Archive

Archive for the ‘Science’ Category

สนช. ตอกย้ำศักยภาพไทยเป็นครัวโลก จัดประชุมนานาชาติด้านนวัตกรรมอาหารโชว์เทรนด์นวัตกรรมอาหารในอนาคต

August 6th, 2011 No comments

ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น แนวโน้มการผลิตและบริโภคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจึงเพิ่มขึ้นตามมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ถือแนวคิดที่ว่า “การป้องกันดีกว่าการรักษา” อาหารจึงไม่เป็นเพียงปัจจัยในการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารจึงจำเป็นต้องมีการแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ และนำมาผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง รวมไปถึงการใช้ความได้เปรียบของสภาพแวดล้อมของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เพื่อสร้างผลผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลก

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. จึงได้จัดงานประชุมสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติเกี่ยวกับอาหารในโลกอนาคตขึ้น ภายใต้ชื่องาน “InnovAsia 2011: Food in the Future (FIF2011)” ระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2554 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และต่อยอดความคิดให้ผู้ประกอบการและบุคคลากรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร อันจะนำไปสู่การวิจัย และการขยายตัวทางธุรกิจต่อไปในอนาคต

นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. เปิดเผยว่า “สนช.ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมอาหารอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย จึงได้ริเริ่มการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติเกี่ยวกับอาหารในโลกอนาคต หรือ InnovAsia 2011: Food in the Future (FIF2011) ขึ้น โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารที่อยู่ในกระแสความสนใจของผู้บริโภค 4 ด้านทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ อาหารเพื่อบำรุงสมอง (Food for Brain) อาหารเพื่อความสวยงามและต้านความชรา (Food for Beauty & Anti-Aging) อาหารเพื่อการควบคุมน้ำหนัก (Food for Weight Management) และอาหารเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน (Food for Well-Being) นอกจากนี้ ยังมีการเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองด้านการตลาด และกฎเกณฑ์และข้อบังคับ

การจัดงานครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ การประชุมสัมมนา ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในเอเชีย และยุโรป รวม 25 ท่าน สำหรับส่วนนิทรรศการ จะเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอาหารของผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศนอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงโปสเตอร์ผลงานวิจัยและพัฒนาที่สามารถนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เด่นที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพ ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์สารให้พลังงานของสิ่งมีชีวิต อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคในวัยชราได้เป็นอย่างดี โยเกิร์ตสำหรับควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตนั้นสามารถคงอยู่ได้ในสภาวะที่เป็นกรดของระบบย่อยอาหาร จึงช่วยคงคุณสมบัติทางด้านโพรไบโอติกของจุลินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก ที่มีสารกลาบริดินสูงมากกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดอื่น และมีคุณสมบัติเด่นด้านต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเกิดเมลานิน รวมทั้งสามารถลดปริมาณไขมัน สารสกัดเซราไมด์จากสับปะรดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อความงาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นเซราไมด์ชนิดแรกที่สกัดได้จากผลไม้ โดยมีคุณสมบัติเด่นทางด้านสร้างความกระจ่างใสให้เซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และคุณสมบัติต้านการอักเสบ และผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่มสำหรับลดความดันโลหิตและลดคลอเรสเตอรอล

สนใจเข้าร่วมฟังการประชุมสัมมนาสามารถลงทะเบียนได้ที่ www..or.th/fif2011 หรือสอบถามที่ 02-644-6000 ต่อ 113 (ปณิศรา) หรือ panizara@.or.th

View :1945

อสมท.จัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon 2011

August 3rd, 2011 No comments

ร่วมเชียร์เด็กไทย ชิงชัยกับ 17 ประเทศ 28 สค.นี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี
หลังจากจัดแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ชิงชนะเลิศประเทศไทย ประจำปี 2554 เพื่อคัดเลือกทีมตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest กับประเทศต่างๆ ซึ่ง จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ประเทศไทยได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์เป็นกำลังใจให้กับ สองทีมตัวแทนตัวประเทศไทย ได้แก่ “ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทย และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย เพื่อคว้าแชมป์ในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ครั้งที่ 10 ในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี พร้อมชมถ่ายทอดสด ตั้งแต่เวลา14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์

นายพรชัย ปิยะเกศิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี หนึ่งในสมาชิกสหภาพวิทยุและโทรทัศน์แห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Broadcasting Union – ABU) และเป็นตัวแทนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ในการหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Asia-Pacific Robot Contest หรือ ABU Robocon และส่งทีมตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

“การแข่งขันหุ่นยนต์ ถือเป็นวิทยาการขั้นสูงของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ สอดคล้องกับบทบาทของอสมท ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านการสื่อสารที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมการแข่งขันหุ่นยนต์ ABU Robocon จึงเป็นกิจกรรมหลักของบริษัท ในการขับเคลื่อนโครงการซีเอสอาร์ ตอกย้ำภาพลักษณ์ “สังคมอุดมปัญญา” ของ อสมท ให้เด่นชัดมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมภาพลักษณ์องค์กร ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม สร้างภาพลักษณ์องค์กรทันสมัยได้อีกทาง”

สำหรับการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 หรือ ABU Robocon 2011 ในโอกาสครบรอบปีที่ 10 ของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จึงได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงาม บางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ซึ่งเป็นหัวใจของเกมการแข่งขันนี้

โดยปีนี้มีทีมเยาวชนตัวแทนจาก 18 ประเทศ ได้แก่ บรูไน จีน อียิปต์ ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล รัสเซีย ศรีลังกา ตุรกี เวียดนามและไทย สำหรับประเทศลาว และรัสเซีย เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้เป็นครั้งแรก เตรียมเดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งแต่ละประเทศสามารถส่งทีมตัวแทนได้ประเทศละ 1 ทีม ส่วนประเทศเจ้าภาพ ส่งได้ 2 ทีม รวมทั้งหมด 19 ทีม แต่ละทีมจะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกันเท่านั้น ทีมเยาวชนตัวแทนประเทศไทย มี 2 ทีม ได้แก่ ทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา The Limited” จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 3 ประกอบด้วย นายน้ำเพชร สุขเกษม ,นายสุปรีชา เหมยเป็ง,นายจักรพงศ์ เพ็งแจ่มแจ้ง และดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และ “ทีมซุ้มกอ” จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร รองแชมป์ประเทศไทย ประกอบด้วย นายประเสริฐ สะมะถะเขตการณ์ ,นายนคร คุยศรี ,นายวุฒิชัย ทิศกระโทก และ อ.บัณฑิต ออกแมน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ประธานคณะทำงานฝ่ายจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia – Pacific Robot Contest 2011 กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม ทีมตัวแทนประเทศไทยทั้ง 2 ทีมได้จัดสร้างหุ่นยนต์ สำหรับการแข่งขันขึ้นใหม่ทีมละ 3 ตัวโดยได้รับการสนับสนุนจาก อสมท ทีมละ 500,000 บาท พร้อมส่งมอบให้กับคณะกรรมการจัดการแข่งขันพร้อมกับทุกประเทศแล้วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมในโค้งสุดท้ายเพื่อชิงแชมป์ระดับนานาชาติในการแข่งขันที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้

นอกจากนี้ทั้ง 2 ทีมยังได้เปิดเผยด้วยว่า ในการจัดสร้างหุ่นยนต์เพื่อใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ยังได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ดังกล่าวด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชรได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้เกิดการพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความสามารถได้ไม่แพ้กับหุ่นยนต์ของประเทศคู่แข่งที่สำคัญอย่างจีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องสถิติการทำเวลา ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เปิดเผยว่า สามารถทำสถิติได้เร็วที่สุด 45 -50 วินาทีในหนึ่งเกมส์การแข่งขัน

“เพื่อเป็นกำลังให้กับตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Asia-Pacific Robot Contest 2011 , Bangkok ทั้งสองทีม อสมท ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์ทีมไทยให้สามารถคว้าแชมป์นานาชาติในครั้งนี้ภายในงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมศกนี้ ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พร้อมชมการถ่ายทอดสดได้ตั้งแต่เวลา 14.15 – 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ติดตามรายละเอียดการแข่งขันได้ทาง www. aburobocon2011.com” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวในที่สุด
————————————————————

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ หรือ ABU Asia-Pacific Robot Contest (ABU Robocon) เริ่มเมื่อปีพ.ศ. 2543(ค.ศ.2000) โดยประเทศสมาชิก ABU (The Asia-Pacific Broadcasting Union) มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ที่ประดิษฐ์โดย นักศึกษาของภูมิภาค ในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อพัฒนาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์ และ การพัฒนาทักษะในการประดิษฐ์นวัตกรรมของเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจได้อย่างทัดเทียมกัน ควบคู่ไปกับการเชื่อมความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน

การแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ABU Robocon เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปี คือ ประเทศไทย (2546/2003) เกาหลี (2547/2004) จีน (2548/2005) มาเลเซีย (2549/2006) เวียดนาม (2550/2007) อินเดีย (2551/2008) ญี่ปุ่น (2552/2009) และอียิปต์ (2553/2010)

ปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) เป็นปีที่ครบรอบทศวรรษของการแข่งขัน ประเทศไทยได้รับเกียรติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งในปีนี้ได้นำเอา ประเพณีลอยกระทง จากโบราณประเพณีอันงดงามบางส่วนได้ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือหุ่นยนต์ ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “จุดประกายแห่งความสุขด้วยมิตรภาพ (Lighting Happiness with Friendship) ผู้ใดเอาชนะใจตนเอง และเอาชนะใจผู้อื่นได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล นั่นคือหัวใจของเกมการแข่งขันนี้ โดยจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

สำหรับทีมที่เข้าแข่งขันนั้น แต่ละประเทศ ส่งตัวแทนได้ ประเทศละ 1 ทีม ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ส่งได้ 2ทีม โดยแต่ละทีม จะประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ทั้งหมดต้องอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา/อาชีวศึกษาเดียวกัน เท่านั้น ทีมเข้าแข่งขันแต่ละทีมสร้างหุ่นยนต์ทั้งหมดไม่เกิน 3 ตัว ประกอบด้วย หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) และ หุ่นยนต์อัตโนมัติ 1 หรือ 2 ตัว (Automatic Robots) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ (Manual Robot) ต้องทำภารกิจแรกให้สำเร็จด้วยการหยิบกระถางธูป จำนวน 3 กระถาง นำไปวางไว้บนเสา ก่อนการทำภารกิจอื่นๆ หลังจากนั้นหุ่นยนต์บังคับด้วยมือ นำฐานต้นเทียน ไปวาง ณ จุดตกแต่ง (Decoration Point) หุ่นยนต์บังคับด้วยมือนำธูปเตรียมไปใช้ในการประกอบกระทง

หุ่นยนต์อัตโนมัติ นำกลีบกระทง และดอกไม้ ทำการประกอบกระทง ภายหลังจากที่ ทำภารกิจนี้เสร็จ หุ่นยนต์บังคับด้วยมือ จึงจะสามารถนำ ไปเสียบลงไปในกระทง หลังจากนั้น หุ่นยนต์อัตโนมัติ ยกกระทงที่ประกอบเสร็จ นำไปปล่อยลงใน ในฝั่งของตนเอง โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ

ท้ายสุด หุ่นยนต์อัตโนมัติ เพียง 1 ตัว จะนำเปลวเทียน ไปปล่อยเพื่อสวมลงบนต้นเทียนบนกระทง ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ (River Surface) โดยห้ามมิให้ชิ้นส่วนใดๆของหุ่นยนต์ทุกตัวสัมผัสกับแม่น้ำ และกระทง ที่ประกอบเสร็จแล้ว ทีมใดที่สามารถปล่อยเปลวเทียน ลงบนต้นเทียน ได้สำเร็จก่อน ทีมนั้นเป็น ฝ่ายชนะ”การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ สีแดง และ สีน้ำเงิน การแข่งขันจะใช้เวลาทั้งหมด 3 นาที

View :1734

อพวช. เปิดฉากมหกรรมวิทย์ 54 จุดประกายความคิดผ่านสื่อมัลติมีเดีย

August 3rd, 2011 No comments

เตรียมพบกับปรากฏการณ์ตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์อีกครั้งในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ปี 2554 ที่นำทัพนิทรรศการเสมือนจริงในรูปแบบ 4 มิติ มาช่วยจุดประกายความคิดด้วยวิทยาศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ โดยในปีนี้มหกรรมวิทย์ฯ จะได้ร่วมเฉลิมฉลองปีเคมีสากล และปีป่าไม้สากล ไปพร้อมกับเทคโนโลยีมัลติมีเดียที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้กับเยาวชน

(อพวช.) ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน เตรียมพร้อมเนรมิตพื้นที่กว่า 42,000 ตารางเมตร ของศูนย์ประชุมและนิทรรศการไบเทค บางนา ให้เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ที่สามารถรองรับผู้เข้าชมงานจากทั่วประเทศ เนื่องจากในแต่ละปีมีเยาวชนให้ความสนใจเดินทางเข้าชมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องขยายการจัดงานให้ยาวถึง 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-21 สิงหาคมนี้

ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการ อพวช. บอกว่า งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวติด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์” โดยยังคงนำเสนอเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งต่างจากนิทรรศการทั่วไป

การจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองปีเคมีสากล และปีป่าไม้สากล โดยผู้จัดงานได้นำเทคโนโลยีมัลติมีเดีย รูปแบบใหม่ เขามาสร้างประสบการณ์เรียนรู้ให้กับเยาวชนผ่านสื่ออินเตอร์แอคทีฟ นิทรรศการและภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติ และ 4 มิติ ที่จะช่วยให้การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ

นิทรรศการหลักภายในงานมหากรรมวิทยาศาสตร์แห่งชาติปีนี้ ยังคงเน้นไปที่นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ที่นำเสนอพระวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ที่ทรงวางรากฐานการพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทย และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ที่ทรงพระราชทานหลักคิดสู่ปฏิบัติ พัฒนาประเทศบนวิถีพอเพียง รวมถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็ดพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและพระบรมศานุวงศ์

ตลอดจนนิทรรศการที่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ในส่วนของนิทรรศการหลัก กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ซึ่งกำลังได้รับความสนใจ ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้ได้จำลอง “ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์” เพื่อให้เยาวชนได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง ร่วมสำรวจขั้วโลก และไขความลับบรรยากาศโลกในช่วงร้อยล้านปีที่ผ่านมา พร้อมปิดฉากด้วยภาพยนตร์ 4 มิติ ที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

การทดลองมหัศจรรย์แห่งเคมี และเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกเป็นอีกนิทรรศการที่น่าสนใจ ไม่แพ้นิทรรศการเรียนรู้คุณค่าของน้ำแห่งชีวิต ผ่านม่านน้ำขนาดใหญ่ และมัลติเธียเตอร์ ก่อนจะปิดท้ายที่กับนิทรรศการเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ และคนพิการ ภายในบ้านแห่งความเท่าเทียม ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความประทับใจ และจุดประกายการเรียนรู้ให้กับเยาวชนได้ไม่แพ้นิทรรศการในครั้งที่ผ่านๆ มา

นอกจากนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับความร่วมมือจาก 100 หน่วงงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมจัดแสดงความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในงาน อาทิ การแสดงหุ่นขี้ผึ้งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จาก มาดามทรูโซ ห้องเรียนทดลองวิทย์จากประเทศญี่ปุ่น บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยจากเยอรมนี เป็นต้น

ผู้อำนวยการ อพวช. กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน ไม่ต่ำกว่า 1,200,000 ล้านคน ใน 16 วัน ซึ่งปัจจุบันมียอดจองขอเข้าชมงานเป็นหมู่คณะแล้วไม่ต่ำกว่า 500,000 คน งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติในปีนี้ เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. ของวันที่ 6-21 สิงหาคมนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นวันที่ 9 สิงหาคม) วันเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเสด็จเป็นประธานในพิธี

View :1924

“งานประชุมสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติด้านอาหารในโลกอนาคต InnovAsia 2011: Food in the Future (FIF2011)”

July 28th, 2011 No comments

จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

แนวโน้ม/ทิศทางนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของโลก

ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มตื่นตัวและได้หันกลับมาใส่ใจกับการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น แนวโน้มการผลิตและบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพจึงเพิ่มขึ้นตามมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ถือแนวคิดที่ว่า “การป้องกันดีกว่าการรักษา” อาหารจึงไม่เป็นเพียงปัจจัยในการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต
ดังนั้น แนวโน้มของการพัฒนาอาหารของโลกในปัจจุบันและอนาคตจึงมีทิศทางไปยังการพัฒนานวัตกรรมอาหารในกลุ่มอาหารเสริมสุขภาพในรูปของอาหารฟังก์ชั่นและผลิตภัณฑ์นิวตราซูติคอล (functional food and nutraceutical) เป็นหลัก

ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพของโลกโดยรวมภายในปี 2553 จะมีมูลค่าประมาณ 167,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีญี่ปุ่นและประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปเป็นตลาดหลักของผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ นอกจากนี้ จากการศึกษาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงระเบียบกฎเกณฑ์ ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของประชากร และการศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะ 5 ปีข้างหน้า คือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพเฉพาะด้าน (specialty supplements) ซึ่งประกอบด้วย 4 ด้าน ดังนี้

1. อาหารเพื่อบำรุงสมอง (food for brain)
เป็นอาหารที่มีสารอาหารสำหรับบำรุงสมองที่ได้จากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีหน้าที่นำไปใช้ในการซ่อมแซมหรือทำให้การทำงานและสุขภาพของสมองเจริญเติบโตแข็งแรง สามารถทำงานตามหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารอาหารบำรุงสมองที่เป็นที่รู้จักกันดีเช่น โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมองและระบบประสาทเกี่ยวกับการพัฒนาเรียนรู้ รวมทั้งเกี่ยวกับเรตินาในการมองเห็น โคลีนมีบทบาทสำคัญเรื่องการแก้ปัญหาทางด้านความจำ หลงลืม เศร้าหมอง ขาดสมาธิและจิตใจหดหู่ และวิตามินบี เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
2. อาหารเพื่อการควบคุมน้ำหนัก (food for weight management)
เป็นอาหารที่มีส่วนผสมสารอาหารในกลุ่มควบคุมปริมาณอาหารและลดไขมัน เช่น สารสกัดจากผลส้มแขก ซึ่งมีผลต่อการลดความอยากอาหารและลดปริมาณการรับประทานอาหารอย่างได้ผล สารอาหารในกลุ่มเพิ่มการเผาผลาญไขมัน เช่น แอล-คาร์นิที ซึ่งมีฤทธิ์เป็นตัวนำพาไขมันที่สะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายออกมาเผาผลาญให้เป็นพลังงาน และกลุ่มกำจัดไขมันออกจากร่างกายได้แก่ ไคโตซาน โดยหน้าที่เหมือนฟองน้ำ เพื่อดูดซับไขมันในกระเพาะอาหารไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
3. อาหารเพื่อความสวยงาม (food for beauty & anti-aging)
เป็นอาหารที่มีการใช้สารสกัดจากพืชผักและผลไม้มาเป็นส่วนผสมซึ่งสามารถซ่อมแซม บำรุงโครงสร้างผิว และป้องกันการทำลายผิวจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังรักษาสมดุลของร่างกาย ตั้งแต่ฮอร์โมน สารอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระ และระบบชีวเคมี ในร่างกายให้สมดุลกัน เพื่อให้สวยจากภายไม่ใช่แค่ความสวยงามภายนอกเท่านั้น เช่น คอลลาเจนซึ่งเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ และโคเอนไซม์คิวเท็นที่มีหน้าที่ช่วยป้องกันการทำงานเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ และป้องกันการทำงานเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน
4. อาหารเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน (food for well-being)
เป็นอาหารที่ประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่มีส่วนช่วยสำหรับการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค เพิ่มศักยภาพให้กับระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้ออักเสบ ความเสื่อมของกระดูก และจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น ซึ่งมีผลให้สุขภาพโดยรวมมีความแข็งแรงมากขึ้น ต้านทานต่อโรคและความเสี่ยงต่างๆที่เข้ามาสู่ร่างกายของมนุษย์ เช่น กลูโคซามีน ซึ่งเป็นสารสกัดจากเปลือกกุ้งและปูที่มีฤทธิ์ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อนและน้ำเลี้ยงไขข้อที่สูญเสียไปในผู้สูงวัย หรือลูทีนซึ่งเป็นสารอาหารที่มีความ สำคัญในการปกป้องจอประสาทตา โดยลูทีนจะทำงานร่วมกันกับกรดไขมันดีเอชเอซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านการมองเห็นของเด็ก

กิจกรรมภายในงาน

1. การจัดประชุม/สัมมนา
- “มุมมองการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมของโลกในศตวรรษที่ 21” โดย Dr. Ad Juriaanse ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์วิจัยอาหาร NIZO food research BV ประเทศเนเธอร์แลนด์
- “การประยุกต์เทคโนโลยีและงานวิจัยอาหารฟังก์ชั่นและส่วนประกอบของอาหารที่ประสบความสำเร็จ” โดย Dr. Meike te Giffel ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอาหาร NIZO food research BV ประเทศเนเธอร์แลนด์
- “เกณฑ์การกล่าวอ้างทางสุขภาพของยุโรปที่มีการปรับปรุงล่าสุด” โดย Prof. Dr. Alfred Hagen Meyer จาก meyer // meisterernst rechtsanwälte สหพันธรัฐเยอรมนี
- “สาร Glavonoid ในชะเอมที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด” โดย Dr. Kaku Nakagawa ผู้จัดการอาวุโสจากทีมวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญา บริษัท Kaneka Corporation ประเทศญี่ปุ่น
- “สาระสำคัญในสารสกัดจากไก่ที่มีผลต่อการทำงานของสมอง” โดย Dr. Keiichi Abe รองประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนาจากบริษัท เซเรบอส แปซิฟิค จำกัด (บริษัทผู้ผลิตซุปไก่สกัดแบรนด์)
- กระแสและแนวโน้มของผู้บริโภคของอาหารและอาหารเสริมประเภทต่างๆ โดย คุณวฤตดา วรอาคม ผู้อำนวยการแผนกคอนซูเมอร์อินไซต์ บริษัท McCann Worldgroup ประเทศไทย
- คอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อที่ให้ผลในการชะลอริ้วรอย โดย ดร. สิทธิศักดิ์ เหมืองสิน กรรมการผู้จัดการจากบริษัท ภูเก็ตเป๋าฮื้อฟาร์ม จำกัด

2. นิทรรศการ – แสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมนำเสนอตัวอย่างงานวิจัยที่สามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เด่น ได้แก่

2.1 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพ QH
“ยูบิควินอล (ubiquinol) หรือ QH” เป็นสารโคเอนไซม์คิวเท็น (coenzyme Q10) ที่มีโครงสร้างทางเคมีในรูปของรีดิวซ์ฟอร์ม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์สารให้พลังงานของสิ่งมีชีวิต (ATP synthesis) อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) อย่างไรก็ดี เนื่องจาก QH เป็นสารที่มีความเสถียรต่ำ ดังนั้น การผลิตสารโคเอนไซม์คิวเท็นในระดับอุตสาหกรรมจึงได้มุ่งผลิตสารโคเอนไซม์คิวเท็นที่มีโครงสร้างทางเคมีในรูปของออกซิไดซ์ฟอร์ม (ubiquinone) ซึ่งมีความเสถียรสูง อนึ่ง ร่างกายจะนำสารโคเอนไซม์คิวเท็นที่ได้รับนี้ไปเปลี่ยนให้เป็น QH และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ความสามารถของร่างกายในการเปลี่ยนโคคิวเท็นให้กลายเป็น “QH” ก็จะได้ด้อยประสิทธิภาพลง ส่งผลให้ร่างกายขาดสาร QH และนำมาซึ่งสภาวะเสื่อมถอยของร่างกาย ดังนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพ QH นี้ ก็จะช่วยลดปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคในวัยชราได้เป็นอย่างดี

**Source: Kaneka Corporation, Japan

2.2 โยเกิร์ตสำหรับควบคุมน้ำหนักด้วย Plant-Derived LAB
โยเกิร์ตโดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการนมมาผ่านกระบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์ชนิดผลิตกรดแล็กติกที่สกัดได้จากสัตว์ (animal-derived lactic acid bacteria; animal-derived LAB) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้มักจะไม่สามารถคงอยู่ได้ในสภาวะที่เป็นกรดของระบบย่อยอาหาร ในขณะที่จุลินทรีย์ชนิดผลิตกรดแล็กติกจากพืช (plant-derived lactic acid bacteria; plant-derived LAB) นั้นจะมีความสามารถคงอยู่ได้ในสภาวะที่เป็นกรดของระบบย่อยอาหาร ดังนั้น เพื่อให้คงคุณสมบัติทางด้านโพรไบโอติกของจุลินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร จึงได้มีการนำ plant-derived LAB มาใช้ในการผลิตโยเกิร์ต

นอกจากนี้ plant-derived LAB บางสายพันธุ์ยังมีคุณสมบัติเด่นในด้านอื่นด้วย โดยเฉพาะด้านระบบภูมิคุ้มกันโรคในระบบย่อยอาหาร หรือแม้กระทั่งการควบคุมน้ำหนัก โดยได้มีการนำ plant-derived LAB สายพันธุ์ L.plantarum LP28 ที่มีคุณสมบัติเด่นด้านการยับยั้งการเพิ่มขึ้นของปริมาณไขมันในลำไส้และตับ รวมทั้งยังสามารถลดการสั่งการของยีนในกระบวนการสังเคราะห์ไขมัน มาใช้ในการผลิตโยเกิร์ตสำหรับควบคุมน้ำหนัก

รูปภาพแสดงคุณสมบัติในการลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ในตับหนู ของจุลินทรีย์ชนิดผลิตกรดแล็กติก
จากพืช (LP28) เปรียบเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดผลิตกรดแล็กติกจากพืชชนิดอื่น (SN13T)

**Source: Center for Collaborative Research & Community Corporation, Hiroshima University, Japan

2.3 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก Glavonoid
กลาโวนอยด์ (Glavonoid) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ประกอบด้วยกลุ่มสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติ (bio-active compound) ที่สกัดได้จากรากของชะเอม (ricolice) สายพันธุ์ glabra spices ที่มีชนิดของสารกลุ่มพอลิฟีนอลสูงและมีจำนวนมากกว่า 80 ชนิด โดยเฉพาะสารกลาบริดิน (glabridin) ซึ่งพบได้เพียงในชะเอมพันธุ์ดังกล่าวเท่านั้น
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลาโวนอยด์ จะมีปริมาณสารพอลิฟีนอลที่สูงและมีการปนเปื้อนต่ำ เนื่องจากใช้กระบวนการสกัดด้วยไขมัน (lipid extraction) 2 ขั้นตอน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลาโวนอยด์มีสารกลาบริดินสูงมากกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดอื่นๆ นำมาซึ่งคุณสมบัติเด่นทางด้านต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) ต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) ต้านการเกิดเมลานิน (melanogenesis inhibition) รวมทั้งสามารถลดปริมาณไขมัน

**Source: Kaneka Corporation, Japan

http://www.swansonvitamins.com

2.4 สารสกัดเซราไมด์จากสับปะรดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อความงาม
เซราไมด์ (ceramide) เป็นโมเลกุลของไขมันชนิดหนึ่งที่พบมาในเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งเซราไมด์จะมีคุณสมบัติเหมือนกับสารปกป้องผิวตามธรรมชาติมากที่สุด (natural protection factor) ซึ่งจะช่วยปกป้องและรักษาผิวพรรณ ตลอดจนปรับสมดุลและคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ดังนั้น จึงได้มีการผลิตสารสกัดเซราไมด์ในระดับอุตสาหกรรมจากวัตถุดิบชนิดต่างๆ อาทิ ข้าว (rice-germ ceramide) บุก (konjak ceramide) และนม (milk ceramide) เป็นต้น

สารสกัดเซราไมด์จากสับปะรด (pineapple ceramide) ถือเป็นเซราไมด์ชนิดแรกที่สกัดได้จากผลไม้ โดยเซราไมด์จากสับปะรดนั้นจะมีคุณสมบัติเด่นทางด้านสร้างความกระจ่างใสให้เซลล์ผิว (skin lightening) ให้ความชุ่มชื้นให้แก่เซลล์ผิว (skin moisturizing) และคุณสมบัติด้านการอักเสบ (anti-inflammatory) อนึ่ง เซราไมด์จากสับปะรดนี้เป็นผลจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท ทิปโก้ ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) และ Maruzen Pharmaceuticals Co., Ltd ประเทศญี่ปุ่น โดยการสนับสนุนของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ทั้งนี้ สารสกัดเซราไมด์จากสับปะรดนี้จะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอนาคต โดยเฉพาะอาหารฟังก์ชัน และเครื่องดื่มฟังก์ชัน

**Source: Maruzen Pharmaceutical, Japan
2.5 ผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่มสำหรับลดความดันโลหิตและลดคลอเรสเตอรอล
ผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่มมีส่วนประกอบของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากเปบไทด์ในนม (bioactive milk peptide) ชนิดไตรเปบไทด์ที่มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต โดยจะไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ที่เป็นตัวควบคุมความดันโลหิต (angiotensin converting enzyme; ACE) และมีสารแพลน สเตรอล (plant sterol) ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากพืช ทำให้มีฤทธิ์ในการลดระดับคลอเรสเตอรอลได้อีกด้วย

View :6355
Categories: Press/Release, Science Tags: