Archive

Archive for August, 2010

SMT- สตาร์ส ไมโครฯ เติบโตเกินคาด ไตรมาส2 ทำกำไรเพิ่ม 94%

August 11th, 2010 No comments

ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับไฮเอ็นด์ของไทย
ยังรักษาสถิติการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ประกาศกำไรปกติไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 94% หลังคว้าลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้น 2 ราย และออร์เดอร์สินค้าหลักล้นทะลักยาวถึงสิ้นปี

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง SMT หรือ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรรายเดียวของประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปีนี้ เปิดเผยว่า SMT มีกำไรกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นเงิน 129.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาส 2 ปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 95.74 ล้านบาท (และเพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาส 1 ปี 2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 102.25 ล้านบาท) ในขณะที่รายได้รวมในไตรมาสนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 48% เป็น 3,590 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,420.15 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552

“บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 94% ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นกว่า 44% จากไตรมาส 1 ปีนี้ ทำให้สำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้ SMT มีกำไรปกติเพิ่มขึ้น 117.5% เป็น 204.40 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 101% เป็น 231.40 ล้านบาทตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว และมีอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ในช่วง 6 เดือนแรกถึง 0.62 บาท เพิ่มขึ้นประมาณ 50% กว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.41 บาทต่อหุ้น ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างสูงและต่อเนื่องของบริษัท และช่วยให้บริษัท มีโครงสร้างการเงินที่แข็งแกร่งกว่าเดิม โดยมีอัตราผลตอบแทนในส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ในไตรมาส 2 ที่คาดว่าสูงที่สุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คือ 28.10% (เพิ่มขึ้นจาก 15.72%ในปี 2552) และมีอัตราส่วนหนี้สินที่เสียดอกเบี้ย

ต่อทุน (Net Gearing Ratio) ลดลงเหลือเพียง 0.68 เท่าจากเดิม 1.1 เท่าและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ลดลงเหลือเพียง 1.43 เท่า จากเดิม 2.84 เท่า และมีวงเงินกู้ระยะสั้นที่ยังไม่ได้เรียกใช้กว่า 1,500 ล้านบาท

“ในไตรมาส 2 นี้ นอกจาก SMT ได้เร่งเพิ่มปริมาณการผลิตสินค้ากลุ่ม Blue Ocean หรือ สินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และมีคู่แข่งในตลาดโลกน้อย อาทิ ทัชสกรีน สำหรับสมาร์ทโฟน และเซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยางรถยนต์’ TPMS แล้ว บริษัทยังได้เริ่มผลิต โมดุลสำหรับ เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ขนาดพกพาที่ใช้เลเซอร์เทคโนโลยี แห่งเดียวของโลก ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่บริษัทพัฒนาการผลิตร่วมกับลูกค้ามากว่า 2 ปีและกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลกทำให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ในงวด 6 เดือนแรกนี้ของบริษัท เพิ่มขึ้นประมาณ 101% จากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทใช้กลยุทธ์ 3 Highs คือ 1. High-Tech 2. High-Growth 3.High Profits ที่มุ่งเน้นสินค้าระดับไฮเท็ค ที่มีกำไรสูงและเติบโตเร็ว”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 2 บริษัทคือ ลูกค้า MMAและ IC ที่ให้ SMT เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ป้อนให้ลูกค้าปลายทางในกลุ่ม สมาร์ทโฟน และในกลุ่มสินค้าชื่อดังอาทิ LED TV, PDA, iPad, iPod, iPhone โดยบริษัทได้เริ่มผลิตสินค้าให้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และในขณะนี้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตรอบใหม่ ซึ่งปกติจะขยายตัวติดต่อกัน 4-5 ปี บริษัทฯจึงคาดว่าจะส่งผลสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี

“SMT จึงได้ประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายผลประกอบการสำหรับปี 2553 นี้อีกครั้งเป็นเติบโต 80% จากเดิมที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วเป็นเติบโตกว่า 60% จากการเติบโต 40% ในไตรมาส 2 เนื่องจากทั้งรายได้รวมและกำไรสุทธิมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าและต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่มคือ 1. ชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA หรือ Microelectronics Module Assembly) และ 2. ไอซีชิพหรือแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC หรือ Integrated Circuit) โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม บลูโอเชียน ที่มีผลิตภัณฑ์หลักที่เติบโตสูงสุดได้แก่ 1. ระบบทัช สกรีนสำหรับสมาร์ทโฟน 2. ‘เซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยาง’ TPMS หรือ Tire Pressure Monitoring System Sensors

3. โมดุลสำหรับ เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ขนาดพกพาที่ใช้เลเซอร์เทคโนโลยี (Laser Projector Modules) ซึ่ง SMT จะได้รับประโยชน์โดยตรงเพราะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับ Prime Source (หรือผู้ผลิตชิ้นส่วนรายหลักของอุตสาหกรรมโลก) ให้กับทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์โดยลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นแบรนด์ผู้นำอันดับ 1 ของโลก และแบรนด์ระดับโลกอื่นๆอีกหลายแบรนด์ที่มียอดขายเติบโตอย่างสูงและต่อเนื่องทั่วโลก ไม่จำกัดเพียงสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป โดยเฉพาะในเอเซียมีการเติบโตสูงมากเช่นกัน”

สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ได้ขยายกำลังการผลิตทั้ง สายงานไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA) และวงจรไฟฟ้ารวม (IC) เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้เป็น 100,000,000 ชิ้นต่อปีและ 1,200,000,000 ชิ้นต่อปีตามลำดับ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30% และ 70% จากปีที่แล้ว ด้วยงบลงทุนทั้งหมดกว่า 400 ล้านบาทในปีนี้ โดยใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงาน โดยขณะนี้บริษัทกำลังมุ่งผลิตทั้งชิ้นส่วน IC หรือแผงวงจรไฟฟ้ารวมและ ระบบทัชสกรีนของสมาร์ทโฟน สำหรับลูกค้าหลักแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลก ที่มีปริมาณออเดอร์เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ และสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟนระดับโลกรายใหม่แบรนด์ญี่ปุ่น-ยุโรป ซึ่งในตลาดโลกขณะนี้มีความต้องการสมาร์ทโฟนทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างสูงและต่อเนื่อง โดยคาดว่ายอดขายสมาร์ทโฟนจะเพิ่มเป็น 500 ล้านเครื่องภายในปี 2555* โดย SMT ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตระดับ Prime Source ของโลกจะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่องจากบริษัทฯ มีเทคโนโลยีของตนเองที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากการพัฒนามากว่า 4 ปี

อนึ่งบริษัท บมจ. สตาร์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ SMT ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 2 กลุ่มคือ 1. ธุรกิจผลิตไอซีชิพหรือแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC หรือ Integrated Circuit) และ 2. การผลิต-ประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA หรือ Microelectronics Module Assembly) โดยมีฐานการผลิตทั้ง 2 กลุ่มอยู่ภายในอาคารเดียวกัน และเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีมาตลอดสามารถเพิ่มยอดกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี ยังเป็นบริษัทแรกที่ได้รับผลประโยชน์พิเศษจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์และจาก BOI ให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีรายได้ตลอด 8 ปีโดยไม่มีการกำหนดเพดานผลกำไรสุทธิสะสมทำให้บริษัทฯคาดว่าจะเพิ่มปริมาณกำไรสุทธิจากโครงการนี้กว่า 500 ล้านบาทตามระยะเวลาสิทธิประโยชน์ที่เหลือ
* Smart Phone Research by the Gartner Group, 2010

View :1554

ซีเอส ล็อกซอินโฟ มีกำไรครึ่งปีแรก – 182 ล้านบาท

August 11th, 2010 No comments

หรือคิดเป็น 0.31 บาทต่อหุ้น

บริษัท มีกำไรสุทธิรวมสำหรับไตรมาสที่ 2/2553 จำนวน 96 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรรวมครึ่งปีแรกเท่ากับ 182 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.31 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 45 ล้านบาทหรือร้อยละ 33 จากครึ่งปีก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตและธุรกิจการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์และบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Voice & Mobile Content Business) ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 161 ล้านบาท หรือ 0.27 บาท/หุ้น ดังนั้น ในวันที่ 10 สิงหาคม 2553 คณะกรรมการบริษัทฯจึงมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 2553 จำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 93 ของผลการดำเนินงานจากงบการเงินเฉพาะกิจการในครึ่งปี 2553สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ต มีกำไรเพิ่มขึ้น 15 ล้านบาทหรือร้อยละ 31 จากครึ่งปีก่อนเนื่องจากการเติบโตของรายได้ในกลุ่มบริการภาคธุรกิจเอกชน (Leased Line) บริการอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (IDC) และบริการด้าน IT Solutions ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับกลุ่มสินค้าธุรกิจการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์และการบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Voice Info Services & Mobile Content Services) มีกำไรเพิ่มขึ้น 48 ล้านบาทจากครึ่งปีก่อน เนื่องจากการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพและการเพิ่มบริการในรูปแบบใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ทำให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น

สำหรับธุรกิจโฆษณาสมุดหน้าเหลือง มีกำไรลดลง 19 ล้านบาทจากปีก่อน เนื่องจากการลดลงของยอดโฆษณาสมุดหน้าเหลืองฉบับกรุงเทพ ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจในปีก่อน ดังนั้นเพื่อชดเชยยอดขายโฆษณาที่ลดลง บริษัทจึงมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นตลาด Consumer และ Vertical Directories ตามลักษณะการใช้งานและพื้นที่บริการ ตลอดจนส่งเสริมการให้บริการสมุดหน้าเหลืองแบบออนไลน์ทั้งทางอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่อง

View :1446

“มารู้จักโครงการ SMART RFID กันเถอะ”

August 11th, 2010 No comments

คือ Radio Frequency Identification: หรือในชื่อย่อๆว่า โครงการ SMART RFID

เมื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะสมัครใจเข้าร่วมโครงการ SMART RFID ผู้ขับขี่จะได้รับเครื่องหมาย 2 ส่วนประกอบด้วย
1. SMART TAG หมายถึง เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ ที่มีส่วนประกอบของ RFID
Chip สำหรับติดที่กระจกหน้าของยานพาหนะ หรือจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน

วิธีการติดตั้ง SMART TAG ทำได้ต่อเมื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะสมัครเข้าร่วมโครงการ SMART RFID เพียงชำระเงินเพิ่มอีก 120 บาท ผู้ขับขี่จะได้รับทั้ง SMART TAG และ SMART PASS เพื่อนำมาติดที่ยานพาหนะ โดย SMART TAG สามารถนำไปติดตั้งที่กระจกหน้ารถได้ตามปกติ

2. SMART PASS ซึ่งก็คือ RFID ที่ติดตั้งบริเวณไฟหน้ายานพาหนะ เพื่อให้การจัดเก็บข้อมูลครบถ้วนที่สุด

วิธีการติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทะเบียนยานพาหนะอิเล็กทรอนิกส์(SMART PASS) ประกอบด้วย
1. ติดตั้งจุดแรก ให้ติด SMART PASS บริเวณโคมไฟหน้ารถยนต์ด้านขวามือของรถ หรือโคมไฟหน้าจักรยานยนต์
2. เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่จะติดตั้ง
3. ฉีกแผ่นวงกลม SMART PASS ตามรอยปรุ และลอกกระดาษติดแถบสติกเกอร์ด้านหลังแผ่นออก
4. ทาบแผ่นวงกลมในบริเวณกึ่งกลางโคมไฟหน้า โดยให้แถบ SMART PASS อยู่ในตำแหน่งตามแนวนอนจากนั้น กดแถบ SMART PASS เข้ากับโคมไฟให้แน่น
5. ลอกแผ่นวงกลมออก แสดงถึงการติดตั้งเรียบร้อย
6. กรอกข้อมูลลงในแผ่นวงกลม แล้วนำไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ เพื่อร่วมรายการชิงโชค ลุ้นรางวัล 1,000,000 บาททุกเดือน พร้อมทั้งจะมีการจับรางวัลกว่า 100,000 บาททุกสัปดาห์ โดยจะเริ่มจับรางวัลครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2553

ทั้งนี้เมื่อผู้ขับขี่ยานพาหนะได้ทำการติดตั้งเครื่องหมาย 2 ส่วน ซึ่งประกอบด้วย SMART TAG และ SMART PASS เป็นที่เรียบร้อย ระบบจะเข้าสู่การทำงานโดยอัตโนมัติ โดยรถที่วิ่งผ่านจุดที่ติดตั้งเครื่องอ่าน ข้อมูลที่อ่านได้จะถูกบันทึกเก็บไว้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขอตรวจสอบข้อมูลของยานพาหนะที่ผ่านจุดติดตั้งเครื่องอ่านข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว

ระบบเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) เป็นระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันที่เห็นได้ชัดเจนคือการนำระบบRFIDมาแทนที่ระบบบาร์โค้ด ในลักษณะของการใช้คลื่นความถี่วิทยุมาช่วยในการอ่านรหัส โดยไม่ต้องมีการสัมผัส ในขณะที่สินค้ายังเคลื่อนไหวพร้อมกันในหลายๆ ชิ้น เช่นเดียวกัน เมื่อนำเทคโนโลยี RFID มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี รูปแบบใหม่โครงการ SMART RFID เทคโนโลยี RFID จะสามารถอ่านข้อมูลจากเครื่องหมาย (SMART PASS) และ SMART TAG ได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับข้อดีของการจัดทำโครงการพัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่
Radio Frequency Identification: RFID Tag ประกอบด้วย
• หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสะดวกต่อการกำกับดูแลด้านการจราจรได้อย่างมีระบบ
• หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถตรวจสอบการใช้ยานพาหนะในกรณีเกิดอาชญากรรมได้
• ตรวจสอบขั้นตอนการขนส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำ
• นิติบุคคลประเภทธุรกิจเช่าซื้อรถ สามารถบริหารจัดการการเช่าซื้อ และเช่ารถได้ง่ายขึ้น
• นิติบุคคลประเภทธุรกิจประกันภัยได้รับความสะดวกในระบบที่เกี่ยวข้องกับ E-Insurance
• เพิ่มความปลอดภัยสาธารณะให้กับผู้ใช้รถ ใช้ถนน
• ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะได้รับความสะดวกในการตรวจเช็คการขาดต่อภาษีประจำปี
• ผู้ขับขี่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากร้านค้า หรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีสัญลักษณ์ SMART PASS

View :1861

กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ทดลองใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ หรือ RFID Tag

August 11th, 2010 No comments

11 สิงหาคม 2553 วันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 69 ปี ด้วยการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด!! เปิดทางเลือกใหม่ให้เจ้าของรถที่ครบกำหนดชำระภาษีรถประจำปีทดลองใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ หรือ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5

นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดี เปิดเผยว่า วันที่ 11 สิงหาคม 2553 เป็นวันคล้าย วันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 69 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มุ่งพัฒนางานด้านบริการเพื่อให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจสูงสุด เช่น เปิดช่องทางการรับชำระภาษีรถประจำปีหลายช่องทาง อาทิ ช็อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax) ซึ่งเปิดให้บริการรับชำระภาษีรถในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ห้างคาร์ฟูร์ ในกรุงเทพและปริมณฑล13 สาขา และตามห้างสรรพสินค้าในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ, เลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) รับชำระภาษีรถผ่านช่องทางพิเศษด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงขับรถผ่านช่องให้บริการเพื่อชำระภาษีรถ แล้วขับผ่านออกไปได้โดยไม่ต้องลงจากรถ, การให้บริการด้านทะเบียนรถรูปแบบใหม่ (Drive Thru Service)

สำหรับเจ้าของรถที่ต้องการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง เปลี่ยนสีรถ เปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือแจ้งติดตั้งโครงเหล็กหรือโครงหลังคา สามารถขับรถเข้าช่องตรวจสภาพรถแล้วขับผ่านไปรับบริการที่ช่อง (Drive Thru Service) เพื่อดำเนินการทางทะเบียนได้ทันทีโดยไม่ต้องลงจากรถ, รถเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถ (Mobile for Tax) จะออกหน่วยให้บริการรับชำระภาษีในเขตพื้นที่ห่างไกล และการรับชำระภาษีรถประจำปี ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่ www.dlte-serv.in.th อีกทั้งเปิดให้บริการขอรับใบอนุญาตขับรถรูปแบบใหม่ที่มีความสวยงาม คงทน มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล มีระบบป้องกันการปลอมแปลงและเป็นรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล สามารถนำไปใช้ในประเทศกลุ่มอาเซียนได้

นอกจากนี้ยังจัดรถโมบาย E-exam หมุนเวียนออกให้บริการทำใบอนุญาตขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ รวมทั้งมีการผลักดันให้มีข้อตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-ลาว เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและพัฒนาการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ, นอกจากนี้ได้จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการรถโดยสารธารณะ ตลอดจนการกำหนดให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ทุกคัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 ต้องติดตั้งมิเตอร์แสดงอัตราค่าโดยสารที่มีเครื่องพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน และเตรียมจัดทำโครงการแท็กซี่ VIP เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการประชาชนต่อไป

สำหรับการจัดกิจกรรรมในวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ในปีนี้ จะมีกิจกรรมเปิดให้เจ้าของรถที่ครบกำหนดชำระภาษีรถประจำปี ทดลองใช้เครื่องหมายการเสียภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ RFID Tag เป็นวันแรก ณ บริเวณด้านหน้าอาคาร 1 ซึ่งผู้ที่สมัครใจทดลองใช้ RFID Tag ในวันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ จะได้รับการยกเว้นเฉพาะค่าธรรมเนียมของ RFID Tag จำนวน 120 บาท นอกจากนี้ในช่วงบ่ายจะมีกิจกรรมมอบสิ่งของเครื่องใช้และ เงินเพื่อการยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุสถานสงเคราะห์คนชรา บางเขน ด้วย อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้าย

View :1623

รีเสิร์ช อิน โมชั่น เปิดตัว ‘แบล็กเบอร์รี่ 6’

August 11th, 2010 No comments

สุดยอดระบบปฏิบัติการแห่งสมาร์ทโฟนที่เหนือระดับ
รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion- ) ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนตระกูลแบล็กเบอร์รี่ และผู้นำด้านการออกแบบและผลิตนวัตกรรมโซลูชั่นไร้สาย ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 (BlackBerry® 6) สุดยอดระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม โดยคงไว้ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะตัวของระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ พร้อมกับนำเสนอประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ง่าย และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 สามารถใช้งานได้กับทั้งสมาร์ทโฟนหน้าจอระบบสัมผัสและแป้นควบคุมการทำงานแบบปลายนิ้วสัมผัส (หรือ แทร็คแพด) เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น นอกจากนั้น ระบบปฏิบัติการใหม่นี้มาพร้อมความสามารถในด้านการรับส่งข้อความ ระบบการจัดการและติดตามสังคมออนไลน์ และเทคโนโลยี RSS feeds ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร และนำเสนอประสบการณ์ด้านมัลติมีเดียที่เหนือระดับ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ง่ายต่อค้นหาด้วยระบบ Universal Search และเบราว์เซอร์ตระกูล WebKit ที่สามารถเรนเดอร์ภาพหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็วและสวยงาม เพื่อเพิ่มประสบการณ์การท่องโลกอินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนในอีกระดับขั้น

มร. ไมค์ ลาซาริดิส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โม ชั่น กล่าวว่า “ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 คือผลจากความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของริม ในการนำเสนอประการณ์ในอีกระดับชั้นของการใช้งานสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ ที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ลงตัวสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ทั้งแบบจอสัมผัสและแบบแป้นคีย์บอร์ด ระบบปฏิบัติการใหม่นี้เป็นผลจากการค้นคว้าวิจัยและการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานแบล็กเบอร์รี่ พร้อมนำเสนอประสบการณ์ด้านการสื่อสาร การค้นหาข้อมูล และประสบการณ์ด้านมัลติมีเดียที่คาดว่าจะถูกใจผู้ใช้งาน และริมมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการนำเสนอระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ไปพร้อมกับการเปิดตัวแบล็กเบอร์รี่ ทอช 9800 (BlackBerry Torch) สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ”

รูปแบบการใช้งานที่ลงตัว
ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ได้รับการออกแบบเพิ่มเติมจากระบบระบบปฏิบัติการเดิม เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการแสดงผลภาพที่โฉบเฉี่ยวสะอาดตา พร้อมทั้งสามารถเข้าสู่เมนูการใช้งานต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว รูปแบบการใช้งานใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้มีทั้งความใหม่ และยังคงเป็นที่คุ้นเคยกับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี จึงช่วยมอบประสบการณ์การใช้งานที่แสนเพลิดเพลิน เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และสร้างความพอใจอย่างสูงให้แก่ผู้ใช้งานไม่ว่าจะใช้สมาร์ทโฟนหน้าจอระบบสัมผัสหรือแบบคีย์บอร์ด

ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ยังมาพร้อมกับมุมมองที่หลากหลาย (multiple views) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับแอพพลิเคชั่นและคอนเทนต์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยไอคอนต่างๆ จะแสดงไว้บนหน้า Home Screen ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกมุมมองการแสดงแอพพลิเคชั่นได้ถึง 5 รูปแบบ (ได้แก่ All, Favorites, Media, Downloads และ Frequent) และสามารถเข้าใช้งานได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ผู้ใช้งานสามารถจัดการแอพพลิเคชั่นและคอนเทนต์ต่างๆ ได้ไม่ว่าจะต้องการให้ไอคอนนั้นๆ ปรากฎอยู่ที่ใด และยังสามารถเพิ่มข้อมูลผู้ติดต่อ หรือทางลัดหน้าเว็บได้โดยตรงบนหน้า Home Screen

อีกหนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 คือ Action Menus ที่มีความละเอียดของการแสดงผลภาพสูง ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ (context-sensitive) ในแอพพลิเคชั่นอันใดอันหนึ่ง ผู้ใช้งานสามารถนำเอาวิธีการใช้งาน หรืองานที่ใช้บ่อยที่สุดของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ มาวางไว้บนหน้าจอหลักได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิก trackpad และค้างไว้ หรือสัมผัสหน้าจอค้างไว้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานได้หลายอย่างพร้อมกันได้อย่างราบรื่น เพียงกดปุ่ม Menu ค้างไว้ ซึ่งก็จะมี pops up แสดงตารางภาพ (visual grid) ของทุกแอพพลิเคชั่นที่กำลังใช้งานอยู่ปรากฎขึ้นมา จากนั้นก็สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ สลับกลับไปมาได้ทันที

นอกจากนั้น ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ยังมาพร้อมด้วยระบบ Universal Search เพื่อการค้นหาอันทรงประสิทธิภาพ ที่สามารถเข้าใช้งานได้จากหน้า Home Screen ได้โดยตรง เพียงแค่คลิกหรือแตะไอคอน Universal Search ผู้ใช้งานก็จะสามารถค้นหาคอนเทนต์ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในเครื่องสมาร์ทโฟน เว็บไซต์ หรือ BlackBerry App World™ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญของระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 เช่นกัน

Universal Search

ท่องเว็บอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์แบบ
ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ผสานรวมการทำงานของเบราว์เซอร์ใหม่ตระกูล WebKit ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ที่สามารถเรนเดอร์ภาพหน้าเว็บ (รวมทั้งอีเมล) ได้อย่างรวดเร็วและสวยงาม เพื่อเสริมประสบการณ์การท่องเว็บไซต์ให้น่าประทับใจยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังโดดเด่นด้วยแท็ปสำหรับเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ หลายเว็บได้ในเวลาเดียวกัน และคุณสมบัติพิเศษในการซูมข้อความ แบบ auto-wrap ที่สามารถเก็บข้อความในคอลัมน์ได้อย่างชาญฉลาด ขณะที่ยังคงรักษาการวางตำแหน่งขององค์ประกอบสำคัญต่างๆ บนหน้าจอและสามารถกดซูมได้

แอพพลิเคชั่น Social Feeds และ Text Messaging
แอพพลิเคชั่น Social Feeds ใหม่ เพื่อช่วยจัดการและติดตามเครือข่ายสังคมออนไลน์ และระบบ RSS feeds เพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้เข้าใช้งานโปรแกรม BlackBerry® Messenger (BBM™) ที่คุ้นเคย ตลอดจนแอพพลิเคชั่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook®, Twitter™, MySpace™, AOL® Instant Messenger™, Google Talk™, Windows Live™ Messenger และ Yahoo!® Messenger ได้อย่างครบวงจร แอพพลิเคชั่น Social Feeds ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการเชื่อมต่อสังคมออนไลน์ สามารถติดตามกิจกรรมต่างๆ บนระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้งานสามารถโพสต์ข้อมูลอัพเดทต่างๆ ทางระบบเครือข่ายที่หลากหลายได้พร้อมๆ กัน และสามารถเพิ่ม RSS Feeds สุดโปรดได้จากแอพพลิเคชั่น Social Feeds หรืออาจเพิ่มได้โดยตรงจากเว็บไซต์ขณะที่กำลังท่องอินเตอร์เน็ต

แอพพลิเคชั่น Social Feeds

นอกจากนั้น สำหรับผู้ใช้งานที่นิยมสื่อสารผ่านข้อความ SMS และ MMS เป็นส่วนใหญ่ แอพพลิเคชั่น Text Messages เพิ่มคุณสมบัติพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจ อันรวมไปถึงความสามารถในการดูการสนทนาได้ในรูปแบบ การแชท แบบ one threaded รวมทั้งแบ่งปันรูปภาพและวิดีโอ อย่างสมบูรณ์แบบ

อีกขั้นของประสบการณ์ด้านมัลติมีเดีย
ประสบการณ์ด้านมัลติมีเดียของระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อนำเสนอความประทับใจแก่ผู้ใช้งาน โดยสามารถเข้าถึง album art ได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าขณะเล่นเพลงและวิดีโอใหม่ BlackBerry® Desktop Software 6 ผสานซอฟต์แวร์มีเดียซิงค์ (media sync) เข้าไว้เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อรูปภาพ และวีดิโอ รวมทั้งเพลงในโปรแกรม iTunes® และ Windows Media® Player เข้าในสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่น Wi-Fi Music Sync ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดู music library ในโปรแกรม iTunes® และ Windows Media® Player ได้ทั้งหมดจากเครื่องแบล็กเบอร์รี่ รวมทั้งสามารถสร้างและแก้ไขรายการเพลย์ลิสต์ รวมทั้งเลือกเพลงที่จะดาวน์โหลดได้อีกด้วย ขณะที่ใช้งานระบบเครือข่าย Wi-Fi ภายในบ้าน (หรือผ่านทาง USB) การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโปรแกรม iTunes® และ Windows Media® Player และเพลงต่างๆ จะถูกดาวน์โหลดเข้าไปยังเครื่องแบล็กเบอร์รี่โดยอัตโนมัติ

ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานโหมดการทำงานต่างๆ ของ กล้องถ่ายรูป จึงสามารถจับภาพได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การแก้ไข จัดการ และแบ่งปันรูปภาพยังทำได้ง่ายดายมากด้วยทางเลือกในการจัดกลุ่มภาพที่พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม

ไม่เพียงเท่านี้ แอพพลิเคชั่น Podcasts ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหา และจัดการพอดแคสต์ในรูปแบบเสียงและวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ใช้งานสามารถดูพอดแคสต์ทั้งหมดที่บันทึกไว้ในเครื่องแบล็กเบอร์รี่ ค้นดูในรายการแคตตาล็อกของพอดแคสต์ที่สามารถดาวน์โหลดได้ รวมทั้งสมัครใช้บริการ และดาวน์โหลดคอนเทนต์ดังกล่าวแบบไร้สายเข้ามาเก็บไว้ในเครื่องได้โดยตรง นอกจากนั้น ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ มาพร้อมแอพพลิเคชั่นเฉพาะสำหรับ YouTube® จึงทำให้การชม และการแบ่งปันวิดีโอจึงทำได้ง่ายกว่าที่เคย และผู้ใช้งานสามารถค้นหาวิดีโอได้สะดวกโดยใช้เครื่องมือ Universal Search ใหม่ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6

ความสามารถในการใช้งานร่วมกันได้กับสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่รุ่นปัจจุบัน
ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 เปิดตัวเป็นครั้งแรกพร้อมกับสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่รุ่นใหม่ ‘แบล็กเบอร์รี่® ทอช™ (ที่มีการเปิดตัวไปในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้) ระบบปฏิบัตินี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่บางรุ่นมีวางจำหน่ายแล้ว คือ แบล็กเบอร์รี่® โบลด์™ 9700 และแบล็กเบอร์รี่® โบลด์™ 9650 รวมทั้งสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่รุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายต่อไป (ทั้งนี้โดยขึ้นอยู่กับการยืนยันของผู้ให้บริการโทรคมนาคมในอีกหลายเดือนข้างหน้า)

พร้อมกันนี้ รีเสิร์ช อิน โมชั่น ยังได้เปิดตัว ชุดพัฒนาซอฟท์แวร์ (SDK) สำหรับระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 โดยกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.blackberry.com/developers/

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 สามารถคลิกชมได้ที่ www.blackberry.com/6 หากต้องการชมภาพหน้าจอ (screen shot) สามารถเข้าไปที่บล็อก Inside BlackBerry Blog www.blackberry.com/blog ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบล็กเบอร์รี่® ทอช™ ที่วางจำหน่ายโดย เอทีแอนด์ที สามารถคลิกชมได้ที่ www.att.com/blackberrytorch

* ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 อาจไม่รองรับไฟล์เพลงบางรูปแบบ ซึ่งรวมถึงไฟล์ที่ปกป้องด้วยเทคโนโลยีการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ดิจิตอล (digital rights management technologies) การเชื่อมต่อไฟล์รูปภาพและวิดีโอสามารถทำได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้น

View :1364
Categories: Press/Release Tags: ,

นายกรัฐมนตรีร่วมถวายพระพรออนไลน์

August 11th, 2010 No comments

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีถวายพระพรออนไลน์ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงฯ หน่วยงานในสังกัด และผู้บริหารหน่วยงานใกล้เคียงร่วมให้การต้อนรับ สำหรับกิจกรรมเฉลิมพระเกียรตินี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการถวายพระพรออนไลน์ที่กระทรวงฯ ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 12 สิงหาคม 2553 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ โดยร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัด องค์กร และภาคเอกชนต่างๆ จัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ พร้อมแสดงสินค้าด้านการสื่อสารจากภาคเอกชน ตลอดจนการแสดงนิทรรศการพร้อมจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานต่างๆ และกิจกรรมบนเวที นอกจากนี้ยังมีการให้บริการถวายพระพรผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยการส่งเป็นข้อความสั้น (SMS) ผ่านหมายเลข 4567890 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และกระทรวงฯ จะได้รวบรวมข้อความถวายพระพรแสดงความจงรักภักดีของประชาชนผ่านโครงการถวายพระพรออนไลน์นี้ จัดทำเป็นข้อความ “ทรงพระเจริญ” ทูลเกล้าถวายต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต่อไป

View :1451

ก.ไอซีที แจงคืบหน้าตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมฯ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมฯ องค์การมหาชน

August 11th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ (สธอ.) ว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) มีมติอนุมัติให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามที่คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการทบทวนและปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการด้าน เศรษฐกิจ (อ.ก.พ.ร.) เสนอแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงได้ลงนามในหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อส่งร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และเพิ่มขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ สธอ. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา

จากนั้นได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทน จากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที เพื่อพิจารณาปรับปรุงร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงฯ เป็นที่เรียบร้อย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เสนอร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) พร้อมทั้งขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงฯ แจ้งยืนยันความเห็นชอบในร่างกฎกระทรวงฯ ที่ผ่านการพิจารณานี้ ไปยัง สลค. โดยตรงด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ได้ลงนามในหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งยืนยันความเห็นชอบร่างกฎ กระทรวงฯ แล้ว และขอให้ สลค.นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานพัฒนา ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) นั้น ได้มีการจัดทำรายละเอียดคำขอจัดตั้งสำนักงานฯ พร้อม (ร่าง) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เพื่อเสนอเรื่องการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ เข้าที่ประชุม ครม. ซึ่งกระทรวงฯ ได้เสนอให้ ครม. พิจารณา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 และครม.มีมติมอบหมายให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.พ.ร. รับเรื่องนี้ไปพิจารณาใน ก.พ.ร. เป็นกรณีเร่งด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป

ส่วนรายละเอียดในการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรก รรมทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) นั้น ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง ก.พ.ร. นายรอม หิรัญพฤกษ์ ทีมที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการฯ สำนักงานปลัดกระทรวงฯ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (สบทร.) ในประเด็นสำคัญๆ คือ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ (สำนักงานปลัดกระทรวงฯ) และขอบเขตอำนาจหน้าที่ขององค์การมหาชน ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานที่เป็นส่วนราชการอยู่ จึงต้องมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในภารกิจ ด้านโครงสร้างการบริหารงานได้กำหนดให้ขึ้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยคล่องตัว มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนการบริหาร

“โดยนโยบายที่ผมได้วางนั้น กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักส่งเสริมและพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงฯ จะต้องดำเนินการใน 4 ด้าน คือ 1.งานด้านนโยบายและแผน 2.ภารกิจตามกฎหมาย 3.การกำกับดูแล และ 4.การติดตามและประเมินผล ขณะที่ภารกิจขององค์การมหาชนที่จะจัดตั้งใหม่ จะเป็นงานในส่วนของภาคปฏิบัติที่รวมถึงการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะสอดคล้องกับหลักการของการจัดตั้งองค์การมหาชนและข้อสังเกตของ ก.พ.ร.ด้วย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ จะได้มีการนำรายละเอียดการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ทั้งในส่วนของขอบเขตอำนาจหน้าที่ บทบาทภารกิจที่ชัดเจน รวมถึงตัวชี้วัดที่สำคัญ กระบวนการจัดเก็บ แหล่งข้อมูล วิธีการวัดที่เป็นรูปธรรมชัดเจน และผลงานที่โดดเด่นขององค์การมหาชนที่เสนอขอจัดตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณา เช่น ถ้าจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ แล้ว ประชาชนและประเทศชาติจะได้อะไร โดยจะนำเสนอให้คณะกรรมการ ก.พ.ร.พิจารณาอย่างเร่งด่วน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” นายจุติ กล่าว

View :1358

เอไอเอสทำเก๋ สร้าง MV เพลง โปรโมท “บริการเสริมกลุ่มวอยซ์” ให้ลูกค้าโหลดฟรี!

August 11th, 2010 No comments

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส เผยว่า “การทำตลาดบริการเสริมนั้น นอกเหนือจากการมุ่งพัฒนาบริการเสริมกลุ่มโมบายอินเตอร์เน็ต และ คอนเทนต์ (นอนวอยซ์) เพื่อกลุ่มสมาร์ทโฟน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว บริการที่จะช่วยจัดการสายเรียกเข้า และกำหนดการใช้งานการโทรออกให้เหมาะสมตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา เช่น บริการเลือกรับสาย (Call Screening), บริการเลือกไม่แสดงหมายเลขโทรออก (Private Number), บริการคุยกันเป็นกลุ่ม (Talk2Group) และบริการพื้นฐานอย่างวอยซ์เมล์, โอนสาย, รับสายเรียกซ้อน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนต่อเดือนนั้น ก็เป็นกลุ่มที่ยังคงสามารถเป็นผู้ช่วยในการใช้ชีวิตให้กับลูกค้าฐานใหญ่เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมา เอไอเอสไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาและแนะนำการใช้งานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”

ล่าสุด เพื่อเป็นการแนะนำบริการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เอไอเอสจึงได้สร้างสรรค์สื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของมิวสิควีดีโอเพลง ชื่อ “ขอบคุณที่เข้าใจ” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของคนทำงานยุคใหม่ที่งานรัดตัว ทำให้ไม่มีเวลาจัดการกับชีวิตตัวเอง ทั้งเรื่องงานและส่วนตัว ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างห่างเหิน ซึ่งบริการกลุ่มดังกล่าวจะช่วยรับมือและจัดการกับทุกสถานการณ์และการติดต่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

โดยเปิดให้ลูกค้าเอไอเอสดาวน์โหลดคอนเทนต์เพลงในรูปแบบ มิวสิควีดีโอ, เพลงเต็ม, ทรูโทน, เพลงรอสาย หรือส่งเพลงให้เพื่อน ฟรี! เพียงกด *595# แล้วโทรออก นอกจากนี้ ยังจัดทำเป็นแผ่นซีดีเพลงพร้อมมิวสิควีดีโอ มอบให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการที่ SHOP ทั่วประเทศ (จำนวนจำกัด) อีกด้วย

View :1428
Categories: Press/Release Tags:

เอชพีประกาศเปิดตัว HP Converged Infrastructure

August 11th, 2010 No comments

เอชพี พัฒนาระบบเครือข่ายให้ทำงานง่ายยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย พร้อมก้าวสู่ระบบ Converged Infrastructure

เอชพีประกาศเปิดตัวโซลูชั่นระบบเครือข่ายสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากพอร์ทโฟลิโอเทคโนโลยีเครือข่ายอันโดดเด่นบนระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวก หรือ ส่งผลให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์สามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

โซลูชั่นระบบเครือข่ายใหม่ดังกล่าวประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ Fibre Channel over Ethernet (FCoE) module รุ่น HP A5820 (H3C S5820x) ที่มีสมรรถนะสูง รองรับการทำงานของอุปกรณ์สวิตช์ศูนย์ข้อมูล โดยได้รับการออกแบบให้มีความพร้อมในการใช้งานเพิ่มขึ้น มีความยืดหยุ่นสูงและลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของระบบโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย นอกจากนี้ โซลูชั่นระบบเครือข่ายใหม่ดังกล่าวยังนำเทคโนโลยีระดับเซิร์ฟเวอร์มาใช้งานกับระบบเครือข่ายศูนย์ข้อมูล ที่เรียกว่า FlexFabric ของเอชพี ที่ทำงานบนระบบ Converged Infrastructure เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานอย่างปลอดภัยสูงสุด มีสมรรถนะยอดเยี่ยม และมีความยืดหยุ่นเป็นเลิศ

ระบบเครือข่ายศูนย์ข้อมูลรุ่นเก่ามีความซับซ้อน ไม่ยืดหยุ่น และมีราคาแพง ทั้งยังไม่มีสมรรถนะรองรับระบบเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลาย ตลอดจนไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น FCoE คือ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ลดความซับซ้อนในการทำงานของระบบเครือข่าย ทั้งยังประหยัดต้นทุน ตลอดจนสามารถสนับสนุนการทำงานของโซลูชั่นเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลแบบ Fiber Channel และ iSCSI รุ่นเก่าได้อย่างดี

ผลิตภัณฑ์ FCoE ที่ทำงานกับอุปกรณ์สวิตช์ศูนย์ข้อมูลรุ่น HP A5820 สามารถเชื่อมโยงเครื่องเซิร์ฟเวอร์ปกติและเสมือนจริง ระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ต และระบบเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้การเชื่อมต่อของระบบต่างๆ ง่ายขึ้น และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการทำงานที่มีความซับซ้อนสูงในการทำงานระดับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ การเลือกใช้โมดูล FCoE จึงทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องดำเนินการปรับปรุงระบบเครือข่าย เนื่องจากสามารถเลือกย้ายปรับเปลี่ยนระบบเพื่อเข้าใช้โมดูล FCoE อย่างครบวงจร ส่งผลให้ลูกค้าสามารถจัดทำแผนรองรับการใช้เทคโนโลยีการผนวกรวมเครือข่ายที่จะมีขึ้นในอนาคต ควบคู่กับการใช้โซลูชั่นเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลแบบ Fibre Channel ที่ติดตั้งไว้เดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สนับสนุนเครือข่ายแบบผนวก ผลิตภัณฑ์ FCoE ใหม่ของเอชพี มีประสิทธิภาพตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม รองรับ
การทำงานของอุปกรณ์สวิตช์ศูนย์ข้อมูลรุ่น HP A5820 โดยผนวกรวมอุปกรณ์สวิตช์เครือข่าย อุปกรณ์สวิตช์จัดเก็บข้อมูล อะแด็ปเตอร์เซิร์ฟเวอร์ และอะแด็ปเตอร์เครือข่ายจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้การใช้อุปกรณ์และสายเคเบิลลดลงถึงร้อยละ 75(1) คุณสมบัติอันโดดเด่นอื่นๆ มีดังนี้
• มีประสิทธิภาพการทำงานเหนือกว่าเทคโนโลยีการเชื่อมต่อข้อมูลแบบ Gigabit (Gb) ที่ใช้อยู่เดิมถึง 10 เท่า โดยมีความเร็วของพอร์ท 1/10 Gb เพิ่มขึ้น 2 เท่า และมีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 10 Gb ต่อวินาที
• ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ด้วยการออกแบบให้มีการไหลเวียนถ่ายเทอากาศได้ดีที่สุดด้วยการแยกระบบ “ความร้อน” และ “ความเย็น” ออกจากกัน ส่งผลให้ระบบทำความเย็นมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
• สนับสนุนระบบปฏิบัติการร่วมบนเครือข่าย A-series และโซลูชั่น Intelligent Management Center (IMC) ของเอชพีให้ทำงานง่ายขึ้นภายใต้การบริหารจัดการระบบเครือข่ายทั้งหมดจากจุดเดียว
ผลิตภัณฑ์ FCoE ที่ทำงานกับอุปกรณ์สวิตช์ศูนย์ข้อมูลรุ่น HP A5820 ใหม่จะทำงานร่วมกับโซลูชั่น HP Virtual Connect FlexFabric บนระบบเบลด (BladeSystem) จึงช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยมีการเชื่อมโยงระบบเซิร์ฟเวอร์ เครือข่ายข้อมูล และเครือข่ายระบบจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันอย่างอัตโนมัติและในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบเสมือนจริง นอกจากนี้ โซลูชั่น HP Virtual Connect ยังช่วยลูกค้าลดการใช้อุปกรณ์เครือข่ายได้ถึงร้อยละ 95 เนื่องจากไม่ต้องมีการเชื่อมโยงกันหลายครั้ง(2) ทั้งยังลดค่าไฟและค่าใช้จ่ายในระบบทำความเย็นถึงร้อยละ 40 ต่อปี(2) และสนับสนุนการบริหารการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

View :1382

ทรูมันนี่ สร้างชื่อ คว้าทุนจาก GSMA รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

August 10th, 2010 No comments

พัฒนานวัตกรรมธุรกรรมการเงินผ่านเครือข่าย GSM ชูแผนงาน “ขยายจุดรับชำระ เอ็กซ์เพรส“ ครอบคลุมทุกชุมชนระดับตำบลทั่วไทย

กรุงเทพฯ วันที่ 10 สิงหาคม 2553 – ทรูมันนี่ โชว์ศักยภาพผู้นำนวัตกรรมธุรกรรมการเงินบนมือถือ
ผ่านเครือข่าย GSM คว้าทุน จาก สนับสนุนแผนงาน
“ขยายจุดรับชำระ ทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรช ของ ทรูมันนี่” ตั้งเป้าเพิ่มเครือข่ายบริการจุดรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยโทรศัพท์มือถือ และเครื่อง EDC ภายใต้ชื่อทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส อีก 10,000 จุดในชุมชนระดับตำบล ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากการนำเทคโนโลยีบนมือถือมาสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ รวมทั้งเสริมคุณภาพชีวิตของสังคมไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่แผนงาน “ขยายจุดรับชำระ ทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส” ได้รับคัดเลือกจาก GSMA ให้รับทุน Mobile Money for Unbanked (MMU) ทั้งนี้ ทรูมันนี่ เป็นผู้ให้บริการธุรกรรมการเงินผ่านเครือข่าย GSM ของทรูมูฟ ซึ่งเป็นรายแรกและรายเดียวจากประเทศไทยที่ผ่านเกณฑ์พิจารณาให้ได้รับมอบทุนพัฒนาโครงการให้เป็นจริงอย่างยั่งยืน แสดงถึงการยอมรับและเชื่อมั่นในศักยภาพของทรูมันนี่ ในการให้บริการธุรกรรมการเงินบนมือถือ โดยแผนงาน“ขยายจุดรับชำระ ทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส” สามารถตอบโจทย์เป้าหมายของ GSMA ในการขยายการเติบโตของบริการธุรกรรมการเงินบนมือถือได้เป็นอย่างดี”

“สำหรับแผนงาน “ขยายจุดรับชำระ ทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส” มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายช่องทางการให้บริการเติมเงินมือถือ ของทรูมันนี่ จ่ายบิลทรู ค่าน้ำ-ไฟ ค่าบัตรเครดิต ประกันชีวิต ผ่านเครือข่ายGSM ให้เพิ่มถึง 10,000 จุดภายในระยะเวลา 1 ปี โดยใช้กลยุทธ์การสร้างเครือข่ายแบบ MLM (Multi-level marketing) ไปยังผู้ใช้งานในชนบทที่ห่างไกลครอบคลุมชุมชนระดับตำบล สหกรณ์ ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากการนำเทคโนโลยีมือถือมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายในการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ แล้วยังช่วยเพิ่มรายได้พิเศษอีกด้วย โดยผู้สนใจเป็นผู้ประกอบการทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส ผ่านเครือข่าย GSM สามารถเลือกสมัครได้ 2 รูปแบบคือ เป็นผู้ให้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือทรูมูฟ ด้วยค่าสมัครเพียง 599 บาท หรือเป็นผู้ให้บริการผ่านเครื่อง EDC โดยคิดค่าสมัคร 19,990 บาทต่อจุด พร้อมรับอุปกรณ์ครบชุด นอกจากนี้แผนงาน”ขยายจุดรับชำระ ทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส” ยังสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกลุ่มทรู ในการเป็นผู้นำแห่ง Lifestyle Enabler ด้วยการนำเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมอย่างครบวงจรมาประยุกต์ใช้ เพื่อเสริมคุณภาพชีวิตสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้นและยั่งยืนอย่างแท้จริง”

ทรูมันนี่ เป็นผู้บุกเบิกบริการธุรกรรมทางการเงินรายแรกๆ ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2548 โดยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ดำเนินกิจการธุรกิจบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ และจากกรมสรรพากรในการเป็นตัวแทน
รับชำระเงิน และล่าสุด ในปี 2552 ยังได้รับใบอนุญาตถึง 3 ใบ ให้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ จากกระทรวง ICT และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่ ใบอนุญาตที่ 1 การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ซื้อสินค้า และหรือรับบริการเฉพาะอย่างตามรายการที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จากผู้ให้บริการหลายรายโดยไม่จำกัดสถานที่และไม่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายและการให้บริการเดียวกัน ใบอนุญาตที่ 2 การให้บริการรับชำระเงินแทน ใบอนุญาตที่ 3 การให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือผ่านทางเครือข่าย ปัจจุบันมียอดผู้ใช้บริการทรูมันนี่บนมือถือทรูมูฟรวมกว่า 6 ล้านราย

ทั้งนี้ กองทุน Mobile Money for Unbanked (MMU) ก่อตั้งขึ้นโดยสมาคม GSMA และ มูลนิธิ “บิลแอนด์ เมลินดาเกตส์” เมื่อปี 2552 ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธนาคาร สถาบันการเงินขนาดย่อม รัฐบาลและองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและขยายบริการการเงินบนมือถือในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากธนาคาร โดยในปัจจุบัน กองทุน MMU ได้มอบทุนให้กับ 20 โครงการในทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเร่งให้เกิดการใช้งานบริการการเงินบนมือถืออย่างแพร่หลายในกลุ่มเป้าหมายคือผู้บริโภคระดับกลาง – ล่าง

View :1472