Archive

Archive for September, 2010

ก.ไอซีที ร่วมประชุมยุทธศาสตร์สหภาพสากลไปรษณีย์

September 21st, 2010 No comments

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 22 – 24 กันยายน 2553 กระทรวงไอซีที จะเข้าร่วมการประชุมด้านยุทธศาสตร์ของสหภาพสากลไปรษณีย์ หรือ 2010 ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ตามที่ทางสหภาพสากลไปรษณีย์ หรือ Universal Postal Union : UPU ได้ทำหนังสือเชิญให้ประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม

สำหรับการประชุม UPU Strategy Conference นั้น จัดขึ้นเพื่อใช้เป็นเวทีให้หน่วยงานที่กำหนดนโยบายและกำกับดูแลด้านไปรษณีย์ รวมทั้งผู้ให้บริการไปรษณีย์พื้นฐานของประเทศต่างๆ มาร่วมกันกำหนดแนวทางและกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาบริการไปรษณีย์ทั่ว โลกให้ตรงตามพันธกิจของ UPU และ สนองต่อความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้บริการ รวมถึงกำหนดแนวทางกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนต่อภาคบริการกิจการ ไปรษณีย์ โดยมีกำหนดจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี ในช่วงกึ่งกลางระหว่างการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ ( UPU Congress) 2 ครั้ง ซึ่งการประชุมใหญ่ฯ ครั้งที่ผ่านมา คือ การประชุมฯ สมัยที่ 24 ได้จัดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ส่วนการประชุมใหญ่ฯ สมัยที่ 25 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 15 ตุลาคม 2555 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

ดังนั้น สหภาพสากลไปรษณีย์จึงได้จัดการประชุม UPU Strategy ขึ้นในปี 2553 นี้ ซึ่งกระทรวงไอซีที ได้พิจารณาส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมฯ ด้วย โดยได้แต่งตั้งนายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานปลัดกระทรวงฯ รวมถึงบจ.ไปรษณีย์ไทย เข้าร่วมในคณะ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการพิจารณาและกำหนดนโยบายการดำเนินงาน ตามแผนยุทธศาสตร์ไปรษณีย์ไนโรบี (พ.ศ.2552-2555) และสามารถติดตามการประเมินผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกตามยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ตลอดจนร่วมในกระบวนการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ไปรษณีย์โดฮาเพื่อกำหนดทิศทาง และแนวทางการดำเนินการด้านไปรษณีย์ของโลกในระยะต่อไป (พ.ศ. 2556 -2559) ในฐานะประเทศสมาชิก UPU

“ในการประชุม UPU Strategy Conference ครั้งนี้ มีหัวข้อหลักของการประชุม คือ “From Nairobi to Doha: shaping the future of the UPU and the postal world” โดยจะมีการประชุมเพื่อประเมินผลการดำเนินการ Nairobi Postal Strategy (NPS) ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งการกล่าวปาฐกถาและการประชุมโต๊ะกลม ตลอดจนการอภิปรายในหัวข้อ NPS implementation : how are we doing so far? นอกจากนี้ยังจะมีการปาฐกถาและการอภิปรายถึงแนวโน้มสำคัญที่จะกระทบต่อสาขา ไปรษณีย์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสาขาไปรษณีย์ ในระยะ 2-3 ปี ข้างหน้า ในหัวข้อหลัก “On our way to Doha : the trends and the way forward” อีกด้วย” นายธานีรัตน์ กล่าว

View :1309

“การ์มิน-อัสซุส” เผยโฉม A10 สมาร์ทโฟน สายพันธุ์แอนดรอยด์

September 19th, 2010 No comments

รายแรกของประเทศไทยที่ชูความแตกต่างด้วยระบบนำทางขั้นเทพจากการ์มิน ครอบคลุมทั้งหมวดการขับขี่ และการเดินเท้า

การ์มิน – อัสซุส ส่ง A10 ลุยตลาดสมาร์ทโฟน ในประเทศไทย ด้วยระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.1 ที่เป็นรุ่นแรกที่จำหน่ายในเมืองไทย และมาพร้อมสุดยอดระบบแผนที่นำทางระดับพรีเมียมของการ์มิน ฟันธงเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดด้วยความถูกต้องและแม่นยำที่สุดของระบบนำทางในขณะนี้ ด้านบอสใหญ่ “พรเทพ” มั่นใจสามารถเป็นผู้นำตลาดเนวิเกเตอร์
สมาร์ทโฟน

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยกำลังตื่นตัวเป็นอย่างมาก และอย่างที่ทราบกันว่าในปัจจุบันเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ถึงแม้ว่าการ์มิน-อัสซุส เริ่มแนะนำตัวกับผู้ใช้ในประเทศไทยได้เพียง 1 ปี แต่เราก็มีเสียงตอบรับจากแฟนๆ ที่รักและชื่นชอบระบบแผนที่นำทางของการ์มินอยู่แล้ว ทำให้การยอมรับและทดลองใช้เป็นไปได้ง่าย”

“ด้วยกลยุทธ์สินค้าที่เน้นความโดนเด่นเฉพาะตัว สอดรับกับลักษณะของคนไทยที่สนใจนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่หยุดนิ่ง ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถเป็นผู้นำตลาดเนวิเกเตอร์สมาร์ทโฟนได้ ทั้งในแง่ของคุณสมบัติการใช้งานที่ไร้ข้อเปรียบเทียบ และทั้งด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่งในปัจจุบัน ถือว่า เป็นแอนดรอยด์ สมาร์ทโฟน ที่คุ้มค่าที่สุดของวันนี้อย่างแท้จริง” คุณพรเทพ กล่าวต่อ

สมาร์ทโฟน การ์มิน – อัสซุส รุ่น A10 มีศักยภาพของการนำทางเทียบเท่าอุปกรณ์นำทางระดับพรีเมียมของการ์มินที่ติดตั้งบนรถยนต์ ด้วยแผนที่ประเทศไทยอย่างละเอียด โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหรือเสียเวลาดาวน์โหลดแผนที่เหมือนเช่นสมาร์ทโฟนรายอื่นที่มีอยู่ในท้องตลาด เหนือกว่าด้วย ฟังก์ชั่นนำทาง “การเดินเท้า” หรือ “Walking Mode” เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับชีวิตคนกรุงที่ชื่นชอบการค้นหาสถานที่ใหม่ ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงภาพยนตร์ แหล่งช็อปปิ้ง พร้อมเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางภายในเมืองโดยเฉพาะ

พร้อมระบบนำทางแบบ Turn-by-Turn Voice ที่ทำงานด้วยระบบเสียง และการแสดงภาพทางแยกแบบ 3 มิติ (Junction View) พร้อมฟีเจอร์ใหม่ การแสดงภาพทางแยกและทางเดินรถ (Lane Guideline) โดยจะแสดงทางแยกเพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าอยู่ในช่องทางเดินรถที่ถูกต้อง และโหมดไฮเวย์ ที่ช่วยผู้ขับขี่ยานพาหนะในการตัดสินใจด้วยการแสดงป้ายทางออกบนทางด่วน 3 ป้ายล่วงหน้า เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเลือกเส้นทางแยกแม่นยำมากยิ่งขึ้น”

นางสาวเบอรีล ลี ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์การ์มิน-อัสซุส ประจำประเทศไทย กล่าวถึง การ์มิน – อัสซุส รุ่น A10 ว่า “มีการออกแบบที่ลงตัว สวยงาม ขนาดกะทัดรัดเหมาะมือ สั่งงานด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว พร้อมกล้องถ่ายรูปความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมออโตโฟกัส ที่สามารถใส่พิกัดของสถานที่ลงภาพถ่าย เพื่อแบ่งปันให้ผู้ติดต่อสามารถเก็บบันทึกเข้าสู่ระบบเพื่อใช้นำทางสู่สถานที่นั้นๆ ได้อีกด้วย

“การ์มิน – อัสซุส รุ่น A10 มาพร้อมหน่วยความจำในตัวสูงถึง 4GB พร้อม 512MB RAM/ROM เพื่อรองรับงานเอกสาร ไฟล์มัลติมีเดีย และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างจุใจ พร้อมแบตเตอรี่ 1500mAh จึงสามารถเปิดใช้งานและพูดคุยได้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังมีบริการฐานข้อมูลสถานที่ที่น่าสนใจ (POI) ขนาดใหญ่ที่บรรจุข้อมูลไว้กว่า 450,000 จุด การรายงานสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ตามเวลาจริง เช็คอัตราแลกเปลี่ยน และเช็คสถานะเที่ยวบินในแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้เพื่อความคล่องตัวในการใช้ชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นสถานที่จอดรถ ปั๊มน้ำมัน ธนาคาร โรงพยาบาลและรอบฉายภาพยนตร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแอพพลิเคชั่น ที่พร้อมให้ข้อมูลในทุกเส้นทางด้วยระบบคลิกเพื่อนำทางและคลิกเพื่อค้นหาสถานที่ เป็นต้น”

“ยิ่งไปกว่านั้น การ์มิน – อัสซุส รุ่น A10 ยังมีอุปกรณ์ติดตั้งและชาร์จแบตเตอรี่ภายในรถยนต์ พร้อมตัวขยายเสียงเพื่อความชัดเจนในการสนทนาขึ้น และเมื่อติดตั้งตัวเครื่องเข้ากับฐาน ระบบจะเปลี่ยนโหมดการทำงานเป็นระบบนำทางโดยอัตโนมัติ และสามารถบันทึกตำแหน่ง GPS ล่าสุดไว้เมื่อถอดออกจากฐาน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถหาตำแหน่งที่จอดรถครั้งสุดท้ายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย”

การ์มิน – อัสซุส จัดจำหน่ายโดย บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พบกับการ์มิน – อัสซุส รุ่น A10 ได้แล้ววันนี้ในราคา 14,900 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์ใช้งานในรถยนต์) และราคา 16,850 บาท (รวมอุปกรณ์ติดตั้งใช้งานในรถยนต์) โดยราคาทั้ง 2 แบบ รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

View :1311

เอชทีซี-ดีแทค เอาใจขาโจ๋ ส่ง HTC Smart แพ็คเกจคู่ราคาโดนๆ

September 19th, 2010 No comments

แถมเล่นเน็ตฟรีกับแฮปปี้ เดือนละ 100 เมกฯ นาน 3 เดือน

ในภาพ: นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด (ขวา) และนายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) (ซ้าย) ร่วมส่งโปรโมชั่นเอาใจวัยรุ่น ผู้ชื่นชอบการท่องเน็ต ติดแช็ตและอัพเดทกับเพื่อนบนเฟซบุ๊ค ด้วย Buddy Pack ซื้อ แพ็คเกจคู่วันนี้ ในราคาเพียงคู่ละ 9,900 บาท พร้อมผ่อน 0% นาน 10 เดือน (เฉพาะบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2553 พิเศษ! สำหรับลูกค้า Happy รับเพิ่มฟรี แพ็คเกจอินเทอร์เน็ตจาก Happy internet เดือนละ 100 เมกะไบต์ นาน 3 เดือน โดยผู้ซื้อ สามารถแจ้งขอเปิดใช้บริการแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตดังกล่าวได้ ทาง call center โทร. 1678

HTC Smart มือถือหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 2.8” ที่โดดเด่นด้วยยูสเซอร์อินเทอร์เฟซลิขสิทธิ์เฉพาะ HTC SenseTM ให้คุณปรับแต่งหน้าจอ ได้ตามสไตล์คุณมากถึง 7 หน้า พร้อมแอพพลิเคชั่น Friendstream ที่ให้คุณเกาะติดทุกการอัพเดทจากเพื่อนในหลากหลายสังคมออนไลน์ในที่เดียว พร้อมวิทยุ FM และรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ EDGE/GPRS/3G มีให้เลือก 3 สี ขาว ดำ ชมพู สนนราคาคู่ละ 9,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

View :1336
Categories: Press/Release Tags: ,

เมโทรซิสเต็มส์ฯ เตรียมจัดยิ่งใหญ่งาน “SolidWorks Innovation Day 2011”

September 19th, 2010 No comments

ชูบทบาทผู้นำเทคโนโลยีงานออกแบบผลิตภัณฑ์ เตรียมจัดยิ่งใหญ่งาน “SolidWorks Innovation Day 2011” เปิดตัวซอฟต์แวร์ “SolidWorks 2011” เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมกิจกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสาระประโยชน์เพื่อคนวงการออกแบบโดยเฉพาะ ในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 ณ เมโทรแคมปัส

นายอรุณ ต่อเอกบัณฑิต ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจัดงาน “ 2011” ขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 ณ เมโทรแคมปัส-สำนักงานใหญ่ เพื่อเป็นการเปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด “SolidWorks 2011” อย่างเป็นการให้กับกลุ่มลูกค้าในวงการอุตสาหกรรมและผู้สนใจทั่วไป เพื่อเป็นการอัพเดตเทคโนโลยีด้านการออกแบบที่ก้าวหน้าทันสมัย ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาดในการออกแบบ ลดต้นทุนการผลิต เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการทำงาน โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากเจ้าของธุรกิจ พร้อมเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการที่ใช้ซอฟต์แวร์ “SolidWorks” ในกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์

นายอรุณกล่าวว่า บริษัทฯ เห็นความสำคัญของการออกแบบอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ทรัพยากร ที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ให้น้อยที่สุด จึงได้ถือโอกาสนี้จัดการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์ ภายใต้หัวข้อ “SolidWorks Success Green Design Contest” ซึ่งผู้ชนะเลิศการประกวดจะได้รับรางวัลมูลค่า 10,000 บาท และรองชนะเลิศ 2 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 5,000 บาท ผู้เข้าร่วมงานจะมีสิทธิ์ร่วมโหวตเพื่อตัดสินการประกวดในครั้งนี้ด้วย

“ผมมั่นใจว่า “SolidWorks 2011” จะเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มศักยภาพงาน ด้านการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากคุณสมบัติอันโดดเด่นของซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด
จึงเหมาะสำหรับการนำไปใช้เพื่อการสร้างสรรค์งานออกแบบผลิตภัณฑ์ สำหรับทุกอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ หรือ Creative Industry ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการใช้งานสูงขึ้นในปัจจุบัน” นายอรุณกล่าวในที่สุด

สำหรับ “SolidWorks” เป็นซอฟต์แวร์เพื่อการออกแบบสามมิติ ( 3 D CAD ) ที่ง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับการออกแบบทั่วไปโดยเฉพาะงานทางด้าน Mechanic ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับวินโดว์แพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ อีกทั้งยังใช้งานง่าย เรียนรู้ได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้สามารถต่อยอดการทำงานได้มากขึ้นโดยมีเครื่องมือชุดคำสั่งที่หลากหลาย สามารถครอบคลุมงานทุกประเภทในการออกแบบที่ซับซ้อนได้ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลทางวิศวกรรม การบริหารจัดการ และการผสมผสานข้อมูลงานออกแบบและการสื่อสาร ตลอดจนการสร้างแคตตาล็อคออนไลน์ในรูปแบบสามมิติ, “SolidWorks” ยังประกอบไปด้วยชุดซอฟต์แวร์ ที่สามารถเลือกใช้งานได้หลายระดับตามความเหมาะสมในการทำงานและความยากง่ายของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการออกแบบ

“SolidWorks Innovation Day 2011” จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น. ณ เมโทรแคมปัส-สำนักงานใหญ่ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอรชั่นจำกัด (มหาชน) ท่านที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานได้ที่ คุณยุวรี วงษ์อามาตย์ โทร.02-727-4327 หรือลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้โดยตรงที่ http://www.metrosystems.co.th/eDM_InnovationDay/eDM_InnovationDay.html

View :1634

ก.ไอซีที จับมือ กสทฯ เพิ่มประสิทธิภาพโครงการศูนย์กลางความรู้แห่งชาติอย่างต่อเนื่อง

September 19th, 2010 No comments

นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือให้บริการพื้นที่วางเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายของโครงการพัฒนาศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ( TKC) ที่ศูนย์เครือข่ายกลางการให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจร ( Internet Data Center : IDC) อาคาร กสท โทรคมนาคม บางรัก ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กับ บมจ. กสท โทรคมนาคม ว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ( TKC : ) มา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชน นิสิต นักศึกษา นักเรียน ซึ่งมีการจัดแบ่งองค์ความรู้ออกเป็นกลุ่มๆ เน้นการจัดเก็บและเผยแพร่ในลักษณะสื่อดิจิตัลในรูปแบบต่างๆ และมีโครงสร้างพื้นฐาน ( Infrastructure) ประกอบด้วยด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อรองรับการจัดการความรู้ในรูปแบบต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ www.tkc.go.th

“ที่ผ่านมาโครงการ TKC ได้เช่าใช้บริการศูนย์เครือข่ายกลางการให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจร ( IDC) ขอ งบมจ. กสท โทรคมนาคม ในการวางระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่ายพร้อมระบบเครือข่ายความเร็วสูงมาตลอด แต่ในปีงบประมาณ 2553 นี้ กระทรวงฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยัง บมจ.กสทฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนการใช้บริการศูนย์ IDC ดังกล่าวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จึงเป็นที่มาของการจัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือฯ ในครั้งนี้” นายสือ กล่าว

สำหรับ วัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ ก็เพื่อจัดหาพื้นที่วางเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของโครงการพัฒนาศูนย์กลาง ความรู้แห่งชาติ ซึ่งมีเว็บไซต์ www.tkc.go.th เป็น ศูนย์กลางในการเข้าถึงองค์ความรู้ โดยความรู้นี้ได้มาจากการรวบรวมองค์ความรู้จากประชาชนและบุคลากรในหน่วยงาน ภาครัฐ แล้วจึงนำมาปรับเปลี่ยนความรู้ที่มีอยู่ติดตัวให้สามารถสื่อสารถ่ายทอดเป็น ความรู้ที่เปิดเผยได้ เพื่อเพิ่มทุนทางมนุษย์ให้กับประชาชนและสังคมไทย จนเกิดเป็นเว็บท่าศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ( TKC) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของเครือข่ายสังคม หรือ Social Network ที่ มีองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์และสามารถให้บริการแก่ประชาชนทุกเพศทุกวัย ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทย ที่พยายามผลักดันให้ประเทศเข้าสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ( Knowledge Based Society)

ในส่วนของความร่วมมือนั้น ทาง บมจ.กสทฯ ได้ตกลงให้การสนับสนุนบริการวางพื้นที่เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของโครงการ พัฒนาศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ณ ศูนย์เครือข่ายกลางการให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบครบวงจร ( IDC) อาคาร กสท โทรคมนาคม บางรัก คิดเป็นพื้นที่บริการ Sever Co-Location x 1 Full rack และ Extra IP x 12 IP พร้อมทั้งบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะที่กระทรวงฯ จะสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ กสทฯ ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ของโครงการ TKC เช่น กิจกรรมการประชุม/สัมมนา กิจกรรมเผยแพร่และแนะนำโครงการฯ รวมทั้งผ่านทางเว็บไซต์ของโครงการฯ ด้วย

“กระทรวงฯ หวังว่าด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาศูนย์กลางความรู้แห่งชาติอย่างต่อเนื่อง รวมกับศักยภาพของศูนย์ IDC ของ บมจ.กสทฯ ซึ่งเป็นศูนย์ IDC ชั้นนำของประเทศที่ให้บริการพื้นที่ฝากเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายพร้อมระบบเครือข่ายความเร็วสูงแก่โครงการ TKC จะช่วย ให้การเข้าถึงองค์ความรู้ผ่านทางเว็บไซต์ www.tkc.go.th ของโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาองค์ความรู้สู่สังคมไทยต่อไป” นายสือ กล่า

View :1497

เทคโนโลยีไอซีทีกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานบริการ

September 19th, 2010 No comments

คาดการณ์กันว่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะเกิดการปฏิรูปการทำธุรกิจ (Business Transformation) จากธุรกิจบนฐานของ “สินค้า” (Product) ไปสู่ธุรกิจบนฐานของ “บริการ” (Service) ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้รูปแบบการธุรกิจเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่การปฏิรูปธุรกิจในครั้งนี้จะนำไปสู่การเคลื่อนตัวของระบบเศรษฐกิจจาก ระบบเศรษฐกิจฐานการผลิต ไปสู่ระบบเศรษฐกิจฐานบริการ (Service-based Economy) การเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้นำมาทั้งโอกาสและภัยคุกคามต่อระบบธุรกิจอุตสาหกรรมในทุกสาขา ซึ่งธุรกิจที่ตระหนักและพjavascript:void(0)ร้อมเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นแนวโน้มนี้และหยิบคว้ามาเป็นโอกาสทางธุรกิจความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานบริการของประเทศ

ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ได้แถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการและนิทรรศการเนคเทคประจำปี 2553 ในหัวข้อ “บทบาทการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานบริการ” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 กันยายน 2553 ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (TSPCC) จ. ปทุมธานี โดยในงานจะมีหัวข้อการสัมมนาที่น่าสนใจ อาทิ การปาฐกถาพิเศษเรื่อง ทิศทางการวิจัยพัฒนาด้าน ICT เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานบริการ โดย ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , การบรรยายพิเศษเรื่อง แข่งอย่างไรในเศรษฐกิจฐานบริการ โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้อำนวยการ Sasin Institute for Global Affairs: SIGA สถาบันศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , การบรรยายพิเศษเรื่อง การเตรียมความพร้อม และการสร้างขีดความสามารถ ด้าน ICT เพื่อรองรับเศรษฐกิจฐานบริการ โดย ดร.มนู อรดีดลเชษฐ์ ประธานกรรมการนโยบายไอซีทีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการผลงานวิจัยพัฒนาของเนคเทคทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานบริการ ซึ่งนำเสนอผลงานวิจัยภายใต้แนวคิด ถนนวิจัย แยกไปสู่ การใช้ประโยชน์ โดยจะคัดเลือกผลงานที่สอดคล้องกับ Theme ของงานเป็นหลัก โดยนำเสนอผลงานวิจัยที่กำลังเป็นที่สนใจและสอดคลองกับปัญหาในปัจจุบัน อาทิ ผลงานทางด้านการแพทย์ การเกษตรและสิ่งแวดล้อม ระบบสารสนเทศ ระบบมาตรฐาน การออกแบบทางวิศวกรรม เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีเครือข่ายและการป้องกันภัยทางด้านไอที เป็นต้น โดยผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www..or.th/ace2010

ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ยังได้แถลงสรุปผลงานวิจัยพัฒนาของเนคเทคประจำปีงบประมาณ 2553 โดยในปีนี้ผลงานวิจัยพัฒนาของเนคเทค ได้เสริมสร้างขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์เพื่อการพัฒนาประเทศ และดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างได้ผล โดยได้สรุปผลงานตามพันธกิจที่สำคัญ คือ

พันธกิจด้านการวิจัยพัฒนา ซึ่งในปีนี้ทีมนักวิจัยพัฒนาของเนคเทค มีผลงานการวิจัยที่ยังอยู่ในขั้นห้องปฎิบัติการและได้รับความสนใจจากพันธมิตรงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลากหลายผลงาน อาทิ โครงการวิจัยกล้องช่วยวินิจฉัยและตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มต้นอัฉริยะ (MEMs-Based Dual Axes Confocal Microendoscopy) เป็นงานวิจัยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยวารสารวิชาการนานาชาติด้านวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมควอนตัมอิเล็กทรอนิกส์ ( IEEE Journal Selected Topics in Quantum Electronics ) เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ปี 2553 ได้เลือกบทความวิชาการ เรื่อง กล้องช่วยวินิจฉัยและตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มต้นอัฉริยะ MEMs-Based Dual Axes Confocal Microendoscopy ให้ตีพิมพ์บนหน้าปกของเล่ม งานวิจัยพัฒนาชิ้นนี้โดยได้รับทุนการวิจัยอย่างต่อเนื่องจากสภาวิจัยแห่งชาติ และเนคเทค/สวทช. พร้อมมีความร่วมมือทางวิชาการกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , โครงการติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สาย WiMAX , ระบบการสื่อสารระหว่าง ยานพาหนะ Car Talk , โครงการพัฒนาดนตรีสามมิติ

พันธกิจด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งทีมนักวิจัยจากเนคเทค ดำเนินการตามพันธกิจนี้ได้ในปริมาณและคุณภาพที่ดีขึ้นเป็นลำดับ มีผลงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ใช้ สร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับต้นทุนทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของประเทสได้เป็นอย่างดี อาทิ โครงการจัดทำฤาษีดัดตนฉบับดิจิทัล , เครื่องตรวจจับเท็จแบบไม่สัมผัส , ระบบวางแผนท่องเที่ยวด้วยสมาร์ทโฟนและเว็บไซต์ www.pi-pe.org , อุปกรณ์แจ้งเตือนกรณีเครื่องยนต์มีความร้อนผิดปกติ , ระบบสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำของเขื่อน , Traffy แอพพลิเคชั่นรายงานสภาพจราจรทั่วกรุงเทพฯ บน Smart Phone , สร้างเสียงจากข้อความด้วย วาจา,เครื่องตรวจบัตรเครดิตปลอม

พันธกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนคเทคมีการดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะเยาวชนของชาติ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อิเล็กทรอนิกสืและคอมพิวเตอร์ในหลากกิจกรรม อาทิ การจัดการแข่งขันThailand ICT Contest Festival 2010 ซึ่งในปีนี้ เยาวชนไทยได้คว้ารางวัลรางวัล Grand Awards ประเภททีม และเดียว จากการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับโลก Intel International Science and Engineering Fair (Intel ISEF 2010) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซานโฮเซ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในระหว่างวันที่ 8-14 พฤษภาคม 2553 โดยมีนักเรียนมากกว่า 1,600 คน จาก 50 กว่าประเทศเข้าร่วมในการแข่งขัน

พันธกิจด้านการวิจัยนโยบายและโครงส้รางพื้นฐาน ทีมนักวิจัยเนคเทคได้ดำเนินการวิจัยมาอย่างต่อเนี่อง เพื่อเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางแนวโน้มของอุตสาหกรรมด้านไอซีที อาทิ การสำรวจตลอดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , การสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และในปีนี้เนคเทคยังได้ร่วมดำเนินโครงการจัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ระยะ พ.ศ. 2554-2563 (National ICT Policy Framework 2011-2020: ICT 2020) ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

View :1562

Osdev ร่วมฉลอง 10 ปี OpenOffice.org อย่างยิ่งใหญ่ กลางรัฐสภาฮังการี

September 19th, 2010 No comments

ซอฟต์แวร์ โอเพนซอร์สที่หลายองค์กรเลือกใช้เพื่อทดแทนซอฟต์แวร์ นำเข้าราคาแพงอย่างไมโครซอฟท์ออฟฟิศ กำลังจะมีอายุครบรอบ 10 ปีในวันที่ 13 ตุล าคม 2553 โอกาสนี้ Osdev ได้ร่วมกับผู้พัฒนา ทั่วโลก ฉลองวาระสำคัญนี้กันในงาน Conference 2010 ที่บูดาเปส ฮังการี โดย Osdev ได้บรรยายในหัวข้อ “ Large-scale Migrations in Thailand” ในฐานะตัวแทนของประชาคม ในประเทศไทย

การสัมมนา OpenOffice.org Conference ซึ่งมีการจัดขึ้นทุกปีในครั้งนี้ใช้สถาน ที่ใจกลางเมืองบูดาเปส ประเทศฮังการี ในวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2553 โดยมีพิธีเปิดอย่างอลังการภายในอาคาร รัฐสภาของฮังการี อาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เพื่อเป็นวาระให้ระลึกถึง 10 ปีของการพัฒนา OpenOffice.org และความเปลี่ยนแปลงที่โครงการได้มอบไว้แก่ วงการไอที เช่น Open Document Format (ODF หรือ ISO 26300) และความตื่นตัวในเรื่อง Open Standard ทั่ว โลก โดยเฉพาะในยุโรป จนแม้แต่ไมโครซอฟท์ยักษ์ใหญ่ก็ไม่อาจปฏิเสธที่จะสนับสนุนฟอร์แมต ODF ได้ ในที่สุด

การมาบรรยายใน OpenOffice.org Conference เป็นครั้งแรกของประเทศไทยในครั้งนี้ แสดงให้ประชาคมโลกได้มองเห็นถึงการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จาก OpenOffice.org ในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2544 ประเทศไทยได้ สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงเช่น โครงการ “พีซีราคาประหยัด” ในปี 2546 ซึ่ง ทำให้เกิดพีซีราคา $250 ที่ทำงานด้วย LinuxTLE และ OfficeTLE ของเนคเทค และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สได้เพิ่มอำนาจต่อรองให้โครงการจนไมโครซอฟท์ ยินดีเสนอออปชันที่ประกอบด้วย Windows และ Office Home Edition ในราคาเพียง 40$ เท่ากับว่าลดราคาลง 85% เลย ทีเดียว

การบรรยายได้เล่า ถึงความพยายามที่จะสร้างแบรนด์ของ OpenOffice.org ให้เป็น หนึ่งเดียว โดยยกเลิกการใช้แบรนด์ภายในประเทศ และหันมาร่วมกันพัฒนา OpenOffice.org เพียงตัวเดียวนับแต่ปี 2549 ด้วยความสนับสนุน ร่วมกันระหว่างเนคเทคและ ซิป้า ทำให้มีการนำ OpenOffice.org ไปใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต , บมจ . เอส แอนด์ พี ซินดิเคท , การเคหะแห่งชาติ ฯลฯ จนกระทั่งปี 2551 ที่ วิกฤติการเงินโลกทำให้ธนาคารและสถาบัน การเงินจำนวนมาก หันมาสนใจและเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org อย่างจริงจังจน ถึงปัจจุบัน

ประเทศไทยเป็น ประเทศแรกๆ ที่มีการพัฒนาในโครงการ OpenOffice.org แต่เป็น ประเทศท้ายๆ ในแง่การนำมาใช้ประโยชน์ ประเทศใกล้บ้านเราอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ต่างมีนโยบายภาครัฐอย่าง จริงจัง ทั่วโลกส่วนแบ่งทางการตลาดของ OpenOffice.org อยู่ ที่ประมาณ 10% แต่สำหรับองค์กรในประเทศไทยยังมีการใช้ ประโยชน์จาก OpenOffice.org อยู่น้อย และจำกัดอยู่เฉพาะในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความคุ้มค่าในการ เปลี่ยนแปลงสูง ทำให้องค์กรที่กำลังคิดจะเปลี่ยนหันมองรอบข้างแล้วไม่มั่นใจว่าจะทำ สำเร็จ แต่แทนที่จะมองดูรอบข้าง ลองหันมององค์กรระดับประเทศอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และองค์กรต่างประเทศที่มีผู้ใช้เป็นหมื่นว่าสามารถทำสำเร็จได้ องค์กรของคุณก็ย่อมทำได้เช่นกัน

View :1374
Categories: Press/Release Tags:

“ซันโย” ชูโปรโมชั่น “คม ชัด คุ้ม” ดันยอดขาย 4 เดือนสุดท้าย

September 19th, 2010 No comments

พิเศษเหนือใคร..ซื้อกล้องแถมแอลซีดีทีวี วันนี้ – 30 กันยายน 2553

นายพศณัฐ ทองเจือ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้เราเปิดตัวกล้องวิดีโอ ตระกูล
แซคติถึง 6 รุ่น ออกสู่ตลาด ได้แก่ SH1, GH1, CG100, CS1, CG20 และ CA100 เพื่อเรียกกระแสความนิยมจากผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ชื่นชอบกล้องพกพกง่าย ให้ความคมชัดระดับฟลูไฮเดฟฟินิชั่น (Full HD) ควบคู่กับรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว สีสันสดใส

“ช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เป็นช่วงที่ตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเชื่อว่าบริษัทต่างๆ จะเร่งจัดแคมเปญพิเศษส่งเสริมการขาย ในส่วนของซันโยตลอดเดือนกันยายนนี้ จัดโปรโมชั่น “คม ชัด คุ้ม” โดยนำกล้องตระกูลแซคติทั้ง 6 รุ่น มาลดราคาพร้อมมอบของสมนาคุณชิ้นใหญ่ ซื้อกล้องแถมแอลซีดีทีวี นับว่าเป็นโปรโมชั่นสุดคุ้มแห่งปี” นายพศณัฐ กล่าว

เชิญพบกับ โปรโมชั่น “คม ชัด คุ้ม” ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมรับของสมนาคุณอย่างจุใจ อาทิ การ์ดหน่วยความจำ 16 GB สาย HDMI แบตเตอรี่ และกระเป๋ากล้อง พร้อมผ่อนสบายๆ 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิต KBANK, KRUNGSRI, KTC ตั้งแต่ วันนี้ – 30 กันยายน 2553 เท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด โทรศัพท์ 02-308-6900

