Archive

Archive for February, 2011

 “เสียงแรกแห่งรัก” นวัตกรรมการส่งภาพแห่งความสุข เสียงแรกแห่งความประทับใจหลังคลอด ครั้งแรกในประเทศไทย

February 25th, 2011 No comments

โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ร่วมฉลองความสำเร็จปีที่ 113 จัดแถลงข่าว “เสียงแรกแห่งรัก” สร้างปรากฏการณ์หน้าใหม่ของสื่อสารด้านสุขภาพที่ทันสมัยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยประสานความร่วมมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ร่วมกันถ่ายทอดความประทับใจไม่รู้ลืมกับภาพแรกแห่งความสุข และเสียงแรกแห่งความประทับใจของลูกน้อยสุดรักแรกคลอด ด้วยการส่งคลิป “เสียงแรกแห่งรัก”  ผ่าน MMS ไปยังครอบครัวและคนที่ห่วงใย
 
นายแพทย์นพดล นพคุณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่าโรงพยาบาลบีเอ็นเอชเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ที่มุ่งมั่นในการดูแลสุขภาพ และพร้อมที่จะดูแลเอาใจใส่คุณและครอบครัวอย่างใกล้ชิดมากว่า 113 ปี และในปีนี้เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ในการเป็นผู้นำโรงพยาบาลเอกชนด้านสุขภาพสตรีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงนำเทคโนโลยีไร้สายเสริมศักยภาพ ส่งต่อความผูกพันและเชื่อมต่อสายใยความอบอุ่นอย่างไร้ข้อจำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณแม่ที่คลอดบุตรกับทางโรงพยาบาลฯ 
 
           การคลอดบุตรนั้นถือเป็นวินาทีที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตคนเป็นพ่อแม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลตระหนักดีถึงความรู้สึกของครอบครัวและบุคคลที่ห่วงใยแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่น่าจดจำในการคลอดครั้งนี้ได้ ทางโรงพยาบาลบีเอ็นเอชเล็งเห็นความสำคัญนี้ จึงได้รับความร่วมมือจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรม เพื่อถ่ายทอดภาพและเสียงของทารกน้อยแรกคลอดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  ผ่าน   “เสียงแรกแห่งรัก”  ซึ่งทางโรงพยาบาลได้บันทึกเอาไว้เป็นวีดิโอด้วยมือถือ พร้อมกับส่งต่อไปยังโทรศัพท์มือถือ ถึงครอบครัวที่ห่วงใยและรอคอยอยู่ โดยจะได้เห็นทั้งภาพและได้ยินเสียงของทารกน้อย หลังจากคลอดทันที นอกจากนี้ 113 ครอบครัวแรกที่คลอดบุตรที่บีเอ็นเอชยังได้รับประกันบุตรสุดรัก จากบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย นายแพทย์นพดลกล่าว
 
ด้านนายสุวิทย์  อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการตลาด ลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า “แนวทางของเรา คือ การผสมผสานบริการหรือโซลูชั่นส์ที่เอไอเอสมีอยู่ให้สอดคล้องกับธุรกิจของพาร์ทเนอร์ เพื่อเสริมศักยภาพ และพัฒนาคุณภาพบริการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักของ Ecosystems หรือ ระบบนิเวศน์แห่งโลกสื่อสาร”  ซึ่งการร่วมมือกับโรงพยาบาลบีเอ็นเอช ในครั้งนี้ถือได้ว่าสอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยเอไอเอสเลือกเทคโนโลยี Smart Messaging ผ่านทาง MMS ที่สามารถส่งภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงไปยังปลายทางได้พร้อมๆกันหลายเลขหมาย  ซึ่งถือได้ว่าตอบโจทย์ของบีเอ็นเอชที่ต้องการส่งมอบความประทับใจไปยังครอบครัวได้ทันที ทั่วไทย ภายใต้เครือข่ายเอไอเอสที่ครอบคลุมสูงสุด อีกทั้งปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเกือบ 100% สามารถรับ MMS ได้แล้ว  จึงเชื่อว่าจะทำให้บริการ “เสียงแรกแห่งรัก”สามารถส่งมอบความรัก ความผูกพันในสถาบันครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
 
นายสุวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้เพื่อตอกย้ำความเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงพยาบาลบีเอ็นเอช อย่างต่อเนื่อง เราจึงมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด ได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 20% เมื่อใช้บริการที่โรงพยาบาลฯ ด้วยเช่นกัน”
     
นางวรางค์ ไชยวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของธุรกิจ ด้วยการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสามธุรกิจเข้าด้วยกัน ในการสร้าง Value Added ให้กับลูกค้า อันเป็นการสอดรับกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิต ที่เป็นมากกว่าการประกันชีวิต  สำหรับโครงการดังกล่าว ไทยประกันชีวิตจะมอบความคุ้มครองแบบประกันบุตรสุดรัก ซึ่งเป็นกรมธรรม์ที่เน้นการออมเพื่อการศึกษาของบุตร เหมาะสำหรับเป็นของขวัญในการวางแผนอนาคตการศึกษาสำหรับบุตรแรกเกิด นอกจากนั้นยังสร้างความอุ่นใจว่าอนาคตการศึกษาของบุตรจะไม่สะดุด โดยบริษัทฯ จะชำระเบี้ยประกันแทน กรณีที่ผู้ปกครองผู้ชำระเบี้ยเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
 
นางวรางค์กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ปกครองและบุตรจะได้รับความคุ้มครองจากประกันบุตรสุดรัก ทุนประกัน 100,000 บาท ฟรีในปีแรก จำนวน 113 กรมธรรม์        ประกันบุตรสุดรัก เป็นกรมธรรม์ที่รับประกันเด็กอายุ 15 วัน – 6 เดือน ระยะเวลาคุ้มครองจนถึงอายุ 22 ปี ด้านสิทธิประโยชน์ เมื่ออายุครบ 15 ปี มีเงินคืนปีละ 25,000 บาท จนถึงอายุ 22 ปี เมื่ออายุครบ 22 ปี รับเงินก้อนคืน 100% ของทุนประกัน
 

View :1275
Categories: Press/Release Tags: ,

บริษัท Alt-N เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

February 25th, 2011 No comments

เซิร์ฟเวอร์ สำหรับการเก็บข้อมูลอีเมล์โปรแกรมวินโดวส์และข้อความ มาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ระบบการรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการนโยบายด้านไอที และฟีเจอร์ด้านการควบคุมสำหรับติดตั้งภายในแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้

บริษัท ประกาศเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server รุ่นใหม่ล่าสุดที่จัดอยู่ในหมวดเซิร์ฟเวอร์ราคาประหยัดยอด นิยม สำหรับการเก็บข้อมูลอีเมล์โปรแกรมวินโดวส์และข้อความ เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ ( MDaemon® Messaging Server, ® Edition ) เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สาย การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการ และฟีเจอร์ด้านการควบคุมสำหรับแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน ซึ่งพร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ในรูปแบบซอฟต์แวร์อิสระ เซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ คือโซลูชั่นแบบออล-อิน-วัน สำหรับการเก็บข้อมูลอีเมล์และข้อความ จึงง่ายต่อการใช้งานและราคาเหมาะสมสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้พนักงานในองค์กรสามารถเข้าถึง ข้อมูล อีเมล์ ตารางการนัดหมาย ข้อมูลการติดต่อ ได้อย่างปลอดภัยและเข้าถึงได้จากเกือบทุกพื้นที่ ด้วยการเข้าผ่านเดสก์ท็อป เว็บ และแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

มร. อาร์เวล แฮทคอคก์ ผู้ก่อตั้งและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท Alt-N Technologies กล่าวว่า “ เซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ เป็นเซิร์ฟเวอร์แบบออล-อิน-วัน สำหรับการเก็บข้อความแบบไร้สาย ติดตั้งและใช้งานง่าย มีความปลอดภัย และราคาเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับองค์กรธุรกิจใหม่และอยู่ในช่วงเริ่มต้นก่อ ตั้ง ซึ่งต้องการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่ทันสมัยของสมาร์โฟน รวมทั้ง ระบบการควบคุม การรักษาความปลอดภัย และการบริหารจัดการ ”

มร. ปีเตอร์ เดเวนไย รองประธาน กลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มด้านการสื่อสาร บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “ เซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ เป็นการนำเอาเทคโนโลยี MDaemon ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับของบริษัท Alt-N มาผสานเข้ากับเทคโนโลยี

แบ ล็กเบอร์รี่สำหรับกลุ่มเอ็นเทอร์ไพรซ์ของริม ทำให้เกิดโซลูชั่นด้านการติดต่อสื่อสารบนมือถือที่มีความปลอดภัยและไว้วางใจ ได้ เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

ฟีเจอร์ของระบบไร้สายที่สำคัญ ประกอบด้วย

- ระบบการรับอีเมล์ที่เชื่อมต่อมายังแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนโดยทันที ผ่านเทคโนโลยี BlackBerry push

- การเชื่อมตารางการนัดหมาย ข้อมูลการติดต่อ แฟ้มข้อมูลอีเมล์ และรายชื่อการแจกจ่ายข้อมูลส่วนตัว แบบไร้สาย ระหว่างเซิร์ฟเวอร์ MDaemon messaging server และแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

- การส่งอีเมล์แจ้งเตือนเพื่อติดตามงานจากแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

- ส่งจดหมายเชิญร่วมประชุม รวมถึงการตอบรับ ผ่านทางแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

- เช็คตารางการนัดหมายของเพื่อนร่วมงาน จากแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

- แก้ไขงานจากไฟล์ที่แนบมาในอีเมล์ผ่านการใช้ฟีเจอร์ Documents To Go® บนแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

- ค้นหาข้อมูลอีเมล์บนเซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server จากแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน

- การ บริหารจัดการและควบคุมนโยบายด้านไอทีสำหรับสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ ซึ่งได้รับการออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมขององค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

- ความสามารถในการล็อกหรือลบข้อมูลในเครื่องแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน ในกรณี่ที่เครื่องสูญหายหรือถูกขโมย

- การผสานรวมของ MDaemon Instant Messaging เพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างออฟฟิศที่มีความยืดหยุ่นและครบวงจร

- การเข้ารหัสการส่งผ่านข้อมูลระหว่างแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนและเซิร์ฟเวอร์สำหรับเก็บข้อความ ด้วยระบบ Advanced Encryption Standard (AES) และ Triple Data Encryption Standard (Triple DES)

การติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ ทำได้อย่างง่ายดายภายในเวลา 30 นาที ผ่านการใช้โปรแกรมวิซาร์ดการติดตั้งแบบอิสระ ทั้งในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์และแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน โซลูชั่นดังกล่าวประกอบด้วยคอนโซลบริหารจัดการ เพื่อการรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการ และการควบคุมระบบการทำงานของอีเมล์และแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้โดยตรง ไม่ว่าจะจากที่ใดก็ตาม

โดยราคาเริ่มต้นที่ 380 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับ 6 ยูเซอร์ไลเซ่นส์ โดยเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวสามารถรองรับบริการแบล็กเบอร์รี่ทุกรูปแบบ ทั้งแบบส่วนบุคคลหรือแบบองค์กรที่มีบริการเข้าถึงอีเมล์ และยังสามารถติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โปรแกรม Windows® 7 , Windows 2008 , Windows Vista หรือ Windows 2003 หรือบนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้โปรแกรม Windows XP

เซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ มีวางจำหน่ายแล้วในมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และวางจำหน่ายทั้งหมด 7 ภาษา ประกอบด้วย ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส

อิตาเลียน สเปน บราซิลเลียน – โปรตุกีส และญี่ปุ่น ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ MDaemon Messaging Server เพื่อรองรับการใช้งานกับแบล็กเบอร์รี่ สามารถเข้าชมหรือดาวน์โหลดได้ที่ www.mdaemon-mail-server.com/worldwide.html

View :1515

“สมาร์ท ไลฟ์ สมาร์ท โปรเทคชั่น” มอบสินไหมมรณกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุให้ลูกค้า

February 25th, 2011 No comments

จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ โดย นางเบญจพร กำเพ็ชร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มลูกค้าโพสต์เพด เอไอเอส ร่วมกับ โดย มร.แกรี่ เวนย์ เด็นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้จัดการประจำประเทศไทย ร่วมแสดงความเสียใจ พร้อมมอบสินไหมมรณกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุ จำนวนทุนประกัน 150,000 บาท ให้แก่ครอบครัวของ นางนฤมล ปิดตาทานัง ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ซึ่งเป็นคนขับรถตู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งได้สมัครบริการ “สมาร์ท ไลฟ์ สมาร์ท โปรเทคชั่น” ประกันอุบัติเหตุผ่านทางมือถือไว้ สำหรับผู้ที่สนใจสมัครบริการได้ง่ายๆ เพียงกด*101 แล้วโทรออก ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.54

View :1391

SYNEX โชว์ผลงานปี 53 กำไรพุ่ง 33.5%

February 25th, 2011 No comments

ปันผลเพิ่มอีก 0.15 บ / หุ้นรวมทั้งปีจ่าย 0.25 บ / หุ้น

โชว์ผลงานปี 53 ยอดเยี่ยม กำไรทะลุ 270 .674 ลบ . เพิ่มขึ้น 33.5% จากปีก่อนที่ทำได้ 202.766 ลบ . หลังปั๊มรายได้สูงสุดทะลุ 15,661.93 ลบ . ขยายตัว 16.10% จากปีก่อนที่ทำได้ 13,490.12 ลบ . “ สุพันธุ์ มงคลสุธี” เผยเป็นผลจากการเติบโตของตลาดไอที และการได้เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าที่มีควาหลากหลายมากขึ้น ด้านบอร์ดสั่งปันผลคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นในครึ่งปีหลังอีก 0.15 บ ./ หุ้น รวมจ่ายทั้งปี 0.25 บ ./ หุ้น คิดเป็น Yield 6.4% พร้อมมั่นใจปี 54 ยังเติบโตต่อเนื่องหวังปั๊มรายได้ทะลุ 2 หมื่น ลบ . ได้สำเร็จ หรือโต 20% จากปี 53

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและซีอีโอ บริษัท ซินเน็ค ( ประเทศไทย ) จำกัด ( มหาชน ) หรือ SYNEX เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2553 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 270.674 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.403 บาท เทียบกับกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปี 2552 จำนวน 202.767 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.303 ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 67.908 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 33.5

สำหรับผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายและบริการรวมของบริษัทฯ ที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 16.18 หรือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 2,172.3 ล้านบาท จากรายได้จากการขายและบริการรวมจำนวน 13,427 ล้านบาท ในปี 2552 มาเป็น 15,599 ล้านบาทในปี 2553 ส่งผลให้รายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 13,490.12 ล้านนบาทในปีก่อน มาเป็น 15,661.93 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนขายและบริการในปี 2553 อยู่ที่ 14,738 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 12,685 ล้านบาท ทำให้ในปี 2553 บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 861.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.09 จากปีก่อนที่ทำได้ 742.10 ล้านบาท

” จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนดังกล่าว มาจากรายได้รวมในปี 2553 ที่ทำได้ทะลุ 15,661.93 ล้านบาท หรือเติบโต 16.10% จากปีก่อนตามเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่กำไรขั้นต้นในปี 2553 นั้นได้เติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 16.09% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของตลาดไอที และการได้เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้นประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและการดำเนินงานในปี 2553 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 เป็นจำนวนเงิน 27.83 ล้านบาท หรือ 5.63% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้น

ของสัดส่วนรายได้รวมจากการขายและบริการของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้น 2,172.3 ล้านบาท หรือ 16.18% นอกจากนี้ การที่บริษัทมีต้นทุนทางการเงินลดลงเมื่อเทียบกับปี 2552 อยู่ 4.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.30 ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2553 เพิ่มขึ้นถึง 33.5% ดังกล่าว “

นายสุพันธุ์ กล่าวต่อว่า จากที่ผลกำไรสุทธิเติบโตได้อย่างโดดเด่นดังกล่าว ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 21 ก . พ .2554 ที่ผ่านมา คณะกรรมการจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในงวดผลดำเนินงานวันที่ 01 ก . ค . 2553 ถึงวันที่ 31 ธ . ค . 2553 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิปันผล 6 พ . ค . 2554 และปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น 9 พ . ค . 2554 ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พ . ค . 2554 กำหนดจ่าย 20 พ . ค . นี้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผล ระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทมาแล้ว เป็นจำนวนหุ้น ทั้งหมด 672,744,750 หุ้นรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 67,274,475 บาท ทำให้ทั้งปี 2553 บริษัทฯ จ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท หรือคิดเป็นเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ที่อัตรา 6.4%

เขากล่าวต่อถึงแนวโน้มผลประกอบการในปี 2554 ว่า มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนได้ โดยได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปี 2553 ตามทิศทางการเติบโตของตลาดไอที และบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของสินค้าให้จัดจำหน่ายสินค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯ มีกลุ่มสินค้าที่จำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 9 กลุ่ม จากเดิม 8 กลุ่มสินค้า โดยกลุ่มสินค้าที่เพิ่มขึ้น คือ สมาร์ทโฟน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ดีกว่าสินค้าไอทีทั่วไป ในขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นประกอบกับสินค้าไอทีมีราคาที่ถูกลง ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าดังกล่าวได้มากขึ้นอีกด้วย จึงสะท้อนให้บริษัทฯ เติบโตไปในทิศทางเดียวกันดังกล่าว

View :1377
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที รับมอบนโยบายรัฐบาลแก้ปัญหาเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม

February 25th, 2011 No comments

นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังการประชุม “ งานรับมอบนโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม ” ว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งได้กลายเป็นปัญหาสังคมที่จำเป็นต้องมีการป้องกันและแก้ไข ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จึงได้มอบนโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและ เยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 หน่วยงาน คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

“กระทรวง ไอซีที เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับมอบภารกิจครั้งนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้กระทรวงฯ ปฏิบัติภารกิจในด้านการป้องกัน เนื่องจากปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำให้เด็ก และเยาวชนได้รับการกระตุ้นจากสื่อลามกอนาจารทุกรูปแบบได้ง่ายโดยเฉพาะผ่าน ทางสื่ออินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งภายหลังรับมอบนโยบายจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะมีการรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อใช้กำหนดเป็นนโยบายและมอบให้แก่หน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงไอซีทีนำไปดำเนินการ

โดย ที่ผ่านมา กระทรวงไอซีทีได้มีการดำเนินนโยบายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผ่านโครงการต่างๆ หลายโครงการ ซึ่งสอดรับกับนโยบายฯ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ โดยโครงการสำคัญโครงการหนึ่งก็คือ โครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงไอซีที ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือของ 3 กระทรวง ในการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง รวมถึงป้องกันการกระทำผิดฯ และแจ้งเบาะแสมายังสายด่วน 1212 เพื่อ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ ที่ได้รับแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งการเฝ้าระวังและป้องปรามการเผยแพร่ สื่อ ลามกอนาจารนั้น ก็เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของโครงการนี้เช่นกัน ส่วนการดำเนินงานที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้มีการประสานความร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP ในประเทศเพื่อปิดกั้นสื่อลามกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังติดปัญหาในการประสานงานกับ ISP จากต่างประเทศอยู่บ้าง ” นางสาวมัลลิกา กล่าว

นอก จากนี้ กระทรวงไอซีที ยังดำเนินการพัฒนาโปรแกรม ไอซีที เฮ้าส์คีปเปอร์ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยในการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถขอรับโปรแกรมดังกล่าวได้ฟรีที่สำนักงานปลัดกระทรวงฯ พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ยังมีนโยบายที่จะจัดค่ายเยาวชนในลักษณะ ICT Summer Camp เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างเท่าทัน รวมถึงจะมีการร่วมมือกับ 4 หน่วย งาน คือ กระทรวงไอซีที กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อวางแผนการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และพัฒนาหลักสูตรที่มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้เท่าทันความก้าวหน้า และรู้จักการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อย่างถูกต้อง

นาง สาวมัลลิกาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ก็เป็นอีกนโยบายของกระทรวงฯ ที่สอดรับกับนโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและ เยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม เนื่องจากต้นเหตุของปัญหาคือการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ ศึกษาในเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น การขยายโอกาสทางการศึกษาผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่ 80 % ของประเทศภายในปี 2558 จึง เป็นการกระจายความรู้ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชนกลุ่ม เสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยกระทรวงฯ จะได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินนโยบายในการกระจายรู้ ควบคู่ไปกับนโยบายในการป้องกัน เพื่อให้นโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตั้งครรภ์ไม่พร้อมของรัฐบาลบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้”

View :1496

ดีแทคเอาใจกว่า เปิดจอง iPhone 4 เริ่ม 26 กุมภา รับเครื่องมีนานี้

February 25th, 2011 No comments

ดีแทคเตรียมเปิดรับจอง ดีแทค iPhone 4 ตั้งแต่วันที่ 2 6 กุมภาพันธ์ 255 4 ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค 25 สาขาทั่วประเทศ มั่นใจพร้อมส่งมอบเครื่องได้ในเดือนมีนาคมนี้

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ iPhone 4 จากดีแทคยังคงความเป็นสมาร์ทโฟนที่ร้อนแรงที่สุดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2553 ที่ผ่านมา และเรายังคงมุ่งมั่นมอบประสบการณ์ในการสื่อสารดี ๆ แก่ลูกค้าดีแทค iPhone 4 ภายใต้แนวคิด “เร็วกว่า ดีกว่า ทั่วถึงกว่า เอาใจกว่า” โดยขณะนี้ ลูกค้าดีแทคสามารถเป็นเจ้าของดีแทค iPhone 4 ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเราพร้อมเปิดรับจองเครื่องที่สำนักงานบริการลูกค้า 2 5 สาขาทั่วประเทศ โดยชำระค่าจองเพียง 1,000 บาทเท่านั้น และสามารถรับเครื่องได้ภายในเดือนมีนาคมนี้แน่นอน”
สิทธิพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าดีแทคเท่านั้น โดย 1 หมายเลขจองได้ 1 เครื่อง สินค้ามีจำนวนจำกัด
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPhone 4 ไปที่ www.apple.com/iphone

View :1369
Categories: Press/Release Tags: ,

จ๊อบส์ ดีบี จัด “มหกรรมสมัครงานออนไลน์” ชูงานคุณภาพกว่า 10,000 ตำแหน่งจาก 200 บริษัท

February 25th, 2011 No comments

พร้อมเผยนวัตกรรมสมัครงานบาร์โค้ด ผ่านบัตร Career Card สะดวก รวดเร็ว เอาใจผู้หางานยุคใหม่

จ๊อบส์ ดีบี จับมือพันธมิตรธุรกิจชั้นนำกว่า 200 แห่ง นำโดยกลุ่มบริษัทดับเบิ้ลเอ เครือธนาคารกสิกรไทย กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย และบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง เปิดรับสมัครงานคุณภาพกว่า 10,000 ตำแหน่ง ใน มหกรรมสมัครงานออนไลน์: Career Exhibition 2011 by JobsDB.com ครั้งที่ 7 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2554 นี้ ชูระบบ E–Recruitment Solution ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดสรรพนักงานคุณภาพ พร้อมเพิ่มความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Barcode สมัครงานผ่านบัตร Career Card คาดยอดผู้ร่วมงานปีนี้กว่า 65,000 คน

นางนพวรรณ จุลกนิษฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเว็บไซต์แหล่งงานคุณภาพและสมัครงานออนไลน์ผ่าน www.jobsdb.com มา กว่า 10 ปี เปิดเผยว่า มหกรรมสมัครงานออนไลน์จัดขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 7 โดยจ๊อบส์ ดีบี เป็นผู้ริเริ่มมหกรรมสมัครงานออนไลน์เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย และเป็นมหกรรมสมัครงานออนไลน์ที่ใหญ่ ทันสมัยและประสบความสำเร็จมากที่สุด ในปี 2553 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานและสมัครงานกว่า 48,000 ราย มีใบสมัครงานในตำแหน่งต่างๆ มากกว่า 320,000 รายการ นับเป็นความภาคภูมิใจที่บริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยในปีนี้ จ๊อบส์ ดี ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากขึ้นกว่าปีที่แล้วอยู่ที่จำนวน 65,000 คน และคาดว่าจะมีจำนวนใบสมัครงานในตำแหน่งต่างๆอยู่ที่ 400,000 รายการ

จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ทำให้ภาคธุรกิจมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้จัด มหกรรมสมัครงานออนไลน์: Career Exhibition 2011 by JobsDB.com ครั้งที่ 7 ขึ้น โดยยังคงนำระบบ E-Recruitment Solution ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตมาเพิ่มศักยภาพและพัฒนาประสิทธิภาพของระบบการสรรหาบุคลากร มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการและผู้กำลังมองหางาน โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการคัดกรองข้อมูลให้ตรงกับความต้องการของทั้งสองฝ่ายให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ จ๊อบส์ ดีบี ยังได้นำระบบบาร์โค้ดมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สมัครงาน โดยไม่จำเป็นต้องนำประวัติ (resume) ในรูปแบบกระดาษมาเพื่อใช้สมัครงาน เพียงแต่บันทึกข้อมูลประวัติ (resume) ใส่ใน thumb drive มาเท่านั้น หรือลงทะเบียนฝากประวัติก่อนเข้าร่วมงานได้ที่ www.jobsdb.co.th/ce จากนั้นก็สามารถมารับบัตร Career Card ที่

หน้างาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับการสมัครงานให้มีความทันสมัย สะดวก รวดเร็ว พร้อมสามารถสมัครงานหลายตำแหน่ง หลายบริษัทได้ภายในไม่กี่วินาที

ด้านความร่วมมือจากพันธมิตรหลักที่มาร่วมออกบูธรับสมัครงานในปีนี้ จ๊อบส์ ดีบี ได้รับเกียรติจากกลุ่มบริษัท ดับเบิ้ล เอ เครือธนาคารกสิกรไทย กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด และผู้ร่วมสนับสนุน อาทิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เครือเบทาโกร กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล โรงแรมในเครือ แมริออท บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด สตาร์วู้ด โฮเท็ล แอนด์ รีสอร์ท กลุ่มบริษัทซัมมิท โอโต ซีท เทสโก้ โลตัส บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)และบริษัทต่างๆ อีกรวมทั้งสิ้นกว่า 200 บริษัท

นอกจากบูธรับสมัครงานจากกว่า 200 บริษัทแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมอีกมากมายโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลจากแต่ละบริษัทชื่อดัง ที่จะมาแนะเทคนิคเคล็ดลับดีๆ ให้แก่ผู้หางานตลอดทั้ง 3 วัน พร้อมพิเศษกับกิจกรรมเสวนา ติวเข้มเตรียมความพร้อมเข้าสัมภาษณ์งาน ภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพ โดย คริสโตเฟอร์ ไรท์

View :1461
Categories: Press/Release Tags:

ภูมิซรอลเสนอระบบโทรคมฯ แจ้งเหตุฉุกเฉินพื้นที่ชายแดน

February 25th, 2011 No comments

กสทช.ลงพื้นที่ พบปัญหาซ้ำเดิมยามเกิดเหตุฉุกเฉิน มือถือบอดใช้งานไม่ได้ ขณะที่ ผู้ว่าฯศรีสะเกษเสนอ หนุนระบบโทรคมนาคมพื้นที่ชายแดน สร้างช่องทางสื่อสารหลากหลายให้ถึงประชาชนเมื่อภัยมาถึง

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (ผอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะตัวแทนจากสำนักงาน กสทช. ประกอบด้วย ผอ. นายศรีสะเกษ สมาน นางสาวสุภัทรา นาคะผิว อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม นายศรศิลป์ คล่องแคล่ว ตัวแทนจากสำนักงานการบริการอย่างทั่วถึง นายวรุตม์ ว่องโรจนานนท์ ตัวแทนจากสำนักวิศวกรรมและเทคโนโลยี โทรคมนาคม ได้เดินทางไปสำรวจข้อมูลในพื้นที่ บ้านภูมิซรอล และโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา และเข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีผลกระทบจากการสู้รบระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา รวมถึงสำรวจความเสียหายและความต้องการใช้ระบบโทรคมนาคมในพื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ
จากการสำรวจความเสียหายพบว่า ชุมสายโทรศัพท์พื้นฐานของ บมจ.ทีโอที ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์นั้น มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน 40 เลขหมาย และลูกค้า ADSL จำนวน 15 Ports ไม่สามารถใช้งานได้และอยู่ในระหว่างการซ่อมบำรุง ส่วนที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ ได้รับความเสียหายอย่างมาก โดยอาคารเรียนถูกระเบิดพังเสียหาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบโทรคมนาคม พบว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย และไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากสาย fiber optic ถูกสะเก็ดระเบิดหรือกระสุนปืนใหญ่
นายประวิทย์กล่าวต่อไปว่า ภายหลังหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษมีข้อสรุปว่า ควรจัดให้มี “ศูนย์ประสานงานและแจ้งเหตุป้องกันภัยชายแดน” โดยขอให้ กสทช. สนับสนุนการจัดตั้งระบบโทรคมนาคมเพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน แบบหลายช่องทางการสื่อสาร เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารแจ้งให้ทั่วถึงแก่ประชาชนทุกคนได้ทราบในทุกรูปแบบ ซึ่งหากจะดำเนินการต้องมีการทำวิจัยและศึกษาปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ก่อนเสนอแนวทางดำเนินการให้ตรงกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในชายแดน
“จากคำบอกเล่าของประชาชนในพื้นที่พบว่า วันเกิดเหตุประชาชนต่างแตกตื่นวิ่งหนีหลบภัยแบบไม่มีทิศทาง รถติดยาวกว่า 30 กิโลเมตร ขณะที่ โทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อกันได้ในบางช่วงเวลา สถานการณ์ปัญหาการใช้บริการโทรคมนาคมเหมือนกับช่วงที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ หรือเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากช่องสัญญาณเต็ม เพราะมีผู้ใช้บริการในคราวเดียวจำนวนมาก และประชาชนในพื้นที่ชุมสายตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ รวมถึงบ้านภูมิซรอลไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้” ผอ.สบท.กล่าว
นายประวิทย์กล่าวอีกว่า การจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแจ้งเหตุป้องกันภัยชายแดน จำเป็นต้องวางระบบให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของการใช้งานอาจแตกต่างจากการตั้งศูนย์เตือนภัยสึนามิ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไป นอกจากนี้ประชาชนในพื้นที่ยังต้องการให้ผู้ประกอบการขยายสัญญาณโทรศัพท์มือถือให้ครอบคลุมพื้นที่ชายแดน และต้องการให้มีการฝึกทักษะการติดต่อสื่อสารด้วยระบบโทรคมนาคมเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนด้วย

View :1399

ไอที ซิตี้ เผยผลประกอบการปี 2553 รวมกว่า 6,224 ล้านบาท

February 24th, 2011 No comments

นายกมล  จันทิมา  ประธานกรรมการบริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2553 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวม 6,224.51 ล้านบาท  คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10.33% และมีผลกำไรสุทธิ 203.11 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 23.01% เมื่อเทียบกับปี 2552
 
ปัจจัยที่ทำให้ไอที ซิตี้มีผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย 1. ตลาดคอนซูเมอร์ไอทีมีการเติบโตต่อเนื่อง และไอที ซิตี้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่เป็นทั้งคอนซูเมอร์ บริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางเพิ่มขึ้น 2. ไอที ซิตี้มีการขยายสาขาใหม่ต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นทั้งจากสาขาใหม่ที่เปิดและสาขาเดิมที่มีอยู่  3. ไอที ซิตี้เป็นศูนย์รวมสินค้าไอทีที่ครบวงจร ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในปัจจุบัน  4. ไอที ซิตี้ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ทั้งจากในและต่างประเทศมากขึ้น  5. บริษัทฯ โฟกัสในธุรกิจค้าปลีกที่เรามีความชำนาญ ยังผลให้เกิดงานที่มีคุณภาพและได้เปรียบด้าน Economy of Scale  6. ผลิตภัณฑ์ไอทีจัดเป็นสินค้าที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านธุรกิจและการเรียนรู้ ยังผลให้กำลังซื้อยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
“ในปี 2554 บริษัทฯ มีแผนงานที่จะเปิดสาขาเพิ่ม จำนวน 8 สาขา จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขารวม 42 แห่ง  และจะเพิ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ๆ  ขณะเดียวกันจะดูแลด้านค่าใช้จ่ายให้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและความสามารถในการทำรายได้ของบริษัทฯ”  นายกมลกล่าวสรุป

View :1266
Categories: Press/Release Tags:

กสทช. เปิดแหล่งสืบค้นและวิเคราะห์สิทธิบัตรทั่วโลก สำหรับ R&D และนวัตกรรมไทย พร้อมสร้างมูลค่าให้ธุรกิจไทยในอนาคต

February 24th, 2011 No comments

สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (ทริดี้)สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (สำนักงาน )  เปิดแหล่งข้อมูล สืบค้นและวิเคราะห์สิทธิบัตรทั่วโลก เพื่อง่ายต่อบุคลากร หน่วยงานที่ต้องการศึกษา ค้นคว้าถึงงานด้านสิทธิบัตรจากทั่วโลก ในกลุ่มนวัตกรรม โทรคมนาคม วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ ซึ่งเป็นถือเป็นภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ตามกฎหมายใหม่ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ภายใต้การดำเนินงานของ สำนักงาน โดยได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ในรูปแบบสิทธิบัตรตามกฎหมาย มุ่งเน้นสร้างเสริมความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย
 

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือ ทริดี้ กล่าวว่า การส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมและกิจการโทรคมนาคม ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงาน กสทช. มาโดยตลอด โดยที่ผ่านมาทริดี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งภายหลัง พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ประกาศใช้ ภารกิจในด้านนี้ยังคงอยู่และยังคงได้รับการสนับสนุนเช่นเดิม ดังนั้นเมื่อนักวิจัยไทยที่มีศักยภาพสร้างสรรค์ผลงานวิจัยใหม่ขึ้นมา เราควรให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว ซึ่งถือเป็นประโยชน์ของประเทศที่ในอนาคตผลงานต่าง ๆ เมื่อได้รับการต่อยอด อันจะส่งผลต่อการพัฒนาของประเทศในด้านอุตสาหกรรม โทรคมนาคม โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียงของประเทศ และยังสามารถสร้างรายได้ เม็ดเงินที่จะเข้าประเทศต่อไปในอนาคต ดังนั้นการได้รับการคุ้มครองในด้านทรัพย์สินทางปัญญา เช่นการจดสิทธิบัตรของทางสำนักงาน กสทช. จึงจัดตั้งแหล่งสืบค้นและวิเคราะห์สิทธิบัตรทั่วโลกเอาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้นักวิจัยสามารถมาสืบค้นก่อนได้ ถึงข้อมูลต่าง ๆ และวิเคราะห์ในด้านผลงานที่จะคิดค้นขึ้นมาใหม่หรือต่อยอดได้ในอนาคต

 

ดร.สุพจน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ ทริดี้ได้ปฏิบัติงานมากว่า 4 ปี ได้ดำเนินงานในด้านสร้างบุคลากร ผลงาน สนับสนุนทั้งในส่วนขององค์กร หน่วยงาน ที่ต้องการให้ทริดี้เขาสนับสนุน ทำให้เราพบว่าประเทศไทยมีนักวิจัยไทยมีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ไม่แพ้นานาชาติ ดังนั้น สำนักงาน กสทช. จึงไม่เพียงแต่สนับสนุนการจดสิทธิบัตรในระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนให้เกิดความคุ้มครองในระดับนานาชาติ โดยได้จัดตั้งแหล่งสืบค้นและวิเคราะห์สิทธิบัตรทั่วโลกที่อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษาทุน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมสามารถใช้บริการได้ นอกจากนี้ การสืบค้นสิทธิบัตร ทำให้สามารถทราบข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มงานวิจัย หรือกำหนดทิศทางวิจัย รวมทั้งสามารถใช้ประกอบการเขียนข้อเสนอโครงการขอทุนต่างๆ ได้อีกด้วย

“การบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญามีความสาคัญมากสำหรับผู้คิดค้น นักวิจัย และระบบเศรษฐกิจของประเทศ  โดยเป็นการกระตุ้นให้นักวิจัย นักประดิษฐ์และนักธุรกิจลงทุนวิจัยได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการนั้นๆและเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจแบบฐานความรู้ (Knowledge Based Economy) ที่มีมูลค่าเพิ่มมหาศาลในเชิงธุรกิจ โดยวิธีการบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญาเริ่มตั้งแต่การทาวิจัยในห้องปฏิบัติการไปถึงการพัฒนาเพื่อนำเข้าสู่ตลาด ซึ่งการสืบค้นเอกสารสิทธิบัตรเป็นขบวนการแรกเริ่มและเป็นรากฐานที่สาคัญในการเข้าถึงการบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับประเทศไทยการบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะด้านโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและที่เกี่ยวข้องยังมีไม่มากเท่าที่ควรซึ่งอาจเป็นเพราะความยุ่งยากในกระบวนการ ซึ่งส่งผลต่อการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ซึ่งยังมีไม่มากเท่าที่ควร”

ดังนั้นสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงาน กสทช. ที่ส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การพัฒนากิจการโทรคมนาคมโดยรวมของประเทศ ได้เล็งเห็นความสำคัญจึงได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ การสืบค้นเอกสารสิทธิบัตร ” ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นนักวิจัย บุคคลที่สนใจให้เห็นความสาคัญของการบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและได้ทราบวิธีการ เทคนิค ตลอดจนได้ฝึกทักษะการสืบค้นสิทธิบัตรให้ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อนักวิจัยในการพัฒนาต่อยอดงานวิจัย โดยหากเกิดกระแสความสนใจของกลุ่มนักวิจัย ผู้ผลิตคิดค้นผลงานใหม่ในด้านโทรคมนาคม โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียงเป็นจำนวนที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในภาพรวมของประเทศในระยะยาว โดยวันนี้เราควรต้องร่วมมือในการสร้าง สนับสนุน ส่งเสริม และผลักดันให้เกิดบุคลากรที่มีคุณภาพ สร้างผลงานที่ได้ศักยภาพ และเกิดมูลค่าในทางเศรษฐกิจ ผ่านรากฐานที่แข็งแกร่งจากแหล่งศึกษาข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้เราลดการนำเข้า สร้างผลงานเองได้ ใช้ผลผลิตเองได้จากในประเทศในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน ดร.สุพจน์ กล่าวสรุป

View :1270
Categories: Press/Release Tags: