Archive

Archive for August, 2010

เอไอเอส ใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลางสร้างความอุ่นใจผู้ปกครอง

August 22nd, 2010 No comments

เอไอเอส เปิดตัวโซลูชั่นส์สร้างความอุ่นใจผู้ปกครอง พร้อมเสริมศักยภาพการบริหารจัดการให้แก่สถาบันการศึกษาด้วย โดยนำเทคโนโลยีหลากหลายมาผสมผสานเพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ปกครอง – ลูกหลาน และคุณครู

นายพีรเวท กิจบูรณะ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการตลาดเอสเอ็มอี บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวในโอกาสที่ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีศรีราชานำ School Solutions มาประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบว่า “ปัจจุบันสถาบันการศึกษาเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน และประยุกต์ใช้เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบบงานธุรการต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การทำงานด้านวิชาการเป็นไปอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเอไอเอสจึงรับอาสาเป็นตัวกลางในการสร้างสรรค์ Solutions เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวแก่สถาบันการศึกษาด้วย School Solutions ที่มีแนวคิดหลักคือ ให้ผู้ปกครองอุ่นใจในระหว่างที่ลูกหลานไปเรียน อีกทั้งช่วยให้โรงเรียนสามารถสื่อสารข้อมูลต่างๆกับผู้ปกครองได้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน และทันต่อสถานการณ์ต่างๆ”

โดย School Solutions นี้ มีฟังก์ชั่นหลักๆประกอบด้วย
- ส่งเวลาการเข้าเรียนผ่าน SMS ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ปกครองแบบ Real Time หลังจากที่นักเรียน-นักศึกษาสแกนนิ้วมือเมื่อเข้าเรียน (เครื่องสแกนนิ้วจะส่งข้อมูลผ่านทาง Internet และแปลงข้อมูลเป็น SMS ส่งไปยังผู้ปกครอง)
- ส่งผลการเรียนและรายละเอียดอื่นๆ อาทิ การลงทะเบียนของนักเรียน-นักศึกษา ผ่าน SMS ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ปกครอง
- โรงเรียนสามารถสื่อสารข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์

นายพีรเวท กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งเริ่มสนใจนำบริการนี้ไปประยุกต์ใช้ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ปกครองหมดห่วงแล้วยังสามารถสื่อสารกับผู้ปกครองได้ใกล้ชิดขึ้น ด้วยรูปแบบของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ก็ง่าย และสะดวก เนื่องจากเป็นการสื่อสารด้วย SMS ซึ่งไม่มีข้อจำกัดด้านการใช้งาน ส่งผลทำให้ในภาพรวมสถาบันการศึกษาเองสามารถเพิ่มคุณภาพทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี เอไอเอสเองก็มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการระบบการศึกษาของไทยเช่นกัน โดยจะยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีต่างๆมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
สถาบันการศึกษาที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Corporate Call Center 1149 หรือ www..co.th/business

View :1677
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที พร้อมร่วมฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ

August 22nd, 2010 No comments

นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ว่า การฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาตินี้ เกิดขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 ที่เห็นชอบในนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบทิศทางหลักของชาติในการเตรียมความพร้อมเผชิญกับสาธารณภัยและ ภัยความมั่นคง รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 ที่เห็นชอบกรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ ให้เป็นแผนระดับกระทรวงในการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ รวม 17 ด้าน และมติเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 ที่เห็นชอบให้ เป็นแผนหลักในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ

ดังนั้น การฝึกซ้อมฯ นี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รวมทั้งแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ 17 ด้าน ไปสู่การปฏิบัติในระดับกระทรวง ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น รวมถึงเพื่อบริหารจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง ที่เกินขีดความสามารถในการจัดการปัญหาของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจจังหวัด โดยจำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจส่วนหน้าเพื่อระดมสรรพกำลังของ ทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตลอดจนเพื่อนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุน แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และเชื่อมโยงเครือข่ายฐานข้อมูลในการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ระดับชาติ

การ ฝึกซ้อมฯ ในครั้งนี้ได้จำลองสถานการณ์การเกิดพายุไต้ฝุ่นที่ทำลายระบบสาธารณูปโภค และส่งผลกระทบต่อการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในพื้นที่จังหวัด จันทบุรี จังหวัดตราดและพื้นที่โดยรอบ ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องระดมกำลังจากหน่วยงานของรัฐ และทุกภาคส่วนเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการฝึกซ้อมฯ ได้ดำเนินการใน 2 รูปแบบ คือ การฝึกซ้อมในระดับฝ่ายอำนวยการ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงเป็นประธาน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกได้ตรวจสอบความชัดเจนของนโยบาย แผน กฎหมาย ระเบียบ แผนปฏิบัติการฉุกเฉินของแต่ละหน่วยงาน และเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกภาคสนาม ส่วนรูปแบบที่สอง คือ การฝึกซ้อมภาคสนาม เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานจริง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ส่วนผู้เข้าร่วมการฝึกซ้อม ประกอบด้วย หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สมาคม มูลนิธิ และประชาชน รวม 2 , 000 คน

“สำหรับกระทรวงไอซีที ได้ร่วมฝึกซ้อมฯ โดยดำเนินการตามกรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบ บูรณาการระดับกระทรวงด้านการแจ้งเตือนภัยและด้านการสื่อสาร ซึ่งกระทรวงฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านการแจ้งเตือนภัยไว้เป็นลำดับ คือ ให้กรมอุตุนิยมวิทยาติดตามการเคลื่อนตัวของพายุอย่างใกล้ชิดและออกประกาศตาม ห้วงเวลา ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติประเมินผลกระทบจากพายุที่อาจจะเป็น อันตราย พร้อมออกประกาศแจ้งเตือนภัยความรุนแรงของภัยไปยังพื้นที่ประสบภัย โดยอาศัยข้อเท็จจริงในพื้นที่ประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งผลจากการประกาศแจ้งเตือนภัยจะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มปฏิบัติ ตามแผน และ หอเตือนภัยในพื้นที่จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนภัย

หลังจากที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ประกาศแจ้งเตือนภัยแล้ว เครือข่ายเพื่อนเตือนภัยที่จัดตั้งขึ้นจะช่วยกระจายข่าวการ เตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่ทราบอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้เพื่อนเตือนภัยและนักวิทยุสมัครเล่นที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ภัย ยังช่วยรายงานข้อเท็จจริงของสถานการณ์ภัยพิบัติ และเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ด้วย” นายสือ กล่าว

ส่วน การเตรียมพร้อมด้านการสื่อสารนั้น กำหนดให้มีความพร้อมปฏิบัติตั้งแต่ในยามปกติและสามารถดำรงการสื่อสารไว้ตลอด เวลา โดยได้กำหนดคลื่นความถี่วิทยุกลางสำหรับการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วย ราชการและรัฐวิสาหกิจ คือ คลื่นความถี่ 142.425 MHz / 147.425 MHz ในย่าน VHF และคลื่นความถี่ 449.025 MHz และ 454.025 MHz ในย่าน UHF เป็นข่ายสื่อสารหลักในการประสานงานระหว่างหน่วยงานซึ่งเป็นข่ายสื่อสารพิเศษ ที่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ให้สามารถใช้ในการประสานงานระหว่างหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจที่แต่เดิมยังไม่ มีการนำมาใช้งาน โดยนายกรัฐมนตรีสามารถติดต่อประสานงานผ่านข่ายสื่อสารวิทยุกลางกับหน่วย งานราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติได้ทุกหน่วย เพื่อให้สามารถสอบถามรวมทั้งใช้สั่งการได้ในกรณีที่ระบบสื่อสารอื่นไม่ สามารถใช้งานได้

“นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจขึ้น โดยระดมทรัพยากรที่ได้กำหนดไว้ตามแผนปฏิบัติการแบบ บูรณาการระดับกระทรวงเตรียมพร้อมเอาไว้ ซึ่งในเหตุการณ์การฝึกซ้อมฯ กำหนดให้ระบบการสื่อสารปกติได้รับความเสียหายใช้งานไม่ได้ ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจจึงให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ได้แก่ บมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม ช่วยเร่งรัดซ่อมระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งให้นำรถสื่อสารโทรคมนาคมเคลื่อนที่เร็วลงไปเสริมให้สามารถใช้การ สื่อสารในพื้นที่ประสบภัยโดยเร่งด่วนเป็นการชั่วคราวก่อนที่จะซ่อมคืนระบบ การสื่อสารให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ขณะเดียวกันได้ประสานงานกับ กทช. เพื่อให้ช่วยเร่งรัดผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ให้ซ่อมระบบที่ ได้รับความเสียหายให้คืนสภาพปกติโดยเร็ว

ขณะ เดียวกันกระทรวงฯ ยังได้สถาปนาระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในพื้นที่เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสาร และใช้งานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทั้งระบบหลักโดยใช้ข่ายวิทยุความ ถี่กลางในการประสานงานภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงระบบสื่อสารคู่ขนานโดยเครือข่าย “ วิทยุสมัครเล่น ” ซึ่ง เป็นระบบคู่ขนานสำรองที่สามารถติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลา เพื่อทดแทนระบบการสื่อสารหลัก ที่ได้รับความเสียหายเป็นการแก้ปัญหาเรื่องการติดต่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้แล้วทั่วทุกพื้นที่ประสบภัยพิบัติด้วย” นายสือ กล่าว

การ เข้าร่วมการฝึกซ้อมครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัย พิบัติขั้นร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งระบบการแจ้งเตือนภัยก่อนเกิดเหตุ หรือแม้แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ต้องมีการวางแผนและทดสอบ ระบบให้พร้อมในการปฏิบัติการอยู่เสมอ ขณะเดียวกันระบบการติดต่อสื่อสารก็ถือเป็นหัวใจของการควบคุมบัญชาการ เหตุการณ์ เมื่อเกิดสาธารณภัยที่มีความรุนแรงโดยเฉพาะจากพายุฝน หรือแม้แต่หลายเหตุการณ์ เช่นดินโคลนถล่มในพื้นที่ทางภาคเหนือทำให้การสื่อสารถูกตัดขาด หรือแม้แต่กรณีที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากเป็นผลให้ระบบสื่อสารขัดข้องได้ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงได้วางแผนดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติดังกล่าวอย่างเป็นระบบ และสามารถบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

View :1644

ไอบีเอ็มเปิดตัวระบบธุรกรรมและระบบวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะ

August 22nd, 2010 No comments

มั่นใจ แซงหน้าคู่แข่งครึ่งปีหลัง
พร้อมจัดสรรวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านดอลลาร์สำหรับคู่ค้าของซัน

ไอบีเอ็มเปิดตัวระบบใหม่ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ลูกค้ากลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจ ใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ และหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ช่วยให้ลูกค้าจัดการธุรกรรมจำนวนมากและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างฉับพลันทันที พร้อมเตรียมจัดสรรวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านดอลลาร์ให้แก่คู่ค้าของซัน เพื่อให้เปลี่ยนมาเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบของไอบีเอ็ม

ไอบีเอ็มเผยโฉม พร้อมด้วยเทคโนโลยี POWER7 และ Smart Analytics Systems สำหรับสภาพแวดล้อม x86 และเมนเฟรม โดยมีการผนวกรวมในทุกระดับ ตั้งแต่ไมโครโปรเซสเซอร์ ไปจนถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล และจัดการธุรกรรมที่ใช้ข้อมูลจำนวนมากในแบบเรียลไทม์ ลูกค้าจึงสามารถจัดการเวิร์กโหลดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและธุรกรรม และกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกได้เร็วกว่า 20 เท่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์คู่แข่ง และดังนั้นจึงสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ทางด้านธุรกิจ ระบบเหล่านี้ยังสามารถลดพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่มีโครงสร้าง (Structured Data) และข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) ได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความสามารถในการบีบอัดที่ละเอียด ช่วยลดขนาดข้อมูลที่เก็บไว้บนดิสก์ จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้อย่างมากเลยทีเดียว

ในขณะที่อุปกรณ์ดิจิตอลมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นและราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง เซนเซอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ก็แปรเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมหาศาลให้กลายเป็นรูปแบบดิจิตอล รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ในอดีตไม่สามารถใช้งานได้ จากรายงานล่าสุดของนักวิเคราะห์ คาดว่าข้อมูลองค์กรจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นราว 650 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลดังกล่าวนี้เป็นข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง ซึ่งสร้างจากแหล่งต่างๆ เช่น บล็อก เว็บคอนเทนต์ อีเมล ฯลฯ ที่จริงแล้ว หลังจากที่เวลาผ่านไป 90 วัน 70 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างนี้จะกลายเป็นข้อมูลเก่าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทและหน่วยงานของรัฐจำเป็นที่จะต้องสามารถวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกออกมาจากข้อมูลที่มีอยู่ในแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะถูกเก็บไว้ที่ใด โดยไม่ยึดติดกับระบบหรือแพลตฟอร์มใดๆ

“ลูกค้าต้องการระบบแบบครบวงจรที่สามารถรองรับเวิร์กโหลดที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย” นางฟง เทเลอร์ ผู้อำนวยการธุรกิจคอมพิวเตอร์ ประจำภูมิภาคอาเซียนกล่าว “ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เหล่านี้นำเสนอการผนวกรวมและการปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อจัดการเวิร์กโหลดด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและธุรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาและทรัพยากรในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างเต็มที่”

IBM pureScale Application System ผสานรวมเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ POWER7 เข้ากับ WebSphere Application Server และซอฟต์แวร์ DB2 pureScale เพื่อจัดการเวิร์กโหลดทางด้านธุรกรรมจำนวนมาก เช่น โครงข่ายสาธารณูปโภคอัจฉริยะ ในขณะที่ข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์กรต่างๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมจะสามารถใช้ประโยชน์จากแนวทางที่มีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายของไอบีเอ็มเพื่อปรับขนาดความจุ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณสำหรับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ส่วนเกิน

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังได้เปิดตัวระบบรุ่นใหม่ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อรองรับเวิร์กโหลด โดยเริ่มต้นจากระบบ IBM Smart Analytics System แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งอย่างเหมาะสมนี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับคู่ค้า เพื่อให้สามารถปรับใช้แอพพลิเคชั่นด้านการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงพยาบาล สถาบันการเงิน ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังเปิดเผยว่า ไอบีเอ็ม โกลบอล ไฟแนนซิ่ง (IBM Global Financing) เตรียมที่จะจัดสรรวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านดอลลาร์ให้แก่คู่ค้าของซันที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้เปลี่ยนมาเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบของไอบีเอ็ม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นของไอบีเอ็มที่จะเสริมสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายระบบไอทีหลังจากที่ผ่านพ้นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

View :1353

แอลจี ผนึก จีทีเอช เอาใจคอหนังวัยทีน ส่งมือถือ “LG LED Series” โชว์ความน่ารักสดใสใน “กวน มึน โฮ”

August 20th, 2010 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งมือถือ “” โชว์ความน่ารักสดใสใน “กวน มึน โฮ” ภาพยนตร์รักสไตล์กวนๆ เรื่องล่าสุดจากค่ายจีทีเอช พร้อมเปิดตัวกิจกรรมออนไลน์ในรูปแบบ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ (Interactive Trailer) ที่ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับภาพยนตร์ตัวอย่างได้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย

การนำเสนอมือถือ “LG LED Series” ในภาพยนตร์เรื่อง “กวน มึน โฮ” นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างแอลจีและจีทีเอช โดยจีทีเอชได้เล็งเห็นถึงจุดเด่นของมือถือ LG LED Series ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นน่ารักๆ และสีสันสดใสในสไตล์เคป๊อบ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาของภาพยนตร์ ที่เป็นเรื่องราวการเดินทางของคนแปลกหน้าสองคนซึ่งบังเอิญมาพบกันที่ประเทศเกาหลี โดยมีคอนเซปต์หลักของเรื่องคือความเป็น ‘โฮแมนติก กวนมิดี้’ ที่มีทั้งรสชาติความสนุกสนาน และความซาบซึ้งกินใจ จึงได้ติดต่อมาทางแอลจีเพื่อนำมือถือรุ่นดังกล่าวไปใช้ประกอบในภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยให้เนื้อหาของเรื่องมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

สำหรับมือถือ LG LED Series ที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ LG GD580 Lollipop ซึ่งใช้เป็น มือถือของนางเอก และ LG GD350 Toffee ที่ใช้เป็นมือถือของพระเอก โดยนอกจากผู้ชมจะได้เห็นมือถือทั้ง 2 รุ่นปรากฎอยู่ในฉากที่มีการพูดคุยโทรศัพท์แล้ว ยังมีการนำเสนอฟีเจอร์เด่นๆ ของ LG Lollipop ในอีกหลายๆ ฉาก เช่น การใช้กล้องหน้าของมือถือทำ วีดีโอ คอล แบบ 3 จี และการใช้ฟังก์ชั่นสร้างสรรค์ภาพกราฟฟิคบนจอ LED เพื่อสื่อสารแทนคำพูด

นายสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือกับจีทีเอชในครั้งนี้ว่า “แอลจีเป็นผู้ผลิตมือถือที่ให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ผู้ใช้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะมือถือฝาพับของแอลจีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทางจีทีเอชนึกถึงแอลจีเป็นอันดับแรก การนำเสนอ LG LED Series ในภาพยนตร์เรื่องกวน มึน โฮ จะช่วยให้ผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับมือถือแอลจีในรูปแบบของภาพยนตร์ ซึ่งนับเป็นมูฟวี่มาร์เก็ตติ้งที่ยังไม่มีผู้ผลิตมือถือรายใดเคยทำมาก่อนในประเทศไทย”

สำหรับมือถือในกลุ่ม LG LED Series ประกอบด้วย LG GD350 Toffee, LG GD580 Lollipop และ LG KF350 Ice Cream โดยทั้ง 3 รุ่นมีจุดเด่นคือสีสันที่สดใส และจอ LED บริเวณฝาพับด้านหน้า รวมทั้งฟังก์ชั่นที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งชื่นชอบแฟชั่นและความสนุกสนาน โดยเฉพาะ LG GD350 Toffee นับเป็นมือถือรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมดีไซน์ฝาพับและลูกเล่นหน้าจอ LED ที่สามารถสร้างสรรค์ภาพเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ พร้อมหน้าจอขนาด 2 นิ้ว กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล และการรองรับหน่วยความจำภายนอก 2 กิกะบิต ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ซึ่งนับเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ LG GD580 Lollipop ที่ได้การตอบรับจากกลุ่มวัยรุ่นจนมียอดขายอย่างท้วมท้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ แอลจีได้เตรียมกิจกรรมสื่อสารการตลาดในรูปแบบของ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งผู้ชมจะได้รับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จักในระหว่างชมภาพยนตร์ตัวอย่าง ผ่านทางเว็บไซต์ของแอลจี โดยมีขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้
1. เข้าสู่เว็บไซต์ http://www.lg.com/th/lollipop/
2. กรอกรายละเอียดต่างๆ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
3. เข้าสู่หน้าภาพยนตร์ตัวอย่าง โดยเมื่อถึงฉากที่พระเอกของเรื่องใช้มือถือ LG Lollipop โทรหา แฟนเก่า ผู้ชมจะได้รับสายเรียกเข้าจากบุคคลแปลกหน้า และเมื่อรับสายก็จะต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายกวนๆ ในแบบฉบับของภาพยนตร์กวน มึน โฮ พูดขึ้นว่า “ชื่ออะไรน่ะ ยินดีที่ไม่รู้จักครับ” (เฉพาะ 150 ท่านแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละวัน)

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกที่หน้า LG Facebook Fanpage โดยผู้เข้าชมสามารถนำภาพใบหน้าของตนไปใส่ไว้ในโปสเตอร์ภาพยนตร์ กวน มึน โฮ ซึ่งเข้ากับคอนเซปต์การโปรโมทของทางค่ายจีทีเอช และยังตั้งฉายาให้กับตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการตอบคำถาม 6 ข้อ จากนั้นระบบจะเลือกฉายากวนๆ ให้โดยอัตโนมัติ โปสเตอร์ดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้เป็นรูปภาพในโพรไฟล์ของเฟซบุค เพื่อแบ่งปันให้เพื่อนๆ มาร่วมขำกันได้อีกด้วย

นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากความสำเร็จของแคมเปญออนไลน์ LG Lollipop Love Story ซึ่งนับเป็นแคมเปญเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Silver PR Lions จากเมืองคานส์ แอลจีได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สู่ผู้บริโภคอีกครั้ง ด้วยการนำเสนอ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะถูกใจกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแปลกใหม่ และจะช่วยเพิ่มความรับรู้ รวมทั้งเชื่อมโยงให้เกิดความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LG LED Series ได้อย่างแน่นอน”

###
เกี่ยวกับ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ในประเทศไทย
บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์ แอลจี โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นสู่ความเป็นแบรนด์ชั้นนำของเมืองไทยที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก โดยในประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วย 5 หน่วยธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ความบันเทิงภายในบ้าน ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ธุรกิจเครื่องปรับอากาศ และโซลูชั่นทางธุรกิจ นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยีและคุณภาพที่วางใจได้แล้ว แอลจียังมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบที่น่าสนใจและหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกน “Life’s Good”

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลจี ประเทศไทย ได้ที่ www.lg.com/th

View :1485
Categories: Press/Release Tags:

เอชทีซี เปิดตัว HTC Wildfire

August 20th, 2010 No comments

เกาะติดกับเพื่อนมากขึ้นให้สมกับความเป็นคนรักเพื่อนด้วย
แบ่งปันแอพพลิเคชัน เรียกดูรายการอัพเดตใหม่ๆ
และสัมผัสกับสุดยอดแพลตฟอร์มเพื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างแท้จริงจากเอชทีซี

