Archive

Archive for January, 2012

เชื่อมั่น UIH บริการอย่างมีคุณภาพในทุกสถานการณ์

January 26th, 2012 No comments

วางแผนความพร้อมรับมืออุบัติภัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยมาตรการระดับสูงสุดสำหรับทุกเหตุการณ์ เพื่อปกป้องโครงข่ายสื่อสารของลูกค้าทุกราย ให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องหากเกิดภัยพิบัติ พร้อมทำงานหนักอยู่เคียงข้างเพื่อให้คำปรึกษา และดำเนินการ จากประสบการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหลายครั้งทั่วประเทศใน 2 ปีที่ผ่านมา

ด้วยสภาวะแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงอย่างกระทันหันสร้างความเสียหายต่อสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในส่วนของภาคธุรกิจ และภาคประชาชนเป็นอย่างมาก จากความไม่แน่นอนของภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลานี้ การเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจึงเป็นความสำคัญที่ต้องคำนึงถึง

บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด หรือ “UIH” ผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงผ่านเครือข่ายใยแก้วนำแสงทั่วประเทศ ให้แก่องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการ เตรียมความพร้อม และการจัดการในภาวะวิกฤติ (Crisis Management) ตลอดจนการจัดทำแนวปฏิบัติการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management หรือ BCM) เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าหากเกิดภัยพิบัติที่ร้ายแรง UIH สามารถให้บริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี พร้อมกับอยู่เคียงข้างลูกค้าเพื่อเป็นที่ปรึกษาและดูแลด้านโครงข่ายสื่อสารในทุกสถานการณ์ เพื่อให้ลูกค้าทุกรายของ UIH สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่น โดย พันเอกเรืองทรัพย์ โฆวินทะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด กล่าวว่า

“เราต้องวางมาตรการและมาตรฐานในส่วนของการจัดการในภาวะวิกฤติ หรือ Crisis Management และทบทวนแนวการปฏิบัติการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ หรือ Business Continuity Management (BCM) โดยมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้เหมาะสมกับสถานการณ์

โดยนำมาตรการที่เหมาะสมที่ได้วางไว้มาใช้กับสำนักงานและชุมสายของ UIH ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดผล กระทบกับลูกค้าของ UIH ทั้งโครงข่ายสื่อสาร อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะบริการ Data Center ให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว เรายังได้ดูแลลูกค้าที่ประสบภัยพิบัติ ในการยกระดับการเชื่อมต่อของ DR site ของลูกค้า ให้เป็นสำนักงานใหญ่ชั่วคราวอย่างทันท่วงที ทีมงาน UIH พร้อมจะเป็นเสมือนทีมงานของลูกค้า

โดยแบ่งปันประสบการณ์ในรูปแบบการให้คำปรึกษา และร่วมวางแผนกับลูกค้า โดยไม่ได้แบ่งว่าเป็น Network ของ UIH หรือ Network ของลูกค้า แต่เราจะมองเป็นองค์รวมว่าเป็น Network ของเราทั้งคู่ เพื่อช่วยกันและกันในการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจเพื่อจัดการด้าน Network ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และธุรกิจของลูกค้าดำเนินไปโดยไม่สะดุด

จากประสบการณ์ในการดำเนินการตามแผนการ BCM ที่ UIH เราได้วางแผนล่วงหน้ากันเอาไว้แล้วนั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีว่าการทำ BCM ทำให้เรามีความเสี่ยงในด้านต่างๆ ลดลงเป็นอย่างมาก และสามารถให้บริการแก่ลูกค้าของเราได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบทเรียนจากวิกฤติมหาอุทกภัยที่ผ่านมาจะเกิดผลกระทบในหลายพื้นที่ UIH พร้อมที่ยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์อย่างมุ่งมั่นให้ลูกค้าจะผ่านทุกวิกฤติไปได้ครับ”

และยังทิ้งท้ายอีกว่า “โดยทั้งหมดนี้ UIH มุ่งหวังให้ธุรกิจของลูกค้าทุกรายสามารถดำเนินการได้อย่าง ราบรื่น ไม่สะดุด และไว้วางใจใช้บริการของ UIH ตลอดไป โดยเราสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนคุณในทุกสถานการณ์”

View :2601
Categories: Cloud Computing, Technology Tags:

โซนี่ อีริคสัน โชว์เหนือยกทัพสุดยอดสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia กว่า 10 รุ่น ร่วมงาน Thailand Mobile Expo 2012

January 26th, 2012 No comments

โซนี่ อีริคสัน โชว์เหนือด้วยการยกทัพสุดยอดสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia กว่า 10 รุ่น มาให้เลือกช้อปกันอย่างจุใจในงาน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 29 มกราคม 2012 ณ บูธ โซนี่ อีริคสัน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยไฮไลท์เด่นอยู่ที่ arc s สุดยอดสมาร์ทโฟนกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้นไปอีกระดับด้วยความเร็ว 1.4 กิกะเฮิรตซ์ และ neo v ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็น Best Seller ไปเรียบร้อยแล้ว โดยลูกค้าโซนี่อีริคสันสามารถซื้อและรับสินค้าได้ทันที นอกจากนี้จะได้พบกับ Xperia ray , Xperia Play , Live With Walkman ฯลฯ สมาร์ทโฟนจากโซนี่อีริคสันที่รองรับเครือข่าย 3G ได้ทั้ง 2 ค่ายคือ 900/2100 Mhz และ 850 /2100 Mhz พร้อมโปรโมชั่นสุดว้าวและเลือกรับของสมนาคุณต่างๆอีกมายมาย พบกันได้ที่บูธโซนี่ อีริคสัน ในงาน Thailand Mobile Expo 2012 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sethailand

View :1572

โนเกียโชว์โฉม Nokia Lumia 800 สมาร์ทโฟนบนระบบปฎิบัติการ Windows Phone ครั้งแรกในเมืองไทยในงาน Thailand Mobile Expo 2012

January 26th, 2012 No comments

โนเกียเผยโฉม สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone รุ่นแรกของโนเกีย นำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ออกแบบให้ทุกวันของคุณเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น ในงาน ในระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม 2555 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมเปิดตัวแอพใหม่สุดร็อค Nokia Car Mode สำหรับมือถือระบบปฏิบัติการ Nokia Belle ให้คุณได้เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับเครื่องเสียง Alpine ในรถยนต์ของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ

Nokia Lumia 800


Nokia Lumia 800 ทรงประสิทธิภาพในการใช้งานสังคมออนไลน์และอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและง่ายดาย พรั่งพร้อมด้วยระบบสื่อสารที่ดีเยี่ยม และฟีเจอร์หลักของโนเกีย เช่นความสามารถด้านการถ่ายภาพ และประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ หน้าจอ AMOLED ClearBlack 3.7 นิ้ว ของ Nokia Lumia 800 เชื่อมต่อกับตัวเครื่องได้อย่างสวยงามเพรียวบาง สามารถเข้าสู่สังคมออนไลน์ได้ง่ายเพียงสัมผัสเดียว มาพร้อม Internet Explorer 9 และ processor 1.4 GHz เสริมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์และระบบประมวลผลให้ทำงานได้เร็วขึ้น Nokia Lumia 800 มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมด้วยเลนส์ Carl Zeiss และแชร์ภาพได้ทันที สามารถถ่ายและเล่นวิดีโอคุณภาพ HD หน่วยความจำภายใน 16GB และฟรี SkyDrive หน่วยความจำออนไลน์ เพื่อเก็บรูปภาพและเพลงโปรด

โนเกียยังเปิดตัวแอพใหม่สุดล้ำ “Nokia Car Mode” ที่เกิดจากการผสานเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายของสมาร์ทโฟนและระบบการสั่งการภายในรถยนต์ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว “Nokia Car Mode” เป็นแอพพลิเคชั่นที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนโนเกียเข้ากับเครื่องเสียง Alpine ในรถยนต์ เพื่อให้คุณใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่อยู่บนสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น ระบบแผนที่นำทาง ฟังเพลงโปรด รวมถึงการใช้งานโทรศัพท์ ผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วของระบบเครื่องเสียงรถยนต์ Alpine ICS-X8 เสมือนสั่งงานตรงบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้คุณใช้งานสมาร์ทโฟนโนเกียขณะขับรถได้อย่างปลอดภัยและทรงประสิทธิภาพสูงสุดทั้งนี้ สมาร์ทโฟนที่รองรับ Nokia Car Mode ได้แก่ สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Nokia Belle เช่น Nokia 603, Nokia 700 และ Nokia 701

View :2007

ไอดีซีฟันธง 2555 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับวงการไอทีไทย

January 26th, 2012 No comments

คลื่นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่ไหลบ่ารวมเข้ากับมหาอุทกภัย ได้ส่งผลกระทบใหญ่ต่ออำนาจการซื้อและการลงทุนในประเทศไทย นั่นทำให้ผู้ขายสินค้าและบริการด้านไอที ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น ในการรักษาระดับการเติบโตของรายได้ภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายในอุตสาหกรรมไอซีทีในปี 2555 อย่างไรก็ตามไอดีซียังคงเชื่อว่าระดับการลงทุนขององค์กรใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังพลิกกลับมาสดใสอีกครั้ง

โดยนายอรรถพล สาธิตคณิตกุล ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยและที่ปรึกษา ( Asia/Pacific’s Research Manager for Cross products & Consulting) เผยว่า “ไอดีซีคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายและการลงทุนด้านไอทีจะได้รับแรงหนุนจากการผสมผสานกันของเทคโนโลยีและรูปแบบการประกอบธุรกิจใหม่ๆ ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากที่จะรักษาระดับการขยายตัวของตลาดไอซีที แต่ก็มีเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ smart-devices, consumerization และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ cloud-computing” ซึ่งตัวเลขการคาดการณ์ล่าสุดของไอดีซีแสดงให้เห็นว่าตลาดไอซีทีของไทยน่าจะสามารถเติบโตได้ถึง 10.4% โดยมีมูลค่าตลาด 1.68 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2555

