Archive

Archive for May, 2011

เอไอเอส – กสิกรไทย เปิดตัวแอพพลิเคชั่น ลายาร์ (Layar) พร้อมลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษจากเกมส์ดิจิตอลแรลลี่

May 21st, 2011 No comments

นายวรุณเทพ  วัชราภรณ์  ผู้อำนวยการ ส่วนงานบริหารลูกค้าองค์กร  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ เอไอเอส ร่วมกับ  นายชาติชาย พยุหนาวีชัย และนายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย  เปิดตัวโปรแกรม ลายาร์ ( Application) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย และ เอไอเอส ค้นหาช่องทางการให้บริการของธนาคาร อาทิ สาขา และ  ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย พร้อมแสดงสิทธิพิเศษมากมายได้ง่ายๆเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยลูกค้าสามารถติดตั้งโปรแกรมลายาร์ () ได้ฟรีบนมือถือที่ใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์และไอโฟน
 
นอกจากนี้ลูกค้า และ เอไอเอส ยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมดิจิตอล แรลลี่ ตามหาสาขาของธนาคารกสิกรไทย ที่มีสัญลักษณ์ธง K-Excellence ปรากฏอยู่ผ่านลายาร์   และเช็คอิน  ณ สาขาที่กำหนดได้สูงสุด จะได้สิทธิ์ลุ้นรับโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Cooper และของรางวัลอื่นๆอีกมากมายกว่า 40 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. – 4 มิ.ย. ศกนี้  

View :1619
Categories: Press/Release Tags: , ,

ก.ไอซีที จับมือ ITU และ UN-ESCAP เป็นเจ้าภาพจัดประชุม Asia-Pacific Regional Forum on ICT Applications

May 18th, 2011 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม ว่า กระทรวงฯ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Asia – Pacific Regional Forum on ICT Applications ร่วมกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( International Telecommunication Union : ) และคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ ( United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific : ) ในระหว่างวันที่ 18 – 21 พฤษภาคม 2554 โดยมีหน่วยงานสหประชาชาติและหน่วยงานด้านโทรคมนาคม หรือ ICT อาทิ UNESCO, FAO, WHO, ADB, telecentre.org , สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ , รัฐบาลออสเตรเลีย , Intel, Microsoft, เป็นต้น ให้การสนับสนุน

“ การประชุม Asia-Pacific Regional Forum on ICT Applications ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการถ่ายทอดข้อมูล ความรู้ เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะระหว่างผู้แทนจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนาการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในด้านต่างๆ อาทิ การศึกษา ( e-Education) สาธารณสุข ( e-Health) การพาณิชย์ ( e-Commerce) การเกษตร ( e-Agriculture) รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ( e-Government) เป็นต้น ซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องการกระจายโอกาสในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก ICT ไปสู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ ยังเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันโทรคมนาคมและสังคมสารสนเทศโลก ( World Telecommunication and Information Society Day) ในวันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี โดยปีนี้มีหัวข้อหลักของงาน คือ ‘Better Life in Rural Communities with ICTs’ ” นายจุติ กล่าว

ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดขึ้นนอกเหนือจากการประชุมหลักนั้น มีการแสดงนิทรรศการผลงานของหน่วยงานด้าน ICT และโทรคมนาคมต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีและตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน ICT ในด้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงานสร้างรายได้ และการยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี และสามารถลงทะเบียนผ่านทางอีเมล์โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ http://www.itu.int/ITU-D/asp/CMS/Events/ 2011/ ict-apps/index.asp

“ นอกจากนิทรรศการแล้ว ยังมีพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวันโทรคมนาคมและสังคมสารสนเทศโลกในวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 ซึ่งได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี และงานเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมในวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 ซึ่งมีหัวข้อหลักของงาน คือ “Impact of Broadband on Information Economy” โดยมีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( UNCTAD) ให้เกียรติเข้าร่วมกล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงดังกล่าว

สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากประเทศสมาชิก ITU หน่วยงานด้าน ICT และโทรคมนาคม หน่วยงานภาควิชาการ องค์กรระหว่างประเทศ ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมประมาณ 200 คน ซึ่งกระทรวงฯ จะได้นำผู้เข้าร่วมการประชุม ทั้งหมดไปเยี่ยมชมและศึกษาดูงานศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่กระทรวงฯ ได้จัดตั้งขึ้นในกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย ” นายจุติ กล่าว

View :1469

ดีแทคมอบเงินบริจาคจากงาน The Power of White by dtac 2.5 ล้านบาท

May 18th, 2011 No comments

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ( ดีแทค) ร่วมมอบเงินบริจาคจากกิจกรรม “ by ” จำนวน 2,500,000 บาท แก่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผ่านทางรายการครอบครัวข่าว 3 เพื่อสมทบทุนให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ ดีแทคใจดีกว่า ” ในโอกาสเปิดวางจำหน่าย iPhone 4 in white โดยเชิญชวนลูกค้ามาร่วมทำความดี ในการระดมทุนบริจาคเพื่อเป็นเจ้าของ iPhone 4 in white จำนวน 9 เครื่อง เป็นจำนวนเงิน 2,206,000 บาท และดีแทคร่วมสมทบทุนเพิ่มเติมเป็นยอดบริจาครวม 2,500,000 บาท .

View :1498

เอไอเอสขยายแพ็คเกจ “Unlimited Data Roaming” ในจีน

May 18th, 2011 No comments

เอไอเอส โดยบริการข้ามแดนอัตโนมัติ เดินหน้ามอบความคุ้มค่าให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยขยายแพ็คเกจ Unlimited เพิ่มในประเทศจีน เพื่อให้ ลูกค้าอไอเอสทั้งระบบโพสต์เพดและพรีเพด สามารถใช้งานดาต้า โรมมิ่ง ได้แบบไม่อั้น ไม่ว่าจะท่องโลกอินเทอร์เน็ต รับ-ส่งอีเมล แชท เฟสบุ๊ค โดยมีให้เลือกใช้งานได้ทั้งแพ็คเกจ 1 วัน 350 บาท , 3 วัน 950 บาท และ 5 วัน 1 , 400 บาท เพียงเลือกเครือข่าย ไชน่า โมบาย ทุกครั้งที่ใช้งาน

สนใจสมัครหรือปรึกษาการใช้บริการเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 , เอไอเอส ช็อป และร้านเทเลวิซทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.roaming..co.th

View :1672
Categories: Press/Release Tags: , ,

ไอ – โมบาย ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เปิดกลยุทธ์การตลาดใหม่ ด้วยแนวคิด “เข้าใจ”

May 18th, 2011 No comments

พร้อมรุกตลาดทุกเซกเมนต์ แกร่งด้วยเทคโนโลยีและบริการ ที่ตอบโจทย์เข้าใจทุกความต้องการลูกค้าคนไทย

ไอ – โมบาย ลั่นทุ่มงบการตลาดถึง 100 ล้านบาท เปิดกลยุทธ์การตลาดใหม่ อัพเดทเทคโนโลยีและบริการ ที่เข้าใจคนไทยมากกว่า พร้อมเดินหน้ารุกตลาดมือถือทุกเซกเมนต์ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ และมาตรฐานบริการที่เข้าใจลูกค้าคนไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือแบรนด์ไทยอันดับ 1 ด้วยยอดขายรวมกว่า 15 ล้านเครื่องทั่วประเทศ ครั้งแรกกับการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุดของไอ – โมบาย ภายใต้แนวคิด “เข้าใจ”

นายจง ดิลกสมบัติ กรรมการผู้อำนวนการ บริษัท สามารถ ไอ- โมบาย จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า “ ไอ – โมบายวางแผนการตลาดอย่างต่อเนื่องในปี 2554 โดยทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ประกาศเปิดกลยุทธ์การตลาดใหม่ เพื่อภาพลักษณ์ใหม่ของไอ – โมบาย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือแบรนด์ไทยอันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 15 ล้านเครื่อง พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ความเข้าใจในทุกความต้องการของลูกค้าคนไทย เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและการบริการคุณภาพ ที่เข้าใจคนไทยมากกว่า ในรูปแบบ “ i-mobile… เพราะเราเข้าใจ”

ตั้งเป้าในปีนี้จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือกว่า 60 รุ่น เพื่อรองรับทุกความต้องการของตลาด ครอบคลุมทั้ง “กลุ่ม ฮิตส์ ซีรีส์” มือถือใช้งานง่าย ในราคาสุดคุ้ม “กลุ่มแชต ซีรีส์” มือถือติดโปรแกรมแชต รองรับการใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์ค มีดีไซน์และสีสันหลากหลาย และ “กลุ่มสมาร์ท ซีรีส์” อย่างสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ที่ใช้แอพพลิเคชั่น ดาวน์โหลด รองรับบริการ 3G ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูง นอกจากนี้ยังปรับปรุงการบริการแก่ลูกค้า โดยมีการให้คำแนะนำ มีผลิตภัณฑ์ใหม่มาแนะนำให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

สร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค สำหรับโปรโมตแคมเปญตลอดเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมนี้ เช่น โฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ โฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง และโฆษณาโดย Wrap รถตู้ และบนรถแท็กซี่ทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงป้ายบิลบอร์ด เว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโฆษณาหน้าร้าน สื่อส่งเสริมการขายต่างๆ และโฆษณาในต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่อีกด้วย ”

นายจง ยังกล่าวต่อว่าในอนาคตอันใกล้ ไอ – โมบายจะสร้างสีสันด้านการตลาดให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น โดยมุ่งสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจากการให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ค บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G บริการคอนเทนต์ บริการบนโทรศัพท์มือถือไอ – โมบายอย่าง push mail และแอพพลิเคชั่นพิเศษบนมือถือ ตลอดจนการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านทางสื่อออนไลน์ โซเชียลเน็ตเวิร์คต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และโปรแกรมแชต ที่ปัจจุบันผู้บริโภคหันไปใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไอ – โมบายจะเข้าถึงผู้บริโภคสะดวกขึ้น อีกทั้งการสร้างสรรค์กิจกรรมบนโลกออนไลน์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสื่อสารตอบกลับแบบเรียลไทม์ก็เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน

สำหรับมูลค่าตลาดรวมของโทรศัพท์มือถือในปี 2554 มียอดจำหน่ายทั้งหมด 12 ล้านเครื่อง มีมูลค่าตลาดรวม 37,000 ล้านบาท โดยมียอดจำหน่ายทั้ง 3 เซกเมนต์ ได้แก่ กลุ่มฮิตส์ ซีรีส์ ตั้งเป้า 50 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 30 รุ่น กลุ่มแชต ซีรีส์ ตั้งเป้า 40 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 25 รุ่น และ กลุ่มสมาร์ท ซีรีส์ ตั้งเป้า 10 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 10 รุ่น โดยไอ – โมบายเป็นโทรศัพท์มือถือแบรนด์ไทยที่ได้ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 30% ในปีที่ผ่านมา และหลังการรีเฟรชแบรนด์แล้วคาดว่าจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 31% ในปีนี้ ( ปี 54 ตลาดรวม 11.3 ล้านเครื่อง : ไอ – โมบาย 3.5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็น 31% )

ทางด้าน นางสาวสุพรรณี ถวิลหวัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สามารถ ไอ – โมบาย จำกัด ( มหาชน ) กล่าวเสริมว่า “ ไอ – โมบายเสริมภาพลักษณ์สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ โดยใช้สโลแกนใหม่ “ i-mobile… เพราะเราเข้าใจ” ภายใต้แนวคิด “เข้าใจ” โดยทำการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภค เก็บความต้องการของลูกค้า แล้วนำมาพัฒนาสร้างสรรค์เทคโนโลยีคุณภาพให้ลูกค้า การแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนเป็นตลาดใหญ่ และเต็มไปด้วยการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ที่อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว i-mobile… เพราะเราเข้าใจ เป็นแนวคิดที่คิดถึงลูกค้าเป็นหลัก ตอบโจทย์เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้า เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์

โดยไอ – โมบายทำโฆษณาที่ตอบโจทย์ความเข้าใจทุกความต้องการของลูกค้า เช่น คนที่ชอบใช้โทรศัพท์มือถือหลายเบอร์ สามารถเลือกใช้มือถือรองรับ 2 ซิม ต้องการสนทนาแบบเห็นหน้าสามารถใช้ มือถือระบบ 3G วิดีโอคอลล์ ดูทีวีแบบเรียลไทม์ได้ฟรีบนมือถือไอ – โมบาย เด็กนักเรียนสามารถใช้ทอล์คกิ้งดิกชันนารีจากมือถือได้ ผู้สูงอายุสามารถปรับตัวอักษรขนาดใหญ่บนมือถือเพื่อให้มองเห็นและใช้งานง่ายขึ้น มีคอนเทนต์ข่าวสารความบันเทิงไว้ในเมนูหลักภายในเครื่อง และยังสามารถเรียกใช้งานโปรแกรมแชต และโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ บนมือถือไอ – โมบายได้ ” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวปิดท้าย

ครั้งแรกสำหรับโฆษณาชุด “ HEART” ความยาว 30 วินาที และ “ HUAJAI” ความยาว 15 วินาที ออกอากาศวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เอเจนซี่ผลิตงานโฆษณาโดย บริษัท ซีเจเวิร์ค จำกัด เอเจนซี่ผลิต ภาพยนตร์โฆษณาโดย บริษัท เดอะฟิล์ม แฟคตอรี่ จำกัด พร้อมโปรโมทผ่านสื่อทุกประเภท เช่น โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อหน้าร้าน และสื่อ outdoor ประเภทต่างๆ

View :1570

True ชี้แจงต่อการคาดเดาเพิ่มเติมของ TDRI วันที่ 17 พฤษภาคม 2554

May 18th, 2011 No comments

ตามที่ได้ปรากฏบทความของ ในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 บริษัทฯ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อแก้การเข้าใจผิดของผู้ที่อ่านบทความครั้งล่าสุดของ ดังต่อไปนี้

1. ประเด็นของ TDRI: ทรูมีสิทธิใช้โครงข่ายของ กสท ถึง 80% ซึ่งทำให้สัญญาขายส่งนี้มีผลบังคับผู้ขายเกินกว่าสัญญาขายส่งทั่วไปและกีดกันรายอื่น

ข้อชี้แจงของ : การตั้งข้อสังเกตดังกล่าวเป็นการคาดเดาจากการที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงในสัญญาที่ทำขึ้น ดังนี้

1. กสท มีความประสงค์ที่จะเป็นบริษัทที่ให้บริการทางด้านโครงข่าย (Network Provider) กสท จึงต้องการจะมีกรรมสิทธิ์ในตัวเสา(Towers) ในกรณีของเรื่องนี้ทางกลุ่มทรูเป็นผู้ลงทุนในเสาอากาศ (antenna) บนเสา (Towers)ทั้งหมดแล้วให้ กสท เช่าเพื่อนำไปใช้ประกอบกับทรัพย์สินอื่นๆ (รวมทั้งคลื่นความถี่) ของ กสท เพื่อผลิตความจุ (capacity) ออกมา เมื่อได้ความจุ (capacity) แล้ว กลุ่มทรูซื้อไปใช้ขายต่อบริการร้อยละ 80 ส่วน กสท นำไปใช้เองหรือนำไปให้คนอื่นขายต่อบริการร้อยละ 20
ทั้งนี้ เมื่อเสา (Towers) เป็นของกสท แล้ว ถ้ากสท. หรือมีลูกค้าของ กสท รายใหม่ประสงค์ที่จะใช้ความจุ (capacity) มากกว่าร้อยละ 20 ที่ผลิตออกมา กสท ก็ดี หรือลูกค้าของ กสท ก็ดีสามารถดำเนินการแบบเดียวกับกลุ่มทรู นั่นคือลงทุนในเสาอากาศ (antenna)นำไปติดบนเสา (Towers) เพื่อให้กสท ผลิต ความจุเพิ่มเพื่อซื้อเอาไปขายต่อบริการตามเงื่อนไขเดียวกับกลุ่มทรูดังที่กำหนดโดยกติกาของ กทช. ก็ได้อยู่แล้ว

2. ตัวเลข 80% เป็นอัตราเพดาน กล่าวคือเรียลมูฟจะซื้อความจุโครงข่ายได้ไม่เกิน 80% ไม่ได้หมายความว่าเรียลมูฟจะต้องซื้อความจุที่ 80%

3. ตัวเลข 80% นั้น ไม่ได้หมายความว่าเรียลมูฟจะต้องซื้อบริการความจุโครงข่ายที่ 80% เนื่องจากในการให้บริการ เรียลมูฟ ต้องคำนึงถึงความต้องการ (Demand) ของผู้ใช้บริการเป็นสิ่งสำคัญด้วย

4. กสท. ในฐานะที่เป็นผู้ขายส่งบริการจึงเป็นผู้มีหน้าที่สร้างโครงข่าย เพื่อให้บริการขายส่งบริการตามปริมาณเพื่อสนองความต้องการทางตลาดของลูกค้า(เรียลมูฟ/ผู้ขายต่อบริการ) ซึ่งจะเป็นลูกค้าผู้ชำระค่าซื้อความจุ (Capacity) ที่ตนสั่ง การจะสั่งลงทุนขยายโครงข่ายมากหรือน้อยเท่าใด เรียลมูฟจึงต้องพิจารณาถึงความต้องการของตลาดไม่ใช่จำนวน % ตามที่กล่าวอ้าง

5. ทรูจะไม่ดำเนินธุรกิจสร้างการผูกขาดด้วยการขาดทุน (ถ้า TDRI เข้าใจธุรกิจ) จะเห็นได้ว่า กสท มีกลไกในการสร้างการแข่งขันโดยมิให้มีการผูกขาดได้อยู่แล้ว ในทางกลับกัน การที่ TDRI พยายามให้เหตุผลยับยั้ง กสท และ ทรูในฐานะหนึ่งในผู้ขายปลีก ต่างหาก ที่เป็นการขัดขวางรัฐวิสาหกิจเช่น กสท และเอกชนไทยรายเล็กในการแข่งขัน ทำให้เกิดการผูกขาดโดย 2 ผู้ประกอบการใหญ่ต่างชาติ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 75% ทำให้รัฐเสียประโยชน์อย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นการยับยั้ง การลดการแข่งขันของ 3G ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการใหญ่ทั้ง 2 เจ้า นอกจากผูกขาดและรักษาความได้เปรียบของสัญญาและปริมาณคลื่นแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งขยายการลงทุนอีก ซึ่งทำให้ประเทศชาติสูญเสีย GDP ถึง 8 แสน ถึง 1 ล้านล้านบาทจากการไม่มี 3G ใช้อย่างทั่วถึง

6. ตัวเลข 80% มีที่มาจากสัดส่วนแบ่งทางการตลาดของจำนวนผู้ใช้บริการของ กสท. ในส่วนกลาง (8 แสนราย) และในส่วนภูมิภาค (2 แสนราย) จึงใช้ตัวเลขดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อรองรับความจุโครงข่ายในแต่ละส่วนที่เพียงพอในกรณีที่ผู้ใช้บริการเปลี่ยนจากระบบ CDMA มาเป็นระบบ HSPA

2. ประเด็นของ TDRI: สัญญาดังกล่าวมีข้อกำหนดที่เกินจากสัญญาเช่าทั่วไปโดยกำหนดว่า “กสท. จะนำคลื่นความถี่ในย่าน 800 MHz จำนวน 15×2 MHz…. มาใช้กับเครื่องและอุปกรณ์ของบริษัทเท่านั้น” (ข้อ 2.12)

ข้อชี้แจงของ True: การตั้งข้อสังเกตดังกล่าวเป็นการคาดเดาจากการที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงในสัญญาที่ทำขึ้น ดังนี้

1. จำเป็นต้องมีการระบุย่านคลื่นความถี่ที่จะนำมาใช้กับอุปกรณ์ เนื่องจากอุปกรณ์โทรคมนาคมมีการตั้งค่าคลื่นความถี่ไว้ตั้งแต่ตอนซื้อ การสั่งซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจึงจะมีความเสี่ยงสูงถ้าไม่ระบุให้ชัดเจนถึงค่าของคลื่นความถี่ที่จะใช้กับอุปกรณ์

2. ผู้ที่เข้าใจและมีประสบการณ์ในการทำสัญญาย่อมทราบดีว่าในสัญญาเช่าอุปกรณ์โดยทั่วไปจะต้องมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการรักษาคุณภาพการให้บริการ (SLA หรือ performance guarantee) ดังนั้น หากไม่ระบุคลื่นความถี่ที่จะนำมาใช้กับอุปกรณ์ เช่นหากนำคลื่นความถี่อื่นมาใช้กับอุปกรณ์นั้นจะทำให้อุปกรณ์นั้นไม่สามารถใช้งานได้หรืออาจใช้งานได้แต่มีประสิทธิภาพต่ำไม่ถึงเกณฑ์คุณภาพการให้บริการตามที่กำหนดในสัญญา

3. ประเด็นของ TDRI: ทรูฯ เริ่มให้บริการ 3G ก่อน และ ทำให้ทรูฯ ได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอย่างมาก
ข้อชี้แจงของ True:

1. AIS และ DTAC มีการเปิดให้บริการ 3G ไปแล้ว โดย AIS มีการเปิดให้บริการ 3G ในปี 2008 ก่อนรายอื่นกว่า 1 ปี รวมทั้งกรณี TOT ก็ให้บริการ 3G ก่อนคนอื่นกว่า 2ปี โดยได้คลื่น 3G โดยไม่ต้องประมูล การอ้างไม่ให้ กสท. ให้บริการจะเป็นการให้สิทธิผูกขาด 3G ยังอยู่ที่ AIS และ DTAC

2. DTAC มีอายุสัญญาเหลืออีก 8ปี โดยทรูมูฟเหลือสองปี เมื่ออายุสัญญาของทรูมูฟหมดจะเป็นการให้ DTAC ให้บริการแต่เพียงผู้เดียว

3. DTAC มีคลื่นย่าน 2G จำนวนถึง 50 MHz และย่าน 3G จำนวน 10 MHz เมื่อเทียบกับทรูมูฟซึ่งมีคลื่นความถี่ 2G เพียง 12.5 MHz และย่าน 3G เพียง 5 MHz เพราะเหตุใด TDRI จึงเข้าข้าง DTACโดยไม่ยกประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย หากจะอ้างว่าเป็นเรื่องของสัญญาเดิมที่ทำมา ก็ไม่แตกต่างกับกรณีของ ทรูฯ เนื่องจากก็เป็นสัญญาที่มีความเป็นมาจากสัญญา Hutch เดิมแล้วถึง 9 ปี โดยสัญญาทั้งหลายก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดเช่นกัน หากเห็นว่าสัญญา Hutch ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเหตุใดถึงไม่ยกตั้งแต่ 9 ปีที่แล้ว แต่เพิ่งมายกในตอนนี้

4. การที่ กสท. นำคลื่น 3G มาใช้งานเป็นความชอบธรรมและเป็นสิทธิของ กสท. ไม่ใช่เรียลมูฟ

5. การที่ AIS และ DTAC มิได้เปิดให้บริการ 3G อย่างเป็นทางการ (โดย AIS ทดลองถึง 1800 สถานีและ DTAC ทดลองถึง 1400 สถานี) ก็ไม่ได้หมายความว่าหน่วยงานของรัฐจะไม่ให้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ DTAC ก็มีความพยายามมาโดยตลอดที่จะขอเปิดให้บริการก่อนที่จะฟ้องเป็นคดีต่อศาลปกครอง

6. ในกรณีของการขายต่อบริการ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว หาก DTAC ต้องการขายต่อบริการ 3G เช่นเดียวกันกับเรียลมูฟ ก็สามารถเข้าไปร่วมในโครงการของ กสท ได้อยู่แล้ว โดย DTAC ต้องลงทุนในเสาอากาศทำนองเดียวกันกับกลุ่มทรู ส่วนคลื่นนั้น DTAC สามารถให้กสท นำคลื่นย่าน 850 MHz ไปใช้เพื่อผลิตความจุ (Capacity) เช่นเดียวกัน

4. ประเด็นของ TDRI: การทำสัญญาดังกล่าวทำให้รัฐเสีย 3.9 หมื่นล้าน
ข้อชี้แจงของ True: การกล่าวว่าการทำสัญญาดังกล่าวจะทำให้รัฐเสีย 3.9 หมื่นล้านนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและบิดเบือนข้อเท็จจริง

1. ผู้เขียนเข้าใจผิดว่าผู้ที่ต้องจ่าย 3.9 หมื่นล้านให้กับรัฐคือเอกชน ซึ่งที่จริงแล้วผู้ที่จะต้องรับต้นทุนคือผู้ใช้บริการทั้งหมด ที่ผู้เขียนพูดว่ารัฐเสียหายหมายถึงรัฐที่เป็นประชาชน หรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง หรือรัฐต่างประเทศ

2. ตัวเลข 3.9 หมื่นล้านที่พูดเป็นตัวเลขที่มาจากการประมูลคลื่น 2.1 GHz จำนวน 45 MHz แต่ กสท มีคลื่นที่ย่าน 800 MHz อยู่เพียง 10 MHz ดังนั้น จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้

3. คลื่นความถี่ที่เป็นของ กสท. ไม่ใช่คลื่นที่สามารถนำมาประมูลได้ เนื่องจากเป็นคลื่นเดิมที่ทั้ง กสท และ TOT ได้รับจัดสรรจาก กทช. ตามใบอนุญาต

4. ผู้เขียนคาดเดาเอาเองว่า ทรูฯ จะไม่เข้าร่วมประมูลคลื่นย่าน 2.1 GHz ซึ่งเป็นการคาดเดาที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทรูฯ ก็เคยกล่าวไว้แล้วว่าจะเข้าร่วมประมูล

5. ประเด็นของ TDRI: สัญญาดังกล่าวเป็นสัมปทานที่ต้องทำตาม พรบ. ร่วมทุนฯ
ข้อชี้แจงของ True : ในส่วนของคลื่นความถี่ที่ได้จัดสรรและกำกับดูแลโดย กทช. นั้น อยู่นอกข่ายของ พรบ. ร่วมทุนฯ ไม่เช่นนั้น คลื่นความถี่ทั้งหมดที่ กทช. ได้จัดสรรไปแล้วทั้งหมดจะต้องเข้า พรบ. ร่วมทุนฯ ซึ่งรวมถึงคลื่นความถี่ที่ กทช. ได้จัดสรรให้กับบริษัท กสท. และบริษัท ทีโอที ไปตั้งแต่แรกด้วย

6. ประเด็นของ TDRI: นักกฎหมายที่ ทรูฯ อ้างว่าได้ตรวจสอบสัญญาล้วนเป็นนักกฎหมายที่ปรึกษาของทรูหรือธนาคารผู้ให้กู้ซึ่งล้วนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือได้รับค่าตอบแทนจากทรูหรือ กสท.
ข้อชี้แจงของ True

1. อยากจะให้ TDRI ได้ทราบว่านักกฎหมายที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องคือฝ่ายกฎหมายของ กสท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของรัฐตามกฎหมาย โดยที่ผ่านมาก็ได้รักษาผลประโยชน์ของรัฐอย่างเต็มที่ ซึ่งคงไม่เหมาะสมถ้าจะให้ทรูฯ พูดแทน กสท.
2. นักกฎหมายอื่นๆที่ TDRI กล่าวถึงนั้น มีหน้าที่ทั้งด้านจรรยาบรรณและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของลูกความตน ซึ่งทรูก็มีความเคารพในศักดิ์ศรีวิชาชีพของท่านทั้งหลายในการตีความกฎหมาย
3. การที่ผู้เขียนมีการอ้างถึง กสท. และสำนักงานอัยการสูงสุด ทรูฯ มั่นใจว่าหน่วยงานดังกล่าวจะใช้ความรอบคอบในการพิจารณาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และเอกสารที่ผ่านออกมาจากหน่วยงานดังกล่าวนั้นผ่านขั้นตอนถูกต้องตามระเบียบของหน่วยงานดังกล่าว
4. ในทางกลับกันการที่ TDRI ใช้นักวิจัยผู้เป็นวิศวกรไม่ได้จบการศึกษาทางกฎหมายมาทำการวิจัยทางกฎหมายในสัญญาที่สลับซับซ้อนนั้น สอดคล้องกับ “ภารกิจหลักของ TDRI” ที่จะ “ผลิตงานวิจัยเชิงนโยบายที่มีคุณภาพสูง อยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ และข้อมูลที่ถูกต้อง” หรือไม่

Source: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น

View :1666
Categories: Press/Release Tags: ,

ครม. ตั้งประธานและกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่ ก.ไอซีทีเสนอ

May 18th, 2011 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ว่า หลังจากที่ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ.ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา โดยพระราชกฤษฎีกามาตรา 13 ได้กำหนดให้มี “ คณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ” ที่ประกอบด้วยประธานกรรมการ และกรรมการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านการบริหารจัดการหรือด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อสำนักงาน ทั้งด้านทรัพยากรบุคคล ด้านการเงิน การบัญชี และงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง ด้านกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

“ จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงฯ เสนอ ได้แก่ นายวรากรณ์ สามโกเศศประธานกรรมการ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล และด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อกิจการของสำนักงาน นางจารุพร ไวยนันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชี และงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผลและ การบริหารความเสี่ยง พ.อ. เจียรนัย วงศ์สอาด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายไชยเจริญ อติแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ” นายจุติ กล่าว

สำหรับประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 6 คนนี้ ได้ผ่านกระบวนการสรรหาตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2554 ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554 ซึ่งกระบวนการสรรหานั้นดำเนินการโดยคณะกรรมการผู้ทำหน้าที่สรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วยวิธีการทาบทามตามที่กำหนดไว้ในระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาฯ หลังจากนั้น คณะกรรมการสรรหาได้เสนอรายชื่อบุคคลผู้ที่เข้าข่ายจะเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 10 คน และมอบหมายให้เลขานุการคณะกรรมการฯ ไปตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นให้เรียบร้อย เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบกลั่นกรองข้อมูลตามที่เสนอภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 13 และมาตรา 14 แห่งพระราชกฤษฎีกา แล้วจึงดำเนินการพิจารณาคัดเลือกเหลือจำนวน 6 คน พร้อมทั้งเลือกประธานกรรมการ จำนวน 1 คน ด้วยวิธีการลงคะแนนเสียงแบบลับ ตามบทบัญญัติหมวด 5 ของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ซึ่งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 6 คนนี้จะมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี ซึ่งหากพ้นจากตำแหน่งแล้วอาจได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกแต่ต้องไม่ติดต่อกันเกินสองวาระ

View :1434

เอ็มทีสแควร์ (MT2) เพื่อธุรกิจซอฟต์แวร์และ Ecosystem ใหม่ของวงการโทรศัพท์มือถือในไทย

May 18th, 2011 No comments

สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือ ทริดี้ ร่วมเปิดตัวกลุ่มพันธมิตรเอ็มทีสแควร์ () โดยการรวมกลุ่มของหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษาและภาคธุรกิจโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย 9 หน่วยงาน เพื่อสร้าง ecosystem ใหม่ของวงการโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับเผยทิศทางอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ และบทบาทการสนับสนุนธุรกิจซอฟแวร์ในไทย โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (คนที่ 3 จากซ้าย), ร่วมด้วย ดร.ธนชาติ นุ่นนนท์ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย, ผศ.ดร.ภุชงค์ อุทโยภาศ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และดร.ภาสกร ประถมบุตร (คนที่ 2 จากซ้าย) เข้าร่วมเปิดตัวสมาชิกกลุ่ม พร้อมกับการวิเคราะห์สถานการณ์ของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดแนวทางกรพัฒนาในอนาคต เมื่อเร็วๆ นี้

View :1295
Categories: Press/Release Tags:

โนเกียจับมือทรูมูฟ เอาใจคอเน็ต ช้อป 3 รุ่นฮิตรับฟรี Hi-speed Net SIM เล่นฟรีนาน 3 เดือน

May 18th, 2011 No comments

โนเกีย ร่วมกับ ทรูมูฟ ออกแพ็คเกจสุดพิเศษเอาใจคอเน็ต ขาแชท ให้สนุกเต็มที่แบบสมาร์ทๆ สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือโนเกียทั้ง 3 รุ่น Nokia C5-03 , Nokia X3 Touch & Type และ Nokia 5250 รับฟรีซิม Hi-speed Net SIM จากทรูมูฟมาพร้อมกับ 3G*/EDGE/GPRS 600 MB และฟรี Wi-Fi 8 Mbps อีก 15 ชั่วโมง เล่นเน็ตแรง เน็ตฟรีทั้งหมดนาน 3 เดือน เปิดใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. 54

สนุกไม่มียั้ง กับเกมส์มันส์ๆ ได้ทุกที่ อัพเดทโลกออนไลน์ได้เต็มเหนี่ยวทุกเวลา หรือจะโหลดแอพพลิเคชั่นสุดหลากหลายจาก Ovi Store สมาร์ทๆ เต็มที่แบบไร้ขีดกำจัด สนใจข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ www.nokia.co.th/play หรือสอบถามรายละเอียดแพคเกจของแต่ละรุ่นได้ที่โนเกียแคร์ไลน์ โทร 02 255 2111

View :1487
Categories: Press/Release Tags: ,

เอชทีซี-ดีแทคจับมือเปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นล่าสุด HTC Desire S และ HTC Wildfire  S นวัตกรรมล้ำหน้า ราคาพร้อมแพ็กเก็จโดนใจ บนเครือข่ายดีแทค

May 16th, 2011 No comments

เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น ผู้นำนวัตกรรมและดีไซน์มือถือระดับโลก  จับมือดีแทค เปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นล่าสุด และ มาพร้อมความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี สมาร์ทโฟนสองรุ่นล่าสุดถือเป็นอีกหนึ่งคำมั่นสัญญาของเอชทีซีในการขยายตลาดสมาร์ทโฟนสู่ดีไซน์ที่แตกต่าง มาพร้อมกับขุมพลังและคุณค่าเพิ่ม ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับยูสเซอร์อินเทอร์เฟซรุ่นล่าสุด HTC Sense อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเอชทีซีที่มุ่งเน้นในการสร้างประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ โดยใช้คนเป็นศูนย์กลางในการทำให้มือถือใช้งานง่ายขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติ
 
นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เอชทีซีพัฒนาประสบการณ์การใช้งาน HTC Sense ในการนำนวัตกรรมอันล้ำสมัยสู่ลูกค้าของเรา ในวิถีทางที่ง่ายและเป็นธรรมชาติมากที่สุดตามเซนส์ของคุณ และเป็นสิ่งพิเศษที่สุดบน HTC Desire S และ HTC Wildfire S  สมาร์ทโฟนใหม่ทั้งสองรุ่นผสมผสานสไตล์ นวัตกรรมและคุณสมบัติการใช้งาน และยังรองรับ 3G/850 MHz ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานโทรศัพท์มือถือให้สัมผัสถึงความเป็นตัวตนของคุณได้อย่างแท้จริง”
 
นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่าตลาดสมาร์ทโฟนและกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์กในประเทศที่ยังมาแรงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ รวมทั้งการที่ดีแทคต้องการสนองตอบกลุ่มลูกค้าสมาร์ทโฟนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง รวมถึงผู้ที่นิยมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ดีแทคจึงได้ร่วมมือกับเอชทีซีอีกครั้งสำหรับการเปิดตัว HTC Desire S และ HTC Wildfire S ซึ่งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Version 2.3 (android Ginger Bread) หลังจากที่ดีแทคกับเอชทีซีเคยประสบความสำเร็จในการเป็นพันธมิตรแนะนำสมาร์ทโฟน รุ่น HTC HD7 เมื่อปลายปี 2553 และ HTC 7 Mozart เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
 
ในครั้งนี้ ดีแทคจึงได้จับมือกับเอชทีซีส่งแพ็กเก็จสุดคุ้มที่มาพร้อมกับการแนะนำ HTC Desire S และ HTC Wildfire S โดยลูกค้าดีแทคทั้งระบบรายเดือนและเติมเงินสามารถสมัครแพ็กเก็จสุดคุ้มเล่นเน็ตได้ไม่จำกัดนาน 6 รอบบิล/เดือน เพียง 299 บาท/เดือน เมื่อซื้อสมาร์ทโฟนดังกล่าวได้ตั้งแต่ 19 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2554 พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% ได้นาน 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ที่ดีแทค เซ็นเตอร์ สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ (ตามเงื่อนไข)
สำหรับราคา HTC Desire S จะวางจำหน่ายในราคา 15,000 บาท และ HTC Wildfire S ราคา 8,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามและรับสิทธิพิเศษดีๆ ได้ที่ดีแทค เซ็นเตอร์ สำนักงานบริการลูกค้าดีแทคทั่วประเทศ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1678 call center หรือ www..co.th

HTC Desire S
HTC Desire S รุ่นใหม่ เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก HTC Desire รุ่นที่ได้รับความนิยมและชนะรางวัล  โดยผสมผสานดีไซน์สวยล้ำเข้ากับสมรรถภาพและความเร็ว พร้อมรองรับ 3G/850 MHz โดย HTC Desire S ได้รับการขึ้นรูปจากอลูมินั่มบล็อกชิ้นเดียวให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและเป็นธรรมชาติในมือคุณ โดยเอชทีซีได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จในรุ่น HTC Legend สมาร์ทโฟนรุ่นที่ดีไซน์จากการขึ้นรูปอลูมินั่มชิ้นเดียว HTC Desire S มาพร้อมกับซีพียูควอคอมม์สแนปดราก้อน MSM8255 ความเร็ว 1 กิกะเฮิรตซ์ ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพและขุมพลัง มีกล้องหน้าและกล้องหลัง หมวดบันทึกวิดีโอระดับไฮ-เดฟ และหน้าจอ 3.7 นิ้ว คุณภาพระดับ WVGA ที่ให้คุณชมมัลติมีเดียได้อย่างคมชัด
 

HTC Wildfire S
HTC Wildfire S สมาร์ทโฟนล้ำๆ อีกรุ่น ที่พัฒนาต่อยอดจากความนิยมของ HTC Wildfire™ รูปลักษณ์กระชับมือ ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง พร้อมทั้งรองรับ 3G/850 MHz สร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้สนุกสนานไปกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาเครือข่ายมิตรภาพของตัวเองและการสายสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กที่ได้รับความนิยมอย่างเฟซบุ๊ก รวมถึงสานต่อสายสัมพันธ์ในรูปแบบเสียง และส่งข้อความสั้น คุณสามารถ แท็กชื่อเพื่อนในภาพก่อนโพสต์

ลงบนเฟซบุ๊ก หรือแชร์แอพพลิเคชั่นจากแอนดรอยด์มาร์เก็ตให้กับเพื่อนๆ ได้
HTC Wildfire S เป็นโทรศัพท์มือถือขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เอชทีซีเคยเปิดตัวมา ด้วยความยาวเพียง 10.13 เซนติเมตร กว้าง 5.94 เซนติเมตร มาพร้อมกับหน้าจอระบบบสัมผัสกว้าง 3.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ HVGA
 
HTC Wildfire S ช่วยให้คุณเปิดความเป็นตัวตนของคุณด้วยสีสันที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ชมพู ขาวและเทา พร้อมทั้งปรับแต่งโฮมสกรีนด้วยแอพพลิเคชั่นโปรด และวิดเจตที่ชอบใช้ มาพร้อมกล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซลระบบออโต้โฟกัส สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยหน่วยความจำแบบไมโครเอสดี และรองรับการใช้งานไฟล์เสียงและวิดีโอหลายรูปแบบ นับว่าป็นอุปกรณ์มัลติมีเดียสมบูรณ์แบบที่พร้อมดึงออกจากกระเป๋าได้ทุกเมื่อ
กำหนดวางจำหน่าย
HTC Desire S พร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 สนนราคา 15,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และHTC Wildfire S มาพร้อมกับสีสันบาดตา ราคาโดนใจ กับสีชมพูอ่อน สีขาวเงิน และสีเทาเข้ม จะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ สนนราคา 8,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

View :1668