กรุงเทพฯ – 19 สิงหาคม 2553 – เอชทีซี คอร์ปอเรชัน ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟนระดับโลก เปิดตัว HTC WildfireTM สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตระกูลแอนดรอยด์ที่มาพร้อมกับ HTC Sense ซึ่งผสานรวมโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กส์ยอดนิยมให้คุณได้ใกล้ชิดกับเพื่อนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ HTC Wildfire ถือเป็นพัฒนาการต่อเนื่องมาจาก HTC Desire ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้ และถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้กลุ่มวัยรุ่นได้สัมผัสกับประสบการณ์ในแบบ HTC Sense ได้ง่ายยิ่งขึ้น

“โลกของโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกวันนี้กลายเป็นศูนย์รวมแห่งมิตรภาพของผู้คนทั่วโลกมากกว่า 500 ล้านคน* ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้คนวัยหนุ่มสาวที่แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตระหว่างกันในหมู่เพื่อนผ่านเฟซบุ๊ค” แจ็ค ถง รองประธานของ เอชทีซี เอเชียแปซิฟิค กล่าว และเสริมว่า “HTC Wildfire ช่วยนำประสบการณ์แบบ HTC Sense มาสู่ผู้ใช้กลุ่มนี้เป็นครั้งแรก ให้ความสะดวกในการสื่อสารทุกรูปแบบผ่านบริการหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เอสเอ็มเอส อีเมล์ หรือการส่งรูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ติดตามการสนทนาในทุกรูปแบบในกลุ่มเพื่อนได้อย่างใกล้ชิด”

HTC Wildfire ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับคนสำคัญของคุณได้ผ่าน HTC Sense ที่ออกแบบมาโดยยึดประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยมีแอพพลิเคชัน FriendStream ที่ให้คุณสามารถอัพเดทกับเพื่อนๆในโซเชียลเน็ตเวิร์กส์ยอดนิยม ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และฟลิคเกอร์ ได้พร้อมกันภายในคลิกเดียว ทุกการอัพเดทของเพื่อนจะรวมอยู่ในหน้าเดียวเพื่อให้คุณเกาะติดกับเพื่อนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ HTC Wildfire ยังช่วยให้คุณติดตามข้อความและรูปภาพจากโพสต์หรือคอมเมนต์ของเพื่อนคนสนิทได้จากทุกสถานที่ด้วย

ที่สำคัญรายละเอียดของเพื่อนแต่ละคนที่ถูกเก็บบันทึกเอาไว้ในสมุดโทรศัพท์บน HTC Wildfire ยังสามารถแสดงการสนทนาที่ผ่านมาระหว่างกันได้อย่างครบถ้วน เช่น การพูดคุยโทรศัพท์ครั้งล่าสุด ข้อความหรืออีเมล์ที่ส่งหากัน รวมไปถึงรายการอัพเดตต่างๆ บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก และเมื่อมีสายเรียกเข้าจากเพื่อนคนสนิท ฟังก์ชัน HTC Caller ID ก็พร้อมแสดงรูปภาพจากหน้าโปรไฟล์บนเฟซบุ๊ค และรายละเอียดการอัพเดตครั้งล่าสุด หรือแม้แต่การแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงวันเกิดของบุคคลที่โทรเข้ามา

และด้วยวิดเจ็ต (widget) ตัวใหม่สำหรับแชร์แอพพลิเคชัน ทำให้ HTC Wildfire ช่วยให้คุณสามารถแนะนำแอพพลิเคชันให้แก่เพื่อนๆ ได้ทั้งทางอีเมล์ ข้อความสั้น หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กส์ โดยเพื่อนของคุณจะได้รับลิงก์ที่เชื่อมตรงไปยังแอพพลิเคชันบนแอนดรอยด์มาร์เก็ต และสามารถดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งบนโทรศัพท์ได้ด้วยการคลิ้กเพียงครั้งเดียว

แจ็ค ถง ยังกล่าวต่อด้วยว่า “เราเข้าใจอย่างดีว่าผู้ใช้ต้องการแนวทางในการเลือกสรรแอพพลิเคชันที่มีจำนวนกว่าแสนรายการบนแอนดรอยด์มาร์เก็ต จากการสำรวจของเราพบว่า ผู้ใช้ทั่วไปนั้นนั้นไม่เพียงแค่ต้องการเข้าถึงแอพพลิเคชันยอดนิยมหรือแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่ใช้งานกันในหมู่เพื่อนเท่านั้น แต่ยังต้องการวิธีการที่ง่ายกว่าในการค้นหาและดาวน์โหลดแอพพลิเคชันต่างๆ ด้วย และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถแนะนำแอพพลิเคชันใหม่ล่าสุดที่น่าใช้งานให้แก่เพื่อนหรือกลุ่มเพื่อนสนิทด้วย HTC Wildfire และจะได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกสรรแอพพลิเคชันจำนวนมากที่พร้อมถูกส่งต่อให้เพื่อนของคุณได้อย่างง่ายดาย”

ด้วยเทคโนโลยีบนสมาร์ทโฟนชั้นเยี่ยมของเอชทีซี ทำให้การเรียกดูหรือแบ่งปันรูปภาพบนฟลิคเกอร์ และการท่องเว็บบนอินเทอร์เน็ต เป็นไปได้อย่างสะดวกบนหน้าจอสัมผัสแบบคาพาซิทีฟขนาด 3.2 นิ้ว พร้อมด้วยกล้องดิจิตอลระดับ 5 ล้านพิกเซลและแฟลชแบบแอลอีดีในตัว ที่ช่วยให้การบันทึกภาพวินาทีสำคัญเป็นไปได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งยังมีช่องสำหรับต่อสายออดิโอ 3.5 มม. และสล็อตสำหรับใส่เอสดีการ์ด เพื่อให้คุณไม่พลาดเพลงโปรดในทุกเวลาที่ต้องการ

โตโน่แบรนด์แอมบาสเดอร์ HTC คนแรก เจาะกลุ่มคนรักเพื่อนอย่าง HTC Wildfire โดยเฉพาะ
พร้อมกันนี้เอชทีซี พร้อมประกาศเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกในไทย โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หนุ่มมาดร็อค จากเวทีเดอะสตาร์ 6 ที่กำลังร้อนเเรงอยู่ในขณะนี้ โดยเอชทีซีเลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับรุ่น HTC Wildfire ซึ่งโตโน่จะเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มองโลกในแง่ดี ชอบที่จะแบ่งปันความสนุกสนานให้กับเพื่อนตามสไตล์คนรักเพื่อน และที่สำคัญคือมีไลฟ์สไตล์เกาะติดสังคมออนไลน์ พร้อมอัพเดทชีวิตของคนใกล้ชิดเพียงนิ้วสัมผัส

หมายเหตุ: * ที่มา: www.facebook.com/press/info.php?statistics โปรดติดต่อสอบถามหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

ราคาและกำหนดการจำหน่าย
HTC Wildfire รุ่นใหม่ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ สนนราคาที่ 11,500 บาท * (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
* ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์มือถือแต่ละราย

View :1519
Categories: Press/Release Tags:

เอไอเอส จับมือ จีทีเอช เอาใจแฟนหนังเปิดช่อง “GTH Portal” เสิร์ฟความบันเทิงถึงมือถือ

August 20th, 2010 No comments

เอไอเอส โดยนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม ร่วมกับ ค่ายหนังดัง จีทีเอช โดยนายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด เอาใจลูกค้าเอไอเอสคอหนังจีทีเอช เปิดช่อง “” (จีทีเอช พอร์ทัล) เสิร์ฟความบันเทิงถึงมือแฟนคลับ ให้อัพเดทข่าวสารของค่ายหนัง และดาวน์โหลดคอนเทนต์ของหนังยอดฮิตและหนังเข้าใหม่ฟรี! ล่าสุดกับเรื่อง “กวน มึน โฮ” ทั้งภาพวอลเปเปอร์, เพลง, อ่านเรื่องย่อ, ดูตัวอย่างหนัง, เช็ครอบหนัง, จองและซื้อตั๋วหนังผ่าน mPAY ได้เลย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลุ้นชิงของที่ระลึกจากภาพยนตร์เรื่องโปรดที่หาที่ไหนไม่ได้ โดยลูกค้าเข้าไปร่วมสนุกกับ “จีทีเอช พอร์ทัล” ได้ง่ายๆ เพียงกด *900*484# แล้วโทรออก (ฟรี) รอรับลิงค์เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่หน้าจีทีเอช พอร์ทัล ได้โดยตรง

View :1431
Categories: Press/Release Tags:

แอลจี เปิดตัวจอมอนิเตอร์ LG E60 Series

August 20th, 2010 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ใหม่ ผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์หลากรุ่นที่มาพร้อมดีไซน์หรูล้ำสมัย ผสานที่สุดแห่งเทคโนโลยีหลอดภาพแอลอีดี เพื่อนำคุณสู่มิติใหม่แห่งความบันเทิง ด้วยภาพคมชัดสีสันสวยสมจริงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

แอลจีตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แอลอีดี ด้วยการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ LG E60 Series ที่ฉีกกฎการดีไซน์แบบเดิมๆ ด้วยจอไร้ขอบขนาดบางเฉียบซึ่งโดดเด่นในทุกมุมมอง และเข้ากับทุกสไตล์การตกแต่งทั้งภายในบ้านและที่ทำงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระดับพรีเมี่ยม

LG E60 Series มาพร้อมนวัตกรรมแห่งการออกแบบ ด้วยจอบางเฉียบเพียง 12.9 มิลลิเมตร พร้อมดีไซน์ ไร้ขอบสะท้อนความเพรียวบางล้ำสมัย นอกจากนี้ยังเติมเต็มความหรูหราด้วยขาตั้งคริสตัลโปร่งใสแวววาว ในรูปทรงโฉบเฉี่ยวอย่างมีสไตล์ ซึ่งติดตั้งไฟสีฟ้าไว้ภายในและสามารถเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน LG E60 Series จึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาจอมอนิเตอร์แอลอีดี เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับทุกห้องได้อย่างลงตัว

นอกเหนือจากดีไซน์อันโดดเด่นแล้ว LG E60 Series ยังมาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน ซึ่งตอกย้ำความเป็นผลิตภัณฑ์ในระดับพรีเมี่ยม ให้รายละเอียดภาพที่คมชัดและสีสันสวยสดใสยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยีหลอดภาพแอลอีดี ที่ให้อัตราความเข้มของแสงแบบ Mega Contrast Ratio จึงสามารถรับชมภาพในระดับ Full HD ได้อย่างสมจริงในทุกมุมมอง นอกจากนี้ยังใช้งานได้ง่ายด้วยฟังก์ชั่น EZ Control OSD ที่มีระบบปรับสัดส่วน

ภาพอัตโนมัติสำหรับการชมภาพยนตร์ และเพิ่มลูกเล่นการปรับแต่งภาพถ่ายได้อย่างหลากหลาย พร้อมอัตราตอบสนองที่รวดเร็วเพียง 5 วินาที จึงช่วยลดการเกิดเงาเบลอหลังภาพ ที่สำคัญยังรองรับพอร์ตการเชื่อมต่ออย่างครบครัน เพื่อความสะดวกในการรับชมคอนเทนท์ทั้ง VGA และ DVI-D โดยในรุ่น E2260V และ E2360V ยังรองรับ HDMI อีกด้วย

LG E60 Series ยังพัฒนาขึ้นภายใต้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมของแอลจี จึงมาพร้อมฟีเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้พลังงานที่ลดลงถึง 45% เมื่อเทียบกับจอแอลซีดี และการลดใช้ส่วนประกอบที่เป็นสารพิษ อาทิ ฮาโลเจน และตะกั่ว เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้

LG E60 Series พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยเทคโนโลยีแอลอีดี และที่สุดแห่งฟังก์ชั่นและดีไซน์ วางจำหน่ายแล้วในขนาด 20, 21.5 และ 23 นิ้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 4,490 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลแอลจี โทร. 02-878-5757 หรือ www.lg.com/th

View :1893
Categories: Press/Release Tags:

เตือนการใช้วอยเมลบ๊อค วางสายช้าจะถูกคิดค่าบริการ

August 16th, 2010 No comments

เตือน ผู้บริโภคใช้ แจงแต่ละเครือข่ายหน่วงเวลาให้ 6 วินาทีตัดสินใจ ดังนั้นหากไม่ฝากข้อความให้รีบวางสายมิฉะนั้นจะถูกคิดค่าบริการ

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ในบริการเสริมต่างๆของโทรศัพท์มือถือ จะมีการให้บริการรับฝากข้อความเสียง หรือ voice mail box รวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้บริโภคจำนวนหนึ่งก็หันมาใช้บริการเพื่อไม่ให้พลาดการติดต่อในกรณีที่ผู้โทรเข้าแล้วโทรไม่ติด เนื่องจาก คู่สายปิดเครื่องหรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ เลขหมายปลายทางไม่ว่างรับสาย หรือถูกตัดสายทิ้ง บริการเสริมประเภทนี้ผู้ให้บริการแต่ละรายมีเงื่อนไขการให้บริการที่แตกต่างกันไป ผู้บริโภคควรทำความเข้าใจ หรือศึกษาให้ชัดเจน

ผอ.สบท.กล่าวว่า ค่าบริการที่เกิดขึ้นในการฝากข้อความเสียงเกิดได้ทั้งจากผู้โทรเข้าและผู้รับสาย ในกรณีไม่สามารถติดต่อได้ เครื่องของผู้รับจะตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความ ซึ่งจากการตรวจสอบ สำหรับโทรศัพท์มือถือ จะมีการหน่วงเวลาให้ผู้โทรเข้าประมาณ 6 วินาที เพื่อให้วางสายก่อนหากไม่ต้องการฝากข้อความ หากเลยจากนั้นจะถูกคิดค่าบริการ โดยของบริษัทดีแทคเป็นเช่นนั้นอยู่ ส่วนของบริษัท ทรูมูฟ จะเริ่มในวันที่ 14 กรกฏาคมที่ผ่านมาจะหน่วงเวลาให้ผู้ใช้บริการ 6 วินาที แต่มีบริการของบริษัทเอไอเอส ที่จะคิดค่าบริการหลังจบประโยคว่า กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ

“โดยปกติถ้าโทรไม่ติด เครื่องจะตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความ แล้วจะมีประโยคว่า ท่านกำลังเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความของ 08xxxxx กรุณาฝากข้อความของท่านหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณ …….. ซึ่งหากผู้โทรเข้าไม่ต้องการฝากข้อความจะต้องวางสายไปภายใน 5-6 วินาที มิฉะนั้นจะถูกคิดเงินทันทีตามโปรโมชั่นที่ผู้โทรเข้าใช้บริการอยู่ “ ผอ.สบท.กล่าว

สำหรับผู้รับสาย จะถูกคิดค่าบริการเมื่อต้องการฟังเสียงข้อความที่ฝากไว้โดยโทรไปตรวจสอบที่ กล่องรับฝากข้อความเสียงของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการตามโปรโมชั่นที่ใช้บริการอยู่ มีเพียงของ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ที่คิดแตกต่างคือ สำหรับลูกค้าระบบเติมเงินจะคิดค่าบริการนาทีละ 4 บาท โดยคิดค่าบริการเป็นวินาที ส่วนลูกค้าระบบรายเดือนจะคิดค่าบริการนาทีละ 3 บาทโดยคิดค่าบริการเป็นวินาทีเช่นกัน

View :1567

ก.ไอซีทีเสนอคณะรัฐมนตรีขอมติหน่วยงานไทยร่วมสนับสนุนการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหาร ITU

August 16th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยว่า ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้กระทรวงต่างๆ ของไทยได้พิจารณาหยิบยกประเด็นการสมัครรับเลือกตั้งของประเทศไทย ในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร (Council) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( International Telecommunication Union หรือ ) เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ในโอกาสที่มีผู้แทนระดับสูงหรือเอกอัครราชทูตจากประเทศสมาชิก เข้าพบผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานไทย หรือในโอกาสที่ผู้บริหารระดับสูงของไทยเดินทางไปราชการต่างประเทศ และมีโอกาสพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิก

“เนื่องจากการเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของ ITU ในครั้งนี้ มีการแข่งขันสูงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มามาก ซึ่งเห็นได้จากจำนวนประเทศที่ลงสมัครในครั้งนี้มีมากขึ้น และประเทศต่างๆ ได้ใช้รูปแบบการหาเสียงและแลกเสียงข้ามสาขา และกระจายไปในองค์การระหว่างประเทศต่างๆ โดยในส่วนของภูมิภาคเอเชียและออสตราเลเซีย ซึ่งมีจำนวนที่นั่ง 12 ที่นั่ง ขณะที่มีประเทศที่ลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวนถึง 17 ประเทศ กระทรวงฯ จึงเห็นสมควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขอให้ทุกหน่วยงานของประเทศไทยร่วมสนับ สนุน” นายจุติ กล่าว

การเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของ ITU กำหนดจะมีขึ้นในระหว่างการประชุมใหญ่ผู้มีอำนาจเต็ม ( ITU Plenipotentiary Conference) ค.ศ. 2010 หรือ PP- 10 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เมืองฮัวดาลาฮารา ( Guadalajara) ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 4-22 ตุลาคม 2553 ทั้งนี้ ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ให้ประเทศไทยโดยกระทรวงไอซีทีสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหาร ของ ITU วาระ ค.ศ. 2010 – 2014 และได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของ ITU ในการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งของประเทศไทย กระทรวงไอซีทีและกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกันดำเนินการขอเสียง/แลกเสียง ของไทยกับประเทศสมาชิก ITU ในหลายๆ ช่องทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิก ITU ประจำประเทศไทยเพื่อขอรับการสนับสนุน และยังได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สถานเอกอัครราชทูตของไทยประจำประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพ ITU เพื่อพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการขอเสียงการสมัครรับเลือกตั้งของไทยอีก ด้วย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีก็ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีด้านโทรคมนาคม/ ICT ของประเทศสมาชิก ITU เพื่อขอเสียง/แลกเสียงด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ ITU และเตรียมท่าทีของไทยเพื่อแสดงบทบาทของประเทศไทยในเวทีการประชุมระหว่างประเทศต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยได้แต่งตั้ง “ คณะกรรมการเตรียมการสำหรับการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ.2010 ” ซึ่งมีปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธานกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ร่วมเป็นกรรมการ รวมทั้งได้อนุมัติให้ดำเนิน “โครงการการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งซ้ำเป็นสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทร คมนาคมระหว่างประเทศ ปี ค.ศ. 2010” โดยจัดทำเอกสารแผ่นพับหาเสียง รวมถึงของที่ระลึกสำหรับหัวหน้าคณะผู้แทน รองหัวหน้าคณะผู้แทน และผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม PP- 10

ITU เป็นทบวงการชำนัญพิเศษภายใต้สหประชาชาติ ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกจำนวน 191 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และมีสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สำหรับสภาบริหาร ITU ประกอบด้วยประเทศสมาชิกจำนวน 46 ประเทศ ประเทศละ 1 ที่นั่ง ซึ่งมีการแบ่งสัดส่วนในการคัดเลือกออกเป็น 5 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา 8 ที่นั่ง ยุโรปตะวันตก 8 ที่นั่ง ยุโรปตะวันออก 5 ที่นั่ง แอฟริกา 13 ที่นั่ง และเอเชียและออสตราเลเซีย 12 ที่นั่ง มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี โดยมีหน้าที่พิจารณากำหนดนโยบายและวางแผนงานด้านโทรคมนาคม รวมถึงการบริหารงานของ ITU ให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของกิจการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ รวมทั้งประสานงานในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของ ITU , ควบคุมดูแลและบริหารการเงิน รวมถึงทรัพยากรบุคคล ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้แก่ประเทศสมาชิกในการบังคับใช้ข้อกำหนดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในธรรมนูญ อนุสัญญา และระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของ ITU ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารครั้งแรกในการประชุมใหญ่ผู้แทน ผู้มีอำนาจเต็ม พ.ศ. 2516 และได้รับการเลือกตั้งซ้ำเป็นสมาชิกสภาบริหารอีก 7 สมัยติดต่อกัน ทำให้ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ ตลอดจนการบริหารและแก้ไขปัญหาสำคัญของ ITU มาโดยลำดับ อันเป็นเกียรติแก่ประเทศไทยที่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ให้การยอมรับ การปฏิบัติเช่นนี้ได้เอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในการวางแผนงานการ พัฒนาและการปรับปรุงกิจการโทรคมนาคมของไทยให้ก้าวหน้าและทันสมัยจนอยู่ใน ระดับมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

View :1428

ดีแทคปรับราคาแบล็คเบอรี่ใหม่พิเศษต่ำสุดๆ เอาใจลูกค้าสมาร์ทโฟน

August 16th, 2010 No comments

ดีแทคปรับราคาใหม่ต่ำสุดเพื่อจำหน่ายแบล็คเบอรี่ทั้ง 2 รุ่น โดย Curve 8520 ราคาเพียง 8,900 บาท ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจ) และ Bold 9700 ราคาเพียง 15,900 บาท ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจ) พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน และฟรีบริการ Internet UNLIMIT นาน 4 เดือนจากปกติเดือนละ 650 บาท รวมมูลค่ากว่า 2,600 บาท เริ่ม 12 สิงหาคม – 30 กันยายนนี้เท่านั้น วางจำหน่ายที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคทุกสาขา (ยกเว้น สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสาขาอาคารเบญจจินดา) ดีแทค เซ็นเตอร์ (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ) บูธส่งเสริมการขาย ร้าน TGFone และ Jay Mart ทุกสาขา ร้าน i-mobile , Blisstel และ IEC เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการและสามารถตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมและช่องทางการสมัครได้ที่โทร 1678 call center.

View :1592
Categories: Press/Release Tags: ,