ITBiz | lekasina.com

ตอบโจทย์การใช้งานอย่างเหนือชั้น ด้วยหน้าจอ 8.9 นิ้ว และฟีเจอร์ครบครัน

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว LG Optimus Pad แท็บเลตรุ่นแรกของวงการที่มาพร้อมกล้อง 3 มิติ โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 8.9 นิ้ว ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยมือเดียว พร้อมฟีเจอร์และมัลติมีเดียครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อธุรกิจและความบันเทิงได้อย่างลงตัว

คุณสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “LG Optimus Pad นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งของแอลจีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมครั้งแรกของโลกสู่ตลาดไทย ด้วยแท็บเลตพร้อมกล้อง 3 มิติ ซึ่งสามารถบันทึกวิดีโอสามมิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่แตกต่างด้วยขนาดที่ใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยมือเดียว ซึ่งเราเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน ทั้งธุรกิจ การศึกษา และการใช้งานเพื่อความบันเทิง”

LG Optimus Pad มาพร้อมหน้าจอขนาด 8.9 นิ้ว ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายด้วยมือเดียว และมีขนาดที่พอเหมาะสำหรับการแสดงผล ต่างจากแท็บเลตรุ่นอื่นๆ ในตลาดซึ่งใช้หน้าจอขนาด 7 นิ้วที่เล็กเกินไป และขนาด 10 นิ้วที่ต้องถือด้วย 2 มือ จึงใช้งานไม่สะดวกในระหว่างเดินทาง นอกจากนี้จอภาพสัดส่วน 15:9 ของ LG Optimus Pad ยังรองรับการแสดงผลของทุกแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีความละเอียดระดับ 1280 x 768 WXGA ผู้ใช้จึงสามารถชมภาพยนตร์และมัลติมีเดียต่างๆ ในรูปแบบจอไวด์สกรีนความละเอียดสูงได้อย่างเต็มอรรถรส

LG Optimus Pad ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 3.0 (Honeycomb) ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับ   แท็บเลตโดยเฉพาะ เนื่องจากมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน และมีแอพพลิเคชั่นเฉพาะตัว เช่น

Google eBooks, Google Maps 5 และ Google Talk นอกจากนี้แอนดรอยด์เวอร์ชั่น 3.0 ยังมีอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาให้คล้ายกับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยอยู่แล้ว

LG Optimus Pad ให้สมรรถนะการประมวลผลที่ยอดเยี่ยมด้วยชิพ NVIDIA Tegra 2 ที่มีหน่วยประมวลผลแบบดูอัลคอร์ ความเร็ว 1 GHz จึงให้ประสิทธิภาพด้านมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิง และการท่องเว็บที่รวดเร็ว รวมทั้งการใช้งานแอพพลิเคชั่นและมัลติทาสก์กิ้งได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมาพร้อมเกมซึ่งเล่นบนหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก Tegra Zone (เว็บไซต์ www.nvidia.com/object/tegra-zone.html)

กล้อง 3 มิติ ของ LG Optimus Pad มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และสามารถบันทึกวิดีโอเป็นไฟล์สามมิติได้ทันที อีกทั้งยังเชื่อมต่อเพื่อรับชมผ่านทีวี 3 มิติได้อย่างสะดวกผ่านพอร์ท HDMI หรืออัพโหลดไปยัง YouTube 3D เพื่อรับชมผ่านเว็บไซต์ได้ที่ www.youtube.com/3D นอกจากนี้ LG Optimus Pad ยังแสดงไฟล์วิดีโอได้ที่ความละเอียด Full HD แบบ 1080 เฟรม จึงช่วยให้การถ่ายโอนคอนเทนต์ไปยังทีวีมีความคมชัดเหมือนต้นฉบับ และมีฟังก์ชั่นประชุมทางไกลผ่านวิดีโอในตัว จึงเหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อย

LG Optimus Pad วางจำหน่ายแล้วในราคา 24,900 บาท (แถมสาย HDMI) ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลแอลจี โทร 02-878-5757 หรือหมายเลขโทรฟรี 1-800-545454

คุณสมบัติ
-    หน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ 1GHz (NVIDIA Tegra 2)
-    ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 3.0 (Honeycomb)
-    จอสัมผัส WXGA ขนาด 8.9 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1280 x 768)
-    หน่วยความจำภายใน 32 GB
-    กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล แบบ 3 มิติ พร้อม LED แฟลช
-    กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล
-    รองรับการเชื่อมต่อ HDMI พอร์ท
-    บันทึกและแสดงผลระดับ 1080p HD (1080p สำหรับวีดีโอ 2 มิติ / 720p สำหรับวีดีโอ 3 มิติ)
-    แบตเตอรี่ 6,400 mAh

ไพโอเนียร์ หนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องเสียงเพื่อความบันเทิงภายในบ้าน เผยวิสัยทัศน์ธุรกิจปี 2015  พร้อมชูนวัตกรรมใหม่ต่อยอดสินค้าตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งการตลาดเอวี รีซีฟเวอร์อันดับ 1 ล่าสุดขยายไลน์สินค้าชุดโฮมเธียเตอร์และเปิดตัวเอวี รีซีฟเวอร์ใหม่ 4 รุ่นรวด พร้อมลำโพง Sound wing (HVT – World first technology)

มร. โตชิฮารุ โมโมตาริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไพโอเนียร์จะเดินหน้าขยายตลาดและขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงแบบแยกชิ้น หรือเอวี รีซีฟเวอร์ เพราะมองว่าตลาดนี้ยังสามารถเติบโตได้อีก โดยไพโอเนียร์ให้ความสำคัญกับการออกแบบและพัฒนาในทุกรายละเอียด เพื่อให้มีรูปลักษณ์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และราคาที่หลากหลายสามารถตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของเอวี รีซีฟเวอร์ของไพโอเนียร์คือ สามารถจัดเข้าชุดโฮมเธียเตอร์ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งในปีนี้ไพโอเนียร์นำเสนอแพคเกจใหม่โดยจัดชุดผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิม 9 ชุดเป็น 16 ชุด เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างครบถ้วนทุกกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ Satellite systems สำหรับลูกค้าไลฟ์สไตล์ทันสมัยที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ เน้นความเรียบง่าย ประหยัดพื้นที่ Todoroki systems เอาใจคอหนังฟังเพลงเน้นพลังเสียงเบสหนักหน่วงทรงพลัง เหมาะกับผู้อยู่อาศัยในห้องขนาดใหญ่หรือบ้านเดี่ยว และ Hi-Fi systems โดนใจกลุ่มลูกค้าที่ชอบแนวเสียงนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ

ไพโอเนียร์ ตั้งเป้าที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดเอวี รีซีฟเวอร์ให้ได้มากขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายในปีนี้ ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา 4 รุ่นพร้อมกัน ได้แก่ เครื่องเอวี รีซีฟเวอร์ 5.1 และ 7.1 แชนแนล VSX-521-K, VSX-821-K, VSX-921-K และ VSX-1021-K ครบครันด้วยฟังก์ชั่นใช้งานทันสมัย รองรับระบบภาพ 3 มิติ ทรงประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่ เช่น iPhone iPad และ iPod ได้อย่างง่ายดายในการเข้าถึงสื่อบันเทิงทุกรูปแบบทั้งไฟล์เสียงและภาพเคลื่อนไหว และใช้เป็นรีโมทคอนโทรลควบคุมการทำงานของเอวี รีซีฟเวอร์ได้อย่างอิสระ และสะดวกในการถ่ายโอนข้อมูลให้กับผู้อื่นได้ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้าน

พร้อมเปิดตัวลำโพง Sound wing (HVT – World first technology speaker) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดครั้งแรกของโลกจากไพโอเนียร์ สร้างขึ้นจากเทคโนโลยี Horizontal-Vertical Transforming พัฒนาการส่งสัญญาณเสียงจากขดลวดแนวนอนแบบลำโพงทั่วไปมาสู่การส่งสัญญาณในแนวตั้ง ทำให้ลำโพงมีขนาดเล็กและบางลงมาก ช่วยประหยัดพื้นที่ ปราศจากแรงสั่นสะเทือนเหมือนลำโพงทั่วไป ให้เสียงทรงพลังยิ่งกว่าที่เคย

ไพโอเนียร์ยังมีแผนที่จะยกขบวนผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดและสินค้าเด่นไปจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงาน BAV Show 2011 งานแสดงเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ของประเทศ ที่ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. – 3 ก.ค. ศกนี้

สำหรับแผนยุทธศาสตร์การเติบโตระยะยาว ทางบริษัทวางเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2015 ไพโอเนียร์จะมุ่งพัฒนา 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ สร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า พัฒนาศักยภาพความคิดสร้างสรรค์แก่พนักงานและวัฒนธรรมองค์กร พัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มคุณค่าแก่สินค้า พัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับสังคมชุมชนและหุ้นส่วนทางธุรกิจ รวมไปถึงผลักดันให้นวัตกรรมแบรนด์ไพโอเนียร์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ในทุกสถานที่

ร่วมสัมผัสพลังเสียงสมบูรณ์แบบของเอวี รีซีฟเวอร์และลำโพงใหม่ล่าสุดทั้งหมดได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายของไพโอเนียร์ทั่วประเทศ หรือเข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pioneer-thailand.co.th

นางจีราวรรณ  บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า หลังจากประกาศใช้ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการออกอนุบัญญัติ ได้แก่ กฎกระทรวง ประกาศ และระเบียบใหม่ รวมทั้งได้มีการปรับแก้พระราชกฤษฎีกา และพระราชบัญญัติต่างๆ เพื่อรองรับกับกฎหมายดังกล่าวอีกหลายฉบับ   โดยในส่วนของกระทรวงไอซีที นั้น ได้มีการออกกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์  วิธีการ และเงื่อนไข ในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร และบริการสื่อสาธารณะ สำหรับคนพิการ พ.ศ. 2554 ตามมาตรา 20 (6) แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการฯ เช่นกัน ซึ่งได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2554 และจะมีผลใช้บังคับหลังครบกําหนด 180 วันนับแต่วันประกาศฯ

“ในฐานะหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงไอซีที จึงมีหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม บริการสื่อสาธารณะ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสารที่อยู่ในความควบคุมดูแล โดยให้มีรูปแบบวิธีการ หรือช่องทางที่คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ เช่น การปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ หรือ Web Accessibility ซึ่งคำนึงถึงหลักเกณฑ์สำคัญ คือ การออกแบบที่เป็นสากลและเป็นธรรม การจัดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร ให้เป็นไปตามความต้องการพิเศษของคนพิการแต่ละประเภท”  นางจีราวรรณ กล่าว

สำหรับประโยชน์ที่คนพิการจะได้รับจากกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ก็คือ การได้รับข้อมูลข่าวสาร  การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร และบริการสื่อสาธารณะ จากหน่วยงานของรัฐอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม รวมทั้งการได้รับบริการจากรัฐ คือ กระทรวงไอซีที ในการขอรับรายการอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการใช้ยืมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์สื่อสาร เช่น โทรศัพท์ เครื่องปริ้นเตอร์อักษรเบรลล์ เครื่องอ่านหนังสือสำหรับคนพิการ โปรแกรมคอมพิวเตอร์อ่านหน้าจอ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ขยายจอภาพ เป็นต้น

นอกจากนั้นกฎกระทรวงดังกล่าว ยังจะทำให้คนพิการ และผู้ดูแลคนพิการได้รับการฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมให้มีการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร หรือบริการสื่อสาธารณะอย่างทั่วถึงโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย ซึ่งการออกกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้คนพิการ ทั้งในเรื่องการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ การไม่มีเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงปัญหาคนพิการทางสายตาที่ไม่รู้อักษรเบรลล์  โดยหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ จะต้องมีการพัฒนาช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารโดยผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ มีการจัดการฝึกอบรมด้าน ICT ให้แก่คนพิการ จัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกตามความรับผิดชอบทางกฎหมาย ตลอดจนการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีประเภทอื่นๆ ให้แก่ผู้พิการที่ไม่รู้อักษรเบรลล์ อีกด้วย

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้าการจัดตั้งโครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย ว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทย จำกัด (สปณ.) ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังได้มีหนังสือแจ้งรายชื่อคณะกรรมการของ สปณ.

“นับแต่ได้มีการจัดตั้งเป็นบริษัท คณะกรรมการ สปณ.ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาในประเด็นต่างๆ เช่น การเลือกตั้งรองประธาน กรรมการ สปณ. การเลือกตั้งรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ สปณ. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่างๆ การลงพื้นที่สำรวจข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นต้น หลังจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ สปณ. ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 60 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการ สปณ. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อประมาณกลางเดือน พ.ค.54 โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน จากกระทรวงการคลัง ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งการเตรียมความพร้อมด้านระบบงาน IT และกระบวนการบริหารจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในเชิงลึก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถออกแบบบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด” นายจุติ กล่าว

นอกจากนั้นคณะกรรมการ สปณ. ยังได้มีการพิจารณาแนวทางการบริหารงานบุคคลในเรื่อง การกำหนดโครงสร้าง อัตรากำลัง และแนวทางการจ่ายค่าตอบแทน   รวมทั้งยังได้พิจารณาวิธีการปฏิบัติงานด้านการเงินของ สปณ. การว่าจ้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้สอบบัญชี และการทำประชาพิจารณ์   พร้อมกันนี้คณะกรรมการ สปณ. และผู้บริหาร ปณท ได้มีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนกว่า 300 คนที่อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลกเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2554 โดยได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการฯ รวมถึงรับรู้ความต้องการและทำความเข้าใจกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าการให้สินเชื่อของ สปณ. มิได้เป็นเงินให้เปล่าจากรัฐบาล และไม่ต้องการให้เป็นการเพิ่มภาระหนี้กับประชาชน พร้อมทั้งได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเสนอแนะความคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับ พบว่าประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังเกือบทั้งหมดสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นๆ มาก่อนแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และองค์กรการเงินชุมชนในพื้นที่ ส่วนประชาชนที่ยังไม่เคยกู้เงินจากสถาบันการเงินและแหล่งเงินกู้ใดๆ เลยมีอยู่จำนวนไม่มากนัก เช่น กลุ่มที่ไม่มีความจำเป็นที่จะกู้เงิน กลุ่มที่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน กลุ่มที่อยู่กับพ่อแม่แต่ต้องการแยกครอบครัว กลุ่มแม่บ้าน เป็นต้น

วัน-ทู-คอล ! เดินหน้าสานต่อโครงการประกวดเขียนแผนพัฒนาธุรกิจ “ วัน-ทู-คอล ! แบรนด์เอจ อวอร์ด ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยปีนี้จัดขึ้นในตอน “ ติดปีก BEAN… ต้องคิดแผนให้ดี วางแผนให้ชัวร์ !” ชวนน้องๆ นิสิต นักศึกษาวัยโจ๋ โชว์กึ๋นไอเดียอิสระ เขียนแผนพัฒนาสินค้า OTOP ประเภท “ ถั่ว ” ชิงทุนการศึกษา 4.5 แสนบาท เริ่มสมัครพร้อมส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ส.ค.54 โดยมี 2 ศิลปินชื่อดัง ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ และ อเล็กซ์ เรนเดล ร่วมเชิญชวนน้องๆ ด้วย

วัน-ทู-คอล ! จัดโครงการประกวดแผนพัฒนาธุรกิจ “ วัน-ทู-คอล ! แบรนด์เอจ อวอร์ด ” มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ร่วมกันทำงานเป็นทีมเวิร์ค พร้อมกับหาประสบการณ์นอกตำราจากการประลองไอเดียอิสระเขียนแผนพัฒนาธุรกิจ  โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนิสิต นักศึกษาทั่วประเทศ เห็นได้จากตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผลงานที่ส่งเข้าประกวดมากถึงกว่า 500 ผลงาน / ปี และมีจำนวนนักศึกษาที่ได้รับความรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรม Road Show ทั่วประเทศมาแล้วกว่า 10,000 คน / ปี ซึ่งแผนงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ของนักศึกษาที่ส่งเข้าประกวด มีผู้ประกอบการ OTOP บางรายนำไปใช้ในการพัฒนาสินค้าได้จริง ด้วย

และวันนี้เพื่อสานต่อกิจกรรมสำหรับวัยทีนในระดับมหาวิทยาลัยอีกครั้ง วัน-ทู-คอล ! จึงเดินหน้าจัด โครงการ “ วัน-ทู-คอล ! แบรนด์เอจ อวอร์ด ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5  ใน หัวข้อ “ ติดปีก BEAN ต้องคิดแผนให้ดี วางแผนให้ชัวร์ ” ชิงทุนการศึกษามูลค่า 450,000 บาท โดยในปีนี้ได้กำหนดหัวข้อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความท้าทายและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น นั่นคือผลิตภัณฑ์ OTOP ที่จะต้องมี “ ถั่ว ” เป็นส่วนผสมหลัก

ทั้งนี้เนื่องจาก “ ถั่ว ” เป็นพืชที่มีการบริโภคทุกประเทศทั่วโลก เพราะจัดว่าเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกาย โดยในถั่วบางชนิดสามารถนำมาทดแทนเนื้อสัตว์ได้ บางชนิดสามารถนำมาสกัดเพื่อแปรรูปเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร ซึ่งในประเทศไทยมีถั่วพื้นบ้านมากถึง 30 ชนิด  จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่แปรรูปจากถั่วมีอยู่เป็นจำนวนมาก และครอบคลุมอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย แต่ผู้ประกอบการ OTOP บางส่วนยังเผชิญกับปัญหาในเรื่องการทำแผนการตลาด และขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ

ดังนั้น วัน-ทู-คอล ! จึงเล็งเห็นว่าโครงการ “ วัน-ทู-คอล ! แบรนด์เอจ อวอร์ด ” จะเป็นประโยชน์ทั้งกับนิสิต นักศึกษา ที่มีโอกาสใช้ความรู้ ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในการช่วยพัฒนาสินค้า นอกจากนี้ยังสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP รวมทั้งเพิ่มมูลค่าให้ตลาดผลิตภัณฑ์ถั่วให้เติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดระดับประเทศและระดับโลกต่อไป

โดยโครงการดังกล่าวได้เปิดกว้างให้นิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ที่สนใจร่วมกลุ่มกันสมัครเข้าร่วมโครงการ โดยมีสมาชิกในทีมไม่เกิน 4 คน และมีอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเป็นอาจารย์ในสถาบันเดียวกับผู้เข้าร่วมประกวดให้คำรับรอง โดยแต่ละทีมจะต้องเลือกสินค้า OTOP ประเภทถั่วในภูมิลำเนาเดียวกับสถานศึกษามาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นแผนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยทุกทีมที่ผ่านเข้ารอบระดับภูมิภาค จะได้รับความรู้และมุมมองทางการตลาดใหม่ๆ จากกูรูชื่อดังแวดวงการตลาด ในกิจกรรม Camp Workshop เพื่อให้น้องๆ ผู้เข้าแข่งขัน สามารถนำความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับตลอดทั้งโครงการ ไปต่อยอดพัฒนาแผนการธุรกิจในการประกอบอาชีพในอนาคต เพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเองและช่วยเหลือสังคม

นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศที่สนใจ สามารถสมัครพร้อมส่งแผนธุรกิจเข้าร่วมประกวดในโครงการนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ส.ค. 54 โดยสามารถดูรายละเอียดและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.12callbrandageaward.com   หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-129-3857-8

หัวเว่ย ผู้นำด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกาศเปิดตัว “มีเดียแพด” แทบเล็ตคอมพิวเตอร์ขนาด 7 นิ้วรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการกูเกิล แอนดรอยด์ ฮันนี่โคมบ์ เวอร์ชั่น 3.2 ทั้งยังอัดแน่นด้วยประสิทธิภาพสำหรับทุกงานมัลติมีเดีย ด้วยหน่วยประมวลผลแบบดูอัล คอร์ ความเร็ว 1.2 กิกะเฮิร์ตซ์จากควอลคอมม์ ระบบเก็บข้อมูลออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง หัวเว่ย ไฮ-สเปซ และแอพพลิเคชั่นนับแสน ส่งตรงจากแอนดรอยด์ มาร์เก็ต

หัวเว่ย มีเดียแพด เป็นแทบเล็ตคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงที่บาง เบา และใช้งานสะดวก โดยตัวเครื่องมีความหนาเพียง 10.5 มิลลิเมตร (0.4 นิ้ว) และมีน้ำหนักเพียง 390 กรัม (0.86 ปอนด์) เท่านั้น นอกจากจะสามารถเปิดไฟล์วิดีโอที่ความละเอียด 1080p หรือ full HD ได้แล้ว มีเดียแพดยังครบเครื่องด้วยกล้องดิจิตอลความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซลด้านหน้าเครื่องเพื่อการใช้งานบริการวิดีโอคอลล์ และกล้องด้านหลัง ที่มีความละเอียดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล พร้อมฟังก์ชันออโต้โฟกัส และบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ส่วนในด้านการสื่อสารนั้น มีเดียแพดสามารถพาผู้ใช้ไปท่องโลกออนไลน์แบบความเร็วสูง ด้วยเทคโนโลยี HSPA+ 14.4Mbps และ Wi-Fi 802.11n อีกด้วย

มีเดียแพดมาพร้อมกับซอฟท์แวร์มากมายที่ช่วยเพิ่มคุณสมบัติทั้งในด้านความบันเทิงและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการชมวิดีโอออนไลน์ด้วยปลั๊กอิน อะโดบี แฟลช 10.3 หรือแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องอย่าง เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เกม Let’s Golf และชุดโปรแกรมสำนักงาน Documents to Go

นอกจากนี้ จอทัชสกรีนแบบ IPS ขนาด 7 นิ้วของหัวเว่ย มีเดียแพด ยังให้ภาพคมชัดและตอบสนองได้รวดเร็ว เหมาะสมสำหรับการใช้งานกับภาพถ่าย วิดีโอ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ส่วนหน่วยประมวลผลแบบ ดูอัล คอร์ ความเร็ว 1.2 กิกะเฮิร์ตซ์ และช่องเชื่อมต่อ HDMI จะช่วยให้คอหนังและนักเล่นเกมสามารถเพลิดเพลินไปกับคอนเทนท์สุดโปรดได้มากมาย ทั้งบนจอภาพของมีเดียแพดเอง และจอโทรทัศน์ความละเอียดสูง

“หัวเว่ย มีเดียแพด เป็นเครื่องแสดงว่าเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง และงานออกแบบที่ล้ำสมัย ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับราคาที่สูงเสมอไป เรามองว่าแทบเล็ตขนาด 7 นิ้วเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสมดุลสูงสุด ระหว่างสมรรถนะในการใช้งาน และความสะดวกยามพกพา นอกจากนี้ มีเดียแพดยังใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.2 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนจอขนาด 7 นิ้วโดยเฉพาะ” มร. วิคเตอร์ ซู่ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาดของกลุ่มธุรกิจหัวเว่ย ดีไวซ์ กล่าว “แทบเล็ตมีเดียแพดนี้ จะเปิดประตูสู่โลกแห่งความบันเทิงออนไลน์ ด้วยฮาร์ดแวร์ความเร็วสูง และฟังก์ชันการทำงานร่วมกับระบบ คลาวด์ คอมพิวติ้ง ของหัวเว่ย”

บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริมชั้นนำของเมืองไทย ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 บริษัท จัดงาน “ แบงคอก โมบาย โชว์ 2011 ครั้งที่ 1 1”   ( The 11 st Bangkok Mobile Show 2011) มหกรรมสุดยอดเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือจากแบรนด์ชั้นนำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Smart Life Smart Device” ตั้งแต่วันนี้ – 6 กรกฎาคม 2554 พร้อมการประกาศผล  “ มิส โมบาย ไทยแลนด์ 201 1” ( Miss Mobile Thailand 2011) รอบตัดสิน ในวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554   ณ บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ การจัดงาน ‘ แบงคอก โมบาย โชว์ 2010 ครั้งที่ 1 1’ ( The 11 st Bangkok Mobile Show 2011) ในปีนี้ เราได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายตลาดมือถือโตเพิ่ม 25% หวังโกยรายได้กว่า 50 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 บริษัท   ซึ่งนับเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ผลิตผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์เสริม และสินค้าไอที ของบริษัทชั้นนำมากมาย   พร้อมนำเสนอสุดยอดความพิเศษภายในงาน ที่ เจมาร์ท ได้จัดเตรียมต้อนรับคอไอที ด้วยโปรโมชั่นสุดฮอต ที่สร้างความคุ้มค่าและกระตุ้นให้ผู้เข้าชมงานได้ตัดสินใจได้ไม่ยาก อาทิ   การมอบส่วนลดมือถือสูงสุดถึง 70% ,   โปรโมชั่น ซื้อโทรศัพท์ 1 เครื่อง แถมอีก 1 เครื่องฟรี !!!   และ ช่วง นาทีทอง การประมูลมือถือในราคาเริ่มต้นเพียง 1 บาท   ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในทุกวันช่วงเวลา 18:30 น.

เพื่อตอบโจทย์คอนเซปท์ “Smart Life Smart Device” ของ แบงคอก โมบาย โชว์ 2011 ปีนี้ จึงมีไฮไลท์พิเศษสุด ด้วยนำเสนอการเปิดตัวครั้งแรกของสมาร์ทโฟน แบรนด์ดัง และสุดยอดแอพพลิเคชั่น ล่าสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวไอทีที่มาอัพเดทเทรนด์สมาร์ทโฟนพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนี้

·     Samsung Galaxy S2 พร้อมระบบหน้าจอสัมผัส   Super Amoled 4.3 นิ้ว จอแสดงผลที่สว่างสดใส ด้วยภาพที่คมชัด และโปรเซสเซอร์แอพพลิเคชั่นแบบดูอัลคอร์จากซัมซุง รองรับงานมัลติทาสกิ้งความเร็วสูง, สามารถโหลดเว็บเพจได้ อย่างรวดเร็ว   ในดีไซน์ที่เรียบหรู บางเฉียบเพียง 8.49 มม.

·       LG Optimus PAD เพียบพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ Android 3.0 Honeycomb หน้าจอขนาด 8.9 นิ้ว รองรับวิดิโอ Full HD 1080p ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Dual Core 1GHz (NVIDIA Tegra 2) สามารถถ่ายรูปคู่ รองรับการบันทึกภาพในระบบ 3 มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังสนับสนุนการเชื่อมต่อ HDMI สำหรับรับชมผ่านทีวี 3 มิติ หรือส่งภาพออนไลน์ผ่าน Youtube 3D

·     Nokia X7   สุดยอดความบันเทิงระดับบิ๊กคับจอ ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 4 นิ้ว สามารถเชื่อมต่ออีเมลแบบเรียลไทม์ พร้อมอัพเดทข้อความล่าสุดได้ทันทีแบบ 24/7 เพลิดเพลินกับการรับชมรายการต่างๆ ผ่านทางเว็บ ทีวี

·     การรับจอง BlackBerry Play Book   ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดของ Blackberry Tablet OS (QNX) มาพร้อม CPU Dual core รองรับการทำงาน Multi Tasking สมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังมี Speaker Stereo คุณภาพสูงถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงได้อย่างดีเยี่ยม เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมดูหนัง และฟังเพลง พิเศษสุดสามารถเชื่อมต่อ Projector หรือ LED TV ผ่าน Port miniHDMI เชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน   BlackBerry ผ่าน “BlackberryBridge” เพื่อใช้งาน Email, Calendar, Contatcs, Message และ BBM

·     HTC Flyer แท็บเล็ต นวัตกรรมที่จำลองเอาลักษณะการใช้งานปากกาจริงๆ ไว้กับอุปกรณ์แท็บเล็ต ทำได้ทั้ง การวาดลายเส้น ระบายสี เซ็นเอกสาร ฯลฯ เป็นแท็บเล็ตตัวแรกของโลก ที่เปิดให้บริการวีดิโอดีมานด์ !! และแท็บเล็ตตัวเดียวที่ให้ผู้ใช้ได้บันทึกโน้ตได้ทุกรูปแบบพร้อมๆ กันในหน้าเดียว !! เช่น   เขียน พิมพ์ ถ่ายภาพ วิดิโอ HTC Flyer แท็บเล็ต มาพร้อมหน่วยประมวลผล 1.5 GHz ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3.3

นอกจากจะตื่นเต้นกับสุดยอดเทคโนโลยีล้ำสมัย และเทรนด์ไอทีใหม่ๆ แล้ว   เจมาร์ท   ยังได้เปิดเวทีต้อนรับ สาวงามผู้เข้ารอบการประกวด “ มิส โมบาย ไทยแลนด์ 2011 ”   ทั้ง 30 คน   ในชุดเดรสสุดเซ็กซี่   เพื่อให้ผู้ชมภายในงานร่วมเป็นกรรมการตัดสิน “ มิส ป็อบปูล่า โหวต ” เพื่อรับรางวัล ขวัญใจมหาชน โดยช่องทางการโหวตเลือกสาวงามสามารถโหวตได้ภายในงาน และผ่าน www.jaymart.co.th   ซึ่งผู้ที่ร่วมโหวตยังมีสิทธิ์ลุ้นรับโทรศัพท์มือถือ เจโฟน จาก เจ มาร์ท ด้วย จากนั้น พบกับการแสดงโชว์สุดอลังการ จาก SWAN TEAM เยาวชนไทยที่เคยสร้างความประทับใจใน “ ไทยแลนด์ส ก็อต ทาเล้นท์ ”   มาแล้ว   ด้วยการนำศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นไทย มาผสมผสานกับของตะวันตก จนก่อให้เกิดการแสดงที่สร้างสรรค์และสวยงาม จนกวาดรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย !!!   ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินสาว มากความสามารถจากเวที อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย   “ กุญแจซอล ”   AF6

พบกับมหกรรมสุดยอดเทคโนโลยีมือถือ จากแบรนด์ชั้นนำ “ แบงคอก โมบาย โชว์ 201 1 ครั้งที่ 1 1”   ได้ในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2554 และติดตามการประกาศผล  “ มิส โมบาย ไทยแลนด์ 201 1” ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท รอบชิงชนะเลิศใน   วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคมนี้ เวลา 14:30 น. ณ บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ บางกะปิ

เออาร์ไอพี ประกาศความสำเร็จงาน ‘ คอมมาร์ต บูรพา 2011’ ตลาดไอทีภาคตะวันออกตื่นตัวยอดขายในงานกว่า 40 ล้านบาท ผู้เข้าชมงานหนาแน่น หลังผู้ค้าไอทีงัดกลยุทธ์ราคาจัดโปรโมชันลด แลก แจก แถม ขายสินค้าไอทีราคาพิเศษ พร้อมทั้งกิจกรรมเสริมความรู้

นายชาคริต วงศ์แก้ว รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการจัดงานคอมมาร์ต บูรพา   ผู้จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “ คอมมาร์ต ” กล่าวว่า การจัดงาน “ คอมมาร์ต บูรพา 2011”     ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ผลจากการที่บริษัทไอทีชั้นนำต่างๆ ได้ทำโปรโมชัน พิเศษ น่าสนใจ และการได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยบูรพาเป็นอย่างดี ทำให้เงินสะพัดตลอดงานทั้ง   4   วันกว่า 40 ล้านบาท

“ งานในครั้งนี้ เราประสบความสำเร็จเกินที่ได้คาดการณ์ไว้ ยอดผู้เข้าชมงาน โดยส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ประชาชนในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง รวมตลอด 4 วัน ไม่น้อยกว่า 6.5 หมื่นคน และนอกจากสินค้าไอทีที่มีคุณภาพ โปรโมชันสุดคุ้ม ราคาพิเศษแล้ว กิจกรรมเสริมต่อยอดความรู้ต่างๆ ให้กับผู้เข้าชมงานก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีผู้คนให้ความสนใจ จึงเชื่อมั่นว่างานครั้งนี้ได้กระตุ้นการเรียนรู้ และช่วยลดช่องว่างด้านเทคโนโลยีไอทีให้กับคนในท้องถิ่น ” นายชาคริต กล่าว

นายชาคริต   กล่าวต่อว่า ภาพรวมงาน   คอมมาร์ต บูรพา 2011 นี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาต่อยอดความรู้ด้านไอทีในภาคตะวันออกที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และผู้ใช้ทั่วไปทั้ง นักเรียน นักศึกษา ก็จำเป็นต้องใช้ไอทีในการเพิ่มความสะดวกสบาย ความจำเป็น และเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ส่วน ตัว อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง การทำธุรกิจ และการใช้งานส่วนบุคคล

ทั้งนี้   สินค้าขายดีในงาน   คอมมาร์ต บูรพา 2011   ยังเป็นโน้ตบุ๊ก รองลงมา คือ พริ้นท์เตอร์ และแอสเซสเซอรี่ต่างๆ แต่ที่น่าสนใจ คือ   Cyber dict   เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ภายในงาน และเป็นผลมาจากการจัดงานในสถานศึกษาด้วย จึงทำให้ Cyber dict     มีตัวเลขของการซื้อขายเพิ่มขึ้น

สำหรับรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจากการส่งคูปองชิงโชค   ภายในงาน   “ คอมมาร์ต บูรพา 2010”   ได้แก่   รางวัลที่ 1   I-Pad 2   นายเขมินท์ อุ่นศิริ   รางวัลที่   2   BlackBerry Curve 8520 นายรณกร ประกิตติกุล รางวัลที่ 3 Besta Cyberdict 5 Titanium   นายเทวิน พานแก้ว   นางณัฐนพิน อมรประดิษฐ์กุล    นายจิรวัฒน์ มิตะมา และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.commartthailand.com

โนเกียประกาศแต่งตั้ง มร. แกรนท์ แมคบีธ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รับผิดชอบการดำเนินงานโดยรวม สร้างการเติบโต และความสำเร็จ ตลอดจนขยายตลาด ของโนเกีย ทั้งในประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่

ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง ดังกล่าว แกรนท์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการขาย โนเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำที่ประเทศสิงคโปร์ โดยดูแลการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย ผลการดำเนินงาน และกลยุทธ์ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ศักยภาพของช่องทางการขายเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระยะยาว

แกรนท์ร่วมงานกับโนเกียครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2547 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายร้านค้าปลีก ประจำประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย โนเกีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ด้วยผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมด้านยอดขาย การเติบโต และส่วนแบ่งตลาด แกรนท์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศสิงคโปร์ รับผิดชอบการดำเนินงานโดยรวมในประเทศสิงคโปร์

มร. แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ กล่าวว่า “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาทำงานในตลาดที่ไม่หยุดนิ่งและเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของโนเกีย โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นการเริ่มต้นของโนเกียยุคใหม่   ผมจะนำประสบการณ์ทั้งหมดมาใช้เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด และมอบประสบการณ์การสื่อสารไร้สายที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่”

ก่อนที่จะ มา ร่วมงานกับโนเกีย แกรนท์ได้ ทำ งานกับบริษัท ระดับโลก รายใหญ่หลายแห่ง พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ ด้านการเป็นผู้นำ การเงิน การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย   การขาย และการบริหารผลิตภัณฑ์

ปัจจุบันแกรนท์อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมครอบครัว

ประวัติผู้บริหาร

มร . แกรนท์ แมคบีธ
กรรมการผู้จัดการ
โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่

แกรนท์ แมคบีธ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ เมื่อวันที่ 1 กร กฏาคม พ.ศ. 2554 รับผิดชอบการดำเนินงานโดยรวมของโนเกียในประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ สร้างการเติบโตและความสำเร็จ ตลอดจนขยายตลาดทั้งในประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่

ก่อนที่จะมารับตำแหน่งในประเทศไทย แกรนท์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการขาย โนเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำที่ประเทศสิงคโปร์ โดยดูแลการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย ผลการดำเนินงาน และกลยุทธ์ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยใช้ศักยภาพของช่องทางการขายเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระยะยาว

ก่อนหน้านี้ แกรนท์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป โนเกีย สิงคโปร์ รับผิดชอบการดำเนินงาน ตั้งแต่การขาย การตลาด ช่องทาง
จัดจำหน่าย การเงิน โลจิสติกส์ และการดูแลลูกค้า ของโนเกีย สิงโปร์ แกรนท์ประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่แพลทฟอร์มดิจิตอลและโซเชียลมีเดีย

แกรนท์ร่วมงานกับโนเกียครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2547 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายร้านค้าปลีก ประจำประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้น
ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย โนเกีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ด้วยผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมด้านยอดขาย การเติบโต และส่วนแบ่งตลาด

ก่อนที่จะร่วมงานกับโนเกีย แกรนท์ได้ทำงานกับบริษัทข้ามชาติรายใหญ่หลายแห่ง ได้แก่ แคดบูรี่ เท็กซาโก้ เอสซี จอห์นสัน และโคคา -โคลา พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ด้านการเป็นผู้นำ การเงิน การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย   การขาย และการบริหารผลิตภัณฑ์

แกรนท์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีพาณิชยศาสตร์ สาขาวิชาการตลาด และการเงินการบัญชี จากมหาวิทยาลัยอ๊อคแลนด์   และปริญญาโทบริหารธุรกิจ (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ

แกรนท์สมรสแล้วและมีบุตร 3 คน