Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ดีแทคห่วงใยร่วมช่วยเหลือพี่น้องสื่อมวลชนประสบภัยน้ำท่วม

November 7th, 2011 No comments

7 พฤศจิกายน 2554 – นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายวรรษิษฐ์ ไสยวรรณ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค มอบเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมน้ำดื่มจำนวน 1,000 ขวด แก่สื่อมวลชนผ่านทางนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี (ที่ 3 จากซ้าย) นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นางสาวอศินา พรวศิน (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นตัวแทนรับมอบที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งในความช่วยเหลือของคณะทำงานศูนย์เฉพาะกิจประสานงานช่วยเหลือสื่อมวลชนผู้ประสบอุทกภัย (ศปสภ.) ที่จะนำไปประสานงานช่วยเหลือพี่น้องและเพื่อนๆ สื่อมวลชนที่ประสบความเดือดร้อนจากมหาอุทกภัยในครั้งนี้ทั้งในระยะเฉพาะหน้าและระยะยาวต่อไป

View :1302
Categories: Press/Release, Telecom Tags:

เอชพีประกาศนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เปิดศูนย์บริการเครื่องพิมพ์สำหรับลูกค้าทุกเซ็กเมนต์

November 7th, 2011 No comments

เอชพีประกาศนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เปิดศูนย์บริการเครื่องพิมพ์สำหรับลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ ครอบคลุมทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์ คอมเมอร์เชียล และเอ็นเตอร์ไพรซ์ เปิด HP Hotline สายด่วนน้ำท่วม 0-2637-5899 รับเรื่อง ตรวจสภาพเครื่องฟรี และให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ

นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างหนักขณะนี้ นอกจากส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปยังสร้างความเสียหายถึงกลุ่มองค์กรธุรกิจต่างๆ เอชพีในฐานะผู้นำด้านการพิมพ์เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าเอชพีที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจึงประกาศนโยบายฉุกเฉิน เพื่อเร่งความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าของเอชพีในทุกเซกเม็นต์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้า ลดปัญหาด้านการซ่อมบำรุงเครื่องพิมพ์ และลดความกังวลในการใช้งานเครื่องพิมพ์ทั้งที่บ้านและเพื่อธุรกิจ จึงเปิดศูนย์บริการช่วยเหลือลูกค้า ดังนี้

ลูกค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียล เอชพีจะมุ่งไปที่การให้บริการพิเศษสำหรับนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นิคมอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมอุสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดอยุธยา นิคมอุตสาหกรรม นวนคร และนิคมอุตสาหกรรมบางกระดี จังหวัดปทุมธานี โดยจะเข้าไปเปิดศูนย์บริการพิเศษชั่วคราวหลังน้ำลด หรือทันทีที่สามารถเข้าไปดำเนินการได้เพื่อให้บริการตรวจสภาพและซ่อมบำรุงเครื่องพิมพ์ของลูกค้าภายในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่ง ทั้งนี้ จะให้บริการตรวจสภาพและบำรุงรักษาเบื้องต้นฟรี แต่หากจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ เอชพีพร้อมมอบส่วนลดพิเศษค่าอะไหล่ 35% แก่ลูกค้าทุกองค์กร

ลูกค้ากลุ่มคอนซูเมอร์หรือลูกค้าทั่วไป ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยสามารถนำเครื่องพิมพ์เอชพีอิงค์เจ็ทและเครื่องพิมพ์เลเซอร์เจ็ท ไปตรวจสภาพเบื้องต้นฟรี โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเอชพีในแต่ละพื้นที่ (ตรวจสอบรายชื่อที่ Hot Line สายด่วนน้ำท่วม โทรศัพท์ (0-2637-5899) หรือที่ออฟฟิศดีโป และไอที ซิตี้ ทุกสาขา (สาขาที่เปิดทำการทั่วประเทศ) หากพบว่าเครื่องพิมพ์เอชพีที่นำเข้ารับบริการเสียหายอันเกิดจากเหตุอุทกภัย ลูกค้าสามารถแลกซื้อเครื่องใหม่ได้ในราคาลดพิเศษสูงสุดถึง 12,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่กำหนด) จากราคาปกติ โดยสามารถขอรับบริการได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ธันวาคม 2554

สำหรับลูกค้ากลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์หรือองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าสามารถแจ้งปัญหา และขอรับบริการได้โดยตรงที่ HP Hotline สายด่วนน้ำท่วมโทรศัพท์ 0-2637-5899 หรือติดต่อโดยตรงไปยังเจ้าหน้าที่เอชพีที่ดูแลองค์กร ของท่านเพื่อแจ้งปัญหาและขอรับบริการ

นอกจากนี้ ลูกค้าเอชพีที่ประสบอุทกภัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถติดต่อขอรับบริการและแจ้งปัญหาเครื่องพิมพ์อันเกิดจากอุกทุภัยได้ที่ HP Hotline สายด่วนน้ำท่วม โทรศัพท์ 0-2637-5899 ได้เช่นเดียวกันหรือสามารถนำเครื่องพิมพ์เอชพีที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยมารับบริการด้วยตนเองได้ที่ HP Service Center ณ อาคารอื้อจื่อเหลียง ชั้น 3ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พฤศจิกายน 2554

