Archive

Archive for November, 2011

ริม ประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการประชุม BlackBerry DevCon Asia

November 22nd, 2011 No comments

เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ บางพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำท่วมสูงอยู่นั้น ทางบริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) ได้พิจารณาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการประชุม BlackBerry ในปีนี้ ไปยังประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ กำหนดการจัดงานยังคงเป็นระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2554 โดยงานจะจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุม Suntec Singapore International Convention & Exhibition Centre ในประเทศสิงคโปร์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของงานในสิงคโปร์ จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

การพิจารณาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดการประชุม เกิดขึ้นตามการแนะนำและแจ้งเตือนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของน้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างยิ่งต่อระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร

ริมขออภัย ไปยังผู้สนใจที่ทำการลงทะเบียนเข้าร่วมงานมาแล้ว ถึงความล่าช้าในการแจ้งข้อมูลในครั้งนี้ รวมทั้งขออภัยในความไม่สะดวกในการเดินทางเพื่อมาร่วมงาน ในกรณีผู้ที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงาน ณ ประเทศสิงคโปร์ได้ ริม ยินดีคืนเงินค่าธรรมเนียมลงทะเบียนเพื่อผ่านเข้างานให้ทั้งหมด

โดยหลังจากการประชุม DevCon Asia ที่จะจัดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2554 นี้ ริม ยังคงมุ่งมั่นที่จะกลับมาจัดประชุม DevCon Asia ในกรุงเทพฯ ในอนาคต

View :1306

ซอฟต์แวร์ไทยโชว์กึ๋น กวาดรางวัลเวทีระดับเอเชียแปซิฟิก APICTA ครั้งที่ 11 คว้า 3 รางวัลชนะเลิศ – 3 รางวัลชมเชย

November 22nd, 2011 No comments

นับเป็นครั้งที่ 11 สำหรับการจัดประกวดผลิตภัณฑ์ไอซีทีและซอฟต์แวร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards 2011 “เอเชีย แปซิฟิก ไอซีที อะไลแอนซ์ อวอร์ด 2011” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า และสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (เอทีซีไอ) โดยงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เกิดความร่วมมือกันทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงตลาดในอุตสาหกรรม และเป็นการวางมาตรฐานด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ผลงานด้านไอซีทีและซอฟต์แวร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยปีนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน หวังกระตุ้นโชว์ศักยภาพของประเทศผลักดันให้ไอซีทีและซอฟต์แวร์ไทยเติบโตในตลาดโลก

Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards 2011 มีผลงานซอฟต์แวร์ร่วมแข่งขันจากประเทศสมาชิก 11 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า ปากีสถาน สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย และเวียดนาม โดยการจัดงานครั้งนี้มีผลงานร่วมประกวดทั้งสิ้น 162 ผลงาน จาก 17 ประเภทการแข่งขัน โดยประเทศไทยคว้ารางวัลใหญ่ในเวทีระดับเอเชียมาได้ถึง 6 รางวัล แบ่งเป็นรางวัลชนะเลิศ 3 รางวัลได้แก่ประเภททูลส์แอนด์อินฟราสตรักเจอร์ การท่องเที่ยวและการโรงแรม ซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรม และประเภทรางวัลชมเชย 3 รางวัลได้แก่ ประเภทนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ประเภทนักเรียนระดับอุดมศึกษา และประเภทอุตสาหกรรมการเงิน โดยแบ่งผลงานชนะเลิศทั้ง 3 ผลงานดังนี้

นางนิพัตราภรณ์ เจียมโชติพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตก้า ซิสเต็ม จำกัด ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภททูลส์แอนด์อินฟราสตรักเจอร์ แอพพลิเคชั่น กล่าวว่า บริษัท ผู้ประกอบการด้านซอฟต์แวร์ หากถ้าไม่เข้าใจตลาดและมุ่งแต่การพัฒนาซอฟต์แวร์มีโอกาสไปไม่รอด ส่วนของเน็ตก้า โดยหนึ่งในวิธีการสร้างชื่อคือส่งผลงานเข้าประกวด ประกอบกับการพัฒนาที่ไม่ได้มองแค่ในประเทศไทยแต่ดูเทรนด์ของตลาดและคู่แข่งในต่างประเทศ

นายธรรมนูญ เวชวิทยาขลัง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอน ไซซิทส์ จำกัด เจ้าของผลงาน “กาลิเลโอ ไดเร็ค” แอพพลิเคชั่นสำหรับมอนิเตอร์ราคาตั๋วเครื่องบินทั่วโลก ผู้ชนะรางวัลชนะเลิศประเภทการท่องเที่ยวและการโรงแรม กล่าวว่า บริษัทใช้โมเดลธุรกิจแบบคิดค่าเช่าเป็นรายเดือน ใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนคู่แข่งให้เป็นคู่ค้า ปัจจุบันจากบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวที่มีบริการแบบออนไลน์ 350 ราย บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดราว 95% หรือประมาณ 300 ราย ขณะนี้มีบริษัทจากประเทศอินโดนีเซียและมาเก๊าเข้ามาติดต่อขอใช้บริการแล้ว

นายไผท ผดุงถิ่น เจ้าของผลงานบิลค์ดอทคอม (builk.com) จากบริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด ผู้ชนะเลิศสาขาซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรม ชี้ว่า แวดวงก่อสร้างถือเป็นเป็นหนึ่งวงการที่ไม่มีผู้พัฒนาต่อยอดด้านไอทีและซอฟต์แวร์ ดังนั้นโอกาสทางการตลาดจึงมีอยู่สูงมาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือวิธีการเข้าหาและชักจูงให้เขาเข้ามาใช้ให้ได้ โดยผลงานบิลค์ดอทคอม (builk.com) จะสามารถตอบโจทย์พัฒนาแวดวงก่อสร้างช่วยให้ง่ายในการปฏิบัติงาน ซึ่งมองว่าผลงานดังกล่าวจะสามารถพัฒนาวงการก่อสร้างได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งหากเกิดการซื้อขายในด้านซอฟต์แวร์จะสามารถสร้างรายได้จากทั้งในและต่างประเทศได้

