Archive

Archive for July, 2010

เลอโนโว ผสานคุณสมบัติอัจฉริยะและรูปลักษณ์สวยหรู เผยโฉมผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากตระกูล Think เพื่อนคู่กายใหม่สำหรับธุรกิจ SMB

July 23rd, 2010 No comments


เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นแรก
โดดเด่นด้วยดีไซน์และประสิทธิภาพทรงพลัง ในราคาสุดเร้าใจ

เลอโนโว ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อป ThinkCentre เปิดตัว ‘ThinkCentre A70z’ เดสก์ท็อปพีซี ออล-อิน-วัน รุ่นแรกสู่ตลาดประเทศไทย เน้นตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกที่เหนือชั้นยิ่งกว่าเดสก์ท็อปตั้งโต๊ะแบบเดิมๆ สนนในราคาสุดเร้าใจที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ThinkCentre A70z มาพร้อมกับขุมพลังหน่วยประมวลผล Intel Core2Duo และ Enhanced Experience ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเลอโนโวเพื่อเสริมการทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งช่วยให้การบูตเครื่องใหม่หรือปิดเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้วยการออกแบบที่เน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ThinkCentre A70z สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังใช้เวลาในการติดตั้งเครื่องน้อยกว่าและช่วยประหยัดพลังงาน โดยกินไฟน้อยกว่าเดสก์ท็อปแบบธรรมดาทั่วไป ในขณะเดียวกัน เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นนี้ยังได้เพิ่มดีไซน์การออกแบบให้มีรูปลักษณ์สวยเด่นและสัมผัสที่โฉบเฉี่ยวลงตัวกับการใช้งานในออฟฟิศสมัยใหม่สไตล์โมเดิร์น

คุณขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้าน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย กล่าวว่า “ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ต้องการพีซีที่มีดีไซน์การออกแบบแบบมืออาชีพ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและมีความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังต้องประหยัดพลังงาน ประหยัดพื้นที่ สามารถติดตั้งได้แม้ในพื้นที่น้อยๆ และบำรุงรักษาง่าย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือราคาต้องไม่มากเกินงบประมาณที่จำกัด ผลิตภัณฑ์ใหม่จากตระกูล Think ไม่เพียงมีคุณสมบัติที่โดดเด่นก้าวล้ำเหนือความต้องการของธุรกิจ SMB ดังกล่าว แต่ยังนำเสนอการผสานรวมเทคโนโลยีทันสมัยและประสิทธิภาพทรงพลัง ในราคาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ThinkCentre A70z เป็นเลิศด้านการประหยัดพื้นที่ เวลา และค่าใช้จ่าย

ThinkCentre A70z มาพร้อมกับหน้าจอ LCD ที่มีอัตราส่วนการแสดงภาพ 16:10 กว้าง 19 นิ้ว ตัดกรอบสีดำขลับหนา 2.4 นิ้ว ลงตัวกับทุกบรรยากาศการใช้งานในออฟฟิศ เป็นเดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน ที่สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปแบบธรรมดาทั่วไป ทั้งยังสามารถติดตั้งเครื่องบนผนัง ตั้งบนฐานตั้ง หรือสามารถปรับระดับเอนพิงกับขาตั้งได้เช่นเดียวกับกรอบรูปตั้งโต๊ะ นอกจากนี้ ThinkCentre A70z ใช้สายเคเบิ้ลจ่ายไฟเพียงเส้นเดียว จึงช่วยขจัดปัญหาสายไฟรกรุงรัง พร้อมด้ามจับที่ด้านหลังหน้าจอเพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้าย

ThinkCentre A70z เป็นเดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน ที่สามารถตอบโจทย์ด้านการประหยัดพื้นที่ และมีประสิทธิภาพการทำงานทรงพลัง อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ ครบครัน ดังนี้

· สามารถเลือกหน่วยประมวลผลได้ ไม่ว่าจะเป็น Intel Core™ 2 Duo และ Celeron® Dual Core เพื่อการส่งมอบประสิทธิภาพได้อย่างตรงใจ

· เล่นเกมได้สะใจกับ DirectX 10 และแอพพลิเคชั่นสามมิติ 3D ระดับไฮเอนด์

· โปรแกรมเขียน/เล่นแผ่นดีวีดี, พอร์ต USB มากถึง 6 พอร์ต, ลำโพงคู่ หรือเลือกการเชื่อมต่อผ่าน WiFi

· เพื่อการสนทนาที่สมจริงสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกเพิ่มเว็บแคมความคมชัดสูงและแอพพลิเคชั่น Skype แบบติดตั้งภายในตัวเครื่อง สำหรับใช้บริการ VoIP การโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

· หน่วยความจำขนาดความจุมากถึง 500GB สำหรับเก็บรูปภาพ เพลง และไฟล์งานต่างๆ ได้อย่างจุใจ

เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นนี้สามารถช่วยประหยัดเวลาทำงานได้อย่างแท้จริง ด้วยขั้นตอนการติดตั้งเครื่องได้อย่างง่ายดาย บูตเปิดเครื่องได้รวดเร็วภายใน 35 วินาที ร่นระยะเวลาในการปิดเครื่องได้เร็วยิ่งขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ พร้อมฮาร์ดไดร์ฟที่สามารถเข้าถึงและดูแลรักษาง่ายดาย เพราะเลอโนโวตระหนักดีว่าสำหรับธุรกิจนั้น เวลามีค่ายิ่งนักหรือที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง”

ThinkCentre A70z มาพร้อมกับเทคโนโลยี ThinkVantage Technologies (TVTs) ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน ด้วยระบบการจัดการพลังงาน (Power Manager) ช่วยให้องค์กรประหยัดการใช้พลังงานโดยสามารถควบคุมพลังงานจากระบบทางไกลและสามารถตั้งค่าระบบได้พร้อมกัน อีกทั้งเดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน รุ่นนี้ยังได้รับการจัดอันดับมาตรฐานการประหยัดพลังงาน Energy Star 5.0 และสามารถประหยัดการใช้พลังงานมากขึ้นด้วยระบบ Power Manager ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 65 เหรียญสหรัฐต่อปี เมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปและจอภาพรุ่นก่อนหน้าของเลอโนโว นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ ThinkCentre A70z จะใช้ถุงกันกระแทกรีไซเคิล บรรจุภายในกล่องเดียว (ทดแทนแบบเดิมที่บรรจุแยก 2 กล่อง) สามารถช่วยลดการใช้วัสดุซึ่งเทียบเท่ากับถ้วยกระดาษจำนวน 250 ใบและถุงพลาสติกจำนวน 139 ใบ

นิ้ว ประสิทธิภาพไร้ขีดจำกัด กับหน้าจอใหญ่ยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ เลอโนโวยังเปิดตัว ‘ThinkPad Edge 14 นิ้ว’ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ThinkPad Edge ที่ถูกออกแบบเฉพาะเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB)

ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องดำเนินกิจการอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งการเลือกใช้พีซีเทคโนโลยียังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ขององค์กรนั้นๆ เลอโนโวจึงได้ออกแบบโน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ให้มีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่โดดเด่นสะุดุดตา อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพทรงพลัง น่าเชื่อถือ และผนวกรวมหลากหลายเทคโนโลยีล่าสุด ดังนี้

· ขุมพลังประสิทธิภาพยอดเยี่ยม โดยสามารถเลือกหน่วยประมวลผล AMD Turion and Athlon Neo Dual Core Processors หรือ Intel® Core™ i5 processor and Intel® Core™ i3 processor

· ยกระดับการใช้งานที่เหนือกว่าด้วยโปรแกรม Lenovo Enhance Experience เพื่อเสริมการทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows 7

· แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 8 ชั่วโมง

· รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น WiFi, บลูทูธ, 3G และ WiMAX

· รองรับการสื่อสาร VoIP ผ่าน Skype พร้อมลำโพงที่ให้เสียงคมชัด, กล้องความละเอียดสูงทีสามารถใช้ได้แม้ในที่ที่มีแสงน้อย รวมถึงปุ่มปิดเสียงไมโครโฟนและกล้อง

· มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: โน้ตบุ๊คได้รับการจัดอันดับระดับ “Gold” จาก Electronic Product Environment Assessment Tool (EPEAT) และผ่านการรับรองมาตรฐาน Energy Star 5.0 ไม่เพียงเท่านั้น บรรจุภัณฑ์ของโน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge ยังไม่ใช้โฟมเป็นส่วนประกอบ แต่หากเลือกใช้วัสดุหลากหลายชนิดซึ่งมาจากวัสดุที่ผ่านการรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ อาทิเช่น เทอโมพลาสติก, อ้อย หรือข้าวฟ่าง

โน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge 14 นิ้ว สะท้อนรูปลักษณ์ใหม่ที่ล้ำสมัยและสวยโดดเด่นสะอาดตา ในขณะที่ยังคงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถืออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโน้ตบุ๊ค ThinkPad ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดป้องกันการซึมของน้ำและคุณสมบัติพิเศษของ ThinkVantage Technologies ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการดูแลรักษาอย่างระบบการป้องกันการกระแทก (Active Protection System) พร้อมระบบกู้และเรียกคืนไฟล์ (Rescue and Recovery)

· คีย์บอร์ดทันสมัยสมบูรณ์แบบ – แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดมีรูปลักษณ์น่าดึงดูดและสะอาดตา มาพร้อมปุ่มกดสีดำมาตรฐานและตัดปุ่มตัวเลขเพื่อช่วยให้มีรูปทรงดีไซน์ที่โมเดิร์นทันสมัย ปุ่มฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้รับการถูกออกแบบใหม่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าโปรแกรมมัลติมีเดียและฟังก์ชั่นต่างๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ ThinkPad Edge 14 นิ้ว จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดเรืองแสงที่สามารถมองเห็นได้แม้ในที่แสงน้อย ทั้งยังช่วยเพิ่มสัมผัสที่หรูหรายิ่งขึ้น

· ทัชแพ็ดที่กว้างมากขึ้น – ด้วยทัชแพ็ดแบบมัลติทัชขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเพื่อกด, ขยาย และเลื่อนดูได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

· เพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยหลากหลายสีสันที่เป็นตัวคุณ – โน้ตบุ๊ค ThinkPad Edge มีหลากสีสันให้เลือกใช้ ลงตัวสำหรับการใช้งานในทุกองค์กรธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสีดำมิดไนท์มันวาว, สีดำสนิท หรือสีแดงเพลิงสำหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่นสะดุดตา สวยสง่ายิ่งขึ้นด้วยสีเงินตัดขอบรอบตัวเครื่อง

คุณขจรเกียรติ กล่าวเสริมว่า “ThinkPad Edge 14 นิ้ว รวมประสิทธิภาพการใช้งานระดับสูงเข้ากับสไตล์การออกแบบที่สวยหรู ทั้งยังคงคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งทนทานและความน่าเชื่อถือของ ThinkPad ได้อย่างลงตัว ThinkPad Edge 14 นิ้ว จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง สามารถตอบโจทย์สารพันความต้องการของกลุ่มธุรกิจ SMB ได้เป็นอย่างดี”

บริการและสนับสนุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่องครบวงจร

เลอโนโวมอบโซลูชั่นการบริการสนับสนุนและช่วยเหลือแบบครบวงจรแก่ผู้ใช้ ThinkPad Edge ทั้งสำหรับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทั้งยังช่วยเสริมการป้องกันและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น บริการต่างๆ มีดังนี้

· ThinkPad Protection ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่อง ในกรณีที่โน้ตบุ๊คเกิดอุบัติเหตุหรือน้ำหกใส่เครื่อง

· Priority Support ให้บริการสนับสนุนทางเทคนิคทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

· Hard Disk Drive Retention การคืนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟในกรณีที่เกิดการชำรุดหรือเสียหาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บไว้กับตัวเองอย่างปลอดภัย

ราคาและการวางจำหน่าย

เดสก์ท็อป ออล-อิน-วัน ThinkCentre A70z และ ThinkPad Edge 14 นิ้ว มีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายเลอโนโวทั่วประเทศ และที่ www.lenovo.com/smb/th

View :1430

โค้งสุดท้ายของการประกวดนวัตกรรมโทรคมนาคมปี 53 ชิงเงินรางวัลกว่า 1.4 ล้านบาท

July 23rd, 2010 No comments

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาโทรคมนาคม กล่าวว่า การประกวดนวัตกรรมครั้งนี้ ถือเป็นปีที่สองในการดำเนินโครงการ ซึ่งเปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไปและทุกหน่วยงานที่ต้องการร่วมมือในการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยเติบโตในอนาคต และหากนับถอยหลังจากนี้ เหลือเวลาอีกเพียงไม่นานกับผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประกวดนวัตกรรมโทรคมนาคมในปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นแนวทางที่ ทริดี้ตั้งใจเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุปกรณ์โทรคมนาคมเพื่อการแข่งขันกับต่างประเทศซึ่งมีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทในแต่ละปี

ดังนั้นในปีนี้นอกจากจำนวนประเภทการประกวดที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 4 ประเภทแล้ว จำนวนเงินรางวัลก็มากขึ้นเป็น 1 ล้าน 4 แสนบาทอีกด้วย นับเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่วงการโทรคมนาคมไทยจะมีกิจกรรมดี ๆ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ที่จะช่วยต่อยอดผลักดันผลงานให้ประจักษ์ถึงคุณภาพ และศักยภาพของคนไทยอย่างจริงจัง

ผลงานที่ชนะการประกวด หรือที่เข้ารอบไม่เพียงแต่จะได้รางวัลเท่านั้น ทริดี้ยังให้การสนับสนุนต่อยอด เป็นตัวกลางประสานงานให้เกิดมูลค่าเชิงธุรกิจ และยังมุ่งสู่ตลาดเชิงพานิชย์ทั้งในและต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อการลดการนำเข้า เกิดการใช้สินค้าของคนไทยมากขึ้น

ดังนั้น ดร.สุพจน์ ฝากทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน และนักวิจัยในสาขาต่าง ๆ ส่งผลงานเข้าประกวดเพื่อเกิดการพัฒนา กระตุ้นให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมก้าวหน้าแบบยั่งยืน กำหนดปิดรับผลงานในวันที่ 31 กรกฏาคม 2553 นี้

View :1461

หนึ่งคลิ๊กของคุณมีความหมายดาวน์โหลด Internet Explorer 8 Web Slice ภายใต้โครงการ Turn Off The Heat, Turn On The Heart

July 23rd, 2010 No comments


วิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถช่วยสนับสนุนสภากาชาดไทย

ทุกวันนี้มีผู้มีจิตศรัทธาแสดงความจำนงบริจาคโลหิตเป็นจำนวนมาก แต่ข่าวสารการขอรับบริจาคก็ยังเข้าไม่ถึงกลุ่มคนในวงกว้าง สำหรับตัวเลขในปัจจุบันศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ต้องจัดหาโลหิตให้ได้วันละ 1,500 ยูนิต เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 42,000 ยูนิต จึงจะเพียงพอแจกจ่ายเพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้รับบริจาคโลหิตเพียงพอ หรือได้กรุ๊ปเลือดที่ตรงความต้องการ ทำให้หลายชีวิตได้รับผลกระทบร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยบุคคลเหล่านี้อาจเป็นญาติพี่น้อง หรือบุคคลอันเป็นที่รักของเราเอง ซึ่งปัจจัยหนึ่งคือเนื่องมาจากข้อมูลการขอรับบริจาคยังสื่อสารไม่ถึงผู้มีจิตอาสาที่ต้องการช่วยเหลือ

ด้วยตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่พุ่งทะยานสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 98 ปัจจุบันมีคนใช้อินเทอร์เน็ตในไทยกว่า 20 ล้านคน สภากาชาดไทยตระหนักในปัญหาและได้เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีว่าจะมีส่วนช่วยเชื่อมหน่วยงานรับบริจาคของสภากาชาดไทยที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศกับผู้มีจิตอาสาได้ทันท่วงที สื่อสารผ่านช่องทาง Web Slice บน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่มีกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง อย่างบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ เอ็มเอสเอ็น (ประเทศไทย) ริเริ่มโครงการ , ขึ้น โดยมี Web Slice บน เป็นเครื่องมือช่วยเผยแพร่เว็บไซต์ หน่วยงานสภากาชาดไทย และข้อมูลสุขภาพที่มีประโยชน์ ให้เข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ทที่กำลังมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นตลอดเวลา

View :1472

รมว.ไอซีที แถลงผลงาน 30 วันหลังเข้ารับตำแหน่ง

July 23rd, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แถลงนโยบายความคืบหน้าในการดำเนินงานภายหลังเข้ารับ ตำแหน่งครบ 30 วัน ว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้ดำเนินงานในโครงการ และกิจกรรมต่างๆ หลายโครงการซึ่งแต่ละโครงการมีความคืบหน้าดังนี้ โครงการถนนไร้สาย จะมีการเสนอร่างโครงการฯ ให้คณะกรรมการนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้ พิจารณาเพื่อรับเป็นนโยบายของรัฐบาล ภายในเดือนสิงหาคมนี้

ซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาแล้วจะเป็นหน้าที่ของ 2 หน่วยงาน คือ บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคม ร่วมกันดำเนินการ รวมทั้งจะมีการบูรณาการวางแผนงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ หรือ กทช. และจะมีการร่างข้อตกลงร่วมกับกทช.เพื่อทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการและประกาศ เป็นวาระสำคัญต่อสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี และมีราคาค่าบริการที่ความเร็ว 2 เมกะบิตต่อวินาทีในเบื้องต้นประมาณไม่เกิน 150 บาทต่อเดือน

ส่วนงบประมาณการดำเนินงานนั้นของ ทีโอที คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ขณะที่ กสทฯ นั้นจะเป็นการขยายการดำเนินงานจากโครงการ CDMA ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว 817 ล้านบาท และเตรียมจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอีก 3,800 ล้านบาท

โครงการที่สองเป็น โครงการถวายพระพรออนไลน์เพื่อประสานทุกองคาพยพถวายความจงรักภักดีเนื่องใน วโรกาส 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม อันเป็นกิจกรรมเทิดพระเกียรติเพื่อความปรองดองและประสานสามัคคี ซึ่งจะเริ่มดำเนินการที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ระหว่าง 5-12 สิงหาคม 2553 โดยมีศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดงานในวันที่ 5 สิงหาคม 2553 และในวันที่ 11 สิงหาคม 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มถวายพระพรออนไลน์พร้อมทั้งเชิญคณะ รัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย และกระทรวงฯ จะได้ประสานงานกับหน่วยงานในท้องถิ่นทั่วประเทศเพื่อเปิดช่องทางให้ประชาชน ทั่วประเทศได้เข้าร่วมในกิจกรรมถวายพระพรออนไลน์เนื่องในวโรกาส 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม

โครงการที่สามเป็นการ จัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นองค์การมหาชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 และสำนักงาน ก.พ.ร.จะประชุมหารือในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ โดยกระทรวงฯ จะพยายามผลักดันให้สามารถประกาศกฎหมายจัดตั้งในราชกิจจานุเบกษาภายใน 2 เดือน หรือแล้วเสร็จประมาณเดือน ส.ค.2553 และใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท “ส่วน

โครงการที่สี่ เป็นความคืบหน้าในการดำเนินโครงการสนธิกำลังร่วม 3 กระทรวงเพื่อปกป้องเทิดทูนสถาบัน สังคม และประชาชนจากผลกระทบของสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ไม่เหมาะสม และผิดกฎหมาย โดยได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล 1,308 URL เว็บลามกอนาจาร 977 URL และเว็บยาเสพติด 392 URL ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทาง อินเตอร์เน็ต หรือ ISOC นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานป้องกันและ ปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยจะมีการเพิ่มอัตรากำลังจาก 22 อัตราเป็น 57 อัตราเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้เพิ่มขึ้น” นายจุติ กล่าว

โครงการต่อมา คือ ไซเบอร์ สเกาท์ เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อลดช่องว่าง เปิดโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับเยาวชน ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตในการศึกษาค้นคว้าหา ข้อมูลความรู้ในการเรียน อันจะเป็นการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับสังคมได้เพิ่มมากขึ้นด้วย และในปีงบประมาณ 2554 กระทรวงฯ จะจัดสรรงบประมาณจัดการอบรมผู้ฝึกสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพในการเรียนรู้และเนื้อหาสาระของโครงการฯ ให้เป็นมาตรฐานสากลหรือ IC 3 รวมทั้งอบรมผู้อำนวยการโครงการฯ เพื่อให้เยาวชนที่ร่วมโครงการฯ รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์

นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังจะได้ลงนามความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่มีมาตรฐานสากลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบุคลากร ด้านไอซีทีของประเทศในระยะยาว เนื่องจากหลักสูตรที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถผ่านการสอบที่เป็น มาตรฐานสากล เช่น การสอบประกาศนียบัตรของไมโครซอฟต์ เป็นต้น

พร้อมกันนี้กระทรวงฯ ยังจะได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ เพื่อผลิตครู อาจารย์ด้านไอซีทีที่มีประสิทธิภาพ สามารถให้ความรู้แก่เด็ก เยาวชนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาเป็นต้นไป ซึ่งถ้าผนวกผลการดำเนินงานของโครงการนี้กับการวางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความ เร็วสูงของ ทีโอที และกสทฯ เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้ตัวชี้วัดการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศให้เพิ่มขึ้นด้วย สำหรับการตรวจเยี่ยม หน่วยงานในสังกัดนั้น ทั้งบมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม บจ.ไปรษณีย์ไทย และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) นั้น คาดว่าจะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมภายใน 4 เดือนนี้

View :1642

“ซันโย” เปิดตัวกล้องวิดีโอกันน้ำแบบ Full HD รายแรกของโลก

July 23rd, 2010 No comments

“ซันโย” เปิดตัวกล้องวิดีโอกันน้ำแบบ Full HD
ภายใต้ซีรี่ย์ CA 100 บันทึกภาพใต้น้ำลึก 3 เมตร สีสันสดใสพกพาง่าย

“ซันโย” เปิดประสบการณ์ใหม่ กล้องวิดีโอกันน้ำ “Xacti” CA 100 ภาพคมชัดแบบ Full HD รายแรกของโลก! โหมดภาพนิ่งความละเอียด 14.0 ล้านพิกเซล พร้อมถ่ายภาพระยะใกล้สุด 1 เซนติเมตร ดีไซน์ 3 สีสวยสด มั่นใจปลุกตลาดครึ่งปีหลัง หนุนยอดขายรวม ปี 2553 เพิ่ม 25%

มร. สึโตมุ โมริโมโตะ ประธานกรรมการ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้เปิดตัวกล้องวิดีโอภายใต้ซีรี่ย์ “Xacti” แล้วถึง 5 รุ่น ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากตลาดในประเทศไทยเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ ยอดขายกลุ่มธุรกิจกล้องดิจิตอล ช่วงครึ่งปีแรก ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ล่าสุด บริษัทขอเสนอกล้องวิดีโอกันน้ำ รุ่น Xacti VPC CA-100 ซึ่งถือเป็นกล้องวิดีโอแบบฟลูไฮเดฟฟิเนชั่น (Full HD) รายแรกของโลก ซึ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อสร้างกระแสตลาดกล้องวิดีโอให้ตื่นตัวอีกครั้ง พร้อมกับช่วยผลักดันยอดขายทั้งปี 2553 เติบโตขึ้นถึง 25% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 270 ล้านบาท

“กล้องกันน้ำ รุ่น CA-100 เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่นิยมบันทึกภาพความทรงจำในรูปแบบวิดีโอแต่ต้อง การความคล่องตัวในการท่องเที่ยวเดินทาง โดยเฉพาะกิจกรรมดำน้ำชมปะการัง ด้วยสีสันที่เหมาะกับทั้งชายและหญิง ประกอบกับช่วงครึ่งปีหลังนี้ถือเป็นช่วงส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยรัฐบาลให้สิทธิพิเศษหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะเอื้อต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ อีกด้วย” มร.โมริโมโตะ กล่าว

ด้านนายพศณัฐ ทองเจือ รองผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เมื่อพิจารณาทิศทางตลาดกล้องวิดีโอ พบว่า กล้องที่มีประสิทธิภาพกันน้ำเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งที่สร้างความมน่าสนใจและมี อิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อกล้อง เนื่องจากผู้ใช้งานคำนึงถึงประโยชน์ในอนาคตที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์การดำรง ชีวิต โดยการพกกล้องวิดีโอ 1 เครือง สามารถบันทึกภาพวิดีโอและภาพนิ่งคุณภาพสูงในเครื่องเดียว อีกทั้งมีประสิทธิภาพกันน้ำ เพื่อให้เหมาะกับทุกเวลาและโอกาสมากขึ้น

กล้อง SANYO Xacti รุ่น VPC-CA100 ถูกพัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิม VPC-CA9 และ VPC-WH1 ที่ได้เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา Xacti VPC-CA100 เต็มเปี่ยมด้วยคุณสมบัติพิเศษ สามารถบันทึกภาพใต้น้ำได้ลึก 3 เมตร บันทึกภาพวิดีโอคุณภาพสูงระดับ Full HD 1920×1080 ซึ่งถือเป็นความพิเศษของกล้องรุ่นนี้ อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพนิ่ง 14.0 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยีการซูมภาพสูงถึง 12 เท่า ระหว่างบันทึกวิดีโอสามารถกดถ่ายภาพนิ่งได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนโหมด ทำให้ไม่พลาดทุกช่วงเวลาประทับใจ

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง (3D DNR) และฟังก์ชั่นอัจฉริยะสามารถโฟกัสเฉพาะสีที่ต้องการ (Target a Color) จอภาพแอลซีดีกว้าง 2.7 นิ้ว ชัดเจนทุกมุมมอง สามารถหมุนจอได้ 270 องศา สำหรับผู้ที่นิยมการถ่ายภาพระยะใกล้ Super macro 1 cm. รองรับการ์ดหน่วยความจำสูงสุด 64GB และอีกหลากหลายคุณสมบัติเด่นที่ใช้งานง่าย เป็นทางเลือกใหม่ของคนทุกกลุ่ม

“นอกจากประสิทธิภาพความล้ำหน้าของกล้อง ซันโยยังเพิ่มบริการหลังการขายให้ลูกค้ารับสิทธิพิเศษเข้าอบรมการใช้กล้อง วิดีโอจากช่างภาพมืออาชีพเป็นประจำทุกเดือน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างชุมชน ออนไลน์ แซคติ คลับ (Xacti Club) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจในบริการ เพิ่มความสุขและสนุกกับการใช้กล้องแซคติยิ่งขึ้น” นายพศณัฐ กล่าว

View :2422
Categories: Press/Release Tags:

เอชทีซี ฉลองความสำเร็จให้กับ HTC Hero ผู้ใช้ HTC Hero สามารถอัพเกรด ROM เป็น Android 2.1

July 23rd, 2010 No comments

เอชทีซี มีข่าวดีมาฝากสำหรับผู้ใช้ ทุกคน วันนี้ สามารถอัพเกรด ROM เป็นแอนดรอยด์ 2.1 ได้แล้วอย่างง่ายดาย โดยเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระบบจะทำการตรวจสอบระบบปฎิบัติการในเครื่องให้อัตโนมัติ ถ้าเครื่อง Hero ที่ใช้อยู่เป็น ROM เวอร์ชั่นเก่า ระบบจะป็อปอัพหน้าต่างถามให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดโปรแกรมติดตั้งรอมโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้เพียงแค่กดคำสั่งตอบรับไปตามขั้นตอนที่แสดงขึ้นมา เพียงเท่านี้ คุณก็ได้ Hero ตัวใหม่ที่เก่งกว่าเดิม โดยสามารถเข้าไปอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ http://www.htc.com/th/support.aspx

การอัพเกรด ROM เป็นแอนดรอยด์ 2.1 เวอร์ชั่นใหม่ มาพร้อมกับ Sense อินเทอร์เฟซเวอร์ชั่นใหม่ ที่จะทำให้ HTC Hero คุณไฉไลกว่าเดิม เช่น widgets ต่างๆ widgets แสดงการพยากรณ์อากาศแบบภาพเคลื่อนไหว รองรับแอพพลิเคชันต่างๆ บนแอนดรอยด์มาร์เก็ตเพลซได้หลากหลายขึ้น ลูกเล่นเพิ่มเติมจากเวอร์ชั่นเก่า เช่น ลดเสียงเรียกเข้าอัตโนมัติทันทีที่หยิบโทรศัพท์ ตัดเสียงเรียกเข้าทันทีที่คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ และคล่องตัวขึ้นกับการท่องเว็บด้วยระบบ pinch to zoom เป็นต้น

ทั้ง นี้ เอชทีซีเปิดตัว HTC Hero ครั้งแรกที่กรุงลอนดอนในเดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งนับตั้งแต่วันเปิดตัว HTC Hero ชนะรางวัล ระดับนานาชาติหลายรางวัล เช่น รางวัลมือถือที่ดีที่สุดแห่งปี ( Best Mobile Handset of the Year) คว่ำคู่แข่งที่ได้รับการเสนอชื่ออีก 4 รายในงานประกาศรางวัลโกลบอลโมบายอวอร์ด (Global Mobile Awards) ซึ่งเป็นการประกาศรางวัลภายในงานโมบายเวิล์ดคองเกรส ประจำปี 2553 กรุงบาเซโลน่า

นับ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 HTC Hero กวาดรางวัลระดับนานาชาติสำคัญ 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเก็ดเจ็ตแห่งปี (Gadget of the Year) จากนิตยสาร Stuff รางวัลมือถือทางเลือกแห่งปี ( Mobile Choice’s Phone of the Year) และรางวัลมือถือแห่งปี ( Phone of the Year) จากนิตยสาร T3

ที่ สำคัญคือ เอชทีซีได้รับการยกย่องจากนิตยสาร FAST COMPANY ให้เป็น “ องค์กรที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก ” และได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับสองในหมวดหมู่คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ นอกเหนือไปจากนี้แล้ว HTC Hero ยังกวาดรางวัลต่างๆ มากมาย จากสื่อในบ้านเรา ในช่วงปี 2009 ที่ผ่านมา เช่น รางวัลเหรียญทอง จากนิยสาร BuyCom รางวัลเหรียญเงินจากนิตยสาร On Mobile รางวัล Editor’s Choice จากนิตยสาร My Mobile, MobileMag และ QuickPC และอยู่ในอันดับ 6 จากท็อป 20 เก็ดเจ็ตแห่งปีจากนิตยสารฮาร์ดแวร์แม็ก

View :1441
Categories: Press/Release Tags: ,

อีเบย์นำตลาด แฟชั่นไว้บนมือถือด้วยแอพไอโฟนใหม่

July 23rd, 2010 No comments

ซาน โฮเซ่ แคลิฟอร์เนีย – 2 1 กรกฎาคม 2553 – อีเบย์ อิงค์ ( NASDAQ : ) ตลาดแฟชั่นออนไลน์ชั้นนำของโลก ประกาศเปิดตัวแอพพลิเคชั่นอีเบย์แฟชั่น ( Fashion) บนเครื่องโทรศัพท์มือถือแอปเปิลไอ โฟน สร้างประสบการณ์ ช้อปปิ้งสุดพิเศษแบบเสมือนจริงให้ นักช้อปได้เลือกชม ซื้อ และ ” ลองสวมใส่ ” สินค้าแฟชั่นที่มีให้เลือกอย่าง จุใจหลากหลายประเภทจากทั่วโลกบนตลาดออนไลน์อีเบย์ ทั้งแฟชั่นใหม่ล้ำสมัย คอลเลคชั่นของดีไซเนอร์หรู เสื้อผ้าแบรนด์เนมและเครื่องแต่งกายสไตล์วินเทจสุดอลังการจากโทรศัพท์มือ ถือได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา โดยเปิดให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นอีเบย์แฟชั่นได้ฟรีผ่าน iTunes®

มร. สตีฟ ญอนโควิช รองประธาน อีเบย์ โมบาย แพลทฟอร์ม เผยว่า “อีเบย์แฟชั่น คือ แอพพลิเคชั่นใหม่ล้ำสมัยที่มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพิเศษที่ไม่สามารถพบได้ จากเครื่องเดสก์ท้อป หรือแม้แต่ในร้านแฟชั่นเครื่องแต่งกายทั่วไป เปิดให้นักช้อปสามารถเข้าไปเลือกแฟชั่นหลายล้านรายการ และนำมาจัดผสมเป็นชุดเครื่องแต่งกาย พร้อมทั้ง “ลองสวมใส่” โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องลองแต่อย่างใด”

แอพพลิเคชั่นอีเบย์แฟชั่นบนเครื่องไอ โฟนใหม่ ( eBay Fashion app ) อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัยเพื่อ ช่วยให้นักช้อปสามารถแปลงโฉมเสริมบุคลิกของตนให้โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าในสไตล์ อันล้ำสมัย ดังนี้

* โปรแกรม Personalized Closet เพิ่ม รวบรวมและจัดเก็บเสื้อผ้าชุดสุดโปรดไว้ในตู้เสื้อผ้าเพียงจุดเดียว
* โปรแกรม Outfit Builder สร้างสรรค์ลุคการแต่งกายอันล้ำ สมัย โดยเลือกเสื้อผ้าจากตู้มาผนวกรวมให้เข้าชุดกันและลองสวมใส่ได้แบบเสมือนจริง
* โปรแกรม Social Media Sharing แบ่งปันแฟชั่นสุดโปรดร่วมกับผอง เพื่อนบนเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอีเมล
* เข้าสู่โปรแกรมคลังแฟชั่นอีเบย์ (eBay Fashion Vault) เพื่อเลือกเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับทั้ง รุ่นใหม่ แบบกำหนดราคาตายตัว หรือคอลเลคชั่นของดีไซเนอร์ชื่อ ดัง หรือสินค้าลดราคาที่ขาช้อปพลาดไม่ได้
* โปรแกรม Virtual Style Gallery รวบรวมเทรนด์แฟชั่นล่าสุดในรูปแบบ สไลด์โชว์ไว้บนจอภาพ
โดยลูกค้าสามารถแตะภาพประเภทสินค้าที่ต้องการเพื่อค้นหาสินค้าดังกล่าวจาก ตลาดออนไลน์อีเบย์
* เลือกดูแฟชั่นจากโปรแกรม My eBay (Fashion) ซึ่งแสดงรายการสินค้าแฟชั่นที่ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อมาเก็บสะสมไว้ในตู้เสื้อผ้าของตน

ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นหลักของอีเบย์ ( core iPhone application ) สำหรับใช้งานบนโทรศัพท์ไอ โฟนมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 10 ล้านครั้ง ทั้งนี้ อีเบย์คาดว่า จะสามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายสินค้ารวม (Gross Merchandise Volume) บนโทรศัพท์มือถือสูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 ซึ่งจะส่งผลให้อีเบย์ขึ้นแท่นผู้นำตลาดโมบายอีคอมเมิร์ซ โดยมีเสื้อผ้าเป็นสินค้าที่มียอดซื้อขายบนโทรศัพท์มือถือสูงสุดเป็นอันดับ หนึ่ง และมีมูลค่าการซื้อขายสินค้ารวมบนโทรศัพท์มือถือสูงสุดเป็นอันดับ 2

อีเบย์มีแอพพลิเคชั่นบนไอโฟนเปิดให้ ดาวน์โหลดฟรีผ่าน iTunes ใน 8 ภาษา และ 190 ประเทศ สำหรับแอพพลิเคชั่นอีเบย์ แฟชั่น ไอโฟนใหม่ดังกล่าวจะรองรับเว็บ fashion.ebay.com ที่อีเบย์เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้นักช้อปแฟชั่นสามารถเลือกชมสินค้าจำนวนกว่า 19 ล้านชิ้นในแต่ละวัน ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าดูการทำงานของแอพพลิเคชั่นอีเบย์ แฟชั่น ไอโฟนฉบับเดโมได้ที่ eBay Mobile

View :1779
Categories: Press/Release Tags: ,

ทรูมูฟ เปิดตัว iPhone 3GS รุ่นใหม่ 8 GB

July 23rd, 2010 No comments

เปิดตัว รุ่นใหม่ 8 GB แรงด้วย iOS 4 สนุกกับลูกเล่นหลากหลาย ในราคาสบายๆ พร้อมสิทธิพิเศษ

แรงด้วย iOS 4 สนุกกับลูกเล่นหลากหลาย ในราคาสบายๆ
พร้อมสิทธิพิเศษผ่อนนานสูงสุด 18 เดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,235 บาท และ…เตรียมพบกับ 4 จากทรูมูฟ ในไทย เร็วๆ นี้

กรุงเทพฯ 22 กรกฎาคม 2553 – ทรูมูฟ ผู้นำเข้า iPhone อย่างเป็นทางการรายแรกในไทย เปิดโอกาสให้ชาวไทยได้เป็นเจ้าของสุดยอดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง เปิดตัว iPhone 3GS รุ่นใหม่ 8 GB เพียงรายเดียวในไทย ซึ่งรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับ iOS 4 เวอร์ชั่นล่าสุด โดดเด่นด้วยฟีทเจอร์และลูกเล่นหลากหลายมากยิ่งขึ้นทั้ง Multitasking การจัดโฟลเดอร์ iBook ฯลฯ ในราคาเบาๆ เครื่องเปล่า 19,900 บาท และราคาพิเศษเพียงเครื่องละ 18,900 บาทสำหรับลูกค้าที่ซื้อพร้อมแพกเกจเบสิก 599 บาท นอกจากนี้ยังจัดโปรโมชั่นผ่อนจ่ายสบายๆ เริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,235 บาท ผ่าน First Choice นานสูงสุด 18 เดือน หรือผ่อน 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิต 4 ธนาคาร ได้แก่ ซิตี้แบงค์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย หรือผ่อน 0% นาน 9 เดือน ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ พร้อมรับฟรี! ซองหนังดีไซน์เก๋ มีให้เลือก 5 สี มูลค่า 890 บาท สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟเท่านั้น (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ผ่อนนานสูงสุด 18 เดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,235 บาท และ…เตรียมพบกับ iPhone 4 จากทรูมูฟ ในไทย เร็วๆ นี้ กรุงเทพฯ 22 กรกฎาคม 2553 – ทรูมูฟ ผู้นำเข้า iPhone อย่างเป็นทางการรายแรกในไทย เปิดโอกาสให้ชาวไทยได้เป็นเจ้าของสุดยอดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง เปิดตัว iPhone 3GS รุ่นใหม่ 8 GB เพียงรายเดียวในไทย ซึ่งรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับ iOS 4 เวอร์ชั่นล่าสุด โดดเด่นด้วยฟีทเจอร์และลูกเล่นหลากหลายมากยิ่งขึ้นทั้ง Multitasking การจัดโฟลเดอร์ iBook ฯลฯ ในราคาเบาๆ เครื่องเปล่า 19,900 บาท และราคาพิเศษเพียงเครื่องละ 18,900 บาทสำหรับลูกค้าที่ซื้อพร้อมแพกเกจเบสิก 599 บาท นอกจากนี้ยังจัดโปรโมชั่นผ่อนจ่ายสบายๆ เริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,235 บาท ผ่าน First Choice นานสูงสุด 18 เดือน หรือผ่อน 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิต 4 ธนาคาร ได้แก่ ซิตี้แบงค์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย หรือผ่อน 0% นาน 9 เดือน ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ พร้อมรับฟรี! ซองหนังดีไซน์เก๋ มีให้เลือก 5 สี มูลค่า 890 บาท สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟเท่านั้น (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
รุ่น

รุ่น iPhone 3GS 8GB (iOS4) iPhone 3GS 16GB iPhone 3GS 32GB
ราคา (ไม่รวม VAT) 18,900 บาท 22,900 บาท 26,400 บาท
0.55% 18 เดือน 1,235 1,496 1,725
0% 10 เดือน 2,022 2,450 2,825

เป็นเจ้าของ iPhone 3GS รุ่นใหม่ 8 GB พร้อม iOS 4 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านทรูช็อปและร้าน iStudio
ทุกสาขาทั่วประเทศ และเตรียมพบกับการเปิดตัว iPhone 4 ในประเทศไทย อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง เร็วๆ นี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TrueMove iPhone Care Center โทร. 08-2000-3333

View :1580

ไอดีซีชี้ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นยังโตถึงสองหลักในไตรมาส 2 ปี 2553

July 23rd, 2010 No comments

สิงคโปร์ และ ฮ่องกง วันที่ 20 กรกฎาคม 2553 – จากผลการสำรวจเบื้องต้นของ ไอดีซี พบว่า ยกเว้นญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 15 จากไตรมาส 1 ของปี 2553 และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2552 โดยมียอดจำหน่ายสูงถึง 27 ล้านเครื่องทั้งภูมิภาค เกือบทั่วทุกประเทศในภูมิภาคแถบนี้มีอัตราการเติบโตมากกว่า สองหลัก เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตนี้ยังต่ำกว่าที่ไอดีซีคาดการณ์ไว้เล็กน้อยเพียงร้อยละ 1 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดจำหน่ายพีซีเดสท็อปที่ขยายตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งเข้ามาชดเชยในส่วนที่ขาดไปของตลาดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค

“ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในประเทศจีนและอินโดนีเซียพบว่าต่ำกว่า ที่เราได้คาดการณ์ไว้ในไตรมาสนี้” กล่าวโดย นายไบรอัน มา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านตลาดอุปกรณ์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “แต่ทว่าความต้องการที่ยังมีมากสำหรับโน๊ตบุ๊คจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่หนุน ตลาดตลอดทั้งปีนี้ แม้ว่าจะมีภาวะกดดันในเรื่องการขันแข่ง ที่มาจาก media tablet เช่น Apple’s iPad”

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ตลาดประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือน ก่อนหน้านี้ได้ลดระดับความรุนแรงลง จึงเป็นแรงหนุนให้ตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ในขณะที่ตลาดสิงคโปร์ ยอดจำหน่ายก็ยังคงอยู่ในความคาดหมาย แม้ว่าจะเกิดความวิตกกังวลก่อนหน้านี้เกี่ยวกับยอดจำหน่ายที่ทรงตัวในงาน แสดงสินค้าคอมพิวเตอร์

“ตลาดพีซีในฮ่องกงค่อนข้างชะลอตัวเล็กน้อยสืบเนื่องมาจากแรงซื้อโน๊ตบุ๊ค จำนวนมากที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และตัวแทนจำหน่ายก็มีการกักตุนสินค้าไว้ใน ไตรมาสที่แล้ว” กล่าวโดย นางเคธี ซิน ผู้จัดการด้านอุปกรณ์ลูกข่ายประจำไอดีซี เอเชียแปซิฟิก “อย่างไรก็ตาม ตลาดค้าปลีกก็ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่หนุนตลาด โดยผู้ค้าบางราย ได้มีการส่งมอบสินค้าล๊อทใหญ่ๆ ในช่วงท้ายไตรมาสเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดโปรโมชั่นในช่วง หน้าร้อน

ยี่ห้อเลอโนโว () ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดจำหน่ายที่สูงในประเทศจีนในปีที่ ผ่านมา ในขณะที่คู่แข่งอย่าง เอชพี (HP) ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ลดลง ตลาดภาคธุรกิจได้มีส่วนช่วยทำให้ยี่ห้อเดล (Dell) สามารถรั้งตำแหน่งอันดับสาม ซึ่งเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของยี่ห้อนี้ที่ดำเนินธุรกิจในตลาดนี้มานาน
ตารางที่ 1

สัดส่วนยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ตามผู้ค้าแต่ละราย ในไตรมาส 2 ปี 2553 (ประมาณการณ์เบื้องต้น) เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2553 และไตรมาส 2 ปี 2552
อันดับที่ ผู้ค้า ส่วนแบ่งตลาดใน ไตรมาส 2 ปี 2553 ส่วนแบ่งตลาดใน ไตรมาส 1 ปี 2553 ส่วนแบ่งตลาดใน ไตรมาส 2 ปี 2552 อัตราการเติบโต เปรียบเทียบ ปีต่อปี
1 Lenovo 20.3% 18.8% 18.9% 45%
2 HP 11.6% 14.1% 16.2% -3%
3 Dell 9.6% 9.8% 8.4% 55%
4 Acer 8.7% 9.6% 8.2% 45%
5 ASUS 5.2% 5.5% 3.8% 84%
รายอื่น ๆ 44.6% 42.3% 44.6% 36%
รวม 100.0% 100.0% 100.0% 36%
Source: , July 2010

View :1819

“อัสซุส” จับมือกับ เดวิด ลูวิส จาก แบงก์ แอนด์ โอลูฟเซน ไอซ์ พาวเวอร์ นำเสนอผลงานชิ้นเอก NX Series

July 23rd, 2010 No comments

ASUS Golden Ear Team หรือ ทีมพัฒนานวัตกรรมเสียงของอัสซุส ร่วมมือกับนักออกแบบ และพัฒนาเทคโนโลยีเสียงระดับโลก (เดวิด ลูวิส) จากบริษัท Bang & Olufsen ICEpower® ประเทศเดนมาร์ค เปิดตัวสุดยอดโน้ตบุ๊กโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ดีไซน์หรู สร้างมาตรฐานเสียงขั้นสูงให้กับอุตสาหกรรมโน้ตบุ๊ก พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของอัสซุส ภายใต้ชื่อ “ASUS Sonic Master”

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อัสซุสให้ความใส่ใจในการพัฒนาโน้ตบุ๊ก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม สำหรับ NX Series นี้ เรา มีความภูมิใจที่จะนำเสนอกับผู้ที่ชื่นชอบระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการพัฒนาอย่างมุ่งมั่นทำให้เรามั่นใจว่า การออกแบบ NX Series และศักยภาพของเทคโนโลยี “ASUS Sonic Master” ที่เราคิดค้นขึ้น จะเป็นที่รู้จักในแวดวงคนชอบเครื่องเสียงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน”

“สำหรับกลุ่มเป้าหมาย เป็นที่ทราบว่าด้วยคุณภาพและราคาทำให้ อัสซุส โน้ตบุ๊ก เอ็นเอ็กซ์ ซีรี่ส์ จะอยู่ในตลาดระดับพรีเมี่ยม ซึ่งที่ผ่านมา อัสซุสโน้ตบุ๊กมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดเช่นนี้ ออกสู่ตลาดมาโดยตลอด อาทิ เช่น Lamborghini Collection ที่ออกแบบร่วมกับรถยนต์ Supercar ชื่อดัง โน้ตบุ๊กสำหรับ Gamer ในตระกูล G-Series หรือจะเป็น Eee PC Karim Rachid Collection ที่ออกแบบร่วมกับดีไซเนอร์ระดับโลก เป็นต้น” คุณพรเทพ กล่าวเสริม

อัสซุส โน้ตบุ๊ก เอ็นเอ็กซ์ ซีรี่ส์ (ASUS Notebook NX Series) สุนทรียศาสตร์ แห่งดีไซน์และโสตสัมผัสระดับสูง เป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์สุดหรูภายในบ้าน ด้วยจอแสดงภาพระดับ Full HD 1080p ขนาดใหญ่พิเศษ 18.4 นิ้ว โดดเด่นด้วยกรอบนอกวัสดุอะลูมิเนียม ผิวเรียบเป็นเงาแวววาว แตกต่างด้วยการจัดวางลำโพงคู่ในแนวตั้งข้างจอภาพตามรูปแบบโฮมเธียเตอร์ จึงทำให้ได้โน้ตบุ๊กที่มีระบบเสียงรอบทิศทางเต็มรูปแบบ ให้เสียงที่มีความละเอียดสูง สมจริง และมีระยะเสียงที่กว้างขึ้นกว่าที่เคยมีมาเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กที่มีในตลาด ปัจจุบัน และด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ ASUS Sonic Master ซึ่งการันตีถึงคุณภาพเสียงอันกังวานสดใส เสียงเบสที่ทุ้มและนุ่มลึกมีชีวิตชีวา ให้การรับฟังเสียงนักร้องและการรับรู้อารมณ์เพลงราวกับได้รับชมการแสดงสด

นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีทัชแพดคู่ ที่สามารถใช้งานพร้อมกันในแบบมัลติทัช พร้อมความสะดวกสบายอีกขั้น ด้วยจุดพักฝ่ามือขนาดใหญ่เพื่อการพักผ่อนระหว่างการใช้งานเป็นเวลานาน

ถามหาและทดลองฟังเสียงอันทรงพลังของ อัสซุส โน้ตบุ๊ก เอ็นเอ็กซ์ ซีรี่ส์ ได้ที่อัสซุส คอร์เนอร์ ช็อป 30 สาขาทั่วประเทศ ในราคา 99,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อัสซุส คอล เซ็นเตอร์ หมายเลข 02-6798367

รายละเอียดเทคโนโลยี ASUS Sonic Master Technology

ASUS Sonic Master Technology เป็นโซลูชั่นด้านเสียงที่ใช้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ พัฒนาโดยทีม RD & ID ของอัสซุส โดยร่วมมือกับ Bang & Olufsen ICEpower ® ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งภายใต้ Danish Bang & Olufsen Group การร่วมมือครั้งนี้เน้นสร้างโซลูชั่นที่จะเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพของเสียง

ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของอัสซุสได้สร้างระบบ SonicMaster Certificate ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับการรับรองว่าสามารถผลิตคุณภาพเสียงที่ ผู้ใช้พอใจ

NX90 มาพร้อม SonicMaster Premium ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของ SonicMaster ที่สามารถผลิตคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่อุตสาหกรรมโน้ตบุ๊กเคยมี

จุดขาย 6 ประการของ SonicMaster

1. เสียงใสดุจคริสตัล: โซลูชั่นถอดรหัสเสียงที่ดีที่สุดในวงการ ลดเสียงสัญญาณรบกวนให้เหลือน้อยที่สุด เพิ่มความชัดเจนให้สูงสุด
2. ระดับเสียงสูงสุด: เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ขึ้น รับพลังงานจากแหล่งจ่ายพลังงานเฉพาะ ช่วยให้ผลิตเสียงดังขึ้นได้ง่ายกว่า พร้อมรักษาระดับความคมชัดเจน
3. เสียงเบสทุ้ม นุ่มหูกว่าเดิม: ด้วยเครื่องแปลงความถี่ที่ได้รับพัฒนาขึ้น จึงผลิตเสียงจากแหล่งข้อมูลตามคุณภาพจริง พร้อมคุณสมบัติ Virtual Bass ที่ให้เสียงเบสที่ทุ้ม นุ่มลึก เพลิดเพลินได้ทุกขณะ
4. ระยะเสียงกว้างขึ้น: พื้นที่ว่างที่เพิ่มขึ้นสามารถรองรับระยะความถี่ที่กว้างขึ้นกว่าโน้ตบุ๊ก ทั่วไป ทำให้เสียงเบสทุ้มนุ่มหูกว่ารุ่นที่ด้อยกว่าอย่างชัดเจน
5. เสียงร้องชัดเจน: ซอฟท์แวร์จูนเสียงร้องช่วยเพิ่มความชัดเจน, การออกเสียง และระดับเสียงร้อง และป้องกัน Voice clipping ไปพร้อมๆกัน
6. เสียงรอบทิศทางสมจริง: เสียงรอบทิศทางที่ปรับปรุงโดยซอฟท์แวร์ ปรับรูปแบบของคลื่นเสียง, เพิ่มขอบเขตของ Soundstage และปรับปรุง Spatial imaging ของเสียง ผลที่ได้คือระบบเสียงรอบทิศทางที่สมจริง

View :1666