“การเปิดศูนย์บริการฉุกเฉินของเอชพีเพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเรา ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ต้องเร่งดำเนินการเพราะเราตระหนักถึงผลกระทบที่ลูกค้าได้รับจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อการใช้เครื่องพิมพ์เพื่อใช้งาน หรือดำเนินธุรกิจเอชพีเป็นหนึ่งบริษัทที่พร้อมให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าของเราในทุกๆ กลุ่ม ซึ่งเราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ ออฟฟิส ดีโป และไอที ซิติ้ ในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว โดยบริการของเอชพีรวมถึงเครื่องพิมพ์เอชพีในกลุ่มอิงค์เจ็ทและเลเซอร์เจ็ทที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยและยังครอบคลุมเครื่องพิมพ์เอชพี ทั้งที่ยังอยู่ในระยะประกันและหมดระยะประกันด้วย เพื่อให้ความเชื่อมั่นว่าลูกค้าคือคนที่สำคัญที่สุดของเรา โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติอันเกิดจากภัยธรรมชาติเช่นนี้” นายวัตสัน กล่าวปิดท้าย

View :1450

เดลล์เปิดตัวแท็บเล็ต Latitude ST สำหรับกลุ่มธุรกิจ เฮลท์แคร์และภาคการศึกษา

November 7th, 2011 No comments

เดลล์ ประกาศเปิดตัว แท็บเล็ตพีซีที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับมืออาชีพที่เดินทางบ่อย และมืออาชีพฝ่ายไอที Latitude ST ติดตั้ง Windows 7 ให้ความสะดวกสบาย น้ำหนักเบา และมาพร้อมคุณสมบัติที่มีคุณภาพซึ่งทุกคนรับทราบดีภายใต้แบรนด์ละติจูด ซึ่งรวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย ระบบการจัดการ การบริการและการสนับสนุน

นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการทั่วไป ภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น เพราะโมบายคอมพิวติ้ง เข้ามาเปลี่ยนวิวัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญ หลายๆ องค์กร ต่างวัดผลงานจากผลผลิตที่ได้ โดยอำนวยความสะดวกให้พนักงานทำงานในลักษณะโมบายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม องค์กรต่างๆ เหล่านี้ ต่างต้องเผชิญกับระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการอุปกรณ์ และการสนับสนุนการทำงานแอพพลิเคชันที่เป็นหัวใจหลักขององค์กร” พร้อมกล่าวเสริมว่า “ที่เดลล์ เราใช้ความพยายามอย่างมากในการออกแบบผลิตภัณฑ์ การบริการ และโซลูชั่น เพื่อดึงประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้สูงสุด โดยไม่ต้องเป็นภาระกับฝ่ายไอที”

Dell Latitude ST


Latitude ST ได้รับการออกแบบมาให้สามารถปรับแต่งให้เข้าความต้องการเฉพาะด้านทางธุรกิจ หรือความต้องการของผู้ใช้งานทั่วไป ด้วยแอพพลิเคชันและบริการโปรเฟสชันแนล Latitude ST เป็นแท็บเล็ตในฝันสำหรับองค์กรต่างๆ ที่พนักงานจำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชันต่างๆ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีระบบความปลอดภัยพร้อมสรรพ

แท็บเล็ตพีซี ช่วยให้คุณทำงานจากที่ไหนและเวลาไหนก็ได้ สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านไว-ไฟ และโมบายบรอดแบนด์ ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 10 นิ้ว แบบมัลติ-ทัช มาพร้อมปากกาสไตลัสที่ใช้ง่าย ทั้งนี้ มืออาชีพจะได้สัมผัสประสบการณ์คุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้:
ทำงานด้วยโพรเซสเซอร์อินเทล อะตอม และแอพพลิเคชันสำหรับ Windows 7
ติดตั้งกล้องเว็บแคม ไมโครโฟน และโปรแกรม สไกท สำหรับทำวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
มีพอร์ตสำหรับต่อเชื่อมกับโปรเจ็คเตอร์ พรินเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ รู้สึกมั่นใจด้วยคุณสมบัติด้านความทนทาน เช่น ยางกันกระแทก หน้าจอแบบ Corning® Gorilla® กันรอยขีดข่วน และเคสพลาสติกแบบแข็ง ( TPU )

คุณสมบัติต่างๆ ของ Latitude ST เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริหารไอที เพราะผู้บริหารไอทีสามารถจัดการแท็บเล็ตได้เสมือนเป็นพีซีตัวหนึ่งบนระบบเครือข่าย รวมถึงสามารถจัดการจากระยะไกล ผ่านโซลูชั่น Dell KACE™ appliances และปกป้องข้อมูลสำคัญได้อย่างยืดหยุ่นผ่านซอฟต์แวร์ Dell Data Protection | Encryption ทั้งนี้ Latitude ST รองรับการทำงาน

Dell Latitude ST

เดสก์ท็อปเวอร์ชวลไลเซชั่น เพื่อการเข้าถึงข้อมูลผ่านระบบเวอร์ชวลได้อย่างปลอดภัยจากที่ไหนก็ได้ ผู้ใช้ Latitude ST สามารถเลือกการบริการจากเดลล์ ในแต่ละบริการได้ตามที่ต้องการ

Latitude ST เป็นแท็บเล็ตที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ใช้งานเชิงธุรกิจ ด้วยการติดตั้งและระบบการจัดการที่รวดเร็วและง่าย รวมถึงเหมาะกับอุตสาหกรรมทางด้านต่างๆ เช่น :
เจ้าหน้าที่ประกันภัย สามารถใช้แทนเป็นเอกสารการเก็บข้อมูลด้านอุบัติเหตุ กรอกแบบฟอร์มต่างๆ ลายเซ็นของคู่กรณี และส่งข้อมูลเหล่านี้ได้ออนไลน์จากที่เกิดเหตุ
แพทย์ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ สามารถเรียกดูประวัติคนไข้ กรอกข้อมูลในการวินิจฉัยโรค ส่งใบสั่งยา และข้อมูลการวิจัย โดยทำได้อย่างปลอดภัย
ครูสามารถถาม-ตอบ และประสานงานกับนักเรียน ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน

ราคาและการจัดจำหน่าย
แท็บเล็ต Dell Latitude ST พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ สนนราคา 22,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ http://www.dell.com/sg/business/p/latitude-st/pd,

View :1387

เอปสันจัดโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2554

November 4th, 2011 No comments

ประเทศไทย จับมือพันธมิตรและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ จัดโครงการช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัย ปี 2554 สำหรับผลิตภัณฑ์ของเอปสันที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมและเครื่องยังอยู่ในระยะเวลาประกัน ลูกค้าสามารถนำผลิตภัณฑ์มารับบริการซ่อมฟรี พร้อมฟรีค่าอะไหล่ ณ ศูนย์บริการของเอปสันทั่วประเทศ โดยระยะเวลาของโครงการช่วยเหลือดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554

ทั้งนี้ เอปสันยังจัดงบประมาณบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือสถาบันการศึกษาหลังน้ำลดอีกจำนวน 3 ล้านบาท โดยการจัดหน่วยบริการซ่อมพรินเตอร์และเข้าไปดูแลระบบไอทีให้กับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงเตรียมจัดหาพรินเตอร์สำรองให้กับสถาบันการศึกษาได้ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถซ่อมและนำกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในขณะนี้ มีสถาบันศึกษาจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งจากการเปิดเผยของกระทรวงศึกษาธิการ มีจำนวนมากถึง 2,366 แห่งใน 13 จังหวัด ทางเอปสันมองว่าภาคการศึกษาของประเทศจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทันทีหลังน้ำลด เช่นเดียวกับภาคธุรกิจ บริษัทฯ จึงได้จัดเตรียมมาตรการความช่วยเหลือ ระดมเจ้าหน้าที่เอปสันและพันธมิตร ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรงเรียนที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าไปช่วยซ่อมพรินเตอร์และระบบไอทีของโรงเรียน เพื่อให้ระบบการทำงานและการเรียนการสอนกลับมาเริ่มขึ้นใหม่ได้เร็วที่สุด ทั้งยังเตรียมพรินเตอร์สำรองไว้ให้โรงเรียนได้ใช้งาน หากเครื่องไม่สามารถซ่อมได้”

View :1423

“ทรูมูฟ เอช” เปิดตัว “iSIM” ออนไลน์ไร้สายด้วย 3G+

November 3rd, 2011 No comments

ตอกย้ำผู้นำบริการ และผู้ให้บริการที่ตอบสนอง ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่รองรับการใช้งาน Convergence device อย่างแท้จริง เปิดตัว ซิมใหม่สำหรับคนเล่นเน็ต ให้อิสระออนไลน์แบบไร้สายได้แรงกว่าด้วยเครือข่าย 3G+ เร็วสูงสุด 42 Mbps ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ทั่วกรุงเทพฯ และอีก 16 จังหวัดทั่วไทย

เลือกซื้อแพ็กเกจท่องเน็ตไร้สายแบบออนไลน์ถึง 3 แพ็กเกจได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่าน www.truemove-h.com/iSIM ครั้งแรกของวงการโมบายล์อินเทอร์เน็ตที่ให้วันใช้งานนานถึง 6 เดือนทุกแพ็กเกจ เปิดใช้ซิมวันนี้ รับฟรี 150 MB ทันที ขาเน็ตตัวจริงหาซื้อ iSIM ได้แล้ววันนี้ที่ร้านทรูช็อป ทรูสเตชั่น และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย เพียง 169 บาทเท่านั้น พร้อมนำเงินรายได้จากการจำหน่าย iSIM ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2554 ซิมละ 20 บาท ร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด กล่าวว่า “ เอช เปิดตัว iSIM ซิมใหม่สำหรับคนท่องเน็ตโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าบริหารจัดการการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของ iSIM ผ่าน www.truemove-h.com/iSIM ได้ง่ายๆ แบบออนไลน์ เช่น การเช็คยอดอินเทอร์เน็ตคงเหลือ การสั่งซื้อแพ็กเกจเสริมเน็ต สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมาะกับลูกค้าที่ใช้งานแท็ปเล็ต แอร์การ์ด Mi-Fi หรืออุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ที่รองรับ3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz โดยทรูมูฟ เอช ออกแบบ iSIM จากประสบการณ์และความเข้าใจการใช้งานของลูกค้าที่ใช้ Convergence device ผนวกจุดเด่นที่เหนือกว่าด้วยเครือข่าย 3G+ เร็วสูงสุด 42 Mbps และครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากที่สุด ทั่วกรุงเทพฯ และอีก 16 จังหวัดทั่วไทย* ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ อยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา อุดรธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และกระบี่ นอกจากนี้ iSIM ยังเป็นซิมเล่นเน็ตซิมแรกที่ให้วันใช้งานนานถึง 6 เดือน ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลหรือรีบเร่งใช้เน็ตให้หมดภายในเดือนที่เปิดใช้งาน และเพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยการคิดค่าบริการตามปริมาณการใช้งานจริงเป็นเมกะไบท์ (MB) และเพื่อฉลองการเปิดตัวครั้งนี้ ลูกค้าที่เปิดใช้ iSIM ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2555 ราคาเพียง 169 บาท รับฟรี 150 MB ทันที! มั่นใจว่า iSIM จะเพิ่มอิสระในการเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงอย่างไร้ขีดจำกัด แบบ FREEYOU และจะเป็นซิมคู่กายของนักท่องเน็ตแบบไร้สายได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เอช จะนำเงินรายได้จากการจำหน่าย iSIM ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2554 ซิมละ 20 บาท ร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมผ่านมูลนิธิ
ราชประชานุเคราะห์ต่อไป”

ลูกค้าที่สนใจเปิดใช้ iSIM จากทรูมูฟ เอช ได้แล้ววันนี้ ที่ทรูช็อป ทรูสเตชั่น และตัวแทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ และอีก 16 จังหวัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า โทร 1331 หรือ www.truemove-h.com

View :2076

เอไอเอสดูแลเครือข่ายภาคกลางตอนบนกลับมาให้บริการได้ตามปกติแล้ว

November 3rd, 2011 No comments

พร้อมเดินหน้าเปิด 900 เพิ่มเขตปริมณฑล ช่วยคนค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์

3 พฤศจิกายน 2554: นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า “เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอสในบริเวณภาคกลางตอนบน อาทิ นครสวรรค์, อุทัยธานี, ลพบุรี , สระบุรี ที่เคยได้รับผลกระทบจากการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ ในช่วงวิกฤติอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมานั้น ขณะนี้เครือข่ายทั้งหมดสามารถกลับมาให้บริการได้ 100% แล้ว หลังจากระดับน้ำเริ่มลดและมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าตามปกติ เครือข่ายเอไอเอสจึงพร้อมให้บริการได้ทันที”

“สำหรับ จ.อยุธยา, ปทุมธานี และนนทบุรี ซึ่งยังมีน้ำท่วมขังอยู่นั้น ในพื้นที่สำคัญ เช่น ตัวเมือง หรือ ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนิคมโรจนะ, ไฮเทค, บางปะอินหรือ แฟ็คทอรี่แลนด์ ทีมวิศวกรได้ใช้เครื่องปั่นไฟและพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เครือข่ายยังคงให้บริการได้ตลอดช่วงวิกฤติอุทกภัยที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการฟื้นฟูภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามมีเพียงสถานีฐาน ราว 10% เท่านั้นที่ยังคงไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากการงดจ่ายไฟฟ้า”

ส่วนชุมสายของเอไอเอสในพื้นที่อุทกภัย ไม่ว่าจะเป็น รังสิต, แจ้งวัฒนะ และ ทวีวัฒนานั้น ขณะนี้ยังคงปลอดภัย และสามารถให้บริการได้อย่างไม่ติดขัด โดยมีทีมวิศวกรเฝ้าระวังอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนเครือข่ายในกรุงเทพมหานครที่กำลังเริ่มได้รับผลกระทบจากอุทกภัยก็มีปัญหาน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่บนตัวอาคาร

“นอกจากนี้เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้งาน Data อันจะช่วยให้ประชาชน หรือ อาสาสมัคร สามารถสื่อสารขอความช่วยเหลือ, แจ้งข่าว รวมถึงค้นหาข้อมูลผ่านทาง Social Media ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เอไอเอสจึงได้ขยายเครือข่าย 3G 900 เพิ่มเติมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยติดตั้งเพิ่มเติมอีก 763 แห่ง รวมกับที่เคยเปิดให้บริการก่อนหน้านี้เป็น 1,286 แห่ง ครอบคลุม 64 เขต จากเดิม 29 เขต”

“ผมขอยืนยันความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและประชาชนอีกครั้งว่า เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเอไอเอส จะยังคงพร้อมเป็นช่องทางในการส่งต่อความช่วยเหลือ ติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอน” นายวิเชียรกล่าว

View :2481
Categories: 3G, Press/Release, Telecom Tags:

ทรูมูฟ แนะนำ “บริการฉุกเฉินแจ้งให้โทรกลับ” (Call Me Back) ฟรี

November 2nd, 2011 No comments

เพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัยน้ำท่วม ให้ติดต่อได้แม้มีค่าโทรไม่พอหรือยังไม่ได้จ่ายบิล

เพิ่มความสะดวกเต็มที่ เปิดพิเศษ “” (Call Me Back) ช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งอาจลำบากในการติดต่อสื่อสารกับญาติพี่น้อง โทรออกไม่ได้ เนื่องจากเงินค่าโทรหมด วันหมด ไม่สามารถเติมเงิน หรือเงินค่าโทรใกล้หมดจึงต้องการประหยัดค่าโทรไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือไม่สะดวกไปชำระค่าบริการรายเดือน ทรูมูฟเปิด “” ฟรี! เพียงกด *911* ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ปลายทาง 10 หลัก # แล้วโทรออก ระบบจะส่ง SMS แจ้งให้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ปลายทางโทรกลับมาหา ส่งฟรีถึงหมายเลขปลายทางทุกเครือข่าย

ทั้งนี้ ลูกค้าทรูมูฟสามารถใช้บริการนี้ได้เมื่อ ลูกค้าแบบเติมเงินมีค่าโทรคงเหลือน้อยกว่า 20 บาท หรือวันหมด และลูกค้าแบบรายเดือนที่ถูกระงับการโทรออก

View :1658

กลุ่มทรู รวมทีมพนักงานอาสาสมัคร True Search & Rescue ช่วยเหลือเพื่อนพนักงานที่ประสบภัยน้ำท่วม

November 2nd, 2011 No comments


กลุ่มทรู จัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ True Search & Rescue ทั้งผู้บริหาร และพนักงานอาสาสมัคร อาทิ นายทรงธรรม เพียรพัฒนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ/หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านไอที และเอ็นเตอร์ไพรส์ (ที่ 6 จากขวา) นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน (ที่ 5 จากขวา) โดยแบ่งทีม เพื่อค้นหาและช่วยเหลือพนักงานและครอบครัวผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม ตามพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามเส้นทางผ่านด้วย ทั้งนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ True Search & Rescue ได้เริ่มออกให้ความช่วยเหลือเพื่อนพนักงานมาตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา

View :1338
Categories: Press/Release Tags:

เอไอเอส มอบเงินสนับสนุนพร้อมถุงยังชีพช่วยเหลือผู้สื่อข่าว

November 2nd, 2011 No comments

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ที่ 3 จากขวา) และ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการตลาด (ที่ 2 จากซ้าย) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ร่วมมอบเงิน 1 แสนบาท พร้อมถุงยังชีพและน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้สื่อข่าวที่ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยมี นายชวรงค์ ลิมปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วย นางสาวอศินาพรวศิน ประธานชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ที่ 2 จากซ้าย) รับมอบ

View :1784

แคนนอนเปิดตัว EOS-1DX กล้องดิจิตอลSLR กล้องดิจิตอลฟูลเฟรมที่เร็วที่สุดในโลก

November 2nd, 2011 No comments

แคนนอนเปิดตัว EOS-1DX กล้องดิจิตอลSLR ที่พัฒนาจากผลการสำรวจความต้องการของช่างภาพมืออาชีพทั่วโลก พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ช่วยให้คุณภาพของไฟล์ภาพคมชัดความละเอียดสูงและความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่เร็วที่สุดรวมทั้งพัฒนาฟังก์ชั่นการบันทึกภาพเคลื่อนไหว เพื่อตอบสนองทุกนิยามในการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ

ที่สุดแห่งกล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพของแคนนอน ในตระกูล EOS-1D แคนนอนสร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลแคนนอน EOS-1DX ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล ซึ่งทำงานควบคู่กับชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด Dual DIGIC 5+ ลิขสิทธิ์เฉพาะของแคนนอน ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงถึง 12 ภาพต่อวินาที ( หรือ 14 ภาพต่อวินาที ในโหมด Super High Speed Mode) คมชัดทุกสถานการณ์ด้วยช่วง ISO กว้างถึง ISO 100 – 51200 (และสามารถเพิ่มได้ถึง ISO 204800 ในโหมด H2 ) แม้ถ่ายภาพในที่มืด ก็ยังมีสัญญาณรบกวนต่ำ (low-noise) และด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบใหม่ เพื่อความแม่นยำ และความคมชัดในการโฟกัสภาพด้วยการผสานพลังของ61-Point High-Density Reticular AF และเซ็นเซอร์วัดแสงแบบ RGB ความละเอียด100,000 พิกเซลเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้EOS-1D X พัฒนาสู่ความเป็นเลิศในด้านความเร็วและความแม่นยำในการโฟกัสภาพ สามารถติดตามวัตถุที่เคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ แม้ในสภาวะที่ยากแก่การโฟกัสภาพ นอกจากนี้ EOS-1D X ยังได้รับการพัฒนาความสามารถด้านการบันทึกภาพเคลื่อนไหว บันทึกภาพที่ความละเอียดแบบ Full HD สามารถเลือกรูปแบบการบีบอัดไฟล์ภาพได้ 2 ระดับ (All-I Frame และ IPB)เฟรมเรทสูงสุดที่ 60p ที่ระดับ HD และใหม่ล่าสุดในกล้อง EOS ฟังก์ชั่น Timecode embedding ช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดต่อเมื่อใช้กล้องมากกว่า 1 ตัว หลายหลายความสามารถในการใช้งานด้วยฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ และยังคงความแข็งแรงของตัวกล้องด้วยอายุการใช้งานชัตเตอร์สูงถึง 400,000ครั้ง …และนี่คือที่สุดของ EOS ในปัจจุบัน

EOS-1DX นับเป็นกล้องรุ่นที่ 10 (X หมายถึงเลข 10 ในอักษรโรมัน) ของกล้องถ่ายภาพสำหรับมืออาชีพนับตั้งแต่รุ่น F-1 เป็นต้นมา (F-1, NewF-1,EOS-1, EOS-1N, EOS-1V, EOS-1D, EOS-1D Mark II, EOS-1D Mark III, EOS-1D Mark IV, EOS-1DX) ซึ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่ากล้อง DSLR สำหรับมืออาชีพในรุ่นก่อนหน้า โดย X ย่อมาจากคำว่า EXTREME และยังหมายถึง Crossoverที่ได้ผสานเทคโนโลยีระดับมืออาชีพและพัฒนาจุดเด่น รวมถึงฟีทเจอร์ของกล้องในตระกูล1D และ 1DS ให้โดดเด่นมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ

จุดขายของกล้องดิจิตอลแคนนอน EOS-1DX:
· ชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะความเร็วสูง Dual DIGIC 5+ พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล แคนนอนได้พัฒนาช่วงของค่าความไวแสงให้กว้างขึ้นกว่าเดิม ที่ ISO 100 – 51200(และสามารถเพิ่มได้ถึง ISO 204800 ในโหมด H2)รวมทั้งปรับคุณภาพของไฟล์ภาพด้วยฟังก์ชั่นการแก้ไขความคลาดเคลื่อนของสีแบบเรียลไทม์
· พัฒนาระบบออโต้โฟกัสใหม่EOS iSA (Intelligent Subject Analysis) System เพื่อความแม่นยำในการติดตามวัตถุ รวมถึง EOS iTR (Intelligent Tracking and Recognition) AF เพื่อช่วยในการโฟกัสติดตามใบหน้า(Face Tracking) และ การโฟกัสติดตามสี (Color Tracking AF) พร้อมด้วยระบบวัดแสงแบบใหม่
· ระบบ AE และ AF ที่ให้ความแม่นยำสูงด้วยความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 12 ภาพต่อวินาที พร้อมทั้งฟังก์ชั่นถ่ายภาพใหม่ที่ถ่ายภาพด้วยความเร็วพิเศษต่อเนื่องสูงสุด 14 ภาพต่อวินาที (Mirror Lockup Function) ซึ่งมีเวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นเพียง 36 มิลลิวินาที (ที่ความเร็วสูงสุด)
· ชุดชัตเตอร์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพิ่มความทนทานกว่าเดิม ใช้วัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์ รองรับการใช้งานได้สูงถึง400,000 ครั้ง พร้อมซีลป้องกันละอองน้ำและฝุ่น ร่วมด้วย Sensor Cleaning แบบใหม่ ที่ช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยหน้าจอแสดงสถานะแจ้งผู้ใช้งานเมื่อระบบทำงานผิดปกติ
· นับเป็นครั้งแรกที่กล้องในตระกูล EOS ที่มีอุปกรณ์เสริม GPS ที่ช่วยระบุสถานที่และเวลา (UTC Synchronization) ส่วนอุปกรณ์เสริมWFT อุปกรณ์โอนไฟล์ภาพแบบไร้สายขนาดกะทัดรัดได้ติดตั้งบลูทูธเพิ่มเติมจากฟังกชั่นเดิมที่มีอยู่ ตัวกล้องมี 2 สล็อตสำหรับใส่การ์ดความจำแบบCF และสามารถรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายด้วยช่องสัญญาณแบบGigabit Ethernet
· User Interface ออกแบบใหม่ พร้อมโครงสร้างเมนูที่ช่วยให้เข้าถึงการตั้งค่าสำคัญต่างๆได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น รวมทั้ง Help Function ที่อธิบายความหมายของการตั้งค่าต่างๆ
· การบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบEOS Movies ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพหลากหลายด้าน ได้แก่ ค่าความไวแสง คุณภาพของไฟล์ภาพ (ลดการเกิดภาพเป็นคลื่น และลดสัญญาณรบกวน)พร้อมมีรูปแบบการบีบอัดข้อมูล 2 แบบให้เลือก (ALL-I Frame และ IPB) ตามความต้องการในงานตัดต่อของผู้ใช้งาน รวมถึงฟังก์ชั่น Time Code embedding ช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดต่อเมื่อใช้กล้องมากกว่า 1 ตัว และการแบ่งไฟล์และบันทึกอัตโนมัติสำหรับการบันทึกภาพต่อเนื่องเมื่อไฟล์มีขนาดใหญ่กว่า 4GB ทำให้สามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้นานถึง 29 นาที 59 วินาที

นอกจากนี้แล้ว กล้องดิจิตอลแคนนอน EOS-1DX ยังมีความสามารถที่หลากหลาย ตอบสนองทุกความต้องการของช่างภาพมืออาชีพ ด้วยคุณสมบัติดังนี้

ภาพถ่ายคมชัด คุณภาพสูง

EOS-1DX กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ที่ใช้ CMOS เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม หรือเท่ากับฟิล์ม 35 มม. ให้ความละเอียด 18.1 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งอัตราส่วนภาพต่อสัญญาณรบกวนที่เหนือกว่าและมีค่าขนาดของพิกเซลที่ 6.95μm เมื่อเทียบกับรุ่น EOS-1D Mark IV ที่มีค่าขนาดของพิกเซล5.7μm ซึ่งค่าขนาดพิกเซล และเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ไม่พลาดในการเก็บทุกรายละเอียดและสีสันของภาพ พร้อมลดสัญญาณรบกวน

ชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะความเร็วสูง Dual DIGIC 5+ ลิขสิทธิ์เฉพาะของแคนนอนใน EOS-1DX สามารถประมวลผลภาพเร็วกว่า DIGIC 4 ซึ่งใช้ใน EOS รุ่นปัจจุบันถึง 17 เท่า เพื่อให้ภาพถ่ายยังคงคุณภาพเยี่ยม แม้ถ่ายภาพด้วยค่าความไวแสง (ISO) สูง

จากการพัฒนาความสามารถในการลดสัญญาณรบกวน ทำให้คุณภาพของภาพที่ถ่ายด้วย EOS-1DXที่ ISO 51200 เทียบเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วย EOS-1D Mark IV ที่ISO 12800 ซึ่งแคนนอนได้พัฒนามาตรฐานการตั้งค่าความไวแสงเพิ่มอีก 2 ระดับ คือ สูงสุดที่ความไวแสง ISO 51200 (กล้องEOS-1D Mark IV สามารถตั้งค่าความไวแสงสูงสุดได้สูงสุดที่ISO 12800) และยังสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง ISO 204800 ช่วงของความไวแสงที่กว้างกว่าขึ้นเดิมนี้ ช่วยลดความเบลอของภาพในเกือบทุกสถานการณ์ โดยยังให้สัญญาณรบกวน(Noise) ต่ำอีกด้วย

สุดยอดนวัตกรรมของระบบ AE/AF

แคนนอน EOS-1DX ออกแบบระบบออโต้โฟกัสใหม่ นับเป็นระบบออโต้โฟกัสที่ก้าวหน้ามากที่สุดของแคนนอน ออกแบบให้มีจุดโฟกัสทั้งหมด 61 จุด โดยมีจุดโฟกัสที่วางตำแหน่งเซ็นเซอร์แบบCross type มากถึง 41 จุด ช่วยให้การโฟกัสวัตถุเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
เซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบcross type ทั้ง41 จุดนั้นสนับสนุนการทำงานของเลนส์ที่มีรูรับแสงf/4.0 (ที่ความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วสูงสุดของกล้อง EOS-1D Mark IVที่รูรับแสง f/2.8) หรืออีกนัยหนึ่งถึงแม้จะใช้เลนส์ Extender 1.4X ควบคู่กับเลนส์ที่มีรูรับแสงขนาด f/2.8 เซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบกากบาท 41 จุดของEOS-1DX ก็ยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และถ้าใช้เลนส์ f/2.8 ก็ยิ่งทวีความเร็วในการโฟกัสด้วยเซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบ Dual Cross Type 5 จุดที่แถวกลาง ให้ความเร็วที่เหนือกว่ากล้องในตระกูล EOS-1D ที่เคยมีมาทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์โฟกัสภาพแบบกากบาทในพื้นที่ส่วนกลางอีก 21 จุด ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ f/5.6
เพื่อสนับสนุนเลนส์ที่มีรูรับแสงไม่กว้างมากเช่น EF70-300mm f/4-5.6 L IS USM, EF100-400mm f/4.5-5.6 L IS USM หรือเมื่อใช้ EF Extender 2x กับเลนส์f/2.8 หรือ ใช้ EF Extender 1.4x กับเลนส์ f/4เป็นต้น

EOS iSA (Intelligent Subject Analysis) System เปรียบได้กับหัวใจของชุดออโต้โฟกัสใหม่ของแคนนอนซึ่งเป็นผลมาจากการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างเซ็นเซอร์วัดแสงแบบRGB ความละเอียด 100,000 พิกเซล และชิปประมวลภาพ DIGIC 4 ที่ถูกนำมาใช้ควบคุมระบบวัดแสงโดยเฉพาะซึ่งนวัตกรรมนี้ช่วยในการจดจำสีของวัตถุและใบหน้าของบุคคล เพื่อให้ระบบออโต้โฟกัสแบบEOS iTR (Intelligent Tracking and Recognition) AF นั้นสามารถติดตามวัตถุได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโฟกัสในที่มืดเมื่อเทียบกับ AF system แบบเดิม

สุดยอดประสิทธิภาพความเร็วสูงเหนือใคร

EOS-1D X ตอบสนองความต้องการของช่างภาพประเภทกีฬาได้เป็นอย่างดีเนื่องจากใช้เวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นมากเพียง 36 มิลลิวินาที

เมื่อเลือกโหมด One-Shot AF และ AI Servo AF จะสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 12 ภาพต่อวินาที ขณะเดียวกันช่างภาพยังสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงที่14 ภาพต่อวินาทีได้อีกด้วย

โครงสร้างกระจกสะท้อนภาพใหม่ ใน EOS-1D X ซึ่งได้แก่ Quad Active Mirror Stopper ซึ่งใช้ระบบล็อคกระจกสะท้อนภาพBounce Lock Mechanism แบบแยกที่ทำงานร่วมกับDouble Balancers เพื่อช่วยลดการสั่นไหวของภาพจากการดีดกลับของกระจกสะท้อนภาพ ซึ่งกลไกกระจกสะท้อนภาพใหม่นี้ช่วยให้กล้องทำงานอย่างเสถียร และถ่ายภาพได้ต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับช่างภาพว่าจะไม่พลาดแม้ช็อตแอ็คชั่นที่มีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

ก้าวหน้ากว่าด้วยEOS Movie

ออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีEOS Movies ให้เหนือขึ้นอีกระดับด้วยชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะความเร็วสูง Dual DIGIC 5+ ทำงานคู่กับระบบการขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ของเซ็นเซอร์ CMOS ช่วยลดการเกิดความคลาดสี และลายคลื่น(moiré) ที่ปรากฎอยู่ในวัตถุที่ถ่ายทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ให้คุณภาพไฟล์ภาพที่คมชัด สัญญาณรบกวนต่ำแม้ถ่ายภาพที่ความไวแสงสูง

EOS-1D X ยังเพิ่มคุณสมบัติใหม่ด้านการบันทึกภาพเคลื่อนไหว (EOS Movie) ไว้อีกมายมาย ได้แก่ สนับสนุนระบบTime code (SMTPE – compliant), สามารถปรับการตั้งค่าระดับบันทึกเสียงได้แบบแมนนวลในขณะที่ถ่ายอยู่ และสามารถบันทึกภาพได้แม้เลือกใช้งานในโหมด P, Av, TV และ Manual อยู่ โดยสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ทันที โดยการตั้งค่าสำหรับปุ่ม User-Customizable ที่ตัวกล้อง
และนอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบการบีบอัดข้อมูลได้ 2 รูปแบบ คือ ALL-I และ IPB เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในWork Flow ของ Post-Productionต่างๆ โดยการบีบอัดแบบ ALL-I จะมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่กว่า แต่สามารถแปลงไฟล์ได้รวดเร็วในขณะตัดต่อเนื่องจากแต่ละเฟรมไม่ได้เชื่อมต่อกัน ส่วนการบีบอัดแบบIPB จะมีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า โดยคุณภาพของไฟล์จะใกล้เคียงกับ EOS Movie ในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้

เพื่อตอบสนองความต้องการแบบมืออาชีพ เพื่อการบันทึกภาพต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น และการใช้ร่วมกันกับไฟล์ภาพเคลื่อนไหวจากกล้องอื่นๆ ไฟล์ภาพเคลื่อนไหวที่มีขนาดใหญ่เกิน 4GB (ขนาดสูงสุดตามระบบการจัดการไฟล์แบบFAT) จะถูกแยกออกเป็นไฟล์ใหม่โดยอัตโนมัติ โดยยังคงบันทึกภาพเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก ตลอดความยาว 29 นาที 59 วินาที

เพิ่มความทนทานและความเชื่อใจได้ไปอีกระดับ

ชุดชัตเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ในกล้องEOS-1D X ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยใช้ Carbon Fiber ในการผลิต Shutter Blade ซึ่งมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งทนทานจึงให้อายุการใช้งานชัตเตอร์สูงถึง400,000 ครั้ง และใหม่ล่าสุดของกล้องในตระกูล EOS-1D ที่ได้มีการพัฒนาม่านชัตเตอร์อิเลคทรอนิกส์ชุดที่หนึ่ง เพื่อลดการเกิดเสียงลงระหว่างการถ่ายภาพแบบ Live View

ด้วยความแข็งแรงของตัวกล้องที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยการออกแบบตัวกล้องที่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองและละอองน้ำ ช่วยตอบความต้องการด้านการถ่ายภาพได้ในทุกสภาวะการณ์ ร่วมด้วยกับระบบทำความสะอาดฝุ่นใหม่ล่าสุด Ultra Wave Motion Cleaning (UWMC) ซึ่งใช้ชิ้นส่วนที่สร้างคลื่นสั่นสะเทือนถึง 2 ชิ้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการขจัดเศษฝุ่นขนาดเล็กจากเซ็นเซอร์

นอกจากนี้ วงแหวนควบคุมกล้องได้รับการออกแบบใหม่ โดยเพิ่มระบบ Non-contact rotation detection ที่ช่วยชะลอการสึกหรอ และลดเสียงรบกวนขณะใช้งาน

อุปกรณ์เสริม GPSและ Wireless

EOS-1D X มาพร้อมกับอุปกรณ์ส่งไฟล์ภาพไร้สาย (Wireless File Transmitter)รุ่น WFT-E6 ซึ่งรองรับกับ Wireless LAN IEEE802.11nช่วยให้การโอนถ่ายไฟล์ภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า

WFT-E6มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่า WFT-E2 II (ซึ่งใช้กับกล้อง EOS-1D Mark IV) และสามารถป้องกันฝุ่นละออง และละอองน้ำได้ดีเหมือนกับตัวกล้องEOS-1D X นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกล้องEOS-1D X ได้พร้อมกันถึง10 ตัวด้วยฟังก์ชั่น Wireless Time Syncing

อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจของ EOS-1D Xได้แก่ GP-E1 เครื่องรับสัญญาณจีพีเอสขนาดกะทัดรัดช่วยบันทึกข้อมูลพิกัดสถานที่ลงในข้อมูลEXIF ของภาพที่ถ่ายด้วยEOS-1D X โดยเมื่อใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นแผนที่ต่างๆ ก็จะสามารถระบุตำแหน่งพิกัดสถานที่ที่ถ่ายรูปได้อย่างง่ายดาย

และด้วยความสามารถทั้งหมดนี้ ทำให้ EOS-1D X เป็นกล้องดิจิตอลฟูลเฟรมที่เร็วที่สุดในโลก ที่ตอบสนองทุกความต้องการของการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ ทั้งในด้านความประสิทธิภาพของกล้อง และคุณภาพของภาพถ่าย

View :1961