Archive

Archive for October, 2010

ก.ไอซีที ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ

October 20th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันเร่งแก้ปัญหา อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ และได้สั่งการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในฐานะผู้รับผิดชอบ ระบบสื่อสาร จัดบริการรับเรื่องร้องทุกข์เพื่อให้ประชาชนได้แจ้งข้อมูลความเดือดร้อนเข้า มาได้ตลอดเวลา

“กระทรวงฯ ได้เปิดบริการหมายเลข 4567891 เพื่อให้ประชาชนได้ส่งข้อความ หรือ SMS แจ้ง เรื่องราวร้องทุกข์ หรือแจ้งความเดือดร้อนต่างๆ จากปัญหาภัยพิบัติครั้งนี้ผ่านทางหมายเลขดังกล่าวได้ตลอดเวลา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานในสังกัด คือ บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคม ให้ขอความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เพื่อร่วมสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือในการบรรเทาความเดือดร้อนของ ประชาชนด้วย โดยข้อความต่างๆ ที่ส่งผ่านหมายเลข 4567891 นี้ กระทรวงไอซีที จะรวบรวมเพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป ” นายจุติ กล่าว

นอก จากนี้ ในเบื้องต้น กระทรวงฯ ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด ทั้ง บมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม บจ. สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (ซิป้า) และสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ยังได้ร่วมมอบความช่วยเหลือเป็นน้ำดื่มจำนวน 100,000 ขวด และเงินช่วยเหลืออีกจำนวน 500,000 บาท โดยนำไปมอบให้นายกรัฐมนตรีที่รัฐสภา เพื่อส่งต่อไปยังประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั่วประเทศอีกด้วย

View :1351
Categories: Press/Release Tags:

ซัมซุงทุบสถิติยอดจอง “ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ” ทะลุ 3,000 เครื่อง

October 20th, 2010 No comments

จับมือ เอไอเอส สร้างปรากฎการณ์ “ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์” 29 ตุลาคมนี้

ซัมซุงฉลองความสำเร็จยอดจอง “” กว่า 3,000 เครื่อง เดินหน้าขยายฐานสาวกแท็บเล็ตด้วยการจับมือกับ เอไอเอส จัดงาน “ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์” พร้อมสิทธิพิเศษรับโปรแกรมแผนที่นำทางตลอดชีพจาก Route 66 อีกทั้งเพิ่มระบบนำทางด้วยเสียงฟรี 1 ปี (จากปกติ 1 เดือน) พร้อมของรางวัลมูลค่า 2,000 บาท งานจัดขึ้นวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคมนี้ ณ ชั้น G อาคารสำนักงานเซ็นทรัล เวิลด์ ทาวเวอร์
นายวิชัย พรพระตั้ง ผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการเป็นผู้บุกเบิกตลาด ‘สมาร์ทแท็บเล็ต (Smart Tablet)’ ในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นแบรนด์แรกที่นำนวัตกรรมแห่งโลกการสื่อสารที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์มือถือที่เรียกว่า สมาร์ทแท็บเล็ต บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 เครื่องแรกในโลกเข้ามาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตนอกบ้าน (On the Go) ได้อย่างลงตัวที่สุด ทั้งด้านธุรกิจ การโทรศัพท์ติดต่อสื่อสาร และเพลิดเพลินกับสื่อรูปแบบต่างๆ เรียกได้ว่าเป็น “More Possibilities On The Go” อย่างแท้จริง
จากกระแสความแรงของ “ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ” ทำให้ยอดจองเครื่องตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2553 จนถึงปัจจุบันหรือภายในช่วงเวลาสองสัปดาห์หลังจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากโดยล่าสุดมียอดจองถึง 3,000 เครื่อง แบ่งเป็นยอดจองภายในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กโป โชว์เคส 2010 ประมาณ 1,500 เครื่องและอีก 1,500 เครื่องมาจากซัมซุงช้อป, เอไอเอสช้อป, เซเรเนดคลับ, ร้านเทเลวิซ, ร้านทีจีโฟน เจมาร์ท เพาเวอร์บายสาขาที่เข้าร่วมรายการ โดยจากข้อมูลพบว่าผู้บริโภคที่มีการสั่งจองเครื่องนั้น ส่วนใหญ่มีความประทับใจในด้านฟังก์ชันการทำงานที่โดดเด่นและดีไซน์ที่ ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอมัลติทัชขนาด 7 นิ้ว บาง น้ำหนักเบา จับถนัดด้วยมือข้างเดียว สามารถใช้อ่านหนังสือ (e-book) และหนังสือพิมพ์ (Reader Hub) ท่องเว็บได้เต็มรูปแบบ ดูหนังแบบฟูลเอชดี ฟังเพลง ถ่ายภาพ สื่อสารทางอีเมล์ พูดคุยโทรศัพท์ทั้งแบบเสียงและเห็นภาพ (Voice and Video Call) รับส่งเอสเอ็มเอส (SMS) เอ็มเอ็มเอส (MMS) และเป็นเนวิเกเตอร์ส่วนตัวด้วยระบบ GPS ทั้งยังมีฟังก์ชันการใช้งานเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์พกพา (Notebook) ได้อีกด้วย นอกจากนี้ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 ทำให้สามารถดาวโหลดแอพพลิเคชันนับแสนฟรี ทำให้ “ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ” ได้รับการกล่าวขานถึงในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ซัมซุงพร้อมส่งมอบเครื่องล็อตแรกให้กับลูกค้าที่ทำการจองไว้ในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กโป โชว์เคส 2010 หรือระหว่าง 30 กันยายน – 3 ตุลาคม 2553 โดยสามารถนำใบจองมารับผลิตภัณฑ์ได้ตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2553 ในเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ที่ร้านค้า และสาขาที่จองไว้ และสามารถมาร่วมงาน ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์ เพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้อีกด้วย และสำหรับลูกค้าที่สั่งจองหลังงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กโป โชว์เคส 2010 สามารถนำใบจองมารับเครื่องได้ในวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2553 ที่งาน ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์ พร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม หรือสามารถรับวันที่ 31 ต.ค.เป็นต้นไป ที่ร้านค้าและสาขาที่จองไว้
เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายและขยายฐานของกลุ่มผู้ใช้ “ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ” ให้กระจายไปสู่ผู้บริโภคในวงกว้าง ซัมซุงได้ร่วมกับเอไอเอสจัดงาน “ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์ (Samsung Tablet Day)” เพื่อมอบสิทธิพิเศษอาทิ การอบรมขั้นตอนการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจร พร้อมร่วมสนุกและรับของสมนาคุณมากมายจากซัมซุง และเอไอเอส สำหรับผู้ที่มาร่วมงานจะได้รับโปรแกรมแผนที่นำทางตลอดชีพจาก Route 66 พร้อมเพิ่มระบบนำทางด้วยเสียงฟรี 1 ปี (จากปกติได้ 1 เดือน) พร้อมของรางวัลอื่นๆมูลค่า 2,000 บาท และ จีพีอาร์เอส 500 MB นานต่อเนื่องถึง 12 เดือน สำหรับผู้ใช้เอไอเอส นอกจากนี้ภายในงานยังมีปาร์ตี้ ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ นำโดยเหล่าดารานักแสดงและบุคคลมีชื่อมากมายที่จะมาสร้างปรากฏการณ์แท็บเล็ตฟีเวอร์ โดยงาน “ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์” มีกำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ชั้น G อาคารสำนักงานเซ็นทรัล เวิลด์ ทาวเวอร์
ทั้งนี้ซัมซุงมั่นใจว่า ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ’ จะเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการการสื่อสารในเมืองไทย ที่จะสร้างยอดขายที่ 30,000 เครื่องและสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มนี้ได้ด้วยส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 50% ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน” นายวิชัยกล่าวเสริม
ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ความร่วมมือกับซัมซุง เปิดตัว ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ’ ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการนำประสบการณ์ใหม่ของการใช้งานสมาร์ทดีไวส์มามอบให้แก่ลูกค้า ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีมากดังกล่าวถือได้ว่าสร้างความตื่นเต้นให้แก่วงการสื่อสารเป็นอย่างยิ่ง โดยในส่วนของเอไอเอสเอง นอกเหนือจากโปรโมชั่นจีพีอาร์เอส 500 MB นานต่อเนื่องถึง 12 เดือน แล้ว ยังจะมั่นใจได้กับคุณภาพการให้บริการที่พร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ นอกจากนี้ภายในงาน ซัมซุง แท็บเล็ต เดย์ ลูกค้าเอไอเอสที่ถือ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ’ ก็จะได้รับสิทธิพิเศษอย่างมากมายอีกเช่นกัน”

View :1451

ไปรษณีย์ไทย สรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่

October 20th, 2010 No comments

เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 1 พ.ย. 2553

บริษัท จำกัด (ปณท) มีความประสงค์รับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยกำหนดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553
ด้วย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่ง จำนวน 1 ตำแหน่ง
คุณสมบัติของผู้สมัคร
• มีความรอบรู้ ความชำนาญ มีประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่เป็นประโยชน์ต่อกิจการไปรษณีย์ไทย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
• มีความสามารถสูงในการบริหารจัดการและสามารถนำนโยบายที่ได้รับจากคณะกรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และรัฐบาลไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ
• มีวิสัยทัศน์และมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถติดต่อประสานงานทั้งภายในและต่างประเทศได้
• มีความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)
สนใจสามารถดาวน์โหลด (Download) ใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th หรือติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โทรศัพท์ 02 831 3378 หรือ 02 831 3578 โทรสาร 02 381 3372
เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ในวันทำการ ระหว่างเวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น. สามารถยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารและหลักฐานประกอบการรับสมัครด้วยตนเองได้ที่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ชั้นที่ 1 โซน AB หรือส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ส่งถึง ประธานกรรมการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ชั้นที่ 1 โซน AB 111 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210-0299
กรณีส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ให้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนต้องไม่เกินเวลา 16.30 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 โดยจะถือวัน-เดือน-ปี ณ ที่ทำการไปรษณีย์ประทับตราเป็นวันที่ยื่นสมัคร

View :1419

ก.ไอซีที เผยความคืบหน้าการร่วมมือ ก.ยุติธรรม และก.วัฒนธรรม ป้องปรามสื่อไอซีทีที่ผิดกฎหมาย

October 18th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินงาน ภายหลัง “ การ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สาร กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงยุติธรรม ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ” ว่า หลังจากที่ได้มีการสนธิกำลัง 3 กระทรวง แล้ว ได้มีการบูรณาการความร่วมมือและประสานงานทั้งด้านนโยบายและการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยได้มีการกำหนดแนวทางความร่วมมือตามข้อตกลง 3 กระทรวงไว้ 4 ข้อหลักๆ คือ 1.กำหนดนโยบายและปฏิบัติการตามกฎหมายและภารกิจของกระทรวง 2.สนับสนุน ประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ กำลังเจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานในระหว่างหน่วยงานของแต่ละกระทรวงและหน่วยงานภาคี รวมทั้งการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวงและหน่วยงาน ภาคีเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายของแต่ละกระทรวงโดยเร็ว

3.สนับ สนุนและประสานงานกันในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของแต่ละกระทรวงเพื่อให้การ บังคับใช้กฎหมายและการปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวงและการปฏิบัติงานร่วมกันตาม บันทึกข้อตกลงนี้ และ 4.จัดการประชุมประสานงานทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการเพื่อให้เกิด การประสานงานที่ดีระหว่างกัน รวมทั้งพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกข้อตกลงนี้ให้มีความเหมาะสม เพื่อให้การปฏิบัติการร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และถาวร

“ในการดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือ 3 กระทรวงนั้น จำเป็นต้องมีการจัดทำ Road Map เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติการ โดยได้มอบหมายให้สำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงไอซีที เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำแผนงาน กระบวนการ และขั้นตอนการทำงานที่กระชับชัดเจนเป็นรายไตรมาส รวมถึงจัดทำระบบสารสนเทศอินทราเน็ตสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวงด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบเพื่อนำไปประยุกต์ใช้

ส่วนการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการและวางแผนปฏิบัติการตามข้อตกลงความร่วมมือ 3 กระทรวงนั้น ได้สั่งการ ให้จัดทำระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือ Video Conference System สำหรับ ใช้ในการประชุมหารือร่วมกัน รวมทั้งให้มีการตั้งคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการดำเนินการและวางแผนปฏิบัติ การตามข้อตกลงความร่วมมือ 3 กระทรวง โดยมีผู้แทนจากแต่ละกระทรวงไม่น้อยกว่า 5 คน มีที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นที่ปรึกษาของคณะทำงาน” นายจุติ กล่าว

นอก จากนี้ยังให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่มีความสามารถทั้งในด้านกฎหมาย ด้านวัฒนธรรม ด้านสืบสวนสอบสวนจากแต่ละกระทรวงให้มาดำเนินงานร่วมกัน โดยตรวจสอบคุณสมบัติพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเคยได้รับแต่งตั้งแล้ว และสอบถามถึงความพร้อมที่จะเข้ามาร่วมดำเนินการในคณะทำงานเฉพาะกิจ รวมถึงจัดให้มีสถานที่กลางสำหรับประชุมหารือของคณะทำงานเฉพาะกิจ และให้มีการประชุมเป็นประจำเพื่อดำเนินงานร่วมกัน ส่วนการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 นั้น จะมีการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนมีการ ลงนามแต่งตั้ง

พร้อม กันนี้ยังสนับสนุนให้มีอาสาสมัครเข้ามาปฏิบัติงาน โดยนำบุคคลที่มีความสมัครใจเข้ามาปฏิบัติหน้าที่คัดกรอง และรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย กระทบต่อสถาบันหลักของชาติ สื่อลามกอนาจาร การพนันออนไลน์ ยาเสพติด อาหาร ยา และอื่นๆ แล้วส่งให้กระทรวงฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการ ซึ่งกระทรวงไอซีที สามารถดำเนินการผ่านโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่มีอยู่ทั่วประเทศได้ โดยให้มีการรับอาสาสมัครจากภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทหาร สมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมอื่นๆ และอาสาสมัครในเครือข่ายของกระทรวงวัฒนธรรม ให้เข้ามา มีส่วนร่วมในการคัดกรองและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น รวมทั้งให้ใช้ช่องทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “ ยุติธรรม แชนแนล ” ของกระทรวงยุติธรรม ในการสร้างเครือข่าย ตลอดจนการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานด้วย

สำหรับ ประเด็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของแต่ละกระทรวงนั้น ได้มอบหมายพันตำรวจเอกญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปทบทวน เสนอแนะ ข้อดี ข้อด้อย ของกฎกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการดำเนินงานทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

View :1364
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทค รับรางวัล “Best Practice Award 2010” สาขา BlackBerry Service & Device Launches จากโวดาโฟน

October 18th, 2010 No comments

( ในภาพ) นายบรูซ รูดี้ (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภาคพื้นเอเชีย โวดาโฟน มอบรางวัล Best Practice Award 2010 สาขา Service & Device Launches ให้กับดีแทค โดยมี นางภาดาท์ วรกานนท์ (ขวา) ผู้จัดการแผนกบริหารงานอุปกรณ์สื่อสาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เป็นตัวแทนรับรางวัล ในงานประชุมประจำปี Asia Marketing Conference 2010 ของโวดาโฟน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย.

