Archive

Archive for January, 2011

แอลจี ชูกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม ส่งสมาร์ทโฟน พร้อมฟีเจอร์โฟน บุกตลาดทุกเซ็กเมนท์ เชื่อมั่นขึ้นแท่นท็อปทรี ภายในปี 2554

January 27th, 2011 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศทิศทางและ กลยุทธ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือในปี 2554 มุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมที่ก้าวล้ำเพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานรูปแบบใหม่สู่ผู้บริโภค เตรียมส่งสมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟนรุกตลาดตลอดปี เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ใช้ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งเป้าขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดภายในปีนี้
 
นายสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมา แอลจีนำเสนอผลิตภัณฑ์มือถือที่มีความหลากหลาย และได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ใช้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Lollipop หรือ Cookie series ในกลุ่มฟีเจอร์โฟน และ LG Optimus One สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของวงการที่มาพร้อม Android 2.2 Froyo และประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดขายถึงหนึ่งล้านเครื่องทั่วโลกภายในเวลาเพียง 40 วัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแอลจีสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมและคุณสมบัติการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ในปีนี้แอลจีได้เตรียมรองรับการขยายตัวของตลาดมือถือทั้งในกลุ่มฟีเจอร์โฟนและ     สมาร์ทโฟน โดยมุ่งเน้นความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมด้วยการนำเสนอมือถือซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแอลจีในตลาดมือถือ และมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย”
 
นวัตกรรมมือถือที่แอลจีจะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกนั้น ประกอบด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลแบบ Dual Core ซึ่งให้สมรรถนะการใช้งานที่เหนือกว่า รวมทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมจอภาพ NOVA Display ที่มีความสว่างที่สุดในตลาด นอกเหนือจากความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมแล้ว การเข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคก็เป็นสิ่งที่แอลจีให้ความสำคัญ โดยนำเสนอมือถือทั้งในกลุ่ม     สมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟน ภายใต้ชื่อ LG Optimus Series และ LG Wink Series
 
·          LG Optimus Series สมาร์ทโฟนซึ่งมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะทยอยเปิดตัว 3 รุ่นซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ได้แก่
-         LG Optimus 2X มอบสมรรถนะการทำงานที่เหนือกว่าด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Dual Core เครื่องแรกของโลก และยังสามารถบันทึกและแสดงไฟล์ Full HD เพื่อขีดสุดแห่งความบันเทิง
-         LG Optimus Black บางเพียง 9.2 มิลลิเมตร พร้อมจอภาพ NOVA Display ที่ให้ความสว่างมากที่สุดในปัจจุบันถึง 700 nits จึงให้ความคมชัดสูงสุดแม้ใช้งานกลางแจ้ง
-         LG Optimus ME สมาร์ทโฟนที่ใช้งานง่าย มีดีไซน์ทันสมัยและฟีเจอร์ครบครัน ในราคาสุดคุ้ม
 
·          LG Wink Series ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงใจ เข้าสู่ตลาดไทยแล้ว 5 รุ่น ได้แก่
-         LG Wink STYLE ทัชโฟนดีไซน์น่ารัก เข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส พร้อมฟังก์ชั่น Wi-Fi เพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดั่งใจ
-         LG Wink 2 SIMS ไม่พลาดทุกการติดต่อด้วยการสแตนด์บายพร้อมกันทั้ง 2 ซิม และมีอินเทอร์เฟซที่รองรับการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คโดยเฉพาะ
-         LG Wink SLIDE ขนาดกะทัดรัด ในดีไซน์สไลด์ไม่เหมือนใคร มอบความสะดวกในการพิมพ์ได้อย่างเหนือชั้นด้วยแป้นพิมพ์ Full QWERTY แบบสไลด์
-         LG Wink CHILL มือถือ 2 ซิม ในราคาสุดคุ้ม แต่ครบครันด้วยฟีเจอร์ และแป้นพิมพ์แบบ    Full QWERTY
-         LG Wink BUDDY ดีไซน์สปอร์ตี้ พร้อมฝาหลังสีสันสดใสถอดเปลี่ยนได้ เข้าถึงเฟซบุ๊คและ   ทวิตเตอร์ได้รวดเร็วด้วยไอคอนลัดบนหน้าจอ
 
นอกจากนี้ แอลจีจะยังคงให้ความสำคัญกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นทั้งกลยุทธ์สร้างความชื่นชอบในตัวสินค้า (Emotional approach) และการสื่อสารถึงคุณประโยชน์ (Functional approach) เพื่อให้เกิดความต้องการใช้งานจริง ซึ่งนับเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากที่สุด และยังสร้างความเชื่อมโยงระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย ทั้งกิจกรรมออนไลน์ที่แอลจีประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่ผ่านมา และการมุ่งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น รวมทั้งความร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่างๆ ในการจัดโปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษให้กับลูกค้า
 
“แอลจีมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกกลุ่ม นับตั้งแต่สมาร์ทโฟนระดับกลางไปจนถึงระดับพรีเมียม รวมทั้งโทรศัพท์มือถือสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะของตัวเองเพราะแอลจีมีการคิดค้นนวัตกรรมด้านโทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่อง และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เราเชื่อมั่นว่าด้วยการนำเสนอมือถือที่มาพร้อมนวัตกรรมล่าสุด และกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด จะช่วยผลักดันแอลจีไปสู่เป้าหมายของการเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าวสรุป

View :1660
Categories: Press/Release Tags:

เปิดตัวสถาบันวิทยาการ สวทช. หรือ NSTDA Academy

January 27th, 2011 No comments

รมว.วิทย์ฯ ดร.วีระชัย เปิดสถาบันวิทยาการ สวทช.ชูธงสร้างคนป้อนตลาดอุตสาหกรรมผลิตและบริการครบวงจรมาตรฐานระดับนานาชาติครั้งแรกของประเทศไทย

ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นประธานเปิดตัวสถาบันวิทยาการ สวทช. หรือ เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการพัฒนากำลังคนขององค์กรทั้งระดับอุตสาหกรรมการผลิตและบริการที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ โดยการให้บริการของสถาบันฯ ครอบคลุมทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ อุตสาหกรรมและSMEs โดยยึดหลักให้ผู้ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันวิทยาการ สวทช.มีความรู้จริงจากกรณีศึกษาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริงในแต่ละองค์กรและรองรับทุกการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ อาทิ หลักสูตรการประเมินผลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ การอบรมมาตรฐานวิชาชีพขั้นสูงด้านไอทีเพื่อรองรับการเติบโตของงานด้านไอทีระดับประเทศและนานาชาติ โดย ดร.วีระชัย กล่าวในรายละเอียดว่า
“แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่งและครบวงจรนั้น จำเป็นต้องเร่งส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนหนึ่งที่สำคัญยิ่งคือ การพัฒนาบุคลากรของภาคอุตสาหกรรมให้มีความรู้ และความเข้าใจบนพื้นฐานขององค์ความรู้ (Knowledge) ที่สามารถตอบโจทย์และประเด็นใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทันต่อเหตุการณ์ อันจะเป็นการสร้างผลิตภาพ มูลค่าเพิ่ม และความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของภาคการผลิตและบริการ สู่เวทีการค้าที่ทัดเทียมกับนานาประเทศ ซึ่งสถาบันวิทยาการ สวทช.หรือ NSTDA Academy นั้นได้ตอบโจทย์อย่างชัดเจน และจุดที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เป็นสถาบันการอบรบที่มีความแตกต่างจากสถาบันอื่นๆ และมีความโดดเด่นในการที่จะขับเคลื่อนกลไกการพัฒนาบุคลากร ในฐานะสถาบันแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยที่จัดตั้งมาเป็นเวลากว่า 23 ปี ที่ได้มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่ภาคการผลิตและบริการของไทยได้อย่างแท้จริง”
ด้านดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิทยาการ สวทช. หรือ NSTDA Academy จะดำเนินงานภายใต้ 3 แนวทางหลัก คือ 1) ให้บริการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาทางวิชาการและเทคนิค เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของบุคลากรในภาคการผลิตและบริการของประเทศไทย
2) ผลักดัน ส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการใช้ประโยชน์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ผ่านกลไกการเชื่อมโยงและส่งต่องานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. ไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในภาคการผลิตและบริการ และ 3) นำเสนอทางเลือกใหม่ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในภาคการผลิตและบริการ เพื่อเตรียมพร้อมต่อการบริหารจัดการที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมืออาชีพ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและโจทย์ประเด็นทางเศรษฐกิจสังคมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในการเปิดตัวเพื่อแนะนำบริการและความเชี่ยวชาญในปี 2554 นี้ สถาบันวิทยาการ สวทช. ได้นำเสนอบริการและความเชี่ยวชาญภายใต้หลักสูตรการอบรมผ่านธงหลัก 3 ประการซึ่ง ประกอบด้วย
1.กลุ่มหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และไอซีทีสำหรับผู้บริหาร หรือ Executive Education/ICT for Executives ซึ่งเป็นกลุ่มหลักสูตรเดียวของประเทศที่ออกแบบ เพื่อบูรณาการและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะแก่ผู้บริหารทั้งสายงาน ICT, Non ICT และ HR
2.กลุ่มหลักสูตรเพื่อสร้างความเข้าใจด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Technology & Green ICT เช่น หลักสูตรเรื่อง Life Cycle Assessment เรื่อง Carbon Footprint of Products และเรื่อง Eco Design Implementation จึงเป็นกลุ่มหลักสูตรเดียวของประเทศที่ครอบคลุมและทันการณ์ต่อการรับมือกับการเผชิญปัญหาภาวะโลกร้อน
3.การเปิดอบรมและจัดการสอบรับรองมาตรฐานวิชาชีพไอที หรือ Professional Standard Assessment, Exam nation and Certification ซึ่ง สถาบันวิทยาการ สวทช.NSTDA Academy จะเป็นสถาบันเดียวที่เห็นความสำคัญในการผลักดันให้มีมาตรฐานวิชาชีพเทคโนโลยีขั้นสูงในระดับนานาชาติ อันเป็นการเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเป็นภาคีหนึ่งในประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงาน
ทั้งนี้ ในงานเปิดตัวดังกล่าวนอกเหนือจากการแนะนำบริการและความชำนาญที่เป็นเลิศแล้ว ยังมีการบรรยายพิเศษจากวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำ และการจัดนิทรรศการแสดงผลงานและบริการของหน่วยงานพันธมิตร พร้อมกันนี้ได้มีพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สอบผ่านโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอที (ITPE) ซึ่งเป็นตัวอย่างของเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาความรู้และทักษะเชิงเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศไทย

View :1411
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคแฮปปี้ สบายใจ ได้ส่วนลด 15% อุปกรณ์เสริม iPhone และ iPad

January 27th, 2011 No comments

ดีแทคเอาใจสาวก Apple ให้ฟีลกู้ดสุดๆ รับไปเลยส่วนลดสูงสุด 15% ง่ายๆ เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริม หรือ iPhone ที่ร้าน iStudio, iBeat และ U-Store ที่ร่วมรายการ 48 ร้านค้า เพียงโชว์สถานะความเป็นลูกค้าของดีแทคหรือแฮปปี้บนหน้าจอมือถือ หรือกด * 1011 แล้วโทรออก นอกจากลูกค้าดีแทคทั้งประเภทเติมเงินและจดทะเบียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าดีแทคประเภทองค์กรภาครัฐ องค์กรธุรกิจและ SMEs แล้ว ผู้ที่ซื้อดีแทคไมโครซิม ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ ยังสามารถร่วมรับโปรโมชั่นนี้ได้อีกด้วย โดยอุปกรณ์เสริมที่นำมาร่วมรายการ อาทิ เคส iPhone 4 คอลเล็กชั่นสุดเก๋จาก UNIQ และ Gear4 หรือ เคสจาก UNIQ, Moshi, และ Case-Mate หรือลำโพง Gear4 และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีกมากมาย เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้- 31 มีนาคม 2554 ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถตรวจสอบอุปกรณ์เสริมที่ร่วมรายการได้ ณ จุดขายและตรวจสอบรายชื่อร้านค้าเพิ่มเติมได้ที่ www..co.th หรือ โทร 1678 call center ( ค่าใช้จ่ายครั้งละ 3 บาท).

View :1719
Categories: Press/Release Tags: , ,

ก.ไอซีที จัดประชุมคณะมนตรีองค์การ APSCO ครั้งที่ 4 เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศ

January 27th, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะมนตรีองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก หรือ APSCO ครั้งที่ ๔ ว่า ประเทศไทยได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากการประชุมคณะมนตรีขององค์การ APSCO ครั้งที่ ๓ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๓ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้จัดการประชุมคณะมนตรีองค์การ APSCO ครั้งที่ ๔ ในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ณ ประเทศไทย ดังนั้น กระทรวงไอซีที จึงได้ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ มกราคม ๒๕๕๔ ณ โรงแรมดุสิตธานี เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

“การจัดประชุมฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกตามนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยกับรัฐสมาชิกอื่นๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในด้านภาพลักษณ์ของประเทศ จากการเป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆ อันจะยังประโยชน์ในด้านการลงทุนภายในประเทศ พร้อมกันนี้ยังเป็นการสนับสนุนให้มีผู้แทนจากประเทศไทยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในองค์การระหว่างประเทศต่อไป” นางจีราวรรณ กล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ของการประชุมคณะมนตรีองค์การ APSCO ครั้งที่ ๔ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการพัฒนากิจกรรมด้านอวกาศของประเทศสมาชิกเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนแลกเปลี่ยนแนวคิดร่วมกันเพื่อประสานใช้ประโยชน์จากศักยภาพ ที่มีอยู่ร่วมกัน พร้อมกันนี้ยังเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนสร้างสัมพันธไมตรีและยกระดับความร่วมมือของหน่วยงาน องค์กร รวมทั้งสถาบันต่างๆ ของกลุ่มประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอวกาศและการใช้ประโยชน์ต่อไป

นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนแนวทางการใช้ประโยชน์จากอวกาศโดยสันติในการเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศด้านอวกาศและการใช้ประโยชน์ รวมทั้งส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยด้านกิจการอวกาศให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกด้วย ซึ่งการประชุมฯ ครั้งนี้ได้มีการเชิญผู้แทนจากรัฐสมาชิกในระดับรัฐมนตรี และผู้แทนระดับสูงจากหน่วยงาน องค์กร ด้านกิจการอวกาศทั้งในและต่างประเทศรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวนประมาณ ๕๐ คน จาก ๙ ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินโดนีเซีย อิหร่าน มองโกเลีย สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน สาธารณรัฐเปรู สาธารณรัฐตุรกี และประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมฯ

“การประชุมฯ ครั้งที่ ๔ นี้ มีการรายงานความคืบหน้าของแผนงาน โครงการ กิจกรรม ขององค์การ APSCO และการพิจารณา ให้ความเห็นชอบรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการความร่วมมือภายใต้อนุสัญญา APSCO และการพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณ ตลอดจนการรับ – ส่งหน้าที่ประธานคณะมนตรีขององค์การ APSCO ของผู้แทนประเทศไทยให้กับผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศ เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ครั้งสุดท้ายของผู้แทนประเทศไทยในฐานะประธานคณะมนตรีคนแรก และเป็นการส่งมอบหน้าที่ให้กับประธานคณะมนตรีคนต่อไป” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1366
Categories: Press/Release Tags:

สวัสดีช็อป จับมือ แมทริกซ์ อินเดีย เปิดบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ

January 27th, 2011 No comments

ชูจุดขายด้านราคา และเครือข่ายมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก จับกลุ่มนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และนักเรียน

บริษัท จำกัด จับมือ บริษัท (อินเตอร์เนชั่นแนล) เซอร์วิส จำกัด ประเทศอินเดีย เปิดบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ มุ่งเน้นชูจุดขายด้านราคาที่ถูกกว่า การบริการโอนสายระหว่างประเทศมากกว่า 60% และเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลกมากกว่า 30 ประเทศ มุ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้าองค์กร นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และนักเรียนที่เดินทางไปต่างประเทศ

มร.อรุณ แบทรา ซีอีโอ บริษัท แมทริกซ์ เซลลูลาร์ (อินเตอร์เนชั่นแนล) เซอร์วิส จำกัด ประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า แมทริกซ์ ประเทศอินเดีย เป็นผู้นำตลาดในการให้บริการโทรศัพท์ ระหว่างประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางไปต่างประเทศ ด้วยจุดแข็งของบริษัทฯ ที่มีเครือข่ายโทรคมนาคมชั้นนำมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ในการให้บริการซิมสำหรับโทรศัพท์มือถือและการ์ดข้อมูล โดยในปีที่ผ่านมา ( 2010) บริษัทฯ ได้รับรางวัล the Emerging Company of the Year จาก Voice & Data นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นพันธมิตรกับธุรกิจแบรนด์ชั้นนำที่ให้บริการด้านท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ เช่น สายการบินลุฟท์ธันซ่า ( Lufthansa Airlines) ไมลส์แอนด์มอร์ ( Miles and More) สายการบินเจ็ท ( Jet Airways) สายการบินบริติช แอร์เวย์ ( British Airways) ดอยท์ชแบงก์ ( Deutsche Bank) ซิตี้แบงก์ ( Citibank) อเมริกัน เอ็กซเพรส ( American Express) และอื่น ๆ ในการเสนอนำเสนอบริการแก่สมาชิกและลูกค้าของบริษัทพันธมิตร รวมไปถึงการเปิดบริการบัตรพลาตินัมโดยร่วมกับดอยท์ชแบงก์อีกด้วย ปัจจุบัน แมทริกซ์มีพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่า 40 เมืองในประเทศอินเดียในการขายบริการของแมทริกซ์ ตลอดจนการจำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์รายย่อย วีซ่า เซ็นเตอร์ และสนามบินนานาชาติประเทศอินเดีย

“ วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ คือ การบริการที่ทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกันได้ทุกแห่งในโลก ด้วยความสะดวกสบาย โดยผ่านการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในราคาที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพราะเราตระหนักว่าสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้าของเราในการเดินทางไปยังต่างประเทศ คือ ค่าใช้จ่าย การสื่อสาร และความสะดวกสบาย ดังนั้น ในฐานะที่แมทริกซ์ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคม จึงได้คิดค้นบริการเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภค วัตถุประสงค์หลักในการให้บริการ คือ ความเรียบง่าย และสามารถเข้าถึงความต้องการ และความคาดหวังของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันได้ ทั้งนี้ พันธสัญญาของเรา คือ ง่ายและฉลาด กล่าวคือ เราทำให้ลูกค้าหมดความกังวลกับค่าใช้จ่ายของการโทรศัพท์ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เน้นให้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่าย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ” มร.อรุณ แบทรากล่าว

สำหรับค่าใช้จ่ายของการบริการนั้น มร.อรุณ แบทรามั่นใจว่า ราคาค่าบริการของแมทริกซ์ต่ำกว่าการบริการโอนสายระหว่างประเทศมากกว่า 60% โดยทางแมทริกซ์ได้ออกแบบแผนการให้บริการที่มีความหลากหลาย และตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยการออกแบบบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่การเช่าหมายเลขระยะสั้น สำหรับการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ และเดินทางเพื่อเจรจาธุรกิจ จนถึงสัญญาระยะยาวรายปี สำหรับนักเรียนที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศ

สำหรับการร่วมทุนกับสวัสดีช็อป นั้น มร.อรุณ แบทรากกล่าวว่า สวัสดีช็อปเป็นผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม Tier 2 ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วยการบริการที่ดีเลิศ ตลอดจนมีข้อเสนอที่น่าสนใจแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมงบประมาณในการติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับวิสัยทัศน์ของแมทริกซ์ ที่ต้องการเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกด้วยนวัตกรรม และต้นทุนด้านโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของสวัสดีช็อป ในการร่วมทุนในการดำเนินการในครั้งนี้

นายณัฐภพ ภูริเดช ผู้อำนวยการ และประธานกรรมการ บริษัท สวัสดีช็อป จำกัด กล่าวถึงการทำตลาดในประเทศไทยว่า สำหรับการตลาดในประเทศไทยนั้น โดยเราเน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีความหลากหลาย เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ทีมขายตรง รวมถึงการขยายช่องทางผ่านบริษัททัวร์ต่างประเทศ รวมไปถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ วีซ่า เซ็นเตอร์ ฯลฯ เทเลมาร์เก็ตติ้ง และบู้ธรายย่อย เพื่อให้บริการสินค้าตามสถานที่ต่าง ๆ โดยทางแมทริกซ์จะนำเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดความต้องการของลูกค้า สำหรับตลาดในประเทศไทย แมทริกซ์มุ่งไปที่ตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กร นักท่องเที่ยว นักเรียนที่เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ และนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการต่าง ๆ นักธุรกิจที่เดินทางไปติดต่อเจรจาธุรกิจ เดินทางไปประชุม การเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้า และการประชุมนานาชาติต่าง ๆ

“ สำหรับสถานการณ์ทางการตลาดในปัจจุบัน มีผู้ให้บริการหลายรายในตลาดที่ใกล้เคียงกับบริการของเรา อาทิ การบริการโอนสายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์หลักในประเทศไทยเปิดให้บริการอยู่ บัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศ บัตรโทรศัพท์ประเภทพรีเพดการ์ด ( pre-paid cards) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อาจกล่าวได้ว่าบริการของแมทริกซ์ มีความสะดวกสบายมากกว่า และมีตุ้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ด้วยจุดแข็งของสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญ และความชำนาญในการให้บริการด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่และดาต้าการ์ดในแต่ละประเทศ ที่ครอบคลุมมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพมากว่า 2 ทศวรรษ การบริการโอนสาย Call Forwarding ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการโอนสายจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้อยู่เดิม ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ต่างประเทศ (ซิมการ์ด) ที่เปิดใช้บริการของแมทริกซ์ ซึ่งลูกค้าไม่จำเป็นต้องบอกหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ที่ใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศแก่ทุกคน ที่สำคัญ ผู้ที่ต้องการติดต่อเพียงแค่กดหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อดังเช่นปกติ ก็สามารถติดต่อลูกค้าได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก โดยลูกค้าไม่เสียค่าบริการรับสาย เพียงแค่เสียค่าโอนสายเมื่อมีผู้ที่โทรเข้าในราคาที่ถูกกว่าบริการโอนสายของผู้ให้บริการโทรศัพท์ในประเทศทั่วไปเป็นอย่างมาก ” นายณัฐภพกล่าว

สำหรับมูลค่าตลาดโดยรวม นั้น นายณัฐภพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางออกนอกประเทศไทยมากกว่า 4 ล้านคนต่อปี โดยจุดหมายสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย อังกฤษ ออสเตรเลีย เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าตลาดจะเติบโตขึ้นประมาณ 10% ต่อปี โดยจากตัวเลขของสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2009 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปยังต่างประเทศประมาณ 4.5 ล้านคน ซึ่งคาดว่าตลาดน่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 10% โดยคาดว่ายอดขายของธุรกิจน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ของตัวเลขดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีอัตรานักเรียนที่เดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศต่าง ๆ อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีตัวเลขนักเรียนไทยที่เดินทางไปศึกษาต่อประมาณ 25,000 คน และ 26,000 คนสำหรับประเทศออสเตรเลีย (ข้อมูลปี 2009 จากรัฐบาลประเทศออสเตรเลีย และสถานทูตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา)

นายณัฐภพ ขยายความต่อไปว่า สำหรับสัดส่วนลูกค้าในประเทศไทยนั้น คาดว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรประมาณ 80% และลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวประมาณ 20% ในขณะที่ในประเทศอินเดีย มีกลุ่มลูกค้าองค์กรประมาณ 50% และกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวประมาณ 50% จุดยืนทางการตลาดของบริษัท คือ การติดต่อสื่อสารด้วยวิธีการง่าย ๆ ในราคาย่อมเยา ด้วยคุณภาพระดับดีเยี่ยมของการบริการ หรืออาจกล่าวได้ว่า Matrix Make Sense สำหรับลูกค้าของเราทุกคน

“ ภาพลักษณ์เป้าหมายของแบรนด์ กล่าวได้ว่า การดูแลเฉพาะบุคคล ( PERSONALISE) เราดูแลลูกค้าเฉพาะบุคคล ตลอดจนเข้าใจสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละท่านและให้บริการคำปรึกษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล การให้ความรู้ ( EDUCATE) โดยสร้างให้เกิดความเข้าใจว่า พวกเขาจะได้ประโยชน์จากการบริการของแมทริกซ์มากแค่ไหน โดยเราจะอธิบายถึงการใช้งานการบริการเพื่อให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องมากที่สุด เรียบง่าย ( SIMPLIFY) การบริการของแมทริกซ์ง่าย และการสื่อสารของเราชัดเจนมากที่สุด เหนือกว่า ( EXCEL) ด้วยการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่เหนือกว่าคู่แข่งขันเสมอ ” นายณัฐภพกล่าว

View :1456

ทรูออนไลน์มอบสิทธิพิเศษซื้อบริการไฮ-สปีดทุกแพ็กเกจ รับฟรีไวไฟ เร้าท์เตอร์ พร้อมแลกโทรทรูมูฟ

January 26th, 2011 No comments

ทรูออนไลน์ ต่อยอดสุดคุ้มให้ลูกค้าท่องเน็ตจุใจ แถมเม้าท์สุดมันส์ทั้งในบ้าน นอกบ้าน
มอบสิทธิพิเศษซื้อบริการไฮ-สปีดทุกแพ็กเกจ รับฟรีไวไฟ เร้าท์เตอร์ พร้อมแลกโทรทรูมูฟ
พิเศษยิ่งขึ้น สมัครพร้อมเบอร์บ้านทรู ฟรีค่าติดตั้ง และรับค่าโทร 200 บาท/เดือน นาน 1 ปี
สุดสนุกกับโลกออนไลน์ และคุยนานเกินคุ้มได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มี.ค. 54

ทรูออนไลน์ มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้ลูกค้าเต็มอิ่มกับโลกออนไลน์ ต่อยอดให้ผู้สมัครใช้บริการไฮ-สปีดทุกแพ็กเกจตั้งแต่ 6 – 16 Mbps. รับฟรีทันที ไวไฟ เร้าท์เตอร์เข้าถึงเน็ตได้เต็มสปีดทุกที่ ทุกเวลา พร้อมเพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้น มอบสิทธิพิเศษทุกค่าบริการ 1 บาทแลกค่าโทรทรูมูฟได้ 1 บาท ยิ่งไปกว่านั้น สมัครพร้อมโทรศัพท์บ้านทรู รับฟรีค่าติดตั้งมูลค่า 3,584.50 บาท และรับค่าโทร 200 บาท/เดือน นาน 12 เดือน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2554 สนใจสมัครแพ็กเกจจากทรูออนไลน์ โทร 1686 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ เว็บไซต์ www.trueonline.com

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรูออนไลน์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์ไทยด้วยบริการที่หลากหลายของแพ็กเกจ hi-speed Internet ให้ผู้ใช้บริการเลือกสมัครตามไลฟ์สไตล์การใช้งานในความเร็วขั้นต่ำ 6 Mbps. ที่ทรูออนไลน์สร้างสรรให้เป็นระดับมาตรฐานความเร็วสูงของตลาดบรอดแบนด์ประเทศไทย ล่าสุด ต่อยอดความคุ้มค่าให้ลูกค้าเข้าถึงโลกออนไลน์ได้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น ทรูออนไลน์ มอบสิทธิพิเศษให้ผู้สมัครใช้งาน hi-speed Internet ทุกแพ็กเกจ ตั้งแต่ความเร็ว 6 – 16 Mbps. รับฟรีทันที Wi-Fi Router พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าทรูมูฟ นำค่าใช้บริการ hi-speed Internet ทุกๆ 1 บาท มาแลกค่าโทรทรูมูฟได้ 1 บาทตามแพ็กเกจ (ต่อ 1 ใบแจ้งค่าใช้บริการ) เมื่อสมัครโปรแกรม All Together Bonus

นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังมอบความคุ้มค่ายิ่งขึ้น สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต ทุกแพ็กเกจ พร้อมเลขหมายโทรศัพท์บ้านทรู รับฟรีค่าติดตั้งมูลค่า 3,584.50 บาท และค่าใช้บริการโทรศัพท์บ้าน 200 บาท/เดือน นาน 12 เดือน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2554 สนใจสมัครแพ็กเกจจากทรูออนไลน์ โทร 1686 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ เว็บไซต์ www.trueonline.com

ทั้งนี้ ทรูออนไลน์ มั่นใจว่าด้วยความเร็วที่มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลายตามต้องการ และสนุกกับการเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา จะช่วยให้ผู้ใช้งานไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ตจากทรูออนไลน์ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเน็ตที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์อย่างเต็มรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มทรู ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี และบริการที่เปี่ยมคุณภาพ เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มอย่างต่อเนื่องต่อไป นายนนท์กล่าวสรุป

View :2050
Categories: Press/Release Tags:

แอมด็อคส์คว้ารางวัล “BSS Vendor of the Year” และ “Most Innovative Vendor of the Year” ในเอเชีย แปซิฟิก

January 26th, 2011 No comments

แอมด็อคส์ได้รับรางวัลในฐานะองค์กรที่มีส่วนร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างสรรค์นวัตกรรม
ในงาน Telecom Asia’s 2010 Readers’ Choice Awards

ผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริการลูกค้า เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า บริษัทได้รับรางวัล “BSS Vendor of the Year” ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ในงาน เทเลคอม เอเชีย รีดเดอร์ส ช้อยส์ อะวอร์ด (Telecom Asia’s Readers’ Choice Awards) นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล เทเลคอม เอเชีย เอดิเตอร์ รีค็อคนิชั่น อะวอร์ด (Telecom Asia’s Editor’s Recognition Award) ในสาขา “Most Innovative Vendor of the Year” อีกด้วย ทั้งนี้ เทเลคอม เอเชีย ถือเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์ชั้นนำสำหรับบริษัทโทรคมนาคม และผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องจากทั่วเอเชีย แปซิฟิก

การมอบรางวัล รีดเดอร์ส ช้อยส์ อะวอร์ด (Readers’ Choice Awards) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมของกลุ่มผู้ผลิต และให้บริการด้านโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเสนอชื่อบริษัทที่สมควรได้รับรางวัลดำเนินการโดยนักวิเคราะห์และที่ปรึกษา โดยมีผู้ให้บริการโครงข่ายที่เป็นสมาชิกออนไลน์ของเทเลคอม เอเชีย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกช่วยกันโหวตให้คะแนนในรอบสุดท้าย

“แอมด็อคส์มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดของสมาชิกที่โหวตให้คะแนน ซึ่งก็คือบรรดาผู้ให้บริการโครงข่ายจากทั่วภูมิภาค ว่าเป็นผู้จำหน่ายด้านซอฟต์แวร์และเซอร์วิสชั้นนำที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ให้บริการโครงข่ายด้านการปรับปรุงการดำเนินงาน จัดการประสบการณ์ลูกค้าตามความต้องการเฉพาะ และนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ” มร.โจเซฟ วอริ่ง บรรณาธิการ เทเลคอม เอเชีย กรุ๊ป กล่าว

ในบรรดาผลิตภัณฑ์และบริการที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมของแอมด็อคส์ ซึ่งมีส่วนทำให้ได้รับรางวัลดังกล่าว ก็คือ แอมด็อคส์ เทอร์โบ ชาร์จจิ้ง (Amdocs Turbo Charging) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชาร์จจิ้งแบบเรียลไทม์ที่ทำงานเบ็ดเสร็จในตัว ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถนำเสนอบริการแบบผสมระหว่างระบบพรีเพด (prepaid) และระบบโพสท์เพด (postpaid) ได้โดยมีต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ที่ถูกลง ทั้งนี้เทคโนโลยี เทอร์โบ ชาร์จจิ้ง ดังกล่าวได้สร้างสถิติใหม่ในอุตสาหกรรมนี้ในส่วนของขีดความสามารถแบบเรียลไทม์ ชาร์จิ้ง (real-time charging performance) โดยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการใช้โทรศัพท์มากถึง 276 ล้านสาย ในช่วงชั่วโมงที่มีการใช้โทรศัพท์สูงสุด หรือที่เรียกว่า busy hour call attempts (BHCA)

“แอมด็อคส์มีความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการเพิ่มมูลค่าธุรกิจในเชิงนวัตกรรม และเรามีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดที่หลากหลาย เช่น แอมด็อคส์ บอร์ด ออฟ แอ็ดไวเซอร์ส (Amdocs Board of Advisors) รวมถึงการประชุมสุดยอดสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับภูมิภาค ที่ซึ่งเราร่วมทำงานกับลูกค้าของเราเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานของเราสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา” มร.เบรน เชฟเฟิร์ด ประธาน แอมด็อคส์กรุ๊ป และกลุ่มบรอดแบนด์ เคเบิ้ล และดาวเทียม การขยาย และการตลาดทั่วโลก กล่าวว่า “รางวัลที่ได้รับดังกล่าว รวมถึงอีกหลากหลายโครงการที่เราดำเนินการเป็นผลสำเร็จและยอดขายที่เราทำได้ในเอเชีย แปซิฟิก สะท้อนให้เห็นว่าแอมด็อคส์ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ให้บริการโครงข่ายในภูมิภาคนี้ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น และสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้อย่างครบถ้วน”

ผลงานเด่นๆ ของแอมด็อคส์ในภูมิภาคนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้แก่
• การใช้งานและการชนะประมูลโครงการของลูกค้า: SingTel ในสิงคโปร์ใช้ Amdocs Interactive’s Personalized Portal software สำหรับ exPress Portal ใหม่ ขณะที่ Globe Telecom ในฟิลิปปินส์ใช้ Amdocs jNetX Convergent Service Platform เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ และโปรโมชั่นลูกค้า นอกจากนี้ CSL ในฮ่องกงเลือกโซลูชั่น Amdocs ChangingWorlds เพื่อสนับสนุนบริการโมบายอินเทอร์เน็ตใหม่ที่ใช้ชื่อว่า MyNet ส่วน Sensis ในออสเตรเลียได้ลงนามสัญญาในส่วนของบริการการจัดการกับแอมด็อคส์เป็นเวลา 6 ปี
• รางวัลที่ได้รับ: แอมด็อคส์ได้รับรางวัล Indian INFOCOM CMAI National Telecom Award ในสาขา “Innovation in Turnkey Solution Products” ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Amdocs CES 8 นอกจากนี้ แอมด็อคส์ยังคว้ารางวัล Frost & Sullivan’s 2010 Asia Pacific ICT Award จากงาน Telecom BSS Vendor of the Year อีกด้วย

View :1346

พอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ อัดชีพจรออนไลน์ผนวกบิวตี้สู่คอมมูนิตี้ไซเบอร์

January 26th, 2011 No comments

บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด โดยผลิตภัณฑ์ พอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ เปิดกลยุทธ์ดึงกระแสความงามเจาะใจสาวไซเบอร์ ส่ง แคมเปญ “ ผิวขาวกระจ่างใส ใครว่าต้องจ่ายแพง” ท้าสาวยุคใหม่ร่วมแชร์ไอเดียฮุคกลับ “คุณพลอยใจ” ตัวแทนสาวไฮโซ เพื่อตีแผ่โลกความงามที่ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงที่สุดแต่คุณภาพดีบนสังคมออนไลน์

นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “ผลิตภัณฑ์พอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ เริ่มชิมลางในโลกออนไลน์เมื่อปี 2010ด้วยกิจกรรม “ตามหารักแท้” จากหนังโฆษณาซีรี่ส์รักของพอนด์ส ซึ่งพอนด์สเริ่มต้นเปิดคอมมูนิตี้ให้สาวสังคมออนไลน์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแชร์ประสบการณ์ความรักและไลฟ์สไตล์ และการจัดกิจกรรมการตลาดผ่านทาง www..com และ ผ่านทางเฟสบุ้ก “ตามหารักแท้” ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากทั้งในแง่จำนวนแฟนเพจ และการเข้ามีส่วนร่วมของคอนซูเมอร์กว่า 1 หมื่นคน”

“สำหรับปีนี้ พอนด์สผลักดันกระแสต่อด้วยแคมเปญอัดคอมมูนิตี้ออนไลน์รับต้นปี “Tell Ploy ผิวขาวกระจ่างใส ใครว่าต้องจ่ายแพง” ผ่านทาง www.pondsflawlesswhite.com และ youtube “คลิปหลุดไฮโซพลอย” เป็นเรื่องราวสมมติของ “คุณพลอยใจ” ไฮโซสาวที่ใช้ชีวิตแบบฟู่ฟ่า หรูหรา ที่ไม่ยอมแม้แต่จะแตะต้องเครื่องสำอางธรรมดาๆ แถมเธอยังเป็นสาวออนไลน์ ที่มาบอกเล่าประสบการณ์ความงามของตัวเอง ในรูปแบบดราม่า ขำขัน เชิงเสียดสีสังคม ผ่านทาง Viral VDO clip ใน youtube นับว่าเป็นครั้งแรกที่พอนด์สได้สร้างเพื่อสร้างความสนุกสนานและน่าติดตาม เพื่อสร้างประสบการณ์ผ่านหนึ่งคนสู่กลุ่มเพื่อน และขยายต่อยัง social network ด้วยแทคติค Test – Tell & Turn เพื่อเป็นการท้าทายผู้บริโภคให้ฉุกคิดในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ มีเรื่องราวที่อยากจะบอกต่อเพื่อนๆ และสุดท้ายลองหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมๆ โดยจัดทำทั้งหมด 10 ซีรี่ย์ โดยเพิ่มพัฒนาการในการแสดงความคิด ในการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของสาวคนนี้อย่างเข้มข้นขึ้นในแต่ละตอน ซึ่งจะมีการวิธีการสร้างให้กลุ่มเป้าหมายฉุกคิดและถกเถียงกัน เปิดโอกาสการแสดงความคิดเห็นผ่านทางสังคมออนไลน์ว่า ‘ครีมบำรุงผิวราคาสูงกว่าให้สิ่งที่ดีกว่าเสมอไปหรือเปล่า?’ โดยผลตอบรับจาก Viral clip ชุด ‘Tell Ploy’ นี้ มีผู้ชม VDO ผ่านทาง youtube ทั้งหมดเกือบ 50,000 คน ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย”

นางวรรณิภา กล่าวทิ้งท้ายว่า “โดยจุดประสงค์ของแคมเปญนี้ พอนด์สต้องการท้าทายผู้บริโภคให้ฉุกคิดว่า ต้องของแพงเท่านั้นหรือที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และสร้างค่านิยมใหม่ให้ผู้หญิง “กล้าเปลี่ยน” ทัศนคติและมุมมองที่เชื่อมั่นและมองหาแต่ ของแพง !”

สนใจติดตามคลิปวิดีโอชุด ‘Tell Ploy’ คลิกไปชมได้ที่ http://www.pondsflawlesswhite.com/

View :1429

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีผนึกไอบีเอ็ม จัดตั้ง “ศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี” แห่งแรกในประเทศไทย

January 26th, 2011 No comments

มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยนำหลักสูตร Academic Initiative เพื่อเสริมสร้างความรู้ และพัฒนาความสามารถในทักษะทางด้านเทคโนโลยี รวมทั้ง ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน และเอาชนะความท้าทาย เพื่อช่วยให้โลก ‘ฉลาดขึ้น’

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (มจธ.) ร่วมกับ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิด “ศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี” หรือ Center of Excellence ศูนย์ผลิตผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับประกาศนียบัตรอย่างเป็นทางการจากไอบีเอ็ม พร้อมเสริมสร้างทักษะของบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของไอบีเอ็ม พร้อมปฏิวัติการเรียนการสอนอย่างล้ำสมัย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ มุ่งผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ทักษะ และความสามารถด้านไอที เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ในประเทศไทย

ในปัจจุบัน ปัญหาท้าทายของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศประการหนึ่ง คือ ขาดแคลนผู้มีความรู้ ทักษะ ความสามารถทางด้านไอที จำนวนบุคลากรที่สถาบันการศึกษาผลิตออกมาในแต่ละปียังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเมนเฟรม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีมากว่า 45 ปี และใช้งานกันอย่างแพร่หลายในองค์กรธุรกิจ แต่ก็ยังมีจำนวนบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญในด้านดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อช่วยเอาชนะความท้าทายในด้านดังกล่าว

ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของสถาบันการศึกษาด้านไอทีอย่าง มจธ. ในการผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตที่มีทักษะสูงและพร้อมทำงานอย่างมืออาชีพต่อไป โดย มจธ. จะเป็นผู้จัดหาสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ส่วนไอบีเอ็มจะรับหน้าที่จัดหาซอฟต์แวร์ชั้นนำ สื่อการเรียนการสอน การฝึกอบรม การพัฒนาหลักสูตร และการจัดสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรจากไอบีเอ็มเมื่อนักศึกษาจบหลักสูตรฯ

อีกทั้ง นักศึกษายังได้มีโอกาสฝึกทักษะความรู้ในเทคโนโลยีหลาย ๆ ด้านของไอบีเอ็ม เช่น เมนเฟรมหรือซิสเต็ม ซี (System z) ดีบีทู (DB2) เว็บสเฟียร์ (WebSphere) โลตัส (Lotus) ทิโวลี (Tivoli) และเทคโนโลยีใหม่ เช่น คลาว์คอมพิวติ้ง การวิเคราะข้อมูลเชิงธุรกิจ วิทยาศาสตร์บริการ การจัดการและวิศวกรรม ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้นักศึกษาเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างให้โลกชาญฉลาดขึ้น เนื่องด้วยสามารถนำความรู้ความสามารถไปใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญเมื่อสำเร็จการศึกษาทันที โดยส่วนใหญ่ของงานจำเป็นต้องมีความเข้าใจทั้งภาคธุรกิจและเทคโนโลยี นอกจากนั้น กระบวนการเรียนรู้ในห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยยังจะช่วยให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรง ได้รับความคุ้นเคยกับการสร้างนวัตกรรม และสามารถพัฒนาเป็นแรงงานที่มีขีดความสามารถแข่งขันทั้งในประเทศและในตลาดโลกได้ เป็นอย่างดี

ผศ.ดร.นิพนธ์ เจริญกิจการ คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยว่า “มจธ. เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่เน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยมีแผนพัฒนาศักยภาพทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ รวมถึงการพัฒนาความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและการวิจัย เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก ในส่วนของคณะเทคโนโลยีและสารสนเทศ ซึ่งถือเป็นความเชี่ยวชาญหลักและเป็นสาขาหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ขณะนี้ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและความเชี่ยวด้านไอทีของนักศึกษาให้ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไอบีเอ็มเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ร่วมทำงานกับทางคณะฯ มาอย่างยาวนาน โดยได้นำทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านไอทีระดับโลกมาถ่ายทอดให้กับคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยอย่างต่อเนื่อง”

“เราเล็งเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาองค์กรในทุกหน่วยงาน แต่กลับมีบุคลากรที่มีความสามารถด้านไอทีรอบด้านจำนวนน้อย ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของสังคม รวมถึงเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านไอทีของคณะ จึงได้จัดตั้งศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีขึ้น ด้วยความมุ่งหวังที่จะผลิตบุคลากรที่มีความรอบรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ มีทักษะการวิเคราะห์ วางแผนและการบริหารจัดการด้านไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบุคลากรด้านพลังงานของประเทศ การจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีในครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของความร่วมมือระหว่างสององค์กรที่จะมุ่งสร้างมืออาชีพด้านไอทีผ่านนวัตกรรมการเรียนรู้ที่เน้นความร่วมมือกันการปฏิบัติจริง”

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มมีความยินดีที่ได้สานต่อความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง มจธ. ในโครงการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีซึ่งจะเป็นแหล่งผลิตผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้ เราจะเดินหน้าในความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งอื่น ๆ อีกเพื่อขยายขอบข่ายการเรียนรู้ที่ไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ไปในวงกว้างขึ้น นับเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้างและส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องพัฒนานวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป”

ผศ.ดร.ประเสริฐ คันธมานนท์รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายบริหารและผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวเสริม “ปัจจุบันมีบัณฑิตที่จบด้านไอทีและสาขาที่เกี่ยวข้องกว่ามากกว่า 50,000 คนต่อปี แต่น่าเสียดายที่มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่มีความรู้และทักษะระดับมืออาชีพ ซึ่งประเทศไทยกำลังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้น การจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มจธ. ให้สามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสนองตามความต้องการของตลาด สามารถสร้างผลงานที่มีคุณค่า เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม องค์กรของรัฐและเอกชน ทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติต่อไป”

ในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน หนึ่งในเทคโนโลยีจากไอบีเอ็มที่ มจธ. นำมาใช้เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยขณะนี้ คือ เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม ซี (IBM System z) หรือเมนเฟรมที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่สอดรับกับวิสัยทัศน์ “โลกฉลาด” (Smarter Planet) ของไอบีเอ็มได้อย่างครบครัน โดยผสานรวมความยืดหยุ่นของระบบประมวลผลขั้นสูงเข้ากับเสถียรภาพและความสามารถในการปรับขนาดของระบบเมนเฟรมเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีความโดดเด่นในแง่ความเสถียรในการประมวลผล เอื้อต่อการลดค่าใช้จ่ายและการประหยัดพลังงานต่อการใช้งานในองค์กรชั้นนำ ทั้งนี้ นับถึงปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยทั่วโลกที่ได้นำเมนเฟรมหรือ ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม ซี ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนด้านไอทีแล้วกว่า 500 แห่ง โดยมีนักศึกษากว่า 50,000 คนที่ได้เรียนรู้และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีฯ ดังกล่าว

เกี่ยวกับศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี

ศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี (Center of Excellence) เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ไอบีเอ็ม อคาเดมิค อินนิชิเอทีฟ” (IBM Academic Initiative) ซึ่งไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษากว่า 2,000 แห่งหลายประเทศทั่วโลก ถือเป็นโครงการสำคัญอีกโครงการหนึ่งของไอบีเอ็มที่มุ่งเน้นพัฒนาความรู้และทักษะด้านไอทีให้กับบุคลากร นักเรียน นิสิต/นักศึกษาทั่วโลก

โครงการ “ไอบีเอ็ม อคาเดมิค อินนิชิเอทีฟ” (IBM Academic Initiative) จัดตั้งในปี 2547 เพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างไอบีเอ็มและสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ โดยมุ่งเน้นเพิ่มพูนความรู้ พัฒนาทักษะและความชำนาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับคณาจารย์ นิสิต นักศึกษาและบุคลากรทั่วไป เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ ทักษะ ความชำนาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับบุคลากรในประเทศต่าง ๆ ให้สามารถสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่กำลังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญในด้านดังกล่าว ปัจจุบันมีคณาจารย์กว่า 30,000 คน จากสถาบันการศึกษากว่า 5,900 แห่งทั่วโลกร่วมมือกับไอบีเอ็มในโครงการนี้ และมีนักศึกษากว่า 2.5 ล้านคนทั่วโลกที่ได้ผ่านการอบรมในโครงการดังกล่าว

View :1436

NINE พลิกโฉมโลกช้อปปิ้งออนไลน์ผ่าน NCoupon

January 26th, 2011 No comments

จับมือพันธมิตรชั้นนำ ชู ‘ เอ็กซ์คลูชีพโปรโมชั่น ’ สร้างไลฟ์สไตล์รุ่นใหม่

บริษัทในกลุ่มเนชั่นกรุ๊ป ผู้นำธุรกิจสื่อ รุกขยายธุรกิจบนโลกออนไลน์ ด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์ ชูศักยภาพด้านสื่อครบวงจรทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และนิวมีเดีย สร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรร้านค้าธุรกิจ นำเสนอโปรโมชั่นสินค้าและบริการทั้ง “ กิน ดื่ม เที่ยว ช้อป ” ระดับเอ็กซ์คลูซีพ สร้างความตื่นตัวให้โลกช้อปปิ้งออนไลน์ โดยทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์อย่างแท้ จริง คาดหลังเปิดตัวจะมีคนเข้ามาเลือกหาสินค้าและบริการวันละนับหมื่นคน

นาย ธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกระแสการตื่นตัวของโลกดิจิทัล ทำให้เกิดสื่อใหม่ๆ รวมถึงการติดต่อสื่อสารผ่านเครื่องมือสื่อสารที่กลายเป็นสังคมออนไลน์หรือ Social Network บนโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้กลุ่มเนชั่น ซึ่งไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาองค์กร ให้ความสนใจและมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ เพื่อรองรับกระแสดังกล่าว รวมถึงการที่สังคมออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของ ผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่นับวันจะปรับเปลี่ยนมาสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านอิน เทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้กลุ่มเนชั่น โดยบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NINE ได้ก่อกำเนิดเว็บไซต์ NCoupon หรือ www.ncoupon.co.th ที่จะเป็นทางเลือกใหม่ในการเพิ่มอำนาจซื้อให้กับผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแม้จะมีเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งรวบรวมและซื้อขายสินค้าหลากหลายประเภท แต่สำหรับ NCoupon ต้องนับว่าเป็นมิติใหม่แห่งการจับจ่ายใช้สอยบนโลกออนไลน์ เนื่องจากเว็บไซต์ www.ncoupon.co.th จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานประโยชน์ทางธุรกิจ ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของสินค้าสามารถนำเสนอสินค้าและบริการในระดับเอ็กซ์คลู ซีพให้กับผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ ได้เลือกซื้อในราคาที่ยากจะปฏิเสธ

“ เว็บไซต์ที่เป็นศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าทั่วไปมักจะทำหน้าที่เป็นตัวกลาง แต่สำหรับ NCoupon เราเป็นมากกว่านั้น เพราะกลุ่มเนชั่นจะใช้จุดแข็งด้านแบรนด์ของเนชั่น ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากเจ้าของสินค้าและผู้บริโภค เชิญชวนให้เจ้าของสินค้าที่ต้องการนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษในระดับเอ็กซ์คลูซี ฟที่ไม่สามารถหาได้ตามช่องทางขายทั่วไปให้แก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสินค้า นั้นๆ ได้โดยตรง ผ่านการสนับสนุนจากกลุ่มเนชั่น ที่มีความพร้อมด้านสื่อครบวงจร ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และนิว มีเดีย รวมถึงสื่อออนไลน์ เพื่อสร้างพลังในการโปรโมทไปยังผู้บริโภคให้เกิดการบอกต่อ เพื่อสร้างกระแสในการเลือกซื้อสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ NCoupon” นายธนาชัยกล่าว

ด้านนางเกษรี กาญจนะวณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NINE กล่าวว่า เว็บไซต์ NCoupon เป็นการใช้โมเดลของ ซึ่งหมายถึงการใช้ Social Network กับการซื้อขายแบบ e-Commerce โดยนำพลังของ Social Network เช่น Facebook, และ twitter มาสร้างเป็นเครือข่ายทางการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้า หมาย เพื่อให้เกิดการบอกต่อข่าวสารโปรโมชั่นพิเศษ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการสร้างกระแสความสนใจให้ผู้บริโภคเข้ามาซื้อสินค้าบน เว็บไซต์ NCoupon

ทั้งนี้ โปรโมชั่นที่นำมาเสนอบนเว็บไซต์ NCoupon เป็นรูปแบบเอ็กซ์คลูซีพที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซื้อสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ NCoupon โดยเฉพาะ ซึ่งครอบคลุมสินค้าและบริการทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง “ กิน ดื่ม เที่ยว ช้อป ” โดยมีโปรโมชั่นส่วนลดเริ่มต้นที่ 50 % ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสินค้าสามารถพิมพ์คูปอง นำไปเป็นส่วนลดหรือแลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษสุดกับทางร้านค้าได้ทันที

“ การทำตลาดของ NCoupon ที่ใช้โมเดลของ Social Commerce ในครั้งนี้ จะสร้างฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ ที่จะได้รับข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษสุดในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีพที่ส่งตรงไปยัง ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับเจ้าของสินค้า แต่สามารถขายสินค้าได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันจำกัด ขณะที่ผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพที่ตรงต่อความต้องการในราคาที่ ดีที่สุด ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางขายทั่วไป ที่แตกต่างจากที่อื่นก็คือ เราจะประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นเหล่านี้ในสื่อหนังสือพิมพ์ทุกวันด้วย ” นางเกษรี กล่าว

สำหรับสินค้าและบริการในระดับเอ็กซ์คลูซีฟที่ NCoupon และพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ให้บริการนำมาเสนอนั้น จะครอบคลุมไลฟ์สไตล์ “ กิน ดื่ม เที่ยว ช้อป ” ทั้งร้านอาหาร โรงแรม สปา กิจกรรมเพื่อการผ่อนคลาย ตลอดจนสินค้าไอที สุดยอดเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ของใช้ในครัวเรือน อัญมณี หนังสือ ไปจนถึงกิจกรรมความบันเทิงอย่างคอนเสิร์ต กิจกรรมเพื่อสุขภาพ ได้แก่ สถานออกกำลังกายหรือฟิตเนส เซ็นเตอร์ และกิจกรรมอื่นๆ เช่น การอบรม สัมมนา และ ที่ขาดไม่ได้ คือ สินค้าสิ่งพิมพ์ดีดีด้วย

กรรมการผู้อำนวยการ NINE กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ เชื่อว่า การเข้ามาดำเนินธุรกิจตัวกลางขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ NCoupon ของกลุ่มเนชั่น ซึ่งใช้คนรุ่นใหม่ที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ จะช่วยสร้างสีสันใหม่ให้แก่การค้าบนโลกออนไลน์ของไทย และจะทำให้ Social Commerce ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น โดยบริษัทฯ เชื่อว่า ในแต่ละวันจะมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อหาสินค้าและบริการที่ถูกใจวัน ละนับหมื่นคน

View :1278