Archive

Archive for January, 2011

จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ออก“ จีเอสเอ็ม สมาร์ทโฟน ซิม ”

January 26th, 2011 No comments

นางเบญจพร กำเพ็ชร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มลูกค้าโพสต์เพด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ จากกระแสความนิยมการใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านราย ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ผู้ให้บริการจึงออกสมาร์ทโฟน แพ็คเกจเป็นจำนวนมากเพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานได้ โดยจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ เป็นรายแรกๆ ที่ออก สมาร์ทโฟน แพ็คเกจ ซึ่งจากการศึกษาพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวพบว่ารูปแบบสมาร์ทโฟน แพ็คเกจที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานจริงของลูกค้า เพราะส่วนใหญ่เป็นรูปแบบที่ให้ปริมาณการโทร น้อย ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ให้ปริมาณการใช้งาน ดา ต้ามากซึ่งเกินความจำเป็นในการใช้งาน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินกว่าความเป็นจริง

และจากการศึกษาจนเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง วันนี้เพื่อตอบโจทย์ทุกพฤติกรรมและทุกความต้องการใช้งานของลูกค้า อีกทั้งเพื่อเป็นการปรับสมดุลให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดในทุกๆด้าน ทั้งวอยซ์ และ ดา ต้า จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ จึงออก “ จีเอสเอ็ม สมาร์ทโฟน ซิม ” ซิมรูปแบบใหม่ที่ใช้งานได้กับมือถือสมาร์ทโฟนทุกรุ่น สำหรับทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน โดยมีให้เลือก 2 แพ็คเกจ คือ แพ็คเกจเหมาจ่ายเดือนละ 399 บาท โทรได้ฟรี 200 นาที และใช้งาน ดา ต้าได้ 150 MB และแพ็คเกจเหมาจ่ายเดือนละ 699 บาท โทรได้ฟรี 400 นาที และใช้งาน ดา ต้าได้ 500 MB รวมทั้งยังมีแพ็คเกจอื่นๆ ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่มีพฤติกรรมการใช้งานทั้งวอยซ์ และ ดา ต้าไม่สม่ำเสมอในทุกๆเดือน ให้เลือกใช้งานได้ตามปริมาณการใช้งานจริงของตนเองด้วย ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อ “ จีเอสเอ็ม สมาร์ทโฟน ซิม ” ได้ที่เอไอเอส ช็อป และร้านเทเลวิซทุกสาขาทั่วประเทศ และสำหรับลูกค้าปัจจุบันสามารถเลือก “ จีเอสเอ็ม สมาร์ท โฟน แพ็คเกจ ” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งาน ดา ต้าจากเครื่องสมาร์ทโฟนได้อย่างอุ่นใจยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดจากการเชื่อมต่อ GPRS โดยไม่รู้ตัว จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ จึงช่วยดูแลค่าใช้จ่าย ด้วยบริการ In ternet Worry Free โดยให้ลูกค้าชำระค่าใช้บริการ ดา ต้าภายในประเทศสูงสุดเพียง 1,500 บาท / เดือน ไม่ว่าจะใช้งานเท่าไรก็ตาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 ”

View :1526
Categories: Press/Release Tags:

คณะไอทีลาดกระบัง ปรับหลักสูตรใหม่ เปิดรับนักศึกษา ป.โท-เอกพร้อมมอบทุนการศึกษากว่า 10 ทุน

January 26th, 2011 No comments

ปรับหลักสูตรใหม่ เน้นความเข้มข้นในศาสตร์ทางด้านไอทียิ่งกว่าเดิม เพื่อเป็นใบเบิกทางให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ ต้องการความก้าวหน้าในสายอาชีพ และมองหาโอกาสใหม่ในชีวิต พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับผู้ที่มีผลการเรียนดี และมีความสนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือเอก รวม 15 ทุน

รศ. ดร.จันทร์บูรณ์ สถิตวิริยวงศ์ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า จากที่คณะได้เปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาโท และเอก มากว่า 15 ปีนั้น ได้มีการปรับปรุง พัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย เข้มข้น และเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ โดยมองถึงความต้องการ และประโยชน์ของที่ผู้เข้ามาศึกษาที่คณะไอทีแห่งนี้จะได้รับหลังจากจบการศึกษาไปแล้วเป็นหลัก

ด้วยเหตุนี้ในปีที่ผ่านมาทางคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนหลักสูตรในระดับปริญญาโทใหม่ เพื่อให้มีเนื้อหาวิชาที่เข้มข้นมากกว่าเดิม โดยเน้นเนื้อหาไปในเรื่องศาสตร์ทางด้านไอทีที่มีความจำเป็น ทั้งสำหรับบุคลากรที่ทำงานด้านไอทีอยู่แล้วจะได้นำไปใช้เพิ่มศักยภาพในงานที่ทำ และสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่สายงานในอาชีพนี้ ตลอดจนผู้ที่อยู่ในตำแหน่งบริหารที่ต้องการความรู้ด้านไอทีในระดับที่สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการด้านไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพในแบบรู้รอบและรู้จริง

“การปรับหลักสูตรในครั้งนี้ ทางคณะฯ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มความรู้ ศักยภาพ และความแข็งแกร่งให้กับผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนสายอาชีพไปทำงานทางด้านไอที และคนทำงานด้านไอทีที่มองหาความก้าวหน้าในสายอาชีพ ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม” รศ.ดร.จันทร์บูรณ์ กล่าว

ปัจจุบันคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ใน 2 แขนงวิชาด้วยกัน ได้แก่ แขนงวิชาเทคโนโลยีระบบสารสนเทศ (Information Systems Technology – IST) ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ตรวจสอบรายชื่อสาขาวิชาที่รับได้ทางเว็บไซต์ http://www.it.kmitl.ac.th/admissions หรือติดต่อเจ้าหน้าที่งานบริการการศึกษาของคณะฯ) และ แขนงวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการจัดการ (Information Technology and Management – ITM) ที่เหมาะสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (ทุกสาขาวิชา) ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้านไอที เพื่อเปลี่ยนสายงาน หรือเพื่อใช้ในการบริหารจัดการ

สำหรับในปีการศึกษา 2554 นี้ ทางคณะฯ เปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาโทแขนงวิชาเทคโนโลยีระบบสารสนเทศ (IST) กลุ่มเรียนในเวลาราชการ แผน ก1 จำนวน 5 คน, แขนงวิชาเทคโนโลยีระบบสารสนเทศ (IST) กลุ่มเรียนในเวลาราชการ แผน ก2 จำนวน 20 คน, แขนงวิชาเทคโนโลยีระบบสารสนเทศ (IST) กลุ่มเรียนนอกเวลาราชการ จำนวน 60 คน และ แขนงวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการจัดการ (ITM) กลุ่มเรียนนอกเวลาราชการ จำนวน 60 คน ส่วนนักศึกษาในระดับปริญญาเอกนั้น เปิดรับนักศึกษาสามัญ จำนวน 3 คน และนักศึกษาทดลองเรียน จำนวน 2 คน ผู้สนใจสมัครเข้าเรียนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.it.kmitl.ac.th โดยจะทำการเปิดรับถึงวันที่ 28 มกราคม 2554 นี้

สำหรับวันเวลาและสถานที่จัดการเรียนการสอนนั้น กลุ่มเรียนในเวลาราชการ จะเรียนในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ส่วนกลุ่มเรียนนอกเวลาราชการ จะเรียนในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.00 – 21.00 น. ที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ชั้น 10 ถ. วิภาวดีรังสิต (ทั้งนี้ ยกเว้นในบางรายวิชาเลือก ที่อาจเปิดสอนเฉพาะในวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)

รศ.ดร.จันทร์บูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสร้างคน มุ่งวิจัย และรับใช้สังคม ยังเป็นปณิธานของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้นทางคณะฯ จึงได้จัดสรรทุนการศึกษา (ยกเว้นค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร) เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้ที่มีผลการเรียนหรือการวิจัยที่ดี เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท แผน ก จำนวน 10 ทุน และในระดับปริญญาเอก จำนวน 5 ทุน รวมถึงทุนประเภทอื่น ๆ เช่น ทุนผู้ช่วยนักวิจัย โดยไม่มีข้อผูกพันหลังสำเร็จการศึกษา เพื่อช่วยพัฒนาและสร้างคนที่มีคุณภาพออกสู่สังคมต่อไป

เกี่ยวกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
โครงการคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดตั้งขึ้นโดย ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ตั้งแต่ปี 2534 โดยไม่มีการแบ่งเป็นภาควิชา จัดการเรียนการสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ ต่อมาโครงการคณะเทคโนโลยีสารสนเทศได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาอุดมศึกษา ระยะที่ 7 (ปี พ.ศ. 2535 – 2539) และในการประชุมสภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2537 มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และให้โอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และนักศึกษาทั้งหมดมาดำเนินการภายใต้โครงการคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และในวันที่ 15 พฤษภาคม 2538 ทบวงมหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้จัดตั้งคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยไม่มีการแบ่งเป็นภาควิชา และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2539

View :1646

Vostro 460 เดสก์ทอปรุ่นใหม่ล่าสุด ให้ประสิทธิภาพในวันนี้ และรองรับการเติบโตสำหรับวันพรุ่งนี้

January 25th, 2011 No comments

จากการเปิดตัว แล็ปท็อปสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็กที่สวยที่สุดในโลก เดลล์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะประกาศเปิดตัว ไลน์ผลิตภัณฑ์เดสก์ทอปประสิทธิภาพสูง นั่นคือ Vostro 460

เดสก์ทอปวอสโทรรุ่นล่าสุด ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กเฉกเช่นเดียวกับแล็ปท็อปรุ่นอื่นๆ ในสายผลิตภัณฑ์วอสโทรที่ได้เปิดตัวมาแล้ว สำหรับลูกค้าที่มองหาโซลูชั่นไอทีที่มีเสถียรภาพ มีความคุ้มค่าสูงสุดในการลงทุน Vostro 460 คือ คำตอบ จากคุณสมบัติในการติดตั้งง่าย และมีประสิทธิภาพสูง Vostro 460 เป็นเดสก์ทอปพีซีสำหรับกลุ่มเอสเอ็มบี รุ่นแรก ที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ควอดคอร์อินเทล แซนดี้ บริดจ์ (Intel Sandy Bridge) ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็ก สามารถทำงานหลายอย่างได้พร้อมกันได้มากที่สุด นอกจากนี้แล้ว ด้วยเทคโนโลยีช่วยเร่งการทำงาน Intel Turbo Boost Technology 2.0 ทำให้คุณได้ขุมพลังที่มากกว่า ในเวลาและจากทุกสถานที่ที่คุณต้องการ

Vostro 460 นำเสนอเทคโนโลยีที่แตกต่าง ลูกค้าสามารถเลือกคุณสมบัติเพิ่มเติม ที่ต้องการในการทำงาน และเติบโตไปกับธุรกิจ มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ที่สามารถขยายความจุได้สูงสุดถึง 3 เทราไบต์ เพื่อเก็บไฟล์งาน รูปภาพ เพลง และไฟล์อื่นๆ ด้วยพาวเวอร์ซัพพลายขนาดใหญ่ 350 วัตต์ และเพิ่มได้สูงสุดอีก 150 วัตต์ สำหรับพาวเวอร์ของกราฟิกการ์ด ทำให้คุณสามารถอัพเกรดเครื่องได้อย่างไม่รู้จบ และหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ผู้ประกอบการทั้งหลายสามารถผ่อนคลายด้วย
บลูเรย์ดิสก์ Vostro 460 และระบบเสียง 7.1 HD

Vostro 460 ได้รับการออกแบบตามความต้องการขององค์กรธุรกิจในทุกวันนี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่สะดุด ต้องการความช่วยเหลือด้านไอที? ศูนย์ช่วยเหลือของเดลล์ (Dell Support Center) ได้รับการพรีโหลดไว้ใน Vostro 460 รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย ด้วยบริการปกป้อง ที่ใช้งานง่าย และต้องการการดูแลรักษาเพียงเล็กน้อย หรือไม่จำเป็นต้องดูแลมาก

Vostro 460 นำเสนอทุกอย่างที่คุณต้องการบนพีซี:
 มาในรูปทรงมินิทาวเวอร์ ด้วยพลังและเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อรับมือกับเวิร์คโหลดขนาดใหญ่ที่สุด
 เทคโนโลยีเหลือล้ำ เพื่อการทำงาน และรองรับต่อการขยายธุรกิจ
 ชุดบริการบนเดสก์ทอปและโซลูชั่นสนับสนุน ออกแบบมาเพื่อธุรกิจของคุณ
 โปรเซสเซอร์ อินเทล ควอดคอร์ i5 และ i7 เจนเนอเรชั่น 2 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
 ติดตั้งประสิทธิภาพเพื่องานกราฟิกสำหรับธุรกิจ หรืออัพเกรด เป็นนาวิเดีย 1 กิกะเฮิรตซ์ หรือ กราฟิก ATI HD เพื่อประสบการณ์ทรงพลังที่มากกว่า
 รูปทรงออกแบบพิเศษโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่าง (A tool-less chassis) ทำให้สามารถเพิ่มเติมหน่วยความจำและกราฟิกการ์ดได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
 พอร์ตยูเอสพี 2.0 จำนวน 8 พอร์ต เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิตอลทั้งหมดของคุณ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ ผนวกกับการสำรองข้อมูลสำคัญไปยังฮาร์ดไดร์ฟตัวนอก ด้วยการ์ดเพิ่มเติม USB 3.0
 เพิ่มทางเลือกด้วยบริการ Dell ProSupport ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน และออปชันเสริม การแบ็คอัพ Dell DataSafe Online
 มาพร้อมกับบริการรักษาความปลอดภัย จากเทรนด์ ไมโคร

เจ้าของธุรกิจสามารถเพิ่มขุมพลังให้กับเหล่าพนักงานเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยราคาเริ่มต้น 19,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

View :1504
Categories: Press/Release Tags:

เอไอเอส ประกาศคงความเป็นผู้นำด้วยการทำงานแบบ Quality D N As พร้อมขยายเครือข่าย 3G 900 เพิ่ม ตอบโจทย์การเติบโต Mobile Internet

January 24th, 2011 No comments


 
 

24 มกราคม 2554 : เอไอเอส ตอกย้ำความเป็นผู้นำ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการทำงานแบบ “Quality D N As – คุณภาพในทุกมิติของการให้บริการ” ประกาศยังคงพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ รวมถึงขยายเครือข่าย 3G900 เพิ่ม ตอบรับกระแสการเติบโต Mobile Internet

 นายวิเชียร  เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมยังคงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ และเป็นสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตของการใช้งาน Mobile Data สูงขึ้นกว่า 100%”

 “ในส่วนของเอไอเอสเองนั้น ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ยังคงครองความเป็นผู้นำในส่วนแบ่งการตลาด ด้วยการเติบโตในภาพรวมถึง 7.5% โดยมีลูกค้าและการใช้งาน Voice และ SMS เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งาน Mobile Data  เติบโตกว่า 100% โดยที่มีผู้ใช้ มากกว่า 7.5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2552 ”

 “สำหรับ ปี 2554 คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมน่าจะเติบโตอีกประมาณ 3-5% เราเชื่อว่าการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แม้แต่การใช้งานพื้นฐานด้านเสียง และจะมีความต้องการเพิ่มเติมขึ้นเป็นอย่างมากสำหรับการใช้งาน Mobile Internet, Social Network, Smart Device รวมถึง Applications ในทุกๆระบบปฏิบัติการ โดยคาดว่าการแข่งขันของ Operators จะเป็นไปอย่างรุนแรงในแกนของ Total Solutions ซึ่งถือว่าจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าได้เพิ่มเติมขึ้นจากที่ผ่านมา”

นายวิเชียรกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราได้ดำเนินการเพื่อตอบรับ  Trend การแข่งขันดังกล่าวโดยตลอด ตามหลักของ Ecosystem จึงทำให้ปี 2554 เรามีความพร้อมในการให้บริการด้วยรูปแบบของ Total Solutions อย่างเต็มที่ ภายใต้แนวทางการทำงาน “Quality D N As – คุณภาพในทุกมิติของการให้บริการ” ที่จะทำให้เอไอเอสยังคงความเป็นผู้นำและสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนแน่นอน”

 

ด้านนายมาร์ค ชอง ชิน ก๊อก หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เอไอเอส กล่าวว่า “คุณภาพ” ซึ่งถ่ายทอดมาจากองค์ประกอบรากฐานของความเป็นเอไอเอส นับเป็นหัวใจหลักในการส่งมอบบริการจากทุกมิติ ผ่าน Devices, Networks, Applications รวมถึง Customer Services สู่ผู้ใช้บริการ โดยแผนงานของเอไอเอสในทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย

-       Devices : จะนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ในทุกๆ segment ไม่ว่าจะเป็น Basic Phone, Smart Phone และ Smart Devices ในหลากหลายระบบปฏิบัติการมามอบให้แก่ลูกค้า พร้อมแพ็คเกจการใช้งานที่เหมาะสม คุ้มค่าทั้ง Voice และ Data ก่อนใคร และพิเศษกว่าใครเสมอ

-       Network : ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กระแสการใช้งาน  Mobile Internet เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างนั้นจึงทำการปรับเปลี่ยนเครือข่ายบนเทคโนโลยี 2G ให้พร้อมรับการใช้งาน Mobile Internet ที่กำลังเติบโตดังกล่าวไปแล้วล่วงหน้า    รวมทั้งนำเทคโนโลยี  EDGE Plus เข้ามาพัฒนาเพิ่มเติม

โดยในปี 2554 เอไอเอสจะใช้งบประมาณด้านเครือข่ายเป็นเงิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งการขยายพื้นที่การให้บริการ, เพิ่มความสามารถในการรองรับการใช้งานของ 2G ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขยายพื้นที่ให้บริการของ 3 G ด้วยเทคโนโลยี HSPA บนคลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งเคยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2551 ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยงบประมาณ 2,500 ล้านบาท  โดยจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และภายในไตรมาส 3 จะมีจำนวนสถานีฐานของ 3G 900 อยู่ที่ 1,884 แห่ง ครอบคลุมกรุงเทพมหานคร, ปริมณฑล, เชียงใหม่, โคราช, ขอนแก่น, ชลบุรี, หัวหิน, นครปฐม, ภูเก็ต

นอกจากนี้ เอไอเอสจะเพิ่มเติมเทคโนโลยีเครือข่ายเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบ Lifestyle การใช้งานในลักษณะของ Fix Wireless เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยี Wireless Broadband ถึงบ้าน ที่จะมี Speed สูงสุดถึง 8 Mbps โดยจะพร้อมให้บริการภายในไตรมาส 1 แน่นอน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “1 ซิม ทุกเครือข่าย”

-       Applications : พร้อมพัฒนา Applications ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในทุกๆ Segment  บนทุกระบบปฏิบัติการของ Devices แต่ละประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนา Local Applications ที่ตอบความต้องการเพื่อลูกค้าเอไอเอส ซึ่งจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นล่าสุดประเดิมด้วย Soccer Life ที่เป็น Application แรกที่รายงานผลฟุตบอลสดครบทุกลีคทั่วโลก บน iPhone และ Smart Phoneอื่นๆ

-       Services : พร้อมมอบความพึงพอใจและประสบการณ์ที่อุ่นใจได้ผ่านทุกช่องทางการให้บริการ (Touch Points)   ในปีนี้เราได้ยกระดับคุณภาพการให้บริการไปอีกขั้นกับ “Certified Smart Phone Expert”  ให้บริการผ่าน Call Center และ สำนักงานบริการทั่วประเทศ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งหมดถือเป็นความตั้งใจของเอไอเอส ที่พร้อมส่งมอบบริการที่มีคุณภาพสูงสุดตามแนวคิด “Quality D N As – คุณภาพในทุกมิติของการให้บริการ” อย่างต่อเนื่อง

 

View :1687
Categories: Press/Release Tags:

เอชพีผนึกไมโครซอฟท์พัฒนา 4 ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่

January 21st, 2011 No comments

สนับสนุนองค์กรต่างๆ เร่งสร้างผลการดำเนินงานเร็วขึ้น
เสริมทัพด้วยโซลูชั่นใหม่ด้าน ระบบธุรกิจอัจฉริยะ คลังข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบรับส่งข้อความ และฐานข้อมูลแบบผนวก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และลดความซับซ้อนของระบบไอทีให้ทำงานง่ายขึ้น

กรุงเทพฯ 20 มกราคม 2554 – เอชพีประกาศผนึกกำลังกับไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วมพัฒนา
4 ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่รองรับแอพพลิเคชั่นแบบผนวก ซึ่งรวมทั้งแอพพลิเคชั่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือการทำงาน (productivity tools) เข้าไว้ด้วยกันเป็นระบบเดียว ส่งผลให้พนักงานขององค์กรต่างๆ มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นและตัดสินใจได้เร็วขึ้น ทั้งยังช่วยให้การส่งมอบแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้การใช้งานด้านไอทีเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น(1) ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่ดังกล่าว ได้แก่ Business Decision Appliance ซึ่งวางจำหน่ายอยู่แล้วในขณะนี้ เพื่อนำไปใช้งานโปรแกรมการทำธุรกิจแบบอัจฉริยะ (business intelligence) และ E5000 Messaging System for Exchange Server สำหรับใช้งานโซลูชั่นรับส่งข้อความ โดยมีกำหนดนำออกวางตลาดภายใน 45 วันนับจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่อีก 2 รายการคาดว่าจะพร้อมนำออกสู่ตลาดภายในปีนี้

ที่ผ่านมา การใช้แอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญทางธุรกิจมี 2 วิธี วิธีแรกคือการใช้งานที่พัฒนาขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้เวลานานมาก และวิธีที่ 2 คือการใช้แอพพลิเคชั่นและระบบโครงสร้างพื้นฐานลิขสิทธิ์ที่ไม่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ช้ามาก ด้วยรูปแบบการใช้งานดังกล่าว ทำให้โครงการไอทีที่ใช้แอพพลิเคชั่นสำคัญทางธุรกิจและได้รับการยอมรับจากองค์กรต่างๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จมีเพียงร้อยละ 32 เท่านั้น(2)

สำหรับผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่ดังกล่าวเป็นการพัฒนาต่อยอดจากการประกาศเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างเอชพีและไมโครซอฟท์ในปีที่ผ่านมา โดยเป็นระบบแรกในวงการไอทีที่มีการผนวกรวมแอพพลิเคชั่นต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบสนองการใช้งานของฝ่ายไอทีและผู้ใช้งานทั่วไป สำหรับแอพพลิเคชั่นที่ผนวกรวมไว้ในผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ดังกล่าว ได้แก่ ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (business intelligence) ระบบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ (data warehousing) ระบบประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ (online transaction processing) และระบบรับส่งข้อความ (messaging) นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาร่วมกันดังกล่าว รวมทั้งบริการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นสำคัญทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงชั่วโมงเดียว เมื่อเทียบกับระบบเก่าที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือน(3) โซลูชั่น HP Enterprise Data Warehouse Appliance คือ หนึ่งในโซลูชั่นที่พัฒนาโดยเอชพีร่วมกับไมโครซอฟท์ โดยสามารถประมวลและจัดการคำถามได้เร็วขึ้น 200 เท่า และปรับขยายสมรรถนะการใช้โปรแกรม SQL Server รุ่นเก่าได้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า(4)

มร. อมัน นีล โดคาเนีย รองประธานและผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจ Converged Infrastructure Solutions เอชพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ปัจจุบัน ลูกค้าต้องการลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินงานและตัดสินใจ ด้วยผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ที่สนับสนุนแอพพลิชั่นแบบผนวกดังกล่าว ทำให้เอชพีและไมโครซอฟท์ช่วยลูกค้าย่นระยะเวลาที่ใช้ในการจัดส่งข้อมูล ส่งผลให้มีความเสี่ยงและต้นทุนในการดำเนินงานลดลงอีกด้วย”

มร. ไมเคิล แกมเบีย ผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจ Microsoft APAC Server and Tools Business บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป เปิดเผยว่า “ไมโครซอฟท์และเอชพีช่วยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่สุด 2 รายซึ่งได้แก่เวลาและความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์แอพ พลายแอนซ์ใหม่ดังกล่าวทำให้เราสามารถนำข้อมูลทางธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดส่งตรงถึงมือลูกค้าได้ทันทีตามต้องการ”

ขยายการเข้าถึงบริการ business intelligence
ด้วยผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance ที่พัฒนาโดยเอชพีร่วมกับไมโครซอฟท์จะช่วยให้ฝ่ายไอทีลดเวลาและการดำเนินการเพื่อตั้งค่าระบบ ใช้งาน และบริหารจัดการโซลูชั่น business intelligence แบบครบวงจร เมื่อเทียบกับการใช้โซลูชั่น business intelligence แบบเดิมซึ่งไม่ได้ผนวกรวมแอพพลิเคชั่น ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และเครื่องมือการทำงานเข้าไว้ด้วยกัน ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่นี้รองรับการทำงานของ Microsoft SQL Server และ Microsoft SharePoint ได้สูงสุด ทั้งยังสามารถติดตั้งและตั้งค่าระบบโดยฝ่ายไอทีได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance ยังช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันที่สนับสนุนโปรแกรม PowerPivot ของไมโครซอฟท์ที่ได้รับรางวัล(5) และเป็นโปรแกรมเสริม (add-in) ที่ทำงานบนโปรแกรม Microsoft Excel และทำงานร่วมกับผู้อื่นบนระบบ SharePoint 2010 ส่งผลให้ฝ่ายไอทีสามารถตรวจสอบ ติดตาม และบริหารจัดการโซลูชั่นต่างๆ ที่สร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานจากแผงควบคุมการทำงานแบบรวมศูนย์เพียงจุดเดียว

บริษัท เรด วิง ชู (Red Wing Shoe Company) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รองเท้าสำหรับทำงานและรองเท้าบู้ทระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของโลก เป็นหนึ่งในผู้ที่ยอมรับและใช้ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance รุ่นแรกๆ โดยจัดซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านจีเน็ท (GNet) ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับแนวหน้าด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอชพีและไมโครซอฟท์

มร. ไมค์ เคลียรี่ ผู้อำนวยการด้าน IT Architecture and Operations บริษัท เรด วิง ชู กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เราสนใจแนวคิดที่ว่า เราสามารถใช้โซลูชั่นแบบครบวงจร (turnkey solution) ที่ได้รับการออกแบบ พัฒนา ทดสอบ ติดตั้ง และให้คำปรึกษาอย่างครบถ้วน และสามารถผนวกรวมกับสภาพแวดล้อมการทำงานของเราได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทุ่นแรงของเราอย่างมาก ทั้งนี้ ในอดีต การติดตั้งซอฟต์แวร์และการตั้งค่าระบบต่างๆ ต้องใช้เวลานานหลายวัน แต่ในวันนี้ นักวิเคราะห์ธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้เครื่องมือที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งคือโปรแกรม Microsoft Excel ในการสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลในแนวทางใหม่และมีประสิทธิภาพ”

ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ที่เป็นแอพพลิเคชั่นแบบผนวกสามารถปรับขยายให้รองรับการทำงานของธุรกิจตั้งแต่ขนาดกลางจนถึงใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยทำให้พันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของเอชพีและไมโครซอฟท์อย่างจีเน็ท (GNet) มีลู่ทางการขายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์แบบเปิด และมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมไอที ทั้งยังสามารถผนวกรวมกับศูนย์ข้อมูลระบบต่างๆ จึงเป็นผลิตภัณฑ์แอพ พลายแอนซ์ที่โดดเด่นสำหรับตัวแทนจำหน่าย

ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Data Warehouse Appliance คือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก โดยมีฟังก์ชั่นการทำงานระดับองค์กร ทั้งยังมีการใช้งานที่ง่าย และสามารถทำงานโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากผู้บริหารระบบ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Data Warehouse Appliance สนับสนุนการทำงานของผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Enterprise Data Warehouse Appliance ที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการใช้งานขององค์กรขนาดใหญ่ โดยสามารถขยายประสิทธิภาพการทำงานของระบบ SQL Server 2008 R2 ได้สูงสุด ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Enterprise Data Warehouse Appliance มีสมรรถนะในการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น โดยสามารถปรับขยายระบบได้ในระดับสูง ทั้งยังสามารถจัดการคำถามได้เร็วกว่าระบบฐานข้อมูล SQL Server รุ่นเก่า นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานบนแพลทฟอร์ม Microsoft Business Intelligence ทำให้ลูกค้าสามารถสร้างโซลูชั่น business intelligence ที่มีการบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยมให้แก่พนักงานทุกคนภายในองค์กร

รับส่งข้อความระดับองค์กรอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP E5000 Messaging System for Microsoft Exchange Server 2010 เป็นแพลทฟอร์มแบบครบวงจรรายแรกในอุตสาหกรรมไอทีที่มีการตั้งค่าระบบมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยทำงานบนโปรแกรม Microsoft Exchange Server 2010 มีสมรรถนะรับส่งข้อความระดับองค์กร เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาด สามารถรับส่งข้อความได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ติดตั้งกล่องรับข้อความ (mailbox) ขนาดใหญ่ในราคาประหยัด มีระบบเก็บเอกสาร (archiving) แบบรวมศูนย์ และสามารถเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ทุกชนิดได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังสามารถปรับขยายเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ได้แก่ เครื่องมือ HP Quick Deployment Tool ที่มีสมรรถนะในการตรวจสอบการตั้งค่าระบบ ตลอดจนดูแลและอนุญาตการเข้าใช้ระบบไดเร็คทอรี่ ทำให้การทำงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความสามารถในการทำงานร่วมกันของเครื่องมือการบริหารจัดการต่างๆ อาทิ HP Systems Insight Manager และ Microsoft System Center Operations Manager ตลอดจนระบบสนับสนุนอื่นๆ จะช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการทำงานของโซลูชั่นดังกล่าวอีกด้วย

เพื่อสนับสนุนการให้บริการให้เป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP E5000 Messaging System for Microsoft Exchange Server 2010 มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีฮาร์ดแวร์ที่เป็นแบบ redundant และสนับสนุนเทคโนโลยี Database Availability Groups ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งของโปรแกรม Microsoft Exchange Server 2010 ที่มีการทำสำเนาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

มุ่งให้บริการภายใต้ระบบคลาวด์แบบส่วนตัว (Private Clouds)
นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์เพื่อรองรับการทำงานดังที่กล่าวมาแล้ว เอชพีและไมโครซอฟท์ยังเตรียมส่งผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Database Consolidation Appliance ที่ผนวกรวมฐานข้อมูลจำนวนหลายร้อยหน่วยเข้าไว้ด้วยกันบนสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วลเพียงแห่งเดียว ทำให้ลูกค้ามีโซลูชั่นฐานข้อมูลที่ทำงานบนระบบคลาวด์ส่วนตัว ที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ปรับขยายได้ตามต้องการ และมีความยืดหยุ่นสูง โดยเพิ่มฟังก์ชั่นการควบคุมภายใต้ระบบการทำงานภายในอาคาร

ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Database Consolidation Appliance คือ ฮาร์ดแวร์ที่สมบูรณ์แบบที่มีชุดติดตั้งและปรับแต่งมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยมีขีดความสามารถในการทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีความสามารถในการบริหารจัดการมากขึ้น โดยลูกค้าที่มีทักษะด้านไอทีและต้องการสร้างอุปกรณ์การทำงานด้วยตนเองสามารถนำสมรรถนะการทำงานที่คล้ายคลึงกันของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้เป็นสถาปัตยกรรมอ้างอิงภายใต้คำแนะนำจากเอชพีและไมโครซอฟท์

เร่งให้บริการทางธุรกิจได้เร็วขึ้น
เอชพีและไมโครซอฟท์จะให้บริการสนับสนุนและคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำงานของผลิตภัณฑ์ แอพพลายแอนซ์ที่รองรับแอพพลิเคชั่นแบบผนวก เพื่อให้ลูกค้าเร่งให้บริการทางธุรกิจได้เร็วขึ้น สำหรับพอร์ทโฟลิโอบริการดังกล่าวประกอบด้วย การประเมินผล (assessment) การออกแบบ (design) การทำ POC (proof of concept) และการดำเนินการติดตั้ง (implementation) ตลอดจนการให้บริการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความรู้ความชำนาญของเอชพีและไมโครซอฟท์ทางด้านการพัฒนาโซลูชั่นการจัดการข้อมูล โซลูชั่น business intelligence โซลูชั่นคลังข้อมูลขนาดใหญ่ และโซลูชั่นการรับส่งข้อความ

ความพร้อมในการให้บริการ
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance พร้อมบริการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงจากเอชพีเป็นระยะเวลา 3 ปี มีวางจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของเอชพี/ไมโครซอฟท์ โดยไม่รวมซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ Microsoft SQL Server 2008 R2 และ Microsoft SharePoint 2010 ที่จำหน่ายแยกต่างหาก
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Enterprise Data Warehouse Appliance พร้อมบริการประเมิน ติดตั้ง และเริ่มการใช้งานถึงสถานที่ และบริการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงจากเอชพีเป็นระยะเวลา 3 ปี มีวางจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของเอชพี/ไมโครซอฟท์ โดยไม่รวมซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์Microsoft SQL Server 2008 R2 Parallel Data Warehouse ที่จำหน่ายแยกต่างหาก
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP E5000 Messaging System พร้อมบริการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงจากเอชพีเป็นระยะเวลา 3 ปี มีกำหนดออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมศกนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของ เอชพี/ไมโครซอฟท์ โดยไม่รวมซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ Microsoft Exchange Server 2010 ที่จำหน่ายแยกต่างหาก
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Data Warehouse Appliance คาดว่าจะวางตลาดในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ และผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Database Consolidation Appliance คาดว่าจะนำออกจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

View :1541
Categories: Press/Release Tags: ,

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมมือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ เสริมศักยภาพการแจ้งเตือนภัย

January 21st, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ที่ 2 จากซ้าย) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “ ความร่วมมือทางวิชาการและการบริหารข้อมูลทรัพยากรน้ำ ” ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) โดยมี นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ (ที่ 3 จากขวา) ร่วมลงนาม ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 8 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ การจัดทำข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้เป็นไปเพื่อสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูล สารสนเทศ แผนที่ ภาพถ่ายจากดาวเทียม และส่วนที่ได้พัฒนาต่อเนื่อง สำหรับการเตือนภัยและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ รวมทั้งเพื่อสนับสนุนและร่วมวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับประยุกต์ใช้ในการ ป้องกัน รวมถึงแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ของโลกอันอาจมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนการจัดทำระบบ ภูมิสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระดับจังหวัด และระดับชุมชนในส่วนของการแจ้งและเตือนภัย ตลอดจนเพื่อร่วมพัฒนาบุคลากรและระบบการแจ้งเตือนภัยให้สามารถดำเนินงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

View :1517

เอชพีแนะนำเครื่องพิมพ์ HP Designjet T2300 eMFP

January 21st, 2011 No comments

ยกระดับการพิมพ์สำหรับงานสถาปัตย์และวิศวกรรมอย่างเหนือชั้น

เอชพีแนะนำเครื่องพิมพ์ Designjet T2300 eMultifunction (eMFP) ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ePrint เสริมประสิทธิภาพงานพิมพ์สำหรับแวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง รวมทั้งองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ให้สามารถเข้าใช้งาน แบ่งปัน และพิมพ์ไฟล์โครงการที่เป็นงานขนาดใหญ่ผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลาตาม ต้องการ นับเป็นเครื่องพิมพ์หน้ากว้างที่รองรับการใช้งานเว็บไซต์เครื่องแรกของแวดวง อุตสาหกรรม รองรับการทำงานครบครัน ทั้งพิมพ์ สแกน และทำสำเนา ระบบการพิมพ์ใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตอบสอดรับกับสไตล์ การทำงานในปัจจุบัน ที่เน้นการทำงานร่วมกันและการทำงานนอกสถานที่ จึงช่วยให้ง่ายต่อการแบ่งปัน และจัดการคอนเท้นท์ด้วยเลขที่ของโครงการได้ทั่วโลกผ่านระบบออนไลน์ด้วย คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์โมบายล์ต่างๆ

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมและราคาได้ที่ HP Contact Center โทรศัพท์ 0-2353-9000 ต่อ 1

View :1294

เอเซอร์ โชว์สุดยอดนวัตกรรมรับปีเถาะสู่การแบ่งปัน “SHARE” กับความโดดเด่นอันดับ 1 ในตลาด

January 21st, 2011 No comments

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมในประเทศไทย ปลุกเร้าตลาดไอทีด้วยเป้าหมาย “SHARE” ข้ามชั้นการเป็นผู้ผลิตและให้บริการด้านฮาร์ดแวร์ สู่การเป็นผู้นำด้านโททอล โมบิลิตี้ โซลูชั่นส์ (Total Mobility Solutions) โดยนำเสนอนวัตกรรมที่จะเติมเต็มทุกประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์ไอที แอพพลิเคชั่นส์ และบริการแพลทฟอร์ม พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบเพื่อการเข้าถึงโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค กับสุดยอดนวัตกรรมล่าสุด กับโน้ตบุ๊ก ทัชสกรีน หน้าจอคู่ “ICONIA” , Tablet, Clear.fi, alive และสมาร์ทโฟน ‘Liquid Metal’ กับลูกเล่นเต็มพิกัด พร้อมแนะนำ “เอเซอร์ อาสา” โครงการซีเอสอาร์ แบ่งปันโอกาสสู่สังคม สร้างสรรค์การเรียนรู้สู่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเรายังคงโดดเด่นด้วยความเป็นอันดับ 1 ในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาดของเอเซอร์หลังจากปิดไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา โดยไอดีซีระบุว่าเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมอยู่ที่ 26% ส่วนโน้ตบุ๊ก
เอเซอร์ยังคงเป็นอันดับ 1 เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 36% สำหรับปีนี้เอเซอร์ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20 % ในขณะที่ตลาดไอทีโดยรวมคาดว่าจะเติบโตประมาณ 15 % ทั้งนี้ เอเซอร์ได้ขยายขอบข่ายการเชื่อมต่อการสื่อสาร โดยเพิ่มแอพพลิเคชั่นส์และแพลทฟอร์มด้านเนื้อหาเข้ามาผสมผสานกับผลิตภัณฑ์ของเรา ด้วยเป้าหมายทางธุรกิจผ่านแนวคิด “SHARE” การแบ่งปัน

“เอเซอร์ให้ความสำคัญกับ SHARE ที่ครอบคลุมทั้งในเรื่องของธุรกิจและสังคม พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันต่อข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีมุ่งไปที่การแบ่งปันคอนเทนท์และประสบการณ์แบบเรียลไทม์ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์ในการสื่อสาร และนั่นคือเป้าหมายของเอเซอร์ ในฐานะผู้นำทางด้านอุปกรณ์โมบิลิตี้ คอมพิวติ้ง เอเซอร์จึงสร้างความต่างในการเข้าถึงคอนเทนท์ โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย นั่นคือตัวอย่างหนึ่งของการทำงานบนเทคโนโลยี Clear.fi ที่เอเซอร์พัฒนาขึ้น รวมไปถึง alive แพลทฟอร์มบริการรูปแบบใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ ที่จะผสมผสานคอนเทนท์ หลอมรวมการใช้งานและความต่อเนื่องการใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของเรา ลูกค้าของเราจะเพลิดเพลินไปกับโซลูชันส์อย่างเต็มรูปแบบไปพร้อมๆ กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เอเซอร์ได้ปรับตัวเองจากผู้นำด้านฮาร์ดแวร์ ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการครบวงจร ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ แอพพลิเคชันส์ และคอนเทนท์ เพื่อเชื่อมโยงโลกแห่งการสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัด”

“ดิจิตอลคอนเทนท์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 60% และคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเป็นสองเท่าทุกๆ 18 เดือน ทั้งในส่วนของข้อมูลและการผลิตเนื้อหาของดิจิตอลคอนเทนท์ ส่งผลให้จำนวนและความหลากหลายของอุปกรณ์ที่สามารถใช้เนื้อหาเหล่านี้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อเป้าหมายอย่างเดียวกัน คือเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์ เพื่อกระจายเนื้อหาไปยังผู้รับปลายทางในรูปแบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานที่หลากหลาย และต้องการที่จะแบ่งปันข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถทำได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการควบคุมและปรับรูปแบบมีเดียที่ตรงกับชีวิตประจำวันด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการทุกเมื่อที่ต้องการ รวมถึงการบริโภคเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์สื่อสารเพื่อให้สามารถผสมผสานหรือจัดสรรคอนเทนท์ตามที่ต้องการ” นายหยาง กล่าวเสริม

นายหยาง กล่าวเพิ่มเติมว่า เอเซอร์ในฐานะผู้นำด้านไอที จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้แบ่งปันและตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบครัน เพื่อเชื่อมโยงการการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ ได้แก่ โน้ตบุ๊ก ทัชสกรีน สองหน้าจอ ในนาม ไอโคเนีย (ICONIA) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จากที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ แต่วันนี้เราจะได้สัมผัสของจริงแล้ว กับความสามารถรอบตัวที่อัดแน่นมากับขนาดเพียง 14 นิ้ว หน้าจอคู่ที่สามารถทำงานผสานกันและแยกส่วนกันได้ตามต้องการ พร้อมด้วยการใช้งานฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายมากด้วยระบบ all-point multi-touch ซึ่งหมายถึงการใช้นิ้วมือของคุณทั้งหมดสั่งงานบน ICONIA เพื่อเข้าสู่การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทั้งมัลติมีเดีย บันเทิง ท่องเว็บไซต์ หรืองานเอกสาร ผ่านหน้าจอสัมผัสคู่นี้ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่ง ICONIA ได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดแห่งผลิตภัณฑ์สุดโปรด ที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการ Last Gadgets Standing ในงาน International Consumer Electronics Show (CES) ที่ลาสเวกัส เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2554

ในส่วนของ แท็บเล็ต ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัยกับหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว และรุ่นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว มีทั้งระบบปฏิบัติการณ์แอนดรอยด์ และ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 มาพร้อมคุณสมบัติการใช้งานอันทรงพลัง ให้คุณเพลิดเพลินได้ทุกที่ ทั้งการสร้างเนื้อหา ถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ และส่งข้อความ โดยการเชื่อมโลกออนไลน์ผ่านระบบ Wi-Fi และ 3G ซึ่งจากผลสำรวจยอดจำหน่ายแท็บเล็ตทั่วโลกในปี 2010 ปิดยอดที่ประมาณ 19 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปี 2011 จะมียอดจำหน่ายทั่วโลก 54.8 ล้านเครื่อง และในปี 2014 จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 208 ล้านเครื่อง นั่นหมายถึงว่าตลาดมีความต้องการแท็บเล็ตแน่นอน นอกจากนี้ยังให้คุณได้สัมผัสกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Liquid Metal ระบบปฏิบัติการ Android 2.2 (FroYo) พร้อมพ่วงดีกรีความงามอย่างมีสไตล์กับรางวัล Japan’s Good Design Awards ด้วยตัวเครื่องผลิตจากโลหะรีไซเคิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยประหยัดพลังงานและทรัพยากร ซึ่งเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอเซอร์จะสามารถสร้างสีสันและปลุกเร้าให้ตลาดไอทีบ้านเราให้คึกคักมากยิ่งขึ้น

“พร้อมกันนี้เอเซอร์มีนโยบายที่จะนำประสบการณ์ที่มีอยู่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อสร้างโอกาสและแบ่งปันประสบการณ์ ด้านการเรียนรู้ การกีฬา และการศึกษา ให้กับเยาวชนและโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลและขาดทุนทรัพย์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ผ่านโครงการ “เอเซอร์ อาสา – Acer ARSA” โดยจะเป็นการสร้างและแบ่งปันโอกาสให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งเราจะจัดกิจกรรมที่ทั้งพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และสถาบันการศึกษา รวมถึงสังคมจะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างและแบ่งปัน โดยเราจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อกิจกรรมนี้ เอเซอร์ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยตั้งเป้าที่จะจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง” นายหยาง กล่าวสรุป

View :1008
Categories: Press/Release Tags:

เลอโนโวตอบรับกระแสเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดตัว IdeaPad Y460p และ V470

January 21st, 2011 No comments

พร้อมพัฒนาตัวช่วยให้การทำงานและการพักผ่อนเป็นเรื่องสนุกสะดวกง่ายดายสำหรับคุณ

กับอีกขั้นของมัลติมีเดียคอมพิวติ้ง
• ทำงานประสานกับความสนุกมากยิ่งขึ้นกับ V470
• ประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วย 2nd Generation Intel® Core™ processors ใหม่ล่าสุด

เลอโนโวตอบรับกระแสเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดตัว IdeaPad Y460p และ V470 ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลขั้นสูง 2nd Generation Intel® Core™ processors ใหม่ล่าสุด ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานและประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่นี้เหมาะอย่างยิ่งกับทั้งผู้ที่ต้องการใช้งานมัลติมีเดียและกำลังมองหาสุดยอดแห่งเทคโนโลยีการประมวลผลสำหรับการดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม หรือผู้ใช้ในกลุ่มธุรกิจ SMB ที่ต้องการความรวดเร็วในการทำงาน พร้อมสร้างสรรค์ความบันเทิงสุดประทับใจ

คุณขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้าน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เลอโนโวขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับความก้าวหน้าล่าสุดของคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ โดยในครั้งนี้ เราได้อัพเกรดผลิตภัณฑ์ด้วย 2nd Generation Intel® Core™ Processor ใหม่ พร้อมติดตั้งซอฟต์แวร์ Enhanced Experience 2.0 เอกสิทธิ์เฉพาะเลอโนโวมาในโน้ตบุ๊คทุกเครื่อง ทั้ง IdeaPad Y460p และ V470 อัดแน่นทั้งคุณสมบัติที่ล้ำหน้าทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานที่รวดเร็วและขีดความสามารถในการประมวลผลที่เหนือกว่า ภายใต้ฟอร์มแฟกเตอร์ที่ออกแบบอย่างสวยงามและทันสมัย”

IdeaPad Y460p มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ชาวไทยที่รักการเล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ด้วยพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และกราฟิกคุณภาพสูง ทำให้คอมพิวเตอร์รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาประสบการณ์มัลติมีเดียที่เหนือกว่าและใช้งานง่ายไม่สะดุด ส่วน V470 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจไทยที่ต้องการเสริมภาพลักษณ์ให้ดูเป็นมืออาชีพขณะพกพาเครื่องไปใช้งานนอกสถานที่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดย V470 สามารถตอบสนองได้ทั้งการจัดการกับงานที่ซับซ้อนหรือใช้งานมัลติมีเดียขณะพักผ่อนที่บ้าน

IdeaPad Y460p – ระบบความบันเทิงประสิทธิภาพสูง ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ ทันสมัยยิ่งขึ้น

IdeaPad Y460p เป็นโน้ตบุ๊คอันทรงพลัง พร้อมรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย บวกกับประสิทธิภาพสูงและมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านมัลติมีเดียครบครัน สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิง เกมเมอร์ หรือผู้ใช้งานที่มักสร้างสรรค์คอนเท็นท์เพื่อแบ่งปันกับเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ

รุ่นนี้มาพร้อมกับ 2nd Generation Intel ® Core ™ Processor โดยมีให้เลือกสูงสุด คือ Intel® Core™ i7 จอขนาด 14 นิ้ว ความจุฮาร์ดดิสก์สูงสุด 750 GB พร้อมหน่วยความจำชั่วคราว 8GB DDR3 1333 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บไฟล์หนัง เพลง และเกมได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้เพลิดเพลินกับขีดความสามารถในการเปิดใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ พร้อมกันได้โดยไม่สะดุด ทั้งนี้ คุณสมบัติที่เรียกว่า RapidDrive ของเลอโนโว มาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ SSD ขนาด 32GB และ HDD ความจุสูงสำหรับเร่งความเร็วในการทำงานของระบบ นอกจากนี้ IdeaPad Y460p ยังมาพร้อมกับจอไวด์สกรีน 16:09 ผนวกกับ Windows 7 Enhanced Experience certification ของเลอโนโว ช่วยให้สามารถบูทเครื่องได้เร็วขึ้นจากเดิม 33 เปอร์เซนต์ และร่นระยะเวลาปิดเครื่องได้เร็วขึ้น 50 เปอร์เซนต์ รวมถึงความสามารถด้านมัลติมีเดียที่มากมายและครบครันยิ่งขึ้น พร้อมเครื่องมือบำรุงรักษาระบบที่ใช้งานง่าย

สำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาสุดยอดความบันเทิงจะต้องพึงพอใจกับคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมของ Y460p ซึ่งมาพร้อมกับลำโพง JBL และระบบเสียง Dolby® Home Theater™ นอกจากนี้ยังมี OneKey ™ Theater ที่ช่วยให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบขณะดูหนัง ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว

IdeaPad Y460p มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามและทันสมัยทั้งภายในและภายนอก เส้นตัดขอบด้านในมีให้เลือก 2 สี คือ เมทัลลิก เกรย์ และขาว ได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้งานง่าย ด้วยฝาเปิดที่เปิดปิดได้สะดวกโดยใช้มือเพียงข้างเดียว พร้อมพอร์ตต่างๆ ที่ใช้งานง่ายและถนัดมือ ส่วนคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ได้แก่ OneKey Rescue และระบบ VeriFace™ face recognition ของเลอโนโว

เลอโนโว V470 – ทำงานอย่างชาญฉลาด รวดเร็วขึ้น และยังสามารถผ่อนคลายกับฟังก์ชั่นเพื่อความบันเทิง

ต่อจากนี้ไปการทำงานจะกลายเป็นเรื่องสนุกด้วย V470 ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพด้วยกรอบและฝาครอบที่ผลิตจากอลูมิเนียม ตัวเครื่องบางเพียง 21 มม. ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับความคล่องตัวระหว่างการใช้งานในที่ทำงาน และรู้สึกผ่อนคลายเมื่อใช้ที่บ้าน V470 ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานของผู้บริโภคทั่วไปหรือ SMB ออฟฟิศและโฮมออฟฟิศ (SOHO) ทั้งนี้ V470 ยกเครื่องเทคโนโลยีประมวลผลใหม่ด้วย Second Generation Intel ® Core™ processor ช่วยให้ผู้ใช้จัดการงานด่วนหลายๆ งานพร้อมกันได้ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ

เพื่อช่วยป้องกันสิ่งที่สำคัญที่สุด แล็ปท็อป V Series ดังกล่าวผนวกเครื่องมือสำหรับการรักษาความปลอดภัยอันทรงประสิทธิภาพไว้อย่างครบครัน เพื่อช่วยรักษาและปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ โดยคุณสมบัติหลักๆ ได้แก่ OneKey ™ Rescue System สำหรับการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว Lenovo Security Suite ชุดเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่จะเข้ารหัสและป้องกันข้อมูลของผู้ใช้จากการแอบมอง ระบบ Fingerprint Reader (อ่านลายนิ้วมือ) เพื่อการตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลทางชีวภาพโดยใช้นิ้วมือเป็นรหัสผ่าน และ USB Port Locker เพื่อป้องกันการเข้าถึงพอร์ต USB โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ V470 ยังมี Lenovo Enhanced Experience 2.0 for Windows 7 พร้อม Lenovo RapidBoot technology ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้เร็วขึ้นโดยเฉลี่ย 20 วินาที เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7

ราคาและการจัดจำหน่าย4
Lenovo IdeaPad Y460p มีจำหน่ายแล้วในราคา 31,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่วน Lenovo V470 จะวางจำหน่ายในกุมภาพันธ์ 2011 ราคา 26,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะจำหน่ายผ่าน Lenovo Business Partners สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 02-689 6400

View :1255

ฮัทช์เปิดตัว Hutch Smart 1 สมาร์ทโฟนใหม่บนระบบปฏิบัติการ Android 2.2

January 21st, 2011 No comments

ชูจุดเด่น “ง่ายขึ้น สมาร์ทจริง” กับทางลัดเข้าสู่บริการอินเทอร์เน็ตและแอพเด็ดๆ ทันใจกว่า ด้วยความเร็วระดับ 3G EV-DO

พร้อมเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 2,999 บาทเมื่อจดทะเบียนแพ็กเกจรายเดือนสมาร์ท

ฮัทช์ เปิดตัว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แตกต่างและโดดเด่นด้วยการสร้างทางลัด (short cut) โดยทีมพัฒนาชั้นนำ ทำให้ผู้ใช้งานเข้าสู่โลกของแอพพลิเคชั่นได้ง่ายขึ้น พร้อมแพ็กเกจบริการที่คุ้มค่า เร็วกว่าด้วยสปีดระดับ 3G EV-DO

นายธีรพันธุ์ ศิริสุนทรไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด หรือ “ฮัทช์” กล่าวว่า “Hutch Smart 1 เป็นโทรศัพท์ สมาร์ทโฟนน้องใหม่ในตลาดบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่แตกต่างและโดดเด่นจากสมาร์ทโฟนในรุ่นเดียวกันด้วยทางลัด
(short cut) บนหน้าแรกของจอ Hutch Smart 1 ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานฮัทช์ เพื่อตอบสนองกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น”

โดยผู้ใช้โทรศัพท์สามารถเข้าสู่แอพพลิเคชั่นเด็ดๆ ผ่าน 6 ทางลัดที่ฮัทช์ได้คัดสรรไว้ให้ ประกอบด้วย 1st start ที่ช่วยแนะนำวิธีการใช้งานโทรศัพท์ ภายใน 15 นาที ผู้ใช้งานก็สามารถเรียนรู้การใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ โดยไม่ต้องค้นคว้าหาจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ทางลัดที่สองคือ H-Home ศูนย์รวมข่าวสารข้อมูล ด้านต่างๆ อาทิ ข่าวการเมือง บันเทิง ผลฟุตบอล ดวงรายวัน พร้อมลิงค์อินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยม ที่เป็น Mobile site ต่างๆ พร้อมกันนี้ผู้ใช้ยังสามารถบริหารจัดการในการเลือกรับข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ชื่นชอบได้เอง (My Favourite)

ทางลัดที่สามคือ H-Apps แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นเด็ดๆ และที่จำเป็นในการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ให้กับผู้เล่น มือใหม่ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา ด้วยตัวเอง โดยทีมฮัทช์จะทำการทดสอบและคัดสรรแอพ ฯ ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ มาให้ ทุกวัน ทางลัดที่สี่คือ H-Games เป็นแหล่งรวมเกมส์สุดฮิตแยกตามหมวดหมู่ อัพเดทกันทุกวัน ให้ผู้ใช้งานมีเกมส์ฮิต ๆ และ สนุก ๆ ไว้เล่นกันแบบอินเทรน ทางลัดที่ห้าคือ H-Music ซึ่งเป็นทางลัดที่พิเศษสุดสำหรับลูกค้าฮัทช์ เพราะสามารถโหลดเพลงเต็มจากค่ายแกรมมี่ได้ฟรี ไม่อั้น พร้อม Top chart ให้เลือกโหลดได้ทั้งคอเพลงฮิตติดชาร์ต หรือเพลงลูกทุ่ง และทางลัดที่หกคือ H-VDO ซึ่งฮัทช์ได้คัดสรรวิดีโอยอดฮิตเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทย พร้อมจัดเป็นหมวดหมู่ให้ค้นหาได้ง่ายและสะดวกในการดูยิ่งขึ้น

ฮัทช์ให้ผู้ใช้บริการเต็มอิ่มกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ด้วย โทรศัพท์มือถือ IDEOS ที่มาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ (Froyo) พร้อมรองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Portable Wi-Fi Hotspot (กระจายสัญญาณ) กล้องดิจิตอล 3.2 ล้านพิกเซล บลูทูธ 2.1 (เสียง ข้อมูล สเตอริโอ) ระบบดาวเทียม ค้นหาตำแหน่ง A-GPS โดยทางลัดสู่แอพพลิเคชั่นต่างๆกับ Hutch Smart 1 ยังสามาถทำได้อย่างรวดเร็วเมื่อใช้บริการในพื้นที่ให้บริการเครือข่าย CDMA 20001x EV-DO โดยให้ความเร็วถึง 2.4 MB

Hutch Smart 1 ยังมาพร้อมกับแพ็กเกจค่าบริการที่คุ้มค่าเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ โดยเริ่มต้นค่าบริการรายเดือน 250 บาท กับแพ็กเกจ Lite พร้อมเป็นเจ้าของHutch Smart 1 ในราคาเพียง 5,999 บาท ใช้บริการดาต้าบนเครือข่าย CDMA 20001x ได้ 200 MB แพ็กเกจ Basic ค่าบริการรายเดือน 550 บาท มาพร้อม Hutch Smart 1 ราคาเพียง 4,499 บาท ใช้บริการดาต้าบนเครือข่าย CDMA 20001x ได้ไม่อั้นและในเครือข่าย 3G EV-DO สามารถใช้ได้ดาต้าได้ถึง 500 MB พิเศษสุด เมื่อจดทะเบียนแพ็กเกจ Smart ที่ 999 บาท ต่อเดือน Hutch Smart 1 ราคาเพียง 2,999 บาท และสามารถใช้บริการดาต้าบนเครือข่าย CDMA 20001x ได้ไม่อั้นและบริการดาต้าในเครือข่าย 3G EV-DO ใช้ได้ถึง 2GB นอกจากนี้ ฮัทช์ยังมอบค่าโทร พร้อม SMS และ MMS สุดคุ้มในทุกแพ็กเกจ

พิเศษสุดจดทะเบียนทุกแพ็กเกจกับ Hutch Smart 1 วันนี้ รับฟรี microSD Card ความจุ 2 GB ให้ลูกค้าดาวน์โหลดได้จุใจมากขึ้น

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hutch Smart 1 สอบถามได้ที่ ร้านฮัทช์ทุกสาขา หรือที่เว็บไซต์ www.hutch.co.th /android

View :1278