Archive

Archive for November, 2010

ทรูมูฟ ร่วมบรรเทาทุกข์ลูกค้าผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้

November 4th, 2010 No comments

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง
จ.สงขลา จ.พังงา จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.สตูล จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส โดยมีมาตรการ ดังนี้
มอบวันใช้งานเพิ่มอีก 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ลูกค้าแบบเติมเงิน
งดเว้นการระงับสัญญาณ สำหรับลูกค้าแบบรายเดือนที่ไม่สามารถชำระค่าบริการได้ตามกำหนด ไปจนถึง 20 พฤศจิกายน 2553
โทรฟรี ! * หมายเลขฉุกเฉิน 1784 ศูนย์กลางผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ส่ง SMS* ขอความช่วยเหลือ ฟรี ! ได้ที่ 4567891 โดยทรูมูฟจะประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงไอซีที เพื่อดำเนินการต่อไป
* ในกรณีที่ลูกค้าแบบเติมเงิน เงินหมด ก็สามารถโทรฟรี และส่ง SMS ฟรี ไปที่หมายเลขข้างต้น ได้เช่นกัน

พร้อมเชิญชวนบริจาคเงินผ่าน SMS ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยพิมพ์ข้อความ “น้ำใจไทย ” หรือ “ namjaithai” ส่งไปที่หมายเลข 456789 9 บริจาคครั้งละ 10 บาท เมื่อทำรายการสำเร็จ ระบบจะส่งข้อความตอบรับ “ขอบคุณน้ำใจจากท่านที่ร่วมบริจาคช่วยผู้ประสบภัยค่ะ” สามารถส่ง SMS บริจาคได้ไม่จำกัด ทั้งนี้ ทรูมูฟจะมอบเงินบริจาคทั้งหมดผ่านครอบครัวข่าว 3 ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 53 โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ

View :1471
Categories: Press/Release Tags:

PTT ICT ร่วมรณรงค์ลดการใช้พลังงาน ประกาศนโยบาย ICT for GREEN พร้อม ผนึกกำลัง MFEC นำร่องเปิดบริการ ห้องประชุมทางไกลเสมือนจริง

November 4th, 2010 No comments

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย ตอกย้ำองค์กรต้นแบบสีเขียวในประเทศ

บริษัท จำกัด () บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่ดำเนินการด้านการจัดหาโซลูชั่นด้านไอซีทีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการทำงานให้กับบริษัทในกลุ่ม ประกาศนโยบาย เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาช่วยลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ร่วมมือกับ MFEC ติดตั้งโซลูชั่น ห้องประชุมทางไกลเสมือนจริง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมประชุมของบริษัทในกลุ่ม ปตท. ระหว่าง สำนักงานกรุงเทพ-มาบตาพุด ระยอง
ผลสืบเนื่องมาจากการนำทรัพยากรธรรมชาติมาพัฒนาเครื่องอำนวยความสะดวกสบายให้กับมนุษย์โดยขาดการจัดการที่ดีส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติทางธรรมชาติ รวมถึงประเทศไทย PTT ICT ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้น บริษัทฯ จึงได้ริเริ่ม นโยบาย ICT for GREEN ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เข้ามาช่วยลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรที่มีบทบาทในการดูแลจัดการด้านพลังงานของประเทศ โดยนโยบาย ICT for GREEN ของ PTT ICT จะมุ่งเน้นโดยนำไอซีทีเข้ามาบริหารจัดการใน 3 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดการใช้พลังงานและปล่อยความร้อนต่ำ การลดการปล่อยของเสียและมลพิษจากอุปกรณ์ ICT และ การจัดการกับของเสียด้าน ICT ทั้งนี้อุปกรณ์ ICT ที่ไม่สามารถใช้งานต่อไป จะต้องมีการทำลายอย่างถูกวิธีไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ PTT ICT ยังกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารและพนักงานทุกคนที่ต้องให้ความร่วมมือและตอบสนองกับนโยบายดังกล่าวด้วยการมีจิตสำนึกในการใช้ไอซีทีอย่างถูกต้อง
คุณมนตรี แสงหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าววา “การประกาศนโยบาย ICT for GREEN ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ PTT ICT ในการนำไอซีทีมาประยุกต์ใช้กับองค์กรยุคใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสะท้อน วิสัยทัศน์การเป็นองค์กรที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แสดงถึงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นของกลุ่ม ปตท. ในการรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อลดมลภาวะและรักษาสมดุลของการใช้

ทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ ทั้งนี้ ปตท. ยังเป็นต้นแบบในการ นำร่องให้องค์กรภาคธุรกิจอื่นๆ เห็นถึงความสำคัญของการนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

เพื่อให้การดำเนินนโยบาย ICT for GREEN เป็นรูปธรรมมากขึ้น PTT ICT ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) หนึ่งในผู้นำในการติดตั้งและวางระบบไอซีทีของประเทศ ทำการติดตั้งโซลูชั่น TelePresence ภายใต้ชื่อบริการ TelePresence Thailand ซึ่งเป็นการนำเสนอห้องประชุมทางไกลเสมือนจริง ที่ให้ประสบการณ์ร่วมกับผู้ประชุมที่อยู่คนละพื้นที่ เสมือนนั่งประชุมห้องเดียวกัน โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ประหยัดงบประมาณค่าเดินทาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและ ช่วยลดมลภาวะจากการใช้พลังงานในการเดินทางเข้าร่วมประชุมอีกด้วย
คุณศิริวัฒน์ วงส์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เฟค อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โซลูชั่น TelePresence ถือเป็นอีกนวัตกรรมด้านไอซีที ที่สามารถตอบรับกับการบริหารจัดการยุคใหม่ขององค์กรต่างๆ ที่ใส่ใจกับการลดภาวะโลกร้อน ในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานท่ามกลางการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น การประชุมอย่างทันท่วงทีผ่าน TelePresence จะ ช่วยให้เกิดการตัดสินใจอย่างรวดเร็วฉับไว และลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย TelePresence ได้รับการตอบรับอย่างดีจากองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก และสำหรับประเทศไทย เราได้ร่วมมือกับ PTT ICT นำเสนอบริการนี้เป็นครั้งแรกในประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกองค์กรที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์การประชุมเสมือนจริง และต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ในการเดินทางเข้าร่วมประชุม
ปัจจุบัน TelePresence มีให้บริการ 2 แห่งคือ ณ ห้อง TelePresence 1 (E-Spirit) ชั้น 4 บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์ จำกัด ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี บริเวณสำนักงานใหญ่ ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต และ ห้อง TelePresence 2 (R-Spirit) บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอนวิรอนเมลทอล เซอร์วิส จำกัด มาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยห้องประชุม TelePresence ทั้งสองแห่งจะรองรับการใช้งานจากพนักงานและผู้บริหารของ กลุ่ม ปตท. ทั้ง 45 บริษัท รวมถึงกลุ่มบริษัทที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมรอบๆ

ในอนาคต PTT ICT มีแผนการที่จะขยายบริการ TelePresence Thailand ไปยังองค์กรธุรกิจอื่นที่มีสาขาอยู่บริเวณเขตอุตสาหกรรมเดียวกับกลุ่ม ปตท. โดยเฉพาะเขตระยอง-กรุงเทพ ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประชุมตามสำนักงานต่างๆ เข้าไปใช้บริการได้ที่ห้อง TelePresence Thailand ทั้งสองแห่งของ PTT ICT ในอัตราค่าบริการที่พิเศษ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งานและรณรงค์เรื่องลดภาวะโลกร้อนในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ PTT ICTและ MFEC ยังเปิดเว็บไซต์ เพื่อเปิดให้
ผู้ใช้บริการ ได้เข้าสำรองการเข้าใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะส่งผลผู้ใช้บริการ TelePresence นั้นได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

View :1333

True App Center จับมือทรูมูฟสร้างความแตกต่าง เปิดตัว 13 แอพพลิเคชั่นใหม่แนว Play & Learn

November 4th, 2010 No comments

เสริมทักษะเด็กก่อนวัยเรียน เจาะกลุ่ม Family & Kids
ควงแขนนานมี บุ๊คส์ และอักษรา ฟอร์ คิดส์ สร้างแอพนิทานสำหรับเด็ก

True App Center ศูนย์กลางพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เดินหน้าสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นหลากหลาย ตอบโจทย์สไตล์ผู้บริโภคทุกรูปแบบ ล่าสุดจับมือทรูมูฟสร้างความแตกต่าง เน้นเอ็กซ์คลูซีฟให้ลูกค้าทรูมูฟที่ใช้ iPhone 4, iPhone 3GS และ iPhone 3G นำเสนอแอพพลิเคชั่นใหม่ เน้นความสำคัญของสถาบันครอบครัว ด้วย 13 แอพพลิเคชั่นใหม่ สำหรับกลุ่ม Family & Kids เปิดโลกการเรียนรู้ด้วยสื่อรูปแบบใหม่ เสริมทักษะ ปูพื้นฐานความรู้ให้ลูกน้อยทุกที่ทุกเวลา บน iPhone, iPad และระบบปฏิบัติการ Android พร้อมจับมือพันธมิตรชั้นนำวงการหนังสือสำหรับเด็ก นานมี บุ๊คส์ และ อักษรา ฟอร์ คิดส์ นำหนังสือนิทานยอดนิยม มีคุณค่า สร้างเป็นแอพพลิเคชั่นนิทานสำหรับเด็ก เพิ่มสีสัน และลูกเล่นแอนิเมชั่นใหม่ๆ พิเศษ ! สำหรับลูกค้าทรูมูฟโหลดฟรีก่อนใคร วันนี้ – 31 มกราคม 2554

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด กล่าวว่า “ ทรูมูฟ มุ่งมั่นสร้างมูลค่าเพิ่มที่เหนือกว่า ให้กับลูกค้าทรูมูฟอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสรรหาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ตรงไลฟ์สไตล์ลูกค้าทรูมูฟ เช่น Traffy, TrueMusic และ TrueSport เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการตรงใจลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย และในครั้งนี้ทรูมูฟ ร่วมกับ True App Center สร้างความแตกต่างให้ลูกค้าทรูมูฟ iPhone 4, iPhone 3GS และ iPhone 3G นำเสนอ 13 แอพพลิเคชั่นใหม่ เสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวระหว่าง พ่อ แม่ ลูก เพิ่มทักษะ การเรียนรู้ ด้วยสื่อเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน คุณพ่อ คุณแม่ สามารถสนุกสนาน เรียนรู้ เพลิดเพลินไปพร้อมกับลูกๆ ซึ่งทรูมูฟมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าดีๆ ให้กับลูกค้าผู้มีอุปการคุณของทรูมูฟทุกท่านเสมอมา พิเศษสุดสำหรับลูกค้าทรูมูฟ iPhone 4, iPhone 3GS และ iPhone 3G สามารถดาวน์โหลดฟรีก่อนใคร ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2554”

นายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “จากทิศทางการเติบโตของตลาดแอพลิเคชั่นทั่วโลก และในประเทศไทย แสดงถึงโอกาสที่ดีสำหรับนักพัฒนาไทย ในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ ก็คือกลุ่มครอบครัวและ ลูกน้อย โดย True App Center ได้พัฒนา 13 แอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด เน้นเสริมทักษะ ปูพื้นฐานพัฒนาความรู้ของเด็ก วัย 2 – 5 ปี และช่วยส่งเสริมคุณค่าความสัมพันธ์ในครอบครัว แอพพลิเคชั่นใหม่นี้ สามารถเล่นได้ทั้ง iPhone 4, iPhone 3GS, iPhone 3G และขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้ iPad และ Andriod อีกด้วย ”

แอพพลิเคชั่นในหมวด Family & Kids ที่ True App Center พัฒนาขึ้น ได้แก่
I Know My 123 แอพพลิเคชั่นช่วยฝึกทักษะการนับเลข
I Know My กขค และ I Know My ABC แอพพลิเคชั่นฝึกการจดจำ และออกเสียงตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
I Know My Shape แอพพลิเคชั่นฝึกทักษะด้านรูปทรงต่างๆ
Can You Guess Who? แอพพลิเคชั่นฝึกทักษะความจำ ในรูปแบบเกมส์สนุกๆ

นอกจากนี้ True App Center ยังร่วมมือกับพันธมิตรเจ้าของคอนเทนต์คุณภาพ สำหรับเด็ก อาทิ นานมี บุ๊คส์ และอักษรา ฟอร์ คิดส์ นำนิทานยอดนิยมที่ได้รับรางวัล และเป็นหนังสือขายดี มาสร้างสรรค์เป็นแอพพลิเคชั่นนิทานสำหรับเด็ก มีทั้งโหมดฝึกอ่านเอง หรือโหมดฟังเสียงจากแอพพลิเคชั่น มีให้เลือกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยภาพการ์ตูนแอนิเมชั่นเคลื่อนไหวได้ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและน่าสนใจให้กับเด็กๆ

นานมี บุ๊คส์ มอบนิทานยอดนิยมที่ได้รับรางวัล และเป็นหนังสือขายดี 12 เรื่อง อาทิ วัวดำวัวขาว แม่ไก่แม่เป็ด หนูจ๋าเสียงใคร และลูกปลาหายไปไหน เป็นต้น
อักษรา ฟอร์ คิดส์ มอบนิทานดัง 3 เรื่อง อาทิ นิทานชุดหนูนิดไม่อยากไปโรงเรียน , นิทานชุดหนูนิดไม่อยากกินผัก และนิทานชุดหนูนิดไม่อยากแปรงฟัน

“แอพพลิเคชั่น Family & Kids รวมทั้งแอพพลิเคชั่นนิทานสำหรับเด็ก ดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะสร้างความแตกต่าง และมูลค่าเพิ่มที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าทรูมูฟที่ใช้ iPhone4, iPhone 3GS และ iPhone 3G แล้วยังมีส่วนสำคัญในการเสริมพัฒนาการของเด็กก่อนวัยเรียน โดยคุณพ่อและคุณแม่สามารถใช้สื่อเทคโนโลยีทันสมัย ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ทุกที่ทุกเวลา และยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในสถาบันครอบครัวอีกด้วย มั่นใจว่าทั้ง 13 แอพพลิเคชั่นใหม่นี้จะตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวชาว ทรูมูฟได้เป็นอย่างดี ” นายสุภกิจ และนายพิชิต กล่าวสรุป

อนึ่ง ตลาดแอพพลิเคชั่นบนมือถือมีการเติบโตอย่างชัดเจน โดยในครึ่งปีแรกของปี 2553 มูลค่าการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นทั่วโลกมียอดสูงถึง 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าในปี 2553 จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโตขึ้น 70% จากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จำนวนแอพพลิเคชั่นก็เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยนักพัฒนามุ่งเน้นไปที่ 3 ระบบปฏิบัติการหลัก ได้แก่ iPhone, Android และ BlackBerry โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPhone ในปี 2552 มีเพียง 150,000 แอพพลิเคชั่น แต่ปัจจุบันมีมากถึง 300,000 แอพพลิเคชั่น ในขณะที่แอพพลิเคชั่นบน Andriod จากเดิมที่มีอยู่เพียง 20,000 – 30,000 แอพพลิเคชั่นในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 80,000 แอพพลิเคชั่นในปี 2553

สำหรับประเทศไทย เฉพาะยอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของทรู ตั้งแต่มกราคม – กันยายน 2553 สูงถึง 1 ล้านครั้ง คาดการณ์ว่ายอดรวมตลอดทั้งปีประมาณ 1 .5 – 2 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท

View :1340
Categories: Press/Release Tags: ,

ก.ไอซีที เร่งบูรณาการแก้สัญญาณโทรศัพท์น้ำท่วมใต้

November 4th, 2010 No comments

จากปัญหาช่องสัญญาณการใช้โทรศัพท์ในพื้นที่น้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์พื้นฐานได้ ขณะนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจัดการให้ใช้โทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์พื้นฐานได้ 100 % ส่วนโทรศัพท์มือถืออาจติดขัด ยกเว้นวิทยุสื่อสาร

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บูรณาการ ความ ร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เพื่อเร่งแก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศตามคำสั่งของ นายกรัฐมนตรี และเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยในเบื้องต้นได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริหารข้อมูลช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือ War Room ขึ้น เพื่อรับแจ้งเหตุภัยพิบัติและเรื่องราวความเดือดร้อนของประชาชน แล้วส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยประสานงานกับหน่วยงานในจังหวัด หรือพื้นที่ประสบภัยผ่านเครือข่ายสื่อสารกลาง ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้มีการจัดวางระบบเครือข่ายสื่อสารกลางระหว่างพื้นที่ประสบภัยกับส่วนกลาง เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและเหตุภัยพิบัติ

จึง ขอแจ้งช่องทางสื่อสารประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมและต้องการแจ้งเหตุ หรือมีเรื่องราวเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเปิดช่องทางรับแจ้งเหตุไว้หลายช่อง ได้แก่โทร 192 หรือโทร 1111 เพื่อประชาชน และหมายเลข 0-2141-6588 รวมทั้งยังสามารถส่งข้อความ หรือ SMS ฟรีแจ้งเหตุผ่านหมายเลข 4567891

นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด ทั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานสถิติ แห่ง ชาติ บมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทีโอที บูรณาการความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยกระทรวงฯ จะตั้งหน่วยเฉพาะกิจ สำหรับการรับมือภัยพิบัติทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย ภัยหนาว ภัยแล้ง และนำเทคโนโลยีการเตือนภัยในรูปแบบต่างๆ มาใช้ เช่น การใช้เทคโนโลยีด้านแผนที่ของกูเกิ้ล การใช้เทคโนโลยีจากดาวเทียม SMMS และการสนับสนุนข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

“ใน การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ จะร่วมกันดำเนินการในด้านต่างๆ โดยสำนักงานสถิติฯ จะร่วมมือกับศูนย์เตือนภัยฯ วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับภัยพิบัติ ด้วยการให้สถิติจังหวัดบูรณาการข้อมูลกับจังหวัดต่างๆ แล้วส่งให้ส่วนกลางดำเนินการวิเคราะห์เพื่อวางแผนรับมือ ในส่วนของกรมอุตุนิยมวิทยาจะร่วมมือกับสำนักงานสถิติฯ ในพื้นที่ และเครือข่าย เพื่อนเตือนภัยของศูนย์เตือนภัยฯ รวมทั้งทีมของจังหวัดต่างๆ เพื่อเข้าไปในพื้นที่และแจ้งข้อมูลข่าวสารการเตือนภัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ขณะที่บมจ.กสทฯ และบมจ.ทีโอทีให้ดูแลเครือข่ายสื่อสาร คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ในจุดที่ไม่สามารถทำงานได้ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

สำหรับ ศูนย์เตือนภัย ฯ ให้เตรียมรับมือในพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะเกิดภัยพิบัติ เช่น ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงมรสุม โดยให้ลงไปสร้างช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทดสอบการใช้งานของหอกระจายข่าวให้พร้อมใช้งาน และให้ประสานข้อมูลในพื้นที่จากสำนักงานสถิติฯ เพื่อนำมาใช้ประเมินสถานการณ์ภัยพิบัติ และนำไปวางแผนแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนได้ทันต่อเหตุการณ์” นายจุติ กล่าว

View :1516
Categories: Press/Release Tags:

ฟูจิตสึจัดทัพโน้ตบุ๊ก หั่นราคาส่งท้ายปีในงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010

November 4th, 2010 No comments

นายโทโมกิ ทาคาฮาชิ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท พีซี เอเชีย แปซิฟิค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจัดโปรโมชั่นเด็ดส่งโน้ตบุ๊กฟูจิตสึราคาพิเศษ เริ่มที่ราคาหมื่นต้นๆ พร้อมของแถมมากมายในงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤศจิกายน ศกนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายโทโมกิ ทาคาฮาชิ กล่าวว่า สำหรับในงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2010 ส่งท้ายปีนี้ ฟูจิตสึได้นำ 2 รุ่นพิเศษมาจัดโปรโมชั่นคือ LIFEBOOK LH530 โน้ตบุ๊กที่ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่ม Gen Y ซึ่งโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์และประสิทธิภาพที่มากกว่า สามารถตอบสนองทุกการใช้งานได้เป็นอย่างดี LIFEBOOK LH530 ใช้ Intel® Core™ i5-460M การ์ดจอแยก ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว พร้อมแรม 2GB และฮาร์ดดิสก์ขนาด 320GB โดยเครื่องสีดำ ราคา 19,900 (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่วนเครื่องสีแดง (Limited Edition) ราคา 20,900 (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และนอกจากนี้ยังมี LIFEBOOK LH520 ซึ่งมาพร้อมระบบปฏิบัติการอย่าง AMD Athlon™ II Dual-Core P320 การ์ดจอแยก ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว พร้อมแรม 2GB และฮาร์ดดิสก์ขนาด 320GB เครื่องสีดำ ราคา 15,900 (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และเครื่องสีแดง (Limited Edition) ราคา 16,900 (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้ง LIFEBOOK LH530 และ LIFEBOOK LH520 แถมฟรี Fujitsu Carry Bag และรับประกัน 2 ปี

สำหรับผู้บริหารที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กระดับพรีเมี่ยม ทางฟูจิตสึได้เตรียมโน้ตบุ๊ก Made In Japan ไว้ให้เลือกหลากหลายรุ่น อาทิเช่น LIFEBOOK SH760, LIFEBOOK SH560, LIFEBOOK P770, LIFEBOOK TH700 และ LIFEBOOK T730 โดยรุ่นดังกล่าวรับประกันถึง 3 ปี แถมฟรี Fujitsu Carry Bag และโปรแกรม MS Office 2010 Home & Business (PKC) มูลค่า 6,900 บาท พบกับโน้ตบุ๊กฟูจิตสึได้ที่บูธหมายเลข P17 ห้อง Plenary Hall และ บูธหมายเลข A2 โซน Hall C ชั้น 2

หมายเหตุ: บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลและสเปคเครื่องโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และการตัดสินใจของบริษัทฯถือเป็นที่สิ้นสุด

ฟูจิตสึยึดมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูงให้แก่ผู้บริโภคด้วยการปฏิบัติตามกฎของ European Union’s Restriction of Hazardous Substances directive (RoHS) ที่ฟูจิตสึนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของบริษัท นอกจากนี้ฟูจิตสึยังได้ตั้งข้อปฏิบัติที่เกินกว่ามาตรฐานที่ RoHs กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ของลูกค้าของฟูจิตสึอย่างแท้จริง และเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ฟูจิตสึได้ปฏิบัติตามแนวคิดเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวอย่างเคร่งครัด โดยการผลิตเครื่องที่ประหยัดพลังงาน ฟูจิตสึยังได้เข้าร่วมขบวนการต่อสู้เพื่อรักษ์โลกโดยการเป็นสมาชิกของ Climate Servers อีกด้วย

เพื่อเป็นการฉลองฟูจิตสึครบรอบ 75 ปี ในปีนี้ กับสโลแกนใหม่ “Shaping tomorrow with you” คือสัญญาที่ฟูจิตสึให้ไว้กับลูกค้าคนสำคัญ โดยมุ่งเน้นในการสร้างอนาคตเพื่อเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ฟูจิตสึเป็นผู้นำการให้บริการ ICT-based โซลูชั่นทางธุรกิจในระดับโลก โดยการเป็น “One Fujitsu” ซึ่งเป็นการรวมผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ของฟูจิตสึ คือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ซึ่งก็คือ โน้ตบุ๊ค LIFEBOOK และ ESPRIMO คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่ประหยัดพลังงาน ดังปณิธานของฟูจิตสึที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องในระดับสูงสุด

View :1563

ประกาศผลรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2553 แก่ 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน

November 4th, 2010 No comments

นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล (แถวนั่งที่ 6 จากซ้าย) รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบุญชัย เบญจรงคกุล (แถวนั่งที่ 5 จากซ้าย) ประธานกรรมการมูลนิธิ และ นายทอเร่ จอห์นเซ่น (แถวนั่งที่ 6 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ร่วมเป็นประธานมอบรางวัลเกษตรอินทรีย์ดีเด่นให้แก่เกษตรกรผู้ชนะรางวัลจากประเทศไทย และเกษตรกรจากชาติสมาชิกอาเซียน ในพิธีมอบรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของโครงการทำดีทุกวันจากดีแทค ร่วมกับมูลนิธิ สถานีวิทยุ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อร่วมพัฒนางาน CR (Corporate Responsibility) สู่ภูมิภาคอาเซียน พิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ โรงมหรสพศาลาเฉลิมกรุง

View :1512

ไปรษณีย์ไทย เปิดจุดรับบริจาคสิ่งของ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ

November 4th, 2010 No comments

ไปรษณีย์เปิดจุดรับบริจาคเงิน – สิ่งของ ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เสื้อผ้า ผ้าห่ม ทุกที่ทำการไปรษณีย์ พร้อมจัดหารถขนส่งขนาดใหญ่ช่วยลำเลียงสิ่งของช่วยพี่น้องผู้ประสบภัยทั่วประเทศ

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ได้นำศักยภาพของการเข้าถึงทุกชุมชน และมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในขณะนี้ โดยได้เปิดจุดรับบริจาคธารน้ำใจของคนไทยที่ต้องการ ส่งต่อให้แก่เพื่อนร่วมชาติที่กำลังได้รับความเดือดร้อนด้วยการเปิดจุดรับบริจาคเงิน และ สิ่งของ
ทั้ง ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เสื้อผ้า ผ้าห่ม เวชภัณฑ์ ฯลฯ นอกจากนี้ในฐานะที่ไปรษณีย์ไทย เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่ง ก็จะจัดรถขนส่งไปรษณีย์ และลำเลียงต่อไปยังพื้นที่ที่ประสบภัย ทั่วประเทศ

“ในยามที่ประเทศชาติกำลังประสบอุทกภัยในขั้นวิกฤติ ไปรษณีย์ไทย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย นอกจากเปิดจุดรับบริจาคเงินมาในระยะหนึ่งแล้ว ทางไปรษณีย์ ได้รับมอบนโยบายจากนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้ขยายการรับบริจาคสิ่งของด้วย ซึ่งเราจะนำส่งต่อไปถึงมือผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วนต่อไป”

สำหรับองค์กรหรือหน่วยงานใด ต้องการให้ไปรษณีย์ไทย เข้าไปช่วยลำเลียงสิ่งของรับบริจาค เพื่อนำส่งถึงที่หมาย สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายจัดระบบบริการโทร. 02 831 3230 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารการตลาด โทร. 02 831 3508 หรือ Call Center 1545

View :1470

ก.ไอซีที ส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Social Media

November 4th, 2010 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสรุปผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ว่า หลังจากที่กระทรวงฯ ได้จัดทำโครงการส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร เกี่ยวกับการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้บริการรัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยได้ดำเนินกิจกรรมสร้างการรับรู้ และส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ กิจกรรมการออกแบบตราสัญลักษณ์ ( Logo) รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย และการ์ตูนสัญลักษณ์ ( Mascot) ของบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย กิจกรรมออกแบบและจัดทำหน้า เว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ( e-Government Portal) กิจกรรมออกแบบและจัดทำต้นแบบจดหมายข่าวอิเล็กทรอนิกส์ ( e-Newsletter) รวมถึงกิจกรรมการสื่อสารข้อมูลการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ( ) ด้วย

“กระทรวงฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยี Web 2.0 และการเกิดขึ้นของสื่อสังคมออนไลน์ ( Social Media) ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ที่ทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน จึงได้มีการนำสื่อสังคมออนไลน์ มาใช้เป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสารข้อมูลการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Government โดยการเปิดให้บริการ Thailand e-Government Fan Page ผ่านเว็บไซต์ Facebook.com เพื่อ เป็นช่องทางใหม่สำหรับประชาชนในการติดตามข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ การบริการออนไลน์ของภาครัฐ และสาระความรู้ที่น่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นช่องทางสำหรับประชาชนในการเสนอความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้บริการออนไลน์ของภาครัฐ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในวงกว้าง ซึ่งช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ ตั้งชื่อและโหวตชื่อการ์ตูนสัญลักษณ์ ( Mascot) ของบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน Thailand e-Government Fan Page เพื่อลุ้นรับรางวัลเป็นโน้ตบุ๊ค Sony VAIO รุ่น W Series ซึ่งชื่อการ์ตูนที่มีผู้ส่งเข้าประกวดนั้น กระทรวงฯ ได้มีการคัดเลือกให้เหลือเพียง 5 ชื่อ แล้วเปิดให้ประชาชนเข้ามาโหวตในช่วงเดือนกันยายน 2553 เพื่อให้ได้ชื่อที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดมาใช้เป็นชื่อของการ์ตูน สัญลักษณ์ โดยชื่อ “ คุณยินดี ” เป็นชื่อที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากประชาชน และกระทรวงฯ จะได้นำชื่อ “คุณยินดี” มาใช้เป็นตัวแทนแนะนำบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารการให้บริการออนไลน์ของภาครัฐไป สู่ประชาชน” นางจีราวรณ กล่าว

สำหรับ รายชื่อผู้โชคดีที่เข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงฯ และได้รับรางวัล คอมพิวเตอร์ Sony VAIO รุ่น W Series มี 3 รางวัล ได้แก่ 1. รางวัลผู้ส่งชื่อการ์ตูนสัญลักษณ์ฯ ที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด คือ นายพัทธวัชร์ กิตติโรจนสิทธิ์ 2. รางวัลผู้ร่วมโหวตและแชร์ชื่อการ์ตูนสัญลักษณ์ฯ คือ นางสาวเพียงศุภรักษ์ กันธปัญญา และ 3. รางวัลผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการสมัครรับจดหมายข่าว e-Government Newsletter คือ นายนพดล วุฒิวระวงศ์

“กระทรวงฯ หวังว่ากิจกรรมส่งเสริมการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จัดทำ นี้ จะทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร และเข้ามาใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิก Thailand e-Government Fan Page บน Facebook.com เพียงคลิก “Like” หรือ “ ถูกใจ ” ที่ http://www.facebook.com/egovthai ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 3,182 คนแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ e-Government ผ่าน Twitter ได้ที่ http://twitter.com/eGovThailand ” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1576
Categories: Press/Release Tags: ,

ฮอนด้าฉลองอาซิโมครบรอบ 10 ปี

November 1st, 2010 No comments

อัพเดทเว็บไซต์ วิดีโอ พร้อมเปิดตัวแอพลิเคชั่นบนไอโฟนให้แฟนๆ ได้ดาวน์โหลดฟรี

นับเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษแล้วที่ฮอนด้าได้สร้างสรรค์หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่ล้ำยุคและเป็นจุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการการอันล้ำสมัยของเทคโนโลยีหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสที่หุ่นยนต์อาซิโมของฮอนด้ามีอายุครบ 10 ปีในวันที่ 31 ตุลาคม 2553 มอเตอร์ จึงได้อัพเดทเว็บไซต์ http://world.honda.com/ASIMO/ ซึ่งมีทั้งรูปภาพใหม่ๆ วิดีโอ และเรื่องราวนวัตกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “Run with ASIMO” ให้แฟนๆ ได้ดาวน์โหลดฟรีเร็วๆ นี้

“Run with ASIMO” หรือ “วิ่งไปกับอาซิโม” เป็นแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน และแอนดรอยด์ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกคาแรกเตอร์หุ่นยนต์อาซิโมและหุ่นยนต์ฮอนด้าตัวอื่นๆ เพื่อพูดคุย และสนุกด้วยกันได้บนมือถือ

ฮอนด้าได้เริ่มโครงการวิจัยหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์มาตั้งแต่ปี 2529 หลังจากนั้น 14 ปี อาซิโมก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ในวันที่ 31 ตุลาคม 2543 โดยได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในปี 2545 อาซิโมเปรียบเสมือนทูตทางเทคโนโลยีของฮอนด้าที่ได้เดินทางไปแสดงความสามารถเพื่อสร้างแรงบันดาลใจใน
การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมหุ่นยนต์ให้กับผู้คนมากมาย อีกทั้งยังมีโอกาสเข้าพบผู้นำประเทศของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

อาซิโมถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ และนวัตกรรมแห่งการเคลื่อนที่ของฮอนด้าซึ่งได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยฮอนด้ามีเป้าหมายที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความสามารถช่วยเหลืองานในชีวิตประจำวันของมนุษย์ รวมทั้งงานบางประเภทที่ช่วยให้ชีวิตมนุษย์ง่าย และมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ที่ได้จากการพัฒนาหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการใช้งานภายในบ้านเท่านั้น แต่หุ่นยนต์ยังมีประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ ที่มนุษย์ต้องการความช่วยเหลืออีกด้วย

ปัจจุบัน ฮอนด้าได้มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสมองกล (intelligence) รวมทั้งศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
การโต้ตอบและการสื่อสารระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ โดยเป้าหมายสูงสุดของโครงการอาซิโม คือ
การสร้างสรรค์หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่ใช้งานได้จริง อีกทั้งยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบสมองกลที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของฮอนด้า นอกจากนี้ ฮอนด้ายังร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการด้านการศึกษาในประเทศต่างๆ เพื่อจุดประกาย
การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิศกรรมให้กับเยาวชนทั่วโลก

View :1629

ก.ไอซีที เดินหน้าสร้างศักยภาพผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เตรียมพร้อมสู่สากล

November 1st, 2010 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึง การสัมมนาและอบรมเชิงปฏิบัติการผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนภายใต้โครงการการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน อย่างยั่งยืน ว่า กระทรวงฯ ได้จัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ ให้เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่ดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์การเรียน รู้ ICT ชุมชน โดยจัดในรูปแบบที่หลากหลาย ตามความเหมาะสมของแต่ละชุมชน เช่น การประชุมร่วมกัน การสัมมนาและการฝึกอบรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อเน้นการสร้าง “ ผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ” ให้มีความรู้ มีทักษะที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนของตนเอง ภายใต้โครงการการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนอย่างยั่งยืน

“ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้จัดการสัมมนาและอบรมเชิงปฏิบัติการผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนมาแล้วจำนวน 6 ครั้ง ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยได้ฝึกอบรมผู้ดูแลศูนย์ฯ ไปแล้วทั้งสิ้น 1 , 750 คน ซึ่งผู้ดูแลศูนย์ฯ ที่ผ่านการอบรมนี้จะมีบทบาทเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้สังคมผ่านการเรียนรู้จาก ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน โดยจะอบรมให้ผู้ดูแลศูนย์ฯ มีความรู้ ความสามารถ ทั้งในเรื่องความรู้เบื้องต้นด้าน ICT การ บริหารจัดการศูนย์ บทบาทผู้ดูแลศูนย์ แนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ ระเบียบปฏิบัติ และบทบาทแกนนำเครือข่าย รวมถึงการบริหารจัดการศูนย์ให้มีความยั่งยืน การค้าขายออนไลน์ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การดำเนินการจัดตั้งธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ในลักษณะเป็นผู้ประกอบการสังคม หรือ Social Enterprise ซึ่งหมายถึง การทำธุรกิจประเภทหนึ่งที่สร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง พร้อมกับการพัฒนาสังคมในชุมชนของตนในเวลาเดียวกัน” นางจีราวรรณ กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้มีการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนให้ก้าวสู่ระดับสากล ด้วยการจัดทำโครงการ Thai Telecentre Academy เพื่อเป็นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่เท่าเทียม ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยให้ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เป็นเสมือนห้องเรียนตามอัธยาศัย ซึ่งโครงการฯ นี้เป็นความร่วมมือระดับสากล ที่กระทรวงฯ ได้ดำเนินการร่วมกับ Global Telecentre โดยขั้นแรกจะเริ่มจากการพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับชุมชน

“ขณะนี้เรากำลังจะเข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนจากทั่วโลก หรือ Global Telecentre อย่าง เป็นทางการ โดยอยู่ในระหว่างขั้นตอนดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เกิดการพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง รวมทั้งทำให้สามารถขยายขอบข่ายงานได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพราะมีเครือข่ายการทำงานหรือพันธมิตรที่เป็นองค์กรสากล มาช่วยขับเคลื่อนการทำงานของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ทำให้ได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการ และมีบทเรียนใหม่ๆ เพิ่มเติมที่สามารถนำไปต่อยอดศึกษาต่อกับต่างประเทศได้โดยการเชื่อมโยงหลัก สูตรกับเครือข่าย Global Telecentre Academy และปัจจุบันเครือข่ายศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ของไทยก็ได้รับความสนใจในการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากต่างประเทศ ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่สังคมโลก และต้อนรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมไทยก้าวสู่ความก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศอื่น” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1610