โปรโมชั่น ”คม ชัด คุ้ม” ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2553
1. VPC-SH1 ราคา 39,990 บาท รับฟรี Sanyo LCD TV 24” มูลค่า 7,990 บาท
2. VPC-GH1 ราคา 22,990 บาท รับฟรี Sanyo LCD TV 19” มูลค่า 6,990 บาท
3. VPC-CG100 ราคา 22,990 บาท รับฟรี Sanyo LCD TV 19” มูลค่า 6,990 บาท
4. VPC-CS1 ราคา 19,990 บาท รับฟรี Digital Photo Frame + แบตเตอรี่เพิ่ม 1 ก้อน รวมมูลค่า 6,980 บาท
5. VPC-CA100 ราคา 24,990 บาท รับฟรี แบตเตอรี่เพิ่มอีก 1 ก้อน มูลค่า 2,990 บาท
6. VPC-CG20 ราคา 17,990 บาท รับฟรี แบตเตอรี่เพิ่มอีก 1 ก้อน มูลค่า 2,990 บาท
** ทุกรุ่น รับฟรี SD Card 16GB + กระเป๋ากล้อง + สาย HDMI พร้อมรับสิทธิผ่อน 0% นาน 10 เดือน
(เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ)

View :2099
Categories: Press/Release Tags:

Internet Explorer 9 พร้อมให้ดาวน์โหลดทดลองใช้งานเวอร์ชั่นเบต้าแล้ววันนี้

September 19th, 2010 No comments

ไมโครซอฟท์และเว็บไซต์ชั้นนำทั่วโลกร่วมเฉลิมฉลองความน่าตื่นตาตื่นใจครั้งใหม่กับเว็บเบราเซอร์

ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศเปิดตัวเว็บเบราเซอร์ Internet Explorer 9 เวอร์ชั่นเบต้าพร้อมกันทั่วโลกแล้ววันนี้ โดยมีคู่ค้าผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์และแบรนด์ชั้นนำกว่า 70 รายเข้าร่วมงาน เพื่อร่วมกันมอบประสบการณ์ครั้งใหม่ในการใช้งานด้วย Internet Explorer 9 อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในงานที่จัดขึ้นภายใต้ธีม Beauty of the Web ในเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา Internet Explorer 9 นับเป็นเบราเซอร์ที่ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบประสบการณ์ในการท่องอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย และสามารถใช้งานร่วมกับวินโดวส์ 7 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้ตามที่ต้องการ

นักพัฒนาและนักออกแบบเว็บไซต์จากทั่วทุกมุมโลกต่างร่วมกันนำเสนอความสามารถของ Internet Explorer 9 เพื่อใช้ประสิทธิภาพจากเครื่องพีซีในยุคใหม่ และวินโดวส์ 7 อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังนำเสนอประสบการณ์ในการใช้งานรูปแบบใหม่ และรองรับชุดคำสั่งมาตรฐานยุคใหม่อย่าง HTML5 ที่ช่วยสร้างเว็บไซต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นราวกับแอพพลิเคชั่นในเครื่องพีซี โดยเว็บไซต์ของคู่ค้ารายต่างๆเหล่านี้ สามารถเข้าถึงผู้ชมกว่า 8 ร้อยล้านราย ซึ่งนับเป็น 2 ใน 3 ของจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่จาก Internet Explorer 9 ได้แล้ววันนี้ที่ http://www.BeautyoftheWeb.com

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Internet Explorer 9 ผนึกความสามารถของวินโดวส์ และเครื่องพีซีเข้าด้วยกัน เพื่อประสิทธิภาพในการแสดงผลเว็บไซต์ที่สูงขึ้น ไมโครซอฟท์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายรายในการเปิดตัว Internet Explorer 9 เวอร์ชั่นเบต้าในวันนี้ เพื่อที่จะนำเสนอเว็บไซต์ที่มีความสวยงามยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้งานทั่วโลก”

เว็บไซต์ชั้นนำร่วมผสานเทคโนโลยี HTML5 ใน Internet Explorer 9
Internet Explorer 9 ได้รับการออกแบบให้เป็นเว็บเบราเซอร์เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำงานร่วมกับวินโดวส์ 7 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในการเข้าชมเว็บไซต์ให้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น โดยไมโครซอฟท์ได้ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรในสหรัฐอเมริกาหลายราย อาทิ Facebook, MySpace, Twitter, LinkedIn, Amazon, eBay, IMDB, Red Bull GmbH, Quiksilver Inc., Rough Guides Ltd., eHow Inc., LiveStrong, Dailymotion, the Wall Street Journal, CNN, Flixter, Gorillaz และ Photobucket.

“เบราเซอร์ที่ดีควรช่วยเสริมให้เว็บไซต์มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น Internet Explorer 9 จึงได้รับการออกแบบให้ช่วยเสริมจุดเด่นของเว็บไซต์ยิ่งๆขึ้นไป และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเว็บไซต์หลายรายเพื่อการนำเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ปฐมา จันทรักษ์ กล่าวเสริม

สร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบที่เข้าใจเว็บไซต์อย่างแท้จริง
Internet Explorer 9 ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อแอพพลิเคชั่นที่ทำงานได้อย่างราบรื่น ความสามารถในการทำงานร่วมกันกับวินโดวส์ 7 และเนื้อที่ในการแสดงผลที่เพิ่มมากขึ้นของเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยทำให้เว็บไซต์โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม เมนูต่างๆถูกลดขนาดลง ทั้งยังเพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยขอบเบราเซอร์แบบกระจก ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ Internet Explorer 9 นำดีไซน์มาจากธีมของวินโดวส์ 7 โดยเน้นความเรียบง่ายและการใช้งานที่ง่ายยิ่งขึ้นราวกับการใช้งานแอพพลิเคชั่น ฟีเจอร์สำคัญของ Internet Explorer 9 ได้แก่
• Pinned sites – ด้วยฟีเจอร์ Pinned sites ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์โปรดได้จากทาสก์บาร์โดยไม่ต้องแม้แต่จะเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาใหม่ ผู้ใช้งานจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้งานยังสามารถสังเกตแบรนดิ้งของเว็บไซต์ได้ทั้งจากไอคอนและสีของเว็บไซต์บนปุ่ม navigation
• JumpLists – ฟีเจอร์ JumpLists ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดเบราเซอร์ โดยการทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Pinned sites ผู้ใช้งานสามารถสร้างอีเมล์ อ่านข้อความในอินบ็อกซ์ เปลี่ยนสถานีเพลง ตอบรับคำขอร้องการเป็นเพื่อน หรือ อ่านข่าวล่าสุดได้ทันที
• Tear-off tabs and Windows Aero Snap tabs – โดยปกติ ผู้ใช้งานมักเปิดใช้งานเว็บไซต์มากกว่าหนึ่งเว็บไซต์ในเวลาเดียวกัน Internet Explorer 9 เพิ่มความสามารถให้กับแท็บ โดยสามารถเคลื่อนย้ายแท็บให้แยกออกจากกันได้อย่างง่ายดาย เมื่อผนวกกับความสามารถของ Windows Aero Snap ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดหน้าต่างสองหน้าต่างขนานกันไปได้ ผู้ใช้งานจึงสามารถเปรียบเทียบสินค้าจากหลายๆเว็บไซต์ได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังชมวีดีโอที่ชื่นชอบในขณะที่เปิดอ่านอีเมล์ หรือ ศึกษาแผนที่ในขณะที่อ่านตารางการท่องเที่ยวได้ด้วย ผู้ใช้งานเพียงแค่คลิกที่แท็บที่ต้องการและลากไปยังขอบของหน้าจอ โดยที่เนื้อหาในเว็บไซต์จะยังคงแสดงผลอย่างต่อเนื่อง และวีดีโอก็ยังสามารถเล่นได้ตามปกติ

สำหรับในประเทศไทย เว็บไซต์ชั้นนำอย่าง Dek-D.com ก็ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์การใช้งาน Internet Explorer 9 มาให้คนไทยได้สัมผัส คุณสรวงศ์ ดาราราช, Co-Founder & System Director ของเว็บไซท์ Dek-D.com กล่าวว่า “Internet Explorer 9 ช่วยทลายกำแพงในการสร้างสรรค์เว็บไซต์ จากที่เราเคยถูกจำกัดให้ใช้ความสามารถจากซีพียูเพียงแค่คอร์เดียว แต่ด้วย Internet Explorer 9 เราสามารถออกแบบและสรรสร้างเว็บไซต์โดยใช้ประสิทธิภาพจากเครื่องพีซีได้อย่างเต็มเปี่ยม เช่นการดึงความสามารถของซีพียูแบบมัลติคอร์และจีพียูมาช่วยในการแสดงผลกราฟิกต่างๆได้สวยงามและเร็วขึ้น”

นอกจากนี้ เว็บไซต์ Dek-D.com ยังมีแผนการที่จะเปิดตัว Photo Explorer สำหรับการใช้งานร่วมกับ Internet Explorer 9 ในสัปดาห์หน้า ทั้งยังจะเพิ่มความสามารถของฟีเจอร์ JumpLists และ Webslices สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์ต่อไป “Internet Explorer 9 ทำให้เราสามารถออกแบบและสรรสร้างเว็บไซต์โดยใช้ประสิทธิภาพจากเครื่องพีซีได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะได้รับประสบการณ์ใหม่ด้วยเว็บแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น สะดวก รวดเร็วและใช้งานง่ายขึ้น” คุณสรวงศ์ ดาราราช กล่าวเสริม

ทำงานได้เร็วขึ้นด้วยประสิทธิภาพจากเครื่องพีซี
เวอร์ชั่นใหม่ของ Internet Explorer นำความสามารถที่เพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์เครื่องพีซีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเว็บเบราเซอร์ การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของ Internet Explorer 9 รวมไปถึงการใช้ สคริปต์จักรา หรือ สคริปต์เอนจิ้นรูปแบบใหม่ซึ่งใช้โปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์ในการประมวลผล และช่วยส่งเสริมให้ Internet Explorer 9 ให้เร็วกว่า Internet Explorer 8 ถึง 11 เท่า ทั้งยังเร็วกว่าไฟร์ฟ็อกซ์และซาฟารีเวอร์ชั่นใหม่ในการทดสอบการรันจาวาสคริปต์ Internet Explorer 9 ยังเป็น เบราเซอร์แรกที่ช่วยเพิ่มความเร็วของฮาร์ดแวร์ โดยควบคุมการทำงานของกราฟฟิคโปรเซสเซอร์ (GPU) และแบ่งสรรการทำงานด้านกราฟฟิคมาให้กราฟฟิคโปรเซสเซอร์แทนที่ซีพียู กล่าวโดยสรุปคือ Internet Explorer 9 ช่วยผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเครื่องพีซีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซึ่งเว็บเบราเซอร์ใดๆไม่เคยทำมาก่อน

เบราเซอร์ที่มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความน่าเชื่อถือ
Internet Explorer 9 นับเป็นเบราเซอร์ที่มีความน่าเชื่อถือที่สุด เนื่องด้วยเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย และรักษาความเป็นส่วนตัวแบบ built in ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยในการท่องอินเทอร์เน็ตยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถที่พัฒนาขึ้นมาจากประสิทธิภาพในการปกป้องที่สมบูรณ์แบบของ Internet Explorer 8 ฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้การออนไลน์ปลอดภัยยิ่งขึ้น ได้แก่
• ฟีเจอร์ Download Manager พร้อมด้วย SmartScreen Filter – Internet Explorer 9 มีฟีเจอร์ Download Manager ที่มีความสามารถในการกลั่นกรองมัลแวร์ พร้อมด้วยฟีเจอร์ SmartScreen download reputation ที่ช่วยลดคำเตือนที่ไม่จำเป็นออกไปสำหรับไฟล์ที่ใช้งานบ่อย หรือ มีความคุ้นเคย และ เพิ่มคำเตือนในการดาวน์โหลในกรณีที่ไฟล์ดังกล่าวน่าสงสัย ผู้ใช้งานในปัจจุบันมักจะเพิกเฉยต่อคำเตือนในการดาวน์โหลดไฟล์แต่ละครั้ง โดยเบราเซอร์ส่วนใหญ่มักจะแสดงคำเตือนในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดไฟล์ทั่วไป หรือ มัลแวร์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา Internet Explorer 9 จึงเป็นเบราเซอร์หนึ่งเดียวที่ใช้ฟีเจอร์ SmartScreen download reputation เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถได้รับความปลอดภัยในการดาวน์โหลดยิ่งขึ้น
• Add-on Performance Advisor – ฟีเจอร์ Add-on Performance Advisor หรือ คำแนะนำในการติดตั้งโปรแกรมเสริม จะคอยแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อโปรแกรมเสริมทำให้การทำงานของเบราเซอร์ช้าลง โดยปกติ ผู้ใช้งานจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อต้องใช้ระยะเวลาในการโหลดโปรแกรมเสริมมากกว่า 0.2 วินาที ผู้ใช้งานจึงสามารถตัดสินใจได้ว่าต้องการจะใช้งานโปรแกรมนั้นต่อไป หรือ หยุดใช้ในกรณีที่โปรแกรมเสริมดังกล่าวส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของเบราเซอร์
• ฟีเจอร์ที่น่าเชื่อถือ – การเคลื่อนย้ายแท็บ การกู้คืนหน้าเว็บไซต์อัตโนมัติ และการกู้คืนหน้าเว็บไซต์ที่ผิดพลาด ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าข้อมูลต่างๆ จะไม่ สูญหาย และช่วยให้พวกเขาสามารถท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะที่เว็บไซต์ต่างๆไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

เสริมประสิทธิภาพด้วย HTML5
Internet Explorer 9 รับรองการใช้งานชุดคำสั่งมาตรฐานต่างๆ ที่ติดตั้งมาก่อนแล้ว รวมถึงรับรอง HTML5, SVG, CSS3, และ COM ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเบราเซอร์ไปสู่อีกระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่านักพัฒนาสามารถเขียนภาษามาร์คอัพขึ้นมาเพียงชุดเดียว และทราบได้ว่าผลลัพธ์ในการนำเสนอเว็บไซต์ที่ได้จะเหมือนกันไม่ว่าจะใช้กับเบราเซอร์รูปแบบใหม่เบราเซอร์ใดก็ตาม

ความคาดหวังครั้งใหม่ของการใช้งานเบราเซอร์
Internet Explorer 9 ยกระดับความคาดหวังของผู้เข้าชมเว็บ โดยจะพลิกโฉมประสิทธิภาพในการทำงานของเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับการทำงานของวินโดวส์ และฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ ด้วยวินโดวส์ และ Internet Explorer 9 ไมโครซอฟท์ได้เติมเต็มหน้าที่ของเบราเซอร์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ช่วยถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้งาน เบราเซอร์ให้ราบรื่นราวกับการใช้งานแอพพลิเคชั่นโปรดบนเครื่องพีซี เสริมด้วยประสบการณ์ในการเข้าชมเว็บที่มีความสวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจ ที่สำคัญ Internet Explorer 9 จะช่วยให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ราบรื่น และปลอดภัยยิ่งขึ้น เปิดรับประสบการณ์ใหม่จาก IE9 และชื่นชม Beauty of the Web ได้ที่ www.BeautyoftheWeb.com

View :1350

แคนนอนจับมือ 2 พันธมิตรซอฟท์แวร์โซลูชั่นพัฒนา Enterprise Content Management

September 19th, 2010 No comments

พร้อมเผยผลประกอบการผลิตภัณฑ์ในกลุ่มองค์กรธุรกิจ

แคนนอนขนทัพเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่นรุ่นใหม่ imageRUNNER ADVANCE ล่าสุด 10 รุ่น ได้แก่ซีรี่ส์ 5000 จำนวน 4 รุ่น iR-ADV C5051 / C5045 / C5035 / C5030 และ ซีรีส์ 9000 PRO 1 รุ่น ได้แก่ iR-ADV 9075 PRO และ iR Compact ซีรี่ส์ 2500 จำนวน 5 รุ่น iR 2545 / 2535 / 2530 / 2525 / 2520 เปิดตัวในงานมหกรรมงานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบการจัดการเอกสารครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี “Business Can Be Simple” พร้อมเปิดตัวสองพันธมิตร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอซอฟท์แวร์ Sharepoint และบริษัทผู้นำทางด้านโซลูชั่น CDG Microsystems Limited นำเสนอซอฟท์แวร์ Kool Keeper เพื่อตอบสนองความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนขององค์กร ที่ร่วมกันพัฒนาโซลูชั่น Enterprise Content Management ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เผยสิ้นสุดไตรมาส 3 เปรียบเทียบกับปีที่แล้วยอดขายเติบโตสูงถึง 33% มั่นใจบรรลุเป้ายอดขายปีนี้ 1,200 ล้านบาท

ร้อยเอกสุนทร ปัณฑรมงคล ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น กรุ๊ป บริษัท มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจำเป็นต้อง มีการคิดค้นสิ่งใหม่ๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและลดต้นทุนขององค์กร โดยเฉพาะการนำ Enterprise Content Management (ECM) ที่รวมเข้ากับ Business Process Management ที่สามารถจัดส่งความสามารถในการยืดหยุ่นที่จำเป็นต่อความต้องการในการใช้งานเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วทางธุรกิจให้มีประสิทธิผล และจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับองค์กร

ด้วยเทคโนโลยี MEAP (Multifunctional Embedded Application Platform) เป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้จาวาเทคโนโลยีในการพัฒนาโปรแกรม ในเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่น imageRUNNER ADVANCE ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนเอกสารรูปแบบของกระดาษไปสู่รูปแบบข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์ได้โดยตรง อย่างง่ายดายโดยการใช้ปุ่มบนหน้าจอและสามารถใช้งานร่วมกับ e-Copy ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่เป็นตัวกลางที่สามารถสร้างความปลอดภัยให้กับไฟล์งานเอกสารนั้นๆได้ นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งปันและเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับระบบเครือข่ายที่มีอยู่ในองค์กรได้อย่างลงตัว ให้สามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft SharePoint 2010 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการทำงานร่วมกันทางธุรกิจ ที่ช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ร่วมงานในทีมได้ หรือ Kool Keeper ที่เปรียบเสมือนคลังเก็บคอนเทนต์อิเลคทรอนิกส์ขององค์กร ที่เก็บข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด รองรับการใช้งานกับภาษาไทยเต็มรูปแบบทั้งส่วนอินเตอร์เฟซ และการค้นหา ทำให้สามารถปรับแต่งเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการที่ไม่มีขีดจำกัด รวมไปถึงการควบคุมและวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ด้วย UniFLOW Output Manager

กลยุทธ์ในการสร้างความสำเร็จของแคนนอนนั้นมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำให้ลูกค้าาเลือกมากมาย การเปิดตัวพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ด้วยซอฟท์แวร์โซลูชั่นที่พัฒนา Enterprise Content Management ร่วมกัน เพื่อเติมเต็มความต้องการด้านการใช้งานของลูกค้าที่ไม่มีขีดจำกัด อาทิ กลุ่มลูกค้าประกันภัย กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มลูกค้าด้านการเงินการธนาคาร เป็นต้น

“ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับลูกค้าองค์กร ของแคนนอนจะสามารถทำยอดขายรวมได้ตามเป้ายอดขายที่วางไว้ 1,200 ล้านบาท โดยยอดขายเครื่องถ่ายเอกสารดิจิตอลของแคนนอนมีการเติบโต 11.5% ในขณะที่เครื่องพิมพ์ดิจิตอลตั้งเป้าเติบโตอย่างน่าพอใจในอัตรา 36% และผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์สีหน้ากว้าง imagePROGRAF (Large Format Printer) เติบโตในอัตรา 10% เครื่องสแกนเนอร์ความเร็วสูง ตั้งเป้าเติบโตในอัตรา 26% และซอฟต์แวร์การจัดการเอกสารเอกสารตั้งเป้าเติบโตในอัตรา 36 %” ร้อยเอกสุนทรกล่าว

View :1489