Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

เทรนด์ไมโคร เปิดตัวไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 ครั้งแรกในไทยเสริมความปลอดภัยไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอล

November 7th, 2012 No comments

บริษัท เทรนด์ไมโคร อินคอร์ปอเรท (TYO: 4704; TSE: 4704) ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ประกาศเปิดตัว เทรนด์ไมโคร ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 (Trend Micro™ Titanium™ Maximum Security 2013) โซลูชั่นใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ว่า “การป้องกันเป็นเรื่องง่าย” ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อช่วยปกป้องไฟล์ข้อมูลที่มีความสำคัญ ตลอดจนความเป็นส่วนตัวและครอบครัวของผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานออนไลน์ให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามใหม่ๆ บนโลกไซเบอร์

นายวิลเลี่ยม ตัน ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะใช้งานออนไลน์ทั้งในเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ อาทิ ตรวจสอบอีเมล ท่องเว็บ และใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของครอบครัวและเพื่อนๆ ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊กหรือพีซี ดังนั้นบริษัทรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะต้องเริ่มไล่ตามผู้บริโภคให้ทัน และช่วยปกป้องพวกเขาจากความเสี่ยงที่พวกเขาอาจได้รับ เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่บริษัทเทรนด์ไมโครเป็นบริษัทแรกที่ได้นำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ครอบคลุม มีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้งานง่ายให้กับกลุ่มลูกค้าของเทรนด์ไมโคร”

ขณะนี้มีผู้คนนับพันล้านรายกำลังสร้างสังคมขึ้นบนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งนั่นอาจทำให้คนกลุ่มใหญ่ต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรที่ต้องการแสวงหาประโยชน์ได้ จะเห็นได้ว่าเทคนิค Click-jacking, แอพพลิเคชั่นปลอม และเทคนิควิศวกรรมด้านสังคมเป็นเพียงบางส่วนของกลยุทธ์ที่ใช้ในการส่งต่อมัลแวร์ให้กับเหยื่อ และจากผลสำรวจด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคประจำปีของบริษัทเทรนด์ไมโครพบว่า 20% ของผู้บริโภครายงานว่าขณะใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่ พวกเขาได้คลิกลิงก์ที่นำไปสู่การโพสต์สิ่งต่างๆ ไปยังหน้าวอลล์ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้ต้องการแบ่งปันสิ่งนั้น และ 18% รายงานว่าการคลิกลิงก์ได้ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกเขามีปัญหาเกิดขึ้น

นายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค ประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 ที่เปิดตัวในวันนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่น คือ สามารถระบุลิงก์ที่อาจเป็นอันตรายได้ ช่วยปกป้องผู้ใช้ในขณะใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กูเกิล มายสเปซ และพินเทอเรส เมื่อไททาเนียมระบุลิงก์ที่ไม่ปลอดภัยแล้วก็จะแจ้งให้ผู้บริโภคแบ่งปันข้อมูลนี้กับเพื่อนๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถช่วยให้เพื่อนใช้งานขณะออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยด้วยเช่นกัน”

จากผลสำรวจด้านความปลอดภัยยังพบว่า 65% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความกังวลเกี่ยวกับการที่มีบุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของตนบนไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ขณะที่ 35% ไม่เคยตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของตนหรือตรวจสอบน้อยครั้งมาก และเกือบครึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกตนเป็นระยะเวลานานกว่าหกเดือน นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (มากกว่า 60%) แบ่งปันข้อมูลบนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่อาจนำไปสู่​​การละเมิดความปลอดภัยได้ เช่น วันเกิด บ้านเกิด ชื่อสัตว์เลี้ยง และอื่นๆ

ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 เป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยแบบออลอินวันที่สมบูรณ์แบบและสามารถตอบสนองความต้องการสำหรับผู้บริโภคที่มีการใช้งานอุปกรณ์หลายอย่าง และต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับรหัสผ่าน เพื่อรักษารูปถ่ายและความทรงจำของพวกเขาให้ปลอดภัย รวมทั้งได้รับการคุ้มครองตลอดเวลาเมื่อใช้งานไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ ด้วยซอฟต์แวร์เทรนด์ไมโคร ออนไลน์ การ์เดียนที่ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบเครือข่ายสังคมออนไลน์ เนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ที่อยู่อีเมล และรหัสผ่านบนอินเทอร์เน็ตได้

และยังมีฟังก์ชั่นพิเศษคือ เทรนด์ไมโคร ไดเร็ค พาส ตัวจัดการรหัสผ่านและ เทรนด์ไมโคร เซฟซิงค์ ที่จัดเก็บข้อมูลนิรภัยแบบออนไลน์ที่สามารถเก็บเอกสาร รูปภาพ และวิดีโอที่สำคัญต่างๆ สำรองไว้ในระบบคลาวด์ได้มากถึง 5 กิกะไบต์ และจะได้รับสิทธิ์ใช้งาน 3 สิทธิ์ที่สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงพีซี แล็ปท็อป แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึง เทรนด์ไมโคร วอลท์ ช่วยเก็บเอกสารสำคัญให้ปลอดภัย และสามารถทำการล็อกได้จากระยะไกลในกรณีที่คอมพิวเตอร์สูญหายหรือถูกขโมยสำหรับผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์และข้อมูลจำนวนมาก

จุดเด่นของไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 ที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ เฟซบุ๊ก ไพรเวซี่ สแกนเนอร์สำหรับวินโดวส์ ซึ่งเทรนด์ไมโครนับเป็นรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรมที่นำเสนอการป้องกันแบบพิเศษสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยการกดคลิกเพียงครั้งเดียว ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการตั้งค่าหน้าเฟซบุ๊กของตนและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปจัดการและเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่างๆ ได้โดยทันที พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการใหม่ วินโดว์ส 8 และวินโดว์สรุ่นอื่นๆ

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 จะขายผ่านทางบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญและมีเครือข่ายร้านค้าปลีกที่ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ เทรนด์ไมโครยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ไททาเนียม 2013 ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.thaiware.com

“บริษัทเทรนด์ไมโครมีแผนจะจัดกิจกรรมการตลาดช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัวไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวรตี้ สำหรับ 3 ผู้ใช้ เลือกใช้ได้ทั้งวินโดว์ส แม็คโอเอส หรือแอนดรอยด์ ราคาพิเศษ 1,490 บาท จากราคาปกติ 1,890 บาท แถมหูฟังสุดหรูยี่ห้อ Sennheiser รุ่น HD180 มูลค่า 800 บาทฟรีทันทีส่วนไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวรตี้ สำหรับ 1 ผู้ใช้ ราคาพิเศษ 699 บาท จากราคาปกติ 999 บาท พร้อมจัดกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมายภายในงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2013 ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน 2555 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” นายสุรศักดิ์กล่าวสรุป

View :1293
Categories: Press/Release Tags:

“เอซุส” เปิดศึกโค้งสุดท้ายปี 55 ดันไลน์สินค้าทัชสกรีนเต็มรูปแบบ

October 31st, 2012 No comments

“เอซุส” จัดหนักไตรมาสสุดท้ายปี 55 เปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ทัชสกรีนทีเดียว 3 รุ่นรวด ทั้งโน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ต สุดยอดหน้าจอระบบมัลติทัช รวดเร็วทันใจ ใช้งานง่ายด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 8 โหมตลาดไอทีคึกคักส่งท้ายปี

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดภาพรวมไอทีอยู่ในภาวะทรงตัว ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโมบาย ได้แก่ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน อยู่ในกระแสความต้องการผู้บริโภคและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เอซุสพร้อมแล้วที่จะเปิดนวัตกรรมการรวมตัวของโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต Windows 8 ได้แก่VivoBook Series (X202, S400) VivoTab RT และ ASUS Taichi โดยทุกไลน์ผลิตภัณฑ์จะเน้นหน้าจอสัมผัสได้ทั้งหมด พร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้บริโภคตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัส

“ทิศทางตลาดจากนี้เอซุสเน้นการทำตลาดใน 3 กลุ่มหลักไปพร้อมกัน ได้แก่ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน โดยจะทำให้ครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์และเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มในราคาที่เข้าถึงได้” นายพรเทพ กล่าว

สำหรับการเตรียมพร้อมรุกตลาด เอซุสกำลังดำเนินการใน 2 ส่วน คือ 1) จัดเทรนนิ่งพนักงานขายหน้าร้านทั่วประเทศให้มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ซึ่งถือเป็นตัวใหม่ที่เรากำลังจะทำตลาด 2) การสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายตกแต่งหน้าร้านให้สวยงามและน่ามองยิ่งขึ้น รวมถึงมีเชลฟ์วางสินค้าที่ลูกค้าสามารถสัมผัสและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ได้สะดวกขึ้น ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จไตรมาสแรกของปี 2556 นี้

นอกจากนี้ยังวางจำหน่ายสินค้ากับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ร้านเพาเวอร์บาย รวมถึงไฮเปอร์ มาร์เก็ตทั้งโลตัสและบิ๊กซี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จดีเกินคาด และขณะนี้อยู่ระหว่างเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านร้านมือถือทั่วไป เพื่อรองรับกับตลาดแท็บเล็ตและโมบายที่จะเป็นอีกขานึงของเอซุส

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับ “เอซุส” ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดของเอซุสที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 เข้าสู่ตลาดในวันนี้ไม่ว่าจะเป็น โน้ตบุ๊ค (Windows 8) และแท็บเล็ต (Windows RT) ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ใช้สินค้าของเอซุสจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ใช้งานง่ายและคล่องตัวสูง เพราะ Windows 8 ได้รับการออกแบบสำหรับโลกในวันนี้ที่ไม่มีเส้นคั่นระหว่างการใช้งานไอทีเพื่อการทำงานและเพื่อความเพลิดเพลินที่บ้านอีกต่อไป โดยจะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และลื่นไหล ที่สำคัญเราเชื่อมั่นว่า Windows 8 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงเทคโนโลยีที่ดีได้อย่างทั่วถึง

นายอรุณพงศ์ ทองสุทธิ ฝ่าย Technical Marketing บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานแถลงข่าวในวันนี้ (30 ต.ค.) เป็นการรวมตัวของโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต Windows 8 เต็มรูปแบบ โดยเริ่มจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “VivoBook” ซีรี่ย์ ที่ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสหน้าจอ ด้วยระบบมัลติทัชที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ตอบสนองการสั่งการรวดเร็วทันใจ ทัชแพ็ดมีขนาดใหญ่ขึ้นสะดวกต่อการใช้งาน

“VivoBook” ซีรี่ย์ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 11.6 และ 14 นิ้ว รองรับระบบปฎิบัติการ Windows 8 ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ด้วยลูกเล่นหลากหลายและการใช้งานที่แสนง่ายดาย พร้อมระบบเสียงคมชัดและทรงพลังด้วยเทคโนโลยี SonicMaster สามารถรีซูมระบบได้ภายใน 2 วินาทีจาก sleep mode แม้จะพักเครื่องไว้นานแล้วก็ตาม ทำให้การบู๊ทเครื่องเพื่อตอบรับ Windows 8 เป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยดีไซน์หรูหราสะกดทุกสายตา VivoBook X202 มี 3.สี ให้เลือก ได้แก่ สีเทา สีแชมเปญ และชมพู วางจำหน่ายแล้ววันนี้

ยิ่งกว่านั้น ผู้บริโภคคนไทยเตรียมสัมผัสกับ “เอซุส ไทชิ” (ASUS TAICHI) ซึ่งนำมาอวดโฉมครั้งแรกในงานนี้ด้วย “ไทชิ” คือ นวัตกรรมที่รวมเอาอัลตร้าบุ๊กและแท็บเลตไว้ในเครื่องเดียวกัน ออกแบบให้มี 2 หน้าจอ สามารถแบ่งกันใช้งานได้ 2 คน หนึ่งจอเป็นอัลตร้าบุ๊ก และอีกหนึ่งจอทำงานแบบแท็บเลต มัลติทัช ซึ่งพร้อมให้คนไทยได้สัมผัสเดือนธันวาคมนี้เช่นเดียวกับ “เอซุส วีโว่ แทบ อาที” (Asus Vivo Tab RT)

“เอซุส วีโว่ แทบ อาที” (Asus Vivo Tab RT) แท็บเล็ตดีไซน์ล้ำ ขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว สามารถถอดแยกจากคีย์บอร์ดได้ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows RT ที่จะมอบความบันเทิงในช่วงเวลาพักผ่อนและการเล่นเกมส์ได้อย่างเต็มรูปแบบ

พบกับ เอซุสโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตยอดอัจฉริยะแห่งการสัมผัส ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.asus.co.th และ www.facebook.com/ASUSTHAILAND , www.twitter.com/ASUSTHAILAND หรือโทรสอบถามได้ที่เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717

View :1316
Categories: Press/Release Tags:

AIS Wifi เอาใจคอเน็ต เชื่อมต่อออนไลน์ได้โดยอัตโนมัติ “Wifi Auto Login”

October 19th, 2012 No comments


เอไอเอสก้าวล้ำไปอีกขั้น พัฒนานวัตกรรมใหม่ ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าคอเน็ตให้เชื่อมต่อโลกออนไลน์บน Wifi 2 เครือข่ายทั้ง AIS Wifi และ 3BB WiFi กว่า 50,000 จุดทั่วประเทศได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยบริการ “Wifi Auto Login” เป็นรายแรกของเมืองไทย เพื่อให้ลูกค้าที่มีแพ็คเกจ Wifi สามารถเข้าใช้งานเครือข่าย AIS Wifi และ 3BB WiFi ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องระบุ Username และ Password ในทุกๆ ครั้งที่เข้าใช้งานเหมือนที่ผ่านมา ด้วยการลงทะเบียนยืนยันการใช้งาน Wifi Auto Login บนเครือข่าย AIS Wifi ที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือด้วยตัวเองเพียงครั้งเดียว ระบบจะดำเนินการให้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จากนั้น สำหรับการใช้งานครั้งต่อไป ลูกค้าจะสามารถเข้าใช้งานเครือข่าย AIS Wifi และ 3BB WiFi ทั่วประเทศ ได้ทันที โดยไม่ต้องระบุ Username และ Password อีก ทั้งนี้ การลงทะเบียน Wifi Auto Login จะใช้กับอุปกรณ์ได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/Wifi หรือโทร. AIS Call Center 1175

View :1666
Categories: Press/Release Tags:

กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเว็บไซต์ “ร่วมด้วยช่วยใต้”

October 17th, 2012 No comments

นาย สมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการจัดทำโครงการจัดทำเว็บไซต์ “ร่วมด้วย ช่วยใต้” www.culturalmall.in.th เพื่อ เป็นพื้นที่สำหรับขายและเผยแพร่ข้อมูลของสินค้าผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรม ของท้องถิ่นจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จ.ยะลา ปัตตานีและนราธิวาสนั้น

ขณะนี้เว็บไซต์”ร่วมด้วย ช่วยใต้” www.culturalmall.in.th ได้ ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ โดยรูปแบบของเว็บไซต์ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 7 หมวด ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์งานศิลปะและวัฒนธรรม 2.เครื่องใช้และอุปกรณ์แต่งบ้าน 3.อาหาร เครื่องดื่มและของขบเคี้ยว 4.ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและยา 5.เครื่องนุ่งห่ม 6.เครื่องประดับ และ7.ผลิตภันฑ์อื่นๆที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด

ผม เชื่อว่า คนไทยทุกคนรัก สงสาร และเป็นห่วงคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาก แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ? เพราะเราไม่ใช่ตำรวจ ทหาร เราเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ไม่มีช่องทางใดๆเลยที่จะทำอะไรได้ เพราะขาดผู้ริเริ่มที่จะลุกขึ้นมานำคนไทยทั้งประเทศทำอะไรสักอย่าง ?

กระทรวง วัฒนธรรม โดยความสนับสนุนของศูนย์นวัตกรรมและการจัดการความรู้ วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงขออาสาเป็นผู้ริเริ่มสร้างกระแส กระตุ้นคนไทยทั้งประเทศให้สามารถมีส่วนร่วมช่วยเหลือในการช่วยเหลือคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ด้วยการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ “ร่วมด้วย ช่วยใต้” www.culturalmall.in.th ซึ่ง นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ได้รับรายได้โดยตรงแล้ว กำไรทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย ยังจะนำไปบริจาคให้องค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และได้รับผลกระทบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกบาท ทุกสตางค์

นาย สมชาย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้คัดเลือกสินค้าทางวัฒนธรรมจากผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อนำมาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวแล้วประมาณ 500 รายการ โดยมีเป้าหมายว่าจะคัดเลือกสินค้นที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์จาก3 จังหวัดชายแดนใต้มาจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ทั้งหมด 3,000 รายการภายในปี 2556

“ทุกคนสามารถเข้าชมสินค้าวัฒนธรรมได้ในเว็บไซต์”ร่วมด้วย ช่วยใต้” www.culturalmall.in.th แล้วเลือกสั่งซื้อสินค้าตามที่ต้องการ จากนั้นรอรับสินค้าที่บ้าน ทั้งนี้สินค้าในแต่ละแบบ จะนำเสนอในแบบแอนนิเมชั่นและรูปแบบ 3D ด้วย เพื่อให้ดูสินค้าครบทุกมุมเหมือนได้สัมผัสจริง ที่สำคัญใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ วธ. เตรียมส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังห้างสรรพสินค้าและหน่วยงานราชการให้ช่วย อุดหนุนสินค้าทาวัฒนธรรม เป็นของขวัญปีใหม่และส่งเสริมพี่น้องชายแดนใต้ให้มีรายได้ รวมทั้งขอความร่วมมือให้หน่วยงานราชการ ที่จัดสัมมนาแล้วต้องการเลือกซื้อของที่ระลึกก็ให้ช่วยอุดหนุนอีกทางด้วย”

View :1646

ดีแทคเดินหน้าทดสอบ 4จี ความเร็วสูงสุด 150 Mbps บนเครือข่ายใหม่ พร้อมอัพเกรดได้ทันที

October 8th, 2012 No comments

ดีแทค เริ่มดำเนินการทดสอบเทคโนโลยี 4จี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ในเขตกรุงเทพ ฯ มั่นใจในความพร้อมของเครือข่ายใหม่ที่รองรับการอัพเกรดสู่เทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างรวดเร็ว โดยผลการทดลองสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ขณะที่แผนการเปลี่ยนเครือข่ายใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สามารถรองรับการอัพเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ได้ทันที เพื่อเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่พร้อมเปิดให้บริการ 4จี ได้รวดเร็วที่สุด

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “เราได้เริ่มการทดสอบเครือข่ายการสื่อสารเทคโนโลยี 4จี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ในเขตกรุงเทพฯ บริเวณสยามสแควร์และอาคารจัตุรัสจามจุรี หลังได้รับความเห็นชอบจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 โดยผลการทดสอบที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจมาก”

“ขณะเดียวกัน แผนการปรับปรุงยกระดับเครือข่ายทั่วประเทศภายใต้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2555 นี้ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้เป็นการยกระดับระบบเครือข่ายการสื่อสารครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตได้ทันทีเมื่อทุกอย่างพร้อม ไม่ว่าจะเป็น 4จี หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะตามมา โดยสามารถทำการอัพเกรดเครือข่ายทั่วประเทศเป็น 4 จี ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปลี่ยนการ์ด 4จี ในตู้สัญญาณ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ดีแทคเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 4จี ได้รวดเร็วที่สุด”

การทดลองเครือข่าย 4จี ของดีแทค บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ บนช่องสัญญาณที่ดีแทคมีอยู่ในปัจจุบัน ใช้เทคโนโลยี Frequency Division Duplex ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในเชิงพาณิชย์จริง และมีอุปกรณ์รองรับมากที่สุด การทดสอบในครั้งนี้สามารถทำสถิติใหม่ในประเทศไทย ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที

ทั้งนี้ ดีแทคเป็นเครือข่ายที่มีเสาสัญญาณใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยจำนวนสถานีฐานมากที่สุดถึง 15,700 สถานีฐาน โดยหลังการดำเนินการยกระดับเครือข่ายเสร็จสิ้นภายในปี 2555 สถานีฐานทั่วประเทศทั้งหมดจะมีความพร้อมในการรองรับและอัพเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น 4จี รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต

View :1306
Categories: Press/Release Tags: ,

เลอโนโวจัดเต็ม Sleek Notebook โดดเด่นทั้งดีไซน์บางเบา สีสันสดใส ราคาเบาๆ ถูกใจวัยทีน

October 4th, 2012 No comments


เลอโนโวเติมเต็มความต้องการผู้ใช้งาน เปิดตัว Sleek Notebook ทั้ง IdeaPad S300 และ IdeaPad S400 กับดีไซน์สีสันทันสมัย บางเบาพกพาสะดวก เต็มอิ่มกับประสิทธิภาพให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท พร้อมช่วงแนะนำรับฟรีเคสโน๊ตบุ้คลายเก๋ไก๋ สร้างสรรค์เอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวถึง 3 สไตส์

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดพีซีของโลก เรามุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่บนรากฐานความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยพื้นฐาน และเชื่อว่าในปัจจุบันผู้ใช้งานไม่เพียงต้องการเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นครบครัน แต่คงให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งคำนึงถึงราคาของผลิตภัณฑ์เป็นหลักอีกด้วย ดังนั้น เลอโนโวจึงขอนำ Sleek Notebook ทั้ง IdeaPad S300 และ IdeaPad S400 ตอบโจทย์นักเรียน นักศึกษา ตามความต้องการอย่างครบครัน ทั้งดีไซน์เบาบาง พกพาสะดวก แถมราคาสุดประหยัด

ประมวลผลชาญฉลาด ประสิทธิภาพเหนือชั้น
IdeaPad S300 Sleek Notebook มาพร้อมหน่วยประมวลอินเทล เพนเทียม (Intel Pentium®) และ IdeaPad S400 Sleek Notebook มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core™ i3 และ i5 พร้อมฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากถึง 500 GB ให้คุณเพลินเพลิดได้ไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็น เก็บเพลง หนัง และไฟล์งานที่สำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ตอบโจทย์คนชื่นชอบความเร็วแรงเหนือชั้น IdeaPad S400 Sleek Notebook มาพร้อมฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ความจุ 24 GB และหน่วยประมวลผล Intel Core™ i5

IdeaPad S Series Sleek Notebook รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 พร้อมอัพเกรดเป็น Windows 8 ได้เพื่อความสมบูรณ์แบบ อีกทั้ง ระบบทัชแพด ยังถูกออกแบบมารองรับ Windows 8 โดยเฉพาะ ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการเลื่อนหน้าจอและการซูมเข้าออกได้ดียิ่งขึ้น และคีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่ช่วยให้พิมพ์ได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นวัตกรรมใหม่ที่สะดวกต่อการใช้งานอย่างมากมาย อาทิ ฟังก์ชั่น Lenovo Quick Start “Instant on” ช่วยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนี้ ระบบรักษาความปลอดภัยการป้องกันข้อมูลอย่าง Lenovo OneKey™ Rescue System ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรองและกู้คืนระบบ การกู้คืนเอกสาร และการสแกนไวรัสอย่างสมบูรณ์แบบที่ง่ายดาย รวดเร็ว .

คู่หูมัลติมีเดียสดใส ปลดปล่อยอิสระเต็มพิกัด
IdeaPad S300 Sleek Notebook และ IdeaPad S400 Sleek Notebook ดีไซน์ความบางเฉียบที่ไม่ถึง 1 นิ้วและน้ำหนักน้อยกว่า 1.8 กิโลกรัม ถูกออกแบบด้วยพื้นผิวเมทาลิคสีสันสดใส มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดงเข้ม Crimson Red, สีเทาเงิน Silver Grey และสีชมพูพาสเทล Cotton-Candy Pink โดย IdeaPad S300 Sleek Notebook มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 13 นิ้ว และ IdeaPad S400 Sleek Notebook จอแสดงผลขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD ช่องต่อ HDMI เต็มอรรถรสความบันเทิงกับลำโพงสเตอริโอและระบบเสียง Dolby® Advanced Audio™ v2 นอกจากนี้เทคโนโลยี Lenovo Energy Management ทำให้สามารถรองรับการใช้งานมากกว่า 5 ชั่วโมง และถนอมการใช้งานแบตเตอรี่ให้มีอายุยาวนานยิ่งขึ้น

ราคาและการวางจำหน่าย 1

IdeaPad S300 Sleek Notebook วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 13,990 บาท (รวมภาษีแล้ว)
IdeaPad S400 Sleek Notebook วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 15,990 บาท (รวมภาษีแล้ว)
ร่วมสัมผัสครั้งแรกและเป็นเจ้าของได้ในงาน Thailand’s Mobile Expo 2012 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4 – 7 ตุลาคม 2555 ณ บู๊ท CM1และ CM2 โซน C ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และตัวแทนผลิตภัณฑ์เลอโนโว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ เลอโนโว คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร. 1800-060-087 หรือ โทร. 02-689-6451

ติดตามข่าวสารล่าสุดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเลอโนโวได้ที่เว็บไซต์ Lenovo Thailand (http://www.lenovo.com/th/en/) หรือ สมัครได้ที่ Lenovo RSS Feeds (http://news.lenovo.com/) หรือติดตามผ่าน Facebook (http://www.facebook.com/lenovo.lover)

View :2279

งานแสตมป์โลก “THAILAND 2013” สืบสานงานศิลป์ สืบทอดเกียรติภูมิไทย

October 4th, 2012 No comments

ไอซีทีโดยไปรษณีย์ไทยจับมือวัฒนธรรมเชิดชูงานศิลป์ไทยในเวทีงานแสตมป์โลก มิติใหม่แห่งการเปิดโลกเรียนรู้งานศิลป์บนดวงแสตมป์ พร้อมเปิดตัวแสตมป์งานศิลป์พื้นบ้าน 4 ภาค และโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556

ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ประธานอำนวยการจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก พ.ศ. 2556 (THAILAND 2013) ในพิธีแถลงข่าวการจัดงานดังกล่าวที่มีขึ้นในวันนี้ (3 ต.ค.) โดยมีนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบริษัทเอกชนชั้นนำด้านการสะสมแสตมป์เข้าร่วมงานกันพร้อมหน้า
ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงตราไปรษณียากรโลก หรือ THAILAND 2013 – World Stamp Exhibition ระหว่างวันที่ 2 – 14 สิงหาคม 2556 ณ รอยัลพารากอนฮออล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในโอกาสครบรอบ 130 ปี กิจการไปรษณีย์และแสตมป์ดวงแรกของไทย หลังจากเคยจัดงานแสตมป์โลกมาแล้วถึง 3 ครั้งในทุก ๆ 10 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2536 และ 2546 ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Youth Stamp Exhibition ในปี 2542

“ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงตราไปรษณียากรระดับโลก และก็เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เรายังคงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม-ราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์การจัดงาน และเสด็จฯเป็นองค์ประธานการเปิดงาน รวมทั้งทรงพระราชทานสิ่งสะสมส่วนพระองค์มาร่วมจัดแสดงด้วย” นางสาวอานุสรากล่าว
งานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการจัดการแสดงและประกวดตราไปรษณียากรตามข้อบังคับของสหพันธ์ตราไปรษณียากรระหว่างประเทศเพื่อยกระดับการสะสมตราไปรษณียากร โดยคาดว่าจะมีนักสะสมส่งผลงานมาจัดแสดงและเข้าประกวดกว่า 2,500 แผงการประกวด ยังเป็นการเชิดชูชิ้นงานศิลปะของไทย ตั้งแต่ช่างพื้นบ้าน ไปสู่ช่างหลวง และช่างร่วมสมัย เพื่อเผยแพร่ความงดงามของงานช่างศิลป์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก โดยไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556 เพื่อคัดเลือกชิ้นงานพื้นบ้าน 3 แขนง ได้แก่ งานปั้นดินเผา งานจักสาน และงานถักทอ ในแนวประเพณี และแบบประยุกต์ ซึ่งผลงานที่ชนะการประกวดทุกชิ้นจะนำมาจัดแสดงภายในงานด้วย

ทั่วพื้นที่การจัดงานจะถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนแห่งเมืองศิลป์มิวเซียมโลกที่สร้างความสุนทรีย์และความสุข ให้กับผู้เข้าชม รวมไปถึงพื้นที่สำหรับร้านค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 130 คูหา โดยขณะนี้เปิดให้จองคูหาได้แล้วในราคาพิเศษ

ด้าน นางสาวปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวถึงส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ว่า “ ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มโครงการดี ๆ ที่มุ่งหวังจะจุดประกายให้สังคมไทยหันมาตื่นตัว และตระหนักในคุณค่าของงานช่างศิลป์ไทยในระดับท้องถิ่น ด้วยการจัดประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ประจำปี พ.ศ. 2555-2556 ขึ้น เพื่อร่วมกันค้นหาชิ้นงานอันโดดเด่นของช่างศิลป์พื้นบ้าน 3 แขนงหลัก อันได้แก่ งานจักสาน งานปั้นดินเผา และงานถักทอ ทั้งในแนวประเพณี และแนวประยุกต์ รวม 6 ประเภท โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆ มาก่อน สร้างขึ้นด้วยฝีมือตนเอง หรือกลุ่มของตนเอง และมีรูปแบบเฉพาะท้องถิ่นหรือแบบประยุกต์ตามความคิดสร้างสรรค์ของตนเองที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งการตัดสินได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงศิลปะพื้นบ้าน ได้แก่ ศาสตราจารย์วิบูลย์ ลี้สุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักสาน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เสริมศักดิ์ นาคบัว ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผา และอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย มาเป็นหลักสำคัญในคณะกรรมการตัดสิน ผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ศกนี้ ไปจนถึงวันที่ 29 มีนาคมศกหน้า ประกาศผลตัดสินในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 จากนั้นผลงานที่ชนะการประกวดจะนำไปจัดแสดงในงานแสดงตราไปรษณียากรโลก พ.ศ. 2556 และมีโอกาสได้รับการพิจารณาเป็นต้นแบบภาพบนตราไปรษณียากรต่อไป”

สำหรับแสตมป์ที่ระลึกของการจัดงานชุดที่ 1 เป็นภาพศิลปหัตกรรมพื้นบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ โคมและร่วมกระดาษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บั้งไฟและแคน-โหวด ภาคกลาง ตุ๊กตาชาววัง และเครื่องปั้นดินเผา ภาคใต้ เรือกอและจำลอง และกรงนก รวม 8 แบบ ราคาดวงละ 5 บาท หาซื้อได้แล้วที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1545 หรือ www.thailand2013.com

View :1351

โซนี่ไทย เผยโฉม BRAVIA LCD 4K TV ขนาด 84 นิ้วเครื่องแรก

October 4th, 2012 No comments

มอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดคมชัดด้วยขนาดหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมคุณภาพเสียงทรงพลัง

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัว เครื่องแรกจากโซนี่ ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 84 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 3840×2160 พิกเซล ชูจุดเด่นอยู่ที่การนำเทคโนโลยี “4K X-Reality Pro” ที่ให้ความละเอียดของภาพด้วยคุณภาพระดับ Super Resolution ทำให้คุณได้สัมผัสถึงความคมชัดของภาพในระดับ 4K อีกทั้งยังผสมผสานกับความละเอียดของภาพที่สูงบนหน้าจอขนาดใหญ่ และยังมาพร้อมกับคุณภาพเสียงทรงพลัง ที่ให้ประสบการณ์ในการรับชมที่เสมือนจริงและเหนือกว่าทีวีทั่วไป

BRAVIA 4K LCD TV ยังมาพร้อมกับจอแสดงผลที่มีความละเอียดถึง 8.29 ล้านพิกเซล ซึ่งมากกว่าทีวีมาตรฐานทั่วไปถึง 4 เท่าด้วยกัน ประกอบกับมีเทคโนโลยี 4K X-Reality Pro ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะให้ภาพความละเอียดของภาพคมชัด โดยจอภาพรุ่นนี้มีความสามารถพิเศษในการผลิตภาพในรูปแบบต่างๆที่เล่นด้วยความละเอียดที่หลากหลาย อาทิ สัญญาณ HD Digital หรือ Blue-ray Disc ให้เป็นภาพที่สดใส ตื่นตาตื่นใจ ด้วยความละเอียดของภาพในระดับ 4K หมดกังวลกับภาพที่มี Noise รบกวน แต่จะได้รับชมภาพแบบสมจริง สวย สดใส ด้วยมุมมองที่กว้างถึง 60 องศา ทำให้การรับชมภาพชัดเจนแม้ว่านั่งห่างครึ่งหนึ่งของระยะจากจอที่กำหนด เมื่อเปรียบเทียบกับการรับชมจาก Full HD ทั่วไปที่แนะนำให้รับชมในระยะห่างจากจอถึง 3 เท่าด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างอรรถรสและความบันเทิงภายในบ้าน รวมถึงรองรับการใช้งานที่หลากหลาย จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถรับชมความบันเทิงได้เต็มอารมณ์กันเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น BRAVIA 4K LCD TV ยังได้นำเอาเทคโนโลยีประมวลผลของสัญญาณเสียงคุณภาพ รวมไปถึงระบบลำโพงคุณภาพทั้งซ้ายและขวาที่ถูกออกแบบมาได้อย่างเหมาะสมกลมกลืนและมีมากถึง 10 จุดด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมได้รับเสียงอันทรงพลังแบบ 3 มิติ ด้วยคุณภาพเสียงที่สมจริงผสมผสานเข้ากับหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูง จะทำให้คุณได้รับอรรถรสความบันเทิงแบบเสมือนจริงต่างจากที่คุณเคยได้รับจากทีวีทั่วไป ด้วยการออกแบบดีไซน์ที่หรูหราของหน้าจอความละเอียดสูงนี้เอง จะทำให้คุณสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ความบันเทิงที่เต็มอิ่มเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ส่วนตัวเลยก็ว่าได้ อีกทั้งคุณยังสามารถร่วมแบ่งปันความสุขหรรษาให้กับครอบครัว ด้วยการขยายภาพดิจิตอลความละเอียดสูงบนหน้าจอใหญ่ให้เท่ากับภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น การขยายภาพวิวทิวทัศน์ หรือแม้แต่การขยายภาพถ่ายของเด็กๆให้มีขนาดเท่ากับตัวจริง เพื่อให้รับชมกันได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถรองรับ PlayMemories Studio[1] ซึ่งเป็นโปรแกรมสุดพิเศษจาก Playstation®3 ที่จะช่วยผู้ใช้งานจัดระเบียบและดูภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูงได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายบน BRAVIA 4K LCD TV จาก Sony ที่จะก้าวล้ำหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการนำเสนอการรับชมภาพยนตร์ภายในบ้านรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้า

โซนี่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 4K โดยนอกเหนือจาก BRAVIA 4K LCD TV ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี 4K Digital cinema Projectors โดยนำมาใช้กับเครื่องฉายภาพยนตร์แบบดิจิตอล 4K ให้กับโรงภาพยนตร์ทั่วโลก ตลอดจนอุปกรณ์สำหรับการผลิต อาทิ กล้องรุ่นหลัก CineAlta “F65” ที่สามารถถ่ายทำภาพยนตร์ในระบบ 4K ได้ อีกทั้งยังเป็นผู้พัฒนา VPL-VW1000ES ซึ่งป็นโฮมโปรเจคเตอร์เพื่อสร้างความบันเทิงในครอบครัว โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั่วโลก

ผู้สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ความคุมชัดของ BRAVIA 4K LCD TV ในเบื้องต้น ได้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ สาขาสยามพารากอน ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ศกนี้ เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่โทร. 02-715-6100 และ www.sony.co.th

View :1149
Categories: Press/Release Tags:

THNIC จับมือ TrueHits สนับสนุนคนไทยใช้บริการของไทย

September 23rd, 2012 No comments

บริษัท ที.เอช.นิค จำกัด หรือ ผู้ให้บริการชื่อโดเมน .th และ .ไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย จำกัด หรือ ผู้ให้บริการวัดความนิยมของเว็บไซต์สัญชาติไทย มอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า 2 ต่อ เพื่อจูงใจให้ผู้ทำธุรกิจออนไลน์ไทยหันมาใช้บริการไทย เริ่มวันนี้ถึง 28 ธันวาคม 2555

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา THNIC ร่วมกับ TrueHits แถลงความร่วมมือ ที่จะให้สิทธิ์ผู้ใช้บริการ TrueHits Web Stat ทั้งการสมัครสมาชิกใหม่ หรือ ต่ออายุ ได้รับโดเมน .in.th และ .ไทย พร้อมกันฟรี 1 ปี โดยรับสิทธิ์โดเมนฟรีผ่านตัวแทนจำหน่ายของ THNIC ที่ร่วมรายการเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์โดเมนฟรี 2 ชื่อ ทั้ง .in.th และ .ไทย จะยังสามารถใช้บริการ TrueHits Web Award สำหรับชื่อโดเมนทั้ง 2 ชื่อนั้น ในราคาเพียง 1 ชื่ออีกด้วย

นายภาคภูมิ ไตรพัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ที.เอช.นิค จำกัด กล่าวว่า “โครงการนี้ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนให้คนทำธุรกิจออนไลน์ หันกลับมาใช้บริการของไทยเองแล้ว ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ .ไทย อีกด้วย ซึ่ง .ไทย THNIC ได้รับมาดูแล ตั้งแต่ปี 2554 และให้บริการควบคู่ไปกับ .th โดยไม่ได้คิดมูลค่าเพิ่มเติม ปัจจุบัน มีผู้ถือครอง .ไทย อยู่แล้วกว่า 14,000 ชื่อ และหากมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าจะช่วยลดกำแพงทางด้านภาษาให้กับกลุ่มผู้ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ได้เข้ามาเป็นประชากรอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น”

“ทุกปี TrueHits จะมีการประกวด TrueHits Award ซึ่งถือเป็นกิจกรรมสำคัญกิจกรรมหนึ่งสำหรับผู้ทำธุรกิจในโลกออนไลน์ และเพื่อต้อนรับ TrueHits Award ครั้งต่อไปในปี 2556 ที่จะถึงนี้ จึงได้เพิ่ม .ไทย เป็นการจัดอันดับอีก 1 หมวดหมู่ เพื่อให้ผู้มีชื่อเว็บที่เป็นภาษาไทย ได้มีช่องทางในการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น และผู้ใช้ .ไทย จะได้รับการเก็บสถิติตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป” ดร.ปิยะ ตัณฑวิเชียร กล่าว

View :1373
Categories: Internet, Press/Release Tags: ,

แซสส่งการวิเคราะห์ขั้นสูงสู่อุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลหลังเข้าซื้อกิจการไอแมทช์

September 23rd, 2012 No comments

ไอแมทช์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์โฆษณาดิจิทัลได้เข้ามาช่วยเสริมความสมบูรณ์ให้กับแพลตฟอร์ม การจัดการด้านการตลาดแบบครบวงจรของแซสโดยตรง

บริษัท แซส ผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจและการจัดการด้านการตลาดอย่างครบวงจร เข้าซื้อกิจการของบริษัท ไอแมทช์ (aiMatch) ธุรกิจผู้ให้บริการเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์โฆษณาบนระบบคลาวด์เพื่อช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถขายและจัดการคลังโฆษณาออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อผสานรวมการวิเคราะห์ขั้นสูงของแซสเข้ากับเทคโนโลยีของไอแมทช์แล้ว ทำให้ผู้โฆษณาได้รับโซลูชั่นที่ครอบคลุมสำหรับใช้ในการจัดการ คาดการณ์ ปรับใช้ และวัดผลคลังโฆษณาต่างๆ เพื่อสร้างรายได้จากการโฆษณาได้อย่างสูงสุด โดยลูกค้าปัจจุบันของบริษัท ไอแมทช์ ประกอบด้วย APN Digital, Photobucket, Pinger และ Popcornflix

ปัจจุบันตลาดโฆษณาดิจิทัลกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อปีที่แล้วมีการใช้จ่ายด้านการโฆษณาออนไลน์ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนถึง 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าตลาดแห่งนี้จะมีมูลค่าถึง 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2558 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่ตลาดแห่งนี้มีลักษณะกระจายตัวและไม่มีแอพพลิเคชั่นด้านการวิเคราะห์ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ จึงทำให้ผู้โฆษณาไม่สามารถจัดการคลังโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเรื่องยากที่จะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดได้ “การโฆษณาดิจิทัลมีศักยภาพอย่างมากที่จะใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ขั้นสูง” นายจิม เดวิส รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดบริษัท แซส กล่าว และว่า “ขณะนี้ผู้โฆษณายังขาดโซลูชั่นที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการคลังโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวิเคราะห์ขั้นสูงจะช่วยกำหนดราคาโฆษณา กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และคลังสินค้าที่เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้จากการโฆษณาได้อย่างสูงสุด”

ปัจจุบันตลาดโฆษณาดิจิทัลกำลังเคลื่อนเข้าสู่การประกวดราคาในรูปแบบเรียลไทม์ ทำให้ขีดความสามารถของแซสในด้านการประมวลผลและการจัดสรรคลังโฆษณาในลักษณะเรียลไทม์ ไม่ว่าจะผ่านทางวิดีโอ มือถือ จอแสดงผล หรือสื่อดิจิทัลอื่นๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้โฆษณา และการมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถสร้างระบบการขายแบบอัตโนมัติผ่านโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย (การแสดงโฆษณา การแลกเปลี่ยนโฆษณา และเครือข่ายโฆษณา) ตลอดจนสามารถช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ชมที่ดีขึ้นผ่านการวิเคราะห์แบบแยกพฤติกรรม ช่วยให้แซสสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

“เนื่องจากการเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลของข้อมูล ทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์มีความต้องการโซลูชั่นที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และทำให้ข้อมูลใหม่ๆ ทั้งหมดพร้อมใช้สำหรับพวกเขา” นายเจฟ วูด อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ไอแมทช์ กล่าว และว่า “ผู้โฆษณากำลังค้นหาคู่ค้าเทคโนโลยีที่ไม่ได้เข้าแข่งขันกับพวกเขาในพื้นที่สื่อแห่งนี้ การรวมกลไกการนำเสนอและการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของไอแมทช์เข้ากับความสามารถด้านการวิเคราะห์และการหาจุดเหมาะสมที่สุด (optimization) ของแซส ได้นำเสนอโซลูชั่นที่เป็นที่ต้องการอย่างมากและสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในทั้งสองกรณีได้”

นอกจากนี้ บริษัท แซส ยังมีแผนขยายความสามารถของตนเข้าสู่แวดวงนักโฆษณาและเอเจนซีต่างๆ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถทำการตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลยิ่งขึ้นว่าต้องโฆษณาที่ใด และสามารถปรับใช้งบประมาณได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในระดับสูงสุด

การเข้าซื้อกิจการของบริษัท ไอแมทช์ ทำให้บริษัท แซส ซึ่งล่าสุดติดอันดับในกลุ่มผู้นำแมจิกควอ แดรนท์ของบริษัท การ์ทเนอร์ อิงค์. ด้านการจัดการด้านการตลาดอย่างครบวงจร (Magic Quadrant for Integrated Marketing Management ) และได้รับรางวัลแพลตฟอร์มการบริหารแคมเปญการตลาดแบบหลายช่องทางจากฟอเรสเตอร์ เวฟ ( The Forrester Wave™:Cross-Channel Campaign Management Platforms ) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 มีความโดดเด่นในด้านแพลตฟอร์มการตลาดแบบหลายช่องทางที่ครบวงจร พร้อมด้วยความสามารถด้านการจัดการและระบบการโฆษณาอัจฉริยะ โดยขีดความสามารถที่เพิ่มเข้ามาใหม่นี้จะช่วยเสริมโซลูชั่นที่มีอยู่ในชุดโปรแกรม SAS® Customer Intelligence (ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอัจฉริยะ) ให้สมบูรณ์ และสามารถเน้นแก้ไขปัญหาสำคัญด้านการตลาดได้โดยเฉพาะอีกด้วย

View :1494