ด้านนายอดิเรก ปฎิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (เอทีซีไอ) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เอทีซีไอได้ตระหนักถึงการค้าเสรีในภูมิภาค ปีนี้ซอฟต์แวร์ที่โดดเด่นมากที่สุดคือโมบาย แอพพลิเคชั่น เมื่อมองจากการประกวด 11 ครั้งที่ผ่านมาจะเห็นได้จาก ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตแค่มี 5-6 คน ก็สามารถทำกันได้ เชื่อว่าอีก 2-3 ปีหลังจากนี้จะได้เห็นซอฟต์แวร์ผลงานนักพัฒนาไทยขายในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสร้างเม็ดเงินรายได้สู่ประเทศเป็นจำนวนมาก หากในอนาคตมีการช่วยผลักดัน ส่งเสริม สนับสนุนที่ดีจากทุกฝ่ายในอนาคตประเทศไทยจะสามารถเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการส่งออกซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพระดับโลกอย่างแน่นอน

ทั้งนี้แนวโน้มของตลาดถูกกำหนดโดยการแข่งขันของภาคธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี หากเทียบกับประเทศอื่น ที่เป็นคู่แข่งสำคัญเช่น สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ไทยไม่ขาดแคลนบุคลากร รู้วิธีการสร้างซอฟต์แวร์ที่ดี แต่ขาดการส่งเสริมจากภาครัฐและความเข้าใจในตลาด ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจเล็กที่ไม่มีโมเดลทางธุรกิจที่ชัดเจนด้วยแล้ว 1 – 2 ปีก็มักหายไป ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องให้ความในด้านไอซีทีและซอฟต์แวร์มากขึ้น

นายปริญญา กระจ่างมล รองผู้อำนวยการส่งเสริมอุตสาหกรรมและพัฒนาผู้ประกอบการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในระดับเวทีดังกล่าว ซิป้า ได้วางแผนในการเข้าไปช่วยส่งเสริมการสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถประยุกต์ใช้ และต่อยอดเพื่อนำซอฟต์แวร์ของผู้ประกอบการไทย ไปขยายตลาดในต่างประเทศ โดยจะนำผลงานที่เป็นรางวัลชนะเลิศและรอง ทั้งหมดเดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าและดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยคุณภาพที่ได้รับการการรันตีจากเวที Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards 2011 จะสามารถเป็นเครื่องยืนยันในคุณภาพของผลงานและจะนำไปสู่มูลค่ามหาศาลของเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ

View :1495
Categories: Press/Release, Software Tags:

RIM ขอแจ้งเปลี่ยนสถานที่สำหรับจัดการประชุม DevCon Asia เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

November 21st, 2011 No comments

เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ บางพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำท่วมสูงอยู่นั้น ทางบริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) ได้พิจารณาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสถานที่สำหรับจัดการประชุม BlackBerry ในปีนี้ ตามการแนะนำและแจ้งเตือนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของน้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างยิ่งต่อระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นสถานที่สำหรับการจัดการประชุมในเบื้องต้น ทั้งนี้ เรื่องความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานหรือกิจกรรมของแบล็กเบอร์รี่ทั้งหมด ถือเป็นสิ่งที่ริมคำนึงและให้ความสำคัญสูงสุด

ริม มีความมุ่งมั่นในการสานสัมพันธ์กับชุมชนนักพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย และในขณะนี้ เรากำลังพิจารณาเรื่องของสถานที่ รวมถึงกำหนดการใหม่สำหรับจัดการประชุมดังกล่าว โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง จะมีการแจ้งให้ทราบเร็วๆ นี้ เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถจัดการประชุมปีนี้ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าจะกลับมาจัดประชุมในกรุงเทพฯ ได้ในอนาคต

ริมขออภัย ไปยังผู้สนใจที่ทำการลงทะเบียนเข้าร่วมงานมาแล้ว ถึงความล่าช้าในการแจ้งข้อมูลในครั้งนี้ รวมถึงความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเข้าใจถึงเหตุสุดวิสัยอันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่มิอาจคาดคิด ซึ่งส่งผลกระทบไปยังหลายๆ พื้นที่ในกรุงเทพฯ

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไปแล้ว จะยังคงสามารถเข้าร่วมงานได้ ทั้งนี้ สำหรับสถานที่และกำหนดการใหม่ของการจัดการประชุม Devcon Asia ที่แน่นอน จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ได้โดยตรงที่ devcon@.com

View :1482

เทรนด์ ไมโคร สรุปรายงานสถานการณ์ภัยคุกคามประจำไตรมาสที่สาม

November 21st, 2011 No comments

บริษัท สรุปรายงานสถานการณ์ภัยคุกคามประจำไตรมาสที่สาม ระบุว่ากูเกิลคว้าอันดับหนึ่งแทนที่ไมโครซอฟท์ในฐานะผู้ที่มีช่องโหว่ความปลอดภัยสูงสุด ด้วยจำนวนช่องโหว่ที่ได้รับรายงานทั้งสิ้น 82 รายการ ซึ่งพบในบราวเซอร์ Chrome ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากของกูเกิล ขณะที่ออราเคิลมาเป็นอันดับที่สองด้วยจำนวนช่องโหว่ที่ได้รับรายงาน 63 รายการ ส่วนไมโครซอฟท์หล่นไปอยู่อันดับที่สามด้วยจำนวนช่องโหว่ที่ได้รับรายงานทั้งสิ้น 58 รายการ

นักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ยังพบแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากที่พุ่งเป้าสร้างความเดือดร้อนแบบวงกว้าง (มวลชน) ได้กลายไปเป็นการโจมตีแบบมีเป้าหมาย ซึ่งพุ่งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่และสถาบันต่างๆ ของภาครัฐโดยเฉพาะ การทำงานของนักวิจัยเหล่านี้ยังทำให้พบกลุ่มที่โจมตีแบบมีเป้าหมายที่มีชื่อเสียงอย่างมากกลุ่มหนึ่งในช่วงไตรมาสที่สาม ชื่อว่า LURID Downloader

บริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้จัดประเภทของการโจมตีเหล่านี้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเนื่องขั้นสูง (Advanced Persistent Threat: APT) ซึ่งมีเป้าหมายเป็นบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันต่างๆ ในกว่า 60 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย คาซัคสถาน และยูเครน โดยอาชญากรไซเบอร์ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีเหล่านี้ได้ใช้งานมัลแวร์ไปแล้วกว่า 300 รายการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นความลับและสามารถเข้าควบคุมระบบของผู้ใช้ที่ติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์โดยมีระยะเวลาที่ยาวนานกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าความสำเร็จของ LURID นั้นมาจากการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน และจากการกำหนดโซนภายในตำแหน่งและสถานที่ตามภูมิศาสตร์เฉพาะนี่เองที่ทำให้ LURID สามารถทำอันตรายระบบไปแล้วเป็นจำนวนมากถึง 1,465 ระบบ
การโจมตี กลลวง การละเมิด และช่องโหว่อื่นๆ ที่รู้จักกันดี

· นักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร พบสายพันธุ์ใหม่ DroidDreamLight ที่มีชุดคำสั่งความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการปลอมตัวเป็นโปรแกรมหรือเครื่องมือตรวจสอบแบตเตอรี่หรือเครื่องมือแสดงรายการงานที่อ้างว่าจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นรายการต่างๆ ที่อนุญาตให้โปรแกรมซึ่งได้รับการติดตั้งไว้สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่จริงๆ แล้วเป็นสำเนาของมัลแวร์ใหม่สำหรับ Android ที่มีการซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมากในร้านค้าโปรแกรมสัญชาติจีนแห่งหนึ่ง

· ในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม นักวิจัยบริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้ระบุเว็บเพจที่ล่อลวงให้ผู้ใช้คลิกลิงก์เพื่อรับคำเชิญฟรีจากการร่วมใช้งาน Google+ ซึ่งเป็นบริการสื่อสังคมออนไลน์ใหม่ล่าสุดจากกูเกิล แต่แทนที่จะเป็นการเชิญเข้าร่วมใช้บริการดังกล่าว สิ่งที่ผู้ใช้ที่ตกเป็นเหยื่อจะได้รับก็คือ “โอกาส” ในการร่วมทำแบบสำรวจที่จะนำพวกเขาตกอยู่ในภาวะเสี่ยงได้

· ผู้ใช้ LinkedIn ก็ตกเป็นเหยื่อของกลลวงอาชญากรรมออนไลน์เช่นกัน โดยจะมีการล่อลวงให้พวกเขาคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายที่อ้างว่าจะนำไปชมวิดีโอของ จัสติน บีเบอร์ แต่เมื่อคลิกแล้วก็จะมีการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายแทน

· สแปมที่มีชื่อเสียงที่สุดในไตรมาสนี้ได้นำไปสู่การดาวน์โหลดและการปฏิบัติการของโทรจันสองตัวที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร โดยสแปมรายการแรกแอบอ้างว่ามาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติสเปน ขณะที่ สแปมรายการที่สองแอบอ้างว่ามาจากสำนักงานสรรพากรสหรัฐฯ

· อินเดียและเกาหลีใต้ยังคงเป็นประเทศที่มีการส่งสแปมสูงสุดสามอันดับแรก โดยสหรัฐอเมริกาซึ่งมักจะติดอยู่ในกลุ่มอันดับสูงสุดกลับไม่ได้ติดอันดับอยู่ 10 อันดับแรกของประเทศที่มีการส่งสแปมสูงสุด เนื่องจากมีการจับกุมผู้ดำเนินการสแปมบ็อตแล้วเป็นจำนวนมาก

นอกจากการค้นพบ LURID Downloader แล้ว ในไตรมาสที่สามนี้ บริษัท เทรนด์ ไมโคร และทีมงานรักษาความปลอดภัยทั่วโลกทีมอื่นๆ ยังได้สร้างความสำเร็จที่น่าประทับใจดังนี้

· หลังจากดำเนินการติดตามตรวจสอบเป็นระยะเวลาหลายเดือน นักวิจัยของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ได้เปิดเผยการทำงานของ SpyEye ที่ควบคุมโดยอาชญากรไซเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า “Soldier” ซึ่งอาศัยอยู่ในรัสเซียและยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดที่อาศัยอยู่ในฮอลลีวูด มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย การดำเนินการของบ็อตเน็ตชนิดนี้ สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลาหกเดือน และได้ตั้งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่และสถาบันภาครัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งองค์กรต่างๆ ในแคนาดา สหราชอาณาจักร อินเดีย และแม็กซิโก สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ในรายงานการวิจัยของบริษัท เทรนด์ ไมโคร เรื่อง “From Russia to Hollywood: Turning Tables on a SpyEye Cybercrime Ring”

· นักวิจัยของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ยังสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเครือข่ายร่วม FAKEAV (โปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม) ขนาดใหญ่ที่สุดสองเครือข่ายในปัจจุบันไว้ด้วย ได้แก่ BeeCoin และ MoneyBeat โดยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเครือข่ายร่วม FAKEAV สามารถดูได้ในรายงานการวิจัยเรื่อง “Targeting the Source: FAKEAV Affiliate Networks”

View :1441

ทรู ไอดีซี จัดโครงการ “Free True Cloud Services for Flood Crisis” ใช้บริการทรู คลาวด์ ฟรี พลิกฟื้นธุรกิจประสบภัยน้ำท่วม

November 18th, 2011 No comments

ทรู ร่วมช่วยเหลือองค์กรธุรกิจที่ประสบภัยหรือเสี่ยงประสบภัยน้ำท่วม จัดโครงการ “Free ” ให้ใช้บริการทรู คลาวด์ พร้อมระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล (Back up & Disaster Recovery) ฟรี นาน 60 วัน เพื่อให้ธุรกิจและผู้ประกอบการสามารถเตรียมระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลไว้ล่วงหน้า เพิ่มความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่นแม้ในภาวะวิกฤตจากเหตุอุทกภัย ผู้ที่สนใจบริการทรู คลาวด์ สามารถขอเปิดใช้บริการได้แล้ววันนี้ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.trueidc.co.th

ทั้งนี้ โครงการ “Free True Cloud Services for Flood Crisis” มอบความช่วยเหลือในช่วงวิกฤตน้ำท่วมหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ อาทิ ศูนย์เทคโนโลยีอิเลิกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ดำเนินการย้ายเซิร์ฟเวอร์ http://traffy.in.th/i เว็บไซต์แสดงภาพการจราจร และปัจจุบันเพิ่มรายงานภาพสถานการณ์น้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังรับฝากเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ www.gamling.org ศูนย์กลางแบ่งปันข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ผ่านสังคมออนไลน์ทั้ง facebook และ twitter เป็นต้น

View :1357

แวลลูฯ รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม จับมือหัวเว่ยมอบอุปกรณ์เน็ตเวิร์คกว่า 10 ล้านบาท ช่วยฟื้นนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่ง

November 18th, 2011 No comments

จากภาพ… มร. หยาง หัว (ซ้าย) ประธานกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด และนายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช (ขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ประกาศความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย ในการออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ด้วยการมอบอุปกรณ์เน็ตเวิร์คมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมบริการติดตั้งฟรี และรับประกันสินค้านาน 1 ปี เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือภายหลังจากนิคมฯ ทั้ง 7 แห่งได้รับความเสียหายจากมหาอุทกภัย

บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด จับมือร่วมกับหัวเว่ย ผู้นำด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกาศมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับภาคอุตสาหกรรมหลังน้ำท่วม มอบอุปกรณ์ Ethernet LAN switch จำนวน 300 ชุด พร้อมเตรียมโซลูชันพิเศษอื่นๆ สำหรับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย เพื่อฟื้นฟูกิจการให้กลับมาดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

มร. หยาง หัว ประธานกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท จำกัด กล่าวว่า “หัวเว่ย เอนเตอร์ไพรส์ตระหนักดีถึงผลกระทบจากภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเหตุภัยพิบัติร้ายแรงครั้งใหญ่ของประเทศไทย ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมากแก่ภาคอุตสาหกรรม ในโอกาสนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายโซลูชันเอนเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในการนำเสนอมาตรการฟื้นฟูเร่งด่วน เพื่อจัดหาโซลูชันที่สอดรับกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ให้พลิกฟื้นสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด อันจะเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในอีกทางหนึ่งด้วย”

มาตรการนี้มุ่งให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม ในรูปของการมอบอุปกรณ์อีเธอร์เน็ต แลน สวิทช์ รุ่น Huawei Quidway S2700 Series จำนวน 300 ชุด เพื่อทดแทนอุปกรณ์ที่ได้รับความเสียหาย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงชิ้นนี้ สามารถช่วยเชื่อมโยงระบบเครือข่ายเข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ใช้งานง่าย และยังประหยัดพลังงานอีกด้วย

จะให้บริการติดตั้งอุปกรณ์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายหลังจากที่ได้ประเมินความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมแล้ว โดยอุปกรณ์ทุกชิ้นอยู่ภายใต้การรับประกันหนึ่งปี ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามลำดับการร้องขอ บริษัทที่สนใจสามารถติดต่อหัวเว่ยและเดอะแวลลูซิสเตมส์เพื่อขอรับอุปกรณ์ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ได้ทางสายด่วน 0-2661- 6666 ต่อ 1471 หรืออีเมล huawei@value.co.th

นอกจากนี้ บริษัทที่ได้รับความเสียหาย และต้องการขอรับความช่วยเหลือในด้านอื่น นอกเหนือจากอุปกรณ์ แลน สวิทช์ ยังสามารถติดต่อหัวเว่ยและเดอะแวลลูซิสเตมส์เพื่อสอบถามรายละเอียดของโซลูชันพิเศษอื่นๆ ได้ตลอดไปจนถึงช่วงต้นปี 2555

นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “แวลลูฯ รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” และความร่วมมือกับหัวเว่ยในครั้งนี้ ก็ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้เข้าไปช่วยฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบใน 7 นิคมอุตสาหกรรมใหญ่ ได้แก่ โรจนะ, ไฮเทค, สหรัตนนคร, บางปะอิน, นวนคร, บางกะดี และแฟคตอรี่แลนด์ เพียงขอให้แต่ละโรงงานนำสวิทช์ตัวเก่าทีได้รับความเสียหาย มาแลกกับสวิทช์ตัวใหม่ของหัวเว่ยโดยทางบริษัทฯ จะส่งทีมงานเข้าไปให้บริการติดตั้งฟรีถึงที่โรงงาน พร้อมรับประกันตัวสินค้าให้อีกเป็นเวลา 1 ปีเต็ม นอกจากนี้ หากโรงงานในนิคมฯ ที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องการซื้อสินค้าด้านระบบเครือข่ายเพิ่มเติม บริษัทฯ ยินดีที่จะจำหน่ายให้ในราคาพิเศษสุดอีกด้วย”

อนึ่ง โครงการ “แวลลูฯ รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยได้ร่วมบริจาคเงินจำนวน 500,000 บาท และน้ำดื่ม ECS 10,000 ขวดให้แก่ ท่าอากาศยานดอนเมือง และยังได้มอบอาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทานรวมทั้งสิ้น 8,700 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม 360 ขวดให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กองทัพภาคที่ 3

นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือมูลค่าราว 10 ล้านบาทนี้ หัวเว่ย ประเทศไทยยังได้ร่วมช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยการบริจาคเงินจำนวน 5 ล้านบาท และอุปกรณ์เทเลเพรสเซนส์ สำหรับการสื่อสารทางไกล มูลค่า 15 ล้านบาท เพื่อสมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย นอกจากนี้ พนักงานบริษัทฯ ได้ร่วมกันบริจาคเงินจำนวน 50,000 บาทแก่สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือในอีกทางหนึ่งด้วย

View :1466

ก.ไอซีที ตั้งศูนย์ประสานการกำกับ ติดตาม ประสานงานและการสื่อสารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

November 17th, 2011 No comments

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี เรื่อง การมอบหมายความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยให้ปฏิบัติหน้าที่กำกับ ติดตาม ประสานงานและการสื่อสาร พร้อมให้รายงานการปฏิบัติงานต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้งแจ้งให้ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ทราบทุกวันนั้น กระทรวงไอซีที จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานการกำกับ ติดตาม ประสานงานและการสื่อสารขึ้น เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานหลักที่ปฏิบัติภารกิจต่างๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย 8 ด้าน คือ 1. การดูแลสถานที่สำคัญ 2. การดูแลพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สาธารณูปโภค และเส้นทางคมนาคม 3. การอพยพผู้ประสบภัย 4. การจัดหาและการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค 5. การระบายน้ำสู่ทะเลและการบำบัดน้ำเสีย 6. การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและการจราจร 7. การช่วยเหลือชาวต่างประเทศ สถานทูต และองค์กรระหว่างประเทศ และ 8. การประชาสัมพันธ์

สำหรับแนวทางการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานงานฯ กระทรวงไอซีที นั้น ได้มีการจัดกลุ่มหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงฯ 8 กลุ่ม เพื่อรับผิดชอบประสานงานกับหน่วยงานหลักที่ปฏิบัติภารกิจทั้ง 8 ด้านเกี่ยวกับการสรุปผลการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายและข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรายงานความพร้อมของทรัพยากรที่จำเป็นและแผนการจัดหาให้เพียงพอ ตามการคาดการณ์ความต้องการใช้ ตลอดจนรายงานปัญหาอุปสรรคและข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน รวมถึงข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานของ ศปภ. โดยหลังจากได้รับรายงานสรุปจากหน่วยงานต่างๆ แล้ว ศูนย์ประสานงานฯ กระทรวงไอซีที จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานสรุปภาพรวมเพื่อเสนอต่อผู้บริหาร และรายงานให้นายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทราบเป็นประจำทุกวัน

และเพื่อให้การดำเนินการของศูนย์ประสานฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงไอซีที ได้จัดทำระบบ resource pool ซึ่งรวมฐานข้อมูลผู้ประสานงานหลักที่รับผิดชอบสนับสนุนทรัพยากร (resource) ในแต่ละเรื่องเอาไว้ เพื่อให้หน่วยงานสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็วเมื่อมีความต้องการการสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการบริหารจัดการศูนย์อพยพ ระบบบริหารจัดการสิ่งของรับบริจาค และระบบการช่วยเหลือขึ้น โดยจะนำขึ้นเว็บไซต์เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจต่างๆ ได้นำไปใช้ประโยชน์อีกด้วย

View :1438

รีเสิร์ช อิน โมชั่น เปิดตัว แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 และ แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 สมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุด

November 17th, 2011 No comments

จาการ์ตา, อินโดนีเซีย และ วอเตอร์ลู ออนแทรีโอ – รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – ) (NASDAQ: RIMM; TSX: ) วันนี้ ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนสองรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่® 7 OS – ได้แก่ แบล็กเบอร์รี่® โบลด์™ 9790 และ

แบล็กเบอร์รี่® เคิร์ฟ™ 9380

BlackBerry Curve 9380 Smartphone


สมาร์ทโฟนสองรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมรูปโฉมที่เพรียวบางและทันสมัย และนำเสนอความล้ำหน้าอีกขั้นของฟีเจอร์ด้านการติดต่อสื่อสาร มัลติมีเดีย การทำงาน และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโซเชี่ยล

สมาร์ทโฟนทรงประสิทธิภาพและกะทัดรัด นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานชั้นยอด และความสมบูรณ์แบบด้วยสองคุณประโยชน์จากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงและคีย์บอร์ดอันทรงประสิทธิภาพให้แก่ผู้ใช้งาน ในส่วนของแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในตระกูลแบล็กเบอร์รี่® เคิร์ฟ™ ที่มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด ซึ่งสานต่อการมอบสุดยอดประสบการณ์ด้านโซเชี่ยล การใช้งานที่ง่ายดาย พร้อมขนาดที่เล็กลง อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตระกูลแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ และขณะเดียวกันก็นำเสนอทางเลือกให้แก่ผู้ใช้เคิร์ฟ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและเป็นระบบสัมผัสทั้งหมด

มร. คาร์โล เชียเรลโล รองประธานระดับอาวุโส หน่วยธุรกิจบริหารจัดการผลิตภัณฑ์มือถือ บริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “เรามีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งในการขยายพอร์ตโฟลิโอแบล็กเบอร์รี่ 7 ด้วยผลิตภัณฑ์สองรุ่นใหม่ล่าสุด แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 และแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 ทั้งนี้ แบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนจะมอบประสบการณ์ด้านการติดต่อสื่อสารบนมือถือที่คัดสรรมาอย่างโดดเด่นที่ทุกคนชื่นชอบ และเราคิดว่าลูกค้าของเราจำนวนมากจะตื่นเต้นพอใจไปกับประสิทธิภาพการทำงานที่ฉับไวยิ่งขึ้น ความงามของระบบหน้าจอสัมผัส และรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ซึ่งผสานอยู่ในสมาร์ทโฟนสองรุ่นดังกล่าวที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7”

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส และคีย์บอร์ด

ภายใต้เอกลักษณ์ของแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สมาร์ทโฟนอันทรงพลัง ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม และการขัดเงา มาพร้อมการผสมผสานกันระหว่างหน้าจอระบบสัมผัสแสดงผลด้วยความละเอียดสูงและการตอบสนองฉับพลัน คีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง และแป้นควบคุมด้วยปลายนิ้วสัมผัสที่แม่นยำ ภายใต้รูปลักษณ์ที่แคบลง ซึ่งง่ายต่อการพกพาและมีขนาดพอดีมือ และด้วยการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 และพลังการประมวลผลโปรเซสเซอร์ 1 GHz ทำให้แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สามารถมอบสุดยอดประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว และลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด เหมาะสำหรับการท่องเว็บ การใช้งานแอพพลิเคชั่น การทำงานบนไฟล์เอกสาร และเพลิดเพลินไปกับมัลมีเดีย นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความจำ onboard memory ขนาด 8 กิกะไบต์พร้อมหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD ที่สามารถขยายเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 32 กิกะไบต์

สมาร์ทโฟน พร้อมหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด

แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 ภายใต้รูปลักษณ์ดีไซน์อย่างงดงาม ถือเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอระบบสัมผัสทั้งหมด รุ่นแรกในตระกูลแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ ซึ่งมาพร้อมสุดยอดหน้าจอแสดงผลขนาด 3.2 นิ้ว ที่ให้ความละเอียดสูง และการตอบสนองฉับไว นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คจำนวนมากที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ได้แก่ แอพพลิเคชั่น BBM™ (BlackBerry® Messenger), Facebook®, Twitter™ และ Social Feeds ที่มอบประสบการณ์การใช้งานมือถือที่ครบครัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน การใช้งานง่ายแบบไร้ขีดจำกัด มือถือขนาดกะทัดรัดดีไซน์ทันสมัยรุ่นนี้ ยังมาพร้อมกล้องถ่ายรูปที่ความละเอียดขนาด 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช และระบบบันทึกวิดีโอ ทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพความทรงจำอันหลากหลาย และแชร์ให้กับครอบครัว กลุ่มเพื่อน และผู้ร่วมงานได้อย่างง่ายดาย

สุดยอดระบบปฏิบัติการ แบล็กเบอร์รี่ 7

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 และ แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 รองรับการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ

แบล็กเบอร์รี่ 7 ใหม่ล่าสุด มอบประสบการณ์ที่รวดเร็วและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้งาน ด้วยการใช้งานเว็บ การค้นหาด้วยคำสั่งเสียง และการรองรับ NFC (Near Field Communications) ทั้งหมดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังผสานความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัว ให้แยกออกจากข้อมูลขององค์กร รวมทั้งมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นสำหรับการใช้งานส่วนตัวและในเชิงการทำงานแบบไร้ขีดจำกัดอีกมากมาย

BlackBerry Bold 9790 Smartphone


ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังนำเสนอการยกระดับระบบเว็บเบราว์เซอร์ โดดเด่นด้วยการตอบสนองที่ฉับไว มอบประสบการณ์การท่องเว็บที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย การทำงานของเบราว์เซอร์รูปแบบตัวแปล JIT (just in time) JavaScript ใหม่ล่าสุด ช่วยให้การโหลดข้อมูลของหน้าเว็บเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับความสามารถของ HTML5 เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์และเล่นวิดีโอที่ยอดเยี่ยมที่สุด ยิ่งไปว่านั้น ความสามารถของระบบ Universal Search ยอดฮิต ก็ได้ถูกพัฒนาด้วยความสามารถในการรองรับการค้นหาด้วยคำสั่งใช้เสียง โดยผู้ใช้งานเพียงพูดคำที่ต้องการค้นหา ทั้งการค้นหาข้อมูลภายในตัวเครื่องและเว็บไซต์

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 และ แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 สมาร์ทโฟน มาพร้อมการรองรับ Augmented Reality และ NFC (Near Field Communications) เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในเชื่อมต่อในโลกของการสื่อสารด้วยวิธีการใหม่ๆ มากมาย และด้วยแอพพลิเคชั่น Wikitude Augmented Reality ผู้ใช้งานจะสามารถค้นหาผู้ใช้งาน BBM (BlackBerry Messenger) ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้แบบเรียลไทม์ อ่านคำวิจารณ์ร้านอาหารในพื้นที่ใกล้เคียง หรืออ่านเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไปและจุดที่น่าสนใจของสถานที่สำคัญๆ นอกจากนี้ เทคโนโลยี NFC ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานใหม่ๆ และน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วย ความสามารถในการชำระเงินผ่านมือถือ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม หรือการอ่านแท็ก SmartPoster ง่ายๆ ด้วยการแตะไปบนสมาร์ทโฟน

ยิ่งไปกว่านั้น ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่เป็น preinstalled และความสามารถด้านการทำงานอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อการใช้งานที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น และการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด แอพพลิเคชั่น Documents To Go เวอร์ชั่นพรีเมี่ยม ได้ถูกรวมไว้ ซึ่งสามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยนำเสนอฟีเจอร์แก้ไขเอกสารชั้นยอด รวมทั้งฟีเจอร์สำหรับการเปิดดูเอกสาร PDF แบบต้นฉบับ ทั้งยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่น BlackBerry® Protect แบบพรีโหลด* ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางใจได้ว่าสามารถทำการสำรองข้อมูลส่วนตัว และเก็บรักษาไว้ได้อย่างปลอดภัยบนระบบคลาวด์ แอพพลิเคชั่น BlackBerry® Balance ก็ได้ถูกรวมไว้ในระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้

อย่างเต็มที่ทั้งในเชิงการทำงานและการใช้งานส่วนตัว โดยไม่ต้องกังวลกับความต้องการของเจ้าหน้าที่แผนกไอทีขององค์กร เพื่อระบบการรักษาความปลอดภัยอันล้ำหน้าและการควบคุมนโยบายไอที นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่น Social Feeds (เวอร์ชั่น 2.0) ยังได้ถูกขยายออกให้รวบรวมการอัพเดทจากมีเดียและแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้จัดให้อยู่ในหมวด favorites มารวมอยู่ในหมวดเดียวกันทั้งหมด รวมทั้ง แอพพลิเคชั่น Facebook® for BlackBerry smartphones (2.0) ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Facebook chat และการเชื่อมต่อเข้ากับโปรแกรม BBM ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มเพื่อนบน Facebook ในรูปแบบเรียลไทม์

แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 และ แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 9380 สมาร์ทโฟน จะเริ่มวางจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการทั่วโลกเร็วๆ นี้ โดยรายละเอียดวันการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจากผู้ให้บริการแต่ละรายนั้น จะประกาศให้ทราบทั่วกันร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าของริม

View :1705

ไอดีซีปรับลดการคาดการณ์ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และตลาดพีซีโลกอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในไทย

November 14th, 2011 No comments

มหาอุทกภัยในประเทศไทยนั้นกำลังสร้างความเสียหายอันประเมินค่ามิได้ต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อันเป็นผลจากการที่โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์กว่า 6 โรงงานได้รับความเสียหายต้องหยุดการผลิตไป โดยงานวิจัยฉบับใหม่ของบริษัทวิจัยไอดีซีชี้ว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดการจัดจำหน่ายสินค้าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซีในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ทั่วโลกเช่นกัน

ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้นั้น ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นฐานการผลิตหลักของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ โดยมีจำนวนการผลิตเป็น 40-45% ของโลก แต่หลังจากต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา น้ำที่หลากอยู่ทั่วที่ราบภาคกลางได้ทำให้สายการผลิตเกือบครึ่งต้องหยุดชะงักไป ไม่เพียงแต่โรงงาน และ สายการ ผลิตเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย แต่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ยังส่งผลให้พนักงานไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ และไฟฟ้าเองก็ใช้การไม่ได้ในหลายพื้นที่อีกด้วย ถึงแม้การประเมินความเสียหายทั้งหมดจะยังคงไม่สามารถทำได้จนกว่าระดับน้ำจะลดลง แต่ในขณะนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าอย่างแน่นอน

ความร้ายแรงของภาวะการขาดแคลนครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของอุตสาหกรรมในการฟื้นตัวจากความเสียหายที่มีต่อสายการผลิตในประเทศไทย ไอดีซีเชื่อว่าผู้ผลิตจะฟื้นตัวและกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตให้เป็นปกติได้ในระยะเวลาอันไม่นานนัก แต่อย่างไรก็ตามสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะยังคงขาดตลาดต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นผู้ผลิตสินค้าพีซีควรจะมีแผนรองรับสิ่งต่อไปนี้

• การขาดตลาดของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อย่างรุนแรงตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2554 และส่งผลต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 1 ของปี 2555
• การผลิตสินค้าพีซีส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 นั้นสามารถทำได้โดยการใช้ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีอยู่ในคลังของโรงงาน นั่นทำให้ยอดการผลิตพีซีในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับผลกระทบน้อยกว่า 10% แต่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือยอดการผลิตพีซีในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 นั้นอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 20% ซึ่งนี่คือผลมาจากการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของพีซีนั่นเอง
• ราคาฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะถีบตัวสูงขึ้นเพราะปริมาณสินค้ามีน้อยกว่าความต้องการซื้อ อีกทั้งต้นทุนของผู้ผลิตเองก็สูงขึ้นอันเนื่องมาจากต้นทุนของวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการเร่งขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายในการย้ายฐานการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
• อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และราคาของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะคงที่ภายในเดือนมิถุนายน โดยสิ่งต่างๆ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังของปี 2555
• ผู้ผลิตพีซีรายเล็กจะสูญเสียลูกค้าระดับองค์กรให้กับผู้ผลิตรายใหญ่กว่า ซึ่งอาจนำไปสู่การควบรวมกิจการระหว่างผู้ผลิตด้วยกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง

นายจอห์น ริดนิ่ง รองประธานฝ่ายงานวิจัยตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และเซมิคอนดัคเตอร์ของไอดีซีได้แถลงว่า “เพื่อที่จะรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าที่มียอดการสั่งซื้อสูงอย่างเช่นผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ๆ ในขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นไปที่การจัดส่งสินค้าที่มีกำไรสูงซึ่งก็คือสินค้าที่เป็นส่วนประกอบของเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจระดับองค์กร แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์คงไม่สามารถละเลยลูกค้ารายเล็กๆ ได้ เพราะลูกค้าเหล่านี้จะยังคงมีความสำคัญเมื่อกำลังการผลิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว”

“เราน่าจะได้เห็นวิธีการจัดการด้านการผลิตและการทำข้อตกลงกับลูกค้าแบบต่างๆ ที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูกำลังการผลิต และในขณะเดียวกันจะต้องวางแผนที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วย”

ซึ่งนายไบรอัน มา รองประธานฝ่ายงานวิจัยตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของไอดีซีได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ตลาดพีซีในเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดในภูมิภาคอื่นๆ เพราะยอดขายของพีซีที่ประกอบตามร้านนั้นมีปริมาณสูงในภูมิภาคนี้ แต่นั่นก็อาจเป็นโอกาสอันดีของผู้ผลิตพีซีแบรนด์เนมที่สามารถสั่งซื้อฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ได้ในปริมาณมาก ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้”

“การบริโภคสินค้าพีซีภายในประเทศไทยเองก็ยังเป็นคำถามสำคัญ เพราะมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมายตั้งแต่เรื่องของความสามารถในการขนส่งและกระจายสินค้าไปจนถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ แต่เราเคยเห็นตัวอย่างจากในอดีตมาหลายครั้งแล้วว่าตลาดในประเทศไทยมักจะฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และเราก็หวังว่าจะไปเห็นการฟื้นตัวแบบนั้นอีกครั้งหนึ่งในครึ่งปีหลังของปีหน้า”

โดยไอดีซีได้จัดทำงานศึกษาวิจัยที่มีชื่อว่า “The PC Market Is Disrupted By HDD Shortages: The Severity, Resulting Opportunities, And Expected PC Market Reactions” ซึ่งเป็นงานวิจัยที่จะประเมินถึงผลกระทบจากภาวะการขาดแคลนสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อันเกิดจากวิกฤติอุทกภัยในประเทศไทย ที่มีต่อตลาดพีซีในไตรมาส 4 ปี 2554 และในครึ่งปีแรกของปี 2555 ซึ่งได้มีการนำสมมุติฐานในเรื่องของระยะในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และระยะเวลาที่ใช้ในการเพิ่มปริมาณฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในคลังสินค้าให้กลับมาสู่ภาวะปกติเข้าไปในกรอบการวิเคราะห์ อีกทั้งงานวิจัยชิ้นนี้ยังได้ประมาณการณ์ราคาของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

View :1419

ฟูจิตสึเปิดแผนรุกตลาดครึ่งปีหลังมุ่งเจาะตลาดองค์กรพร้อมเน้นเพิ่มยอดขายต่างจังหวัดยิ่งขึ้น

November 14th, 2011 No comments

ฟูจิตสึเชื่อกำลังซื้อกลับมาแน่หลังสถานการณ์น้ำท่วมดีขึ้น พร้อมเปิดแผนเดินหน้าลุยทำตลาดครึ่งปีหลัง โฟกัสตลาดองค์กรเน้นการขายแบบโปรเจค ปูพรมเพิ่มยอดขายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น มั่นใจสร้างธุรกิจเติบโต 30-40% พร้อมประกาศแคมเปญ 123 ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางธุรกิจโน้ตบุ๊กระดับโลก หลังครองผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พกพาอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น

นายวรวุฒิ โกศลกิจวงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอเชีย แปซิฟิก จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นผลการดำเนินธุรกิจ (เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2554) ที่ผ่านมาของฟูจิตสึ โน้ตบุ๊ก ในตลาดเมืองไทยนั้นมีการเติบโตขึ้นถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินธุรกิจช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยฟูจิตสึมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 1-2% สำหรับแผนการรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ทางบริษัทจะเน้นไปเจาะตลาดองค์กรในลักษณะของโปรเจคมากขึ้น รวมทั้งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นด้วย

นายวรวุฒิ โกศลกิจวงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิก จำกัด


สำหรับกลยุทธ์และกิจกรรมทางการตลาดที่จะใช้เจาะตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ในส่วนของรีเทลทางบริษัทจะเน้นทำยอดขายโน้ตบุ๊กรุ่นหน้าจอ 14 นิ้วเป็นหลัก และจะมีการขยายช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น ส่วนตลาดองค์กรจะเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่น MIJ (Made in Japan) ทั้งหมด รวมไปถึงการทำตลาดแท็บเลต ซึ่งตอนนี้เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง พร้อมทั้งวางแผนการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น และเน้นในส่วนของโรดโชว์ตามตึกไอที โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด

ในด้านของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายอีกหลากหลายรุ่น โดยมีรุ่นไฮไลต์ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย คือ ฟูจิตสึ ไลฟ์บุ๊ก SH771 โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด จนกลายเป็นโน้ตบุ๊กที่บางเบามากขึ้น ด้วยน้ำหนักเพียง 1.22 กิโลกรัม ยิ่งไปกว่านั้นยังตอบสนองการทำงานได้ยาวนานกับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้ได้นานถึง 18 ชั่วโมง ที่สำคัญฟูจิตสึยังคงยึดมั่นในเรื่องของรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะวัตถุดิบที่นำมาทำแบตเตอร์รี่เป็นรีไซเคิล รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ยังคงประสิทธิภาพอย่างสูงสุด

“เราตั้งเป้าหมายในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องรักษาอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 30-40% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2%” นายวรวุฒิ กล่าวและเพิ่มเติมว่า “แนวโน้มการแข่งขันครึ่งปีหลังในตลาดคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กหน้าจอ 14 นิ้ว จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของราคาที่จะลดลงต่ำมาก ทางฟูจิตสึจึงมีการเพิ่มน้ำหนักให้กับตลาดองค์กรมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้”

ส่วนผลกระทบที่เกิดจากภาวะน้ำท่วมใหญ่นั้น นายวรวุฒิ กล่าวว่าอาจจะมีผลกระทบกับยอดขายโดยรวมของฟูจิตสึบ้าง เนื่องจากตลาดหลักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าลดลงประมาณ 20% อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากำลังซื้อจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาสถัดไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ จะมีผลให้ค่ายคอมพิวเตอร์มีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าปัจจุบันยังคงราคาจำหน่ายเดิมอยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขาดตลาด ทำให้การผลิตโน้ตบุ๊กได้ไม่เพียงพอกับความต้องการตลาด

จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศครั้งนี้ ทางฟูจิตสึได้มีการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยสามารถนำเครื่องโน้ตบุ๊กเข้ามารับบริการได้ที่ศูนย์บริการฟูจิตสึ อาคารคิวเฮ้าส์ เพลินจิต ซึ่งจะไม่คิดค่าบริการซ่อมสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

นอกจากนี้นายวรววุฒิ ยังได้กล่าวถึงแคมเปญใหม่ล่าสุดของฟูจิตสึ คือแคมเปญ 123 ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดโน้ตบุ๊กของโลกในโอกาสที่ฟูจิตสึได้ครองอันดับ 1 ในญี่ปุ่น โดยฟูจิตสึได้รับรางวัลให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น จากสถาบัน International Data Corporation หรือ IDC และฟูจิตสึยังมีประวัติศาสตร์ด้านการผลิตแท็บเลต ตั้งแต่สมัยแรกที่คอมพิวเตอร์แบบพกพาเพิ่งเป็นที่นิยม โดยในปี 1991 ฟูจิตสึได้ออกผลิตภัณฑ์พ็อกเก็ตพีซีเป็นเครื่องแรก และในปี 2011 นี้ฟูจิตสึได้เปิดตัว พีซีพกพาหน้าจอสัมผัส STYLISTIC Q550 เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ slate ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2011 ถือเป็นปีครบรอบที่ฟูจิตสึได้ผลิตและพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาครบ 30 ปี ตั้งแต่ปี 1981 ฟูจิตสึได้เติบโตเคียงข้างกับลูกค้าและได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองทุกความต้องการ ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหลากหลายรุ่น แต่ละรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับแนวหน้าและที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในตอนท้ายนายวรวุฒิ ยังได้แนะนำ นางสาวบริจิต ผลดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ของ บจก.ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิค ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลเรื่องการตลาดทั้งหมดและกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะผลักดันและเพิ่มยอดขายให้กับฟูจิตสึ

View :1400