Archive

Archive for November, 2010

TMA จับมือ3 พันธมิตรภาครัฐจัดงานใหญ่ระดับประเทศ “ Thailand ICT Excellence Awards 2010

November 24th, 2010 No comments

TMA – สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเลกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ () เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย ( Software Park Thailand ) และวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (CITU) เตรียมจัดงานใหญ่ระดับประเทศด้านไอที ในโครงการ “ Thailand ICT Excellence Awards 20 10 ” เพื่อยกย่องเชิดชูองค์กรและผู้บริหารที่สามารถนำระบบไอซีที และซอฟต์แวร์ไทย ไปใช้ในการพัฒนาและบริหารจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.มนู อรดีดลเชษฐ์ ประธานกรรมการนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ และกรรมการอำนวยการโครงการ Thailand ICT Excellence Awards 2010 เปิดเผยถึง การจัดโครงการ ว่า การจัดงานในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อ ให้การยกย่องและสนับสนุนองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรในประเทศ ไทย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้เป็นโครงการต่อเนื่องและให้เกิดการพัฒนาด้านการ บริหารจัดการโดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างเป็นระบบต่อไป รวมทั้งกระตุ้นและผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ของไทยที่ ดี ทันสมัยและได้มาตรฐานเข้ามาใช้ในองค์กรให้มากขึ้น

ด้านนายกำพล ศรธนะรัตน์ กรรมการโครงการ และประธาน กลุ่มบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร TMA กล่าวว่า ในปีนี้ทางคณะผู้จัดงานได้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การพิจารณารางวัลใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และให้สอดคล้องกับระบบการบริหารจัดการองค์กรในยุคปัจจุบัน

โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 6 ประเภทรางวัล คือ

· โครงการพัฒนากระบวนการหลักภายใน (Core Process Improvement Projects)

· โครงการขับเคลื่อนธุรกิจ (Business Enabler Projects)

· โครงการจัดการความรู้ (Knowledge Management Projects)

· โครงการนวัตกรรม (Innovation Projects)

· โครงการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ไทย (Thai Software Adoption Projects)

· โครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ICT for Sustainable Development Projects)

ซึ่งคณะดำเนินงานได้คิดค้นเครื่องมือในการตัดสินโครงการ หรือ เรียกว่า ICT Excellence Maturity Model ® มาใช้ในการตรวจประเมินและเฟ้นหาองค์กรที่มีความเป็นเลิศโดยสะท้อนศักยภาพของการพัฒนาโครงการใน 3 มิติ ได้แก่ ด้านกลยุทธ์ การดำเนินโครงการ และผลลัพธ์ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นเฉพาะโครงการ Thailand ICT Excellence Awards นี้เท่านั้น

และในปีนี้ ได้แบ่งกลุ่มขององค์กรที่เข้าร่วมแข่งขันออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

· ภาครัฐ (Government Sector)

· องค์กรไม่แสวงผลกำไร (Non-profit Sector)

· ภาคเอกชน (Private Sector)

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (Software Park Thailand) และกรรมการอำนวยการโครงการ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงานว่า การจัดโครงการในครั้งนี้ นอกจากจะเชิญหน่วยงานและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยเข้าร่วมการประกวด เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการทางด้าน ICT ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นภายในองค์กรแล้ว ผลที่ได้รับยังจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศต่อไป โดยการจัดงานในครั้งนี้ ยังจัดให้มีการสัมมนาวิชาการ ICT Management Forum เพื่อให้ข้อมูลที่ทันสมัยทางด้าน ICT กับผู้บริหาร จากกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ และการร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ และแนวทางการลงทุนทางด้าน ICT ที่มีประสิทธิภาพขององค์กรที่ได้รับรางวัล Thailand ICT Excellence Awards จากปีที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหาร และผู้เชี่ยวชาญทางด้าน ICT มาร่วมบรรยายเป็นจำนวนมาก เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น

รศ . ดร . ตรีทศ เหล่าศิริหงษ์ทอง รองคณบดี ฝ่ายวางแผน และวิจัย วิทยาลัยนวัตกรรมมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (CITU) และกรรมการอำนวยการโครงการ ได้กล่าวถึงบทบาทของ CITU ในครั้งนี้ว่า ทาง CITU ได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมจัดทำ และปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การตัดสินโครงการในครั้งนี้ เพื่อให้ได้หลักเกณฑ์การประเมินที่มีความละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น และ ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน มีความชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์ของแต่ละประเภทรางวัล

โดย เกณฑ์การพิจารณาตัดสินรางวัลจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน โดยพิจารณาจากเอกสารใบสมัครในรอบแรก จากนั้นจึงเข้าสัมภาษณ์และเยี่ยมชมสถานประกอบการและการพิจารณาเห็นชอบและ อนุมัติผลการตัดสินเป็นการดำเนินการในขั้นสุดท้าย โดยจะเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาคัดเลือกโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 และกำหนดการจัดงานประกาศผลในเดือนมีนาคม 2554

กิจกรรมการจัดงาน Thailand ICT Excellence Awards 2010 จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การจัดสัมมนาทางวิชาการ โดยใช้ชื่องานว่า “Thailand ICT Management Forum” จะเป็นการสัมมนาในระดับนักบริหาร ในมุมมองของคนไอทีที่มีต่อสถานการณ์ด้านไอทีในยุคปัจจุบันผ่านหัวข้อ และประเด็นต่างๆที่น่าสนใจ โดยในการอภิปรายจะเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร และจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ทั้งภาครัฐและเอกชน มาให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งมาจาก นัก ธุรกิจในสายงานหลากหลายอาชีพ อาทิ นักพัฒนาระบบ นักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้สนใจทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการ เพื่อนำเสนอความรู้ ความทันสมัย การพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยอีกด้วย

ส่วนที่สอง จะเป็นงานประกาศผลรางวัล “ Thailand ICT Excellence Awards 20 10 ” เพื่อยกย่องและเชิดชูองค์กรและผู้บริหารที่สามารถนำระบบไอ ซีที และซอฟต์แวร์ไทยไปใช้พัฒนาองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพในประเด็นต่างๆ โดยผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านไอซีทีของประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลแห่งความเป็นเลิศทางด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร และการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ไทยในการพัฒนาองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับรางวัล “Thailand ICT Excellence Awards 20 10 ” ในขณะนี้ ยังคงเปิดโอกาสให้องค์กรต่าง ๆ สามารถร่วมส่งผลงานทางด้าน ICT เข้าร่วมประกวด ในโครงการ “Thailand ICT Excellence Awards 20 10 ” ถึง วันที่ 17 ธันวาคม 2553 และกำหนดจัดงานประกาศผลรางวัลในเดือนมีนาคม 2554 สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณจริยา ติยพงศ์พัฒนา หรือ คุณหัสทยา ไผ่กอ โทรศัพท์ 02-319-7675-8 # 209 , 146 หรืออีเมล์ jariya@tma.or.th หรือ hattaya@tma.or.th

View :1375

ก.ไอซีที เดินหน้าโครงการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

November 24th, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้า “โครงการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ( e-Government) ” ว่า ในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์นั้น กระทรวงฯ ได้วางวิสัยทัศน์การดำเนินงานที่มุ่งเน้นในเรื่อง “ความหลากหลายของช่องทางสู่บริการอิเล็กทรอนิกส์” โดยกำหนดให้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาแนวทางการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ การพัฒนาระบบบริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการพัฒนาด้านบุคลากร และการพัฒนาด้านกฎหมายด้วย

“ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น กระทรวงไอซีทีได้ตั้งเป้าหมายสร้างเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานได้อย่างทั่วถึงและพัฒนาเครือข่ายที่ให้บริการ IP Services ระหว่างหน่วยงาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายภายในหน่วยงาน โดยผลการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ หรือ Government Information Network : GIN ในปี 2552-2553 สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมทุกหน่วยงานทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และส่วนภูมิภาค จำนวน 1,004 หน่วยงาน และยังพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายภายในหน่วยงานระดับกรม โดยการปิดช่องโหว่ของเครือข่ายที่ตรวจพบ พร้อมทั้งอบรมหลักสูตรผู้บริหารเครือข่ายเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 1,014 คน ส่วนในปี 2554 นี้ กระทรวงไอซีทีมีนโยบายที่จะขยายเครือข่ายเชื่อมโยงหน่วยงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 หน่วยงาน” นายจุติ กล่าว

สำหรับการพัฒนาแนวทางการเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ( Government Interoperability Framework) : TH e-GIF ขณะนี้อยู่ระหว่างการ กำหนดกรอบแนวทางเชื่อมโยงรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เวอร์ชั่น 1.1 และฉบับปรับปรุง เวอร์ชั่น 2 และได้จัดทำคู่มือแนวทางการประยุกต์ใช้มาตรฐาน TH e-GIF โดยมีมาตรฐานข้อมูล 6 ด้าน ได้แก่ มาตรฐานด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการรายงานผลการให้บริการผู้ป่วยนอก มาตรฐานด้านการวิจัยเกี่ยวกับข้อมูลผลงานวิจัยจากห้องสมุด ทั่วประเทศ มาตรฐานด้านการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลการติดตามการศึกษาของเด็กนักเรียน มาตรฐานด้านการเกษตรเกี่ยวกับข้อมูลเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ มาตรฐานด้านทะเบียนที่อยู่เกี่ยวกับข้อมูลรายการเลขที่บ้าน และมาตรฐานด้านคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูล รถรับจ้างสาธารณะและคนขับรถ

นอกจากนี้ในระหว่างปี 2551-2553 ได้มีการจัดอบรมเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ TH e-GIF จำนวน 1,085 คน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของบุคลากรภาครัฐเรื่องการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานโดยใช้แนวทาง TH e-GIF ส่วนแผนการดำเนินงานในขั้นต่อไป กระทรวงฯ จะสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐเกิดมาตรฐานข้อมูลที่พัฒนาตามแนวทาง TH e-GIF เพิ่มมากขึ้น โดยทำการให้คำปรึกษาการจัดทำมาตรฐานและวางแนวทางการพัฒนาระบบการเชื่อมโยง ข้อมูลในหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานของหน่วยงานภาครัฐตามแนวทาง TH e-GIF เพื่อเผยแพร่เนื้อหาและการใช้งาน TH e-GIF ให้หน่วยงานที่มีการพัฒนา รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ ตลอดจนวางแผนฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของบุคลากรภาครัฐเรื่องการ บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานโดยใช้แนวทาง TH e-GIF

“ในส่วนของการพัฒนาระบบบริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Service กระทรวงฯ ได้พัฒนาระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ หรือ e-Government Portal ขึ้น ภายใต้ชื่อเว็บไซต์ www.egov.go.th และ www.egovernment.go.th รวมทั้งยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ พัฒนาระบบ e-Services ให้กับหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 24 บริการ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐเพื่อการนำเข้า-ส่ง ออก และระบบโลจิสติกส์ ให้กับหน่วยงานภาครัฐอีกจำนวน 12 หน่วยงานด้วย

ซึ่งเป้าหมายต่อไปในปี 2555-2556 กระทรวงจะมีการพัฒนาระบบ e-Services ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เพิ่มขึ้นปีละ 5 บริการ และเพิ่มจำนวนบริการภาครัฐผ่านระบบ e-Services ที่สามารถให้บริการในลักษณะ Single Sign On ให้ได้ปีละ 5 ระบบบริการเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังจะเพิ่มช่องทางในการให้บริการระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาค รัฐ โดยผลักดันไปสู่ m-Government หรือ Mobile Government ที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่อื่นๆ ในการให้บริการ e-Services และส่งเสริมการใช้งาน e-Government Portal ให้มากยิ่งขึ้น” นายจุติ กล่าว

ขณะ ที่การพัฒนาด้านบุคลากรนั้น กระทรวงฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างปี 2550 – 2552 ได้ฝึกอบรมผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง ( CIO ) ไปแล้วจำนวน 900 คน และผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐระดับกลางอีกจำนวน 1,576 คน ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในการบริหารและการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนในปี 2554 กระทรวงฯ วางเป้าหมายที่จะจัดการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารและการพัฒนา รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 5,000 คน

การพัฒนาด้านกฎหมาย กระทรวงฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันกฎหมายธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และ กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันหลายฉบับ อาทิ ร่าง พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับ สนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยวิธีการแบบปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. … . ร่าง ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เรื่องแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. . . .. ร่าง ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำหรือแปลงเอกสารและข้อความให้อยู่ในรูปข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. และ ร่าง หลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงโทษปรับทางปกครองตามมาตรา 33 วรรค 5 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 เป็นต้น ซึ่งหากการพัฒนาตามแนวทางต่างๆ ที่กระทรวงฯ ได้กำหนดไว้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็จะทำให้การพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถสร้างการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ ให้แก่ประชาชนได้มากขึ้น

View :1413
Categories: Press/Release Tags:

โนเกียเผยยอดดาวน์โหลด Ovi Store พุ่งสูงถึง 3 ล้านครั้งต่อวัน

November 24th, 2010 No comments

มีนักพัฒนาใหม่มากกว่า 400,000 รายในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ผลงานนักพัฒนา 92 รายมียอดดาวน์โหลดสูงถึง 1 ล้านครั้ง และมีการดาวน์โหลดชุดอุปกรณ์พัฒนาซอฟท์แวร์ Qt กว่า 1.5 ล้านครั้ง

โนเกียประกาศ ยอดดาวน์โหลดบน พุ่งสูงถึง 3 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นหลักชัยสำคัญที่เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก การอัพเดท อย่าง สม่ำเสมอเพื่อให้ใช้งานง่ายรองรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนซิมเบี้ยนรายใหม่ๆของโน เกีย รวมทั้งมีเกมส์และแอพพลิเคชั่นยอดนิยมเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โนเกียยังได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากนักพัฒนาซอฟท์แวร์โดยมีนัก พัฒนารายใหม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกฟอรั่มโนเกียมากกว่า 400,000 รายในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยผลงานแอพพลิเคชั่นของนักพัฒนาซอฟท์แวร์ 92 ราย มียอดดาวน์โหลดมากถึง 1 ล้านครั้ง

ชุดอุปกรณ์พัฒนาซอฟท์แวร์ Qt ของโนเกีย ( SDK ) และ Qt SDK combined ได้รับการดาวน์โหลดมากถึง 1.5 ล้าน ครั้ง โดยนักพัฒนาต่างเห็นว่าสามารถช่วยเพิ่มความเร็วและปรับปรุงประสิทธิภาพในการ สร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นเพื่ออุปกรณ์สื่อสารหลากรุ่น รวมถึงสมาร์ทโฟนอย่าง N8, C7, C6-01 ที่กำลังวางจำหน่ายทั่วโลกและ E7 ที่เปิดตัวไปล่าสุด

ในการประกาศกลยุทธ์เมื่อเดือนก่อนโนเกียแนะนำการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบเดียวบน Qt เพื่อให้การสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์สื่อสารระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน และผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ระบบปฏิบัติการ Meego ทำได้ง่ายขึ้น สามารถชมวิดิโอที่นักพัฒนาบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับ Qt ได้ที่ Forum.Nokia.com

คอนเท้นท์สุดสร้างสรรค์และเป็นที่นิยมสำหรับสมาร์ทโฟนซิมเบี้ยนบน Ovi Store อาทิ

· Swype : เทคโนโลยีของ Swype ทำให้การเขียนข้อความง่ายและรวดเร็วขึ้นด้วยการเคลื่อนไหวนิ้วมืออย่างต่อเนื่องและการเลื่อนไหลของ stylus ไปบนคีย์บอร์ด

· NHL GameCenter™ Premium : ติดตามฮอกกี้ทีมโปรดได้จากวิทยุรายการสด เช็คคะแนนและข้อมูลสถิติ รวมทั้งชมไฮไลท์และสรุปการแข่งขัน

· WhatsApp Messenger : สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวผ่าน 3G หรือ WiFi สามารถเปลี่ยนจากการส่ง SMS ให้เป็น WhatsApp เพื่อรับและส่งข้อความ ข้อความเสียง ภาพถ่ายและวิดีโอ ได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หลังจากโนเกียได้วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนซิมเบี้ยนเวอร์ชั่นใหม่ทั่วโลก เริ่มจาก Nokia N8 เมื่อราวปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา แอพพลิเคชั่นฟรีที่ได้รับการดาวน์โหลดสูงสุดทั่วโลกคือ Q Torch แอพพลิเคชั่นที่ทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นไฟฉาย ที่พัฒนาโดย CellApp Technology จากประเทศอินเดีย ( และเป็นหนึ่งในสามแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในยุโรป อินเดีย และเอเชียแปซิฟิคตะวันออกเฉียงใต้) แอพพลิเคชั่นจำหน่ายที่ได้รับการดาวน์โหลดสูงสุดทั่วโลกคือ Angry Birds เกมส์ยอดฮิตโดย Rovio Mobile จากประเทศฟินแลนด์ ( และเป็นหนึ่งในสามแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในอเมริกาเหนือ เอเชียแปซิฟิคตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป) แอพพลิเคชั่นยอดนิยมดาวน์โหลดอันดับสามคือ Need for Speed Shift HD เกมส์รถแข่งสุดมันส์จาก EA Mobile สหรัฐอเมริกา (และเป็นหนึ่งในสามแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง และเอเชียแปซิฟิคตะวันออกเฉียงใต้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นยอดนิยมของภูมิภาคและเจ้าของผลงาน ที่ Forum.Nokia.com

สก็อต เอลลิสัน รองประธาน แพลทฟอร์มเชื่อมโยงผู้บริโภคและโทรศัพท์มือถือ IDC กล่าวว่า “การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Ovi Store ที่ มียอดดาวน์โหลดต่อปีในหลักพันล้านได้แสดงให้เห็นว่าโนเกียมีศักยภาพการแข่ง ขันอย่างสูงสุดในเรื่องของบริการ ด้วยความมุ่งมั่นของโนเกียกับแพลทฟอร์ม Qt และ ระบบนิเวศน์ของนักพัฒนาที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น เรามั่นใจว่าจะมีจำนวนนักพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อนักพัฒนามองเห็นกำไรจากส่วนแบ่งรายได้ใหม่ๆ การชำระเงินผ่านโอเปอเรเตอร์ และจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก”

แอนตัน กอฟฟิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BLStream ผู้สร้างเกม Crazy Hamster กล่าวว่า “เรามียอดดาวน์โหลดถึง 200,000 ครั้งบน Ovi Store ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดยที่ไม่มีโปรโมชั่นหรืองบการตลาดใดๆสนับสนุน ซึ่งมากกว่าบน App Store เราทึ่งมากกับสิ่งที่เห็นบน Ovi Store และยอดดาวน์โหลดก็กำลังจะแซงหน้า App Store ทั้งๆ ที่เราอยู่ใน App Store นานกว่าด้วยซ้ำ

เทโร โอจานเปร่า รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการของโนเกีย กล่าวว่า “ Ovi Store เป็นคลังอาวุธอันแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยแอพและเกมส์ใหม่ๆ จากพันธมิตรที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน และมีผู้บริโภคใหม่ลงทะเบียนใช้งาน Ovi มากกว่า 2 5 0,000 รายต่อวัน จำนวนการดาวน์โหลดต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านเป็น 3 ล้านตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เราคาดว่าเราจะก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กับการประกาศวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนซิมเบี้ยนรุ่นใหม่ๆ”

View :1511
Categories: Press/Release Tags: ,

กวาดล้างละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทั่วไทยสัปดาห์แรกไปได้สวย

November 24th, 2010 No comments

ตำรวจเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจ 10 แห่ง พบใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์รวมมูลค่า 11.9 ล้านบาท
องค์กรธุรกิจที่ถูกตรวจค้นมีสินทรัพย์รวม 117 ล้านบาท และยอดขายทั้งปีรวม 740 ล้านบาท

ความพยายามครั้งล่าสุดในการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยดำเนินไปได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีในการเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจที่ต้องสงสัยว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

ในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยระลอกแรกนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการและกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) เข้าตรวจค้นองค์ธุรกิจจำนวน 10 แห่ง และพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์รวมมูลค่า 11.9 ล้านบาท

“นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีแต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น การเข้าตรวจค้นจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ บก. ปอศ. กล่าว “เราประกาศไว้ว่าจะกวาดล้างการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทั่วประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และเราจะทำตามนั้น”
องค์กรธุรกิจแต่ละแห่งที่ถูกตรวจค้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นบริษัทเอกชนไทย สินทรัพย์รวมของบริษัทเหล่านี้มีมูลค่าเกือบ 717 ล้านบาท และยอดขายรวมในปีพ.ศ. 2552 ของบริษัทเหล่านี้สูงถึง 740 ล้านบาท
“บริษัทเหล่านี้ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพอที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ไทยได้” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว
ในการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบมีการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 409 โปรแกรม ทั้งโปรแกรมของออโต้เดสค์ (Autodesk) ไมโครซอฟต์ (Microsoft) และไทยซอฟท์แวร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (Thai Software Enterprise) ในพีซีจำนวน 69 เครื่อง
นอกจากการเข้าตรวจค้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจยังเร่งดำเนินกระบวนการสืบสวนและขอหมายค้นจากศาล โดยมีรายชื่อองค์กรธุรกิจในประเทศไทย ที่ต้องสงสัยว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ราว 2,000 รายชื่อ อยู่ในมือ
องค์กรธุรกิจบางแห่งใช้แต่ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น แต่บางแห่งก็เพียงแต่มีใบอนุญาตให้ใช้งานซอฟต์แวร์ หรือไลเซนส์ ไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจบก. ปอศ. คาดว่า การเข้าตรวจค้นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์จะดำเนินไปอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้ เมื่อดูจากการได้รับอนุมัติหมายค้น หลักฐานที่ได้จากการสืบสวน เบาะแส และข้อร้องเรียนจากเจ้าของสิทธิ์
“ความพยายามลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของเราในปีนี้ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เราเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจต้องสงสัยหลายแห่งทุกสัปดาห์” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว “เมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี เราต้องเร่งปฏิบัติงาน เนื่องจากเรามีหน้าที่โดยตรงในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยเพื่อประโยชน์ด้านการค้าระหว่างประเทศ และเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของไทย”
อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนพีซีในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 75 และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจต้องสงสัยทุกสัปดาห์ ผู้มีอำนาจของกรรมการขององค์กรธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องรับโทษตามกฎหมายทั้งโทษปรับและโทษจำ
ตลอดทั้งปีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรธุรกิจ มูลค่าทั้งสิ้นเกือบ 400 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำว่า การเข้าตรวจค้นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มุ่งเป้าไปที่องค์กรธุรกิจเท่านั้น การกล่าวอ้างว่ามีการเข้าตรวจค้นโรงเรียน สถาบัน และองค์กรสาธารณะต่างๆ นั้นไม่เป็นความจริง

ผู้ที่ประสงค์จะแจ้งเบาะแสการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรธุรกิจ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-714-1010 โดยมีสิทธิ์ได้รับรางวัลสูงถึง 250,000 บาท ข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stop.in.th

View :1564

อีเบย์เปิดโครงการอีเบย์สำหรับธุรกิจ สนับสนุนผู้ค้าไทยเจาะตลาดทั่วโลก

November 24th, 2010 No comments

นายเอกชัย รุกขจันทรกุล หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อีเบย์ ประเทศไทย เปิดตัวโครงการ “อีเบย์สำหรับธุรกิจ” ( for Business) มุ่งส่งเสริมผู้ค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการทำตลาดผ่านช่องทางอีเบย์เพื่อส่งออกสินค้าไปยังทั่วโลก โดยผู้ค้าชาวไทยที่ผ่านหลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมโครงการอีเบย์สำหรับธุรกิจและมีความสนใจในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรป จะได้รับบริการสนับสนุนในการทำตลาดจากทีมที่ปรึกษาทางธุรกิจและผู้ช่วยขายอีเบย์โดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ผู้ค้าไทยที่สนใจสามารถดูรายละเอียดในการเข้าร่วมโครงการอีเบย์สำหรับธุรกิจได้ที่ http://export..co.th/en/ebayforbusiness/index.html
นอกจากนี้ อีเบย์ยังเปิดอีเบย์ แฟชั่น (fashion.ebay.com) ตลาดแฟชั่นออนไลน์ชั้นนำของโลกด้วยสินค้าทั้งเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องแต่งกายที่มีให้เลือกนับล้านชิ้นจากทุกมุมโลก โดยออกแบบให้ง่ายต่อการใช้งาน เพื่อให้แฟชั่นนิสต้าทุกคนสามารถเลือกสรรสินค้าได้อย่างสะดวกและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งมากที่สุด อีเบย์ แฟชั่น เป็น ตลาดออนไลน์ที่มีสินค้าทุกสไตล์การแต่งตัวให้เลือกอย่างคุ้มราคาทั้งที่เป็นของใหม่ ของมือสองหรือของวินเทจ จากแบรนด์ดังหรือดีไซเนอร์ระดับโลกจากทุกมุมโลก ซึ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ดีไซเนอร์ ผู้ค้าปลีก และผู้ประกอบการไทยในการขยายสินค้าไปยังนักช้อปหลายล้านคนทั่วโลกผ่านช่องทางการตลาดอีเบย์

View :1543
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคจับมือเจมาร์ทลุยสมาร์ทโฟนซิมพร้อมอัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี

November 24th, 2010 No comments

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และ นาย อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท ร่วมกันแนะนำสมาร์ทโฟนซิมที่มาพร้อมกับแพ็คเกจ “ เจ มาร์ท ” สำหรับใช้งานกับสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ เพื่อจับกลุ่มลุยเจาะตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางและไฮเอนด์ทุกรุ่น สามารถใช้งานดาต้าได้ “ เร็วกว่า ดีกว่า ” บนเครือข่ายดีแทค โดยโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนที่เจ มาร์ท เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ สามารถผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน และได้รับเพิ่ม internet อีก 100MB นาน 3 เดือน เมื่อจดทะเบียนแพ็คเกจสมาร์ทโฟนซิม 399 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2554 เท่านั้น.

View :1350
Categories: Press/Release Tags: ,

อีซี่บายทุ่มงบ 50 ล้านบาท ปรับปรุงคุณภาพ IT Infrastructure

November 24th, 2010 No comments

เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร และรองรับการขยายตัวของระบบการทำงาน เพื่อก้าวสู่ความเป็น Green Data Center

บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) มอบความไว้วางใจให้ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีโดยใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท
นายชาติชัย เลิศบรรธนาวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) มอบความไว้วางใจให้ นายวีรพันธุ์ ดุรงค์แสง ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอที เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Open Server ให้สามารถรองรับการใช้งานที่จะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถช่วยลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการกับ Server ที่จะมีมากขึ้นในอนาคต ซึ่งอีซี่บายได้ใช้งบประมาณในการลงทุนครั้งนี้มากถึง 50 ล้านบาท
นายชาติชัยกล่าวว่า สำหรับโครงการนี้เราได้ทำการติดตั้ง IBM System X3850 x 8 พร้อมด้วย VMware – ESX Software เพื่อรองรับการสร้างเวอร์ชวลแมชชีน โดยการใช้เทคโนโลยี Virtualization นี้เองที่ช่วยทำให้อีซี่บายสามารถลดจำนวน Open Server ที่มีอยู่กว่า 60 เครื่อง มาทำการรวมศูนย์กลางในการบริหารจัดการ พร้อมทั้งยังสามารถรองรับการขยายการใช้งานได้มากถึงกว่า 100 เครื่องในอนาคต นอกจากนี้ยังได้นำระบบ Virtualize Backup Storage ที่ทันสมัยที่สุดของ IBM มาใช้ เพื่อบริหารจัดการกับข้อมูลที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน และรองรับการจัดการกับข้อมูลที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต ซึ่งทางอีซี่บายสามารถเพิ่มจำนวนหัวอ่านของเทปแบบจำลองได้มากสุดถึง 128 หัวอ่าน เพื่อลดเวลาในการBackup window’s time ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการ Backup ข้อมูลให้ลดลง ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพ ของ Recovery Time Objective (RTO) และ Recovery Point Objective (RPO) ให้ใกล้เคียงกับความต้องการของบริษัทฯ ได้มากที่สุดอีกด้วย
นอกจากนี้ อีซี่บายยังได้นำระบบ IBM Storage XIV ขนาด 27 Terabyte พร้อมทั้งใช้ระบบ Storage Capacity On demand ที่สามารถเพิ่มขนาดได้ถึง 79 Terabyte ตามความต้องการในการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและความมีเสถียรภาพ รวมถึงความคุ้มค่าการลงทุนสูงสุดในขณะนี้ มาใช้เป็น Centralize Storage สำหรับโครงการนี้อีกด้วย

“การใช้เทคโนโลยี Virtualization นี้จะช่วยให้อีซี่บายสามารถใช้งานระบบเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดการใช้พลังงาน สามารถช่วยลดค่าใช้จ่าย และรองรับการขยายงานในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมการก้าวสู่การเป็น Green Data Center อย่างแท้จริง” คุณชาติชัยกล่าวสรุป

View :1536

ซิป้า จับมือ เนคเทค เอทีเอสไอ อบรมหลักสูตร CompTIA ผลิตคนไอทีมาตรฐานสากล

November 24th, 2010 No comments

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเลิกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ, สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) และThe Computing Technology Industry Association () จัดโครงการฝึกอบรมอาจารย์ในหลักสูตรสร้างความพร้อมสู่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ภายใต้มาตรฐานสากล เพื่อส่งเสริมให้มีการนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่กับนักศึกษาให้มีความรู้ไอทีในระดับระดับมาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ โดยการอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 พฤศจิกายน 2553 ณ อาคารวิทยบริการ ชั้น 4 สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์นนทบุรี จ.นนทบุรี
ในปัจจุบันสถาบันการศึกษามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ปัจจัย สำคัญประการหนึ่งคือความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆเพื่อร่วมกันผลักดันในเกิด การนำหลักสูตรมาตรฐานสากลที่ได้รับการรับรองในระดับนานาชาติมาใช้ในภาคการ ศึกษา ซิป้า, เนคเทคและเอทีเอสไอจึงได้ร่วมกันสร้างโอกาสในอบรมหลักสูตรมาตรฐานอย่างแท้จริง ด้วยความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ และวิทยากรจาก The Computing Technology Industry Association (CompTIA) ทั้งนี้ได้มีการอบรมทั้งสิ้น 7 วัน จำนวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร CompTIA A + และหลักสูตร CompTIA A + Essentials หลังจากนั้นอาจารย์ที่เข้าร่วมอบรมจะได้รับโอกาสสอบแบบออนไลน์เพื่อให้ได้รับการรับรองจากหลักสูตร
หลักสูตรในการอบรมครั้งนี้เป็นสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของประเทศให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น หลักสูตรแรกคือ CompTIA A + เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับช่างเทคนิคสนับสนุนคอมพิวเตอร์ระหว่างประเทศรับรองผู้ขายที่เป็นกลาง ประกอบด้วยการพิสูจน์ความสามารถในด้านต่างๆเช่น การติดตั้ง บำรุงรักษาเชิงป้องกันระบบเครือข่ายการรักษาความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรองจะต้องมีการบริการลูกค้าที่ดีและทักษะทางการสื่อสารในการทำงานกับลูกค้าหรือผู้รับบริการ
หลักสูตรที่สองคือ CompTIA A + Essentials เป็นความรู้ความสามารถที่จำเป็นของบุคลากรระดับมืออาชีพด้านไอที ที่ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ในห้องปฏิบัติการจริง ไม่น้อยกว่า 500 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการทดสอบเพื่อความเข้าใจทางเทคนิคของคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีระบบเครือข่าย และการรักษาความปลอดภัยตลอดจนทักษะในการสื่อสารและความเป็นมืออาชีพที่จำเป็น
คณะอาจารย์ที่ผ่านการอบรมต้องเข้ารับการทดสอบ โดยเป็นการทำข้อสอบแบบออนไลน์ ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับใบรับรองมาตรฐานหลักสูตรทั้ง 2 ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในการนำไปสอนนักศึกษาของสถานบันของตนเองเองต่อไป

View :1432
Categories: Press/Release Tags: , , ,

รมว.ไอซีที ดึง 6 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมลงนามใช้โครงสร้างพื้นฐาน – โครงข่ายร่วมกัน

November 23rd, 2010 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยภายหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันเพื่อความร่วมมือในการสนับสนุน นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ว่า หลังจากรัฐบาลได้มีนโยบายที่จะสนับสนุนการพัฒนาบริการบรอดแบนด์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการพัฒนาบริการบรอดแบนด์ได้ อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสามารถกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางด้าน โทรคมนาคมของประเทศอย่างยั่งยืน

ดัง นั้น รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติขึ้นมา เพื่อให้เกิดความชัดเจนและใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนา บริการบรอดแบนด์ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหลากหลาย มีความก้าวหน้าทันสมัย สอดคล้องกับบริบทและสภาพพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งตอบสนองความต้องการการใช้บริการของทุกภาคส่วน โดยที่รัฐมีบทบาทเป็นผู้กำหนดนโยบายและสนับสนุนให้มีการใช้บริการ บรอดแบนด์อย่างทั่วถึงเท่าเทียมกัน รวมถึงส่งเสริมให้ภาคเอกชนและประชาชนได้ร่วมดำเนินการเพื่อก้าวไปสู่ความ สำเร็จ โดยมีองค์กรอิสระตามกฎหมายทำหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการให้มีการแข่ง ขันอย่างเสรีและเป็นธรรม

“การ ส่งเสริมให้มีการแข่งขันการให้บริการบรอดแบนด์บนพื้นฐานการแข่งขันเสรีและ เป็นธรรม โดยให้มีการเข้าถึงตลาดแบบเปิดและเปิดกว้างทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยนั้น ถือเป็นความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต่างตระหนักถึง ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงข่ายและการขยายการให้บริการอย่างมี ประสิทธิภาพ ทั่วถึง มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม ดังนั้น กระทรวงไอซีที จึงได้ร่วมกับ 6 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมซึ่งมีความสามารถและความแข็งแกร่งในการให้บริการโทร คมนาคมแต่ละประเภทจัดทำบันทึกความร่วมมือในการสนับสนุนซึ่งกันและกันดำเนิน กิจการเพื่อสนับสนุนนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติขึ้น” นายจุติ กล่าว

สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ ได้แก่ บมจ.กสท โทรคมนาคม บมจ.ทีโอที บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น บจ.ทรู มูฟ และ บจ.ดิจิตอล โฟน โดยทุกฝ่ายจะประสานความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของแต่ ละฝ่ายให้มีความแข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น ตลอดจนการแสวงหาแนวทางร่วมกันเพื่อช่วยผลักดัน ส่งเสริม และสนับสนุนนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้มีบริการบรอดแบนด์ หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เข้าถึงและครอบคลุมพื้นที่ห่างไกล รวมทั้งแพร่หลายไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยทุกฝ่ายตกลงจะสนับสนุนการใช้โครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคมร่วม กัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนากิจการโทรคมนาคมไทย

“การ ลงนามในครั้งนี้จะทำให้ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันเพื่อแสวงหาและกำหนดรูปแบบที่ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและโครง ข่ายโทรคมนาคมที่จะนำมาใช้ร่วมกัน รวมถึงจะกำหนดแนวทางและวิธีการในการบริหารจัดการ การกำหนดค่าใช้โครงข่าย และหรือส่วนแบ่งค่าใช้โครงข่าย เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ การลงนามเพื่อใช้งานร่วมกันในโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคมดังกล่าว จะเป็นเพียงกรอบความเข้าใจร่วมกันเท่านั้น ส่วนการดำเนินการในแต่ละกิจกรรม ทางบริษัทจะไปเจรจาร่วมกันเพื่อทำความตกลงระหว่างกันอีกครั้ง

ส่วนการดำเนินการตามบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ แต่ละบริษัทจะส่งผู้แทนเข้าร่วมปฏิบัติงานในคณะทำงานร่วมสนับสนุน นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ที่มีผู้แทนของกระทรวงไอซีทีเป็นประธาน และคณะทำงานชุดนี้จะมีหน้าที่ประสานการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานโทร คมนาคมและโครงข่ายโทรคมนาคมที่จะนำมาใช้ร่วมกัน รวมถึงร่วมกำหนดแนวทางและวิธีการในการบริหารจัดการเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการให้กับภาคเอกชน และส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากอัตราค่าบริการที่ถูกลงด้วย” นายจุติ กล่าว

View :1268

โนเกียชวนลูกค้าร่วมเป็นสมาชิกชุมชนโนเกียบนเครือข่ายสังคมออนไลน์

November 23rd, 2010 No comments

โนเกีย ชวนผู้ใช้งานโนเกียเข้าร่วมเป็นหนึ่งในครอบครัวโนเกียบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิต และ โดยสมาชิกจะได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ บริการและแอพพลิเคชั่นใหม่จาก Ovi แนะนำการใช้งาน โปรโมชั่น รวมทั้งกิจกรรมสนุกสนานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมชิงรางวัล เวิร์คช็อป และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นช่องทางแนะนำ ติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้งานโนเกียท่านอื่นๆได้แบบเรียลไทม์

ครอบครัวโนเกียรอต้อนรับลูกค้าทุกท่านที่ www.facebook.com/nokiathailand และ www.twitter.com/nokiathailand

View :1949
Categories: Press/Release Tags: , ,