Archive

Archive for December, 2010

ทีโอที ส่ง “แก๊งเน็ตซิ่ง”ชวนติดเน็ตความเร็วสูง

December 17th, 2010 No comments

6 MB 590 บาท พร้อมลุ้นรับ ‘เน็ตบุ๊ค’ 60 วัน 60 เครื่อง

นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหารนำทีม “แก๊งเน็ตซิ่ง” โดยมี ‘จอร์ช คลิกกระจาย’ จัดกิจกรรมเพื่อแนะนำโปรโมชั่นพิเศษเพียงติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงกับ ทีโอที หรือ สมัคร ทีโอที ไฮสปีด อินเตอร์เน็ต แรง คุ้ม โดนใจ 6 MB แค่ 590 บาท พร้อม ลุ้นรับ ซัมซุง เน็ตบุ๊ค NB 30 60 วัน 60 เครื่อง รวมมูลค่า 660,000 บาท และรับสิทธิทดลองใช้บริการ ทีโอที Wi-Fi 40 ชั่วโมง และรับส่วนลด 600 บาท ในการสั่งพิซซ่ากับ เดอะพิซซ่า คอมปานี สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.1100 Contact Center

View :1579
Categories: Press/Release Tags: ,

เอไอเอส เปิดเกมรุกตลาด Application ลง App Store ให้สาวกเอไอเอส ไอโฟน โหลดฟรีแล้ววันนี้ !

December 17th, 2010 No comments

ชูจุดเด่นด้วย Local Application อย่าง E-Service ที่ช่วยบริหารการใช้งานได้ด้วยตัวเอง , Layar เครื่องมือค้นหาสิทธิพิเศษ และ Local Content จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งขาช้อป คอหุ้น ดูหนังฟังเพลง อัพเดทข่าวสาร

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส เปิดเผยว่า “ หัวใจหลักอีกด้านของการที่จะใช้สมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ Application ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยเพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้ฟังก์ชั่นพื้นฐาน ดังนั้น ด้วยอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสมาร์ทโฟน ทำให้ความนิยม ดา วน์โหลด Application มาใช้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ”

ในฐานะ Operator เอไอเอสจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนา Local Application ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าเอไอเอส เพื่อให้การใช้งานสมาร์ทโฟนจากเอไอเอสเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการบริหารจัดการการใช้งาน รวมถึงเป็นตัวช่วยในการใช้ชีวิตให้มีสีสัน สนุกสนาน ตอบโจทย์ Lifestyle ครบทุกด้าน

โดยเบื้องต้น Application ที่เริ่มเปิดให้ชาว iPhone ดา วน์โหลดผ่าน ได้แล้ว คือ

1. E- Service : ที่นำเอาบริการออนไลน์รูปแบบใหม่ มาไว้บน AIS iPhone ให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรม และบริหารจัดการ และช่วยให้ควบคุมการใช้งานมือถือได้ด้วยตัวเอง ทั้งเช็คยอดค่าโทร , รายละเอียดการโทร , ยอดใช้งานบริการเสริม , เปลี่ยนโปรโมชั่น , ฯลฯ

2. Layar : ให้สามารถค้นหาสิทธิพิเศษจากร้านค้าแบรนด์ดังที่ร่วมโครงการของเอไอเอส พลัส ทั่วประเทศ เพียงส่อง iPhone ไปรอบตัว

3. Local Content Application ที่ผนึกกำลังพันธมิตรซึ่งเชี่ยวชาญในวงการต่างๆ อาทิ บันเทิง เพลง ข่าว หุ้น มาร่วมพัฒนา App สุดเอ็กคลูซีฟสำหรับลูกค้าเอไอเอส โดยขณะนี้ ได้เปิดให้ ดา วน์โหลดผ่านทาง App Store ได้แล้ว อาทิ

- Blue Mobile : ดูหุ้นแบบเรียลไทม์ จากตลาดหุ้นไทยและเทศมากกว่า 160 แห่งทั่วโลก พร้อมเช็คอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ราคาน้ำมัน และอื่นๆ

- BKK Gossip : อ่านนิตยสารบันเทิงชั้นนำ

- MAJOR : ดูตัวอย่างหนัง , โปรแกรมเข้าฉาย และจองตั๋วผ่านแอพฯ ได้ทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษที่จัดให้ลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น

– Manager : เกาะติดข่าวในเครือ ASTV ผู้จัดการ

- GMM : คลังเพลงสุดฮิต และสังคมออนไลน์ของคอเพลง พร้อมอัพเดทกิจกรรมสุดมันจาก GMM Grammy

- YellowPages : ค้นหาข้อมูลสินค้าบริการและเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ได้ทันที

- QR Coder โปรแกรมอ่านและสร้าง QR code ได้ด้วยตนเอง พร้อมส่งอีเมล์ไปให้เพื่อนได้เลย

ลูกค้าเอไอเอส สามารถค้นหา AIS iPhone App ผ่านทาง App Store และ ดา วน์โหลดได้ฟรีได้แล้วตั้งแต่วันนี้ สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th

View :1758
Categories: Press/Release Tags: ,

‘ซานตา คลอส’ เปิดตัวผู้ช่วยยุคดิจิตอล – Nokia N8 และ Ovi Map

December 17th, 2010 No comments

ช่วยนำทางและสร้างความบันเทิง พร้อมให้แฟนคลับติดตามทริปคริสต์มาสรอบโลกเป็นครั้งแรก

ซานตา คลอส ยุคดิจิตอล เปิดตัวผู้ช่วยใหม่ ‘’ สุดยอดสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม ‘’ แผนที่นำทางฟรีตลอดชีพเวอร์ชั่นล่าสุดจากโนเกีย ซึ่งจะช่วยนำทางและสร้างความบันเทิงให้กับคุณลุงซานต้าขณะเดินทางไปแจกของขวัญวันคริสต์มาสประจำปีรอบโลก

มร. เทโร โอยานเพรา รองประธานบริหารธุรกิจบริการ โนเกีย กล่าวว่า “โนเกีย ในฐานะเพื่อนบ้านของซานตา คลอส ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศฟินแลนด์เช่นเดียวกัน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ช่วยคุณลุงซานต้าเตรียมตัวเพื่อการเดินทางแจกของขวัญคริสต์มาสรอบโลกที่เปี่ยมประสิทธิภาพและสนุกสนานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยการอัพเกรดเลื่อนหิมะของซานต้าเป็นครั้งแรกโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่จาก Nokia N8 สุดยอดสมาร์ทโฟนและบริการต่างๆ ของ Ovi ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ เพลง เกมส์ สังคมออนไลน์ และบริการรับส่งข้อความ ซึ่งจะช่วยให้ซานต้าเพลิดเพลิน และไม่พลาดการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนเอลฟ์ตลอดการเดินทางที่ทั้งรวดเร็วและง่ายดายกว่าเดิมด้วยประสิทธิภาพของแผนที่และระบบนำทาง Ovi Map”

ซานตา คลอส จะเดินทางไปยัง 15 ประเทศทั่วโลกภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส เพื่อ test run เลื่อนหิมะของเขาที่ได้รับการติดตั้ง Nokia N8 และ Ovi Map โดยแฟนคลับสามารถติดตามการเดินทางของเขาได้เป็นครั้งแรกผ่าน Ovi Facebook Page ซึ่งแฟนๆ จะได้รู้ว่า คุณลุงซานต้าฟังเพลง เล่นเกมส์ โหลดแอพ อะไรบ้างตลอดการเดินทาง พร้อมร่วมเล่นเกมส์ทายภาพสถานที่ที่คุณลุงซานต้าจะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อชิงรางวัลสมาร์ทโฟน Nokia N8 จำนวน 6 เครื่อง

ร่วมเล่นเกมส์และติดตามการเดินทางของซานตา คลอส พร้อมชมรูปภาพและการอัพเดทสถานะตลอดการเดินทางได้ที่ www.facebook.com/ovibynokia

View :1345
Categories: Press/Release Tags: ,

เอไอเอส ร่วมกับ 3 เอ็ม เปิดตัว “ E Warranty on Mobile ”

December 16th, 2010 No comments

เอไอเอส ร่วมกับ 3 เอ็ม ออโต้ฟิล์ม เปิดตัว “ระบบประกันอัตโนมัติบนมือถือ e-warranty on mobile” ปฏิวัติวงการฟิล์มรถยนต์ด้วยนวัตกรรมใหม่ ใช้สมาร์ทซิมเสริมศักยภาพตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศให้สามารถส่งข้อมูลการ รับประกันฟิล์มของลูกค้ามายังบริษัท ภายใต้คอนเซปต์ “3R” ข้อมูลถึงมือ ( Reachable) เชื่อถือได้ ( Reliable) ทันใจแน่นอน ( Real time ) ซึ่งระบบรับประกันอัตโนมัติรูปแบบใหม่นี้จะเริ่มใช้ในปี 2554 นี้แน่นอน

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริหารลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บทบาทของเอไอเอส นอกเหนือจากการเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์แล้ว เรายังพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายมาพัฒนาเป็นโซลูชั่นเพื่อให้เกิดบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรต่างๆ ดังเช่นความร่วมมือกับ 3เอ็ม ออโต้ฟิล์มในครั้งนี้ ซึ่งระบบที่นำมาพัฒนานี้ เรียกว่า SSTK (Smart Sim Tool Kit) ในลักษณะเมนูพิเศษเพื่อรองรับระบบการรับประกันฟิล์มกรองแสงลงบนสมาร์ทซิม เพื่อให้ร้านค้าตัวแทนติดตั้งฟิล์มกรองแสง 3 เอ็ม นำไปใช้งาน เพียงใส่ข้อมูลของลูกค้าและข้อมูลการติดตั้งฟิล์มไปตามเมนูบนมือถือและส่งไปที่ศูนย์ข้อมูลของ 3เอ็ม ก็จะช่วยให้การรับประกันมีความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการจัดส่งใบรับประกันมาที่บริษัท รวมถึงช่วยลดต้นทุนการจัดพิมพ์ใบรับประกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าที่มาใช้บริการว่าข้อมูลการติดตั้งฟิล์มของตนจะส่งตรงมาถึงบริษัทอย่างแน่นอน ซึ่งด้วยความครอบคลุมของเครือข่ายเอไอเอส ทำให้มั่นใจได้ว่า 3เอ็มจะสามารถให้บริการได้อย่างไร้ข้อจำกัด

ทางด้าน นายโชติชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจยานยนต์ บริษัท 3เอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท 3 เอ็ม มีความริเริ่มที่จะพัฒนาระบบการรับประกันแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยได้มีโครงการนำร่องภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเรามองว่าช่องทางที่ใช้ในการส่งและรับข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่สะดวกและรวดเร็ว ในฐานะที่บริษัท 3 เอ็ม เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท เอไอเอส ในด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กรอยู่แล้ว จึงได้มีการประสานความร่วมกันภายใต้แนวคิด “3R” อันประกอบด้วย “Reliable” คือ ระบบที่พัฒนาขึ้นมานี้จะต้องมั่นใจได้ว่าข้อมูลการรับประกันของลูกค้าจะส่งกลับมาเก็บที่ฐานข้อมูลของเราโดยไม่สูญหาย เช่นเดียวกัน ระบบนี้ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับลูกค้าในระบบการรับประกันใหม่ของ 3 เอ็มได้ “Reachable” คือ การที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลการรับประกันของตนได้รวมทั้งบริษัท 3 เอ็มก็สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านระบบฐานข้อมูลที่มี ซึ่งจะทำให้การสร้างกิจกรรมสัมพันธ์หรือ CRM (Customer Relationship Management) ที่จะมีหลังจากนี้มีความสะดวกและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายผู้ติดตั้งฟิล์มก็สามารถส่งข้อมูลและตรวจสอบการรับประกันนี้ได้สะดวกไม่ว่าจะส่วนไหนของประเทศ ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ครอบคลุมทั่วไทย และสุดท้าย “ Real Time ” คือ ทันทีที่ร้านตัวแทนติดตั้งฟิล์มกรองแสงส่งข้อมูลการรับประกันผ่านโทรศัพท์มือถือ 3เอ็มก็จะส่งเอสเอ็มเอส (SMS) ยืนยันการรับประกันถึงลูกค้าในทันทีเช่นกัน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าฟิลม์กรองแสง 3 เอ็มได้เป็นอย่างดี”

“ จุดประสงค์ที่เราพัฒนาระบบการรับประกันอัตโนมัติบนมือถือขึ้นมา ก็เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าฟิล์มกรองแสง 3 เอ็ม ทั้งนี้ ด้วยความมั่นใจในคุณภาพสินค้าของเรา เราจึงมีระยะเวลารับประกันฟิล์มกรองแสง ถึง 7 ปี ซึ่งด้วยระยะเวลาที่นาน บางครั้งข้อมูลใบรับประกันที่อยู่กับลูกค้าอาจจะสูญหาย หรือ ลูกค้าจำไม่ได้ว่าติดตั้งฟิล์มที่ไหนอย่างไร เมื่อลูกค้าต้องการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการรับประกันของตน ก็สามารถเช็คข้อมูลกับบริษัท 3 เอ็มได้ นอกจากนี้ การที่เราเก็บฐานข้อมูลลูกค้า ข้อมูลผลิตภัณฑ์ วันเวลาที่ติดตั้ง ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยส่งเสริมการทำงานของทีมงานผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสง 3 เอ็ม ในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อพัฒนารูปแบบการตลาดที่เหมาะสม โดยในอนาคตเราอาจใช้ฐานข้อมูลนี้ในการส่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ไปยังลูกค้าได้ ทั้งผ่านมือถือและอีเมล ลูกค้าจะได้รับทราบข้อมูลใหม่ๆ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆจากทาง 3 เอ็มได้ อันจะทำให้สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ 3 เอ็มกับลูกค้า ก่อให้เกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และเป็นลูกค้าของเราต่อเนื่องต่อไป ” คุณโชติชัย กล่าวปิดท้าย

View :1376

ก.ไอซีที เดินหน้าใช้ประโยชน์ข้อมูลดาวเทียมการเฝ้าระวังและเตือนภัยดินถล่ม

December 16th, 2010 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้ประโยชน์จากอวกาศ ว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือในการพัฒนาองค์ความรู้ การประยุกต์ใช้ประโยชน์จากดาวเทียม การพัฒนากิจการอวกาศของประเทศ และเป็นการบูรณาการข้อมูลจากการดำเนินโครงการร่วมสร้างดาวเทียมอเนกประสงค์ ขนาดเล็ก ( SMMS) กระทรวงฯ จึงได้ดำเนินโครงการศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมสำหรับการเฝ้า ระวังและเตือนภัยดินถล่ม ภายใต้ความร่วมมือองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก ( Asia Pacific Space Cooperation Organization – APSCO) ขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะศึกษาและวิจัยการประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการประเมิน ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพ

“โครงการ ศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมสำหรับการเฝ้าระวังและเตือนภัยดิน ถล่มนี้ เป็นการพัฒนาต่อยอดจากโครงการร่วมสร้างดาวเทียมอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ( SMMS ) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและประเทศกลุ่มสมาชิกองค์การ APSCO ในการใช้ข้อมูลร่วมกัน ( Spatial Data Sharing) เพื่อการบริหารจัดการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่ง ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพดิน การประเมินความรุนแรงของการกัดเซาะผิวดิน การเกษตรกรรม การประมง การชลประทาน การสำรวจและจัดทำแผนที่ การผังเมือง การขยายตัวของเมือง เป็นต้น ดังนั้น วัตถุประสงค์สำคัญในการดำเนินโครงการศึกษาวิจัยฯ นี้ก็คือ เพื่อพัฒนาความร่วมมือภายใต้ความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิกในการใช้ ข้อมูลร่วมกัน ( Spatial Data Sharing) ใน การบริหารจัดการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพื่อประยุกต์ใช้ดาวเทียมสำหรับการเฝ้าระวังและระบบเตือนภัย รวมทั้งศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการประเมินความเสี่ยงต่อ การเกิดภาวะดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัย” นางจีราวรรณ กล่าว

โครงการ ศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมฯ ใช้เวลาในการดำเนินงาน 12 เดือน โดยทำการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลทางธรณีวิทยา และสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อดินถล่ม และรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอื่น รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ ดินถล่ม ได้แก่ กระบวนการเกิดดินถล่ม รูปแบบของดินถล่ม ปัจจัยที่ทำให้เกิดดินถล่ม ลักษณะพื้นที่เสี่ยงภัย ลักษณะที่ตั้งของหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่ม ข้อสังเกตหรือสิ่งบอกเหตุ และบันทึกเหตุการณ์ดินถล่มในประเทศไทย รวมทั้งรวบรวมข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การ APSCO เพื่อ นำมาใช้สนับสนุนโครงการฯ โดยจัดให้มีการบริหารจัดการฐานข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา จัดเก็บข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้รับจากระบบ DVB-S ในแต่ละวันให้สามารถสืบค้นย้อนหลังได้ ประมวลผลข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาที่มีอยู่ตามลักษณะของ Sensor ของดาวเทียมที่รับได้ เช่น IR 1 , IR 2 , IR 3 , IR 4 , Visible และการประมวลผลภาพแบบ 2 มิติ 3 มิติ หรือตามความต้องการของผู้ใช้บริการ ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาด้วยระบบ DVB-S ด้วยการให้บริการผ่านเว็บไซต์

นอก จากนั้นยังมีการศึกษาปัจจัยที่ใช้ในการวิเคราะห์ และข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อนำมาประมวลผลสร้างแบบจำลองคณิตศาสตร์ ( Model) การ เกิดดินถล่มของพื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงสำรวจเก็บข้อมูลจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อดินถล่มในประเทศไทย อย่างน้อย 2 จุด เพื่อให้สามารถจำแนกพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่มและหมู่บ้านเสี่ยงภัยดิน ถล่มในระดับต่างๆ และนำมาใช้งานกับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ พร้อมกันนี้ยังมีการศึกษาปัจจัยที่ใช้ในการวิเคราะห์พื้นที่ที่มีความเสี่ยง จากดินถล่มในประเทศไทย เช่น พืชพรรณและสภาพการใช้ดิน ลักษณะดิน ความลาดชันของพื้นที่ ปริมาณฝน รวมทั้งใช้ข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ได้แก่ โปรแกรมด้านสารสนเทศภูมิศาสตร์ ข้อมูลแผนที่สภาพการใช้ที่ดิน ข้อมูลแผนที่ธรณีวิทยา ข้อมูลความสูงของพื้นที่ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อดินถล่ม และประมวลผลการสร้างแบบจำลองคณิตศาสตร์ ( Model) การเกิดดินถล่มของพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่ศึกษาที่มีประสิทธิภาพ และแสดงผลผ่านทางเว็บไซต์

“กระทรวงฯ หวังว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะทำให้มีรายงานการศึกษาเกี่ยวกับการประ ยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมสำหรับการเฝ้าระวังและเตือนภัยดินถล่มที่อ้างอิงได้ มีแบบจำลองคณิตศาสตร์ หรือ Model การ เกิดดินถล่มของพื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศที่มีประสิทธิภาพ และมีบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียม เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบแจ้งการเตือนภัยที่ดีในอนาคต ตลอดจน เกิดเครือข่ายองค์ความรู้ในด้านการวิจัยและการพัฒนากิจการอวกาศที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้ต่อไป” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1461
Categories: Press/Release Tags:

อีเบย์ ยอดขายโมบายคอมเมิร์ซพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวัน “โมบาย ซันเดย์”

December 16th, 2010 No comments

เทรนด์ช้อปปิ้งผ่านมือถือในช่วงเทศกาลแรงอย่างต่อเนื่อง

อีเบย์ อิงค์ (NASDAQ : ) ตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยปีนี้นับเป็นปีที่ 2 ต่อจากปีที่แล้วที่การซื้อขายสินค้าผ่านมือถือของอีเบย์พุ่งสูงขึ้นทั่วโลกในช่วงเทศกาลวัน “โมบาย ซันเดย์” (Mobile Sunday) หรือวันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม โดยในวันโมบาย ซันเดย์ ปีนี้ อีเบย์มียอดการซื้อขายสินค้าผ่านมือถือในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 127% คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายสินค้ารวมผ่านมือถือ (GMV) ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ยอดการซื้อขายสินค้าผ่านมือถือทั่วโลกเติบโตสูงถึง 165% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 13 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันโมบาย ซันเดย์ ในปี 2552

มร. สตีฟ ญอนโควิช รองประธาน อีเบย์ โมบาย แพลทฟอร์ม เผยว่า “มือถือได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการสรรค์สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งเพื่อสรรหาของขวัญในช่วงเทศกาลส่งความสุขนี้ ผู้คนสนุกกับการซื้อหาสินค้าต่างๆ อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องแต่งกาย ไปจนถึงสินค้าของเล่นและอุปกรณ์กีฬาผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถช้อปได้ในราคาที่ดีที่สุดได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยที่ผ่านมา อีเบย์มียอดดาวน์โหลด โมบายแอพพลิเคชั่นทั่วโลกไปแล้ว มากกว่า 30 ล้านครั้ง และเราจะมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองลูกค้าทั่วโลก”

ทั้งนี้ การซื้อขายสินค้าบนอีเบย์ผ่านมือถือในสหรัฐอเมริกาในวันโมบาย ซันเดย์ ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงกว่า 38% เมื่อเทียบกับวันไซเบอร์ มันเดย์ (Cyber Monday) ที่ผ่านมา โดยสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดผ่านมือถือ และรัฐที่มีการซื้อขายสินค้าผ่านมือถือสูงสุดในห้าอันดับแรก คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย เพนซิลวาเนีย ฟลอริดา อินเดียนา และโอไฮโอ
นอกจากนี้ ข้อมูลซื้อขายสินค้าผ่านมือถือบนอีเบย์ในสามสัปดาห์แรกก่อนวันที่มีการซื้อขายสินค้าผ่านมือถือสูงที่สุดของปี สะท้อนถึงบทบาทของโทรศัพท์มือถือที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาลได้อย่างดี โดย

ประเภทสินค้าที่มียอดการซื้อขายสินค้าผ่านมือถือสูงสุด ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่
เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
รถยนต์และรถบรรทุก
เครื่องประดับ อัญมณีและนาฬิกา
อุปกรณ์กีฬา
ชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์

ช่วงเวลาที่มีการซื้อขายสูงสุด ในวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2553 คือ ช่วง 18.00 – 21.00 น.ตามเวลามาตรฐานทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา โดยมีการทำธุรกรรมมากกว่า 9,500 ครั้งต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ สามารถดูอินโฟกราฟฟิก แอพพลิเคชั่น (infographic application) ที่มีการทำงานแบบอินเตอร์แอคทีฟได้ที่ www.ebayinc.com/mobilecommerce ซึ่งจับกระแสเทรนด์ซื้อขายสินค้าบนอีเบย์ผ่านมือถือ (Mobile Shopping) ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน ถึง 12 ธันวาคม โดยแสดงสินค้าที่มียอดขายสูงสุดของตลาดโมบายอีเบย์ 20 ประเภท

View :1389
Categories: Press/Release Tags:

เอชพีเปิดตัว HP Application Lifecycle Management โซลูชั่นการบริหารวงจรการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบผนวก

December 16th, 2010 No comments

ครั้งแรกในวงการไอที สนับสนุนการใช้งานแอพพลิเคชั่นและ
บริการต่างๆ อย่างอัตโนมัติ ปลอดภัย ง่ายดาย

เอชพีเปิดตัวโซลูชั่น ซึ่งเป็นโซลูชั่นการบริหารวงจรการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบผนวก (unified system) ระบบแรกที่สนับสนุนการนำแอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆ ไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว มีเสถียรภาพ และปลอดภัยในทุกสภาพแวดล้อม

โซลูชั่น HP Application Lifecycle Management 11 (ALM 11) ผนวกรวมกิจกรรมสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นอันล้ำสมัยอย่างอัตโนมัติ ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการตามความต้องการใช้งานจนถึงการควบคุมคุณภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด

ทั้งนี้ ผลการวิจัยล่าสุดของบริษัท ฟอร์เรสเตอร์ คอนซัลติ้งในนามของเอชพี เผยว่า ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านไอทีร้อยละ 69 ได้จัดสรรงบประมาณด้านไอทีประจำปีประมาณ 1 ใน 4 สำหรับใช้พัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ ให้มีความล้ำสมัย ขณะที่ผู้บริหารด้านไอทีอีกร้อยละ 30 ได้ใช้งบประมาณสูงถึงร้อยละ 50 ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด (1) การพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ทันสมัยจะสนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้สามารถควบคุมกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนและส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพอร์ท โฟลิโอด้านแอพพลิเคชั่นให้มีสมรรถนะการทำงานเพื่อรองรับองค์กรแบบ Instant-On Enterprise ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ให้มีการเติบโต เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง

โซลูชั่น HP ALM 11 คือระบบที่รองรับบทบาทหน้าที่ด้านต่างๆ ของบุคลากรในองค์กร โดยผนวกรวมเครื่องมือสำคัญๆ ที่ใช้ในการพัฒนาทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสนับสนุนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้สามารถนำแอพพลิเคชั่นมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยพัฒนากระบวนการดำเนินงานภายในและข้ามทีมงานพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้เป็นแบบอัตโนมัติ ตลอดจนดูแลและควบคุมวงจรการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับคุณสมบัติอันโดดเด่นของโซลูชั่น HP ALM 11 มีดังนี้
- สนับสนุนการวางแผนและติดตามผลด้วยโซลูชั่น HP ALM 11 Project Planning and Tracking ซึ่งมีขีดความสามารถในการกำหนดหลักเกณฑ์การนำแอพพลิเคชั่นออกใช้งาน และกำกับดูแลกิจกรรมต่างๆ ในกระบวนการดำเนินการดังกล่าว โดยสามารถตรวจสอบและประเมินความก้าวหน้าและความพร้อมในการนำแอพพลิเคชั่นรุ่นที่กำหนดไว้ออกใช้งานได้แบบเรียลไทม์
- มีวิธีตรวจสอบและติดตามผลได้ถึง 3 ทาง ได้แก่ การตรวจสอบข้อกำหนด กระบวนการพัฒนา และอุปกรณ์จำลองที่เปี่ยมคุณภาพ ทำให้มีการวิเคราะห์อย่างทั่วถึงภายในทีมงานและบริหารการเปลี่ยนแปลงของแอพพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว
- มีระเบียบวิธีดำเนินการที่ยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถนำแอพพลิเคชั่นไปใช้งานได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพตามประเภทของโครงการหรือกิจกรรมที่จัดขึ้นทั้งในรูปแบบจำลอง (waterfall) รูปแบบที่กำหนดขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้งาน หรือรูปแบบที่มีความคล่องตัวและฉับไว โดยใช้โซลูชั่น HP Agile Accelerator 4.0 รุ่นพื้นฐานซึ่งเป็นบริการเสริมที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือรุ่นสูงที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ลดความเสี่ยงระดับองค์กรจากการเกิดระบบล่มอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อผิดพลาดทางด้านฟังก์ชั่นการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงาน และการรักษาความปลอดภัยซึ่งพบในอินเทอร์เน็ตแอพพลิเคชั่นทั้งแบบ composite และแบบ rich
- ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการนำมาใช้งาน เนื่องจากมีการค้นพบแอพพลิเคชั่นจำลองที่ครอบคลุมถึงข้อกำหนด บททดสอบ และข้อผิดพลาด ซึ่งอุปกรณ์จำลองทั้งหมดนี้สามารถนำมาใช้งานใหม่และแบ่งปันร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มร.ท็อดด์ อีตัน ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจ ALM Tools and Services บริษัท McKesson กล่าวว่า “การมีข้อกำหนดและการทดสอบหลากหลายรูปแบบการทำงานบนแพลทฟอร์มต่างๆ ควบคู่กับเทคโนโลยีใหม่ๆ จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของแอพพลิเคชั่นต่างๆ ดังนั้น การใช้โซลูชั่นของเอชพีเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ทันสมัยทั่วทั้งวงจรจึง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลา 3 ปี”

โซลูชั่น HP ALM เป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาโซลูชั่น HP Quality Center และ HP Performance Center 11.0 เวอร์ชั่นใหม่ที่สามารถตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและอัตโนมัติ จึงลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้งยังใช้ทรัพยากรสำหรับพัฒนาแอพพลิเคชั่นและบริการใหม่ๆ ได้อย่างมีอิสระมากขึ้น นอกจากนี้ โซลูชั่น HP Quality Center และ HP Performance Center 11.0 ยังมีคุณสมบัติโดดเด่นอื่นๆ ดังนี้
- เร่งรัดการนำแอพพลิเคชั่นมาใช้งาน โดยพัฒนาระบบทดสอบแบบแมนนวลให้เป็นแบบอัตโนมัติ อาทิ การจัดทำข้อมูล และการบริหารงานที่ซ้ำๆ กันในหลากหลายสภาพแวดล้อมด้วยซอฟต์แวร์ HP Sprinter
- พัฒนาบททดสอบใหม่ๆ โดยใช้โซลูชั่น HP TruClient ซึ่งอยู่ในตระกูล HP LoadRunner 11.0 เพื่อใช้ทดสอบประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นโดยไม่ต้องทำสคริปต์ (scripting) ที่ต้องใช้เวลามาก
- สนับสนุนโซลูชั่น HP Unified Functional Testing 11.0 ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างโซลูชั่น HP Functional Test และโซลูชั่น HP Service Test 11 เพื่อลดข้อผิดพลาดทางด้านฟังก์ชั่นการทำงานของแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในกระบวนการทดสอบทั้งแบบ GUI และ non-GUI โดยใช้โซลูชั่นแบบเดี่ยวที่มีการทำงานแบบอัตโนมัติในการรันแอพพลิเคชั่นแบบผสม

มร.เดเมี่ยน วอง ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน่วยธุรกิจ HP Software ของเอชพี กล่าวว่า “องค์การต่างๆ ต้องการแอพพลิเคชั่น สำหรับใช้ในฟังก์ชั่นการทำงานที่มีความสำคัญเชิงธุรกิจ เครื่องมือที่ล้าสมัย ระเบียบวิธีที่ซับซ้อน และเทคโนโลยีใหม่และรุดหน้ามากกว่าที่เคยมีมาเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญ ด้านไอทีพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ทรงประสิทธิภาพได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ด้วยโซลูชั่นใหม่ของเอชพีทำให้ลูกค้าเร่งนำแอพพลิเคชั่นต่างๆ มาใช้งานได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถลดต้นทุนในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น บรรลุเป้าหมายในการทำธุรกิจ ตลอดจนรักษาคุณภาพในการดำเนินงานไว้ได้สูงสุด”

บริการ HP Application Lifecycle Management (ALM) Consulting Service ช่วยลูกค้าลดต้นทุนในการให้บริการทั้งหมด ทั้งยังขจัดความเสี่ยงโดยมีอัตราการเกิดข้อผิดพลาดของระบบลดลง มีเวลาในการดำเนินงานเร็วขึ้น และมีซอฟต์แวร์ใหม่ๆ มาใช้งานเพิ่มขึ้น ทั้งยังเสริมด้วยบริการทดสอบของผู้เชี่ยวชาญ การให้บริการที่ยืดหยุ่น และบริการฝึกอบรมให้ความรู้

HP ALM 11 คือ โซลูชั่นในพอร์ทโฟลิโอตระกูล HP Application Transformation ซึ่งช่วยธุรกิจต่างๆ ให้สามารถควบคุมแอพพลิเคชั่นที่มีอายุนานและกระบวนการทำงานที่ไม่คล่องตัว นอกจากนี้ โซลูชั่นต่างๆ ในพอร์ทโฟลิโอ HP Application Transformation ยังสนับสนุนองค์กรธุรกิจและภาครัฐพัฒนาธุรกิจแบบ Instant-On Enterprise โดยนำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการทำงานทุกประเภทเพื่อให้บริการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และประชาชนทั่วไปได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ในชุดเอกสารประชาสัมพันธ์แบบออนไลน์ได้ที่ http://www.hp.com/go/HPSoftwareUniverseBarcelona2010

View :1401

สพป.หนุนโครงการอินเทอร์เน็ตชุมชน สร้างโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีให้กับประชาชน

December 15th, 2010 No comments

สพป.เดินหน้าโครงการเฟส 2 ลุยติดตั้งอินเทอร์เน็ทชุมชน เพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยี หลังเฟสแรกประสบความสำเร็จจากการติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานในการให้บริการ ประชาชนในชนบท

สำนักงานกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (สพป.) เปิดตัวกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างเป็นทางการ โดยภายในงานได้จัดเสวนาเรื่อง บทบาทการพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ กับกลุ่มผู้รับผลประโยชน์จากกองทุน และช่วงบ่าย มีเสวนาในหัวข้อ “บทบาทของกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะที่ผู้ประกอบการ ต้องการเห็น” โดยมีตัวแทนจากกลุ่มผู้ประกอบการภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานเสวนาในครั้งนี้

นาย นรชัย ศรีพิมล ประธานกรรมการกำกับการบริหารกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ สาธารณะ กล่าวว่า กองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อให้การ สนับสนุนให้ประชาชนมีโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึง โดยอยู่ภายใต้กำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. โดยที่มาของกองทุน ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมที่ กทช.จัดสรรให้ ตามมาตรา 52 แห่ง พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 และเงินรายได้ที่ได้รับจากการให้บริการโทรคมนาคม ของผู้ได้รับใบอนุญาต จัดสรรให้ตามมาตรา 18 แห่ง พรบ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

ปัจจุบัน เงินกองทุนกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 มีทั้งสิ้น 2,929,247,428 บาท ซึ่งเป็นแบ่งเป็นบัญชีกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่เป็นค่าธรรมเนียมที่ กทช.จัดสรรให้ประมาณ 1,122,021,257 ล้านบาท และบัญชีกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อจัดให้มีการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงประมาณ 1,807,266,171 บาท โดยมาจากการหักรายได้ 4% ของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตที่มีโครงข่ายประเภท 2 และประเภท 3 สบทบเข้ากองทุนฯ

ทั้ง นี้ นับตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งกองทุนฯ มา ได้ดำเนินการจัดให้มีโทรศัพท์พื้นฐานที่เข้าถึงประชากรทั่วประเทศ โดยได้เข้าไปติดตั้งโทรศัพท์สาธารณะอย่างน้อย 2 เลขหมาย ใน 6,000 หมู่บ้าน การติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานให้กับสถานศึกษา สถานพยาบาลและสาธารณสุขชุมชน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ประชาชนในชนบทสามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมสาธารณะได้มากขึ้น

“เงิน ในกองทุนฯ จะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนฯ ในการทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ในการให้บริการที่ทั่วถึง กิจกรรมโทรคมนาคมเพื่อการบริการของประโยชน์สาธารณะ กิจกรรมเพื่อการวิจัยและพัฒนาด้านโทรคมนาคมและกิจกรรมเพื่อการพัฒนาบุคลากร ด้านโทรคมนาคม ซึ่งเป็นการยกระดับของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยให้มีประสิทธิภาพและเข้าถึง เพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น” นายนรชัย กล่าว

ด้าน รศ.ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ ผู้จัดการกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ กล่าวว่า หลังจากการดำเนินงานของกองทุนฯ ที่ประสบความสำเร็จในด้านการดำเนินงานที่ช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการ พื้นฐานด้านโทรคมนาคมแล้ว ในเฟสที่ 2 ที่มีระยะเวลาดำเนินงานประมาณ 1 ปีครึ่ง กทช.จะเน้นให้ความสำคัญด้านอินเทอร์เน็ทชุมชน ที่ขณะนี้ ได้เปิดโอกาสให้ชุมชนที่มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ทได้ร้องขอเพื่อเข้าไป บริการติดตั้งอินเทอร์เน็ทชุมชนให้ ซึ่งขณะนี้มีชุมชนที่ร้องขอเข้ามาแล้วกว่า 1,000 ชุมชน โดยผู้ประกอบการที่จัดทำแผนแทนการจ่ายเงินสมทบกองทุนฯ จะดำเนินการติดตั้งประมาณ 400 ชุมชน และส่วนเกินก็จะนำเงินกองทุนฯ เข้าไปสนับสนุนเพื่อให้เกิดอินเทอร์เน็ทชุมชนได้อย่างทั่วถึง

“ในเฟสแรก เราเน้นเรื่องการบริการในเรื่องโทรศัพท์พื้นฐานที่ให้ประชาชนได้เข้าถึงการ ให้บริการโทรศัพท์สาธารณะขั้นพื้นฐาน และปัจจุบันโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้ถึง 93% ของประเทศแล้ว ดังนั้นในเฟสที่ 2 ที่เราหวังจะเน้นการใช้เงินไปกับอินเทอร์เน็ตชุมชนและการ สนับสนุนโครงการอินเทอร์เน็ทบรอดแบรนด์ของภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น”รศ.ประเสริฐ กล่าว

View :1632

ดีแทค – เอชทีซี – ไมโครซอฟท์ พร้อมจับมือลุยตลาดวินโดวส์ โฟน 7 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดตัว HTC HD7 ครั้งแรกในไทย ฉีกภาพลักษณ์เดิม

December 15th, 2010 No comments

เอชทีซีผสมผสานนวัตกรรมที่สร้างสรรค์และดีไซน์ที่ทันสมัย เข้ากับระบบปฏิบัติการบนมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดวินโดวส์ โฟน 7 จนได้เป็นความลงตัวที่สมบูรณ์แบบบน HTC HD7 ที่สนุกขึ้นบนเครือข่ายดีแทคที่เร็วกว่า ดีกว่า

ดีแทค เอชทีซี คอร์ปอเรชัน ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟนระดับโลก และไมโครซอฟท์ ผู้นำด้านระบบปฏิบัติการและเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ระดับโลกที่มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟน รุ่น ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ ผสมผสานกับดีไซน์อันโดดเด่นและนวัตกรรมล่าสุดของเอชทีซี เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและแอพพลิเคชั่นเฉพาะของเอชทีซีมากมาย ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง HTC Hub ซึ่งผสานอย่างลงตัวกับฟังก์ชั่นโซเซียลมีเดียและหลากหลายโปรแกรมสุดล้ำเพื่อความบันเทิง บนวินโดวส์ โฟน 7 ที่สนุกกว่ากับการใช้งานบนเครือข่ายดีแทคที่มีประสิทธิภาพและใช้เน็ตสบายใจกว่า ค่าเน็ตไม่ไหล

นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า “ ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยปีนี้เติบโตสูงมาก และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจนมีผู้ใช้งานมากกว่า 6 ล้านคนในปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานเริ่มเปลี่ยนไป โดยมีการใช้งานดาต้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดีแทคพร้อมรองรับความต้องการใช้งานดาต้าของลูกค้าบนเครือข่ายดีแทคที่เร็วกว่า ดีกว่า และครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์กที่กำลังมาแรง ทำให้กลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟน เริ่มมองหาและสนใจกับระบบปฏิบัติการที่จะตอบสนองการใช้งานได้อย่างแท้จริง ”

“ ดีแทคจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ เพื่อเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น HTC HD7 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 7 เป็นครั้งแรกในเมืองไทย และมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าดีแทคที่จะได้ครอบครองก่อนใคร ในราคา 22,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน และรับส่วนลดค่าบริการรายเดือนรวม 4,000 บาท (เดือนละ 500 บาท X 8 เดือน) เมื่อสมัครแพ็กเกจ smart phone 799 บาท พร้อมใช้งานดีแทคอินเทอร์เน็ต 3GB ต่อเดือน ” นายเพ็ตเตอร์ กล่าว

นอกจากนั้นดีแทคยังมีบริการแจ้งเตือนค่าใช้อินเทอร์เน็ต ( Alert) เพื่อให้ลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ โดยดีแทคจะคอยแจ้งเตือนผ่าน SMS ตั้งแต่เริ่มใช้งานเกินที่ 10 บาท และดีแทคยังมีบริการควบคุมค่าใช้จ่าย ( Cap Max) สำหรับลูกค้าดีแทคแบบรายเดือน จ่ายไม่เกินเดือนละ 1,500 บาท หรือ ไม่เกินวันละ 49 บาทสำหรับลูกค้าแฮปปี้แบบเติมเงินอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนผ่านเครือข่ายดีแทคสบายใจกว่า

“วินโดวส์ โฟน 7 ถือเป็นประสบการณ์ใหม่บนโลกโมบาย และเอชทีซีก็ตื่นเต้นที่ได้ร่วมอยู่ในก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เราเล็งเห็นถึงโอกาสที่ดีอันเกิดจากการผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดของไมโครซอฟท์อย่าง Xbox Live และ Zune เข้าไว้ด้วยกันบนระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่” นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว “ความคุ้มค่าที่ไมโครซอฟท์ได้มอบให้แก่ลูกค้าในเอเชียถือเป็นมาตรฐานใหม่ในตลาด ดังนั้น เอชทีซีจึงได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ใหม่ล่าสุดเพื่อมอบทางเลือกที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้าของเรา”

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ไมโครซอฟท์ เป็นผู้นำในการคิดค้นนวัตกรรมด้านระบบปฏิบัติการยุคใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ Work & Play ซึ่งรองรับการดำเนินชีวิตและการทำงานสำหรับคนรุ่นใหม่ วินโดวส์ โฟน 7 เป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดสำหรับสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถรองรับการทำงานในระบบ 3 จอ ได้แก่ สมาร์ทโฟน เครื่องพีซี และเว็บเบราเซอร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงสามารถเชื่อมต่อผู้ใช้งานกับผู้คนและข้อมูลที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา”

“ วินโดวส์ โฟน 7 นอกจากจะมอบฟีเจอร์มัลติมีเดียและโซเซียลมีเดียผ่านฮับต่างๆ ได้ง่ายดายและรวดเร็วแล้ว ยังสามารถทำงานร่วมกับแพล็ตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักพัฒนาท้องถิ่นในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นสู่ Marketplace บนวินโดวส์ โฟน 7 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ใช้ในเมืองไทยได้สนุกกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายและเหมาะกับความต้องการของคนไทยอย่างแท้จริง ”

วินโดวส์ โฟน 7

วินโดวส์ โฟน 7 ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นอย่างแตกต่างเพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ ช่วยลดขั้นตอนการเข้าถึงและใช้งานฟังก์ชั่นผ่านอินเทอร์เฟซแบบฮับ ( Hub) และไทล์ ( Tile) ทั้งนี้ ฮับทั้ง 6 ไม่ว่าจะเป็น People Hub Pictures Hub Game Hub Music & Video Hub Office Hub และ Market Place Hub นั้นได้มอบการเข้าถึงข้อมูลและความเคลื่อนไหวล่าสุดของเพื่อนๆ และ
ผู้ที่ติดต่อบ่อยๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมด้วยหลากหลายโปรแกรมเพื่อความบันเทิง เช่น Zune นอกจากนี้ วินโดวส์ โฟน 7 มีฟังก์ชั่น Click to Cloud ซึ่งสามารถเก็บภาพถ่ายใน Sky Drive และสามารถส่งเข้าเฟซบุ๊คได้ทันที ผู้ใช้จึงสามารถสัมผัสประสบการณ์บันเทิงและโซเซียลมีเดียที่ล้ำหน้าอย่างครบถ้วน

ประสบการณ์วินโดวส์ โฟน 7 บนมือถือเอชทีซี

เอชทีซีพร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และการออกแบบที่ไม่เหมือนใครบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบของฮับต่างๆ ทำให้สามารถใช้งานโซเซียลมีเดียได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นกว่าที่เคยสัมผัส เอชทีซีเลือกใช้วัสดุที่ดีเยี่ยม พร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ครบถ้วนไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและคุณสมบัติเด่นมากมาย โดยได้เพิ่มเติม HTC Hub ซึ่งเป็นชุดแอพพลิเคชันลิขสิทธิ์เฉพาะของเอชทีซี ที่มีตั้งแต่โปรแกรมรายงานสภาพอากาศ รายงานราคาหุ้น ไปจนถึงการตกแต่งรูปภาพที่ผู้ใช้สามารถเลือกใส่เอฟเฟ็กต์ได้ตามใจชอบก่อนแบ่งปันกับเพื่อนรู้ใจ

MyHTC Thai Hub

สำหรับผู้ที่ชอบใช้งานภาษาไทย ทางเอชทีซีได้ทำการติดตั้งบริการพิเศษที่ชื่อว่า MyHTC Thai Hub มากับตัวเครื่อง HTC HD7 ซึ่งจะรวบรวมแอพพลิเคชันในการใช้งานภาษาไทยสำหรับส่งเอสเอ็มเอส อีเมล์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ โฟร์สแควร์ และเสิร์ช โดยเมื่อเข้าใช้งานก็จะแสดงคีย์บอร์ดภาษาไทยที่ผู้ใช้งานคุ้นเคย และพิมพ์ได้อย่างถนัดมือ และในกรณีที่ผู้ใช้งานรีเซ็ตเครื่องใหม่ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดใน Microsoft Marketplace ในชื่อ “Quick Post”

HTC HD 7

ผู้ใช้ HTC HD 7 จะได้เพลิดเพลินกับวิดีโอและภาพยนตร์บนหน้าจอความละเอียดสูงขนาดใหญ่ถึง 4.3 นิ้ว ที่มีขาตั้งในตัวเพื่อให้ตั้งวางและเอนหลังรับชมได้อย่างสะดวกที่สุด และสำหรับใครที่เคยเข็ดขยาดกับประสบการณ์แย่ๆ ในการเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ เชื่อว่าคุณสมบัติ XBoxLive บน HTC HD 7 จะทำให้หลายคนเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะช่วยมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมเฉกเช่นเดียวกับการพกพาเครื่องเล่นเกมคอนโซลติดตัวไปในทุกที่ทุกเวลา

กำหนดการจำหน่าย

สมาร์ทโฟนจากเอชทีซีรุ่นใหม่ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ที่ร่วมรายการ และตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดย HTC HD 7 สนนราคาอยู่ที่ 22,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)*

* ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์มือถือแต่ละราย

View :2278
Categories: Press/Release Tags:

กทม.และไอบีเอ็ม ผนึกกำลังนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยสร้าง Smart Bangkok

December 14th, 2010 No comments

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ขวา) มอบของที่ระลึกให้กับ นายธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด (ซ้าย) ในงานประชุม “ Summit: กรุงเทพเมืองสวรรค์” ในโอกาสครบรอบสถาปนากรุงเทพมหานครในปีที่ 38 กทม.ร่วมกับไอบีเอ็มสร้างกรุงเทพฯให้เป็น Smart City มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยขับเคลื่อนพัฒนากรุงเทพฯแนวใหม่ การประชุมครั้งนี้ได้ระดมความคิดเห็นจากอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชน เพื่อตอบโจทย์นโยบาย 5 ด้านหลักที่สำคัญของกทม. พร้อมนำความคิดเห็นทั้งหมดมาพัฒนาต่อยอดด้วยการจัดทำเวิร์คช็อปเพื่อสร้างโครงการที่นำมาพัฒนากรุงเทพมหานครได้อย่างแท้จริง

View :1347
Categories: Press/Release Tags: ,