Archive

Archive for November, 2011

“ดาต้าโปรคอมพิวเตอร์ซิสเต็มส์” ช่วยองค์กรธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมให้ใช้ระบบ HR-Payroll ฟรี 6 เดือน

November 14th, 2011 No comments

บริษัท จำกัด (DCS) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (Total Enterprise IT Solution Provider) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือองค์กรธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งส่งผลให้ระบบงานบริหารงานทรัพยากรบุคคลและระบบเงินเดือน (HR-Payroll) ขององค์กรนั้นเกิดความขัดข้องและได้รับความเสียหาย โดยบริษัท จำกัด จะให้การสนับสนุนให้ใช้ระบบ HR-Payroll ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ระบบงานดังกล่าว เป็นระบบงานบริหารงานทรัพยากรบุคคลและเงินเดือน เหมาะกับองค์กรธุรกิจที่มีพนักงานจำนวน 300 คนขึ้นไป โดยเป็นการใช้งานผ่านระบบ Internet และข้อมูลทั้งหมด จะได้รับการดูแลอยู่บน Data Center ของ DCS ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 27001 เรื่องความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมการให้บริการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 20000 เรื่องการให้บริการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทำให้องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่า ข้อมูลทั้งหมดจะได้รับความปลอดภัย และมีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและดูแลตลอดระยะเวลาการใช้งาน ระบบงาน HR-Payroll พัฒนาขึ้นโดยบริษัท ดาต้าโปรคอมพิวเตอร์ซิสเต็มส์ จำกัด ที่ออกแบบระบบงานให้สามารถใช้งานได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว สามารถนำข้อมูลมาคิดคำนวณให้อย่างเบ็ดเสร็จ ตามเงื่อนไขที่หลากหลายของการทำงานของพนักงาน อาทิ กะการทำงาน การคำนวณภาษี เงินชดเชย เป็นต้นองค์กรธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม สามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนได้ที่ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 0 2684 8484 ต่อ 792

View :1737

ทรูรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2554

November 14th, 2011 No comments

รายได้ของกลุ่มเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของทรูออนไลน์และทรูมูฟ รวมทั้งรายได้จากทรูมูฟ เอช

บมจ. คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2554 รายได้จากการให้บริการโดยรวมเติบโตแข็งแกร่ง ทรูออนไลน์มีราย
ได้เติบโตต่อเนื่อง และยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ใหม่สุทธิเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะรายได้กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สาย เพิ่มขึ้นจากรายได้และผลประกอบ
การที่ดีของทรูมูฟ การเปิดให้บริการทรูมูฟ เอช อย่างเป็นทางการ และการรวมผลประกอบการของฮัทช์ รวมทั้ง รายได้จากการรับทำการโฆษณาของทรูวิชั่นส์เติบโตแข็งแกร่งจาก ไตรมาสที่ผ่านมา

ในไตรมาส 3 ปี 2554 กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวม (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ IC) 14.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากบริการบรอดแบนด์ และกลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สาย หรือกลุ่มทรูโมบายล์ อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ทรูมีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือEBITDA 4.3 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อย (ร้อยละ 0.8) จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการเปิดตัวบริการทรูมูฟ เอช

ผลการดำเนินงานปกติ (NIOGO) ไม่รวมภาษีเงินได้รอตัดบัญชี ปรับลดลงเป็นขาดทุน550 ล้านบาท จาก EBITDA ที่ลดลงและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ทรูรายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1.4 พันล้านบาท รวมผล ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น671 ล้านบาท ในการแปลงค่าหนี้สินต่างประเทศเป็นเงินไทย (Mark to Market) ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “การเติบโตอย่าง แข็งแกร่งของรายได้จากการให้บริการโดยรวมของกลุ่มทรู ในไตรมาส3 แสดงถึงความสำเร็จของยุทธศาสตร์ การเป็นผู้นำบริการบรอดแบนด์ทั้งบนโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ ทรูออนไลน์ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป ด้วยการเปิดบริการมาตรฐานความเร็วใหม่ที่ให้ความคุ้มค่า สูงสุดในตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิอย่างมาก รวมถึงการเปิดตัวบริการ Ultra Wi-Fi ความเร็ว สูงสุด 100 Mbps ขณะที่รายได้บริการที่ไม่ใช่เสียง ของทรูมูฟทั้งแบบรายเดือนและแบบเติมเงินเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายข้อมูล รวมทั้งยอดขายสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยผลักดันให้ปริมาณการใช้งานโมบายล์อินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น”

“ความได้เปรียบจากการก้าวเป็นผู้ให้บริการ 3G รายแรกในไทยของกลุ่มทรูโมบายล์ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังเปิดบริการ 3G+ อย่างเป็นทางการภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งแคมเปญ FREEYOU ได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างดีและคาดว่าการขยายบริการทรูมูฟ เอช ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จะช่วยเร่งการขยายฐานลูกค้าให้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

สำหรับทรูวิชั่นส์ รายได้จากการรับทำการโฆษณาในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากความทุ่มเทของ ทีมขายใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญ ขณะที่กระแสความนิยมในรายการทรู อคาเดมี แฟนเทเซีย 8 เป็นปัจจัยหลักที่เพิ่มรายได้จากบริการของทรูวิชั่นส์ในไตรมาสนี้” นายศุภชัยกล่าว

กลุ่มทรูโมบายล์ ประกอบด้วย ทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช และฮัทช์ มีรายได้จากการให้บริการ ไม่รวมค่า IC จำนวน 7.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของทรูมูฟ รายได้ที่เพิ่มขึ้นใหม่จากทรูมูฟ เอช และการรวมผลประกอบการของฮัทช์

ทรูมูฟ มีรายได้จากการให้บริการ ไม่รวมค่า IC จำนวน 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 จากไตรมาส 3 ปีก่อนหน้า จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของบริการเสียงจากบริการแบบเติมเงิน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 จากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา) ซึ่งเป็นผลจากการขยายโครงข่าย (ส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และโปรโมชั่นใหม่ๆที่เปิดตัว ในช่วงครึ่งปีแรก ตลอดจนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริการที่ไม่ใช่เสียง ทั้งจากบริการแบบเติมเงิน และแบบรายเดือน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 และ ร้อยละ 101 จากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา ตามลำดับ)

ในไตรมาส 3 ปี 2554 ทรูมูฟและทรูมูฟ เอช มียอดผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิรวมทั้งสิ้น 236,000 ราย ซึ่งทำให้จำนวนผู้ใช้บริการรวมของกลุ่มทรูโมบายล์เพิ่มขึ้นเป็น 18.6 ล้านราย

ทรูออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากความสำเร็จของแคมเปญใหม่ Ultra hi-speed Internet (ความเร็ว 7-100 Mbps) การเปิดบริการ Wi-Fi ความเร็ว 8 Mbps และบริการ UltraWi-Fi (ความเร็ว 100 Mbps) รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ เทคโนโลยี DOCSIS 3.0 จากการขยายโครงข่ายครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก6 จังหวัด รวมพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 16 จังหวัด โดยในไตรมาสนี้ ทรูออนไลน์สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิได้ถึง 47,000 ราย ทำให้มีจำนวนลูกค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านราย

ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา และไตรมาสก่อนหน้า ตามลำดับ จากความสำเร็จของรายการทรูอคาเดมี แฟนเทเซีย 8 และรายได้จากการรับทำการโฆษณาจำนวน191 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33.7 จากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายของทีมขายที่มีความชำนาญงาน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการแข่งขันและการลักลอบใช้สัญญาณ ทำให้ทรูวิชั่นส์มีจำนวนผู้ใช้บริการลดลงเล็กน้อยเป็น 1.68 ล้านรายในไตรมาสนี้

นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2554 บริษัทชำระคืนหนี้ระยะยาว ทั้งสิ้น 3.8 พันล้านบาท (ไม่รวมสัญญาเช่าการเงิน) และมีหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้นทั้งสิ้นประมาณ 11.1พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้ของทรูออนไลน์และกลุ่มทรูโมบายล์รวมทั้งเพื่อขยายธุรกิจ โดยเฉพาะบริการ Ultra hi-speed Internet และ 3G นอกจากนี้ กลุ่ม ทรูโมบายล์ยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสินเชื่อระยะยาวจำนวนทั้งสิ้น 48.9 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งใช้เพื่อซื้อคืนหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ของทรูมูฟในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า “แม้บริษัทจะมีหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ เพื่อลงทุนในธุรกิจหลักที่มีการเติบโตสูง
ทั้ง ทรูมูฟ เอช และ Ultra hi-speed Internet บนเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 อย่างไรก็ตามธุรกิจดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสนับสนุนกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ในการขยายฐานลูกค้าระดับบน และเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว ทั้งนี้ การซื้อคืนหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ของทรูมูฟ ช่วยให้สถานภาพทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ ลดความเสี่ยงทางการเงินและความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน”

View :1331

เอชพีเดินหน้าสานต่อธุรกิจพีซีต่อไป

November 10th, 2011 No comments

เอชพียืนยันดำเนินธุรกิจกลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าที่เหนือกว่าให้กับทั้งลูกค้าและผู้ถือหุ้น

ประกาศว่า ได้ทำการศึกษาการประเมินทางเลือกเชิงกลยุทธ์สำหรับกลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ (พีเอสจี) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตัดสินใจที่จะยังคงกลุ่มธุรกิจพีเอสจีให้เป็นส่วนหนึ่งเอชพีต่อไป

นางเม็ก วิทแมน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอชพี กล่าวว่า“เอชพีได้ทำการประเมินอย่างถี่ถ้วนถึงผลกระทบทางด้านกลยุทธ์ ด้านการเงิน และด้านการดำเนินงานในการแยกกลุ่มธุรกิจพีเอสจี และหลังจากการวิเคราะห์ของเราเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการรักษากลุ่มธุรกิจพีเอสจีไว้กับเอชพีเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้า พันธมิตรคู่ค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงานของเราเอชพีมุ่งมั่นที่จะทำให้กลุ่มธุรกิจพีเอสจีเติบโตไปพร้อม ๆ กับเอชพีอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น”

การศึกษาทบทวนกลยุทธ์ในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ทั้งด้านธุรกิจและการปฏิบัติงานจากข้อมูลที่นำไปสู่การประเมินผลเพื่อการตัดสินใจชี้ให้เห็นว่าการบูรณาการเชิงลึกเกิดขึ้นในทุกส่วนของการดำเนินงานหลัก ๆ เช่นด้านซัพพลายเชน ระบบไอที และระบบจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งยังให้ข้อมูลโดยละเอียดถึงระดับความสำคัญที่กลุ่มธุรกิจพีเอสจีมีต่อพอร์ทโฟลิโอโซลูชั่นของเอชพี และคุณค่าของแบรนด์เอชพีโดยองค์รวม โดยสรุปผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าต้นทุนในการสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาสูงเกินกว่าประโยชน์ทั้งหมดที่จะได้รับจากการแยกส่วนธุรกิจออกไป

ผลลัพธ์จากการประเมินทางเลือกในครั้งนี้ ยังตอกย้ำโมเดลธุรกิจของเอชพี และคุณค่าสำหรับลูกค้าและผู้ถือหุ้น กลุ่มธุรกิจพีเอสจีนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของกลยุทธ์ของเอชพี ในการนำเสนอคุณค่าที่เหนือกว่า ความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกับผู้บริโภค ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง และองค์กรขนาดใหญ่

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารของเอชพีมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มธุรกิจพีเอสจีจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไร ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรขนาดใหญ่ขึ้น และช่วยผลักดันโซลูชั่นของหน่วยธุรกิจอื่น ๆ ของเอชพี

กลุ่มธุรกิจพีเอสจี มีประวัติความเป็นผู้นำทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงด้านความสามารถในการทำกำไรระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ ยังเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอันดับ 1 ของโลก ด้วยรายได้ 40.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2553

มร. ทอดด์ แบรดลี่ย์ รองประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ เอชพี กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเอชพี กลุ่มธุรกิจพีเอสจีจะยังคงนำเสนอทั้งลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยประโยชน์จากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และพอร์ทโฟลิโอขนาดใหญ่ที่สุดของวงการ ทั้งพีซี เวิร์คสเตชั่น และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมาก โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจพีซีชั้นนำระดับโลกให้ดียิ่งขึ้น”

View :1460

แอลจี เปิดตัวสมาร์ทโฟน LG Optimus Sol และ Optimus Hub

November 10th, 2011 No comments

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ในตระกูลออพติมัส ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.3 ได้แก่ ดีไซน์หรู เพรียวบาง พร้อมประสิทธิภาพที่เหนือชั้น และ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไร้สาย แชร์ไฟล์ได้อย่างสะดวก และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

นายสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์ ก่อนหน้านี้เราได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนหลากรุ่นสำหรับผู้ใช้ในระดับพรีเมี่ยมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในวันนี้เราเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลาง ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่ ยอดเยี่ยมในราคาคุ้มค่า แอลจีจึงนำเสนอ LG Optimus Sol ที่โดดเด่นเหนือสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน ด้วยดีไซน์หรู เพรียวบาง พร้อมหน่วยประมวลผลอันเหนือชั้น และ LG Optimus Hub สมาร์ทโฟนที่ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีไร้สาย สามารถเชื่อมต่อและส่งถ่ายข้อมูลไร้สายได้โดยไม่ต้องผ่านเราท์เตอร์ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าด้วยจุดแข็งดังกล่าวจะทำให้สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี”

LG Optimus Sol

LG Optimus Sol


LG Optimus Sol มาพร้อมดีไซน์หรูล้ำด้วยรูปทรงเพรียวบางเพียง 9.8 มม. แต่ให้ผิวสัมผัสที่หนักแน่นและจับกระชับมือ ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ท่องเว็บและแอพพลิเคชั่นที่รวดเร็วด้วยหน่วยประมวลผล 1 GHz และยังรองรับ Flash 10.1 เพื่อการรับชมมัลติมีเดียอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมหน้าจอ 3.8 นิ้วความละเอียดระดับ WVGA ซึ่งใช้เทคโนโลยี Ultra AMOLED ที่ให้สีสันสว่างสดใส และช่วยลดแสงสะท้อน

LG Optimus Sol มีระบบจัดการพลังงานแบบ idle-based ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะจัดลำดับการประมวลผลโปรแกรมต่างๆ ตามความสำคัญ จึงใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้นสูงสูด 30% และมีโหมด Dark UI ที่จะปรับพื้นหลังของเมนูต่างๆ ให้เป็นสีดำ ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าพื้นสีขาวแบบเดิม จึงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้อง 5 ล้านพิกเซลที่ปรับชัตเตอร์และโฟกัสอัตโนมัติ รวมทั้งถ่ายภาพช็อตต่อช็อตได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มัลติมีเดียอื่นๆ ผ่าน DLNA และ Wi-Fi Direct ได้โดยตรงจากไอคอนบนหน้าจอ

LG Optimus Hub

LG Optimus Hub


LG Optimus Hub มาพร้อมหน้าจอ 3.5 นิ้วความละเอียดระดับ HVGA ที่ให้ความสว่างถึง 550 nit เหนือกว่าสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน จึงให้รายละเอียดของภาพที่คมชัดแม้ใช้งานกลางแจ้ง และสามารถแชร์คอนเทนต์ อาทิ เพลง ภาพยนตร์ และภาพถ่ายได้อย่างสะดวกด้วยฟีเจอร์เชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi Cast ที่แชร์คอนเทนต์แบบไร้สายกับมือถืออื่นๆ ได้รวดเร็วกว่าการใช้งานบลูทูธถึง 10 เท่า และฟีเจอร์ Smart Share UI สำหรับแชร์คอนเทนต์แบบ DLNA กับมือถือและทีวี รวมทั้งฟีเจอร์ On-screen Phone ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถป้อนข้อมูลไปยังมือถือผ่านคอมพิวเตอร์

LG Optimus Hub ยังเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ด้วยระบบจัดการพลังงานแบบ idle-based ซึ่งยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้น 30% นอกจากนี้ยังมีหน้าจอที่ตอบสนองการสัมผัสได้ดียิ่งขึ้น จึงประมวลผลคำสั่งต่างๆ เช่น การพิมพ์ข้อความ และการเล่นเกม ได้อย่างรวดเร็ว

LG Optimus Sol วางจำหน่ายในราคา 10,900 บาท และ LG Optimus Hub ในราคา 7,990 บาท (แถมการ์ดความจำ 2GB ทั้งสองรุ่น) ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th หรือติดต่อศูนย์บริการแอลจี โทร 02-878-5757 หรือหมายเลขโทรฟรี 1-800-545454

คุณสมบัติ
หน่วยความจำภายใน 2GB และรองรับการ์ดความจำภายนอกสูงสุด 32GB
แบตเตอรี่ 1,500mAh / Li-Ion
LG Optimus Sol
รองรับ 3G ความถี่ 900/2100 HSDPA 7.2 Mbps
จอสัมผัส OLED ขนาด 3.8 นิ้ว ความละเอียด WVGA
กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส, กล้องหน้า VGA
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 3.0 High speed, USB 2.0 High speed, WiFi, A-GPS
รองรับไฟล์เสียง MP3/AMR/AAC/AAC+/WAV/AC3
รองรับไฟล์วีดีโอ MPEG-4/ H.263/ H.264/DivX/XviD
LG Optimus Hub
รองรับ 3G ความถี่ 900/2100 HSDPA 3.6 Mbps
จอสัมผัส TFT ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด HVGA
กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 3.0, USB 2.0 High speed, WiFi, A-GPS
รองรับไฟล์เสียง MP3/AMR/AAC/(e)AAC+/WAV
รองรับไฟล์วีดีโอ MPEG-4/ H.264/ H.263

View :1776

ไอบีเอ็มเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ IBM System x3100 M4

November 9th, 2011 No comments

ไอบีเอ็มเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด IBM System x 3100 M4 Express ที่มาพร้อมขุมพลัง Intel Xeon processor E3-1200 Series ด้วยศักยภาพเต็มเปี่ยม เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ในราคาที่คุ้มค่าเท่ากับเซิร์ฟเวอร์ในระดับเริ่มต้น

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มได้เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ และ IBM System x3250 M4 Express มาเป็นพิเศษเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า คุ้มราคา ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ตอบสนองความต้องการใช้งานที่มีเสถียรภาพสูงสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงใน 7 วัน เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจที่กำลังขยายการเติบโต และที่สำคัญเป็นการออกแบบมาตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็ก ด้วยแนวคิดจากการผลิตเซิร์ฟเวอร์ในระดับ high-end ที่เป็นโซลูชั่นสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ อันทรงประสิทธิภาพ

IBM System x3100 M4 Express เป็นเซิร์ฟเวอร์ในตระกูล IBM x86 tower ที่มีขนาดเล็ก 1-socket system ที่มาพร้อมขุมพลังเทคโนโลยีล่าสุด Intel Xeon processor E3-1200 series, ที่ให้ประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 30% สามารถทำงานปริมาณมากเช่น ไฟล์และงานพิมพ์ การให้บริการทางด้านเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการโครงสร้าง และการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์เสมือนในกลุ่มเล็กๆ

ความคุ้มค่าของเซิร์ฟเวอร์ IBM System x 3100 M4 Express ที่ธุรกิจจะได้รับประโยชน์เต็มๆ คือ
• ใช้งานง่าย ช่วยบริหารจัดการงานได้ในระดับดีเยี่ยม
• ประสิทธิภาพเหนือชั้น เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ราคาเดียวกัน
• มีขนาดเล็กประหยัดพื้นที่ สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

IBM System x 3100 M4 Express เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่กำลังมองหาเซิร์ฟเวอร์ที่ให้คุณภาพ พร้อมทั้งความประหยัดคุ้มค่าคุ้มราคา ในราคาพิเศษสุดเพียง 19,300 บาท สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายไอบีเอ็ม หรือ www.bestibmdeal.comith

ไอบีเอ็มยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆนั้นมาช่วยพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และบริการให้คำปรึกษาการดำเนินธุรกิจ ที่เป็นพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี ให้กับกลุ่มองค์กรธุรกิจและภาครัฐ

View :1454

UIH งัดแผน BCM สู้ภัยน้ำท่วม

November 9th, 2011 No comments

และกลุ่มเบญจจินดา โฮลดิ้ง พร้อมบริษัทในกลุ่มงัดแผนสำรองฉุกเฉินใช้ยามวิกฤตการณ์น้ำบุกกรุงฯ สวมหมวก 2 ใบ ทั้งพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตภัยพิบัติ และเป็น Network Service Provider ให้บริการลูกค้าที่ประสบภัย

จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่าง ไล่เรียงลงมากระทั่งน้ำเข้าถึงกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมด รวมถึงบริเวณพื้นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (UIH) แต่ก็มิได้ทำให้ UIH นิ่งนอนใจ ประกาศมาตรการความพร้อมในการรับมือกับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น บริษัทฯ คำนึงถึงการเป็น Network Service Provider (NSP) จึงได้เตรียมความพร้อมในสถานการณ์น้ำท่วม โดยได้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ย้ายพื้นที่ชุมสาย (Node) ที่กระจายอยู่พื้นที่เขตภัยพิบัติ และพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย อีกทั้งเคลื่อนย้ายตำแหน่งการวางอุปกรณ์ให้อยู่บนที่สูง รวมถึงเตรียมเครื่องสำรองไฟและเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับ Node หลัก เพื่อให้สามารถทำงานได้ตามปกติ ในกรณีที่ระบบไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้

2. ทีมงานฝ่ายขาย เตรียมพร้อม Standby เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการคำปรึกษาในการย้ายสำนักงานใหญ่ ไปยัง DR site เพื่อดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง UIH จะช่วยวิเคราะห์เส้นทางที่เหมาะสม เพิ่มความเร็วในการใช้งาน Network หรือ Internet ให้เหมาะกับสถานการณ์ รวมทั้งให้คำปรึกษาบริการต่างๆ ที่น่าจะสามารถช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อาทิ Co-location, VDO Conference, VoIP หรืออื่นๆ

และเพื่อให้การดำเนินการที่กล่าวไปข้างต้นราบรื่น จึงได้นำแผน Business Continuity Management (BCM) มารองรับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการดังนี้

1. ภายในพื้นที่สำนักงานใหญ่ ณ อาคารเบญจจินดา ซึ่งเป็นพื้นที่ในการให้บริการหลักของบริษัทฯ รวมถึง ศูนย์ Network Operation Center บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมดังนี้
- ระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าด้วยเครื่อง Generator ได้จัดสำรองไว้เพื่อให้บริการได้ 2 ชุด โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่พื้นที่ดังกล่าวถูกตัดกระแสไฟฟ้า ท่านลูกค้ายังคงมั่นใจได้ด้วยเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าระบบน้ำมันที่ได้ทำการสำรองไว้อย่างเพียงพอ พร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็วเพื่อปกป้องพื้นที่ส่วนสำคัญเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
- ทีมงาน UIH ทั้งฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่าย Network Management Center ฝ่าย Provisioning รวมถึงฝ่าย Product Development พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือท่านลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

2. ในกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินและไม่สามารถใช้สำนักงานใหญ่ในการดำเนินการได้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการทำงานของระบบ Network Operation Center ไว้ที่ Disaster Recovery Site (DR site) โดยมีระบบไฟฟ้าสำรอง พร้อมด้วยเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าที่รองรับกรณีระบบไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ พร้อมทีมงานทุกฝ่ายยินดีในการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ ณ สำนักงานย่อยชั่วคราวที่ได้จัดเตรียมไว้ และพนักงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนงานจะไปประจำการในสถานที่ดังกล่าว

3. กรณีที่สำนักงานใหญ่ และ DR site ดังกล่าวข้างต้นเกิดผลกระทบและไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ บริษัทฯ จะแต่งตั้งศูนย์บริการของ UIH ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยรวม 24 ศูนย์ ขึ้นเป็นสำนักงานชั่วคราว โดยพิจารณาจากความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์

โดยทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าทุกรายสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นต่อเนื่องเป็นไปอย่างปกติ สามารถให้บริการได้อย่างไม่สะดุด

ทั้งนี้ UIH ขอขอบคุณลูกค้า พันธมิตร ที่แสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ดังกล่าว และให้กำลังใจทีมงาน UIH เสมอมา และขอแสดงความห่วงใยไปยังลูกค้า พันธมิตร ทุกราย

View :1495

ก.ไอซีที จับมือ จุฬาฯ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย พัฒนาระบบ Thai Crisis Planner & Reporter ตรวจสอบสถานการณ์น้ำแทรกซึมผ่านเมือง

November 9th, 2011 No comments


นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ของประเทศไทยในปีนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้รับมอบหมายให้จัดทำระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ ระบบตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วม และระบบศูนย์รวมข้อมูลอุทกภัยไทย เพื่อให้บริการการใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่พื้นฐานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้มีการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านภูมิสารสนเทศ (Geographic Information : GI) ผ่านโครงการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากดาวเทียมอเนกประสงค์ขนาดเล็ก (SMMS) และโครงการจัดทำข้อมูลเชิงพื้นที่ภาพถ่าย มาตราส่วน 1 : 4,000 เพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐมีการประยุกต์ใช้งานระบบบริการแผนที่กลาง (Web Map Portal / GI Portal) ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก บ. ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุนระบบให้บริการภูมิสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำข้อมูลพื้นฐานด้านภูมิสารสนเทศมาใช้งานเพื่อรองรับการบริการข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการนำข้อมูลพื้นฐานด้านภูมิสารสนเทศ (Geographic Information : GI) มาใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ Thai Crisis Planner & Reporter กับระบบบูรณาการข้อมูลของกระทรวงฯ

สำหรับระบบ Thai Crisis นี้ เป็นระบบที่เหล่าคณาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำและหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบการจัดการแหล่งน้ำ รองศาสตราจารย์ชัยยุทธ สุขศรี และอาจารย์ ดร. อนุรักษ์ ศรีอริยวัฒน์ ร่วมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.ไพศาล สันติธรรมนนท์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรรเพชญ ชื้อนิธิไพศาล อาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมสำรวจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ อาจารย์สุภาพร โพธิ์แก้ว ภาควิชาการสื่อสารมวลชน จากคณะนิเทศศาสตร์ ได้ร่วมกันพัฒนาต่อเนื่องมาจาก ระบบ Flood_REST เพื่อใช้เป็น “เครื่องมือช่วยประเมินความเสี่ยงภัยน้ำท่วมด้วยตนเอง” ซึ่งหลังการเปิดตัวระบบ Flood_REST ปรากฏว่า มีผู้ให้ความสนใจและนำระบบไปใช้งานเพื่อประเมินความเสี่ยงภัยน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการพัฒนาระบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น

“ผลของความร่วมมือและบูรณาการในครั้งนี้ จะทำให้มีระบบ Crisis Planner ที่สามารถสนับสนุนการบริหารจัดการวิกฤตสำหรับประชาชนได้กว้างขวางขึ้น ประชาชนจะมีเครื่องมือช่วยประเมินความเสี่ยงภัยน้ำท่วมที่ออกแบบสำหรับผู้วางแผนเตรียมรับมือน้ำท่วม ไปจนถึงการฟื้นฟูกู้วิกฤต ประชาชน ผู้ประกอบการ และส่วนราชการ สามารถใช้ในการประเมินกายภาพ วิเคราะห์ปัญหาน้ำท่วม และวางแผนการกู้และฟื้นฟูบ้านเรือน สถานประกอบการ พื้นที่อุตสาหกรรมในภาพกว้างได้

ส่วน Crisis Reporter จะเป็นเครื่องมือในการติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ด้วยการตรวจจับภาวการณ์ขึ้น – ลงของน้ำท่วมโดยอาศัยการรายงานจากเครือข่ายสังคม ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังการแพร่ขยายวงของน้ำท่วมที่กำลังแทรกซึมสู่กรุงเทพมหานครในขณะนี้ อีกทั้งใช้ติดตามการลดลงของระดับน้ำเพื่อกลับเข้าไปฟื้นฟูหรือเข้าอยู่อาศัยต่อไป” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

สำหรับเว็บไซต์และเครือข่ายสังคมต่างๆ สามารถเข้าเป็นพันธมิตรกับ “Thai Crisis” ได้ โดยการส่งเสริมให้สมาชิกเข้ามารายงานสถานการณ์น้ำ เรียกดูข้อมูลสรุป และนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนรับมือวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการวางแผนฟื้นฟูอีกด้วย โดยเว็บไซต์ หรือเครือข่ายสังคมที่มีอยู่แล้ว จะสามารถเชื่อมต่อและนำเข้ามูลเพื่อบูรณาการกับระบบที่มีอยู่เดิม รวมทั้งเรียกใช้ข้อมูลที่สาธารณชนได้บันทึกเข้ามาในระบบ Thai Crisis และนำไปวิเคราะห์วิจัยได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม ซึ่งขณะนี้ได้มีพันธมิตรที่ให้ความสนใจในระบบ Thai Crisis แล้ว คือ Longdo Map, Thai Flood และ Flood Helps โดยจะนำข้อมูลไปผนวกรวมกับการบริการข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนและสังคมได้เข้าถึงข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

View :1376

โซนี่ อีริคสัน เปิดตัว Sony Ericsson Xperia active สมาร์ทโฟนกันน้ำได้

November 9th, 2011 No comments

บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Sony Ericsson Xperia active สมาร์ทโฟนกันน้ำได้ สามารถใช้งานได้ในขณะที่นิ้วเปียก ด้วยตัวเครื่องขนาดเล็ก กะทัดรัด มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 เวอร์ชั่นล่าสุดและหน้าจอแสดงผลแบบ Mobile BRAVIA® Engine ที่ให้ภาพคมชัดสีสันสดใสเสมือนจริง พิเศษ…ด้วยระบบตรวจอัตราการเต้นของหัวใจที่หน้าจอและรองรับการวัดชีพจรกับเทคโนโลยี ANT+ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง พร้อมให้คุณสนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายด้วยหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว รวมถึงฟังก์ชั่นการถ่ายภาพด้วยกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้แบบ 30 เฟรมต่อวินาที อีกทั้งสามารถชมไฟล์ วีดีโอ Youtube ด้วยความละเอียด ระดับ HD ผ่านมือถือและอัพโหลดไฟล์ผ่านมือถือได้อย่างทันท่วงที ผ่าน 3G 900/2100 MHz ความเร็ว 7.2 Mbps รวมถึงรองรับเครื่องเล่น MP3 และ วิทยุ FM และ Bluetooth เวอร์ชั่น 2.1 รวมถึงให้คุณท่องโลก Social Network Facebook ผ่าน Facebook inside Xperia ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง พร้อมการ์ดหน่วยความจำ 1 GB และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 32 GB โดย Sony Ericsson Xperia active วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 9,990 บาท ตัวเครื่องมีสีดำ และยังแถม Live view เพิ่มให้อีกด้วย มูลค่า 2,990 บาท โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ ร้าน Power Buy , ร้าน TG Phone และ ร้าน Jay Mart หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sethailand

View :1666

“คิงส์ตัน” เปิดตัว SSDNow V200

November 9th, 2011 No comments

บริษัท คิงส์ตัน เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก เปิดตัว SSDNow V200 รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล V Series ที่ให้ผู้ใช้เรียกคืนข้อมูลในคอมพิวเตอร์และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี SSDNow V200 มาพร้อมคุณสมบัติและประสิทธิภาพสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการอัพเกรดและเพิ่มประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในราคาย่อมเยา

SSDNow V200 SATA Rev 3.0 (6Gb/s) มาพร้อมความเร็วเหนือกว่ารุ่น V100 ถึงสองเท่า* (ดูภาพที่ 1) และยังมีราคาต่ำกว่า V100 จึงเป็นหนึ่งในไดรฟ์ SSD ประสิทธิภาพสูงราคาย่อมเยาที่ดีที่สุดในท้องตลาด ณ ตอนนี้1 ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและราคาที่ต่ำกว่านี้ SSDNow V200 จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชเพื่อการอัพเกรดคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ

SSDNow V200 มีให้เลือกทั้งขนาดความจุ 64GB, 128GB และ 256GB และมีให้เลือกทั้งแบบไดรฟ์ SSD อย่างเดียว และชุดอัพเกรดเพื่อการติดตั้งอย่างสะดวกและง่ายดาย โดยชุดอัพเกรดสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปประกอบด้วยไดรฟ์ SSD ซอฟต์แวร์โคลนฮาร์ดดิสก์ วิดีโอสาธิตขั้นตอนการติดตั้งในรูปแบบดีวีดี สายเคเบิล (สายข้อมูล SATA และสายไฟ) ขายึดและฮาร์ดแวร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ส่วนชุดอัพเกรดสำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กประกอบด้วยไดรฟ์ SSD ซอฟต์แวร์โคลนฮาร์ดดิสก์ วิดีโอสาธิตขั้นตอนการติดตั้งในรูปแบบดีวีดีและซองหุ้มขนาด 2.5 นิ้วเพื่อการถ่ายโอนข้อมูลและระบบปฏิบัติการจาก HDD ลงสู่ SSD

ไดรฟ์ SSD ของคิงส์ตันรับประกันสามปีพร้อมบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคฟรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.kingston.com/thailand/flash/default.asp

* คะแนนจากผลการทดสอบ AS SSD Benchmark ของ of SSDNow V200 128GB (257) เปรียบเทียบกับ V100 128GB (144)
ระบบที่ใช้ในการทดสอบ: มาเธอร์บอร์ด Intel D67BG; Intel 2500K CPU; Kingston ValueRAM 4GB DDR3 1333MHz; กราฟิกการ์ด EVGA GTX550TI; Windows 7 Ultimate 64-bit พร้อมไดรฟ์เวอร์และแพทช์รุ่นล่าสุด
1 เปรียบเทียบราคาราคาตั้งจากโรงงาน (Manufacturing Suggested Retail Price: MSRP) ของ SSDNow V100 128GB ขณะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553

View :1753
Categories: Technology Tags:

กลุ่มทรู ยืนยันความมั่นใจด้านเครือข่าย พร้อมช่วยลูกค้าวิกฤตน้ำท่วมเต็มที่

November 9th, 2011 No comments


นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารบริษัท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (คนกลางแถวยืน) พร้อมคณะผู้บริหารกลุ่มทรู และพนักงาน ยืนยันความมั่นใจด้านเครือข่ายและบริการให้ลูกค้าใช้งานสื่อสารได้ต่อเนื่องเต็มประสิทธิภาพ พร้อมประกาศให้ลูกค้าในพื้นที่ภัยพิบัติ โทรแจ้งความ
ประสงค์ขอระงับสัญญาณชั่วคราว และขยายเวลาชำระค่าบริการรายเดือนแก่ลูกค้าในกลุ่มทั้งทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช และฮัทช์ ทรูออนไลน์ทั้งโทรศัพท์บ้าน และอัลตร้า
ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต ตลอดจน เคเบิ้ลทีวี-ทรูวิชั่นส์ ถึง 30 พฤศจิกายน 2554 ทั้งยังกระจายตั้งจุดให้บริการช่วยเหลือเร่งด่วนในพื้นที่ประสบภัย ให้ประชาชนโทรฟรี
ทุกเครือข่าย ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี และติดตามข่าวสารจาก ทรูวิชั่นส์ได้ตลอด 24ชั่วโมง รวมทั้งนำทีมอาสาสมัครพนักงานทรู จัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
Search & Rescue โดยแบ่งทีม ค้นหาและช่วยเหลือเพื่อนพนักงานและครอบครัวผู้ประสบภัย ตามพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย

View :1553
Categories: ภาพข่าว Tags: