เยาวชน ตลอดจนประชาชนในชุมชน สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างประโยชน์ด้านการศึกษา การเพิ่มรายได้ ส่งเสริมการประกอบอาชีพ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และในขณะเดียวกันศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนแต่ละแห่งก็สามารถพัฒนาตนเองด้วยการนำแผนการประชาสัมพันธ์ที่ได้จากกิจกรรมนี้ไปใช้เป็นต้นแบบในการจัดทำแผนการประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนของตนให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไปได้”

View :1603

ไอที ซิตี้ เปิดร้าน isociety 2 แห่งเซ็นทรัล พระราม 9 และเซ็นทรัลเวิลด์

December 21st, 2011 No comments

เคาะสิ้นปีนี้เปิดแน่ช้อปร้านค้าของคนไอทีระดับพรีเมี่ยม isociety ทั้ง 2 สาขาฉลองคริสต์มาส ประเดิมที่แรกวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคมนี้ ณ เซ็นทรัล พระรามเก้า และวันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม ณ เซ็นทรัลเวิลด์ มั่นใจตลาดไฮเอนด์มีโอกาสเติบโตสูง และมั่นใจ isociety จะมาเป็นส่วนเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดไอทีของไอทีซิตี้

รายงานข่าวจากบริษัทไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ศูนย์รวมอุปกรณ์ไอทีครบวงจร เปิดเผยว่าไอที ซิตี้ได้เปิดให้บริการ isociety สุดยอดช้อปร้านค้าของคนไอที ในระดับพรีเมียม ที่สามารถตอบโจทย์ร้านค้าในระดับพรีเมียม และทันสมัยที่สุดแห่งแรกของเมืองไทย โดยจะเปิดให้บริการอย่างแน่นอนในวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2554 นี้ ณ ห้างเซ็นทรัลพระรามเก้า และ วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม จะเปิดที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 4 โซน Atrium เพื่อชูความเป็นสุดยอดผู้นำสินค้าและบริการที่ลูกค้าต้องการภายใต้พื้นที่ 256 ตารางเมตร โดยร้าน isociety จะถูกจัดแบ่งเป็น 3 โซน ประกอบด้วย 1. โซนคอมพิวติ้ง 2.โซนดิจิตอล อิมเมจจิ้ง และ 3.โซนโมบิลิตี้ง แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน โดยสินค้าภายในร้าน isociety จะเน้นสินค้าประเภทไฮเอนด์ จากแบรนด์ชั้นนำ หรือสินค้าไอที ที่เพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศ นอกจากนี้ ภายในร้าน isociety จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำโปรดักส์ใหม่ต่าง ๆ และมุมเฉพาะของแบรนด์ดัง อาทิ แอปเปิ้ล , แคนนอน, ซัมซุง อีกด้วย

ทั้งนี้ไอทีซิตี้มองว่าตลาดไอทีโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เชื่อว่าในปีหน้าจะมีสินค้าไอทีรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดจำนวนมาก เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดให้ตื่นตัวเนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมาธุรกิจไอทีประสบกับปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม ทำให้สินค้ารุ่นใหม่ๆ ไม่สามารถเปิดตัวได้ ซึ่ง isociety จะมีจุดแข็งทางการตลาดคือเป็นศูนย์การค้าไอทีที่ทันสมัย ครบวงจรระดับไฮเอนท์ และที่พิเศษสุดๆคือ สินค้าสุด excusive ที่จะจำหน่ายให้ลูกค้าก่อนใคร โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็น นักศึกษา คนทำงาน ในกลุ่มลูกค้าระดับกลางและบน ที่ต้องการความทันสมัย โดย 2 สาขาแรกจะเปิดที่ห้างเซ็นทรัลพระรามเก้า และ เซ็นทรัลเวิลด์ก่อน หลังจากนั้นในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเปิดอีกประมาณ 3 สาขาในกรุงเทพฯ โดยมองจุดทำเลย่านใจกลางเมืองแหล่งรวมความทันสมัย และหลังจากนั้นอาจจะขยายไปในหัวเมืองจังหวัดใหญ่ๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าช้อปไอที isociety จะเป็นส่วนเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดของไอที ซิตี้ในอนาคต

View :1326

กสทช. มุ่งผลักดันอุตฯ โทรคมนาคมไทย ให้เกิดการซื้อขายในงาน CommunicAsia 2011 ที่ผ่านมา

December 21st, 2011 No comments

ผลงานวิจัยและพัฒนาด้านโทรคมนาคมของประเทศ ได้รับการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนา ต่อยอด ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน ) หรือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) เดิม ซึ่งได้ริเริ่มขึ้นการสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2551 ผ่านทาง กลุ่มภารกิจด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือ ชื่อเดิมที่รู้จักกันในนาม “ทริดี้” ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนนักวิจัยให้สร้างสรรค์ผลงานวิจัยด้านโทรคมนาคมที่มีศักยภาพไม่แพ้ผลงานในต่างประเทศ จนได้ยื่นจดสิทธิบัตร,ส่งเสริมห้องแล็บโทรคมนาคมในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ, สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานด้านการวิจัยชั้นนำหลายแห่งในต่างประเทศ, พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถผ่านทางการให้ทุนการศึกษา NTC Scholarship พร้อมเผยแพร่ความรู้ด้วยการจัดฝึกอบรม สัมมนา อย่างสม่ำเสมอตลอดมา และในปีนี้ ทริดี้ ยังได้เปิดโอกาสทางการค้าระดับสากลให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมไทยได้ขยายตลาด โชว์ศักยภาพของสินค้าไทยในเวทีโลกที่งาน ณ ประเทศสิงค์โปร์ การก่อตั้งกลุ่ม MT2 (เอ็มทีสแควร์) เป็นการรวมกลุ่มของภาคกิจโทรคมนาคม เพื่อต่อยอดธุรกิจในภาพรวมของประเทศ อีกทั้งนำผลงานที่ได้จากการพัฒนาไปช่วยเหลือคนพิการ อาทิ อุปกรณ์คลื่นสมองช่วยคนพิการ จากมหาวิทยาลัยมหิดล

ทริดี้ มองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยที่จะผลักดันออกสู่ตลาดโลกได้ ซึ่งการแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านโทรคมนาคมในเวทีระดับนานาชาติ หรือ CommunicAsia 2011 ณ ประเทศสิงคโปร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ในเวทีโลกว่า ไทยก็เป็นประเทศผู้ผลิตด้านโทรคมนาคม และสร้างโอกาสให้กับบริษัทผู้ผลิตสัญชาติไทย อันจะนำไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากงานวิจัยที่ สำนักงาน กสทช. สนับสนุน การออกงานครั้งแรกใน CommunicAsia นี้ มีผู้เข้าชมผลงานที่จัดแสดงกว่า 1,200 คน โดยผลงานวิจัยที่ได้รับความสนใจมาก ได้แก่ เครื่องตัดสัญญาณวิทยุ หรือ Jammer ของบริษัท DRC (ซึ่งเคยได้รับรางวัลจาการประกวดนวัตกรรมโทรคมนาคม ปี 2553 ของสำนักงาน กทช. มาแล้ว) ระบบวินิจฉัยทางการแพทย์ระยะไกล (Telediag) ของบริษัท Prodigi และ ผลงานอื่นๆ อีกจากหลากหลายบริษัทฯ ที่ต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างสูง นอกจากนี้ บริษัทที่ร่วมแสดง สามารถจับคู่ธุรกิจได้สำเร็จแล้วหลายราย สร้างมูลค่าเป็นเม็ดเงินเข้าประเทศนับร้อยล้านบาท

การเปิดตลาดในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย โดยมีสะท้อนในทางที่ดีกลับมายังผู้ประกอบการหลายราย เกิดการซื้อขาย สามารถนำไปใช้งานจริงผ่านกลุ่มทุนต่างชาติ ตลอดระยะเวลา 4 ปีในการเดินทางของทริดี้ ตั้งแต่เริ่มต้นจวบจนปัจจุบันได้ดำเนินงานตามภารกิจ นโยบายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่วางเอาไว้ คือ ส่งเสริม สนับสนุน ผลักดัน และมุ่งให้เกิดการนำไปใช้งานจริงในอนาคต ผลงานวิจัยจึงไม่เพียงแต่อยู่บนหิ้งอีกต่อไป แต่ได้รับการผลักดันเข้าสู่ห้าง และต่อยอดจากห้าง ไปสู่ห้างในระดับที่ใหญ่ขึ้นต่อไปอีก ทั้งหมดคือความมุ่งมั่นและตั้งใจของ สำนักงาน กสทช. ผ่านทาง กลุ่มภารกิจด้านการวิจัยฯ หรือ “ทริดี้” ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณ “ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ” ผู้นำทีมการดำเนินงานต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จและก่อเกิดประโยชน์ต่อการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานี้

View :1517

งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2554

December 21st, 2011 No comments

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทยประจำปี 2554 พร้อมเผยแพร่การพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมของไทย โดยจัดชื่อว่า หรือ TechnoMart-InnoMart 2011 โดยงานนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ.2554 ซึ่งเป็นถือโอกาสครบรอบ 10 ปี งานวันเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย (TechnoMart-InnoMart 2011) ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมมือกับ BOI FAIR 2011 จัดงานภายใต้หัวข้อ “โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ Going Green for the Future โดยไฮไลท์ต่างๆในงานประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การอบรม-สัมมนาหัวข้อต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของประชาชน การออกบูทโชว์นิทรรศการทางด้านเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย และ ที่พลาดไม่ได้คือการให้ความรู้เรื่องวิกฤติท่วมแล้ง และ การอ่านดาวเทียมเมื่อมีภัยพิบัติมาเยือน และจากเดิมที่งานนี้จะถูกจัดขึ้นในวันที่10-25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสภาวะอุทกภัย จึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนมาเป็นวันที่ 5-13 มกราคม 2555 นี้ โดยสถานทีจัดงาน ยังคงเป็น Hall 9 อิมแพค อารีน่าเมืองทองธานี เช่นเดิม

View :1659

INET & TNS ความร่วมมือข้ามชาติ พัฒนาระบบการชำระเงินสู่มาตรฐานสากล

December 21st, 2011 No comments

บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือไอเน็ต ผู้นำด้านการให้บริการ ICT Solution และผู้ให้บริการด้านเครือข่ายการรับชำระเงิน รุดหน้าต่อยอดโอกาสทางธุรกิจร่วมมือกับพันธมิตรข้ามชาติอย่าง บริษัท ทรานแซคชั่น เน็ตเวิร์ค เซอร์วิสเซส () ผู้นำด้านการ ให้บริการการชำระเงินระดับโลกเพื่อสร้างมาตรฐานบริการเครือข่ายการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตในประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับตามกฎเกณฑ์ระดับสากล

“ไอเน็ตเป็นผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตให้กับธนาคารพาณิชย์และได้รับความไว้วางใจจากธนาคารชั้นนำระดับประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เราให้บริการระบบเครือข่ายโดยใช้บัตรเป็นสื่อในการชำระเงินแบบครบวงจร (Service Provider) ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญดังกล่าว เราจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนามาตรฐานการให้บริการเพื่อรองรับรูปแบบและกฎเกณฑ์ใหม่จากองค์กรการเงินระดับสากลที่กำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐาน PCI DSSให้ทุกองค์กรที่เก็บรักษา ประมวลผล หรือส่งต่อข้อมูลของผู้ถือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีการดูแลเครือข่ายและสร้างสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่มั่นคงปลอดภัย เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตร”

ไอเน็ตจึงพัฒนาบริการ โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับ TNS ซึ่งเป็นบริษัท ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (NYSE) และยังเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นส์การชำระเงินชั้นนำที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 20 ปี ให้บริการกว่า 60 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งในความร่วมมือกันให้บริการกันครั้งนี้ นับเป็นการผสานความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายของไอเน็ตเข้ากับเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญระดับโลก ที่จะช่วยสร้างเสถียรภาพและยกระดับการให้บริการเครือข่ายรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตในประเทศไทยให้สามารถรองรับมาตรฐาน PCI DSS ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่ทั่วโลกประกาศใช้

บริการ EDC Network Service ของไอเน็ต จะช่วยประหยัดต้นทุนและเวลา รวมทั้งบุคลากร ในการบริหารจัดการ เนื่องจากให้บริการด้านเครือข่ายแบบครบวงจรให้กับลูกค้าซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการระบบเครือข่าย การรายงานแบบออนไลน์ real-time ซึ่งดูแลโดยวิศวกรเครือข่ายที่ได้รับ การ Certified รวมทั้งทีมงาน Network Monitoring และCall Center ที่ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง” ดร.ไพโรจน์ ศุภมงคล กรรมการผู้จัดการไอเน็ต กล่าว

ทั้งนี้ความร่วมมือที่เกิดขึ้นของทั้งสององค์กรทำให้ระบบสามารถให้บริการที่ครบถ้วน ครอบคลุมและสอดคล้องกับธนาคารพาณิชย์ ร้านค้าทุกรูปแบบ นายจอห์น แบนฟิลด์ ผ.อ.อาวุโสและผู้จัดการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทีเอ็นเอส กล่าวว่า “ทีเอ็นเอสภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับไอเน็ตในการให้บริการที่เรามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษสำหรับการทำธุรกรรมการเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินทั้งระบบ GPRS , Dial และระบบ IP POS ซึ่งเป็นบริการที่คลอบคลุมรายงานต่างๆที่ TNS Online สามารถทำได้ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์กับธนาคารและร้านค้าที่ใช้บริการ”

ไอเน็ตเชื่อมั่นว่าระบบดังกล่าวจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพการให้บริการด้านเครือข่ายการชำระเงินภายของธนาคารพาณิชย์และร้านค้าทั่วประเทศให้ทัดเทียมกับมาตรฐานโลก

View :2282

ดีแทค ขออภัยลูกค้าต่อปัญหาเทคนิคด้านระบบเครือข่าย

December 21st, 2011 No comments

21 ธันวาคม 2554 – ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า “ขณะนี้ เรากำลังอยู่ระหว่างการยกระดับระบบเครือข่ายของเรา โดยในช่วงเช้าของวันนี้ ขณะที่เราได้ทำการโอนย้ายข้อมูลจากระบบเก่าไปสู่ระบบใหม่ ได้เกิดปัญหาทางด้านเทคนิคขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้งานของลูกค้าจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 15.00 น. สถานการณ์ได้กลับสู่ภาวะปกติ และปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขออภัยลูกค้าเป็นอย่างยิ่งต่อความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และ เราจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก”

View :1255

ไอดีซีคาดตลาดพรินเตอร์ไทยจะโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในปีหน้า

December 21st, 2011 No comments

ไอดีซีเปิดเผยการคาดการณ์ทิศทางของตลาดพรินเตอร์ในประเทศไทย ว่าผลกระทบต่างๆ ที่มาจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมและกำลังซื้อโดยรวมที่อ่อนตัวลงในช่วงสิ้นปีนี้ จะทำให้ตลาดพรินเตอร์ในปี 2555 ขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเพียงแค่ 2% เท่านั้น โดยกำลังซื้อจากภาคครัวเรือนจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากต้องแบกรับภาระรายจ่ายในเรื่องของการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและข้าวของเครื่องใช้ที่เสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 แต่อย่างไรก็ตามกำลังซื้อจากภาคธุรกิจและรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้ตลาดรวมไม่ชะลอตัวลงมากนัก

นายสุรเดช สุวรรณโชติรัศมี นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดเครื่องพิมพ์ประจำไอดีซีประเทศไทยระบุว่า “ในปีหน้าน่าจะมีปริมาณจัดส่งเครื่องพรินเตอร์อยู่ที่ 1.76 ล้านเครื่อง โดยจะเป็นพรินเตอร์ชนิดอิงค์เจ็ทประมาณ 70% ส่วนชนิดเลเซอร์จะมีประมาณ 26% ตลาดอิงค์เจ็ทมีแนวโน้มจะขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับปีนี้ ซึ่งเป็นเพราะมีแรงซื้อจากกลุ่มเอสเอ็มอีที่ต้องซื้อพรินเตอร์ไปทดแทนเครื่องเก่าที่เสียหายจากน้ำท่วม แต่ในทางกลับกัน ตลาดเลเซอร์นีแนวโน้มที่จะหดตัวลงในปีหน้า เป็นเพราะสินค้าบางส่วนที่เคยถูกนำมาจัดโปรโมชันขายควบคู่กับโน็ตบุ๊คนั้นจะลดลงตามยอดจัดส่งของโน็ตบุ๊คที่ชะลอตัวอันเนื่องมาจากปัญหาเรื่องฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขาดตลาดด้วย”

สำหรับภาพรวมของสถานกาณ์ตลาดพรินเตอร์ล่าสุดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้นั้น ไอดีซีพบว่ามียอดจัดส่งพรินเตอร์เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 โดยตลาดเลเซอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ถึง 25% อันเป็นผลมาจากการใช้จ่ายงบประมาณของธุรกิจในภาคเอกชนที่มักจะมีการใช้จ่ายสูงในช่วงนี้ของปีอยู่แล้ว ในขณะที่ตลาดอิงค์เจ็ทที่มีอัตราความต้องการซื้อพรินเตอร์แบบมัลติฟังก์ชันเพื่อทดแทนพรินเตอร์แบบซิงเกิลฟังก์ชันเพิ่มสูงขึ้น ก็เติบโตได้ถึง 19% ส่วนพรินเตอร์แบบด็อทเมตริกซ์มียอดจัดส่งที่ลดลงตามการขาดตลาดของสินค้าบางรุ่นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสายการผลิตที่เสียหายจากเหตุการณ์ซึนามิที่ญี่ปุ่น

ยอดการจัดส่งพรินเตอร์ในประเทศไทยปี 2554

ที่มา: IDC’s Asia/Pacific Quarterly HCP Tracker, 3Q 2011

นอกเหนือจากนี้ ไอดีซียังพบว่าส่วนต่างของราคาระหว่างพรินเตอร์อิงค์เจ็ทแบบมัลติฟังก์ชันและซิงเกิ้ลฟังก์ชันลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในรุ่นที่มีราคาระหว่าง 3,000 – 4,500 บาท เป็นเพราะผู้บริโภคหันมานิยมซื้อแบบมัลติฟังก์ชันมากกว่า และนี่เองป็นเหตุให้ตลาดพรินเตอร์อิงค์เจ็ทแบบมัลติฟังค์ชันในไตรมาสที่ 3 เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2

นายสุรเดชยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “เราคาดว่าในปีหน้าพรินเตอร์ไร้สายจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคทั้งภาคครัวเรือนและเอสเอ็มอีมากขึ้น ในไตรมาสที่ 3 พรินเตอร์ไร้สายมียอดจัดส่งเพิ่มขึ้น 345% และกระแสความนิยมน่าจะเพิ่มขึ้นเช่นนี้ต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้า”

“เราอาจจะได้เห็นเวนเดอร์ลงทุนในเรื่องของการพัฒนาสินค้าและทำการตลาดอย่างจริงจัง เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่อย่างเทคโนโลยีการพิมพ์ผ่านคลาวด์เกิดขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อขยับแซงหน้าคู่แข่ง ซึ่งจริงๆ แล้วบางเวนเดอร์ได้เริ่มนำพรินเตอร์ที่สามารถสั่งพิมพ์ผ่านคลาวด์ได้มาทำตลาดในประเทศไทยในช่วงสิ้นปีนี้แล้วด้วยซ้ำ”

View :1425

ทรู ย้ำจุดยืนผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ สมบูรณ์ทุกรูปแบบการสื่อสาร เติมเต็มชีวิต ตรงใจทุกไลฟ์สไตล์

December 21st, 2011 No comments

กลุ่มทรู สานต่อยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำทุกรูปแบบการสื่อสาร ผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ เทคโนโลยีไร้สาย ทีวี และคอนเทนต์ของกลุ่มทรู เน้นนวัตกรรม พร้อมธุรกรรมใหม่ๆ เพิ่มรายได้ ขยายตลาดเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย รองรับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ สรรหาหลากหลายทางเลือก ยกระดับคุณภาพการให้บริการ 3G เชื่อมโยงธุรกิจ ข้อมูล สาระความรู้และความบันเทิงถึงคนไทยทั่วประเทศ เดินหน้าบุกตลาดต่อเนื่องทั้งในประเทศและภูมิภาค มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกความต้องการ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปี 2555 ทรู ยังคงสานต่อยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ พร้อมพัฒนานวัตกรรมบริการหลากหลายตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์ พร้อมขับเคลื่อนทุกธุรกิจหลักเต็มที่ เร่งขยายบริการทรูมูฟ เอช บนเครือข่าย 3G+ เต็มรูปแบบ ให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากยิ่งขึ้น รองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งขยายบริการทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน เน้นโปรโมชั่นให้ความคุ้มค่าสูงสุด ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งานของลูกค้า

ธุรกิจโทรคมนาคมยังคงเติบโตต่อไป บริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-Voice) ของประเทศโดยรวมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความนิยมใช้สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ อาทิ แท็บเล็ต และแอร์การ์ด ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาด Non-Voice โดยเฉพาะบริการโมบายอินเทอร์เน็ตเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและบริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จึงเป็นโอกาสของกลุ่มทรูที่จะตอบสนองความต้องการ ให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิงผ่านช่องทางต่างๆ ของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี

ปี 2555 กลุ่มทรู ยังคงมุ่งมั่นนำนวัตกรรม สร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้กลุ่มทรูเป็นผู้ประกอบการไทยรายเดียวที่สามารถให้บริการสมบูรณ์ทุกรูปแบบการสื่อสาร ทั้งบริการสื่อสารด้านเสียง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ วิดีโอ ข้อมูลและมัลติมีเดียต่างๆ ผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ เทคโนโลยีไร้สาย ทีวี และคอนเทนต์ของกลุ่มทรู โดยนวัตกรรมเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ของทรูออนไลน์ จะสร้างความแตกต่างด้วยการยกระดับศักยภาพบริการบรอดแบนด์ให้ความเร็วสูงสุดจากเดิม 100 Mbps เป็น 200 Mbps ในปี 2555 มั่นใจคุณภาพอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเหนือระดับของทรูออนไลน์ จะสามารถเติมเต็มทุกประสบการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตได้ตรงใจทุกการใช้งาน

ยิ่งไปกว่านั้น นวัตกรรม Hybrid Set Top ของทรูวิชั่นส์ ซึ่งลูกค้าสามารถรับชมรายการในรูปแบบ HD คอนเทนต์ พร้อมอำนวยความสะดวกให้เชื่อมต่อ

อินเทอร์เน็ต ท่องเว็บไซต์ Youtube และชมวิดีโอต่างๆ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้งยังยกระดับมาตรฐานการรับส่งข้อมูลให้ลูกค้าดูรายการต่างๆ ของทรูวิชั่นส์ได้ทุกช่องทาง ทั้งทีวี โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค นอกจากนี้ ในปี 2555 ทรูวิชั่นส์ ยังเตรียมเพิ่มคอนเทนต์ตอบ

สนองไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ โดยเฉพาะ HD คอนเทนต์ ซึ่งเปลี่ยนมิติใหม่ของการรับชมทีวีในเมืองไทยที่คมชัดเสมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง รวมถึงเทคโนโลยี MPEG 4 ทำให้ลูกค้ารับชมรายการต่างๆ ผ่านช่องสัญญาณได้มากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนเพิ่มรายได้ให้กับทรูวิชั่นส์

“กลุ่มทรู มั่นใจว่า ยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ โดยการนำนวัตกรรมการให้บริการผสมผสานกับโครงข่ายและคอนเทนต์หลากหลาย จะตอกย้ำความเป็นผู้ประกอบการไทยรายเดียว ที่ให้บริการสมบูรณ์ทุกรูปแบบการสื่อสาร ด้วยความรวดเร็ว สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างแท้จริง” นายศุภชัย กล่าวสรุป

View :1621

อีริคสันคาดการณ์อุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปี 2555 ของภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย

December 20th, 2011 No comments

· บริษัทอีริคสันชี้ 10 แนวโน้มของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 ของภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ที่เกี่ยวกับการพัฒนาของ อุปกรณ์ เครือข่าย โปรแกรมประยุกต์และอุตสาหกรรม

· บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายต่างๆจะมีการปรับรูปแบบธุรกิจโมบายบรอดแบนด์แบบใหม่ๆเพื่อรักษาการสร้างการเติบโตที่ให้ผลกำไร

· การจัดหาบริการแบบที่รวมไว้ด้วยกันจะมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อบรรดาผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ บนแพลตฟอร์มของอุปกรณ์และเครือข่ายใดๆ ได้

บริษัทอีริคสันร่วมแบ่งปันความเข้าใจในแนวโน้มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดย มร อรุณ บันโซว หัวหน้าของบริษัทอีริคสันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียเปิดเผยว่า “จากประสบการณ์ของเราด้านเครือข่ายในระดับภูมิภาค การวิจัย การวิเคราะห์ เราสามารถสรุป 10 แนวโน้มหลักที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ เครือข่าย โปรแกรมประยุกต์และอุตสาหกรรม”

จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทอีริคสันยังระบุว่าการเติบโตของ สมาร์ทโฟน บริการใหม่ๆบนระบบคลาวด์ (cloud-based offerings) และโมบายบรอดแบนด์โมดูลแบบติดตั้งภายใน (embedded mobile broadband ecosystem) จะเป็นส่วนผลักดันให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด “เราจะยังคงเห็นการเติบโตของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตอย่างรวดเร็วและการเริ่มให้บริการ LTE มากขึ้น ในปี 2555” มร บันโซว อธิบาย

เมื่อความเร็วของบรอดแบนด์มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น บริษัทอีริคสันยังทำนายต่อไปว่าการใช้งานบนระบบคลาวด์จากบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายทางโทรคมนาคมและผู้ให้บริการต่างๆจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของตนเพื่อให้บริการใหม่ๆที่สร้างความแตกต่างผ่นระบบคลาวด์ของตนได้ดีขึ้น

บริษัทอีริคสันยังระบุว่าภาคธุรกิจต่างๆ จะนำ โมบายบรอดแบนด์โมดูลแบบติดตั้งภายใน มาใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ผ่านเครือข่ายของระบบ 4G, 3G และ 2G โดยการเติบโตนี้เองจะส่งผลให้ต้นทุนในการให้บริการโดยรวมจะลดลงอย่างมาก และทำให้ภาคธุรกิจสามารถในการเชื่อมกับผู้บริโภคแบบ M2M ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น

มร บันโซว กล่าวว่า “เราเห็นโอกาสที่มากมายสำหรับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมในการทำให้ระบบปฏิบัติการคลาวด์เหล่านั้นในเชิงพาณิชย์และเปิดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดแบบดั้งเดิม เช่น การจัดทำใบแจ้งค่าบริการที่ใช้บริการภายนอกสำหรับบรรดาบริษัทชั้นนำ (over-the-top (OTP) players) หรือในฐานะที่เป็นสื่อนำในการเข้าสู่ส่วนของตลาดที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ๆ เช่น แพลตฟอร์มแบบเครื่อง-ต่อ-เครื่องที่ทำงานบนระบบคลาวด์ (cloud-based machine-to-machine (M2M) platforms) สำหรับเหล่าอุตสาหกรรมในแนวตั้ง”

“เมื่อมองผ่านปี 2552 ขณะที่บริการต่างๆ ย้ายไปสู่ระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการนำเสนอการเข้าถึงระบบอย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือในขณะที่ยังคงรักษาความต่อเนื่องของบริการและโดยไม่คำนึงถึงว่าจะเป็นการเข้าถึงโครงสร้างระบบพื้นฐานหรือระบบเคลื่อนที่ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายจะมีความสำคัญมากเพิ่มขึ้น”

นอกจากนี้ในส่วนของโปรแกรมประยุกต์ ในปี 2555 เราจะเห็นบรรดาผู้ให้บริการเครือข่าย LTE นำเสนอสมาร์ทโฟนที่สนับสนุนระบบ เสียงบน LTE (Voice over LTE)ซึ่งจะถือเป็นการประกาศยุคของการสื่อสารด้วยเสียงผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Mobile VoIP) ที่มีคุณภาพสูง ทำให้สามารถเปลี่ยนการโทรระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น จากพีซีถึงโทรศัพท์มือถือถึงโทรศัพท์แบบพื้นฐานได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมองไปที่การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือและการชำระต่างๆ บริษัทอีริคสันเห็นว่าการเป็นหุ้นส่วนกับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายทางโทรคมนาคมจะเป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จของเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้น (Near Field Communications – NFC) ที่ทำงานบนโปรแกรมประยุกต์การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ นอกเหนือจากการได้เปรียบทางเครือข่ายแล้ว บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายจะเป็นเจ้าของช่องทางการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ การได้รับความไว้วางใจจากการทำรายการแจ้งหนี้และความสัมพันธ์กับลูกค้า ข้อมูลของผู้ใช้ที่มีความปลอดภัยและข้อมูลสถานที่ซึ่งสิ่งทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

การพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งอุตสาหกรรม บริษัทอีริคสันเห็นว่าผู้ให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์จำเป็นต้องนำรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกันมาใช้เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้น เมื่อตลาดเจริญเติบโตอย่างเต็มที่และระบบของการสร้างความแตกต่างระหว่างคู่แข่งแคบลง

ภายในระยะ 12 เดือนที่จะถึง เราจะเห็นบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโมบายบรอดแบนด์ยืมรูปแบบทางธุรกิจที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความจงรักภักดี ข้อมูลและความพึงพอใจของผู้ใช้และการดัดแปลงให้เหมาะสมกับลูกค้าที่เคยนำไปใช้กับอุตสาหกรรมการบริการทางการเงินและสายการบิน

ในส่วนของอุตสาหกรรมอื่นๆ ระบบ LTE จะเติบโตขึ้นเมื่อมาตรฐานของระบบ 4G ดึงดูดใจมากขึ้น ในฐานะที่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องตามกฎหมายของเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารที่มีกรรมสิทธิ์สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เข่น สาธารณูปโภคและความปลอดภัยสาธารณะ

บริษัทอีริคสันยังทำนายว่าระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น ก๊าซและน้ำจะดำเนินการตามบรรดาผู้จำหน่ายไฟฟ้าโดยการลงทุนใน LTE สำหรับเครือข่ายไร้สายของตน ไม่ว่าจะโดยการสร้างเครือข่ายส่วนตัวหรือโดยการสร้างความสัมพันธ์แบบแบ่งปันเครือข่ายกับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายของระบบเคลื่อนที่ต่างๆ

การทำนายสำหรับปี 2555 จะเป็นไปอย่างครอบคลุมที่ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการเติบโตทางธุรกิจและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆทั่วทั้งส่วนของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ

บริษัทอีริคสันมีความยินดีในการเพิ่มความรู้ความเข้าใจเหล่านี้ไปเรื่องที่ผู้อื่นได้จัดทำไว้ในส่วนการตลาดเพื่อก่อให้เกิดการอภิปรายเกี่ยวกับแนวโน้มและผลประโยชน์ด้าน ICT สำหรับธุรกิจและชุมชนที่กว้างขวางมากขึ้น

การคาดการณ์ในปี 2555

แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในออสเตรเลีย ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะมีจำนวนมากกว่าผู้ใช้โทรศัพท์แบบธรรมดาเป็นครั้งแรกในปี 2555 แรงผลักดันด้านความต้องการแท็บเล็ตทั่วโลกไม่มีวี่แววจะลดน้อยลงในปี 2555 โดยคาดคะเนว่าจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะสูงขึ้น 30 เท่าในห้าปีข้างหน้า การเติบโตของแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะทำให้บรรดาเครือข่ายประสบกับแรงกดดันในการจัดหาประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูงเพื่อตอบสนองความสามารถของอุปกรณ์เหล่านั้น

2. การเติบโตของโมบายบรอดแบนด์แบบฝังภายใน ในปี 2555 โมบายบรอดแบนด์แบบฝังภายในที่จะมีการเติบโตหลักๆ เนื่องจากมีแรงผลักดันที่เกิดจากการรวมธุรกิจของ ICT ที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อนำส่งประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิต ได้แก่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค กล้อง เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book reader) เครื่องแปลงสัญญาณมือถือ (fixed-wireless terminals) อุปกรณ์การตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ตลอดจนโปรแกรมประยุกต์ด้านเครื่องวัดอัจฉริยะ (mobile health devices and smart meter applications)

3. LTE จะเป็นกระแสหลัก บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายจะยังใช้ LTE ทั้งในฐานะที่เป็นตัวสร้างความแตกต่างและวิธีการในการจัดการกับการเติบโตของข้อมูลอย่างคุ้มค่าเงินอย่างต่อเนื่อง เอเชียแปซิฟิกจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ LTE เติบโตทั่วโลก โดยการสมัครสมาชิก LTE สูงถึง 200 ล้านรายจะมาจากภูมิภาคนี้ภายในปี 2559

4. จะมีการนำ HetNets ไปใช้มากขึ้น ในปี 2555 เราจะเห็นว่าเครือข่ายซึ่งต่างชนิดกัน (Heterogeneous Networks – HetNets) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีสมรรถนะและขนาดต่างๆกันทำงานประสานงานกันจะได้รับความนิยมมากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาความแออัดของการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือของสถานีฐานและเสริมสร้างการครอบคลุมของเครือข่ายและปรับปรุงให้สมรรถนะดียิ่งขึ้น

5. บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายจะนำเสนอการบริการระบบคลาวด์เพิ่มมากขึ้น บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถใช้ประโยชน์และจุดแข็งจากเครือข่ายของตนในการให้บริการที่มีการบริหารจัดการเพื่อสร้างความแตกต่างการนำเสนอการบริการที่ทำงานบนระบบคลาวด์ของตน บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมจะมีสามบทบาทหลักดังต่อไปนี้ การบริหารจัดการความสามารถในการเชื่อมต่อของระบบคลาวด์ การนำส่งสมรรถนะที่ทำงานบนระบบคลาวด์ และที่สำคัญคือการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินของเครือข่ายเพื่อเสริมสร้างการนำเสนอระบบคลาวด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

6. มีแนวโน้มว่าจะมีความร่วมมือด้านการบริการแบบรวมไว้ด้วยกัน (Converged Services) – การต่อสู้ระหว่างบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายและผู้จัดหาบริการชั้นนำสำหรับการนำส่งคอนเทนท์สู่หน้าจอใดๆ จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีความร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากสมรรถนะของเครือข่ายเพื่อทำให้มีประสบการณ์การชมที่เหมาะสมที่สุดและรวมมาตรการต่างๆที่ช่วยเพิ่มการบริการเครือข่ายที่มีอยู่อย่างกว้างขวางไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าที่มากยิ่งขึ้น

7. การสื่อสารด้วยเสียงแบบเคลื่อนที่ (Mobile Voice) จะพร้อมให้บริการโดยผ่าน LTE –บรรดาผู้ให้บริการเครือข่าย LTE จะนำเสนอสมาร์ทโฟนที่สนับสนุนระบบ VoLTE ระบบ VoLTE จะทำให้มีการบริการระบบสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีคุณภาพสูง ทำให้มีการรวมระบบการสื่อสารแบบเคลื่อนที่และแบบโครงสร้างพื้นฐาน (fixed-mobile convergence) ได้อย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก ทำให้สามารถเปลี่ยนการโทรระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น จากพีซีถึงโทรศัพท์มือถือถึงโทรศัพท์แบบพื้นฐานได้อย่างง่ายดาย

8. บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายจะมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ คาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้น (Near Filed Communications) ทั่วทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและผู้ขายระบบการปฏิบัติการ ธนาคารและบริษัทบัตรเครดิต ตลอดจนผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินกำลังแข่งขันกันเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาด

9. บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายจำเป็นต้องนำรูปแบบธุรกิจโมบายบรอดแบนด์แบบใหม่ไปใช้เพื่อทำให้มีการสร้างการเติบโตที่ให้ผลกำไร รูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ยึดบนราคา ความเร็วและปริมาณจะมีประสิทธิภาพน้อยลง อุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะต้องมองหาเพื่อเลียนแบบรูปแบบเชิงพาณิชย์ที่อุตสาหกรรมอื่นๆนำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จ เช่นการบริการทางการเงินและสายการบิน

10. ระบบสาธารณูปโภคอื่นๆจะดำเนินการตามส่วนของระบบไฟฟ้าและมองหาการลงทุนใน LET สำหรับเครือข่ายไร้สายของพวกตน ความโดดเด่นที่เห็นได้ล่วงหน้าของมาตรฐานของ 3GPP สำหรับ HSPA+ และการที่ขณะนี้เครือข่าย LTE ได้ทำให้เทคโนโลยีไร้สายครอบงำตลาดทั่วโลก เป็นการรับประกันว่าสิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงการมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุดและเป็นตัวเลือกในอนาคตที่ไม่เพียงแต่สำหรับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายเคลื่อนที่เท่านั้นแต่ยังรวมถึงทั่วทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆอีกด้วย

View :1762