Archive

Archive for October, 2010

เอชพีเผยผลการวิจัยใหม่ล่าสุด ทิศทางการใช้ไอทีระดับองค์กร และปัญหาการรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่าย

October 13th, 2010 No comments

สนับสนุนธุรกิจต่างๆ ให้ตรวจสอบหาจุดอ่อนของระบบเครือข่าย กำหนดแนวทางการแก้ไข และรักษาสินทรัพย์ขององค์กร

เอชพีเผยแพร่รายงานผลการวิจัยเรื่องความเสี่ยงต่อการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cyber Security Risks Report) ประจำครึ่งแรกของปี 2553 ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับทิศทางของระบบการประมวลผลระดับองค์กร และจุดอ่อนของการรักษาความปลอดภัยบนระบบเครือข่าย เพื่อสนับสนุนทีมผู้บริหารไอทีให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลในองค์กรของตน

ทั้งนี้ รายงานผลการวิจัยดังกล่าวจัดทำโดยศูนย์ปฏิบัติการวิจัย TippingPoint’s Digital Vaccine Labs (DVLabs) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้องค์กรธุรกิจต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาการบุกรุกเจาะเข้าทำลายแอพพลิเคชั่นและระบบเครือข่ายข้อมูลขององค์กร รวมทั้งสนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาระบบเครือข่ายล่มที่ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ต้องสิ้นเปลืองเงินทองและมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง

ปัจจุบัน พนักงานมีการใช้งานแอพพลิเคชั่นเพื่อติดต่อธุรกิจบนเว็บไซต์ และชุมชนออนไลน์ต่างๆ (social network) ผ่านเครือข่ายไอทีต่างๆ ของบริษัทซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ถึงแม้ว่าพนักงานต้องการใช้งานโปรแกรมเหล่านี้เพื่อช่วยสร้างชื่อเสียงขององค์กรให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น รวมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตนเอง แต่ขณะเดียวกันการใช้แอพพลิเคชั่นออนไลน์ดังกล่าวก็เป็นการเปิดช่องทางให้ระบบการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายถูกคุกคามได้ง่ายขึ้น

รายงานผลการวิจัยฉบับดังกล่าวใช้ข้อมูลจากสถานการณ์การรักษาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจริง เพื่อชี้ให้เห็นว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลต่อระบบเครือข่ายขององค์กรให้มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงไร และสนับสนุนให้ธุรกิจต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือและจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มร. ไมค์ ดาวซิน ผู้จัดการด้าน Advanced Security Intelligence ของ HP TippingPoint DVLabs กล่าวว่า “เพื่อขจัดความเสี่ยงต่อการรุกรานความปลอดภัยของระบบเครือข่าย องค์กรธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องมีความรอบรู้เกี่ยวกับการเจาะเข้าทำลายระบบเครือข่ายผ่านชุมชนออนไลน์และการดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆ บนเว็บโดยใช้เครือข่ายไอทีของบริษัท ดังนั้น เมื่อมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของระบบเครือข่ายระดับองค์กร จะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถวางกลยุทธ์แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ธุรกิจของตน รวมทั้งข้อมูลขององค์กรมีความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องสูงสุด”

หนึ่งในผลการวิจัยที่โดดเด่นจากรายงานดังกล่าว คือ มากกว่าร้อยละ 80 ของการเจาะเข้าทำลายระบบเครือข่าย มุ่งเน้นทำลายระบบหรือแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบนเว็บ ซึ่งได้แก่ เว็บไซต์ทั่วไป และเว็บลูกข่าย นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังระบุว่า เว็บไซต์เหล่านี้มักจะเสี่ยงต่อการถูกออฟไลน์ หรือ ถูกทำลายจากการคุกคามแบบ SQL Injection, PHP File Include ตลอดจนการทำลายในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า การทำลายในลักษณะดังกล่าวมีการขยายตัวมากขึ้นเป็น 2 เท่าตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การจู่โจมเข้าทำลายเว็บเบราเซอร์และแอพพลิเคชั่นเว็บลูกข่าย อาทิ โปรแกรม QuickTime และ Flash มีสถิติพุ่งสูงขึ้นเป็น 3 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 และเป็นจุดหลักที่เปิดโอกาสให้นักจู่โจมเจาะเข้าสู่ระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น

การมีความรู้ความเข้าใจถึงความถี่และ ความเสี่ยงในการบุกรุกเข้าทำลายระบบประมวลผลบนเว็บจะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาความปลอดภัยบนระบบเครือข่ายเพื่อปกป้อง รักษาสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดบนเครือข่ายของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากผลการวิจัยที่โดดเด่นข้างต้นแล้ว รายงานผลการวิจัยดังกล่าวยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจต่างๆ ดังนี้

- ขจัดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ โดยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อบกพร่องของระบบไฟล์แบบ PDF (Portable Document Format) ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวระบุว่า โครงสร้างของแอพพลิเคชั่นและการใช้แอพพลิเคชั่นอย่างกว้างขวางในองค์กรเป็นเป้าหมายหลักในการบุกรุกเข้าเจาะทำลาย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ดำเนินการรักษาความปลอดภัยจากการใช้ไฟล์ PDF ได้อย่างรัดกุมและเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาบนระบบเครือข่ายของตน

- ระงับการลักลอบทำลายระบบได้เร็วขึ้นโดยใช้เทคนิคใหม่ๆ ที่ล้ำสมัย โดยผลการวิจัยระบุถึงเทคนิคที่ใช้จู่โจมที่มีความซับซ้อนและลึกลับ เพื่ออำพรางการเข้าลักลอบทำลายไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน และด้วยความรู้ดังกล่าว ทำให้ผู้บริหารไอทีสามารถปรับปรุงแนวทางการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันได้สูงสุด

- ป้องกันการจู่โจมที่เคยเกิดขึ้นไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก โดยศึกษาพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวอย่างรอบคอบ ซึ่งโปรแกรมบุกรุกเจาะทำลายระบบรักษาความปลอดภัยที่ผ่านมา ได้แก่ SQL Slammer, Code Red และ Conficker เป็นโปรแกรมการเจาะทำลายที่สำคัญ สำหรับโปรแกรม Slammer ที่เริ่มใช้ในปี 2547 เป็นโปรแกรมที่ทำให้เอชพีคิดค้นและพัฒนาระบบกรองและป้องกัน HP TippingPoint IPS ที่มีความสามารถในการป้องกันการทำลายมากกว่าระบบกรองและป้องกันอื่นๆ ถึง 10 เท่า ทั้งนี้ การเรียนรู้จากข้อมูลดังกล่าว และศึกษาสาเหตุที่คาดว่าจะเป็นไปได้ อาทิ การใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ถูกกฎหมาย จะช่วยให้ผู้บริหารระบบสามารถปรับปรุงการเข้าใช้เครือข่ายหรือตรวจสอบความ ถูกต้องในการจัดซื้อแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการลักลอบเข้าทำลายระบบเครือข่ายโดยรวมทั้งหมด

ระเบียบวิธีการวิจัย
HP TippingPoint DVLabs คือ องค์กรวิจัยชั้นนำที่มุ่งศึกษาวิเคราะห์หาจุดอ่อนหรือช่องโหว่ที่เปิดโอกาส ให้มีการบุกรุกเข้าทำลายระบบ โดยช่วยให้ลูกค้าจัดทำมาตรการล่วงหน้าเพื่อป้องกันการเกิดช่องโหว่ให้มีการ บุกรุกทำลายระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ทีมงานของ HP TippingPoint DVLabs ได้นำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและเทคนิคการวิเคราะห์อันเปี่ยมประสิทธิภาพมาพัฒนา ระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบวงจร โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการบุกรุกด้วยบริการ Digital Vaccine® Service

เอชพีนำโซลูชั่น HP TippingPoint Intrusion Prevention Systems (IPS) ที่มีจำนวนหลายร้อยโปรแกรมมาใช้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการบุกรุก เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาศึกษาวิเคราะห์การจู่โจม ทั้งนี้ ข้อมูลการบุกรุกดังกล่าวถูกจัดเก็บในระหว่างมีการบุกรุกระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเกิดขึ้น โดยมีโซลูชั่น HP TippingPoint IPS ทำหน้าที่ป้องกันการบุกรุกดังกล่าว

แหล่งข้อมูลที่สนับสนุนการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
- SANS คือ องค์กรที่มุ่งให้บริการฝึกอบรมและให้ใบรับรองด้านการรักษาความปลอดภัย
- โซลูชั่น Open Source Vulnerability Database เป็นระบบฐานข้อมูลแบบเปิดและอิสระที่จัดทำขึ้นโดยชุมชนออนไลน์และเพื่อชุมชนออนไลน์ดังกล่าว
- ระบบ Qualys เป็นโซลูชั่นบริหารความเสี่ยงในการรักษาความปลอดภัยของระบบไอทีและการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ออกแบบให้ตรงตามความต้องการใช้งาน ทั้งยังทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลโดยใช้โซลูชั่นการประเมินและจัดการข้อบกพร่องที่ทำให้เกิดการบุกรุกข้อมูลบนระบบเครือข่าย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพอร์ทโฟลิโอ HP TippingPoint เข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/go/networking ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ HP TippingPoint เป็นส่วนหนึ่งของ พอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์และบริการ HP Secure Advantage ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hp.com/security

สำหรับรายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เข้าไปดูได้ที่ http://dvlabs.tippingpoint.com/toprisks2010

View :1541
Categories: Press/Release Tags:

“3-8-12 Pixel Hero& Nokia N8”

October 13th, 2010 No comments

ครั้งแรกกับ Symbian^3 และ HDMI บนสมาร์ทโฟน
โนเกียจัดกิจกรรมเวิร์คช็อป “ 3-8-12 Pixel Hero&” พิเศษให้กับกลุ่มสื่อมวลชนพร้อมประกาศวางจำหน่าย ในประเทศไทย โดยมีดาราสาว ‘ แพตตี้ อังศุมาลิน ’ (ขวา) ร่วมเป็นแขกรับเชิญ เพื่อสัมผัสและทดลองใช้งาน Symbian^3 ระบบปฏิบัติสำหรับสมาร์ทโฟนเวอร์ชั่นล่าสุด บันทึก วีดิโอคุณภาพ HD ด้วยกล้องความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล รวมทั้งชม ภาพยนตร์แบบ HDMI และสัมผัสเสียงดังกระหึ่มรอบทิศทางแบบ Dolby Digital Plus ที่สามารถเชื่อมต่อได้โดยตรงกับระบบ Home Theatre ผ่านพอร์ต HDMI บน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน

ลูกค้าที่จอง Nokia N8 สามารถรับเครื่องได้แล้ววันนี้ และพิเศษสุดสำหรับ ลูกค้าเอไอเอส ซื้อ Nokia N8 รับฟรีแพคเกจ AIS GPRS เดือนละ 500 MB นาน 12 เดือน มูลค่า 6,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2553

Nokia N8 มีให้เลือก 5 สีได้แก่ดำ เงิน เขียว ฟ้า และส้ม วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 16,500 บาท

ลูกค้าที่สั่งจอง Nokia N8 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับเครื่องได้ที่โนเกีย แคร์ ไลน์ 02-255-2111 02-255-2111 และ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นที่ www.ais.co.th

View :1547
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที เตรียมพร้อมสำรวจการดำเนินงานตามแผนแม่บทไอซีที ฉบับที่ 2

October 13th, 2010 No comments

นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 และได้มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการติดตาม ประเมินผลเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม นอกจากนั้นในบทที่ 6 เรื่องการบริหารจัดการและการติดตามประเมินผลของแผนแม่บทฯ ฉบับนี้ ยังได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนถึงการติดตามและประเมินผล ซึ่งต้องมีการติดตามความก้าวหน้า ( Monitoring) ของการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ และมีการประเมินผลอย่างเป็นระบบ ( Evaluation) ใน ช่วงครึ่งแผน ซึ่งผลที่ได้จากการติดตามและประเมินผล จะถูกนำไปใช้ในการพิจารณาปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ หรือปรับแผนแม่บท/แผนปฏิบัติการของหน่วยงานให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ สภาวการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้มีการเตรียมพร้อมและสร้างระบบการติดตามและประเมินผลที่มี ประสิทธิภาพ รวมถึงการประเมินผลสถานการณ์ดำเนินงานจริง เพื่อผลักดันให้แผนแม่บทฯ เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ด้วยการดำเนินโครงการสำรวจสถานการณ์การดำเนินการตามแผนแม่บทเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ.2552 – 2556 โดยให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมาทำการประเมินผลการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศมาก ที่สุด

การ จัดทำโครงการสำรวจสถานการณ์การดำเนินการตามแผนแม่บทฯ นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบ และเตรียมความพร้อม สำหรับการติดตามและประเมินผลแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 ระยะที่ 1 (รอบครึ่งแผน) ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อประเมินสถานะของการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ตามแผนแม่บทฯ และเพื่อเป็นเครื่องมือในการผลักดันให้แผนแม่บทฯ เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ หรือปรับแผนแม่บท/แผนปฏิบัติการของหน่วยงานให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ สภาวการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างโอกาสของประเทศไทยในการเพิ่มอันดับความสามารถในการ แข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของประเทศไทย ( Technological Infrastructure) ที่มีการจัดอันดับโดย International Institute for Management Development: IMD และ/หรือ ความสามารถในการแข่งขันของไทยในด้านความพร้อมด้านเทคโนโลยี ( Technological readiness) ที่มีการจัดอันดับโดย World Economic Forum: WEF ให้มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โครงการ สำรวจฯ นี้มีระยะเวลาในการดำเนินงาน 5 เดือน ซึ่งหากดำเนินการสำเร็จตามวัตถุประสงค์แล้ว จะทำให้กระทรวงฯ ได้ รับทราบข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันในการติดตามและประเมินผลแผน แม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ.2552 – 2556 รวมทั้งมีแนวทางสำหรับประเทศไทยในการดำเนินการเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของประเทศ ตลอดจนได้รับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันการดำเนินการของส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

View :1842
Categories: Press/Release Tags:

ซิสโก้ ซีสเต็มส์ หนุนบรอดแบนด์แห่งชาติ

October 13th, 2010 No comments

ชูยุทธศาสตร์ “Smart+Connected Communities” เป็นโซลูชั่นยกระดับคุณภาพชีวิต
มุ่งเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทย ลดช่องว่าง เพิ่มโอกาสเข้าถึงข้อมูลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ผ่านเครือข่ายการสื่อสารและสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ

กรุงเทพฯ 11 ตุลาคม 2553 – บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำแห่งเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสารและสารสนเทศระดับโลกเดินหน้าผลักดันยุทธศาสตร์ “Smart+Connected Communities” ให้เกิดขึ้นจริงได้ในประเทศไทยเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมและทั่วถึงแก่คนไทยทั้งประเทศในการได้รับบริการที่ดีขึ้นทั้งในด้านสาธารณสุข การศึกษา บริการจากภาครัฐ และเกษตรกรรม ซึ่งยุทธศาสตร์นี้จะสอดคล้องกับแนวคิด “Smart Thailand” ตามแผนแม่บทไอซีที 2020 และขานรับนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อให้อินเทอร์เน็ตเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทย

ทั้งนี้ อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญของการพลิกโฉมการสื่อสารและสารสนเทศที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและวิถีชีวิตของคน ทำให้เกิดการพัฒนาในส่วนของ media network ที่ช่วยเอื้อให้เกิดการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างคนและสังคม ไม่ว่าจะเป็นบรรดา Social Networking หรือ VDO Streaming ต่างๆ และในส่วนของธุรกิจเองก็มีแนวโน้มของการนำเอาเทคโนโลยีเช่น Cloud Computing หรือ VDO Collaboration มาใช้ประโยชน์ด้านการแบ่งปันและใช้งานข้อมูลร่วมกัน ตลอดจนบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวโน้มต่างๆ เหล่านี้ทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นในการที่บริการสำคัญซึ่งเป็นรากฐานของเมืองและชุมชน อาทิ การศึกษา สาธารณสุข และบริการของรัฐ จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันผ่านเครือข่ายการสื่อสารต่างๆ เหล่านี้

ดร. ธัชพล โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสารที่มีมาอย่างยาวนานของซิสโก้ เราเล็งเห็นว่า ในยุคของเครือข่ายชุมชนเมืองแห่งอนาคตนี้ บริการที่เป็นรากฐานของเมืองจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับเครือข่ายสื่อสารและสารสนเทศที่มีเทคโนโลยีบรอดแบนด์รองรับจนกระทั่งเทคโนโลยีและบริการไม่อาจแยกจากกันได้ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือ ปัจจุบันระบบสารสนเทศและการสื่อสารของเครือข่ายชุมชนเมืองนั้นมีหลายมาตรฐานและหลายโปรโตคอล ดังนั้น ซิสโก้ ในฐานะผู้นำด้านระบบเครือข่ายการสื่อสารจึงมุ่งเน้นการใช้อุปกรณ์แบบมัลติโปรโตคอลที่จะทำให้การเชื่อมโยงเครือข่ายไม่มีปัญหาในความเข้ากันได้และสามารถทำงานร่วมกัน รวมทั้งยังมุ่งเน้นเรื่องของการใช้มาตรฐานเปิดด้วย ซิสโก้ จึงนำเสนอแนวคิด Smart+Connected Communities ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการประสานความร่วมมือในการทำงานสำหรับภาครัฐ เอกชนและประชาชนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหารเมือง ประชาชน นักวางผังเมือง นักพัฒนาและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง”

Cisco Smart+Connected Community คือโซลูชั่นที่สมบูรณ์สำหรับทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ให้บริการสาธารณะ ภาคธุรกิจหรือแม้แต่การใช้งานสำหรับประชาชนทั่วไป นี่คือโซลูชั่นที่จะตอบโจทย์ในเรื่องการสร้างความเท่าเทียมให้กับประชาชนทั่วประเทศผ่านการใช้งานเทคโนโลยียุคบรอดแบนด์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเสนอ Cisco Service Delivery Platform ที่จะแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนคือ Community+Connect จะช่วยทำให้บริการที่จะมีสำหรับชุมชนและธุรกิจมีความสมบูรณ์และครอบคลุม และ Community+Exchange คือระบบแบ็กออฟฟิศอันชาญฉลาดที่จะช่วยในการบริหารและปฏิบัติงานของเครือข่ายชุมชนเมืองยุคศตวรรษที่ 21 ที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง

ตัวอย่างโซลูชั่นสำคัญๆ ภายใต้ Cisco Smart+Connected Community มีอาทิ

• Cisco Smart+Connected Hospital – โซลูชั่นสำหรับบริการสุขภาพที่ดีกว่าเดิม การสื่อสารและบริหารข้อมูลทางการแพทย์เป็นบริการที่ต้องการคุณภาพที่สูงยิ่งทั้งของเครือข่ายและระบบ Cisco Medical Grade Network ตอบโจทย์ในเรื่องคุณภาพของเครือข่ายที่เชื่อถือได้เป็นพิเศษ และเป็นโซลูชั่นที่ทำให้การบริหารประวัติคนไข้และภาพถ่ายทางการแพทย์สามารถทำได้อย่างง่ายดายและที่สำคัญคือเชื่อถือได้เรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้การพบแพทย์จากที่บ้าน ก็สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีนี้เพื่อประสานการสื่อสาร (Collaboration) ที่จะให้การพบแพทย์ระยะไกลทำได้อย่างมีคุณภาพ สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
• Cisco Smart+Connected Learning – โซลูชั่นสำหรับการศึกษาและชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกๆ วันทำให้การศึกษาในยุคปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โซลูชั่นนี้ได้ทำให้การศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21 เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโลกกว้างของข้อมูลข่าวสารให้กับผู้เรียนผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์ การโต้ตอบและประสานงานกับผู้เรียนด้วยการสื่อสารผ่านวิดีโอที่สมบูรณ์แบบบนสภาพแวดล้อมในการเรียนที่จำเป็นต่อโลกการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิมแบบวันต่อวันจะเป็นจริงได้ด้วย Cisco Smart+Connected Community
• Cisco Smart+Connected Government – โซลูชั่นสำหรับบริการภาครัฐแห่งยุคศตวรรษที่ 21 การมีบริการภาครัฐที่เข้าถึงได้ในทุกที่และมีความปลอดภัยในข้อมูลของประชาชนอยู่เสมอ คือหัวใจของบริการภาครัฐในเมืองที่มีเทคโนโลยีบรอดแบนด์รองรับ มีเครือข่าย และระบบสารสนเทศที่สมบูรณ์

“โซลูชั่น Smart+Connected Communities จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตไปสู่ความเท่าเทียมกัน และช่วยลดช่องว่างของประชาชนไทยในการได้รับบริการรากฐานดังกล่าวข้างต้นอย่างทั่วถึง ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญคือพื้นที่ ที่รับบริการจะต้องมีนโยบายภาครัฐ แบนด์วิธ และเทคโนโลยีบรอดแบนด์ที่เหมาะสม เพื่อทำให้การใช้งานโซลูชั่นเหล่านี้มีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนอกเหนือจากความเท่าเทียมและทั่วถึงที่ประชากรจะได้รับแล้ว ยังจะช่วยส่งผลให้เกิดความยั่งยืนทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของเมืองอีกด้วย” ดร. ธัชพล กล่าวเสริม

นายอดิศร์ หะริณสุต ผู้อำนวยการโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า การที่จะเกิดโซลูชั่นต่างๆ เหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องมีระบบเครือข่ายการสื่อสารและสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพด้วยการลงทุนที่มีความเป็นไปได้ โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติเป็นทางออกที่จะช่วยกำหนดโครงสร้างตลาดที่ปัจจุบันมีความซ้ำซ้อนในด้านการลงทุน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของผู้ประกอบการที่มีบทบาทแตกต่างกันในด้านการให้บริการโครงข่ายการสื่อสารและสารสนเทศ เพื่อให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจที่โปร่งใส เท่าเทียมและเป็นธรรม และสุดท้ายคือการทำให้การบริการอินเทอร์เน็ตกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง เท่าเทียม ในราคาที่เป็นธรรม

ปัจจุบัน ซิสโก้ ได้ให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการจัดทำนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ในฐานะฝ่ายวิชาการที่มีความรู้ความชำนาญในโครงข่ายบรอดแบนด์ โดยซิสโก้ได้ให้การสนับสนุนในข้อมูลเชิงวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ และนำกรณีศึกษาจากหลายๆ ประเทศมาเป็นแบบอย่างความสำเร็จ

นอกจากนี้ ซิสโก้ ซีสเต็มส์ ยังมีระบบการสื่อสารผ่านวิดีโอคุณภาพสูงแบบเรียลไทม์ หรือการประชุมทางไกล (TelePresence) ที่สามารถนำไปใช้กับโซลูชั่นด้านสาธารณสุข การศึกษา และบริการภาครัฐ ดังที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้มีปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกันได้ดีอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน Cisco TelePresence ช่วยให้บุคคลได้พบกัน แบ่งปันข้อมูล สร้างการบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงและกิจกรรม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และให้บริการตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ใช้พลังการขับเคลื่อนของระบบเครือข่ายที่สมบูรณ์นั่นเอง ซึ่งโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติจะทำให้สามารถนำ TelePresence ไปใช้ประโยชน์ได้ อีกมาก และสามารถช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น เวลาและการเดินทาง เป็นต้น

View :1593

ม.อ. ภูเก็ต ร่วมกับซิป้า และไอบีเอ็ม ประกาศผลผู้ชนะจากโครงการ “การแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ACM-ICPC ประเทศไทย 2553

October 13th, 2010 No comments

ม.อ. ภูเก็ต ร่วมกับซิป้า และไอบีเอ็ม ประกาศผลผู้ชนะจากโครงการ “การแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ACM-ICPC ประเทศไทย 2553 ()”

