Archive

Archive for September, 2010

“MEANINGFUL” ACADEMIC COALITION ANNOUNCED AT CHULALONGKORN EVENT

September 1st, 2010 No comments

ประกาศความร่วมมือทางวิชาการด้าน “การมีความหมาย”

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการประกาศจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศ เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแนวนโยบายด้านต่างๆเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากระบบ 3g ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เป้าหมายหลักของเครือข่ายนี้ได้แก่การสร้างอุปสงค์ที่ “มีความหมาย” ต่อผลิตภัณฑ์บรอดแบนด์หรืออินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง เพื่อให้คนไทยกว่า 45 ล้านคนที่ยังไม่ได้เข้าสู่การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างจริงจัง ได้มีโอกาสได้ประโยชน์สูงสุดจากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้
การประชุมประกอบด้วยคณาจารย์จากสาขาวิชาและมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อร่วมกันกำหนดวาระการวิจัยภายใต้กรอบของ “บรอดแบนด์ที่มีความหมาย” และจัดตั้ง “สถาบันช่องว่างดิจิตัล” ภายใต้ศูนย์จริยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดร. เครก สมิธ ผู้ก่อตั้งสถาบันนี้กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยไทยจะทำงานร่วมกับนักวิชาการจากภูมิภาคอื่นของเอเซีย รวมทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพื่อจัดทำแบบจำลองของบรอดแบนด์ที่มีความหมาย ซึ่งจะเข้ากันได้กับความต้องการและระบบคุณค่าของประเทศไทย”

เขากล่าวอีกว่า “แบบจำลองของสถาบันช่องว่างดิจิตัลจะไม่มองไปที่เกาหลีใต้หรือสิงคโปร์เป็นตัวอย่างในอันที่จะตอบปัญหาเกี่ยวกับว่า บรอดแบนด์จะให้ประโยชน์แก่ชาวไทยได้อย่างไร แต่จะมองไปที่กรอบแนวคิดเชิงจริยธรรมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมไทย”
แบบจำลองนี้พัฒนาต่อมาจากงานของคณะทำงาน “บรอดแบนด์ที่มีความหมาย” ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์จริยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับการปรับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการคิดค้นนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ

ศ. ดร. ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้กรุณาให้เกียรติกล่าวปาฐกถานำในการประชุม ท่านได้กล่าวว่า “การออกใบอนุญาตเป็นเพียงก้าวแรกสู่การมีความหมายของบรอดแบนด์ ตอนนี้งานที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว”
ศ. ดร. ประสิทธิ์กล่าวต่ออีกว่า กทช. ได้กำหนดมาตรการหลายประการในการออกใบอนุญาต 3.9G ซึ่งมาจากรายงานและข้อเสนอแนะของโครงการบรอดแบนด์ที่มีความหมายในระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการลดช่องว่างดิจิตัล ตัวอย่างเช่น เสาสถานี 3.9G ต้องเข้าถึงอย่างน้อยร้อยละ 80 ของประชากรไทยในเวลาสองปี และโรงเรียนทุกแห่งและทุกๆตำบลในประเทศต้องอยู่ในรัศมีโครงข่ายสัญญาณ

ศ. ดร. ประสิทธิ์ยังกล่าวอีกว่า “ตอนนี้นักวิชาการและภาคธุรกิจต้องร่วมมือกันทำงานเพื่อออกแบบโปรแกรมการใช้งาน ที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากเสาสถานีเหล่านี้ เพื่อให้คนส่วนใหญ่ที่มีรายได้น้อยของประเทศ ได้มีโอกาสใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน”

ที่ประชุมเมื่อวันที่ 30 ได้กำหนดหัวข้อหลักของการวิจัยไว้ห้าหัวข้อ ดังต่อไปนี้
เศรษฐกิจและการคลัง: ดร. กิตติ ลิ่มสกุลจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเป็นหัวหน้าโครงการพัฒนาแบบจำลองทางการคลังสำหรับบรอดแบนด์ที่มีความหมาย โดยใช้เทคนิควิธีการทางเศรษฐศาสตร์และคณิตศาสตร์

การบริหารจัดการ: ส่วนนี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งจะวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่จะก่อให้เกิดการร่วมมือกันในทางกลยุทธ เพื่อให้ 3.9G สามารถขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงานใหม่ๆในชนบทและสร้างการเป็นผู้ประกอบการ

นโยบายสาธารณะและการกำกับดูแล: ส่วนนี้จะเป็นความรับผิดชอบของคุณอัครพล … ซึ่งจะศึกษานวัตกรรมทางด้านการกำกับดูแล ควบคู่ไปกับการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ซึ่งจะก่อให้เกิดแรงจูงใจที่จะพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ที่ “มีความหมาย”
นวัตกรรมทางเทคโนโลยี: สถาบันเทคโนโลยีสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะรับผิดชอบการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และกำหนดหัวข้อการวิจัยเกี่ยวกับการให้บริการข้อมูลดิจิตัล รวมทั้งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆที่จะสร้างอุปสงค์ให้แก่คนจำนวน “สองพันล้านคนต่อไป” ซึ่งยังมีรายได้น้อย และจะทดสอบนวัตกรรมเหล่านี้ในภาคชนบทของประเทศไทย

นวัตกรรมทางจริยธรรม: รศ. ดร. โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์และ ดร. เครก สมิธจากศูนย์จริยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะศึกษาแนวทางการกำหนดแนวนโยบายและหัวข้อวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาดรรชนีชี้วัด “การมีความหมาย” ซึ่งจะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแล ตลอดจนผู้ปกครองและผู้ออกแบบเทคโนโลยี สามารถแบ่งแยกระหว่างเทคโนโลยีที่ “มีความหมาย” กับ “ไม่มีความหมาย” ออกจากกันได้

ดร. เครกกล่าวว่า “การมีความหมาย หมายถึงการที่เทคโนโลยีเหมาะสมแก่บริบท” “ทั้งนี้หมายความว่าเราต้องระดมสมองที่ดีที่สุดในด้านต่างๆจากมานุษยวิทยาจนถึงประสาทสรีรวิทยามาเพื่อช่วยกันหาคำตอบ ข้อเสนอแนะทางวิชาการนี้จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาเกณฑ์ที่เป็นรูปธรรม ที่จะจัดอันดับเทคโนโลยีรุ่นต่อๆไปบนพื้นฐานของการมีความหมายหรือการไม่มีความหมายหรือแม้กระทั่งที่เป็นอันตราย

นอกจากนี้ คุณโก๊ะเสี่ยวหงจาก Cisco System ประเทศสิงคโปร์ยังได้ประกาศการประชุมออนไลน์ระหว่างผู้สนใจจากประเทศและทวีปต่างๆ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงนักวิจัยและนักวิชาการจากประเทศไทยให้ได้ทำงานร่วมมือกันใกล้ชิดกับนักวิชาการชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก
ท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ รศ. ดร. โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ ผู้อำนวยการศูนย์จริยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ s.hongladarom@gmail.com

View :1116

จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ นำ EDGE Plus เติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้คนรุ่นใหม่

September 1st, 2010 No comments

ภายใต้ธีม

จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ เผยกลยุทธ์เด็ดพิชิตใจลูกค้า นำสุดยอดเทคโนโลยี เข้ามาเติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้คนรุ่นใหม่ เพื่อให้ซิมเดียวตอบโจทย์ได้ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ภายใต้ Theme ใหม่ “จีเอสเอ็ม ซิมเดียวอยู่”

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เปิดเผยถึงรายละเอียดของกลยุทธ์ใหม่ที่ออกมาเพื่อครองใจลูกค้าในครั้งนี้ว่า “จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ มีการปรับ Branding มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่ GSM 2 Watts มาสู่ จีเอสเอ็ม ชีวิตเหนือระดับ, GSM Evolution , ตัวคุณ จีเอสเอ็มของคุณ และล่าสุดปีที่ผ่านมากับ GSM Smart Life ที่ให้ลูกค้าสามารถกำหนดรูปแบบของค่าโทรได้เอง ซึ่งแตกต่างจากค่าโทรสำเร็จรูปในอดีต โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีจำนวนลูกค้าเลือกใช้ Smart Mix and Match โดยไม่เปลี่ยนโปรโมชั่นเลยมากถึง 1.2 ล้านราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากเรื่องของการออกแบบแพ็คเกจค่าโทรด้วยตัวคุณเองแล้ว จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ยังเติมเต็มไลฟ์สไตล์ทุกชีวิตให้มีสีสันและสมาร์ทยิ่งขึ้น ด้วยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ในหลากหลายธุรกิจเพื่อมอบสิทธิพิเศษในแกนต่างๆให้กับลูกค้ามาโดยตลอด ทั้งประกันภัย , ช้อปปิ้ง , บัตรเครดิต และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ล่าสุดยังให้ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ อุ่นใจไปกับบริการล้ำสมัยมากมาย ทั้ง Smart Secure มือถือหาย ข้อมูลไม่หาย เพราะสามารถ สำรอง – ล็อค – ลบ ข้อมูลในมือถือได้แม้เครื่องหาย และ GSM Mobile PayWave ที่ให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งด้วยมือถือที่กลายเป็นบัตรเครดิตด้วย

สำหรับวันนี้เราได้เพิ่มความอัจฉริยะให้กับซิมจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ อีกครั้ง โดยนำเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต โทรออกและรับสายได้พร้อมกันในพื้นที่ครอบคลุมทุกภาค บนเทคโนโลยี EDGE Plus นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลต่างๆ ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอัพโหลดได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า จาก 118 Kbps เป็น 236 Kbps รวมทั้งเพิ่มแพ็คเสริมใหม่ “คุยฟรีข้ามวันข้ามคืน” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าคุยได้ไม่อั้นตั้งแต่ 4 ทุ่ม – 5 โมงเย็น ในเครือข่ายเอไอเอส เพียงเดือนละ 249 บาท

ทำให้วันนี้ซิมจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ มีความพร้อมครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกจที่โดนใจ , สิทธิพิเศษที่ทำร่วมกับพาร์ทเนอร์มากมาย รวมทั้งการมีเน็ตเวิร์คที่เข้มแข็ง เซอร์วิสที่ล้ำหน้า เติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ดังนั้นจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ จึงออก Theme ใหม่ในชื่อ “จีเอสเอ็ม ซิมเดียวอยู่” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง”
สำหรับผู้ที่สนใจรับประสบการณ์ของ “จีเอสเอ็ม ซิมเดียวอยู่” สามารถติดตามรายละเอียดได้จากสื่อต่างๆ หรือร่วมสนุกกับกิจกรรมเพื่อลุ้นรับของรางวัลค่าโทรจากจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ กว่า 100,000 บาท ทางเว็บไซต์ www..co.th/gsmadvance สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175

View :1509

เอชพี เปิดตัวโซลูชั่น HP Flex DataCenter ใหม่

September 1st, 2010 No comments

ช่วยลดเงินลงทุนได้ถึงครึ่งหนึ่ง ใช้ทรัพยากรได้เต็มประสิทธิภาพ ดีไซน์ใหม่ เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งาน พร้อมช่วยสร้างโลกสีเขียว ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เอชพีเปิดตัวโซลูชั่นล่าสุด ทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าลดค่าใช้จ่ายในการออกแบบและติดตั้งศูนย์ข้อมูลได้ถึงครึ่งหนึ่ง ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย

โซลูชั่น HP Flex DataCenter หรือ FlexDC มีวิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้ลูกค้าสามารถออกแบบและสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่แทนรูปแบบที่ใช้อยู่เดิมได้อย่างง่ายดาย โดยมีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับขยายได้ตามต้องการ ทั้งยังคงรักษาทรัพยากรเดิมที่จำเป็นไว้อย่างครบถ้วน

มร. เดวิด เจ แคปปุชชิโอ รองประธานและประธานฝ่ายวิจัย บริษัท การ์ทเนอร์ กล่าวว่า “หนึ่งในปัญหาที่มีความสำคัญมากที่สุดของธุรกิจในปัจจุบัน คือ ความต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนและการดำเนินงานให้รัดกุมสูงสุด ดั้งนั้นในการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ลูกค้าจึงจำเป็นต้องพิจารณาหาทางเลือกที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจต่างๆ ทั้งยังสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปพร้อมๆ กัน”

ด้าน มร. บ็อบ แคชเนอร์ รองประธานอาวุโสด้านทรัพย์สินองค์กร บริษัท เวลส์ฟาร์โก เผยว่า “สถาบันการเงินเป็นธุรกิจที่มีข้อมูลปริมาณมาก จึงต้องการโซลูชั่นที่สามารถเพิ่มสมรรถนะการทำงานของศูนย์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นโดยต้องไม่ทำให้การดำเนินธุรกิจต้องสะดุด ดังนั้น โซลูชั่น HP FlexDC คือแนวทางใหม่ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถดำเนินการประมวลผลข้อมูลแบบอัตโนมัติได้ตามต้องการและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนออกแบบและติดตั้งศูนย์ข้อมูลที่ประหยัดและคุ้มค่าสูงสุด”

HP FlexDC เพิ่มความสะดวกในการปรับขยาย ออกแบบโดยใช้แนวคิดโครงสร้างแบบปีกผีเสื้อโซลูชั่น HP FlexDC นำโครงสร้างของปีกผีเสื้อมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ ประกอบด้วยโมดูลสำเร็จรูปที่เป็นอิสระ 4 ส่วนประกอบเข้าด้วยกันภายใต้การบริหารแบบรวมศูนย์ โดยใช้ส่วนประกอบทั่วไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมไอทีเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน ทั้งยังมีโครงสร้างที่ทันสมัย พร้อมด้วยระบบกระจายพลังงานไฟฟ้าและระบบทำความเย็นที่หลากหลายให้เลือกใช้อย่างเหมาะสม

บริการ HP Critical Facilities Services คือ บริการให้คำปรึกษา และออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมระบบ โดยเอชพีจะทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อกำหนดความต้องการของลูกค้า ทั้งยังช่วยวางแผนและติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับศูนย์ข้อมูลของลูกค้า

มร. คาเฟอร์ กอดริช ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี หน่วยธุรกิจ Technology Services เอชพี กล่าวว่า “โซลูชั่น HP FlexDC นับว่าเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจที่สำคัญๆ อาทิ ผู้ให้บริการด้านการเงิน หน่วยราชการต่างๆ และผู้ให้บริการคลาวด์โฮสต์และโคโลเคชั่นโฮสต์ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถปรับขยายได้ ทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน เอชพีจึงสามารถช่วยลูกค้าพัฒนาวิธีใหม่ๆ ในการติดตั้งและดำเนินงานในศูนย์ข้อมูลที่ประหยัดค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน”

คุณสมบัติอันโดดเด่นของโซลูชั่น HP FlexDC มีดังนี้
- ติดตั้งโมดูลสำเร็จรูปมาตรฐาน ส่งผลให้ลูกค้าลดเวลาในการสร้างและดำเนินงานในศูนย์ข้อมูล มีค่าใช้จ่ายลดลง และส่งสินค้าออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
- ดีไซน์ที่ยืดหยุ่น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการปรับขยายระบบ และรักษาระดับของเสถียรภาพและการทำสำรองข้อมูลของระบบได้ตามที่กำหนดไว้
- กำหนดการตั้งค่าระบบแบบเฉพาะเจาะจง ช่วยให้มีการใช้ระบบไฟฟ้าและ
ทำความเย็นอย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงช่วยประหยัดไฟและน้ำ ส่งผลให้ลูกค้าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์
- กลไกระบบการทำความเย็นด้วยอากาศแทนการใช้น้ำ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดไฟและน้ำได้ปีละหลายล้านแกลลอน

View :1176
Categories: Press/Release Tags:

อินเทลผนึกพันธมิตร เปิดตัวแคมเปญการตลาดล่าสุด “ทุกคอ ใจเดียวกัน”

September 1st, 2010 No comments

กระตุ้นตลาดไอทีและผลักดันเทคโนโลยีให้เข้าถึงคนไทยทั่วประเทศ

อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับพันธมิตร ตัวแทนจำหน่าย และผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังระดับโลก (MNCs) เปิดตัวแคมเปญทางการตลาดล่าสุด “ทุกคอ ใจเดียวกัน” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยให้ชาวไทยมีโอกาสได้ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพในราคาที่สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ภายใต้โครงการนี้ อินเทลและพันธมิตรจะร่วมกันจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้กลุ่มต่างๆ อย่างทั่วถึง โดยอินเทล และตัวแทนจำหน่ายจะเริ่มจากกลุ่มพนักงานในภาคอุตสาหกรรม ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ คอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท้อปที่ใช้อินเทล™ คอร์™ ไอทรี โปรเซสเซอร์ ในราคาเริ่มต้นที่ 16,900 บาท สำหรับในส่วนของโน้ตบุ๊ก พันธมิตรผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการนี้ เบื้องต้นประกอบด้วย เอเซอร์ เดลล์ ซัมซุง และโซนี่ ซึ่งแต่ละรายจะมีการจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อผลักดันโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึงทุกภาคทั่วประเทศไทย

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากอินเทลประสบความสำเร็จจากโครงการ “คอมพิวเตอร์เพื่อครอบครัว” () และโครงการ “คอมพิวเตอร์เพื่อชุมชน” (Community eCenter) ที่จัดขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ในปีนี้เราต้องการต่อยอดให้คนไทยในกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับโอกาส สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น อินเทลและพันธมิตรจึงได้ร่วมมือกันผลักดันโครงการ ‘ทุกคอ ใจเดียวกัน’ ให้เกิดขึ้น สำหรับอินเทลแล้ว เราไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะการผลิตเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมองไกลไปถึงประโยชน์ที่คนไทยทุกคนจะได้รับจากการเข้าถึงเทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงคุณภาพการดำเนินชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ของสมาชิกในครอบครัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม”

นายเอกรัศมิ์ กล่าวเสริมว่า “อินเทลเชื่อว่า การส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และการผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นนั้น เราจำเป็นต้องเร่งสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและมั่นคง ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ สิ่งที่สำคัญคือความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในปัจจุบันอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ในอนาคตอีกด้วย”

โครงการ “ทุกคอ ใจเดียวกัน” ซึ่งเริ่มแล้วตั้งแต่บัดนี้ จะเริ่มต้นด้วยกิจกรรมโร้ดโชว์เพื่อสาธิตประสิทธิภาพการทำงานของพีซีและโน้ตบุ๊กที่ใช้อินเทล™ คอร์™ โปรเซสเซอร์ ไปตามนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ เพชรบูรณ์ ลพบุรี เชียงใหม่ ลำพูน โคราช ขอนแก่น อุบลราชธานี พิษณุโลก นครศรีธรรมราช เป็นต้น นอกจากนั้น อินเทลยังจะมีการสาธิตถึงประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในช่วงกิจกรรมโร้ดโชว์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เห็นประโยชน์และเสริมสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย

นายสนธิญา หนูจีนเส้ง ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกเหนือจากกิจกรรมโร้ดโชว์ที่อินเทลจัดขึ้นแล้ว เรายังได้รับความร่วมมือจากร้านค้ามากกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ในการจัดกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มพนักงานตามโรงงานต่างๆ ในจังหวัดของตนอีกด้วย ซึ่งเราคาดว่าการจัดโร้ดโชว์ในครั้งนี้จะช่วยให้เรามีโอกาสได้พบปะกับพนักงานตามโรงงานต่างๆ ได้มากกว่า 100,000 คนภายในสิ้นปีนี้ จากพนักงานโรงงานทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ โดยคอมพิวเตอร์ภายใต้โครงการที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพนักงานโรงงาน คือ คอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท้อปซึ่งใช้ อินเทล คอร์ ไอทรี โปรเซสเซอร์ ในราคาเริ่มต้นที่ 16,900 บาท โดยในส่วนของโน้ตบุ๊กก็จะเป็นความร่วมมือของแต่ละร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกับเรา”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ “ทุกคอใจเดียวกัน” ดูได้ที่ www..com/th* และwww.3yearswarranty.com**

View :1454
Categories: Press/Release Tags: ,

เอชทีซี จัดสัมมนาให้ความรู้ผู้ใช้งานทั่วไป รองรับตลาดแอนดรอยด์โฟนเติบโต

September 1st, 2010 No comments

เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด ตอบรับความแรงของกระแสแอนดรอยด์โฟน จับมือทีมงาน , ตลาดดอทคอม และบริษัท จิมมี่ซอฟต์แวร์ ร่วมด้วยพชร ปัญญายงค์ และ นิหน่า – สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา ร่วมให้ความรู้ในงานสัมมนา GenDroid Academy 1 เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ แนะนำแอพพลิเคชั่นที่น่าใช้บนแอนดรอยด์ ที่ปัจจุบันมีแอพพลิเคชันฟรีให้ดาวน์โหลดกว่า 100,000 แอพพลิเคชัน และวิธีใช้งานแอนดรอยด์โฟนในชีวิตประจำวัน ที่เป็นได้มากกว่าโทรศัพท์ เป็นได้ทั้งนาฬิกาปลุก แผนที่ เช็คอีเมล์ อ่านข่าว รวมถึงแนะนำบริการ MyHTC เวอร์ชั่นอัพเดตจากเอชทีซี ที่มีทั้ง Chat&Share ไว้แช็ทกับเพื่อน รวมถึงแชร์โลเคชั่น ; Library ที่มีดิกชันนารีให้ใช้งาน ; ThaiShortNews ให้บริการข่าวสั้น พร้อมกันนี้ยังจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษแอนดรอยด์โฟนให้กับผู้รักแอนดรอยด์โฟนได้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

View :1587
Categories: Press/Release Tags: ,