Archive

Archive for September, 2010

ก.ไอซีที ชง (ร่าง) นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติให้คณะกรรมการ กทสช.พิจารณา

September 19th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยว่า กระทรวงไอซีที ได้นำเสนอ (ร่าง) นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติให้คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่ง ชาติ (กทสช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาในวันนี้ (17 ก.ย.53) หลังจากที่กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)จัดทำร่างนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ เพื่อให้การพัฒนาบรอดแบนด์ของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน มีความเป็นเอกภาพสอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ และสามารถรองรับความต้องการของทุกภาคส่วนได้อย่างเหมาะสมตามมติของคณะ รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553

“สาระ สำคัญของ (ร่าง) นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติที่กระทรวงฯ เสนอให้ กทสช. พิจารณา ก็คือ การกำหนดนโยบายหลักให้บริการบรอดแบนด์เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่นเดียวกับน้ำ ไฟฟ้า หรือถนนทางด่วนที่ต้องมีอย่างเพียงพอ ประชาชนมีโอกาสเลือกใช้บริการที่หลากหลายทั่วถึงเท่าเทียมกัน ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสแข่งขันอย่างเสมอภาค โดยมีอัตราค่าบริการพื้นฐานที่เหมาะสม โดยมีการให้บริการแบบ 24 x 7 ที่ระดับคุณภาพเชื่อถือได้ 99.99% ภายในปี 2558 พร้อมกันนี้ ยังมีนโยบายให้โครงข่ายบรอดแบนด์นั้นเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมให้เกิดการ พัฒนาทางด้านการศึกษา สาธารณสุข บริการของรัฐ เศรษฐกิจ สังคม อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการรักษาความมั่นคงและปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ดี ขึ้น โดยมีการครอบคลุมอย่างทั่วถึง คือ ให้ประชากรไทยไม่ต่ำกว่า 80% จะต้องสามารถเข้าถึงบรอดแบนด์ได้ภายในปี 2558 และไม่ต่ำกว่า 95% ภายในปี 2563” นายจุติ กล่าว

สำหรับ มาตรการที่วางไว้เพื่อผลักดันการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวนั้น กระทรวงฯ ได้กำหนดมาตรการไว้ทั้งสิ้น 8 ข้อ คือ 1.ลดการลงทุนซ้ำซ้อนด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมทั้งในส่วนของรัฐและเอกชน 2.กำหนดให้มีการร่วมกันใช้โครงสร้างพื้นฐานส่วนที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อที่จะทำให้ประชาชนได้ใช้บริการบรอดแบนด์ในราคาที่เหมาะสมโดยรัฐต้อง เป็นผู้นำในโครงการประเภทนี้ 3.รัฐต้องมีนโยบายผลักดันและส่งเสริมตลาด ( market intervention) เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม โดยส่งเสริมการเข้าถึงตลาดแบบเปิด ( OPEN Access model) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาด 4.เลิกการผูกขาดเชิงนโยบายของหน่วยงานที่รัฐเป็นเจ้าของ คือ ไม่ให้สิทธิพิเศษหรือข้อยกเว้นแก่หน่วยงานภาครัฐที่ต้องแข่งขันกับเอกชนบน พื้นฐานการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ขณะเดียวกันก็ต้องหาแนวทางอย่างจริงจังสำหรับการลงทุนกิจการโทรคมนาคมแบบรัฐ ร่วมมือกับเอกชน ( Public-Private Partnership) พร้อมไปกับการปกป้องสิทธิอันพึงได้ของพนักงานของหน่วยงานที่รัฐเป็นเจ้าของอย่างเหมาะสม

5.ส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการในธุรกิจทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับบริการบรอดแบนด์ 6.ส่งเสริมการใช้บรอดแบนด์เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและรักษาสิ่งแวด ล้อม 7.ปกป้องภัยคุกคามและเตรียมการรับมือผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดตามมาจากการมี บริการ

บรอดแบนด์ อย่างแพร่หลาย โดยต้องทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงประโยชน์และภัยอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้ และ 8. กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการบรอดแบนด์แห่งชาติ ภายใต้คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เสนอ ร่าง นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติฉบับสมบูรณ์ แก่คณะรัฐมนตรี รวมทั้งเสนอแนะการปรับปรุงนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ กำหนดตัวชี้วัดและวิธีประเมินผลที่จำเป็นสำหรับการติดตามความสำเร็จของ นโยบายฯ และประสานงานการดำเนินการที่จำเป็นในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถ บรรลุเป้าหมายของนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ

“ใน ส่วนของข้อเสนอที่กระทรวงฯ ต้องการให้ กทสช. พิจารณาให้ความเห็นชอบ คือ การตั้งอนุกรรมการบรอดแบนด์แห่งชาติ ที่ประกอบด้วยภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการภายใต้นโยบายทั้ง 8 ข้อ รวมทั้งนำร่างนโยบาย บรอดแบนด์แห่งชาติ เข้ารับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศเป็นนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ตลอดจนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกคณะกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่ซ้ำซ้อนกับงานของคณะอนุกรรมการบรอดแบนด์แห่งชาติ เพื่อให้รวมงานที่เกี่ยวข้องไว้ในที่เดียวอีกด้วย” นายจุติ กล่าว

นอก จากนี้ในการประชุมคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ ครั้งนี้ กระทรวงฯ ยังมีการเสนอเรื่อง ร่างกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ระยะ พ.ศ.2554 – 2563 ( ) ร่างแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน ( ASEAN ICT Master Plan 2015) และร่างพระราชบัญญัติสภาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. …. เข้าสู่การพิจารณา เพื่อให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปอีกด้วย

View :1571

ก.ไอซีที ร่วมผลักดันการสมัครงานออนไลน์ เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายแก่ผู้หางาน

September 19th, 2010 No comments

นายวรพัฒน์ ทิวถนอม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมัครงานออนไลน์ ครั้งที่ 6 ว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมกับ บริษัท จัดหางาน จ็อบดีบี ประเทศไทย จำกัด จัดงานมหกรรมสมัครงานออนไลน์ ครั้งที่ 6 “ 2010: Come and Click Your Career” เพื่อ สร้างโอกาสอันดีให้กับองค์กรในการค้นหาบุคลากรที่จะเป็นกำลังสำคัญขององค์กร และเป็นสื่อกลางข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้หางาน ผู้ประกอบการ และสถาบันฝึกอบรม นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน ให้สามารถคัดเลือกบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การ จัดงานมหกรรมสมัครงานออนไลน์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะนำเสนอตำแหน่งงานที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของผู้เข้าร่วมงานจากองค์กรชั้นนำกว่า 160 บริษัทกับตำแหน่งงานกว่า 30,000 ตำแหน่ง โดยการนำเสนอตำแหน่งงานที่หลากหลายผ่านระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์และระบบบาร์โค้ดสแกนกว่า 500 เครื่อง ที่สามารถรองรับการสมัครงานได้มากกว่า 5,000 ตำแหน่ง ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง

“กระทรวงฯ ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ เป็นเครื่องมือยกระดับขีดความ สามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไอซีที เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกิดจากการวิจัยสู่ผู้ประกอบการ ได้เล็งเห็นว่าการนำระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ และระบบบาร์โค้ดสแกนมาใช้ในการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์และ ระบบการจัดการฐานข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่มีทั้งผู้ประกอบการและผู้ที่กำลังหางานได้รับความ สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายนั้น นับเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศที่ควรให้การสนับสนุนเป็นอย่าง ยิ่ง กระทรวงฯ จึงได้ให้ความร่วมมือในการจัดงานดังกล่าว นอกจากนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ได้แก่ บมจ.กสท โทรคมนาคม สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ยังได้เข้าร่วมในการออกบูธนำเสนอนิทรรศการการเติบโตทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับ ระบบการสมัครงานออนไลน์ของหน่วยงาน การประชาสัมพันธ์หน่วยงาน และโครงการพัฒนามาตรฐานบุคลากร ICT อีกด้วย

อย่าง ไรก็ตาม ในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ระหว่างการเติบโตและฟื้นตัวจากภาวะแวด ล้อมที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศเช่นนี้ ได้ทำให้ภาวการณ์ว่างงานยังคงเกิดขึ้นและมีตัวเลขที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ดังนั้น กระทรวงฯ จึงหวังว่ามหกรรมสมัครงานออนไลน์ครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ตลาดแรงงานเปิดกว้างและเป็นช่องทางสำหรับผู้ ที่กำลังมองหางานคุณภาพได้เข้ามาเปิดตัว และได้เลือกหาตำแหน่งงานที่ตนเองต้องการและเหมาะสมกับคุณสมบัติ เพื่อร่วมสร้างและพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง” นายวรพัฒน์ กล่าว

View :1470
Categories: Press/Release Tags: ,

เอชทีซีย้ายศูนย์บริการเอชทีซีชั่วคราว

September 15th, 2010 No comments

เอชทีซีได้ทำการย้าย ศูนย์บริการเอชทีซีชั่วคราว เพื่อทำการปรับปรุงใหม่ โดยได้ย้ายศูนย์บริการจากที่เดิม ชั้น 4 ไอทีมอลล์ ฟอร์จูนทาวน์ ไปยังศูนย์บริการชั่วคราว ซึ่งอยู่บริเวณ ชั้น 4 ของไอทีมอลล์ ฟอร์จูนทาวน์ เหมือนเดิม แต่อยู่ทางโซนโรงแรง ใกล้ๆ กับร้านอมร และเยื้องๆ กับศูนย์ของ SIS ตามแผนที่ในไฟล์แนบครับ โดยเปิดให้บริการตามปกติ ทุกวัน 10.30น. – 19.30น. ครับ
ทั้งนี้ในส่วนการย้ายได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านระบบ IVR ของ Callcenter ที่ 026403399 ด้วยครับ และติดประกาศที่หน้าร้านเดิมด้วยครับ

View :1438
Categories: Press/Release Tags: ,

NSTDA Investors’ Day ประจำปี 2553

September 15th, 2010 No comments

กำหนดการจัดงาน ประจำปี 2553
วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2553 เวลา 11.30 น. – 17.00 น.
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้องบอลล์รูม เอ
____________________________________________________________________________________

11.30 – 12.00 น. ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน และเดินชมบูธแสดงผลงาน
Private sessions*
12.00 – 12.10 กล่าวรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดงาน
โดย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล)
12.10 – 12.30 น. กล่าวเปิดงาน โดย ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล)
พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อเกี่ยวกับ อนาคตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอีก 10 ปีข้างหน้า
12.30 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 – 13.45 น. การแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “10 Technologies to Watch”
โดย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล)
13.45 – 14.40 น. Pitch deal** ผลงานของ สวทช. ที่น่าลงทุน 5 ผลงาน ได้แก่
• ระบบบำบัดน้ำเพื่อการเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีระบบบำบัดไนเตรตแบบท่อยาว (BIOTEC)
• โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์กะโหลกศีรษะเพื่อการวางแผนการจัดฟัน และสามารถจำลองใบหน้าหลังการจัดฟัน หรือ CephSmile V2 ()
• มวลรวมเบาสังเคราะห์โดยใช้กากตะกอนจากอุตสาหกรรมอลูมิเนียมและดินตะกอนจากโรงงานผลิตน้ำประปา (MTEC)
• น้ำยาปรับคุณสมบัติของผ้าไหม หรือ Easy Care Silk (NANOTEC)
• ต้นแบบรวดเร็วทางการแพทย์ หรือ Medical Rapid Prototyping (MTEC)
14.40 – 15.10 น. เชิญผู้เข้าร่วมงานชม Exhibition และรับประทานอาหารว่าง
Public sessions Parallel sessions
15.00 – 16.30 น. เสวนาเรื่อง “ก้าวไกลกับธุรกิจเทคโนโลยีด้วยตลาดทุนไทย” โดย
ดร. กฤษฎา อุทยานิน (ที่ปรึกษาด้านการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
คุณโสภณ บุญยรัตพันธุ์
(นายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมทุน)
คุณอ๋อง ตุน
(Executive Chairman, Thai Strategic Capital Management Co., Ltd.)
ผู้แทนจากตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ กลต.
ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศรีวิไล
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) 15.00 – 17.00 น. One-on-one matching session***
(ผู้สนใจเข้าร่วม โปรดแจ้งความจำนงผ่านทางระบบออนไลน์)
¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬
* Private sessions สำหรับผู้ลงทะเบียนแบบมีค่าใช้จ่ายเท่านั้น
** ผลงานละ 5 นาที โดยผู้เข้าร่วมงานจะ vote ผลงานที่สนใจฟังรายละเอียดเพิ่มเติม ผลงานที่ได้รับคะแนน vote สูงสุด จะต้องนำเสนอผลงานอีก 25 นาที

View :1494

กลุ่มทรู โหมแคมเปญใหม่ “ทรู…ใช้ร้อยชิงล้าน”

September 15th, 2010 No comments

แจกไม่อั้นกว่า 10 ล้านบาท คุ้มค่าสุดสุด ตอบแทนลูกค้าทรู

กลุ่มทรู เปิดแคมเปญใหญ่ “ทรู…ใช้ร้อยชิงล้าน” กระหน่ำแจกรางวัลทุกวัน ถึงต้นปี 2554 มอบความคุ้มค่าสูงสุดตอบแทนลูกค้ามือถือทรูมูฟ ทรูวิชั่นส์ บริการโทรศัพท์บ้าน บริการอินเทอร์เน็ต 56K และ ไฮ-สปีดอินเทอร์เน็ต บริการ NetTalk จากทรูออนไลน์ วีพีซีที บริการโทรทางไกลต่างประเทศรหัส 006 ทรูไลฟ์พลัสแพ็กเกจ บัตรทรูคอฟฟี่ เพียงซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านทรูช้อป ทรูพาร์ทเนอร์ ทรูคอฟฟี่ หรือตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ครบทุก 100 บาท รับทันที 1 สิทธิ์ ร่วมลุ้นชิงทองคำทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือลุ้นชิงรางวัลใหญ่ ทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท และรางวัลอื่นอีกนับพันรางวัล รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท สำหรับผู้สมัครใช้บริการใหม่รับทันที 10 สิทธิ์ ร่วมลุ้นรับรางวัลง่ายๆ เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ (IVR) โทร 02-900-9008 ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2553

นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แคมเปญ“ทรู…ใช้ร้อยชิงล้าน” เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดครั้งใหญ่ครั้งแรก เพื่อตอบแทนลูกค้าทรู มอบความคุ้มค่าสูงสุดให้ลูกค้ากว่า 21 ล้านคนทั่วประเทศ ที่วางใจใช้บริการของกลุ่มทรู ผ่านช่องทางต่างๆ ของทรู ทั้งร้านทรูช้อป ทรูพาร์เนอร์ ทรูคอฟฟี่ และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ โดยทำกิจกรรมร่วมกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรายการยกสยาม ทางสถานี โทรทัศน์ช่อง 9 และชิงร้อย ชิงล้าน ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 จับแจกรางวัลทุกวัน ทุกสัปดาห์ และร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัลทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท รถยนต์ฟอร์ดเฟียสต้า 2 คัน และรางวัลอื่นๆ อีก1,500 รางวัล รวมมูลค่ากว่า10 ล้านบาท ลูกค้ากลุ่มทรูทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ รับสิทธิ์ลุ้นโชคได้ง่ายๆ ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวผ่านโทรศัพท์ระบบตอบรับอัตโนมัติ (IVR) โทร. 02-900-9008 ตั้งวันนี้ – 31 ธันวาคม 2553

แคมเปญ “ทรู…ใช้ร้อยชิงล้าน” มอบความคุ้มค่าสูงสุดให้ลูกค้าทั้งมือถือ ทรูมูฟ ทรูวิชั่นส์ บริการโทรศัพท์บ้าน บริการอินเทอร์เน็ต 56K และ ไฮ-สปีดอินเทอร์เน็ต บริการ NetTalk จากทรูออนไลน์ วีพีซีที บริการโทรทางไกล ต่างประเทศรหัส 006 ทรูไลฟ์พลัสแพ็กเกจ บัตรทรูคอฟฟี่ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านทรูช้อป ทรูพาร์ทเนอร์ ทรูคอฟฟี่ และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 100 บาท รับทันที 1 สิทธิ์ ยิ่งกว่านั้นลูกค้าที่สมัครหรือเปิดบริการใหม่รับสิทธิ์เพิ่มทันที 10 สิทธิ์ นอกจากนี้ ทุกใบเสร็จยังได้รับสิทธิ์ลุ้นรับส่วนลดซื้อสินค้าหรือบริการอื่นๆในเครือทรูอีกด้วย”

นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แคมเปญ“ทรู…ใช้ร้อยชิงล้าน” มั่นใจว่าจะมีลูกค้าเข้าร่วมลุ้นรางวัลจำนวนมาก เพราะสามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ง่ายๆ ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ โดยไม่ต้องส่ง SMS ไม่ต้องส่งฉลากสินค้าชิงโชค เพียงโทร.ไปที่ 02-900-9008 ลงทะเบียนรับสิทธิ์เพียงครั้งเดียว ร่วมลุ้นทองคำทุกวัน ในรายการยกสยาม ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 วันละ 1 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท รวม 66 รางวัล รวมมูลค่า 660,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถร่วมลุ้นทองคำประจำสัปดาห์ ในรายการชิงร้อยชิงล้าน ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สัปดาห์ละ 10 รางวัลๆละ 1 หมื่นบาท รวม 130 รางวัล รวมมูลค่า 1.3 ล้านบาท และจับแจกรางวัลใหญ่ ในรายการ ชิงร้อยชิงล้าน วันที่ 18 มกราคม 2554 รางวัลที่ 1 ทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล, รางวัลที่ 2 รถยนตร์ฟอร์ดเฟียสต้า จำนวน 2 รางวัล และรางวัลอื่นๆ กว่า 1,500 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ กลุ่มทรู ยังจัดคาราวานพร้อมกิจกรรมความบันเทิงตลอดทั้งปี กับทัวร์คอนเสิร์ตสบายดีสัญจร โดยศิลปินจากค่ายอาร์สยาม ไปร่วมมอบความสนุกสนานให้กับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ของทรูใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ อุดรธานี, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, พิษณุโลก, ชลบุรี, เชียงใหม่ เชียงราย, สงขลา และภูเก็ต พร้อมจำหน่ายสินค้ากลุ่มทรูในราคาพิเศษอีกด้วย

“ในแคมเปญ “ทรู…ใช้ร้อยชิงล้าน” ครั้งนี้ ทรูทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ซึ่งมี เมธัส ตรีรัตนวารีสิน (แจ๊ค เอเอฟ 4) และ อนุสรา วันทองทักษ์ ( เปรี้ยว เอเอฟ 2) เป็นพรีเซ็นเตอร์ เชิญชวนลูกค้ากลุ่มทรูทั่วประเทศ ร่วมลงทะเบียน รับสิทธิ์ชิงรางวัลมากมายดังกล่าว มั่นใจว่า แคมเปญ “ทรูใช้ร้อยชิงล้าน” นอกจากจะให้ ความคุ้มค่าแก่ลูกค้ากลุ่มทรูแล้ว ยังจะรักษาและมีส่วนขยายฐานลูกค้าของกลุ่มเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย” นางรุ่งฟ้า กล่าวในที่สุด

View :1377
Categories: Press/Release Tags:

มหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สครั้งที่ 10

September 15th, 2010 No comments

“ปลดพันธนาการความคิดสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กร”

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วันที่ 15 กันยายน 2553 : มหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สครั้งที่ 10 “ปลดพันธนาการความคิดสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กร” ปีที่ 10 ของมหกรรมการรวมตัวนักพัฒนาและผู้ใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ส่งผลให้องค์กรชั้นนำและธุรกิจ SME ในประเทศไทยหันมาใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางธุรกิจและพัฒนาองค์กรได้อย่างยั่งยืน

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ภายใต้การกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ดำเนินกิจกรรมด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และให้ความสำคัญกับ การผลักดันการใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งถือเป็นซอฟต์แวร์ที่สอดคล้องกับนโยบายของแผนแม่บทไอซีที และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10เพราะซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สเป็นซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สามารถนำมาพัฒนา ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมการผลิตซอฟต์แวร์ การให้บริการ เป็นซอฟต์แวร์พื้นฐานที่ควรส่งเสริมสำหรับการใช้งานของ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายมากถึง 50 % ของมูลค่าซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ทั่วไป

งานมหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ครั้งที่ 10 ในชื่อ “ปลดพันธนาการทางความคิดสู่ความสำเร็จขององค์กรที่ยั่งยืน” ที่จัดขึ้นในวันที่ 30 กันยายน – 1 ตุลาคม 2553 ณ ห้องคอนเวนชันฮออล์ 1-6 อาคารปัญญาภิวัฒน์ สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี มีกิจกรรมและหัวข้อการบรรยายถึงยุทธศาสตร์ นโยบายและการติดตามผล รวมถึง กรณีศึกษา ในด้านการใช้งานในองค์กร โดยเฉพาะความสำเร็จการใช้งานใน รัฐวิสาหกิจ และเอกชนอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีของประเทศและชาวไทยที่จะได้รู้จัก ได้ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ที่คนไทยเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้พัฒนา และให้บริการ ทำให้ลดต้นทุนในการจัดซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แล้ว รวมทั้งยังทำให้เกิดการส่งเสริมให้เยาวชนได้ตระหนักและเรียนรู้การใช้ซอฟต์แวร์อิสระ ควบคู่ไปกับการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ด้วยอีกแขนงหนึ่ง

การจัดงานมหกรรมโอเพนซอร์สในครั้งนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่กลุ่มผู้ใช้ระดับองค์กรในประเทศไทยมีการตอบรับการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สอย่างสูง ซึ่งจะเห็นได้จาก การได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานชั้นนำจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ที่เล็งเห็นความสำคัญของการใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส รวมถึงได้ให้เกียรติและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย สถาบันเทคโนโลยี ปัญญาภิวัฒน์ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชมรมเทคสารสนเทศรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย สหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ โดยหัวข้อและเนื้อหาของการสัมมนาจะอัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่คัดสรรมาสำหรับความต้องการขององค์กรในลักษณะต่าง ๆ และ พลาดไม่ได้กับกรณีศึกษาขององค์กรที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อน เหมาะสำหรับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานที่สามารถเรียนรู้และปรับใช้ในอนาคต นอกจากนี้ยังควบคู่ไปกับกิจกรรมของนักพัฒนาโอเพนซอร์สแนวหน้าของเมืองไทยที่มารวมตัวกันทำกิจกรรม ระดมสมอง และ วางแผนการพัฒนาโอเพนซอร์สในอนาคต

View :1512
Categories: Press/Release Tags: ,

ไมโครซอฟท์จับมือฟูจิตสึ มอบซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ของแท้จากไมโครซอฟท์

September 15th, 2010 No comments

ย่อโลกการใช้งานไอทีไว้ในที่เดียวกัน สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การทำงาน
และการสื่อสารในยุคปัจจุบันที่เกิดขึ้นทุกที่ ทุกเวลา

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือคู่ค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดังฟูจิตสึ นำเสนอประสบการณ์การใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์รูปแบบใหม่บนโน้ตบุ๊ก เพื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะเป็นครั้งแรก ทั้ง ® Windows 7 และ ® Office 2010 Home and Business ในแบบที่มีชื่อเรียกว่า Product Key Card หรือ PKC ที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าไป Activate การใช้งานได้บนเครื่องและรุ่นที่กำหนด เพียงการเลือกซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องกับการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นซีดี แบบเดิมให้ยุ่งยากอีกต่อไป พร้อมเปิดใช้งานได้ทันที เพื่อช่วยย่อโลกการใช้งานไอทีทางธุรกิจไว้ในที่เดียวกัน ผู้ใช้จึงสามารถทำงานและติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊กฟูจิตสึที่มาพร้อมกับ ® Windows 7 และ ® Office 2010 Home and Business จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังต่อไปนี้

 ซอฟต์แวร์ Microsoft® Office 2010 ที่มาพร้อมกับโปรแกรมจัดการเอกสารทุกโปรแกรม Microsoft Word 2010, Microsoft Excel 2010, Microsoft PowerPoint 2010, Microsoft Outlook 2010, Microsoft OneNote 2010 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับงานเอกสาร งานสื่อสารการ นำเสนอผลงาน งานจดบันทึก อีกทั้งการจัดการสื่อมัลติมีเดียได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพทางธุรกิจ
 ซอฟต์แวร์ป้องกันและกำจัดไวรัสจากไมโครซอฟท์ Microsoft® Windows Security Essentials ที่มีให้ฟรี สำหรับผู้ใช้ Microsoft® Windows 7 ลิขสิทธิ์แท้ ที่สามารถป้องกันข้อมูลที่อยู่ในโน้ตบุ๊กจากไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 ช่วยลดความยุ่งยากในการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์
 ช่วยลดความยุ่งยากในการเลือกซื้อซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องให้แก่บริษัทฯ และองค์กร อีกทั้งเพื่อสนองตอบความง่ายในการใช้งาน
 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์

สำหรับโน้ตบุ๊กที่ทางบริษัทฟูจิตสึนำเข้าร่วมโปรโมชั่นพิเศษในครั้งนี้คือ LIFEBOOK SH 560 ซึ่งมีดีไซน์ใหม่ เพรียวบาง ผลิตในประเทศญี่ปุ่น มีน้ำหนักเบาเพียง 1.8 กิโลกรัม โดยมาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุด Scroll Wheel ที่ให้ความรวดเร็ว ในการเลื่อนหน้าจอขึ้น-ลง หรือซูมรูปภาพเข้า-ออก อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่น USB Charging ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวให้ผู้ใช้สามารถชาร์จไฟกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น มือถือ PDA iPhone iPod ผ่านพอร์ต ได้

USB ของเครื่องแม้ในขณะปิดเครื่อง โน้ตบุ๊ก Fujitsu LIFEBOOK SH560 มีหน้าจอขนาด 13.3” คมชัดแบบ HD back-light LED ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล สามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดถึง 180 องศา พร้อมซีพียูใหม่จาก Intel Core i5-520M ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Intel Turbo boost ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงาน พร้อมระบบปฏิบัติการ Microsoft® Windows7 Professional และ Ram DDR3 ขนาด 2 GB และฮาร์ดดิสก์ 500 GB การ์ดจอ NVIDIA GeForce 310 M อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารด้วย ระบบเชื่อมต่อ Wireless, Bluetooth V2.1+EDR คีย์บอร์ดชนิดกันน้ำ, กล้องเวปแคม 1.3 เม็กกะพิกเซล และพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน USB 2.0 ,LAN, Express Card, Card reader, DVD – RW และพอร์ต HDMI และอุ่นใจกับการรับประกันตัวเครื่องนานถึง 3 ปี

Fujitsu LIFEBOOK SH760 ยังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ขนาดบางเบา ประสิทธิภาพสูง ผลิตในประเทศญี่ปุ่นออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้บริหารที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กที่มีความสามารถหลากหลายในเครื่องเดียว เสมือนเป็นเลขาส่วนตัว พร้อมเทคโนโลยี Scroll Wheel ที่เพิ่มความคล่องตัวในการเลื่อนเอกสารและหน้าจอขึ้นลง หรือซูมรูปภาพเข้าออกได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว มีฟังก์ชั่นก์ USB Charging ที่ให้ความสะดวกสบายในการชาร์จไฟเข้ากับมือถือ พีดีเอ iPhone iPad และอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านพอร์ต USB แม้ในขณะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก Fujitsu LIFEBOOK SH760 มีขนาดหน้าจอ 13.3” ให้ภาพคมชัดแบบ HD back-light LED ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ความสว่างสูงถึง 300 nits อีกทั้งความสว่างที่สบายตา แต่น้ำหนักเบาเพียง 1.6 กิโลกรัม และมาพร้อมกับซีพียูประสิทธิภาพสูงจาก Intel Core i7-620M เทคโนโลยี Intel Turbo Boost ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Microsoft® Windows 7 Professional และแรมขนาด 4 GB DDR3 ฮาร์ดดิสก์ความจุ 500 GB ระบบเชื่อมต่อด้วย Wireless, Bluetooth V 2.1 +EDR กล้องเวปแคม 2.0 เมกกะพิกเซล พร้อมคีย์บอร์ดกันน้ำ และยังมีฟังก์ชั่น 3D Shock Sensor ที่ช่วยป้องกันฮาร์ดิสก์จากการตกกระแทก ป้องกันการเสียหายของข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ สมบูรณ์แบบด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อครบครันกับ USB 3.0 Connector ซึ่งเร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่า และอุ่นใจกับการรับประกันตัวเครื่องนานถึง 3 ปี

ผู้ที่สนใจ สามารถเลือกซื้อโน้ตบุ๊ก Fujitsu LIFEBOOK SH760 ที่มาพร้อมกับ Microsoft® Windows 7 และ Microsoft® Office 2010 Home and Business ลิขสิทธิ์ ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายโน้ตบุ๊กฟูจิตสึอย่างเป็นทางการ iSeven หรือสอบถามที่คอลเซ็นเตอร์ 02 714 5800 จันทร์ถึงศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น.