กรุงเทพ – 12 ตุลาคม 2553 – ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต (ม.อ.ภูเก็ต) ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า และ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ประกาศผลผู้ชนะจากการแข่งขันโครงการจัดการแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ACM-ICPC ประเทศไทย 2553 (ACM-ICPC Thailand National Contest 2010) ระดับประเทศ ซึ่งได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ที่ ม.อ.ภูเก็ต และได้ดำเนินการจัดการแข่งขันเมื่อเร็วๆ นี้

การแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ACM-ICPC ประเทศไทย 2553 (ACM-ICPC Thailand National Contest 2010) จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้นพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งในด้านจำนวนและความสามารถ และกระตุ้นให้นักศึกษาสนใจการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น การแข่งขันในการเขียนโปรแกรม (Programming contest) ระดับประเทศ การแข่งขันในครั้งนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงเพราะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 200 คนจากทั่วประเทศ

รางวัลชนะเลิศการแข่งขันดังกล่าว ได้แก่ ทีม CU Nibiru จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้ร่วมทีมในการแข่งขันในครั้งนี้ คือ นายภัทร สุขประเสริฐ, นายศรัณย์ เลิศประดิษฐ์, นายพูนลาภ เมฆรักษากิจ สำหรับผู้ที่ดูแลทีมนี้ คือ ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ สุรฤกษ์ และ ผศ.ดร.พิษณุ คนองชัยยศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม CU Star 11 จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้ร่วมทีมในการแข่งขันในครั้งนี้ คือ นายรวิพล ศุขโชติ, นายวุฒิไกร เสรีวัฒนวุฒิ, นายพุฒิ ไทยภูมิ สำหรับผู้ที่ดูแลทีมนี้ คือ ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ สุรฤกษ์ และ ผศ.ดร.พิษณุ คนองชัยยศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ ทีม Optimus จาก มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งมีผู้ร่วมทีมในการแข่งขันในครั้งนี้ คือ นายพีระศักดิ์ รัตนมณี, นายวรรธนัย วัชราทักษิณ, นายธนพล จินดาพิทักษ์ และนายศาณศรัณย์ สุขวงศ์วิวัฒน์ ซึ่งเป็นตัวสำรองในการแข่งขันของทีม Optimus สำหรับผู้ที่ดูแลทีมนี้ คือ อาจารย์สุธน แซ่ว่องและดร.แสงสุรีย์ วสุพงศ์อัยยะ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 คือ ทีม CU Star 17 จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีผู้ร่วมทีมในการแข่งขันในครั้งนี้ คือ นายศิระ ทรงพลโรจนกุล, นายเสรีรัฐ สิงหสุต, นายฉายวิช ปราการพิลาศ สำหรับผู้ที่ดูแลทีม คือ ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ สุรฤกษ์ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 คือ ทีม ZeptoSoft of MSU จาก มหาวิทยาลัยมหาสารคราม ซึ่งมีผู้ร่วมทีมในการแข่งขันในครั้งนี้ คือ นายประพจน์ ธรรมศิรารักษ์, นายอธิพงศ์ คำสีลา, นายธีรพงศ์ ขัตติยะวงศ์ สำหรับผู้ที่ดูแลทีม คือ อาจารย์ พรทิวา ปะวะระ สำหรับ 5 อันดับ นี้ SIPA ยังได้ทุนสนับสนุนในการไปแข่งขัน ACM-ICPC ระดับเอเซีย ที่ประเทศเวียดนาม เป็นจำนวน 125,000 บาท (5 ทีมรวมกัน)

เกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการ ACM-ICPC (ACM International Collegiate Programming Contest) ของไอบีเอ็ม
การจัดการแข่งขันการเขียนโปรแกรมในระดับอุดมศึกษา ACM-ICPC (ACM International Collegiate Programming Contest) เป็นหนึ่งในการจัดการแข่งขันทางด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและมีการจัดแข่งสม่ำเสมอทุกปี โดยขั้นตอนการแข่งขันดังกล่าวจะมีการเพื่อคัดตัวทีมผู้ชนะตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค ไปจนถึงรอบตัดสินรอบสุดท้ายในระดับโลก โดยไอบีเอ็มได้เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันดังกล่าวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา โดยการสนับสนุนดังกล่าวเป็นถือเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนการศึกษาและมาตรฐานเทคโนโลยีแบบเปิดของไอบีเอ็ม

View :1457

กระทรวงไอซีที จับมือกระทรวงศึกษาธิการ สร้าง กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน

October 13th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดตั้ง “กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน” ระหว่าง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กับ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมลงนามในข้อตกลงฯ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ บันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ กศน.ตำบลฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ที่เชื่อมต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ด้วยสื่อ วัสดุ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดย กระทรวงไอซีทีจะให้การสนับสนุนสื่อ และองค์ความรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพครู กศน.ตามมาตรฐานหลักสูตรคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตขั้นพื้นฐานของประเทศไทย ซึ่งโครงการ กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน ของกระทรวงศึกษาธิการนี้ สอดคล้องกับโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนของกระทรวงไอซีที จึงสามารถเชื่อมโยง และบูรณาการ การทำงานร่วมกันได้

View :1447
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที จับมือ ก.ศึกษาฯ สร้างแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตสู่ชุมชน

October 13th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยภายหลังพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการจัด “กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน” ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กับสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ว่า สืบเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการได้มีนโยบายในการจัดตั้ง กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชนขึ้น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อันเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ ตลอดชีวิตของประชาชนที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเน้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งนี้ เพื่อให้ กศน.ตำบลฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ที่เชื่อมต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ด้วยสื่อ วัสดุ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย

“กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน ของกระทรวงศึกษาธิการนี้ เป็นโครงการที่สอดคล้องกับโครงการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ของกระทรวงไอซีที จึงสามารถจะเชื่อมโยง และบูรณาการการทำงานร่วมกันได้ โดยกระทรวงไอซีที จะเข้าไปให้การสนับสนุนสื่อและองค์ความรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทาง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานนี้จะช่วยทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของประชาชนในชุมชนให้มีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารเพื่อประโยชน์ในด้านการศึกษาและการพัฒนาอาชีพของ ประชาชนในชุมชน” นายจุติ กล่าว

การ ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการจัด กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กับสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครั้งนี้ มีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และรองปลัดกระทรวง รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมลงนาม โดยมีนายกรัฐมนตรีให้เกียรติเป็นประธาน รวมทั้งมีรัฐมนตรีว่าการฯ ของสองกระทรวง ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับ รายละเอียดของความร่วมมือนั้น กระทรวงไอซีที จะให้การสนับสนุนสื่อ และองค์ความรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร ให้กับ กศน. ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพครู กศน. ตามมาตรฐานหลักสูตรคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตขั้นพื้นฐานของประเทศไทย ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการจะให้การสนับสนุนอาคารสถานที่ ครุภัณฑ์พื้นฐาน และบุคลากรในการขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามเป้าหมาย

นอกจากการลงนามความร่วมมือกับกระทรวงไอซีทีแล้ว กระทวงศึกษาธิการยังได้ร่วมลงนามกับหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมกันเป็นภาคีเครือข่ายในการจัดทำโครงการ กศน.ตำบล : แหล่งเรียนรู้ชุมชน ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ

View :1418
Categories: Press/Release Tags:

เกาะติดกระแสโลกกับ SMS ข่าว “VOA Thai on Mobile”

October 13th, 2010 No comments

เอไอเอส ร่วมกับ VOA หรือ Voice of America สำนักข่าวชื่อดัง ซึ่งให้บริการกระจายเสียงข่าวออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ตทั่วโลก เปิดให้บริการรายงานข่าวผ่านทาง SMS ในชื่อ “VOA Thai on Mobile” รายงานข่าวความเคลื่อนไหว ประเด็นเด่นรอบโลก เป็นภาษาไทย เน้นไปที่ข่าวเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการติดตามความเคลื่อนไหวของกระแสโลกระดับมหภาค โดยจะส่งเป็น SMS หัวข้อข่าวสั้น กระชับได้ใจความ หากลูกค้าต้องการอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านต่อในเว็บลิงค์ ที่ทิ้งท้ายใน SMS
ยกตัวอย่าง SMS ข่าว “ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเศรษฐกิจสหภาพยุโรปจะโต 108% เพราะสมาชิกเช่นเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และอังกฤษเศรษฐกิจฟื้นตัวสูงเกินคาด www.voanews.com/thai ”
ลูกค้าเอไอเอสที่สนใจแพ็คเกจข่าว “VOA Thai on Mobile” สมัครใช้บริการได้ง่ายๆ เพียงกด *482232200 แล้วโทรออก ค่าบริการเดือนละ 30 บาท โดยระบบจะส่ง SMS ข่าวให้ผู้ใช้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 4 ครั้ง

View :1559
Categories: Press/Release Tags:

“ Microsoft Worldwide Innovative Teacher Forum 2010”

October 13th, 2010 No comments

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ขอเชิญคนไทยรวมใจเชียร์ “คุณครูรุ่งกานต์ วังบุญ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่” ที่เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันในเวทีครูระดับโลก ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ 26-30 ตุลาคมศกนี้ งานนี้…ครูไทยไม่น้อยหน้านำผลงานสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้นักพัฒนา ภายใต้ชื่อ “ สร้างโปรแกรมเมอร์น้อยด้วยโปรแกรม” ลงชิงชัยกับเพื่อนครูกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ตอนนี้…ครูรุ่งซุ่มซ้อมพรีเซ็นต์ผลงานขะมักเขม้นเพื่อนำเสนอผลงานครูไทยสู่เวทีนานาชาติ

View :1515

โนเกียจับมือ วัน-ทู-คอล! เปิดตัว Nokia C3

October 4th, 2010 No comments

สุดยอดอุปกรณ์สื่อสารสำหรับ Socialista แชต เฟซบุ๊ค กระหน่ำ ทุกเรื่องทุกเวลา

โนเกียเปิดตัว สุดยอดอุปกรณ์สื่อสารสำหรับ Socialista ผู้ไม่ยอมพลาดการอัพเดตทุกเรื่องทุกเวลา ให้แชตมันส์ทันใจ อัพเฟซบุ๊คได้ทันตา แค่คลิกผ่านหน้าจอหลัก พร้อมจับมือ วัน-ทู-คอล! จัดโปรสุดโดนมอบแพ็คเกจสุดคุ้มให้ แชท, เฟซบุ๊ค, ทวิตเตอร์และอีเมล์ ได้ไม่อั้นฟรีนาน 3 เดือน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม ศกนี้

มร.ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันสังคมคนรุ่นใหม่ได้เปลี่ยนโฉมจากสังคมรูปแบบเดิมเมื่อหลายปีก่อนมาสู่สังคมออนไลน์ที่มีเพื่อนหลายกลุ่ม ความสนใจที่หลากหลายและตารางกิจกรรมที่อัดแน่น แต่ไม่เคยพลาดการติดต่อและยังสามารถเชื่อมถึงกันได้ทุกที่ทุกเวลาอุปกรณ์สื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่อย่าง Nokia C3 สามารถตอบสนองทั้งความต้องการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์และการพูดคุยผ่าน ข้อความที่รวดเร็วทันใจและเป็นอุปกรณ์สื่อสารราคาย่อมเยาว์ที่ผู้ใช้และกลุ่มเพื่อนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย”

Nokia C3 เป็นอุปกรณ์สื่อสารรุ่นแรกที่นำเอาคีย์บอร์ด QWERTY เต็มรูปแบบมาไว้บนแพลทฟอร์ทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก – ซีรี่ย์ส 40-รวมทั้งเป็นรุ่นแรกที่ให้เข้าใช้งานเครือข่ายสังคมได้โดยตรงจากหน้าจอหลัก ผู้ใช้งานสามารถเรียกดู คอมเมนท์ อัพเดทสถานะ และแบ่งปันภาพถ่ายสู่เครือข่ายยอดฮิตอย่าง Facebook หรือ Twitterสอดรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็วทันใจผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ทุกเรื่องทุกเวลา

ทางด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอสกล่าวว่า “วัน-ทู-คอล! มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานโทรศัพท์มือถือ และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าและเพื่อตอบรับกระแสของ Social Network ที่กำลังได้รับความนิยมทั้ง แชท เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอีเมล์ จึงร่วมกับ โนเกียเปิดตัว Nokia C3 สุดยอดอุปกรณ์สื่อสารสำหรับ Socialista พร้อม มอบซิมวัน-ทู-คอล! และแพ็คเกจสุดคุ้ม เพื่อให้ชาว Socialistaได้ แชท, เฟซบุ๊ค, ทวิตเตอร์และอีเมล์ได้ไม่อั้น ฟรี! นาน 3 เดือน ความร่วมมือกับโนเกียในครั้งนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าที่นิยมเข้าใช้งาน social networkผ่านโทรศัพท์มือถือให้เพิ่มขึ้นและนับเป็นความร่วมมือที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ให้ได้รับทั้งความสะดวกและความคุ้มค่าอย่างแท้จริง”

Nokia C3 ยังมาพร้อมบริการ Ovi Mail และ Ovi Chat ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานครั้งแรกสามารถสร้างแอคเคาน์อีเมล์และแชทได้โดยตรงจากมือถือโดยไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์พีซี นอกจากนี้ Nokia C3 ยังมีฟีเจอร์เด่นอื่นๆ อาทิการเชื่อมต่อ Wi-Fi กล้องถ่ายรูป 2 ล้านเมกะพิกเซล หน้าจอสีขนาด 2.4 นิ้ว และรองรับการ์ดหน่วยความจำสูงสุด 8GB

เพื่อตอบรับกระแสแจ้งเกิดในสังคมออนไลน์ โนเกียยังได้เปิดตัวแคมเปญ Socialista Society เพื่อเฟ้นหาสุดยอดชาวสังคมออนไลน์
ผู้ไม่ยอมพลาดการติดต่อสื่อสารและการอัพเดตสถานะ ทุกเรื่องทุกเวลา พร้อม Social Meter มาตรวัดดีกรีความเป็นสุดยอดชาวสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนเพื่อนในสังคมออนไลน์ add เพื่อนใหม่ใน facebook ทุกวันมี follower ใน twitter ยาวเป็นหางว่าว โดยมี Nokia C3 เป็นเพื่อนคู่ใจ..ไปไหนมาไหนไม่เคยขาด ร่วมลุ้นการเฟ้นหาสุดยอดชาวสังคมออนไลน์ และวัดความเป็นSocialista ของคุณได้ที่ www.nokia.co.th/socialista

Nokia C3 มีจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 4,730 บาท พร้อมหลากสีสันให้เลือก อาทิ ขาวทอง (golden white) เทา (slate grey) และชมพู (hot pink)

View :1909
Categories: Press/Release Tags: