ITBiz | lekasina.com

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยเกี่ยวกับโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อเด็กด้อยโอกาส ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ริเริ่มจัดทําโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อเด็กด้อยโอกาส เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( Digital Divide) และ สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้พร้อมสร้างโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้มีเครื่องมืออันทันสมัยในการเข้าถึงข้อมูลและ องค์ความรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแก่เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส ด้วยการขอรับบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่และอุปกรณ์ต่อพ่วงจากหน่วยงานทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อนำไปมอบให้กับโรงเรียนที่ยังขาดแคลนในพื้นที่ห่างไกลหรือด้อยโอกาส

สำหรับ วิธีการบริจาคมี 2 แนวทาง คือ 1.บริจาคโดยตรง ได้ที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารบี ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 02-141-7036-40 2.ใช้บริการ Delivery โดยกระทรวงฯ ยินดีไปรับคอมพิวเตอร์จากหน่วยงานรัฐ หรือเอกชนที่ร่วมบริจาคถึงที่ ด้วยการแจ้งรายการของที่จะบริจาค แผนที่รับของ ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของผู้ประสานงาน รายนามผู้บริจาค ส่งมายังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งหลังจากที่ได้รับรายละเอียดแล้วทางกระทรวงฯ จะได้ติดต่อกลับเพื่อนัดหมายวันและเวลาในการรับของบริจาค สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือส่งรายละเอียดได้ที่ อีเมล์ : wandee.b@mict.mail.go.th และ chamaiporn.p@mict.mail.go.th โดยโครงการฯ นี้ มีกำหนดระยะเวลาในการรับบริจาค ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

“การ ดำเนินโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อเด็กด้อยโอกาสในครั้งนี้ ถือเป็นความภูมิใจที่กระทรวงฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงสังคมแห่งการเรียนรู้ไปสู่เด็กและเยาวชนที่ ด้อยโอกาส กระทรวงฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ให้ความให้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย การพัฒนาสังคมไทยด้วย ICT กับ กระทรวงฯ และเพื่อให้น้องๆ เยาวชนใช้คอมพิวเตอร์ได้นานๆ และลดภาระในการปรับปรุง ซ่อมแซม จึงขอความร่วมมือในการบริจาคเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่เท่านั้น” นายธานีรัตน์ กล่าว

พร้อมบุกตลาดแอนดรอยด์เล่นเน็ตไม่จำกัดเพียง 299 บาท

ดีแทคควงซัมซุงสร้างสีสันตลาดสมาร์ทโฟนส่งแพ็กเกจเล่นเน็ตไม่จำกัด 299 บาทต่อเดือนร่วมกับซัมซุงกาแล็คซี่แฟมิลี่ 4 รุ่น ที่แรงด้วยแอนดรอยด์ 2.2 เปิดโลกแอพพลิเคชั่นกว่า 2 แสนแอพบนแอนดรอยด์มาร์เก็ต เอาใจลูกค้าทุกกลุ่มให้เข้าถึงสังคมฮิต ชีวิตสมาร์ทได้สบายกว่า

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้ อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า ในปีนี้ดีแทคมีความมุ่งมั่นในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอีกมาก และเพื่อเป็นการเอาใจลูกค้าดีแทคที่ชื่นชอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ดีแทคจึงได้ร่วมกับซัมซุงนำสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่แฟมิลี่ 3 รุ่นล่าสุดในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คือ กาแล็คซี่เอส (i9000) 16GB, (i9003) 4GB กาแล็คซี่คูเปอร์ และกาแล็คซี่มินิ มาวางจำหน่ายพร้อมสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าดีแทคโดยเฉพาะ

“ แพ็กเกจสุดคุ้มสำหรับลูกค้าดีแทคที่ซื้อซัมซุงกาแล็คซี่ทั้ง 4 รุ่นที่ดีแทคตั้งแต่วันนี้ -31 มีนาคมนี้ คือ สามารถเล่นเน็ตได้ไม่จำกัดเพียง 299 บาท / เดือน แรงขึ้น สนุกขึ้น บนเครือข่ายดีแทคที่เร็วกว่าดีกว่า พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน ที่ร้านดีแทคทุกสาขา (ตามเงื่อนไข) โดยราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นคือ กาแล็คซี่ มินิ เพียง 5,990 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าและยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่เริ่มต้นหรือต้อง การสัมผัสกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ใช้งานกันแพร่หลายมากขึ้นด้วย นอกจากนั้น การร่วมมือกับซัมซุงในครั้งนี้ทำให้ช่องทางจำหน่ายของดีแทค ทั้งดีแทคเซ็นเตอร์ และสำนักงานบริการลูกค้าดีแทค มีสมาร์ทโฟนวางจำหน่ายครบทุกระบบปฏิบัติการ พร้อมเป็นศูนย์ให้บริการลูกค้าด้านสมาร์ทโฟนอย่างครบวงจร ” นายปภาพรต กล่าว

นายวิชัย พรพระตั้ง ผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่าสำหรับความร่วมมือกับดีแทคในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำสมาร์ทโฟนของซัมซุงอีกครั้ง โดยพร้อมวางจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ “ ซัมซุง กาแล็คซี่ แฟมิลี่ ” ทั้ง 4 รุ่น คือ กาแล็คซี่ เอส (i9000) 16GB, (i9003) 4GB กาแล็คซี่ คูเปอร์ และกาแล็คซี่ มินิ ที่เหมาะกับทุกความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งาน โดยมีจุดเด่นคือใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด 2.2 ที่สนุกได้กับแอพพลิเคชั่นฟรีกว่า 2 แสนแอพบนแอนดรอยด์มาร์เก็ต

“ ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วแรงด้วยพลังโปรเซสเซอร์ 1GHz เล่นและบันทึกภาพคมชัดในระดับ HD หน้าจอคมชัดขนาด 4 นิ้ว สีสันสวยสดสบายตา ส่วนกาแล็คซี่ คูเปอร์ เหมาะกับผู้ที่เน้นการใช้งานแชต แชร์ โพส กับหลากหลายระบบปฏิบัติการด้วยแอพพลิเคชั่น WhatsApp ที่ให้คุยหรือแชตกับเพื่อนๆ บนระบบปฏิบัติการอื่นได้ พร้อม กล้องถ่ายรูปความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมแอลอีดีแฟลช และออโต้โฟกัส ที่สามารถถ่ายรูปได้ทุกที่ ทุกเวลา แล้วอัพโหลดผ่าน Social Network ได้ ทันที ด้วยพลังความเร็วแรง 800 MHz ส่วนซัมซุง กาแล็คซี่ มินิ สมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก ดีไซน์สดใส เหมาะสำหรับผู้หลงใหลเกมส์สุดมันส์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก อาทิ Angry Bird พร้อมทำงานอย่างรวดเร็วด้วย CPU 600 MHz” นายวิชัย กล่าว

ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส รุ่นหน้าจอซูเปอร์ อโมเล็ด หน่วยความจำภายใน 16 GB ราคา 17,900 บาท ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส รุ่นหน้าจอซูเปอร์ เคลียร์ หน่วยความจำภายใน 4 GB ราคา 13,900 บาท และ สำหรับซัมซุง กาแล็คซี่ คูเปอร์ ราคา 9,900 บาท และซัมซุง กาแล็คซี่ มินิ ราคาเพียง 5,990 บาทเท่านั้น ลูกค้าที่ซื้อซัมซุงรุ่นดังกล่าว สามารถสมัครแพ็กเกจเล่นเน็ตไม่จำกัด 299 บาทของดีแทคได้ทันทีพร้อมใช้งานบนแอนดรอยด์อย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายได้ทุกที่ และพร้อมรับสิทธิพิเศษผ่อน 0% นาน 10 เดือนเมื่อซื้อที่ดีแทคเท่านั้น

สำหรับ ผู้สนใจสามารถรับสิทธิพิเศษดีๆ ได้ที่ดีแทค เซ็นเตอร์ สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และตัวแทนจำหน่ายซัมซุงทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคมนี้เท่านั้น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าซัมซุง 02 689 3232 และโทร. 1678 dtac call center หรือ www.dtac.co.th

นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทย จำกัด ครั้งที่ 1 ว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย ตามที่กระทรวงไอซีทีเสนอ กระทรวงฯ จึงได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง ผลักดันให้เกิดบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ถือหุ้น 100% และมีทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 50 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่มีฐานะยากจนและด้อยโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมทั้งประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ในด้านเครือข่ายที่มีศักยภาพ ความใกล้ชิดกับคนไทย และความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
“บริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทยฯ ได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อรับมอบนโยบายจากนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  รวมทั้งวางแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยได้มีการกำหนดลักษณะการประกอบธุรกิจเป็นการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการค้ำประกัน แต่ใช้บุคคลค้ำประกันแทน รวมทั้งกำหนดการคิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ2ต่อเดือน และวางกลุ่มเป้าหมายไว้เป็นประชาชนที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือมีรายได้เท่ากับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ วันละ 206 บาท หรือประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน รวมถึงประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้นอกระบบ” นางสาวมัลลิกา กล่าว
โดยในเระยะแรกจะมีการเปิดให้บริการ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นำร่อง จำนวน 10 สาขาทั่วประเทศ คือ 1.สาขา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ 2.สาขา อ.นครไทย จ.พิษณุโลก 3.สาขา อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ 4.สาขา อ.เมือง จ.อุดรธานี 5.สาขา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง 6.สาขา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว 7.สาขา อ.บ้านตาก จ.ตาก 8.สาขา อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี 9.สาขา อ.ละงู จ.สตูล 10.สาขาเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง 10 สาขา ที่เปิดให้บริการนิ้ ถือเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลหรือมีประชาชนที่อยู่ในฐานะยากจน และด้อยโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้กำหนดที่จะปล่อยกู้ประมาณ 1,000 – 2,000 ราย แบ่งเป็นสาขาละ 100 – 200 คน และให้วงเงินกู้ได้ไม่เกินรายละ 10,000 บาทสำหรับประชาชนที่สนใจใช้บริการกู้เงินสามารถลงทะเบียนยื่นใบคำขอสินเชื่อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเปิดรับสมัครเป็นช่วงๆ ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน
ส่วนเกณฑ์การพิจารณาการขอสินเชื่อนั้นจะใช้หลักเกณฑ์ คือ ผู้ยื่นกู้ต้องเป็นคนไทยที่มีบัตรประจำตัวประชาชน มีแหล่งพำนัก     ที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายโดยบุรุษไปรษณีย์  มีวัตถุประสงค์ในการกู้เพื่อใช้ประกอบอาชีพและสามารถผ่อนชำระหนี้สินได้ภายใน 1 ปี โดย ผู้ที่สนใจยื่นกู้จะต้องรวมกลุ่มในการยื่นขอสินเชื่อกลุ่มละ 3 คน ให้เป็นผู้หญิงอย่างน้อย 2 คน เพื่อช่วยค้ำประกันหนี้สินให้กันและกัน ซึ่งผู้กู้ที่มีวินัยทางการเงินดี เมื่อชำระครบตามกำหนดภายใน 1 ปี ทางบริษัทฯ อาจมีการพิจารณาลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป หรือเพิ่มวงเงินกู้มากขึ้นในปีต่อๆ ไป และบางส่วนสามารถนำไปสมทบเข้ากองทุนการออมแห่งชาติเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้กู้ได้
“คาดว่าบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทยฯ จะสามารถเริ่มดำเนินการให้ประชาชนที่สนใจยื่นกู้เงินจากโครงการฯ ได้อย่างช้าที่สุดภายในเดือนเมษายน 2554 นี้” นางสาวมัลลิกา กล่าว
 

Apple เปิดตัว Macbook Pro ตัวใหม่ แรงกว่า เร็วกว่าเดิมทุกฟังก์ชั่น
พร้อมกล้อง FaceTime แบบ HD และเทคโนโลยีล่าสุด Thunderbolt

หลังปล่อยให้แฟนๆ ลือกันหนาหูถึงข่าว Macbook Pro ตัวใหม่ที่จะมาพร้อมฟังก์ชั่นสุดล้ำตามแบบฉบับ Apple กันมาระยะใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา Apple เปิดตัว New Macbook Pro สายพันธุ์ใหม่ ที่ทั้งแรง และเร็วกว่าเดิมในทุกฟังก์ชั่น โดย Macbook Pro ตัวนี้มีการอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างในรุ่น 13 นิ้วได้เริ่มใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i5 และ i7 แบบ dual-core ส่วนในรุ่น 15 นิ้วและ 17 นิ้วก็มาพร้อม Intel Core i7 แบบ quad-core ที่เพิ่มความแรงและเร็วให้มากขึ้นถึง 2 เท่า รวมถึงพลังกราฟฟิคที่ได้ดังใจคุณกับการ์ดจอใหม่จาก AMD Radeon ที่เร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 3 เท่า คราวนี้จะเล่นเกมแบบ Hardcore แค่ไหน หรือจะทำงานกับงานวีดีโอ HD ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แค่นั้นยังไม่พอ Apple ยังส่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Thunderbolt ช่องต่ออุปกรณ์ความเร็วสูงสุดแบบที่ไม่เคยมีใน notebook ไหนมาก่อน ซึ่งเร็วกว่า FireWire 800 ถึง 12 เท่าและเร็วกว่า USB 2.0 ถึง 20 เท่า อีกทั้งเปิดประสบการณ์ใหม่อีกระดับของการใช้งานด้านความบันเทิงแบบ Plug-and-Play ทั้งภาพ เสียง และข้อมูล และพลาดไม่ได้กับ feature เด่น New Facetime HD Camera ที่เพิ่มความคมชัดของกล้องมากขึ้นกว่า 3 เท่า ให้คุณเชื่อมต่อทุกจังหวะชีวิตผ่านการคุยวิดีโอคอลบน Facetime ระหว่างเครื่อง Mac ด้วยกัน หรือบน iPod Touch และ iPhone4 ก็ยังได้

New Macbook Pro เปิดตัวฟังก์ชั่นสุดแรง พร้อมราคาเร้าใจ เริ่มต้นที่ 39,900 และ 49,900 บาทในรุ่นหน้าจอ 13 นิ้ว 59,900 บาท และ 72,900 บาทสำหรับรุ่นหน้าจอ 15 นิ้ว และ 81,900 บาทสำหรับรุ่นหน้าจอ 17 นิ้ว พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ iStudio, iBeat, U.Store, และ Apple Shop ที่ Power Buy, Power Mall, และ BananaIT ทุกสาขา วันที่ 10 มีนาคมนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

*ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ New Macbook Pro: www.apple.com/macbookpro

บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเว็บไซต์แหล่งงานคุณภาพและสมัครงานออนไลน์ผ่าน www.jobsdb.com ซึ่งเป็น ผู้ริเริ่มมหกรรมสมัครงานออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทย เชิญชวนผู้กำลังมองหางานเข้าร่วมงาน Career Exhibition 2011 by JobsDB.com มหกรรมสมัครงานออนไลน์ครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 ด้วยความพิเศษของบัตร “Career Card” เทคโนโลยีการสมัครงานผ่านระบบบาร์โค้ด พร้อมรวบรวมตำแหน่งงานคุณภาพกว่า 10,000 ตำแหน่ง จากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศกว่า 20 0 บริษัท อาทิ กลุ่มบริษัท ดับเบิ้ล เอ เครือธนาคารกสิกรไทย กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย และ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เป็นต้น ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2554 เวลา 10.00-19.00 น . รับประกัน “ 3 วันนี้ งานโดน งานดี JobsDB… จัดเต็ม ” สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนฝากประวัติ ( Resume) ก่อนเข้าร่วมงานได้ที่ www.jobsdb.co.th/ce

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนองค์ความรู้ให้กับเว็บไซต์ศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ( www.tkc.go.th ) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กับ 6 สถาบันการศึกษา และเทศบาลนครสงขลา ว่า ภายหลังจากกระทรวงฯ ได้จัดทำ “ ศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ ” (Thailand Knowledge Center : TKC) ในรูปแบบของเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า www.tkc.go.th ซึ่งเป็น Web Portal ที่รวบรวมความรู้ในทุกสาขาวิชา เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ต้องการสืบค้นข้อมูลในด้านต่างๆ ได้เข้ามาแสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 6 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้มีการพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบคอมพิวเตอร์และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงองค์ความรู้ที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์

“สำหรับ การพัฒนาเว็บไซต์ฯ ในปีนี้กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับ 6 สถาบันการศึกษา คือ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันทักษิณคดีศึกษา รวมทั้งเทศบาลนครสงขลา นำองค์ความรู้สาขาวิชาต่างๆ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในลักษณะสื่อดิจิทัลรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ลักษณะตัวอักษร รูปภาพ สื่อมัลติมีเดีย รวมถึง link เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหัวข้อองค์ความรู้ของ TKC และ เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของโครงการฯ ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และกระทรวงฯ จะให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์สถาบันการศึกษาที่ให้ความร่วมมือผ่านทาง เว็บไซต์ ด้วยการสื่อความหมายในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปที่ได้เข้าถึงข้อมูลและองค์ความรู้ได้รับทราบเกี่ยว กับหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนการพัฒนาเว็บไซต์ในครั้งนี้” นางจีราวรรณ กล่าว

กระทรวงฯ หวังว่าความร่วมมือระหว่างกระทรวงฯ และหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ในครั้งนี้ จะทำให้การจัดทำโครงการจัดตั้งศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์หลักที่วางไว้ คือ การรวบรวมองค์ความรู้อันทรงคุณค่าจากประชาชน บุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ การสร้างและประสานเครือข่ายด้านการจัดการความรู้กับหน่วยงานที่สร้างองค์ ความรู้ให้กับสังคมไทย เพื่อให้เกิดช่องทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน รวมถึงเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ในเรื่องต่างๆ ให้แก่ประชาชนที่สนใจ ด้วยการจัดทำระบบและการจัดเก็บรวบรวมองค์ความรู้ สร้างสื่อดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ ที่ครอบคลุมถึงสื่อมัลติมีเดีย โดยมีการจัดแบ่งองค์ความรู้ออกเป็นกลุ่ม ประกอบด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น และองค์ความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เพื่อให้บริการแก่สังคมอย่างครบถ้วนและทั่วถึง

ยกระดับนักกีฬาเกมออนไลน์เทียบมาตรฐานโลก ปรับโฉม www.gg.in.th ทันสมัยสุดฮอต พร้อมผนึก โก๋แก่ บุกตลาดทั่วประเทศ

ทรู ดิจิตอล พลัส ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ชั้นแนวหน้า ชูกลยุทธ์ปี 2554 สร้างความต่างอย่างมีระดับ ย้ำภาพ Good Game (GG) เน้นเล่นเกมดีและสังคมดี ผลักดัน การแข่งกีฬาเกมออนไลน์เทียบเท่าระดับโลก ประกาศทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ขยายฐานตลาดผู้เล่นเกมออนไลน์ในเครือทั้ง Special Force, FIFA Online, Kartrider, Hip Street และ Revo ประเดิมด้วยโฉมใหม่ของ www.gg.in.th เปลี่ยนรูปแบบเอาใจเทรนด์สังคมออนไลน์ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรรายใหญ่ “โก๋แก่” เจาะกลุ่มคอเกมวัยทีน มั่นใจขยายฐานสมาชิก GG เพิ่มอีก 10 ล้านไอดี เตรียมเกมแนวใหม่สุดเร้าใจปีนี้แน่นอน

นายมานะ ประภากมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ทรู ดิจิตอล พลัส ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ Good Game ( GG) ประกาศรุกตลาดเกมออนไลน์ ตอกย้ำภาพผู้นำธุรกิจเกมออนไลน์ของกลุ่มทรู โดยปี 2553 มียอดขายรวมจากบริษัทในเครือ คือ ทรู ดิจิตอล พลัส และ เอ็นซี ทรู รวมกว่า 800 ล้านบาท คิดเป็น 32 % ของตลาดเกมออนไลน์รวมทั่วประเทศ ซึ่งมีมูลค่า 2,500 ล้านบาท สำหรับปี 2554 ทรู ดิจิตอล พลัส จะเน้นกลยุทธ์ สร้างความต่างอย่างมีระดับ เน้นความโดดเด่นของการเล่นเกมดี สร้างสังคมดี ของเกมในเครือ ทั้ง Special Force, FIFA Online, Kartrider, Hip Street และ Revo ซึ่งได้รับความนิยมสูงจากคอเกมชาวไทย พร้อมสนับสนุนการเล่นเกมออนไลน์เป็นเสมือนการแข่งขันกีฬาทั่วๆ ไป ซึ่งจะยกระดับนักกีฬาเกมออนไลน์ชาวไทยเทียบเท่าระดับโลก เผยงบประมาณปี 2554 กว่า 100 ล้านบาท ขยายฐานผู้เล่นเกมออนไลน์ สู่ชุมชนออนไลน์ที่หลากหลายไลฟ์สไตล์มากขึ้น รวมทั้ง ปรับโฉม www.gg.in.th ให้ฮอตโดนใจ สามารถเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์ ทั้ง Facebook, Twitter อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของสมาชิก GG ครองใจคอเกมทุกกลุ่ม พร้อมผนึกพันธมิตรชั้นนำ “ โก๋แก่ ” เดินหน้าจัดกิจกรรมเอาใจวัยรุ่นทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มฐานสมาชิกเกมในเครืออีกกว่า 10 ล้านไอดี

“มั่นใจว่าทิศทางการตลาด พร้อมเปิดตัวเกมออนไลน์แนวใหม่ภายในปีนี้ จะ สร้างสีสัน และเพิ่มความสนุกสนานให้นักกีฬาเกมออนไลน์ตลอดปี รวมทั้ง ขยายฐานสมาชิก GG ทั่วประเทศ สร้างรายได้เติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา และที่สำคัญคือเปิดโอกาสให้คอเกมไทยพัฒนาฝีมือทัดเทียมระดับสากล” นายมานะ กล่าวสรุ

อนึ่ง ทรู ดิจิตอล พลัส ยังเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันเกมออนไลน์ E-Sports นัดสำคัญระดับประเทศ อาทิ

- Special Force Championship 2011 เฟ้นหาสุดยอดเกมเมอร์ประเภท First Person Shooting

ชิงแชมป์ประเทศไทย ในโครงการ TrueLife E-Sports Thailand Championship 2011 พิชิตเงินรางวัล

1 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจทัวร์ประเทศเกาหลี

- FIFA Online 2 Thailand Championship, One Asia Cup ค้นหาทีมชนะเลิศเกม FIFA Online 2

เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าแข่งขันระดับนานาชาติ ในรายการ One Asia Cup 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย

- REVO Thailand Championship 2011 ชิงแชมป์สุดยอดเกม REVO อันดับหนึ่งของไทย

มอบแพคเกจเอไอเอสสมาร์ทโฟน พร้อมเปิดตัวแคมเปญ Passion for Success สร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ

โนเกียวางจำหน่าย Nokia E7 สมาร์ทโฟนสุดฉลาดสำหรับนักธุรกิจ ในราคา 20,800 บาท
พร้อมมอบแพคเกจเอไอเอส สมาร์ทโฟน เพียง 349 บาทต่อเดือน และเปิดตัวแคมเปญ “Passion for Success”
สร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จให้กับคนรุ่นใหม่

Nokia E7 มาพร้อม Microsoft Exchange ActiveSync รองรับการเข้าถึงอีเมล์บริษัทและแอพพลิเคชั่นส่วนตัวแบบ
real-time ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้วมาพร้อมเทคโนโลยี Nokia ClearBlack™ ที่ช่วยลดแสงสะท้อนของหน้าจอ
ทำให้ภาพชัดขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง พร้อมแป้นพิมพ์ QWERTY ผู้ใช้งานจะพบว่า Nokia E7 มาในรูปลักษณ์และขนาด
ที่เหมาะสมต่อการทำงานเอกสาร การดูตารางข้อมูล การอ่านและแก้ไขสไลด์ด้วยโปรแกรม Quickoffice ที่ติดตั้ง
อยู่ในเครื่อง พร้อมโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยต่างๆ ทำให้ Nokia E7 จึงเป็นเสมือนออฟฟิศเคลื่อนที่สำหรับผู้ไม่พลาดทุกโอกาสความสำเร็จ

มร.ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Nokia E7 เป็นสมาชิกใหม่ครอบครัวสมาร์ทโฟน มาพร้อมบริการ Ovi เต็มรูปแบบและแอพพลิเคชั่นหลากหลาย ตอบโจทย์นักธุรกิจและคนทำงานที่มุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ ใช้อุปกรณ์สื่อสารเป็นเครื่องมือในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด”

โนเกียยังได้จับมือกับเอไอเอส มอบแพคเกจเอไอเอส สมาร์ทโฟน ราคาพิเศษเพียง 349 บาทต่อเดือน (ไม่รวม VAT) จากปกติ 699 บาท รับสิทธิ์โทรฟรีเดือนละ 400 นาที และ AIS GPRS เดือนละ 500 MB นาน 12 เดือน สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2554 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Nokia Care Line 02-255-2111 หรือ AIS call center 1175

พร้อมกันนี้ โนเกียได้เปิดตัวแคมเปญ “Passion for Success” โดยนำ 7 บุคคลผู้ประสบความสำเร็จมาแชร์ประสบการณ์และแนวคิดดีๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ได้แก่ ตัน ภาสกรนที ผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ Asava อัจฉรา บุรารักษ์ เจ้าของร้านไอศกรีมไอเบอรี่ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการนิตยสาร a day ปรเมศวร์ มินศิริ ผู้ก่อตั้ง Sanook. com และ Kapook.com ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้บริหารธุรกิจโรงแรมรุ่นใหม่ สมบัษร ถิระสาโรช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตือ จำกัด โดยคุณสามารถร่วมแชร์
แรงบันดาลใจและวัดดีกรีความสำเร็จ พร้อมลุ้นรับ Nokia E7 และทุนเริ่มธุรกิจของคุณเอง

ติดตาม 7 คน 7 เรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จที่คุณไม่เคยรู้ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ที่ www.nokia.co.th/success