ดีแทค ในฐานะพันธมิตรของโวดาโฟนผู้ทำตลาดสมาร์ทโฟนแบล็คเบอรี่ในประเทศไทย ได้รับรางวัล Best Practice Award 2010 สาขา BlackBerry Service & Device Launches จากโวดาโฟน ( Vodafone) จาก ความสำเร็จในการเปิดตัวบริการแบล็คเบอรี่ในประเทศไทย โดยโวดาโฟนได้เชิญดีแทคไปร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการทำตลาดสมาร์ทโฟนแบ ล็คเบอรี่ในประเทศไทยให้กับพันธมิตรผู้ทำตลาดแบล็คเบอรี่ของโวดาโฟนจาก ประเทศต่าง ๆ ในการประชุมประจำปี Asia Marketing Conference 2010 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย ทั้งนี้ โวดาโฟนได้ยกย่องการทำตลาดแบล็คเบอรี่ของดีแทคว่าเป็นตัวอย่างของ Best Practice ที่ชัดเจนที่สุด ทั้งในเรื่องของการทำความเข้าใจตลาด การสร้างโอกาส รวมถึงการสร้างความแตกต่างให้กับบริการ

ดีแทคและโวดาโฟนได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันในการเป็นพันธมิตรทางการตลาด ( Partner Market Agreement) เมื่อเดือนมีนาคม 2552 โดยการเป็นพันธมิตรกับโวดาโฟนนั้นนอกจากลูกค้าดีแทคจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือในบริการโรมมิ่งแก่ลูกค้าของทั้งสองฝ่าย ยังรวมถึงบริการแบล็คเบอรี่ ซึ่งดีแทคนำเสนอร่วมกับบริการ Internet เพื่อให้ลูกค้าดีแทคทั้งแบบจดทะเบียนและแบบเติมเงินได้ใช้บริการดาต้าด้วยความเร็วสูง ทุกที่ และทุกเวลา ผ่านบริการ Internet ที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากร้านค้าไอทีทั่วประเทศทั้งด้านคุณภาพและความเร็ว

View :1365
Categories: Press/Release Tags: ,

โนเกียเปิดตัว Nokia X5 ดีไซน์สุดโดน

October 13th, 2010 No comments

สนุกล้ำกับ Slide…Spin…Shake

กรุงเทพฯ 13 ตุลาคม 2553 : โนเกียเปิดตัว อุปกรณ์เพื่อเสียงเพลงดีไซน์เก๋ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบสไลด์ กะทัดรัดสีสันสุดล้ำ และผิวสัมผัสสะท้อนแสง พร้อม แป้นกด QWERTY ทำ ให้การส่งข้อความ การเข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์ และการฟังเพลงโปรดของคุณทำได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นแม้ในขณะที่คุณเดินทาง

มร. ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Nokia X5 ถือเป็น อุปกรณ์สื่อสารสุดล้ำสำหรับคนรักเสียงเพลงที่มอบประสบการณ์เพลงเต็มอิ่มพร้อมกับสนุกกับฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ นอกจากนี้ Nokia X5 ยังตอบสนองผู้คลั่งไคล้ Facebook แชต เกม และการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนโดยไม่มีขีดจำกัด การเข้าสู่รายชื่อใน Contact อีเมล์ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทำได้โดยตรงจากหน้าจอหลัก ช่วยให้สามารถส่งข้อความและอัพเดทสถานะได้อย่างง่ายดาย พร้อมดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อความบันเทิง และสิ่งที่คุณชื่นชอบได้มากมายจาก Ovi Store ”

Slide…Spin…Shake

Nokia X5 มีเครื่องเล่นเพลงที่ให้คุณภาพเสียงชั้นยอดพร้อมลำโพงในตัว สามารถเก็บคอลเล็คชั่นเพลงกว่า 1000 เพลง
ด้วยการ์ดความจำ 2GB และสามารถขยายได้ถึง 32 GB พร้อมปุ่มเฉพาะสำหรับเล่นเพลง ทั้งยังมีฟีเจอร์สนุกๆ อย่าง “ Surprise Me” เพียงแค่คุณหมุนโทรศัพท์ ( Spin) ขณะกำลังเล่นเพลง คุณก็จะสามารถข้ามไปเพลงใหม่ได้

คนรักเสียงเพลง ยังสามารถสนุกกับแอพอย่าง Playlist DJ ดีเจส่วนตัวที่สร้างลิสต์เพลงตามอารมณ์ ของคุณโดยอัตโนมัติ เช่น สีเหลืองแทนความสุข สีแดงแทนอารมณ์รัก สีม่วงแทนอารมณ์เศร้าเหงา และ Shazam แอพที่สามารถค้นหาชื่อเพล งจากการฟังเสียงร้อง

Nokia X5 มาพร้อม แป้นกด QWERTY สมบูรณ์แบบ ให้คุณได้สนุกกับเครือข่ายสังคมออนไลน์และการใช้งานข้อความได้อย่างง่ายดาย และยังสนุกกับ ฟีเจอร์ Shake เพียงเขย่าโทรศัพท์ คุณจะเห็นจำนวนของข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน

Nokia X5 มาในดีไซน์ สไลด์ รูปทรงสี่เหลี่ยมสุดเก๋ กะทัดรัด ผิวสัมผัสสะท้อนแสง มีหลายสีสันโดนใจให้เลือก

ได้แก่ สี ชมพู สีฟ้า และสีเทาดำ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 6,450 บาท

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nokia X5 ที่โนเกียแคร์ไลน์ 02-255-2111 02-255-2111 หรือ www.nokia.co.th

View :2438
Categories: Press/Release Tags:

“PMD PLUS” ปฏิรูปวงการเพลง ดัน You2Play เพิ่มแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม และดิจิตอลคอนเท้นท์ ก้าวสู่ดิจิตอลมีเดียครบวงจรที่สุดในไทย

October 13th, 2010 No comments

“แพลตตินัมฯ” เจ้าแห่งตลาดดิจิตอลคอนเท้นท์กว่า 8 ปี และเป็นผู้นำตลาดเพลงอินดิเพนเด้นท์ เตรียมปฏิรูปวงการเพลงกับความสนุกไม่มีขีดจำกัด ปรับกระบวนทัพ และโครงสร้างครั้งใหญ่ เปลี่ยนชื่อเป็น “พีเอ็มดี พลัส” ลุยตลาดดิจิตอลคอนเท้นท์ และมีเดีย มูลค่า 7,000 ล้านบาท ที่โตวันโตคืน พร้อมเตรียมทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท พัฒนาบริษัทฯ สู่ความเป็นผู้นำแห่งการให้บริการ และพัฒนาสื่อดิจิตอลคอนเท้นท์ และมีเดียครบวงจรที่สุดในเมืองไทย ทั้งทางด้าน Digital Download และด้าน Media เตรียมดัน You 2 Play TV และ You 2 play.com ชูโรงเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย จัดศูนย์รวมประสานสื่อทั้งทีวีดาวเทียม ดิจิตอลคอนเท้นท์ และสื่อออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ศิลปิน ค่ายเพลง และเอเจนซี่โฆษณา ผ่านช่องทางการตลาดที่แปลกใหม่ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

นายนพปฎล เจสัน จิรสันติ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็มดี พลัส จำกัด เปิดเผยว่า “ บริษัท แพลตตินัม มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย รวมถึงการทำการตลาดให้ศิลปินและค่ายเพลงต่างๆมาตลอดระยะเวลา 8 ปี ซึ่งตลอดมาเราได้รับความไว้วางใจจากศิลปินและค่ายเพลงเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเราเป็นผู้ให้บริการดิจิตอลคอนเท้นท์ครบวงจร พร้อมการจัด Music Event ในรูปแบบต่างๆที่แปลกใหม่เพื่อเป็นการโปรโมทศิลปิน จึงทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ผ่านมาและเพื่อตอบสนองความต้องการยุคดิจิตอล และการเติบโตอย่างไม่หยุดของสื่อ new media บริษัทฯ จึงได้ปรับโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับกระแส และพร้อมกันนี้ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท พีเอ็มดี พลัส จำกัด หรือ Company Limited. โดยมีแนวคิดมาจาก

P : Play คือ ทัศนคติของเรา คือการตอบสนองความสุข ของ ผู้บริโภคโดยผ่าน Entertainment / Lifestyle และ Creative

M : Media คือ สื่อที่จะตอบสนอง Entertainment / Lifestyle และ Creative ทั้ง Online Media และ TV Media ที่คุณต้องการ และ เมื่อคุณต้องการ

D : Digital Content & Entertainment Logistics เพราะหัวใจของเราคือ การบริหารและจัดการดิจิตอลคอนเท้นท์ และบริการจัดจำหน่าย content ทุกประเภท ผ่านทุกช่องทางแบบครบวงจร

+ : Plus คือ การเติบโตที่ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งที่จะตอบสนองความสุขด้านความ

บันเทิงและ Lifestyle ที่ผู้บริโภคต้องการ

และภายใต้ชื่อใหม่ พีเอ็มดี พลัส ยังคงเน้นการให้การบริการด้านบริหารคอนเท้นท์ การทำตลาด การจัดจำหน่ายในรูปแบบต่างๆทั้งดิจิตอลคอนเทน์ ซีดี ทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดิม พร้อมทั้ง รุกเข้าสู่ธุรกิจสื่อออนไลน์และทีวีดาวเทียม แบบ Integrated platform ซึ่งครอบคลุมทั้ง ทีวีดาวเทียม สื่อออนไลน์ และสื่อทางโทรศัพท์มือถือ ที่เจาะตรงกลุ่มเป้าหมายและมีความคุ้มค่า โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจคือ

กลุ่มธุรกิจมีเดีย ซึ่งบริษัทมองเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสื่อโฆษณาออนไลน์ และทีวีดาวเทียม จึงริเริ่มและพัฒนาสื่อออนไลน์ใน 2 รูปแบบคือ Online Media ด้วยสื่อโฆษณาออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยการพัฒนา You2play.com เป็นเว็ปไซต์ของสังคมออนไลน์สำหรับคนรักดนตรีและความบันเทิงครบวงจรที่มีผู้เข้าชมกว่า 90,000 UIP/ วัน หรือกว่า 1.7 ล้านคนต่อเดือน ที่มีทั้งเพลงและวิดีโอให้เลือกดูเลือกฟังมากที่สุดในประเทศไทย อัพเดตข้อมูล ฉับไว ครบถ้วน เสมือนได้อยู่ในเหตุการณ์จริง พูดคุยผ่านเว็บบอร์ดกับคนคอเพลงเดียวกัน พร้อมกิจกรรมมากมายให้สัมผัสกับศิลปินอย่างใกล้ชิดทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เลือกซื้อ เลือกโหลด เพลง คลิป ถูกลิขสิทธิ์ของศิลปินที่คุณชื่นชอบไว้เป็นสมบัติส่วนตัว นอกจากนั้นยังมีภารกิจหลักในการสนับสนุนให้ศิลปินไม่จำกัดค่ายหรือแนวเพลงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

และรูปแบบ TV Media เราเป็นผู้ผลิตรายการและบริหารเวลาโฆษณาโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม You2Play TV ช่องรายการเพลงไลฟ์สไตล์ สำหรับคนรักดนตรีอิสระ เป็นกลางไม่เลือกค่ายให้คุณ เต็มที่กับอิสระที่มากกว่าดนตรี สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ชมวัยรุ่น และคนที่มีหัวใจวัยรุ่น ประกอบไปด้วยรายการหลากหลายรูปแบบ ทั้งรายการประเภทไลฟ์สไตล์วัยรุ่น วาไรตี้ และรายการเพลง พร้อมกิจกรรมมากมายให้สัมผัสกับศิลปินอย่างใกล้ชิดทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทันสมัยในทุกเวลา ทุกสถานที่ ตลอด 24 ชั่วโมง ออกอากาศทางดาวเทียมไทยคม 5 ในระบบ C Band คลื่นความถี่ 3545 MHz ( เม็กกะเฮิร์ซ ) V 30000 สามารถรับชมได้ทั่วประเทศทั้งทางจานดาวเทียม ทางระบบเคเบิ้ลทีวี ทาง webs ite www.you2playtv.com ทางระบบ IPTV และทางโทรศัพท์มือถือ สามารถเข้าถึงผู้ชมได้กว่า 22 ล้านคน

นาย นพปฎล กล่าว่า ธุรกิจอีกด้านที่บริษัทจะให้บริการ คือ กลุ่มธุรกิจคอนเท้นท์ ซึ่งเราให้บริการการบริหารดิจิตอลคอนเท้นท์แบบครบวงจร นำโดย You2play Digital ให้บริการเจ้าของคอนเท้นท์และค่ายเพลงอิสระ ในด้านบริหารจัดการดิจิตอลคอนเท้นท์ครบวงจร ผ่านช่องทางออนไลน์และมือถือระบบ 2G และ 3G ทุกรูปแบบ ทุกเครือข่าย ทุกบริการ ทุกช่องทางการขายทั้งในและต่างประเทศ ด้วยเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งการดาวน์โหลด เสียงรอสาย (Ringback tone) และการสตรีมมิ่ง โดยมีเพลงให้เลือกมาก กว่า 1 0 ,000 ศิลปินทั้งในและต่างประเทศ และมากกว่า 1,000,000 เพลง ทุกแนว อัพเดตเพลงใหม่ที่เกิดขึ้นทุกวันก่อนใคร ด้วยไฟล์ดิจิตอลคุณภาพตามมาตรฐานสากลขนาด 320 kbits/sec มีรูปปกและเนื้อเพลงประกอบไฟล์ ซึ่งบริการนี้บริษัทมีความมุ่งมั่นเพื่อให้เป็น Single Window Online store ที่ดีที่สุดเพื่อเป็นทางออกให้กับเจ้าของคอนเท้นท์และผู้บริโภค

การจัดจำหน่าย Physical Products อย่าง CD VCD DVD และ Merchandise นั้น แม้ว่ายอดขายโดยรวมของตลาดจะตกลงอย่างมากและต่อเนื่องทุกปี ทางบริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นโดยมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด โดยเน้นกระจายสินค้าในช่องทางที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านทาง Single Window E-logistics สะดวกต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่สุด โดยเราได้เปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ผ่าน You2playshop.com เพื่อส่ง Physical products จากทุกค่ายเพลง และมีบริการหาซีดีตามความต้องการของลูกค้า
โดยช่องทางการซื้อขายจัดทำผ่าน ธุรกรรมต่างๆ ทาง E-Payment ทางบัตรเครดิต โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าเงินอีเลคโทรนิกส์ (PAYSBUY) และ ช่องทางอื่นๆที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 2 ปี มีการพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพราะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก

นายนพปฎล กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบัน “ พีเอ็มดี พลัส ” มีรายได้ในส่วนของมีเดียคิดเป็นสัดส่วน 40% และส่วนคอนเท้นท์ 60% โดยในปี 2554 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 250 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจหลัก 2 ส่วนคือ รายได้จากบริการดิจิตอลคอนเท้นท์ ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทคาดการณ์มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 4% คือประมาณ 80 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการมีเดียในส่วนของทีวีดาวเทียม ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 2,500 ล้านบาท บริษัทคาดหวังส่วนแบ่งการตลาด 4% หรือประมาณ 100 ล้านบาท และในส่วนของสื่อโฆษณาออนไลน์ และโซลูชั่น โฆษณาผ่านระบบโทรศัพท์มือถือมูลค่าตลาดประมาณ 2,000 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าไปแบ่งแชร์ตลาดได้ประมาณ 2% หรือประมาณ 40 ล้านบาท และในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่าย Physical products จะมีรายได้อีก 30 ล้านบาท โดยโมเดลธุรกิจคือการประสานสื่อทั้งทีวีดาวเทียม ดิจิตอลคอนเท้นท์และสื่อออนไลน์เข้าด้วยกันเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ศิลปิน ค่ายเพลง และเอเจนซี่โฆษณา ”

“ เราหวังว่าการปรับโครงสร้างของ บริษัท พีเอ็มดี พลัส ครั้งนี้ จะทำให้เราก้าวไปสู่การเป็นผู้นำของ Integrated Platform แบบครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมบันเทิง ”นายนพปฎล กล่าวปิดท้าย

View :1960
Categories: Press/Release Tags:

เอชพีตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำการให้บริการ กราฟฟิกโซลูชั่นชั้นนำแก่ธุรกิจ

October 13th, 2010 No comments

เอชพีประกาศเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีกราฟฟิกอาร์ตชั้นนำของบริษัท ในงานแสดงนวัตกรรมเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์นานาชาติของเกาหลี ประจำปี 2010 (Korea International Printing Machinery & Equipment Show) หรือ โดยโซลูชั่นต่างๆ อันล้ำสมัยที่นำมาเผยโฉมล่าสุดนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้มืออาชีพด้านกราฟฟิกอาร์ตได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนด้านการตลาดที่มากยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งยังช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนลงได้อีกด้วย

จอห์น โซโลมอน รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ อุตสาหกรรมการพิมพ์กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงจากระบบ การพิมพ์แบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลอย่างรวดเร็ว องค์กรธุรกิจต่างๆ จะต้องตักตวงประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ในตลาดปัจจุบัน เพื่อปิดประตูความเสี่ยงที่จะ เพลี่ยงพล้ำให้กับคู่แข่ง ” จากการประเมินของ Pira ในปี 2008 การพิมพ์ระบบดิจิตอลครองสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 12 ของตลาดการพิมพ์ทั้งหมด และจะเติบโตสูงสุดถึงร้อยละ 20.9 ภายในปี 2014 นั่นย่อมหมายถึงผู้ให้บริการงานพิมพ์ ( Print Service Providers : PSPs) จะสามารถสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในด้านการพิมพ์ระบบดิจิตอล ”

ไฮไลท์สำคัญของการประกาศล่าสุดของเอชพีในงาน KIPES 2010 ได้แก่

— การประกาศผลผู้ชนะรางวัล “ Asia Pacific and Japan Digital Print Awards 2010 ครั้งที่สาม ” ของเอชพี ซึ่งรางวัลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องความสำเร็จ และผลงานนวัตกรรมที่มีความโดดเด่นในแวดวงการการพิมพ์และการออกแบบตราผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ทั่วทั้งภูมิภาค โดยเป็นผลงานที่พิมพ์โดยแท่นพิมพ์ดิจิตอล Indigo

— เอชพีให้การสนับสนุนแก่สมาคม Digital Solutions Cooperative (Dscoop) ในการจัดการประชุมสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกราฟฟิกอาร์ตเป็นครั้งแรกในภูมิภาคที่จัดขึ้นพร้อมกันกับงาน KIPES 2010 ในปีนี้ โดยเอชพีเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักของการจัดงาน พร้อมทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการอำนวยการของสมาคม Dscoop Asia Pacific และผู้นำของ Dscoop North America รวมทั้งในด้านการรวบรวมเหล่าผู้เชียวชาญด้านอุตสาหกรรมดังกล่าวมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในงานนี้ด้วย

— ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกราฟฟิกอาร์ตจะสามารถให้บริการ โซลูชั่นด้านการพิมพ์ระบบดิจิตอลที่มีความคุ้มค่าและล้ำสมัย ให้แก่องค์กรธุรกิจ / เจ้าของแบรนด์ ผ่านการใช้ชุดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีกราฟฟิกอาร์ตชั้นนำของแวดวงอุตสาหกรรม

— แท่นพิมพ์ดิจิตอล HP Indigo W7200 Digital Press ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในครั้งนี้ เป็นแท่นพิมพ์แบบคู่ และสามารถป้อนกระดาษได้อย่างต่อเนื่อง ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีคุณภาพดั่งระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ทและมีประสิทธิภาพการทำงานสูง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจด้วยบริการแอพพลิเคชั่นสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่สร้างกำไร แท่นพิมพ์รุ่นนี้สามารถพิมพ์แบบสี่สีด้วยอัตราความเร็ว 240 หน้าต่อนาที และ แบบขาวดำที่อัตราความเร็ว 960 หน้าต่อนาที

— เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึงร้อยละ 10 ด้วยคุณสมบัติพิเศษ HP Indigo 7500 Digital Press Intelligent Automation เครื่องพิมพ์ HP Indigo 7500 Digital Press รุ่น ใหม่ที่ได้รับการเสริมประสิทธิภาพมากกว่าเดิมนี้จะมาพร้อมกับ เทคโนโลยี UV Coater เป็นครั้งแรกในตลาดเอเชียแปซิฟิก

— HP Indigo 3550 Digital Press เป็นแท่นพิมพ์ระดับ เริ่ม ต้นใช้งานที่อาศัยการลงทุนต่ำ โดยจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในงานนี้เช่นกัน แท่นพิมพ์รุ่นนี้จะมอบทางเลือกที่คุ้มค่าให้แก่ลูกค้าที่กำลังมองหาแท่น พิมพ์ดิจิตอลที่ให้คุณภาพในระดับเดียวกันกับระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ท รวมทั้งประโยชน์จากความสามารถในการใช้งานอเนกประสงค์ระบบดิจิตอล

— ผู้ให้บริการงานพิมพ์ที่มอบบริการเสริมมูลค่าด้านการตลาดสามารถออกแบบปกซีดี / ดีวีดี ให้แก่ลูกค้าได้ตามต้องการแบบมืออาชีพด้วย LightScribe Direct Disc Labeling

— เพิ่มมูลค่าการลงทุนในปัจจุบันของคุณให้มากที่สุดได้ง่ายๆ โดยการผสานระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ทเข้ากับเทคโนโลยี HP Thermal Inkjet (TIJ) พร้อมมอบโซลูชั่นการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ตักตวงประโยชน์สูงสุดจากความชำนาญระดับแนวหน้าของเอชพีในด้านอุตสาหกรรมกราฟฟิก

เอ ชพีเดินหน้าเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้แก่ผลิตภัณฑ์ด้านการพิมพ์ระบบดิจิตอลอย่าง ต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญ และความเป็นผู้นำของบริษัทในด้านอุตสาหกรรมกราฟฟิกในการต่อยอดทางธุรกิจ

— ลูกค้าของเอชพีจะสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากองค์ความรู้ความชำนาญและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของเอชพี ดังที่ได้จะเห็นได้จากส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องพิมพ์ HP Indigo ซึ่งสูงถึงร้อยละ 76 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2010 นอกจากนี้ปริมาณหน้าที่พิมพ์ได้จากเครื่องพิมพ์ HP Indigo ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 37 ในปี 2010 เมื่อเทียบกับปี 2009

— สมาคม Dscoop Asia-Pacific มอบโอกาสพิเศษให้แก่สมาชิกในแวดวงอุตสาหกรรม ในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรธุรกิจของตนเอง เพื่อให้สามารถคว้าโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจไม่ให้หลุดมือ พร้อมทั้งเปิดช่องทางการตลาดใหม่ๆ นอกจากนี้ Dscoop ยังมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าจากความร่วมมือในระดับภูมิภาคให้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์กับสมาชิกสมาคมในการนำข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญไปใช้ รวมทั้งโซลูชั่นการพิมพ์ระบบดิจิตอลที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทผลิตแท่นพิมพ์ชั้นนำของโลก สมาคม Dscoop ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์ HP Indigo และทีมงาน HP Indigo ในปี 2005 โดยเป็นสมาคมผู้ใช้งาน HP Indigo Press ที่เน้นผู้ใช้งานเป็นหลัก ( user-driven community) การประชุมของสมาคม Dscoop ที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสพิเศษสุดให้แก่ผู้เข้าร่วมกว่า 700 คน ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จากผู้นำในอุตสาหกรรมกราฟฟิกอาร์ตทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเบนนี่ ลันดา ผู้ก่อตั้งเครื่องพิมพ์ Indigo ผู้บริหารของเอชพี และผู้ให้บริการโซลูชั่นการพิมพ์ชั้นนำทั่วโลก อาทิ Consolidated G raphics , RPI Communisis Datam, Wing Hung และอื่นๆ อีกหลายราย นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงโซลูชั่นของเหล่าพันธมิตรด้านการพิมพ์ Workflow และ พื้นผิว ( finishing ) กว่า 30 ราย และลูกค้าผู้ใช้งาน HP Indigo ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังสามารถขยายเครือข่ายธุรกิจพร้อมทั้งเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้

— พร้อมกันนี้ เอชพียังได้ประกาศผลผู้ชนะรางวัล Asia Pacific and Japan HP Digital Print Awards 2010 ครั้งที่สาม ในงานกาล่า รางวัลดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ทำให้คุณภาพของผลงานที่ส่งเข้าประกวดบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ระบบดิจิตอลของเหล่า ผู้ให้บริการงานพิมพ์ โดยในปีนี้เอชพีได้รับผลงานที่ส่งมาร่วมประกวดกว่า 350 ผลงาน จาก 14 ประเทศ

ก้าวสู่ความสำเร็จก่อนใครด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิผลที่เหนือกว่า

ชุดผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการพิมพ์ระบบดิจิตอลล่าสุดของเอชชีสามารถมอบแอพพลิเคชั่นอันล้ำสมัย โอกาสทางธุรกิจที่คุ้มค่า และช่วยให้ ผู้ให้บริการงานพิมพ์เดินหน้าต่อยอดธุรกิจใหม่ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ โซลูชั่นการพิมพ์ระบบดิจิตอลกราฟฟิกที่สำคัญของเอชพีที่นำมาแสดงในงาน KIPES 2010 รวมไปถึง

— เครื่องพิมพ์พิมพ์ดิจิตอล HP W7200 Digital Press ที่ผสานรวมเอาคุณภาพของระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ทอันเป็นที่ประจักษ์แล้วของ HP Indigo เข้ากับประสิทธิภาพล้ำสมัยที่จำเป็นเพื่อความเป็นเลิศในสภาพแวดล้อมการผลิตชิ้นงานอันหลากหลาย ซึ่งรวมไปถึง การพิมพ์หนังสือตามความต้องการ และมีจำนวนพิมพ์ ไม่สูง ( short-run) แคมเปญสื่อโฆษณาทางไปรษณีย์ ( Direct Mail ) ที่ออกแบบตามความต้องการและมีปริมาณพิมพ์สูง สิ่งพิมพ์ประเภททรานส์โปรโมชั่น ( Transpromotional statements ) ที่มีปริมาณพิมพ์สูง และอื่นๆ

— เครื่อง พิมพ์ดิจิตอล HP 7500 Digital Press ที่เปิดตัวในงาน KIPES จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี UV Coater ภายใน จาก GMP เครื่องพิมพ์รุ่นนี้เป็นเครื่องพิมพ์ที่สามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติสูง ที่เข้ามายกระดับการพิมพ์ดิจิตอลระบบป้อนแผ่น ทั้งในด้านคุณภาพ ความวางใจได้ และประสิทธิภาพการทำงาน เครื่องพิมพ์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้แทนที่เครื่องพิมพ์ออฟเซ็ตระบบแอนะล็อกขนาดกลางและขนาดเล็ก และเพื่อจัดการกับแอพพลิเคชั่นที่มีมูลค่าสูง อาทิ สื่อทางการตลาดที่มีข้อมูลแปรผันเป็นหัวใจสำคัญ สมุดภาพ และ สื่อโฆษณาทางไปรษณีย์ ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับผู้รับเฉพาะราย

— เครื่องพิมพ์ HP Indigo 3550 รุ่นใหม่ ให้คุณภาพของระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ท โดยมีการลงทุนเริ่มต้นต่ำ จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจด้านแอพพลิเคชั่นการพิมพ์ดิจิตอล นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์ HP Indigo 3550 ยังมอบประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า สามารถใช้งานง่าย และยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยระบบการรีไซเคิลน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการพิมพ์

— ผู้ให้บริการงานพิมพ์ สามารถออกแบบปกซีดี / ดีวีดี ให้แก่ลูกค้าได้ได้ตามต้องการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านหมึกพิมพ์และกระดาษป้ายฉลาก โดยใช้ไดร์ฟที่มีเทคโนโลยี LightScribe และสื่อที่มีซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบป้ายฉลาก นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดเทมเพลตได้ฟรี เพื่อใช้งานในทั้งในเชิงธุรกิจและส่วนตัวจากเว็บไซต์ www.lightscribe.com

— ผู้ให้บริการงานพิมพ์ สามารถ เพิ่มมูลค่าการลงทุนในปัจจุบันของตนเองได้ง่ายๆ ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยี HP Thermal Inkjet (TIJ) ที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้ากับระบบแท่นพิมพ์แบบออฟเซ็ตที่มีอยู่ เพื่อให้ได้โซลูชั่นการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทที่มีมูลค่าสูง เทคโนโลยี HP TIJ จะช่วยให้งานพิมพ์ที่ได้ความคมชัดสูงและสามารถปรับขยายขนาดการใช้งานได้ จึงนับว่าเป็นโซลูชั่นที่สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการและคุ้มค่า โดยมีค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ การนำมาใช้งาน และการพิมพ์ในระดับต่ำ ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ให้บริการงานพิมพ์ และลูกค้ายังสามารถชมโซลูชั่นอันโดนเด่นอื่นๆ ของเอชพีได้จาก HP Speciality Printing Systems (SPS) ได้ที่บูธของเอชพี ที่จัดแสดงร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ โซลูชั่นดังกล่าวรวมไปถึง Variable Data Imprinting, Short Run Colour Label Printing, Product Identification และ LightScribe Duplicators.

เอชพีเป็นผู้นำในการพลิกโฉมหน้าการพิมพ์ระบบดิจิตอลแบบ on-demand เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการพิมพ์

เอชพีเดินหน้าต่อยอดความพยายามเพื่อความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมด้วยชุดผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ HP Indigo Digital Presses เพื่อตอบโจทย์ความต้องการโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมประสิทธิภาพกำทำงานและความสามารถในการสร้างกำไรให้กับผู้ประกอบธุรกิจ เครื่องพิมพ์ HP Indigo ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น

— เครื่องพิมพ์ดิจิตอล HP Indigo 7500 Digital Press ใช้พลังงานต่อหน้ากระดาษที่พิมพ์น้อยกว่าสูงสุดถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์รุ่นก่อน และยังโดดเด่นด้วยระบบการ รีไซเคิลน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการพิมพ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อขจัดความจำเป็นในการใช้น้ำมันในการพิมพ์ภาพเพิ่มเติม

— เครื่องพิมพ์ดิจิตอล HP Indigo W7200 ใช้พลังงานต่อหน้ากระดาษที่พิมพ์น้อยกว่าสูงสุดถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์รุ่นก่อน และยังมีระบบการ รีไซเคิลน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการพิมพ์ ที่สามารถลดการใช้น้ำมันสำหรับพิมพ์ภาพได้ถึงร้อยละ 50

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีสารตั้งต้นทางเคมี ( Substrate) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 800 ชนิดที่สามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ดิจิตอลตระกูล HP Indigo ได้

View :2057
Categories: Press/Release Tags: ,

ไอดีซี ชี้ Managed Print Services กำลังมาแรงและจะเป็นบริการใหม่ในกลุ่ม managed services ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น

October 13th, 2010 No comments

ไอดีซี สำรวจพบว่า บริการ managed print sevices (MPS) กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และกำลังจะเพิ่มจุดสนใจไปยัง “การให้บริการที่ครบวงจร” มากยิ่งขึ้น ผู้ค้าหลายราย เริ่มที่จะขยายการให้บริการเหล่านี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการให้บริการผ่านระบบของตนเองหรือผ่านพันธมิตรธุรกิจ เพื่อให้บริการ MPS นี้สามารถเจาะตลาดที่กว้างขึ้น

จากปัจจัยหนุนในเรื่องของเทคโนโลยีการให้บริการใหม่ ๆ อย่างเช่น การให้บริการผ่านกลุ่มก้อนเมฆ (Cloud) ไอดีซี เชื่อว่า ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ องค์กรต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น กำลังมองหารูปแบบบริการที่มีการควบรวมบริการย่อย ๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจ ปัจจุบันนี้รูปแบบการบริการที่ตลาดกำลังต้องการจะเป็นลักษณะการเลือกผู้ให้บริการที่สามารถให้บริการแบบควบรวม ทั้งบริการด้าน information technology outsourcing (ITO) และ business process outsourcing (BPO) พร้อมๆ กัน โดยจะทำสัญญาการใช้บริการจากผู้ให้บริการรายเดียว จากแนวโน้มดังกล่าว ไอดีซี เชื่อว่า ภายในไม่ช้า บริการ MPS ก็จะถูกรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งเพิ่มเติมในสัญญาบริการ

สุจิตรา นารายัน ผู้จัดการฝ่ายวิจัยตลาด IT Services ประจำไอดีซี เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เรากำลังค้นพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้านพื้นฐานของ MPS เกิดขึ้นซึ่งแบ่งออกเป็น 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. MPS เริ่มที่จะมีการกล่าวถึงกันมากขึ้นที่เป็นรูปแบบของ managed services และบรรดาผู้บริหารทั้งหลายก็กำลังให้ความสนใจ 2. สิ่งนี้จะไม่ใช่บริการที่คุณซื้อพ่วงมากับฮาร์ดแวร์อีกต่อไป แต่กลายเป็นว่าฮาร์ดแวร์จะถูกพ่วงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายใต้รูปแบบสัญญาการบริการ และ 3. การมุ่งไปสู่การให้บริการที่มีการแข่งขันทางด้านราคาได้ ซึ่งจะมีการมุ่งความสนใจไปยังช่องทางต่าง ๆ ที่จะให้บริการ MPS เฉพาะ ช่องทางเหล่านี้จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ตนเองจะมีความสามารถที่จะให้บริการได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็นแค่เพียงส่งมอบและคอยให้บริการตามที่ได้รับแจ้งเท่านั้น

จากข้อมูลสำรวจล่าสุดของไอดีซี ตลาด MPS ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสะสมโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 17 ในช่วงปี 2553-2557 มูลค่าตลาดจะถึง 530 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2553 และมากกว่า 990 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2557

ไอดีซี คาดว่า ตลาดในประเทศจีน และอินเดียยังคงเป็นตลาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตสูง สุจิตรา กล่าวเสริมว่า บรรดาองค์กรต่าง ๆ ในประเทศจีน และ อินเดียกำลังเิริ่มที่จะเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีโซลูชั่นในการบริหารงานเอกสาร โดยเฉพาะ MPS กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริการนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบโครงสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด (infrastructure optimization) การลดการใช้พลังงาน และ การลดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการพิมพ์ สำหรับประเทศ ออสเตรเลีย เกาหลี และ สิงค์โปร์ คาดว่าตลาดก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนในเรื่องของการนำเทคโนโลยี และ โซลูชั่นใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้งานในองค์กรอย่างเช่น cloud green และ mobility

MPS ยังคงได้รับแรงหนุนจากความต้องการขององค์กรต่าง ๆ ที่กำลังค้นหาเป้าหมายใหม่ที่จะมีส่วนช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับตนเองและต้องการเอ้าซอร์สงานหรือโซลูชั่นด้านการพิมพ์ ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการทำให้ MPS ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวบริการเอง ในฐานะที่เป็นโซลูชั่นที่ช่วยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและเป็นรูปแบบบริการที่สามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าให้กับผู้ที่ต้องการใช้บริการได้ ในภาวะตลาดที่ไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้

สุจิตรา สรุปตอนท้ายว่า “เทคโนโลยี Cloud ได้สร้างฐานที่สมบูรณ์สำหรับการเป็นรูปแบบบริการที่ลดค่าใช้จ่าย สำหรับการดำเนินธุรกิจ MPS ที่ให้บริการบน Cloud นั้น จะเป็นโซลูชั่นที่ไม่มีอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำหรับองค์กรต่าง ๆ ด้วยการคิดอัตราค่าบริการต่อครั้งตามสภาพการใช้งานของธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์สำหรับงานพิมพ์ต่าง ๆ บริการนี้ไม่ใช่เป็นแค่เพียงการส่งพิมพ์งานผ่านเทคโนโลยี cloud แต่ยังรวมถึงการสร้างความมั่นใจในการให้บริการด้วยการกำหนดสัญญาการบริการที่ชัดเจน มีแผนงานรองรับที่ชัดเจนว่าจะช่วยลดความเสี่ยงหากธุรกิจต้องหยุดชะงัก และ มีคำมั่นสัญญาจากผู้ให้บริการที่จะส่งมอบบริการได้ตามข้อตกลง

View :1550
Categories: Press/Release Tags: ,

ฟูจิตสึเปิดตัวบริการระบบโครงสร้างครบวงจรสำหรับลูกค้าเอสเอพี (SAP)

October 13th, 2010 No comments

อีกหนึ่งทางเลือกของการบริการด้านระบบโครงสร้างสำหรับผู้ใช้งาน SAP ที่ให้ประสิทธิผลอันคุ้มค่าสำหรับลูกค้าทุกธุรกิจ

ประกาศขยายความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับบริษัท เอสเอพี เอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น (SAP Asia pacific Japan –APJ) ในการนำเสนอบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโซลูชัน SAP บนคลาวด์ ( – SAP Infrastructure-as-a-Service) ซึ่งครอบคลุมทั้งในระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบบริการศูนย์ข้อมูลกลางหรือดาต้าเซ็นเตอร์ และบริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ SAP ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้า SAP หันไปทุ่มเทและให้ความสนใจกับการดำเนินธุรกิจหลัก โดยไม่ต้องคอยกังวลกับการดูแลระบบ เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเป็นผู้รับผิดชอบ

ลูกค้าที่ใช้งานเอสเอพีผ่านทางบริการ SAP IaaS ของฟูจิตสึ สามารถชำระค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของบริการที่เลือกใช้ ซึ่งเป็นการลดรายจ่ายในการลงทุนขององค์กร (CAPEX – Capital Expenditure) และด้วยเทคโนโลยี FlexFrame ที่ผ่านการทดสอบและทดลองใช้งานมาอย่างดี ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้ SAP สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ยังสามารถคงระดับของการให้บริการที่มีคุณภาพที่ตอบสนองพันธกิจหลักขององค์กรผ่านการทำงานของ SAP ได้อย่างครบถ้วน

รูปแบบในการชำระเงินเฉพาะระบบที่ใช้งาน ถือเป็นคำจำกัดความของฟูจิตสึเกี่ยวกับกลยุทธ์การให้บริการคลาวด์ ซึ่งมีการประกาศตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริการ SAP IaaS จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ฟูจิตสึในระดับโลกในด้านการประมวลผลแบบคลาวด์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้งานด้านโครงสร้างระบบไอที

เทคโนโลยี FlexFrame เป็นโซลูชันครบวงจรแบบเบ็ดเสร็จ ที่รวมทั้งอินฟราสตรัคเจอร์ด้านฮาร์ดแวร์และโซลูชันทางด้าน (Midle ware) มิดเดิลแวร์เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน มีการติดตั้งเทคโนโลยี FlexFrame มากกว่า 200 แห่งทั่วโลก โดยที่บางแห่งเป็นการติดตั้งระบบงาน SAP ที่ใหญ่ที่สุด เทคโนโลยี FlexFrame ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้นำโซลูชันด้านอินฟราสตรัคเจอร์ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา

ด้วยความเชี่ยวชาญของฟูจิตสึในการให้บริการอินฟราสตรัคเจอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ลูกค้าของ SAP สามารถบริหารจัดการสภาพแวดล้อมการทำงานหลักที่สำคัญของระบบ SAP ซึ่งลูกค้ามักต้องการระดับการให้บริการที่มีคุณภาพ (SLAs – Service Level Agreement) ส่วนในเรื่องของการให้บริการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ลูกค้าของ SAP ยังมั่นใจได้ว่า ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ของฟูจิตสึนั้น มีคุณภาพสูงสุดในเรื่องของระบบอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับความต้องการในหลายรูปแบบได้อย่างครบถ้วน อาทิ:
• ระบบควบคุมด้านความปลอดภัย
• ระบบด้านการจ่ายพลังงาน
• ระบบควบคุมสภาพแวดล้อม
• ระบบตรวจสอบและยับยั้งอัคคีภัย
• ระบบเครือข่ายสายสัญญาณ

SAP IaaS จากฟูจิตสึ ช่วยให้ลูกค้าของ SAP ได้รับประโยชน์ในเรื่องของประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความคล่องตัว โดยสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความจำเป็นทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่สามารถลดต้นทุนได้ในเวลาเดียวกัน ฟูจิตสึได้เริ่มให้บริการโซลูชัน SAP IaaS เป็นแห่งแรกในสิงคโปร์ และมีแผนผลักดันให้ครอบคลุมประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนต่อไปในอนาคต

“จากสัมพันธภาพอันยาวนานที่มีต่อ SAP ทำให้ฟูจิตสึเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระดับโลกเพียงไม่กี่รายที่พร้อมทั้งการให้บริการ การนำเสนอเทคโนโลยี และโฮสติ้ง เราได้มอบคุณค่าทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าจำนวนมากทั่วโลกผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่น่าเชื่อถือ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับโซลูชันของ SAPโดยเฉพาะ และด้วยบริการล่าสุดอย่าง SAP IaaS ทำให้ลูกค้า SAP สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญกว่านั้น สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ไปในการสนับสนุนธุรกิจหลักอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบของการให้บริการที่ยืดหยุ่น บวกกับความรู้และประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับลูกค้าที่ใช้โซลูชัน SAP โดยตรง ช่วยให้ฟูจิตสึสามารถนำเสนอบริการด้านอินฟราสตรัคเจอร์ของ SAP ได้ตรงกับความต้งอการของลูกค้าในทุกระดับ” โจเซฟ แชน รองประธานฝ่ายบริหารจัดการระบบระดับภูมิภาคของ ฟูจิตสึ เอเชีย จำกัด กล่าว

“ความร่วมมือระหว่าง SAP ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และญี่ปุ่น และผู้นำด้านบริการ IaaS เช่นฟูจิตสึ ช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนในการออกแบบโซลูชันระบบเครือข่ายโดยผสมผสานเทคโนโลยีของคลาวด์ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการวิจัยและพัฒนา โดยไม่ต้องเสียเวลาวางแผนในการจัดหาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้ยุ่งยากอีกต่อไป เป็นการเปิดมิติใหม่ในการใช้งานโซลูชันด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งนอกจากจะให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นแล้ว การประมวลผลแบบคลาวด์ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล ทั้งกับตัวแทนขาย ลูกค้า และพารทเนอร์ของเรา” ชาร์ลส์ เฟอร์กูสัน รองประธานของเอสเอพีออนดีมานด์ โฮสติ้งและเอาต์ซอร์สซิ่ง บริษัท SAP ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และญี่ปุ่น กล่าว

โซลูชัน SAP IaaS จากฟูจิตสึ ครอบคลุมด้านการบริหารจัดการและบริการที่เพิ่มคุณค่าให้แก่ธุรกิจในหลายด้าน โดยมีส่วนหลักๆ อันประกอบไปด้วย:
• บริการโอนย้ายระบบ: บริการที่ช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และวางแผนในการโอนย้ายเข้าสู่การทำงานบนแพลตฟอร์ม SAP IaaS ของฟูจิตสึได้อย่างราบรื่น
• การติดตามความเคลื่อนไหวและการบริหารจัดการ: เพื่อให้ระบบ SAP ที่ลูกค้าใช้งานอยู่ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บริการเหล่านี้จะช่วยตรวจสอบติดตามและป้องกันปัญหาต่างๆ รวมทั้งให้ความมั่นใจในเรื่องการบริการแบ็กอัพว่า สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีแนวทางการทดสอบมาตรการป้องกันต่างๆ ว่าทำงานได้จริง
• การเตรียมการ และรายงานสถานะ: ช่วยให้ลูกค้าทราบถึงความเคลื่อนไหวของการใช้งาในระบบให้ลูกค้าทราบ เป็นการรายงานสถานะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างโปร่งใส
• ศูนย์บริการให้ความช่วยเหลือลูกค้า SAP: พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในทุกเรื่องเกี่ยวกับ SAP IaaS ผ่านบริการ Call Center

นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมอื่นๆ ด้วย อาทิ:
• บริการช่วยดูแลด้านการปฏิบัติการ: นอกจากบริการด้านการติดตามตรวจสอบและบริหารจัดการ ฟูจิตสึยังมีบริการให้ลูกค้าสามารถดูแลระบบ SAP ได้ในด้านการเพิ่มจำนวนผู้ใช้ ไปจนถึงการบริหารจัดการในเรื่องการขนส่ง
• บริการการบริหารจัดการด้านแอพพลิเคชัน: บริการเสริมของ SAP IaaS ซึ่งรวมถึงการดูแลและจัดการแอพพลิเคชัน SAP ของลูกค้า ไปจนถึงการพัฒนาระบบงานของลูกค้าให้ก้าวหน้ามากขึ้น

View :1565