ITBiz | lekasina.com

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีที ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้งานไบโอเมตริกในการบ่งบอกอัตลักษณ์บุคคล (Personal identification) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการศึกษาวิเคราะห์และสำรวจการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกในการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า แม้ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐจะมีการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกประเภทต่างๆ ได้แก่ ลายนิ้วมือ ภาพใบหน้า ดีเอ็นเอ ม่านตา เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการให้บริการประชาชนในรูปแบบของบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) อาทิ การจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart ID Card) การจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) ระบบการผ่านแดนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Border Control) การตรวจสอบประวัติอาชญากร เป็นต้น แต่การใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกดังกล่าว ยังเป็นการใช้งานเฉพาะภายในหน่วยงาน หรือระหว่างหน่วยงานตามที่มีข้อตกลงร่วมกันเท่านั้น โดยยังมิได้มีการกำหนดมาตรฐานกลางการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อการแลกเปลี่ยนร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในการบูรณาการ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้ผลักดันให้มีการดำเนินการกำหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก โดยอิงตามแนวทางของมาตรฐานสากล ซึ่งในระยะเริ่มต้นจะดำเนินการศึกษาและเสนอแนะกรอบแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สำหรับการกำหนดเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกของประเทศไทย และดำเนินโครงการนำร่องโดยทดสอบการดำเนินงานตามกรอบแนวทางดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีความพร้อม ก่อนขยายผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของการกำหนดมาตรฐานกลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก และการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อการใช้งานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมของประเทศ

“วัตถุประสงค์สำคัญในการดำเนินการดังกล่าวนั้นก็เพื่อศึกษาและเสนอแนะกรอบแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยอิงตามแนวทางของมาตรฐานสากล รวมทั้งเพื่อทดสอบการดำเนินงานตามกรอบแนวทางดังกล่าวโดยดำเนินโครงการนำร่องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีความพร้อม ตลอดจนเพื่อจัดทำร่างมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สำหรับการกำหนดเป็นมาตรฐานด้านไบโอเมตริกของประเทศไทย ซึ่งในปี 2554 กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาและจัดทำระบบทดสอบนำร่องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกข้ามหน่วยงานโดยใช้มาตรฐานด้านไบโอเมตริกสากล (ISO/IEC JTC1 SC37) เพื่อทำการกำหนดกรอบแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริก และร่างมาตรฐานกลางการใช้ข้อมูลไบโอเมตริกเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานอย่างเป็นระบบด้วย” นายธานีรัตน์ กล่าว

สำหรับการทดสอบระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลไบโอเมตริกนั้น ได้ดำเนินการร่วมกับ 3 หน่วยงาน คือ กรมการปกครอง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมการกงสุล ซึ่งผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ทางเทคนิคแล้วมีความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง ทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าว จึงทำให้เห็นถึงโอกาสในการขยายรูปแบบการทำงานและการให้บริการฯ ให้กว้างขวางออกไปยังหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาข้างต้นยังพบอีกว่าการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้จริงยังคงมีอุปสรรคหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่ยังไม่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงจำเป็นต้องมีการปรับแก้กฎหมาย กฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกระทรวงฯ จะได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับแก้ไขต่อไป

บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด หนึ่งในผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการด้านไอทีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผนึกกำลังร่วมกับผู้ค้าไอทีรายใหญ่ระดับโลกกว่า 10 แบรนด์ อาทิ เอชพี, ซิทริกซ์, เน็ตแอพ, ออราเคิล, อีเอ็มซี, วีเอ็มแวร์, แซส และไซแมนเทค เป็นต้น เตรียมจัดแสดงโซลูชันทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน Empowering Your Business: Solution Day ในวันที่ 9 สิงหาคม ศกนี้ ณ ห้องคอนเวนชันเซนเตอร์ โรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซนทรัลเวิลด์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่ผู้ค้าไอทีหลากหลายแบรนด์จะนำสุดยอดโซลูชันของตนมาจัดแสดงร่วมกันในงานเดียว

นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า “การจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการรวบรวมเอาโซลูชันชั้นนำ จากผู้ค้าไอทีทุกแบรนด์ที่บริษัทเรามีการจัดจำหน่ายอยู่มาจัดแสดงร่วมกันในงานเดียว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่ผู้ค้าไอทีรายใหญ่หลายรายจะมาจัดแสดงเทคโนโลยีของตนร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ทั่วโลก รวมถึงเทคโนโลยีด้าน Desktop Management, Data Center, Security และระบบ Infrastructure ทั้งหมด

ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้ความรู้แก่เหล่าตัวแทนจำหน่ายของบริษัท, ผู้ประกอบการ, ผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงาน บริษัทและองค์กรทุกขนาดแล้ว ยังรวมถึงลูกค้าทั่วไป นิสิต นักศึกษา ที่สนใจและชื่นชอบในนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอีกด้วย

ที่สำคัญการจัดงานในครั้งนี้ ยังนับเป็นการแสดงศักยภาพการทำธุรกิจของฝ่ายเอนเตอร์ไพรส์ซิสเตมส์ของเราให้เป็นที่ประจักษ์แก่ตัวแทนจำหน่ายด้วยว่า บริษัทเราสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการขององค์กรทุกระดับในด้านไอทีโซลูชันได้อย่างครอบคลุม

โดยเรามีความพร้อมทั้งในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์ ที่มีให้เลือกมากมายหลายแบรนด์ ลูกค้าสามารถเลือกใช้โซลูชันจากแบรนด์ที่เหมาะสมที่สุดกับองค์กรของตนเองได้ และในด้านบุคลากรของเรา ซึ่งปัจจุบันฝ่ายเอนเตอร์ไพรส์ซิสเตมส์ มีจำนวนบุคลากรด้านการตลาด, การขาย และการบริการรวมกันกว่า 50 คนแล้ว และเป็นบุคลากรที่ถึงพร้อมด้วยความรู้ โดยผ่านการรับรองมาตรฐานและได้รับใบประกาศนียบัตรยืนยันความรู้ ความสามารถจากเจ้าของสินค้าแต่ละแบรนด์อย่างครบถ้วน จึงสามารถให้คำแนะนำ, ออกแบบ, ติดตั้งและดูแลรักษาระบบในแบบบูรณาการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุด”

งาน Empowering Your Business: Solution Day จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 9 สิงหาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ ห้องคอนเวนชันเซนเตอร์ โรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซนทรัลเวิลด์

ดีแทคจัดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าขาช้อปออนไลน์ รับฟรี X Mini II Capsule มูลค่า 990 บาท เมื่อซื้อ BlackBerry Curve 8520, Bold 9300, Curve3G 9780 และ Torch 9800 ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 54 เท่านั้น

ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทาง dtac online store สามารถเลือกวิธีการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นซื้อผ่านบัตรเครดิต เคาน์เตอร์เซอร์วิสและช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้งยังสามารถเลือกผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการได้อีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก tarad.com ที่ซื้อสินค้าของดีแทคยังได้รับคะแนนสะสมและส่วนลดตามเงื่อนไข เข้าชมสินค้าและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dtac.co.th/onlinestore/ หรือ www.dtac.co.th แล้วเลือก dtac online store.

โนเกียเผยกลยุทธ์ครองตำแหน่งผู้นำตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยด้วย mobile solution สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม สร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายที่สมบูรณ์เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค นักพัฒนา ผู้ให้บริการเครือข่าย และพันธมิตรธุรกิจ ภายใต้การนำของผู้บริหารคนใหม่

มร. แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทีมงานโนเกียในประเทศไทย ทำงานในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และโนเกียเป็นผู้นำตลาดในทุกเซ็กเม้นท์ สำหรับการเดินหน้าต่อไป เราจะมอบประสบการณ์การสื่อสารไร้สายที่ดีเยี่ยมให้กับผู้บริโภคชาวไทย ทั้งผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟนอย่างต่อเนื่อง”

ครองตลาดสมาร์ทโฟน

โนเกียเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟน Symbian อีก 10 รุ่นออกสู่ตลาดภายใน 12 เดือนข้างหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของโนเกีย ตลอดจนดึงดูดผู้ใช้งานรายใหม่

“จากความสำเร็จของ Symbian Anna ที่ออกสู่ตลาดพร้อมกับ Nokia X7 และ Nokia E6 เมื่อเร็วๆ นี้ โนเกียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสบการณ์การใช้งานบน Symbian platform ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการประมวลผลที่รวดเร็วขึ้น ไอคอนรูปโฉมใหม่ และ User Interface ที่ง่ายขึ้น” มร.แมคบีธ กล่าวเสริม

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการสร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายภายในประเทศที่สมบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภค นักพัฒนาและพันธมิตรธุรกิจ โนเกียพร้อมให้การสนับสนุนนักพัฒนาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ การดำเนินโครงการ Tap That App ที่เน้นเพิ่มศักยภาพของนักพัฒนารุ่นใหม่ นอกจากนี้ โนเกียจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการเครือข่ายนำเสนอดาต้าแพคเกจ ระบบการเรียบเก็บเงินผ่านโอเปอเรเตอร์ ตลอดจนกิจกรรมการตลาดและบริการต่างๆ
เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย และเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายของไทย

“เราจะยกระดับประสบการณ์การซื้อของผู้บริโภคด้วยการขยาย Nokia Shop ซึ่งให้บริการระดับพรีเมี่ยม เน้นการขายโซลูชั่น
พร้อมกับปรับปรุงประสบการณ์การซื้อในร้านค้าปลีกอื่นๆ” มร.แมคบีธ กล่าวเสริม

เชื่อมต่อผู้คนอีกพันล้านคนสู่อินเตอร์เน็ต

โนเกียวางแผนเปิดตัวโทรศัพท์ Series 40 รุ่นใหม่ที่มีนวัตกรรมเพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ อาทิ โทรศัพท์มือถือ 2 ซิมดีไซน์สวย ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น ‘สลับง่ายหลายซิม’ ซึ่งได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว และจะมีอีกหลายรุ่นตามมาในไม่ช้า อาทิ Nokia C2-02, Nokia C2-03, Nokia C2-06 ซึ่งมาพร้อมเว็บเบราซ์ซิ่ง
และแผนที่ใหม่ที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น มีหลากหลายรูปทรงให้เลือกไม่ว่าจะเป็นหน้าจอระบบสัมผัส หรือแป้นกด

นอกจากนี้ โนเกียยังเตรียมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มประสิทธิภาพของร้านขายปลีกในต่างจังหวัด เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้งานในต่างจังหวัดได้มากขึ้น

นวัตกรรมแห่งอนาคต

Nokia N9 อุปกรณ์สื่อสาร Meego ที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ จะเปิดตัวในประเทศไทยในเร็วๆ นี้ โนเกียมุ่งสร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ และโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพันธมิตร นำเสนอแอพพลิเคชั่นและคอนเท้นท์ชั้นนำระดับโลก ควบคู่ไปกับคอนเท้นท์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ อาทิ แผนที่ ระบบนำทาง และแอพพลิเคชั่นจากนักพัฒนาในประเทศ

โนเกียเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

โนเกียเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมโดยมุ่งเน้นการเป็นผู้จ้างงานที่ดี ที่น่าร่วมงานด้วย เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบ
และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยการดำเนินกิจกรรมเพื่อชุมชนต่างๆ รวมถึงกิจกรรม Nokia Helping Hands ซึ่งเป็น
โครงการที่พนักงานของโนเกียอาสาร่วมพัฒนาชุมชน

บรรยากาศการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 23 ที่ประเทศไทยโดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพ ณ โรงแรมรอยัล คลีฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ผู้แทนเยาวชนจาก 78 ประเทศรวม 79 ทีม ได้ทำการสอบเก็บคะแนนเป็นวันสุดท้าย (วันที่ 26 กรกฎาคม 2554) ตั้งแต่เวลา 8.00 – 13.00 น. หลังจากใช้เวลาสอบนานถึง 5 ชั่วโมงปรากฎว่า นายพศิน มนูรังษี ผู้แทนประเทศไทย เจ้าของเหรียญทองจากการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกเมื่อปีที่แล้ว (IOI 2010) และเหรียญเงินจากการแข่งขันเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้า (IOI 2009) ล่าสุดในปีนี้สามารถทำคะแนนจากการสอบรวมกัน 2 วันสูงเป็น อันดับที่ 14 ของโลกคือ 524 คะแนน

ขณะที่นายสรวิทย์ สุริยกาญจน์ ผู้แทนประเทศไทย เจ้าของเหรียญเงินจากการแข่งขัน APIO 2010 และเหรียญทองจากการแข่งขัน TOI ครั้งที่ 6 ปี 2553 มีคะแนน 483 คะแนนคิดเป็นอันดับที่ 24 นายวิชชากร กมลพรวิจิตร ผู้แทนประเทศไทย เจ้าของเหรียญทองการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระดับชาติครั้งที่ 4 และรองชนะเลิศอันดับ 2 จากการแข่งขัน IOI Thailand Codejom 2011 ทำคะแนนได้ 381 คะแนน และนายลภนชัย จิรชูพันธ์ ผู้แทนประเทศไทยเจ้าของเหรียญทองโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางคณิตศาสตร์ ประถมปลาย พ.ศ. 2547 และเหรียญทองการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิก มูลนิธิสอวน. ปีพศ. 2552 ทำคะแนนได้ 288 คะแนน

นายพศิน มนูรังษี ผู้แทนประเทศไทย เปิดเผยว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ทำคะแนนได้สูงถึง 524 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ การสอบครั้งนี้ตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยและเพื่อชื่อเสียงของประเทศด้วย

เช่นเดียวกับนายสรวิทย์ สุริยกาญจน์ ผู้แทนประเทศไทย กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้ทราบผลคะแนนเพราะการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของตนที่ได้เข้าร่วมแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ สำหรับการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกในปีหน้าที่จะจัดขึ้นที่ประเทศอิตาลีก็มุ่งมั่นจะทำให้ดีที่สุด

ด้านอ.สุกรี สินธุภิญโญ อาจารย์ผู้ควบคุมทีมเข้าแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ทีมไทยทำคะแนนได้ดีอันเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกครั้งที่ 24 ในปีหน้าซึ่งประเทศอิตาลีจะเป็นเจ้าภาพนั้น ตั้งเป้าหมายจะทำให้ได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน ขณะเดียวกันคณะอาจารย์ก็จะพยายามฝึกฝนเด็กไทยรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

ติดตามชมผลคะแนนสดผ่านทางเว็บไซต์คอมพิวเตอร์โอลิมปิก www.ioi2011.or.th เมนู Competition แล้วไปที่ Results หรือ http://sc2.ioi2011.net:8070/contest/ เพื่อร่วมเชียร์เด็กไทยคว้าเหรียญชัยเวทีโลก ณ โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา

สำหรับวันสุดท้ายของงาน คือ วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 จะถ่ายทอดสดพิธีปิดการแข่งขันและมอบเหรียญรางวัลให้แก่ผู้แทนเยาวชนจากนานาชาติโดยนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานผ่านทางโทรทัศน์ออนไลน์ www.ioi2011.or.th ไปที่ IOI TV Program หรือตรงไปที่เว็บไซต์ www.ioitv.com ตั้งแต่เวลา 15.00-18.00 น. รวมทั้งถ่ายทอดสดบรรยากาศงานเลี้ยงภาคค่ำ เวลา 19.00-20.00 น.

หลังจากที่ได้เปิดตัวเครื่องซักผ้าฝาหน้ารุ่นใหม่ แอลจี ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดเครื่องซักผ้าที่มียอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย 10 ปีซ้อน เดินหน้าเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยดิจิตอลแคมเปญกับ “แอลจี แดนซ์ซิ่ง โคลซ วิธ ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ” (LG Dancing Clothes with 6 Motion Inverter Direct Drive) เพลิดเพลินไปกับการเต้นอันแสนสนุกของเหล่าเสื้อผ้าในมิวสิควิดีโอสุดพิเศษถึงหกแบบ พร้อมเล่นเกมง่ายๆ เพื่อลุ้นรับเครื่องซักผ้ารุ่น ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ ผ่านทางเว็บไซต์ www.lg.com/th/dancingclothes ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้

คุณรพี ศรีสุนทร หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกที่แอลจีได้จัดดิจิตอลแคมเปญในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า โดยแคมเปญแอลจี แดนซ์ซิ่ง โคลซ วิธ ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ จะแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมการเคลื่อนที่ของถังซักหกทิศทางของเครื่องซักผ้าแอลจีรุ่น ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ ผ่านทางรูปแบบการเต้นของเสื้อผ้าประกอบเพลงจังหวะสนุกสนาน สื่อถึงความสุขของเสื้อผ้าที่ซักโดยเครื่องซักผ้าแอลจี อีกทั้งให้ผู้บริโภคได้รับรู้และเข้าใจถึงการทำงานของเครื่องซักผ้าได้ง่ายขึ้นพร้อมได้รับความบันเทิงในคราวเดียวกัน ผู้ชมสามารถติดตามความสนุกสนานของมิวสิควีดีโอทั้งหกแบบ ไม่ว่าจะเป็น บัลเล่ต์ เคป๊อบ อินเดีย ป๊อปแดนซ์ ร็อค และ เทคโทนิคแดนซ์ นอกจากนี้ เรายังเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ร่วมตอบคำถามเพื่อลุ้นรับเครื่องซักผ้า แอลจีรุ่น ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ”

“ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยที่พัฒนาจากความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ของดิจิตอลแคมเปญ แอลจีมั่นใจว่า ภายในปี 2554 จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดรวมเครื่องซักผ้าที่ 35% และรักษาความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 11 อย่างแน่นอน”

ผู้สนใจร่วมกิจกรรมดังกล่าว สามารถเข้าไปที่ www.lg.com/th/dancingclothes เพื่อชมมิวสิควิดีโอทั้งหกแบบ และร่วมเล่นเกมตอบคำถามเพื่อลุ้นชิงรางวัลเครื่องซักผ้าฝาหน้าจากแอลจีรุ่น ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ รุ่น WD-12090TD มูลค่า 23,900 บาท นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดเคล็ดลับการดูแลรักษาและวิธีการซักเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละประเภทโดยดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย คุณอดิศักดิ์ โรจน์ศิริพันธ์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้

บริษัท โซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด นำร่องพัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ “โซนี่ มิวสิค สไลด์” “(Sony Music SLIDE) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ““โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย”” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานที่ง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศได้อย่างลงตัว มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

นายพอล มนัสถาวร ผู้อำนวยการกลุ่มงานดิจิตอล บริษัท โซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจดิจิตอลถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ทางโซนี่มิวสิคให้ความสำคัญมากในปีนี้ โดยมีแผนที่จะปรับทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจเพลงของโซนี่มิวสิคทั้งหมดให้สอดรับกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว ซึ่งในเบื้องต้นเราได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของโซนี่มิวสิคพบว่า กลุ่มคนฟังเพลงของโซนี่มิวสิคส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนที่หลากหลาย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนในตระกูล iOS อาทิ ไอโฟน , ไอแพด เป็นต้น และจากกระแสความแรงของตลาดสมาร์ทโฟน ประกอบกับกระแสความแรงของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กในปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผนวกกับการมาของ 3G เน็ตเวิร์กทำให้โซนี่มิวสิคไม่รอช้ารุกพัฒนาคอนเทนต์เพื่อเตรียมรองรับกับจำนวนผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด โซนี่ มิวสิค ได้พัฒนาคอนเทนต์บันเทิงรองรับการใช้งาน 3G เน็ตเวิร์กก่อนใคร!! ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่สุดล้ำกับ ““Sony Music SLIDE” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โซเชี่ยลมิวสิคแอพของเมืองไทย” เน้นการเป็นโซเชี่ยลมิวสิคแอพพอลทัลของโซนี่มิวสิคที่เน้นการใช้งานง่ายจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น และสามารถแชร์คอนเทนต์ที่ตัวเองชื่นชอบไปให้กับเพื่อนๆผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของคุณและศิลปินที่คุณชื่นชอบทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Facebook และ Twitter ได้อย่างลงตัว ทำให้แฟนเพลงของโซนี่มิวสิคที่ต้องการติดตามผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบได้จากบริการดังกล่าว ด้วยวิธีง่ายๆเพียงคุณดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า ““Sony Music SLIDE” จาก App Store ลงมาไว้ในมือถือหรือไอแพดของตัวเอง เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถเข้าสู่โลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กของศิลปินที่คุณต้องการได้ทันที ทั้งนี้เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งาน 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

“ผมเชื่อมั่นว่าเมื่อ 3G เน็ตเวิร์กมาถึงก็จะเป็นการเปิดตลาดรูปแบบใหม่และทำให้คนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ของโซนี่มิวสิคถือได้ว่าเป็นพรีเมี่ยมคอนเทนต์ที่มีคุณภาพที่สุดในตลาดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เพลง , มิวสิควีดีโอ รวมถึงศิลปินในสังกัดโซนี่มิวสิคซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้น ทางบริษัทฯจึงมั่นใจว่าโซนี่มิวสิคจะเป็นผู้นำทางด้าน 3G มิวสิคแอพพลิเคชั่นได้อย่างแน่นอน” นายพอลกล่าวทิ้งท้าย

เออาร์ไอพี เชื่อมั่น “คอมมาร์ต” ทศวรรษหน้าไปได้สวย ปลื้ม “คอมมาร์ต เอ็กซ์เจน 2011” ยอดขายทะลุเป้าที่วางไว้ กระตุ้นตลาดขาขึ้นครึ่งปีหลัง หลังพบความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงเกินคาด คลื่นมหาชนคนไอทีล้นงาน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ งานนี้ตลาดแท็บเล็ตสุดฮิต ยอดขยับกว่าครั้งที่แล้วชี้ตลาดไอทีครึ่งปีหลังไปได้สวยแน่

นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดงาน “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011” งานคอมมาร์ต เอ็กซ์เจน 2011 ที่จบไปประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ทางผู้จัดวางไว้ ได้รับการจากผู้เข้าชมงานตอบรับเป็นอย่างดี ส่งท้ายการจัดงานที่ครบ 10 ปีเต็มได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“งานนี้ทำให้เราต้องหันมาทบทวนตัวเองในฐานะผู้ที่จัดงานไอทีมาอย่างยาวนาน และต่อเนื่องที่สุดในประเทศไทย คือ 29 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันงานคอมมาร์ตขายเครื่องคอมพิวเตอร์ไปแล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง มีผู้เข้าชมงานรวมทุกครั้งกว่า 10 ล้านคน มีรถยนต์ที่แจกให้กับผู้โชคดีภายในงานไปแล้ว 22 คัน ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่มาจากหลายๆ ส่วนฝ่าย ทั้งภายในองค์กร และที่สำคัญคือ พันธมิตร ซึ่งเราจะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมในการจัดงานครั้งต่อๆ ไป”

นายปฐม กล่าวต่อว่า งานคอมมาร์ต เอ็กซ์เจน 2011 ครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม และกระแสความต้องการใช้งานไอทีที่มีมากขึ้น ทั้งตลาดโน้ตบุ๊คที่มีราคาถูกลงอย่างมาก สมาร์ทโฟนที่ทำงานได้หลากหลายตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้ครบถ้วนมากขึ้น และแท็บเล็ตที่มาแรง เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนและทำงาน มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ และแนวโน้มราคาไม่สูงมาก ส่งผลให้ครั้งนี้แท็บเล็ตยอดขายสูงกว่าครั้งกว่าที่แล้ว การจัดงานคอมมาร์ตในแต่ละครั้ง จึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเริ่มขยายมากขึ้น เป็นที่น่าสังเกตุว่าการจัดงานครั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มาเดินชมงาน และเลือกซื้อกลับเป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 70% ส่วนใหญ่สนใจเลือกซื้อโน้ตบุ๊ค และแท็บเล็ตเพื่อประกอบการเรียน ส่วนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็ยังเติบโตไปได้

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางปีกระแสไอทีดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูจากตัวเลขยอดขายจากการจัดงานคอมมาร์ตที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้ง ประสบความสำเร็จมาตลอด ซึ่งตัวเลขยอดขายที่สูงขึ้นเป็นตัวดัชนีชี้ว่าตลอดทั้งปีนี้เป้าหมายการเติบโตไอทีทั้งปี 14% น่าจะเติบโตได้ตามเป้าเนื่องจากอุปกรณ์ไอทียังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามามีบทบาทและตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ใช้ก็ขยายตัวมากขึ้นเช่นกัน

ด้านกิจกรรมเวิร์คช็อป และสัมมนาเสริมความรู้ภายในงาน คอมมาร์ต เอ็กซ์เจน 2011 ครั้งนี้มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่จะเรียนรู้ด้านไอทีเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

อาท ติดตั้ง App บน Iphone / Ipad ง่ายๆ ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นอย่างมาก รวมทั้งการประมูลสินค้าไอทีสุดมันส์ เริ่มต้นที่ 1 บาท ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งนี้รายได้จากการประมูล สินค้าไฮไลท์และสินค้าไอทีอื่นๆ จะนำไปสมทบทุนมอบให้มูลนิธิรักษ์ไทย

สำหรับการจัดงานครั้งต่อไป จะจัดงาน คอมมาร์ต คอมเทค 2011 ซึ่งจะมีสินค้าไอทีไฮไลต์เด็ดๆ โปรโมชั่นดีๆ มาปิดท้ายปี 2554 อย่างแน่นอน โดยสามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพีมเติมได้ที่www.commartthailand.com

แฮปปี้เปิดเผยโซเชียลแอพช่วยเพิ่มปริมาณการใช้งานดาต้าในเครือข่าย ได้รับความนิยมจากลูกค้าตามกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก ยอดลูกค้าสมัคร 500,000 รายหลังเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียว เป็นสถิติที่สร้างความมั่นใจในการทำตลาดดาต้าในกลุ่มลูกค้า Feature Phone เพื่อครองตลาดโซเชียลของแฮปปี้ พร้อมจัดงานใหญ่รวมพลคนโซเชียล Social Festival 30 กรกฎาคมนี้ ที่สยามสแควร์ และจัดกิจกรรมกับลูกค้าทั่วประเทศ รวมทั้งยังคงความสนุกกับกิจกรรมออนไลน์ต่าง ๆ ด้วย

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่เราเปิดตัวโซเชียลแอพมีลูกค้าสมัครใช้งานจำนวนมาก และส่งผลให้การใช้งานดาต้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยทราฟฟิคด้านดาต้าในระบบเติบโตถึง 30% นับตั้งแต่เราเปิดตัวบริการในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากโซเชียลแอพช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโซเชียลได้ง่ายขึ้นจึงมีการใช้งานบ่อยขึ้น ในจำนวนลูกค้าที่ใช้งานโซเชียลแอพพบว่า 33% ใช้งาน Facebook, 24% ใช้งาน MSN, 17% Hi5, 15% Twitter และ 11% Google Talk ในด้านความสนุกของการใช้งาน เราได้เพิ่มฟังก์ชั่นให้กับลูกค้าเสมอ เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เพิ่มเติม Facebook Fan Page เข้าไปในโซเชียลแอพเพื่อขยายการใช้งานให้มากขึ้น และในอนาคตอันใกล้จะมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ให้ลูกค้าได้ใช้งานประกอบด้วย Tag Photo, Change Status และ picture display บน MSN Messenger และ Google Talk

นายอมฤต ศุขะวณิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า โซเชียลแอพได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก ตอนนี้มีคนสมัครแล้วถึง 5 แสนรายหรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 1 ปีที่เราวางไว้ เราพบว่าโซเชียลแอพมีส่วนเป็นอย่างมากที่ช่วยสร้างฐานการใช้งานดาต้าของลูกค้าแฮปปี้โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ใช้ Feature Phone ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในระบบ ด้วยกลยุทธ์ราคาที่จูงใจสำหรับลูกค้าแบบเติมเงินซึ่งเห็นความคุ้มค่าคือเพียงสัปดาห์ละ 19 บาท ใช้งานได้ถึง 5 แอพ เราเชื่อว่าด้วยการตลาดที่เข้าถึงความต้องการกลุ่มเป้าหมายนี้จะทำให้เราขยายตลาดโมบายดาต้าได้ทั่วประเทศ และเพื่อเดินหน้าโปรโมตบริการให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น เราได้จัดอีเว้นท์สำหรับลูกค้าที่สยามแสควร์เพื่อตอกย้ำตำแหน่งของการเป็นผู้นำโซเชียล และนำคนดังและร้านค้าในสังคมออนไลน์มาออกร้านพบกับลูกค้าแบบใกล้ชิด หลังจากนี้ก็จะเดินสายจัดกิจกรรมกับลูกค้าในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย

งานรวมพลคนโซเชียล Social Festival จะจัดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น.ที่ลานหน้าฮาร์ดร็อกคาเฟ่ สยามสแควร์ ประกอบด้วยการแสดงบนเวที คอนเสิร์ต โดยวงไทเทเนียม Better Weather และ 60 Miles การพบปะพูดคุยและการแสดงของนักแสดงขวัญใจวัยรุ่นมาริโอ้ เมาเร่อ นาตาลี เดวิส โดนัท มนัสนันท์ และร้านค้าออนไลน์ของคนดังมากมายร่วมเปิดบูธขายสินค้าให้ช้อปกันอย่างใกล้ชิด อาทิ น้ำฝน พัชรินทร์, เก๋ ชลลดา, โย / เอ หัสดีวิจิตร, ออร์แกน,เดือน นิวัตรา,หมอก้อง,เอ๊ะ ศศิกานต์, และอาท KPN ผู้สนใจเข้าชมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้แฮปปี้จะจัดกิจกรรมไปพบลูกค้าในจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันยังคงจัดกิจกรรมสร้างสีสันบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง.

บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ได้เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Equitrac Professional® ของ Nuance Communications, Inc (นูแอนซ์ คอมมูเนชั่น อิงค์) ให้กับ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ซึ่งโซลูชั่นนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อ เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ApeosPort ของฟูจิ ซีร็อกซ์ ทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังสามารถประมวลผลค่าใช้จ่ายเพื่อการลดต้นทุนได้อย่างมั่นใจ จึงเหมาะสำหรับองค์กรที่ดำเนินการหรือให้บริการเกี่ยวข้องกับเอกสารทางกฎหมายและองค์กรผู้ให้บริการด้านต่าง ๆ ในระดับมืออาชีพ

โซลูชั่นใหม่นี้มาพร้อมกับเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ApeosPort ของฟูจิ ซีร็อกซ์ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความคล่องตัว สมรรถนะในการผลิต รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับองค์กรด้วยคุณสมบัติของการรายงานผลการใช้เครื่องเพื่อบริหารค่าใช้จ่ายและความสามารถในการบริหารจัดการงานพิมพ์ระดับชั้นแนวหน้าของวงการอุตสาหกรรม โดยไม่จำเป็นต้องจัดซื้ออุปกรณ์หรือ เครื่องมือใด ๆ เพื่อเชื่อมโยงการใช้งาน ติดตั้งหรือบำรุงรักษา วิธีการใช้งานเพียงแค่ผ่านระบบควบคุมบนหน้าจอเมนูสัมผัสที่อยู่บนเครื่องมัลติฟังก์ชั่นเท่านั้น ซอฟต์แวร์ Equitrac Professional จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียกชำระเงินค่าบริการจากลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความปลอดภัยของเอกสารงานพิมพ์ การบริหารควบคุมปริมาณเอกสารที่ผลิต การกำจัดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเครื่องมืออุปกรณ์ ดังนั้นจึงช่วยเร่งผลตอบแทนการลงทุนได้เป็นอย่างดี

มร.โคจิ เทซูกะ ผู้จัดการระดับอาวุโสของฝ่ายการตลาด International Business Group บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด กล่าวว่า “ซอฟต์แวร์ Equitrac Professional ที่มาพร้อมกับเครื่อง ApeosPort MFD จะช่วยผสานกระบวนการทำงานให้กับผู้ใช้ ทำให้ขั้นตอนดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัย สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายจากแพลตฟอร์มของเครื่อง ApeosPort ในขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้ตัดสินใจเลือกใช้และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเพื่อการทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วยวิธีการประเมินจากข้อมูลผลการใช้งานเครื่อง ซึ่งซอฟต์แวร์ Equitrac จะทำหน้าที่ประมวลและรายงานผลที่ได้เพื่อแจ้งให้ทราบ”

Mr.Noel O’Dwyer (มร.นูเอล โอดีเยอร์) รองประธานฝ่าย Marketing and Strategic Alliances แผนก Document Imaging Division ของ Nuance Communications, Inc ได้กล่าวว่า “โซลูชั่นของ Nuance ที่มาพร้อมกับเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ApeosPort ของฟูจิ ซีร็อกซ์นั้นช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายให้กับโซลูชั่นของฟูจิ ซีร็อกซ์มากยิ่งขึ้น ทำให้ฟูจิ ซีร็อกซ์สามารถนำโซลูชั่นนี้ไปเสนอยังบริษัทที่กำลังมองหามาตรการในการรับรู้ถึงค่าใช้จ่าย เพื่อการจัดสรรต้นทุนและการเรียกร้องให้ชำระเงินจากทางลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายของเอกสารที่ผลิตไม่ว่าจะเป็น การพิมพ์ การถ่ายเอกสารและการสแกนได้อีกด้วย ”

ด้วยความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจากการใช้งานซอฟต์แวร์ Equitrac Office® และ Equitrac Express® ทำให้ฟูจิ ซีร็อกซ์มีความมั่นใจในการนำเสนอ โซลูชั่นซึ่งมีคุณสมบัติของการรายงานสถานภาพการใช้งานเครื่องเพื่อบริหารค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการงานพิมพ์อันโดดเด่นให้กับองค์กรที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับกฎหมายและองค์กรผู้ให้บริการระดับมืออาชีพ โดยตลาดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านกฎหมายสามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของซอฟต์แวร์เหล่านี้ได้ ดังต่อไปนี้ :

· ฟังก์ชั่น Equitrac Follow-You Printing®: ช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตเอกสารและการใช้ข้อมูลงานได้อย่างปลอดภัย โดยคุณสามารถใช้ไฟล์งานจากเครื่องมัลติฟังก์ชั่นเครื่องใดก็ได้ที่อยู่ในระบบเครือข่าย ขณะเดียวกันก็ช่วยผสานขั้นตอนการทำงานให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและดำเนินไปอย่างคล่องตัว

· ทางเลือกของรายงานแจ้งผลการใช้งานเครื่องที่สะดวกง่ายดายและมีความปลอดภัยจากเครื่องมัลติฟังก์ชั่นของฟูจิ ซีร็อกซ์: โดยผ่านการตรวจสอบรหัสผู้ใช้หรือการรูดบัตรหรือการใช้หมายเลข ID ทางระบบเครือข่าย โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์และเครื่องมืออื่น ๆ เพิ่มเติม

· เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการเครื่องมัลติฟังก์ชั่นอย่างเต็มประสิทธิภาพ : ด้วยฟังก์ชั่นติดตามและรายงานสถานภาพการใช้งานเครื่องมัลติฟังก์ชั่นในขณะปัจจุบัน อย่างเช่น การแจ้งเตือนเมื่อปริมาณผงหมึกโทนเนอร์ที่ใช้อยู่มีการลดลงอยู่ในระดับต่ำ การแจ้งเตือนในกรณีที่มีการติดขัดของกระดาษหรือมีเหตุจำเป็นที่ควรติดต่อเพื่อเรียกร้องการให้บริการ

· การรายงานและประมวลผลการใช้เครื่องเพื่อบริหารค่าใช้จ่ายอย่างครบวงจรทั้งของบริษัทรวมทั้งลูกค้า: โดยการตรวจสอบเพื่อติดตามค่าใช้จ่ายและรายงานเกี่ยวกับ เอกสารที่ผลิตทั้งหมดจากเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเอกสาร การพิมพ์และการสแกนได้โดยตรงจากเครื่องมัลติฟังก์ชั่น รวมทั้งศักยภาพในการติดต่อเชื่อมโยงด้านการทำธุรกรรมกับลูกค้า, ค่าเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เช่น การวิจัยทางระบบเครือข่าย, ค่าไปรษณีย์ ซึ่งคุณสามารถกระทำได้ โดยตรงด้วยซอฟต์แวร์ Equitrac Professional