View :1758
Categories: Press/Release Tags: ,

สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทคที่สนใจเป็นเจ้าของ iPhone 4 ก่อนใคร 16 – 17 กันยานี้

September 15th, 2010 No comments

ลูกค้าดีแทคที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ dtac iPhone 4 สามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.dtac.co.th/iphone ในวันที่ 16 – 17 กันยายน 2553 เพื่อรับข้อมูลอัพเดทล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นราคาเครื่อง รายละเอียดแพ็กเกจ และการเปิดตัวของ dtac iPhone 4 ก่อนใคร สินค้ามีจำนวนจำกัด และสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าดีแทคเท่านั้น

View :1503
Categories: Press/Release Tags:

:แอลจี เดินหน้ารุกตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก

September 14th, 2010 No comments

เปิดตัว LG Optimus Series สองรุ่นล่าสุด ผ่านการถ่ายทอดสดในระบบออนไลน์

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เดินหน้ากลยุทธ์ขยายส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมล่าสุด และ Optimus Chic ผ่านการถ่ายทอดสดในระบบออนไลน์จากแอลจีสำนักงานใหญ่ เพื่อตอกย้ำความพร้อมในการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลกของแอลจี

ดร.สก็อต อาห์น ซีอีโอและประธาน กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือของแอลจี กล่าวว่า “เพื่อขยาย ส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก แอลจีให้ความสำคัญในการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค ด้วยมือถือในตระกูล LG Optimus Series ที่มาพร้อมสมาร์ทโฟนหลากรุ่นซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน และมีให้เลือกตั้งแต่สมาร์ทโฟนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ไปจนถึงระดับพรีเมี่ยม โดยนอกเหนือจากการเปิดตัว LG Optimus One และ Optimus Chic ในวันนี้แล้ว เรายังมีแผนที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนภายใต้ชื่อ LG Optimus Series มากกว่า 10 รุ่น อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2011 อันนับเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรุกตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของแอลจี”

ทั้งนี้การแถลงข่าวเปิดตัว LG Optimus One และ Optimus Chic ได้มีการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์พร้อมกันทั่วโลก จากแอลจีสำนักงานใหญ่ ในกรุงโซล ประเทศเกาหลี โดยผู้สนใจสามารถชมการแถลงข่าวย้อนหลังได้จากหน้าเฟซบุคของแอลจีที่ http://www.facebook.com/LGMobileHQ และชมผ่านยูทูบได้ที่ http://www.youtube.com/LGMobileHQ

LG Optimus One และ Optimus Chic เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 (โฟรโย) ใหม่ล่าสุด ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคข้อมูลข่าวสารได้อย่างแท้จริง
• LG Optimus One มาพร้อมแพลทฟอร์มแอนดรอยด์ 2.2 (โฟรโย) ซึ่งให้สมรรถนะการประมวลผลอันรวดเร็ว และมีฟังก์ชั่นสุดล้ำให้เชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด รวมทั้งรองรับมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิงได้อย่างเต็มที่
เอาใจคนรุ่นใหม่ผู้ชื่นชอบแฟชั่นและดีไซน์ ด้วยรูปลักษณ์ที่ผสานเส้นสายโค้งมน และรูปทรงเพรียวบาง จึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไป ซึ่งมักมีขนาดใหญ่ และไม่น่าใช้
ทั้งนี้ LG Optimus One มาพร้อมบริการใหม่ล่าสุดบนแอนดรอยด์ 2.2 (โฟรโย) อาทิ Google Voice Actions ซึ่งเป็นนวัตกรรมการสั่งงานด้วยเสียงที่จะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น เช่น การใช้เสียงในการสั่งโทรออก ส่งเอสเอ็มเอส เปิดแผนที่นำทาง ส่งอีเมล และจดโน๊ตเตือนความจำ เป็นต้น จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพการใช้งาน Google Mobile Services ได้อย่างเต็มที่

คุณสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย มีสัดส่วนในแง่ของมูลค่าอยู่ที่ 24% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก การเปิดตัวแอนดรอยด์โฟนรุ่นใหม่อย่าง LG Optimus One ซึ่งมาพร้อมแอนดรอยด์ 2.2 (โฟรโย) ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า จะเป็นจุดแข็งสำคัญในการผลักดันความสำเร็จในตลาดสมาร์ทโฟนของแอลจี

สำหรับในประเทศไทย แอลจีจะนำมือถือในตระกูล LG Optimus Series เข้ามาจำหน่ายในปีนี้ทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน คือ LG Optimus GT540 และ LG Optimus One โดย Optimus GT540 นั้น ได้นำเข้ามาจำหน่ายแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้ จนกระทั่งสินค้าขาดตลาดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นมือถือที่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องแรก ด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย และดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ในราคาเพียง 7,990 บาท อีกทั้งยังสามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น 2.1 ได้ฟรีในเดือนตุลาคมนี้ ส่วน LG Optimus One มีกำหนดจะนำเข้ามาจำหน่ายในช่วงปลายเดือนตุลาคม ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลแอลจี หมายเลขโทรฟรี 1-800-545454

View :1535

‘แซส’ เข้าซื้อกิจการ ‘เมมเม็กซ์’ ธุรกิจซอฟต์แวร์ด้านข่าวกรองในอังกฤษ

September 14th, 2010 No comments

เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดด้านความมั่นคงระดับชาติและการบังคับใช้กฎหมายที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

บริษัท แซส ผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุกิจ (Business Analytics) เข้าซื้อกิจการบริษัท เมมเม็กซ์ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการข่าวกรอง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการข่าวกรอง เสริมความมั่นคงสาธารณะให้แข็งแกร่งขึ้น ตลอดจนป้องกันและยับยั้งอาชญากรรม การก่อการร้าย และภัยคุกคามอื่นๆ โดยบริษัทแห่งนี้มีฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งอย่างมากในตลาดด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

นายจิม กูดไนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) บริษัท แซส กล่าวว่า บริษัท แซส เป็นผู้ที่มีบทบาทรายหนึ่งในตลาดด้านความมั่นคงแห่งมาตุภุมิและความปลอดภัยสาธาราณะ และบริษัทมีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำระดับโลก “การเข้าซื้อบริษัท เมมเม็กซ์ ในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญของแนวทางระดับโลก ในการปรับปรุงข้อเสนอสำหรับตลาดด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความยุติธรรมทางอาญา ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และข่าวกรองให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ผมต้องการให้บริษัท แซส เป็นบริษัทแรก ที่หน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยสาธารณะขอรับความช่วยเหลือ เกี่ยวกับการนำการวิเคราะห์ไปใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านอาชญากรรมและการคุ้มครองพลเมืองของตน”

นายเอียน มาโนชา กรรมการบริหารของบริษัท แซส ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งเป็นประธานของบริษัท เมมเม็กซ์ กล่าวว่า “ในหลายๆ ประเทศนั้น ตลาดด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความยุติธรรม ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และข่าวกรองทางการทหาร ได้ถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยแต่ละหน่วยงานจะเก็บรักษาข้อมูลของตนเอาไว้เอง ขณะนี้บริษัท แซส กำลังขยายขีดความสามารถให้ทุกหน่วยงาน สามารถแบ่งปันและใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมทั้งในระดับท้องถิ่น ประเทศ และโลก ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างข้อมูลพยากรณ์และการป้องกันอาชญากรรมต่างๆ”

ทั้งนี้ บริษัท เมมเม็กซ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกลาวโกว์ สก็อตแลนด์ ได้รับการยอมรับและความเชื่อถือเป็นอย่างดีในชุมชนด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีลูกค้าระดับโลกหลายราย อาทิ สำนักงานตำรวจด้านการสำรวจและขนส่ง เบดฟอร์ดเชียร์, สำนักงานตำรวจแห่งรัฐเดลาแวร์ มิชิแกน นิวแฮมเชียร์ และเพนซินวาเนีย สำนักงานสืบสวนสอบสวนจอร์เจีย กลุ่มแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการก่อการร้ายเมืองแคนซัส ศูนย์การสนธิข่าวโอไฮโอตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานตำรวจประจำลอสแองเจอลิสและฟิลาเดลเฟีย ศูนย์ข่าวกรองแคลิฟอร์เนียกลาง สำนักงานตำรวจเบไลซ์ สำนักงานตำรวจรัฐอัลบาเนีย และสำนักงานคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม รวมถึงศูนย์การสนธิข่าวสหรัฐ 13 แห่ง

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ยังจะทำให้บริษัท แซส สามารถตอบสนองความต้องการของศูนย์การสนธิข่าว ( Fusion Center) ซึ่งเป็นการรวมทรัพยากรของหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายจำนวนมากเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยขณะนี้มลรัฐและเมืองขนาดใหญ่หลายแห่งของประเทศสหรัฐอเมริกาต่างก็มีศูนย์สนธิข่าวที่กำลังใช้งานเทคโนโลยีของเมมเม็กซ์อยู่

บริษัท แซส ตั้งใจที่จะขยายธุรกิจไปทั่วโลก ภายใต้การดำเนินงานของทีมการบริหารจัดการ ที่มีอยู่เดิม โดย คาร์ริค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท เมมเม็กซ์ เชื่อว่าทั้งสองบริษัท สามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว “การรวมข้อเสนอระบบธุรกิจอัจฉริยะและการวิเคราะห์ขั้นสูงของบริษัท แซส เข้ากับข้อเสนอการบริหารจัดการด้านข่าวกรอง การประมวลผลสารสนเทศ และการสืบค้นภายในองค์กรขนาดใหญ่ของบริษัท เมมเม็กซ์ สำหรับส่วนความมั่นคงสาธารณะ ถือเป็นข้อเสนอที่โดดเด่นอย่างมากในพื้นที่ตลาดแห่งนี้”

มาตรการครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท แซส เกี่ยวกับการเข้าซื้อบริษัทต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีสำคัญ ซึ่งจะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพหรือขยายสายผลิตภัณฑ์ของบริษัท แซส ที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยการเข้าซื้อบริษัท เมมเม็กซ์ จะทำให้บริษัท แซส สามารถจัดตั้งองค์ประกอบที่สำคัญของธุรกิจในแบบสากล ที่สามารถจำหน่ายได้ทั้งโซลูชั่นบริษัท แซส และบริษัท เมมเม็กซ์ แก่ชุมชนด้านความมั่นคงแห่งชาติ ข่าวกรอง และการบังคับใช้กฎหมายได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัท แซส และบริษัท เมมเม็กซ์ เป็นบริษัทที่ยังไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเงื่อนไขทางการเงินของการเข้าซื้อในครั้งนี้จึงไม่ได้รับการเปิดเผย

การประกาศการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยในการประชุม The Premier Business Leadership Series ณ กรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นงานประชุมระดับนานาชาติ

View :1351
Categories: Press/Release Tags: