Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

นโยบาย กสทช. เน้นการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล

December 20th, 2011 No comments

สุภิญญา ระบุ ภารกิจสำคัญเพื่อปฏิรูปโครงสร้างสื่อใหม่ ต้องทิ้งอำนาจนิยมก้าวสู่ยุค ธรรมาภิบาล ด้าน ประวิทย์ ห่วงการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล หากเข้าสู่ยุคเทเลแบงก์กิ้ง

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดงานสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี ๒๕๕๔ หรือ NBTC Year End Conference 2011 “Reaching the next level of communication 2011” ขึ้น ในระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ธ.ค. ๕๔ โดยในงานมีการจัดช่วง NBTC talk เปิดพื้นที่ให้ กสทช. แสดงจุดยืนและวิสัยทัศน์ โดยมี กสทช. ๙ ใน ๑๑ คนเข้าร่วม

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในฐานะ กสทช. คือการปฏิรูปโครงสร้างวิทยุ โทรทัศน์ ให้เปลี่ยนจากอำนาจนิยมอุปถัมป์ไปสู่ระบบใบอนุญาตที่มีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งสร้างเกณฑ์ในการกำกับดูแลให้เสรีภาพทางความคิดต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบและจรรยาบรรณ รวมถึงเปิดพื้นที่ให้คนด้อยโอกาส เด็ก ผู้มีรายได้น้อย สามารถใช้คลื่นความถี่เป็นช่องทางในการสื่อสาร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาศักยภาพของตัวเอง

ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาที่ผู้บริโภคไทยเผชิญในปัจจุบันนั้นมีลักษณะ “รวมยุค” คือ บางพื้นที่บางกลุ่มก็ยังเข้าไม่ถึงบริการ ซึ่งถือเป็นปัญหายุคเก่า นอกจากนั้นยังมีปัญหายุคปัจจุบัน เช่น การเข้าถึงแต่ไม่เท่าทัน ไม่ว่าจะเป็นการไม่เท่าทันแพ็คเกจต่างๆ ไม่เท่าทันอุปกรณ์ ปัญหาคุณภาพบริการมีปัญหา เป็นต้น นอกจากนี้ยังเริ่มมีปัญหาของยุคอนาคต นั่นคือเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวที่ถูกละเมิดผ่านการเข้าถึงข้อมูลที่ได้จากการใช้บริการโทรคมนาคม ซึ่งปัญหานี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกากลายเป็นเรื่องร้องเรียนอันดับหนึ่งในช่วงปีหลังๆ มานี้ ต่อไปหากมีบริการ 3G และมีการใช้บริการอื่นๆ ผ่านบริการโทรคมนาคมเพิ่มมากขึ้น เช่น เทเลแบงก์กิ้ง หากไม่มีระบบป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลที่ดี ก็จะเกิดปัญหาที่สร้างความเสียหายได้อย่างมากและกว้างขวาง เพราะเมื่อเข้าถึงข้อมูลด้านโทรคมนาคมได้ก็หมายถึงการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ของคนคนนั้นได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องวางมาตรการป้องกัน

กสทช. ประวิทย์ย้ำว่า ตราบเท่าที่ยังมีการใช้บริการโทรคมนาคม มีการสื่อสารกัน ปัญหาย่อมไม่หมดไป แก้ปัญหาเก่าแล้วก็เกิดปัญหาใหม่ เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการออกแบบบริการใหม่ๆ ของผู้ประกอบการ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการมีส่วนร่วมของสังคม ในการสะท้อนปัญหาและร่วมกันแสวงหาแนวทางแกไข

“ผู้บริโภคนั้นถึงอย่างไรก็ต้องการบริการ การกำกับดูแลโดยพื้นฐานจึงต้องส่งเสริมให้เกิดบริการอยู่แล้ว แต่ความท้าทายอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้บริการนั้นมีประโยชน์อย่างแท้จริง หรือมีปัญหาและจุดอ่อนน้อยที่สุด ซึ่งควรต้องเน้นการวางมาตรการเชิงป้องกันหากคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดกว้างให้เกิดการแจ้งหรือสะท้อนปัญหาจากผู้ใช้บริการ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที รวมถึงรับฟังว่าอะไรคือความต้องการของประชาชน ซึ่งไม่ใช่ว่าจะตอบสนองได้ทั้งหมด แต่เพื่อจะทำงานได้ตรงกับความต้องการ” นายประวิทย์กล่าว

View :1509
Categories: Press/Release Tags:

แคนนอนชู PIXMA Cloud Printing เปิดตัว “โดมปกรณ์ ลัม” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ล่าสุด

December 20th, 2011 No comments

แคนนอนพลิกโฉมเทคโนโลยีการพิมพ์ เปิดตัว 4 แคมเปญยักษ์
ชู มอบอิสระภาพไร้ขอบเขตแห่งการพิมพ์
พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ล่าสุด โดมปกรณ์ ลัม

แคนนอนตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจพรินท์เตอร์ในประเทศไทย ส่งทัพเทคโนโลยีล่าสุดปฏิวัติวงการพิมพ์ภาพ ประกาศครองบัลลังค์พรินท์เตอร์ยอดนิยมอันดับ 1 ในงาน “Be converge Be complete Be Canon…the best printing experience” มอบประสบการณ์สุดพิเศษ กับการผสมผสานเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่ดีที่สุดในการพิมพ์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการทุกรูปแบบ ด้วยผลงานสุดล้ำ ประสิทธิภาพสูง สมบูรณ์แบบทั้งด้านความล้ำสมัย คุณภาพ ความคุ้มค่า ความสนุกสนานและ ครบเครื่องจากเครื่องแคนนอน

คุณวรินทร์ ตันติพงศ์พานิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า “แคนนอนประสบความสำเร็จในด้านผลประกอบการและด้านส่วนแบ่งทางการตลาดมาโดยตลอด และมียอดการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยในปี 2553 แคนนอนมียอดขายบริษัทรวมอยู่ที่ 7,000 กว่าล้านบาท และตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2554 แคนนอนมียอดส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 55.2% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ในกลุ่ม Single function printer และ 53.8% ในกลุ่ม All-in-one เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจที่ตั้งไว้ แคนนอนจึงได้เปิดตัวงาน ‘Be converge Be complete and Be Canon…the best printing experience’ โดยนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล้ำสมัยที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโฟโต้อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของแคนนอนตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา สำหรับเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ของงานนี้ คือ Canon PIXMA Cloud Printing ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการพิมพ์ที่ไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถสั่งพิมพ์ข้ามโลกได้ทันที นอกจากนี้เรายังมีอีกหลากหลายเทคโนโลยีที่จะมาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายและสนุกยิ่งขึ้น ”

ด้วยความที่แคนนอนเป็นผู้นำทั้งด้านยอดขายและเทคโนโลยี ซึ่งในปีนี้แคนนอนได้ออกคอนเซ็ปต์ “Be Canon” เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบถึงนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีครบทุกไลน์สินค้า และภายในงานท่านจะได้จะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งทั้งหมดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มแบ่งเป็น Be Trend, Be Fun, Be Efficient และ Be Clever ตามความต้องการของผู้บริโภคด้วย 4 คอนเซ็ปต์หลัก เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นอันชาญฉลาด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบ ดังนี้

1. Be TRENDY be Canon เป็นแคมเปญที่เจาะกลุ่ม Innovator ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำในการใช้สินค้าที่ทันสมัย ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เรียกว่า Canon PIXMA Cloud Printing ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของพรินเตอร์แคนนอน เป็นนวัตกรรมการพิมพ์ภาพอันไร้ขอบเขต โดยสามารถพิมพ์ภาพผ่าน Smart Phone, Smart Devices, Laptop และคอมพิวเตอร์ต่างๆที่สามารถใช้ร่วมกับบริการ Google Cloud Print ได้ ทำให้ผู้ใช้งานทำการพิมพ์ได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่บนจุดใดของโลก และอีกหนึ่งการทำงานคือการเลือกพรินท์ภาพผ่าน Picasa ซึ่งเป็นอัลบั้มออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บรูปภาพไฟล์ดิจิตอลของตัวเองได้โดยมีพื้นที่ในการจัดเก็บอย่างไม่จำกัด

การทำงานของ PIXMA Inkjet Printer ที่ใช้งานร่วมกับ Google Cloud Print

เครื่องพรินเตอร์รุ่นที่รองรับเทคโนโลยีนี้ คือ รุ่น MG 6270 และ MG 8270

การพรินต์ภาพ Online Photo Album จาก Picasa โดย Canon PIXMA Inkjet Printer

เครื่องพรินเตอร์รุ่นที่รองรับเทคโนโลยีนี้มีทั้งหมด 4 รุ่น คือ รุ่น iP4970, MG5370, MG 6270 และ MG 8270

นอกจากนี้ Canon PIXMA Printer เปิดตัวถึงการทำงานร่วมกับเครื่อง Apple อย่าง iPad, iPhone และ iPod touch ผ่าน AirPrint wireless printing ที่ทำให้ผู้ใช้งานสั่งพรินต์ไร้สายในการพรินต์ภาพถ่าย พรินต์เมลล์ หน้าเว๊ป หรือเอกสารอื่นๆ ได้อย่างง่ายโดยไม่ต้องทำการ install driver ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานประหยัดเวลา และสะดวกสบายอย่างมาก

2. Be FUN be Canon เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สนุกสนานกับฟังก์ชั่น และ Software ที่เพิ่มความหลากหลายในการพิมพ์ภาพตามจินตนาการ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่แถมมาให้กับตัวเครื่องปรับแต่งภาพ ได้แก่
• PIXMA Photo Book ซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้คุณสร้างสรรค์ Photo Book ในแบบของคุณเอง สามารถเลือกธีมสนุกๆ พร้อมเพิ่มลวดลายให้รูปดูมีชีวิตชีวามากขึ้น พร้อมใส่ข้อความตามต้องการ สั่งพิมพ์และประกอบรูปเล่มได้อย่างง่ายดาย วอฟท์แวร์และอุปกรณ์จะแถมมากับเครื่องพรินเตอร์รุ่นใหม่ทุกรุ่น
• โปรแกรม Fun Filter Effect Fun Filter Effect ซึ่งเป็นหนึ่งในซอฟท์แวร์ของแคนนอน ที่เป็นโปรแกรมในการตกแต่งภาพถ่ายไฟล์ธรรมดา ให้กลายเป็นภาพถ่ายที่ดูแปลกตาด้วยฟิล์เตอร์และเอฟเฟกต์ต่างๆ ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับรูปภาพเดิมๆ ให้สวยเก๋เหมือนฟังก์ชั่นในกล้องอย่าง fish-eye effect, miniature และ blur black ground และทำการสั่งพิมพ์ผ่านเครื่อง Canon PIXMA Inkjet Printer
• ฟังก์ชั่น Full HD Movie Print เพิ่มความสนุกและความหลากหลายในการพิมพ์ ด้วยฟังก์ชั่นพิมพ์ภาพไฟล์ภาพวิดีโอ โดยการเลือกเฉพาะภาพที่ต้องการ และเพิ่มเติมความพิเศษขึ้นกับฟังก์ชั่นการ Merge Frame จากหลายๆภาพมารวมในภาพเดียวกัน รวมถึงการพรินต์แบบ Lay Out มาก่อนเพื่อให้ง่ายในการเลือกภาพที่คุณต้องการ

โดยเครื่องพรินเตอร์ใหม่ล่าสุดทุกรุ่นในงานนี้รองรับโปรแกรม Fun Filter Effect และฟังก์ชั่น Full HD Movie Print นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม Easy-WebPrint EX ช่วยจัดการการพิมพ์จากหน้า website ให้อย่างอัตโนมัติอีกด้วย

3. Be EFFICIENT be Canon แคมเปญเปิดตัวพรินเตอร์คู่คุ้ม Canon PIXMA Ink Efficient E500 เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่แคนนอนได้นำเทคโนโลยี Hybrid System อัจฉริยะด้วยการผสมสีแบบไล่ระดับ เหมาะสมต่อการพิมพ์ภาพถ่าย ทั้งยังให้คุณภาพงานสีสวยและคมชัด ผสานเข้ากับระบบหัวพิมพ์แบบ FINE (Full-Photolithography Inkjet Nozzle Engineering) ออกแบบมาเพื่อช่วยลดต้นทุนในการพิมพ์ ตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่ม Home Use และกลุ่มธุรกิจ โดยพรินเตอร์คู่คุ้ม Canon PIXMA Ink Efficient E500 มอบความคุ้มค่าด้วยต้นทุนในการพิมพ์เอกสารเพียงแผ่นละ 49 สตางค์ ให้สีสันคุณภาพงานชั้นเยี่ยม โดยหมึก 1 ตลับ สามารถพิมพ์เอกสารได้มากถึง 800 แผ่น และยังเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษมากมายให้ลูกค้าใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น
4. Be CLEVER be Canon เป็นแคมเปญที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายในการพิมพ์ด้วยฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Wi-fi ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาแคนนอนถือเป็นแบรนด์แรกที่ได้นำเทคโนโลยี Wi-fi มาปฏิวัติวงการพรินท์เตอร์ ปีนี้แคนนอนพร้อมชูเทคโนโลยี Wi-fi อันแข็งแกร่งและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งกับการเปิดตัว Multifunction Laser printer แบบ Wi-Fi Full Range เพื่อขยายขอบเขตความสามารถในการพิมพ์ครอบคลุมทุกตารางนิ้ว ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนก็สามารถสั่งพิมพ์ได้ไม่มีสะดุด โดยในงานจะได้พบกับเครื่อง Multifunction Laser printer พร้อม Wi-fi รุ่นใหม่ล่าสุด ครอบคลุมตั้งแต่รุ่นเล็กจนถึงรุ่นใหญ่ ถึง 6 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย เครื่องเลเซอร์พรินเตอร์สี 2 รุ่น คือ MG8380Cdw, MF8080cw และเครื่องเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำ 4 รุ่น คือ MF5980dw, MF4580dw, MF4570dw, MF4420w ทุกรุ่นรองรับสัญญาณ Wi-Fi

นอกจากความยิ่งใหญ่ของนวัตกรรมไร้ขอบเขตที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างคุ้มค่า
และมอบประสบการณ์การพิมพ์ภาพด้วยฟังก์ชั่นอันชาญฉลาดแล้ว แคนนอนได้ทุ่มงบถึง 120 ล้านบาท เปิดตัวเทคโนโลยี PIXMA Cloud Printing พร้อมแนะนำพรีเซ็นเตอร์หนุ่มสุดฮอต โดม ปกรณ์ ลัม ในภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ล่าสุดของ Across the Sky ที่บินไปถ่ายทำไกลถึงประเทศออสเตรเลีย พร้อมเพลงประกอบภาพยนต์โฆษณาอย่าง “คิดถึง” ซึ่งได้คุณโดมมาช่วยแต่งเนื้อร้องเพื่อบอกเล่าที่มาการใช้ Canon PIXMA Cloud Printing และ แคมเปญเปิดตัวพรินเตอร์คู่คุ้ม Canon PIXMA Ink Efficient E500 ในภาพยนต์โฆษณาใหม่ชื่อเรื่อง Love at First Sight เพื่อมาบอกเล่าเรื่องราวของการพบรักของหนุ่มสาวกับเครื่องพรินเตอร์ตัวใหม่ ซึ่งเมื่อใครเห็นก็ตกหลุมรัก และติดตามพบกับกิจกรรมภายใต้แคมเปญของแคนนอนอีกมากมาย

View :2683

เอชพีจับมือสมาคมการตลาด ชวนนิสิต นักศึกษา ประกวดแผนการตลาดตีตลาดหมึกแทงค์

December 20th, 2011 No comments

เอชพีเดินหน้ารุกตลาดการศึกษาต่อเนื่อง ล่าสุดร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดประกวดแผนการตลาดประจำปี 2555 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษาและของรางวัลจากเอชพีรวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ภายใต้หัวข้อ “ทิ้งคู่เทียม เจอคู่แท้” ตอกย้ำความความคุ้มค่าที่เหนือกว่าของหมึกพิมพ์แท้ไปยังกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

นายกฤษณ์ กิตติทัตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กลุ่มตลาดคอนซูเมอร์ กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าหลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการนำเครื่องพิมพ์ HP Deskjet Ink Advantage รุกตลาดอิงค์แทงค์ โดยตอกย้ำความคุ้มค่าของโซลูชั่นส์งานพิมพ์ที่มาพร้อมหมึกพิมพ์แท้เอชพีที่ให้ความคุ้มค่ามากกว่าอิงค์แทงค์ไปยังกลุ่มผู้บริโภค ล่าสุด เอชพียังคงเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าหมึกพิมพ์แท้ที่เน้นงานพิมพ์จำนวนมากซึ่งได้แก่กลุ่มการศึกษา อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยจัดประกวดแผนการตลาดประจำปี 2555 ภายใต้หัวข้อ “ทิ้งคู่เทียม เจอคู่แท้” ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษาและรางวัลจากเอชพีรวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท โดยเปิดโอกาสให้นิสิต และนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ส่งผลงานการตลาดเข้าร่วมประกวด เพื่อปลูกฝังค่านิยมในการใช้หมึกพิมพ์แท้ อันจะได้ประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่าอิงค์แทงค์

สำหรับการประกวดแผนการตลาด หรือ J-MAT Award นั้น ทางสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยได้จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี และในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 21 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 นำความรู้และทักษะในตำราเรียนมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนการตลาดจริง โดยมีคุณสมบัติของผู้สมัครดังนี้

1. เป็นนิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ ในระดับชั้นปีที่ 3 – 4 โดยไม่จำกัดสาขาและคณะ
2. สมาชิกในกลุ่มต้องมาจากสถาบันเดียวกัน โดยกำหนดไว้ที่ทีมละ 3-10 คน และมีคณาจารย์ของสถาบันนั้นๆ เป็นผู้รับรอง

ทั้งนี้ ทางผู้จัดได้แบ่งการประกวดออกเป็น 3 รอบ และจะประกาศผลรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 5 มีนาคม 2555

“เอชพีเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการประกวดแผนการตลาด หรือ J-MAT Award ว่าเป็นโครงการที่น่าส่งเสริม และสนับสนุนให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพด้านการตลาดที่สามารถนำมาใช้ได้จริง และจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพต่อไปในอนาคต และในครั้งนี้นับเป็นการจัดประกวดแผนการตลาดสำหรับกลุ่มธุรกิจไอที ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คนในทุกๆ ด้านในปัจจุบัน และยังเป็นธุรกิจที่มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกทั้งมีการแข่งขันสูงอีกด้วย ซึ่งคาดว่าการจัดการประกวดในครั้งนี้จะได้รับความสนใจอย่างมากจากนักศึกษาทั่วประเทศส่งผลงานเข้าร่วมประกวด และน่าจะมีแนวคิดการตลาดดีๆ จากว่าที่นักการตลาดรุ่นใหม่รวมไปถึงการสร้างความรับรู้และเข้าใจในเรื่องของความคุ้มค่าของหมึกพิมพ์แท้ไปยังกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” นายกฤษณ์ กล่าวปิดท้าย

View :1366

ดีแทค นำร่อง ใช้กลยุทธ์ Distribution Segmentation ตั้ง 35 ดิสทริบิวเตอร์ ดูแลพื้นที่ขายทั่วประเทศ

December 20th, 2011 No comments

ดีแทค นำร่อง ใช้กลยุทธ์ Distribution Segmentation เจาะลึกการขายแต่ละพื้นที่ เน้น เข้าใจ-เข้าถึง ลูกค้ามากที่สุด พร้อมแต่งตั้ง 35 ดิสทริบิวเตอร์ศักยภาพสูง ดูแลพื้นที่ขายทั่วประเทศ

ดีแทคเตรียมรุกตลาดปี 2555 นำร่อง ใช้กลยุทธ์ Distribution Segmentation ในธุรกิจโทรคมนาคม แบ่งเซ็กเมนต์การขายและกระจายสินค้า หรือดิสทริบิวชั่น ตามพื้นที่ ชูจุดเด่น Area Champion เจาะภาพลึกตลาดลงไปในแต่ละจังหวัด ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับพื้นที่ เปิดตัวโครงสร้างดิสทริบิวชั่นใหม่ เพิ่มศักยภาพการขายและการกระจายสินค้าและบริการดีแทคในทุกด้าน พร้อมแต่งตั้ง 35 ดิสทริบิวเตอร์ ดูแลลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและลูกค้าที่เปลี่ยนไป

นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้า บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป มีความรู้ความเข้าใจ สนใจสินค้าและบริการเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือมากขึ้น มีการศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง ต่างจากเดิมที่จะรับข้อมูลจากโฆษณาอย่างเดียว โอเปอเรเตอร์ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงและทันกับความต้องการของตลาดและลูกค้า ดังนั้น งานด้านการขายและการจัดจำหน่าย หรือ ดิสทริบิวชั่น ของดีแทคในปีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเรามีการปรับกลยุทธ์และโครงสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น มีการนำแนวทาง Segmentation มาใช้ เพราะดิสทริบิวเตอร์เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ มีความเข้าใจและใกล้ชิดกับลูกค้า ดีแทคจึงใช้กลยุทธ์ Area Champion ด้วยความตั้งใจที่จะดึงศักยภาพของความเป็นเจ้าของพื้นที่มาเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านดิสทริบิวชั่นให้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดเป็นความมุ่งมั่นของบริษัท เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าและบริการที่ดีของดีแทคได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น”

กลยุทธ์ Area Champion เป็นการนำแนวทาง Segmentation มาใช้ในงานด้านดิสทริบิวชั่น เพราะความต้องการของตลาดและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละพื้นที่จะมีความเฉพาะเจาะจงที่ไม่เหมือนกัน การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน จะช่วยให้สินค้าและบริการของดีแทคที่ออกไปตรงใจกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และภายใต้โครงสร้างใหม่ ดิสทริบิวเตอร์ทั้งหมดจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับดีแทค พัฒนาแผนธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนมีความรับผิดชอบใหม่เพิ่มขึ้น เช่น การจัดกิจกรรมการตลาดเฉพาะพื้นที่ การขยายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อย หรือ รีเทลเลอร์ ในพื้นที่ตนเอง ฯลฯ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มการเจาะตลาดในแต่ละพื้นที่

โครงสร้างดิสทริบิวชั่นใหม่ของดีแทค มีการแบ่งพื้นที่การขายและการจัดจำหน่ายใหม่ รวบรวมสินค้าทั้งหมดที่ดีแทคจำหน่ายให้ดิสทริบิวเตอร์ดูแลเพียงรายเดียวต่อพื้นที่ ไม่ต้องทำตลาดแข่งขันกันเอง นับเป็นการยกระดับงานดิสทริบิวชั่น เพราะดิสทริบิวเตอร์จะมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของและสามารถบริหารจัดการพื้นที่การขายของตนเองร่วมกับดีแทคได้แบบเจาะลึก มีความชัดเจนในการทำธุรกิจมากขึ้น เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจของดีแทคและดิสทริบิวเตอร์เติบโตในแต่ละพื้นที่ได้ จึงสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและลูกค้าที่ในทุกพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น เพราะมีความเข้าใจและใกล้ชิดกับลูกค้า สามารถจัดสรรช่องทางที่จะนำสินค้าและบริการของดีแทคให้เข้าถึงลูกค้าแต่ละพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าหาซื้อสินค้าของดีแทคได้จากจุดจำหน่ายกว่า 20,000 จุด และจุดเติมเงินได้มากกว่า 300,000 แห่งทั่วประเทศ

“การที่บริษัทจะเพิ่มการเจาะตลาดแต่ละพื้นที่ได้ ต้องมาจากการมีดิสทริบิวชั่นที่ดี และการมีดิสทริบิวชั่นที่ดีต้องมาจากการมีดิสทริบิวเตอร์ที่แข็งแรง โดยตลอดปีที่ผ่านมา ดีแทคคัดเลือกดิสทริบิวเตอร์ หรือ ผู้จัดการโครงการแฮปปี้-ดีแทค ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการแบบใหม่อย่างเข้มงวด และได้ประกาศแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์ดีแทคอย่างเป็นทางการรวม 35 ราย มาร่วมธุรกิจกับดีแทคเพื่อดูแลแต่ละพื้นที่การขายทั่วประเทศ เพราะในปีหน้าการแข่งขันยังคงมุ่งไปที่เรื่องดาต้าเป็นหลัก ซึ่งดีแทคมีความพร้อมทั้งในเรื่องการตลาด การพัฒนาโครงข่าย และผมมั่นใจว่าดิสทริบิวเตอร์จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้ดีแทคเพิ่มการเจาะตลาดในพื้นที่ต่าง ๆได้ดีมากยิ่งขึ้น” นายชัยยศกล่าวเสริม.

View :1372

ไอ-โมบายต้อนรับปีมังกร เปิดตัวโทรศัพท์รุ่น โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น

December 19th, 2011 No comments

พร้อมแอพพลิเคชั่นเสริมโชคลาภ ดูดวงกับหมอดูดังฟรีนาน 6 เดือน

ไอ-โมบาย ถือฤกษ์รับปีมังกร เปิดตัว ไอ-โมบาย ฮิต101B โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น พร้อมแอพพลิเคชั่นเสริมโชคลาภ คู่มือการงาน การเงิน น้ำเต้าดูดเงิน และแผ่นยันต์สลักองค์เทพ เพื่อมอบเป็นของขวัญตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2555 มาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นเสริมโชคลาภ พยากรณ์ ใช้บริการง่ายผ่านไอคอน i-Key บนหน้าจอมือถือ เพื่อเข้าสู่แอพพลิเคชั่นดูดวงกับหมอดูดัง คำทำนาย 7 เทพ 7 ศาสตร์ และทำนายเลขนำโชค ดูดวงฟรีนานถึง 6 เดือน ในราคาเพียง 1,990 บาท จำหน่ายที่ร้านไอ-โมบายทั่วประเทศ และตัวแทนจำหน่าย

คุณฑิตพล จันทร์อุไร ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการผลิตภัณฑ์ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ ไอ-โมบายต้อนรับศักราชใหม่ เปิดตัวมือถือพร้อมแอพพลิเคชั่นดูดวง นำร่องแบรนด์แรกของไทย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าไอ-โมบาย โดยจัดแพ็กเกจพิเศษโทรศัพท์มือถือ ไอ-โมบาย ฮิต 101B โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น มาในกล่องกิ๊ฟเซทเสริมมงคล คู่มือการงาน การเงิน น้ำเต้าดูดเงิน และแผ่นยันต์สลักองค์เทพ เพื่อมอบเป็นของขวัญตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ ปีมังกร มาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นเสริมโชค ลาภ พยากรณ์ ใช้บริการง่ายผ่านไอคอน i-Key บนหน้าจอมือถือ โดยสามารถเข้าแอพพลิเคชั่นดูดวงกับหมอดูชื่อดัง รับคำทำนาย7 เทพ 7 ศาสตร์ และทำนายเลขนำโชค วางจำหน่ายที่ร้านไอ-โมบายทั่วประเทศ และตัวแทนจำหน่าย ราคาเพียง 1,990 บาท พร้อมดูดวงฟรีนาน 6 เดือน”

โทรศัพท์มือถือไอ-โมบาย ในกลุ่มฮิตส์ ซีรีส์ เป็นมือถือที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย คุ้มค่ากับการใช้งาน โดยรุ่นนี้ ไอ-โมบาย วางจำหน่ายส่งท้ายปลายปี 54 ตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่มครอบครัว สามารถเลือกซื้อเป็นของฝาก ของขวัญ นำความโชคดีต้อนรับปีใหม่ ปีมังกรนี้ โดยจัดทำเป็น 2 แพ็กเกจพิเศษ คือ i-mobile Hitz 101B โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น ราคา 1,990 บาท และ i-mobile Hitz 101B โฮโรโฟน ราคา 1,390 บาท ซึ่งมีความแตกต่างที่แพ็กเกจของ i-mobile Hitz 101B โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น จะบรรจุในกล่องของขวัญ พร้อมกิ๊ฟเซทของมงคล เช่น ส่วย แผ่นยันต์กันภัย น้ำเต้าดูดเงินที่เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งมี และคู่มือ การเงิน การงานปี 2555 จำหน่ายเพียง 2,000 เซท โดยขณะนี้มียอดสั่งจองแล้วมากกว่า 500 เซท

คุณฑิตพล กล่าวเสริมว่า “ในการทำตลาดในช่วงท้ายของปีนี้ ไอ-โมบายใช้งบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท ในการทำตลาดโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ เคเบิลทีวี วิทยุ โฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโฆษณาหน้าร้าน สื่อส่งเสริมการขายต่างๆ และกิจกรรมโรดโชว์หน้าร้านไอ-โมบายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ เพื่อเพิ่มสีสันทางการตลาดส่งท้ายปลายปี และต้อนรับเทศกาลปีใหม่ โดยรุ่นแรกที่วางจำหน่าย คือ i-mobile Hitz 101B โฮโรโฟน จำนวน 60,000 เครื่อง และ i-mobile Hitz 101B โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น จำนวน 2,000 เครื่อง และในปี 2555 คาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการแอพพลิเคชั่นโฮโร อย่างต่อเนื่องมากกว่า50 เปอร์เซ็นต์ ต่อจำนวนเครื่องที่จำหน่ายกว่า 10 รุ่น”

นอกจากมือถือไอ-โมบาย ในกลุ่มฮิตส์ ซีรีส์ และกลุ่มแชตซีรีส์ ยังมีบริการเสริม ที่รวบรวมข่าวสาร และสาระความบันเทิงต่าง ๆ เรียกว่า “คอนเทนต์ คาเฟต์” โดยจะมีอยู่ในมือถือไอ-โมบายทุกรุ่น ผ่านบริการWapsiteออนไลน์บนมือถือ รวมถึงยังมีไอคอน “i-key” ที่รวมรวบ 9 บริการ ที่น่าสนใจอย่าง BizInfo,Directory,i-Sport, LiveInfo, Movie, Music, Sexy, Horo, MyMail โดยจะมีอยู่ในมือถือ ไอ-โมบายทุกรุ่นที่รองรับจาวา

ทางด้านคุณสุภสิทธิ์ รักกสิกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถ มัลติมีเดีย จำกัด กล่าวว่า “ไอ-โมบาย เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นโฮโรภายในเครื่อง โดยเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ และนำเทคโนโลยีที่น่าสนใจเข้ามาใช้ในมือถือ ให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการเสริมในรูปแบบศาสตร์พยากรณ์ต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟน อย่างผลิตภัณฑ์กลุ่ม ฮิตส์ ซีรีส์ ราคาย่อมเยาและสามารถเล่นแอพพลิเคชั่นได้ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน หรือ แม้แต่ผู้สูงอายุ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มแมสมาร์เก็ตที่เป็นตลาดหลักของ ไอ-โมบาย ด้วยระดับราคาเริ่มต้นที่พันกว่าบาท โดยผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ เนื่องจากราคาเหมาะสม ฟังก์ชั่นหลากหลาย คุ้มค่ากับการใช้งาน”

สำหรับลูกค้าที่ใช้มือถือไอ-โมบาย โฮโร สามารถเข้าแอพพลิเคชั่นดูดวงกับหมอดูดัง จาก 7 ศาสตร์พยากรณ์ ได้แก่ พลังจิตสมาธิ โหราศาสตร์ไทย ไพ่ป๊อก พลังหิน อักษรรูน ยิปซีกลับหัว และฮวงจุ้ย ได้ฟรีนานถึง 6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2555 เท่านั้น ยกเว้นบริการเลขมงคล ที่ลูกค้าต้องทำการสมัครบริการก่อน จึงจะใช้บริการได้ และตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2555 ระบบจะทำการคิดค่าบริการตามการใช้งานจริงของลูกค้า โดยมีอัตราค่าบริการครั้งละ 3 บาท

“สำหรับทิศทางและอนาคตการแข่งขันของตลาดโมบาย และแอพพลิเคชั่น เราจะเน้นการตลาดเพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค สร้างความแตกต่างโดยนำเสนอบริการและการขายในรูปแบบใหม่ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น ดูละครทีวี โดยไม่ต้องดาวน์โหลดผ่านอินเตอร์เน็ต แต่สามารถเข้าแอพพลิเคชั่นดูได้ทันที มีการบันเดิลเกม และสร้างกิจกรรมร่วมกับลูกค้า หรือกีฬาอาจไม่ใช่แค่ฟังผลอย่างเดียว แต่สามารถคุยกับคอลัมนิสต์ชื่อดังได้ด้วย เพื่อความสะดวกในการใช้งานของลูกค้า โดยสร้างจุดแข็ง และความแตกต่างที่ผู้บริการรายอื่นให้ไม่ได้ ด้วยลูกเล่นที่หลากหลาย มีคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น รองรับ แม้การใช้งานยังไม่มาก แต่สามารถทำไว้เพื่อสร้างฐานการตลาด และการใช้งานในอนาคตเมื่อตลาดรองรับ” คุณสุภสิทธิ์กล่าวปิดท้าย

View :1311

AIS Startup Weekend Bangkok 2011 เผยโฉมทีมชนะเลิศ

December 19th, 2011 No comments

พร้อมนำแอพฯ เดินทางสู่สิงคโปร์เร็วๆนี้ เพื่อพัฒนาก่อนเปิดตัวสู่ตลาดระดับโลก

ประกาศความสำเร็จอย่างงดงาม โดยมีเหล่านักพัฒนานักออกแบบ และนักการตลาด กว่า 100 คน เข้าร่วมเสนอไอเดีย และรวมทีมกันเพื่อสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นอย่างเข้มข้นตลอด 54 ชั่วโมงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนได้แอพฯที่น่าสนใจมากถึง 16 บริการ จาก 16 ทีม ซึ่งทีมที่คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กับคอนเซปท์สร้าง cross-platform mobile app ที่ช่วยให้ผู้ชมรายการโทรทัศน์สามารถสื่อสารกับผู้ชมคนอื่นๆ ได้ในขณะชมรายการเดียวกันผ่านแอพฯนี้บนมือถือ และยังช่วยให้เจ้าของรายการสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ชมรายการได้เวลาเดียวกัน โดยทีม Chatterbox มีสมาชิก 9 คน ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินทุน 15,000 สิงคโปร์ดอลล่าร์ และiPad2 คนละ 1 เครื่อง รวมทั้ง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-สิงคโปร์ สำหรับการเดินทางไปพัฒนา Chatterbox ต่อเนื่องที่งาน Boot camp ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 100 วัน โดยในงานดังกล่าว จะมีทีมชนะเลิศจากประเทศต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียรวม 15 ทีม มารวมตัวกันเพื่อบ่มเพาะประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกัน พร้อมกับสร้างสรรค์บริการของตนเอง ก่อนนำเสนอต่อหน้านักลงทุนราว 150 คนจากทั่วโลก เพื่อหาโอกาสการลงทุนในแอพฯ ที่มีความน่าสนใจ ก่อนเปิดตัวสู่ตลาดทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลกต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อีก 4 ทีม ซึ่งได้รับประกาศนียบัตร พร้อมทุนในการพัฒนาสินค้า และบริการ มูลค่า 100,000 บาท และการสนับสนุนจาก AIS ในการพัฒนาสินค้าและบริการออกสู่ตลาดจริง ผ่าน AIS App Store และ AIS Platform ซึ่งได้แก่ ทีม Flowz กับผลงานแอพฯที่เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการขององค์กร, ทีม Got it กับแอพฯที่ใช้แทนการพกบัตรส่วนลดต่างๆ, ทีม Like me กับแอพฯที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน Facebook รู้จักเพื่อนของเราที่มีความสนใจเหมือนกันมากขึ้น และทีม Shop Spot กับแอพฯที่ช่วยให้เราสามารถขายของที่ไม่ต้องการใช้แล้วได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ งาน AIS Startup Weekend Bangkok 2011 จัดขึ้น ณ โรงแรมเลอบัว แอท สเตท ทาวเวอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน บริษัทผู้นำด้านไอทีและการสื่อสาร ร่วมงานคับคั่ง รวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและไอที ทั้งในและต่างประเทศร่วมเป็นคณะกรรมการ

View :2138

ทุน NSTDA Chair Professor ประจำปี 2554

December 19th, 2011 No comments

มูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มอบทุน NSTDA Chair Professor ประจำปี 2554 จำนวน 20 ล้านบาท ให้แก่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อวิจัยและพัฒนาสบู่ดำสายพันธุ์ใหม่สำหรับเป็นพลังงานและอาหารสัตว์

(16 ธันวาคม 2554) ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มอบทุน NSTDA Chair Professor ประจำปี 2554 จำนวน 20 ล้านบาท ให้แก่ ศ.ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ จากภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในโครงการวิจัยเรื่อง “การปรับปรุงพันธุ์เพื่อเร่งการปลูกเลี้ยงสบู่ดำสำหรับเป็นพลังงานและอาหารสัตว์” โดยมี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. และ รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องเทเวศร์ ชั้น 2 อาคารหอประชุมสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถ.นครราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพฯ

โครงการทุน NSTDA Chair Professor จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้าง “ศาสตราจารย์ผู้นำกลุ่ม” ที่เป็นผู้ทำงานภาควิชาการ พัฒนา และเชื่อมโยงกับภาคการผลิตและบริการ สนับสนุนและผลักดันให้นักวิจัยที่มีความสามารถสูง สามารถทำงานวิจัย และผลิตผลงานที่มีศักยภาพเชื่อมโยงไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งจะเป็นการยกระดับความสามารถในการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยต่อไป

โดยในปีนี้คณะกรรมการได้พิจารณามอบทุนให้แก่ ศ.ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ และคณะทำงานวิจัย จากม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งเสนอโครงการวิจัยเรื่อง “การปรับปรุงพันธุ์เพื่อเร่งการปลูกเลี้ยงสบู่ดำสำหรับเป็นพลังงานและอาหารสัตว์” เนื่องจากเป็นการพัฒนาสายพันธุ์สบู่ดำในรูปแบบที่ไม่มีทีมวิจัยที่ใดในโลกริเริ่มทำมาก่อน นั่นก็คือสร้างสบู่ดำสายพันธุ์ใหม่ให้สามารถใช้ข้อเด่นของพืชชนิดอื่นๆ ที่นำมาทดลองร่วมได้ อาทิ ละหุ่ง ซึ่งมีผลออกเป็นช่อ เก็บเกี่ยวง่าย, สบู่แดง ซึ่งทนฝน หรือ หนุมานนั่งแท่น ซึ่งให้ปริมาณน้ำมันมากเมื่อเทียบสัดส่วนกับขนาดของผล

“สบู่ดำเหมาะที่จะนำมาเป็นพืชพลังงาน เพราะคนบริโภคไม่ได้ ราคาจึงยังถูกและไม่ผันผวนตามสภาวะขาดแคลนอาหารเหมือนพืชพลังงานประเภทอื่นๆ ดังนั้นหากสามารถวิจัยปรับปรุงพันธุ์จนได้สบู่ดำที่เหมาะกับการเป็นพืชพลังงานอย่างแท้จริง คือ เก็บเกี่ยวง่าย ให้ผลผลิตสูงและผลออกพร้อมกัน ประเทศไทยและโลกก็จะได้สบู่ดำสายพันธุ์ใหม่เป็นพลังงานทดแทนที่มีคุณค่า มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในอนาคต” ศ.ดร.พีระศักดิ์ ผู้ได้รับทุนในปีนี้กล่าว

เนื่องจาก ศ.ดร.พีระศักดิ์ เป็นผู้ที่อุทิศตนให้กับงานวิจัยและสร้างผลงานด้านพันธุศาสตร์และการปรับปรุงพันธ์พืชมากที่สุดผู้หนึ่งในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับปรุงพันธุ์พืชตระกูลถั่ว ให้มีความต้านทานต่อโรคพืชและแมลง ผลงานวิจัยของท่านนับว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อวงวิชาการด้านการปรับปรุงพันธุ์พืช และได้รับยกย่องให้เป็น “นักปรับปรุงพันธุ์ดีเด่น” จากสมาคมปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย คณะกรรมการมอบทุน NSTDA Chair Professor จึงมีความเชื่อมั่นว่างานวิจัยนี้จะทำให้วงการวิจัยพืชพลังงานของโลกก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง

เช่นเดียวกับงานวิจัยของผู้ได้รับทุน NSTDA Chair Professor ในปีแรก ศ.ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล และคณะผู้วิจัย ม.เกษตรศาสตร์ ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การออกแบบและผลิตวัสดุนาโนที่เป็นประโยชน์อย่างสูงต่ออุตสาหกรรม” ที่ปัจจุบันพบว่าโครงการดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานในปีที่ 3 ประสบผลสำเร็จในการผลิตผลงานวิจัยที่จะเป็นพื้นฐานต่อการประยุกต์ใช้ในเชิงอุตสาหกรรม ทั้งยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมการนำเสนอผลงานการวิจัยในที่ประชุมวิชาการระดับนานาชาติแล้วกว่า 40 ครั้ง

View :1286

ดีแทคจัดแคมเปญโรมมิ่ง Gift To Go 2012 ให้แชร์ความรู้สึกข้ามโลกต้อนรับเทศกาลปีใหม่ฟรี

December 19th, 2011 No comments

พร้อมเดินหน้าลุยสร้างปี 2012 ให้เป็นปีแห่งความสบายใจในการใช้บริการโรมมิ่ง

ดีแทคเปิดตัวแคมเปญ Gift To Go 2012 รับปีใหม่เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่ มอบแพ็กเกจดาต้าโรมมิ่งสำหรับใช้งาน 75 MB นาน 3 วันฟรีกับลูกค้า 2012 ท่านแรกที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมมอบของขวัญต่อที่ 2 ได้แก่ BlackBerry Bold 9900 และบัตรส่วนลดค่าใช้บริการ สำหรับลูกค้าที่ร่วมสนุกส่งภาพถ่ายกับสถานที่ที่ประทับใจผ่านทางเฟซบุ๊คขณะอยู่ต่างประเทศ

นายเพ็ตเตอร์ เพ็ดเดอร์เซน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ และลูกค้าองค์กร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “เพื่อต้อนรับปีใหม่ 2012 ที่กำลังจะมาถึง ดีแทคจัดแคมเปญ Gift To Go 2012 มอบของขวัญพิเศษสองต่อเอาใจคนชอบเที่ยวต่างประเทศด้วยแพ็กเกจดาต้าโรมมิ่งสำหรับใช้งาน 75 MB นาน 3 วันฟรี เพียงแค่ลูกค้าทำการอัพเกรดซิมการ์ดที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันก่อนออกเดินทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น และยังมีโอกาสรับของขวัญพิเศษต่อที่ 2 โดยการร่วมสนุกแชร์ประสบการณ์ข้ามโลกผ่านเฟซบุ๊ค เพื่อลุ้นรับ BlackBerry Bold 9900 และบัตรส่วนลดค่าใช้บริการ รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท”

“ที่ผ่านมา ดีแทคเป็นผู้นำในการให้บริการสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟนที่เดินทางต่างประเทศ ด้วยแพ็กเกจดาต้าโรมมิ่งอัตราพิเศษเพียงวันละ 299 บาท ที่ครอบคลุมมากกว่าใครถึง 40 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ “ ” ช่วยให้ลูกค้าเลือกใช้งานเครือข่ายได้อย่างถูกต้องตามเงื่อนไขของแพ็กเกจ โดยดีแทคจะยังคงมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพบริการ อีกทั้งเดินหน้าลุยสร้างความสบายใจให้กับผู้ใช้บริการโรมมิ่ง ขยายจำนวนประเทศที่สามารถใช้งานได้ของแพ็กเกจดาต้าโรมมิ่งอัตราพิเศษให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการนำเสนอกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานดีแทคโรมมิ่งและสร้างให้ปี 2012 นี้เป็นปีแห่งความสบายใจในการใช้บริการของเรา”

Gift To Go 2012 มอบฟรีแพ็กเกจดาต้าโรมมิ่งสำหรับใช้งาน 75 MB นาน 3 วันฟรี มูลค่ารางวัลละ 889 บาทแก่ลูกค้า 2,012 ท่านแรกที่นำซิมไปอัพเกรด (ไม่คิดค่าบริการ) เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคทั่วประเทศที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2555 และของขวัญพิเศษต่อที่ 2 เพื่อลุ้นชิง BlackBerry Bold 9900 จำนวน 5 รางวัล และบัตรส่วนลดค่าใช้บริการ 500 บาท จำนวน 200 รางวัล ด้วยเงื่อนไขง่ายๆเพียงลูกค้าถ่ายภาพกับสถานที่ที่ประทับใจขณะอยู่ในต่างประเทศ และโพสต์ภาพพร้อมข้อความ “คุ้มกว่าด้วย dtac data roaming 25 MB/วัน ใช้พอเหลือๆ” พร้อม tag ชื่อ dtac data roaming เพื่อส่งประกวดชิงรางวัล ภายใน 31 มกราคม 2555 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th/tha/ir

View :1581

ไอดีซีระบุ ตลาดพีซีไทยที่เติบโตสูงมาตลอดอาจถดถอยลง

December 19th, 2011 No comments

ไอดีซีเปิดเผยผลการศึกษาตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ของประเทศไทยว่าได้มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 ปีของปีนี้นั้น ตลาดพีซีขยายตัวขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งในภาพรวม ตลาดพีซีถูกผลักดันโดยกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับปริมาณการใช้จ่ายที่อยู่ในเกณฑ์ดีจากฝั่งองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้ยอดจัดส่งเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดเดสก์ท็อปและโน๊ตบุ๊ค

ตลาดพีซีภายในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2554 โดยมียอดจัดส่งรายไตรมาสทะลุ 1 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 2 และ 3 ติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามไอดีซีคาดว่าเหตุการณ์อุทกภัยที่ขยายตัวเป็นบริเวณกว้างตั้งแต่ท้ายไตรมาสที่ 3 จะส่งผลกระทบต่อตลาดพีซีอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแค่เฉพาะไตรมาสสุดท้ายของปีเท่านั้น หากแต่ตลาดมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 อีกด้วย

โดยนายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงประจำไอดีซีประเทศไทยเผยว่า “กลยุทธ์ต่างๆ ที่เวนเดอร์ใช้ในการกระตุ้นความต้องการซื้อของผู้บริโภคนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จในช่วงครึ่งแรกของไตรมาสที่ 3 แต่หลังจากนั้นทั้งความกังวลในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจโลกและปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ก็ได้กลายเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการซื้อหดลงอย่างต่อเนื่อง”

“ภาคธุรกิจเองทั้งรัฐและเอกชนก็มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เริ่มชะลอตัวลงหลังจากที่มีข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจระลอกใหม่ในประเทศซีกโลกตะวันตกเช่นเดียวกัน”

ไอดีซีคาดการณ์ว่าตลาดพีซีในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะหดตัวลงในอัตราที่ค่อนข้างสูง และอาจติดลบถึง 2 หลักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2554 ก็จะมีปัญหาฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขาดตลาดเข้ามาสบทบ ซึ่งอาจทำให้ราคาขายของพีซีถีบตัวสูงขึ้นในระยะสั้น โดยตลาดเครื่องประกอบและมินิโน๊ตบุ๊คน่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปีหน้าก็ไม่ถึงกับเลวร้ายไปทั้งหมดเสียทีเดียว ไอดีซีเชื่อว่าตลาดพีซีจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 และกลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งปีหลังต่อไป

ยอดจัดส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของประเทศไทย ไตรมาสที่ 1 ปี 2554 – ไตรมาสที่ 4 ปี 2554*

*ตัวเลขคาดการณ์

ที่มา: ’s Asia/Pacific Quarterly PC Tracker, 3Q 2011

View :1633
Categories: Press/Release, Technology Tags: ,

ก.ไอซีที ร่วมประชุม ASEAN TELMIN ครั้งที่ 11

December 17th, 2011 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 11 ว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมฯ หรือ The 11th ASEAN Telecommunications and IT Ministers’ Meeting : 11th TELMIN ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โดยที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015 : AIM 2015) ในปีแรก ซึ่งมีโครงการรองรับการดำเนินงานจำนวน 17 โครงการ ได้แก่ โครงการอาเซียน ซีไอโอ ฟอร์รั่ม (ASEAN CIOs Forum) โครงการรางวัลไอซีที อาเซียน (ASEAN ICT Awards) โครงการความมั่นคงปลอดภัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Security) โครงการการนำไอซีทีมาใช้ในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ICT Adoption by SMEs) โครงการเขตพื้นที่กระจายสัญญาณเครือข่ายสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงในอาเซียน (ASEAN Broadband Corridor) เป็นต้น โดยโครงการเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาไอซีทีเพื่อมุ่งสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน และที่ประชุมฯ ยังได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณจำนวน 450,000 เหรียญสหรัฐฯจากกองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund) เพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการตามแผนแม่บทฯ ระหว่างปี 2555 – 2556 ด้วย

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังมีมติรับรอง แถลงการณ์เนปิดอว์ “Nay Pyi Taw Statement on ICT: an Engine for Growth in ASEAN” ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินความร่วมมือร่วมกันในเรื่องต่างๆ อาทิ 1.ข้อริเริ่มตามแผนแม่บท AIM 2015 2.พัฒนาสภาพแวดล้อมและนโยบายที่ยืดหยุ่นเพื่อจัดตั้ง ASEAN Broadband Corridor 3.ศึกษามาตรการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงบริการเครือข่ายสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ระหว่างอาเซียนโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม 4.ส่งเสริมความร่วมมือที่ก้าวหน้าในเรื่องการบริหารจัดการคลื่นความถี่ 5.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ 6.การสื่อสารในสภาวการณ์ฉุกเฉิน และ 7.การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านไอซีที เป็นต้น

“ในส่วนของประเทศไทยได้หยิบยกความสำคัญด้านการจัดการภัยพิบัติ ด้วยการนำไอซีทีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ ภัยพิบัติอย่างยั่งยืน โดยยกตัวอย่างกรณีศึกษาของไทยที่ได้รับอุทกภัยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทุกประเทศสมาชิกอาเซียน” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

นอกจากนั้น รัฐมนตรีอาเซียนยังได้ประชุมหารือกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) โดยในการหารือดังกล่าวได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนอาเซียนให้มีการพัฒนาและวิจัยด้านไอซีที รวมทั้งแนวปฏิบัติตามแผนแม่บท AIM 2015 ทั้งนี้ คู่เจรจาจะสนับสนุนอาเซียนในการถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้านต่างๆ ได้แก่ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT Infrastructure) 2.เทคโนโลยีอุปกรณ์เคลื่อนที่ไร้สายสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Broadband Wireless Mobile) 3.การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) 4.ความมั่นคงปลอดภัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Security) และ 5.การประยุกต์ใช้ไอซีทีและความมั่นคงปลอดภัยด้านไอซีที (ICT Applications and Security)

“สำหรับประเทศไทยได้มีการหารือระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีไอซีทีจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี รวมถึงรองเลขาธิการ ITU โดยประเด็นหลักที่หารือคือ 1.การให้ความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมกำหนดแนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืนโดยอาศัยไอซีที 2.ความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และ 3.แนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านไอซีที ซึ่งจะมีการมอบหมาย ผู้ประสานงานให้ดำเนินการตามความร่วมมือต่างๆ ที่ได้หารือไว้กับประเทศคู่เจรจาดังกล่าวต่อไป” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

View :1436