ไอดีซีได้ใช้ข้อมูลที่ได้จากงานศึกษาวิจัยล่าสุด ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการระดมสมองของนักวิเคราะห์ทั้งที่ประจำประเทศไทยและประจำภูมิภาค มาจัดทำเป็นงานวิจัยเรื่องการคาดการณ์ถึงแนวโน้มสำคัญ 10 ประการที่จะส่งผลกระทบมากที่สุดต่อทิศทางของอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศไทยโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

การใช้จ่ายยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในอุตสาหกรรมไอซีทีของไทย

แม้ว่าสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะยังไม่สดใสนักแต่ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2555 การใช้จ่ายจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกภาคส่วนของไอซีที ไม่ว่าจะเป็นตลาด hardware software การบริการด้านไอทีหรือการบริการด้านโทรคมนาคม โดยจะเป็นอีกปีที่การเติบโตหลักมากจากฝั่ง hardware ซึ่งไอดีซีคาดการณ์ว่าตลาดรวมไอซีทีทั้งหมดของไทยจะเติบโต 10.4% ไปสู่ระดับ 1.68 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐได้

การใช้จ่ายด้าน Data จะเป็นพระเอกของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

ไอดีซีคาดการณ์ว่า บริการด้านข้อมูลไร้สาย (mobile data services) จะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดบริการโทรคมนาคมในประเทศไทยเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 15.5% ไปอยู่ที่ระดับ 968 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริการยอดนิยมหนีไม่พ้นด้านมัลติมีเดียทั้งการท่องอินเทอร์เน็ต เข้าเว็บไซต์ ดูวิดีโอ และส่งอีเมล์ผ่านโทรศัพท์มือถือ

Consumerization: นิยามใหม่ของไอที
ตัวเลขการคาดการณ์ล่าสุดของไอดีซีชี้ให้เห็นว่า ในปี 2555 smart-phone และ media-tablet จะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้นทั้งในส่วนของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ระบบ ปฏิบัติการณ์ iOS และ android ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากตลาดเนื่องจากมีฟีเจอร์ที่หลากหลายภายใต้อินเตอร์เฟซที่สวยงามใช้งานง่าย ซึ่งทำให้พนักงานในองค์กรได้เริ่มนำแกดเจ็ทเหล่านี้มาใช้ในที่ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ตามมาก็คือองค์กรต่างๆ ก็ต้องพยายามหาโซลูชันหรือเทคโนโลยีที่จะมารองรับการทำงานร่วมกับแกดเจ็ทที่มีหลากหลายขนาด และ หลากหลายระบบ ปฏิบัติการเหล่านี้ ไอดีซีคาดว่าโซลูชันที่มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมที่สุดคือ client-virtualization และโซลูชั่นที่มีพื้นฐานจาก cloud นอกจากนี้องค์กรต่างๆ ก็ยังเริ่มมองหาทางเลือกเช่น พัฒนาการโซลูชันแบบ non-virtualization ของตัวเอง ใช้ประโยชน์จากโซลูชันแบบ non-virtualization ที่มีขายอยู่ในตลาด หรือแม้กระทั่งนำโซลูชันและเครื่องมือเดิมที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้ให้ครอบคลุมถึงแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้น

ฟ้าสดใสสำหรับ Cloud-Computing
ไอดีซีได้เห็นการพัฒนาเทคโนโลยีและการบริการที่เกี่ยวกับ cloud มาโดยตลอด นับตั้งแต่ cloudเข้ามาสู่ประเทศไทยในปี 2553 ซึ่งในปี 2554 ที่ผ่านมานั้นเหล่าผู้ให้บริการด้านไอที ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการ data center ได้เริ่มนำ cloud ในรูปแบบ infrastructure-as-a-service (IaaS) และ application-as-a-service (AaaS) มาประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจมากขึ้น ถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญที่ช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีของ cloud และเทคโนโลยีหรือการบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนั้นไอดีซีเชื่อว่าในปีนี้องค์กรต่างๆ จะให้ความสนใจกับ cloudมากขึ้น ทั้งองค์กรในภาคการเงิน การสื่อสาร การผลิต และการบริการ ซึ่งบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดน่าจะเป็น Iaas รองลงมาคือ AaaS และ PaaS นั่นเป็นเพราะว่าผู้ให้บริการได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของระบบ cloud ของตัวเองให้รองรับกับความต้องการจากตลาดที่มากขึ้นและหลากหลายมากขึ้นนั่นเอง

เตรียมเปิดประตูบ้านรับ FTTx
การบริการโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านไฟเบอร์ หรือที่เรียกกันแพร่หลายว่า FTTx จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในปี 2555 และจากการที่ภาครัฐและเอกชนต่างก็เพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีนี้ทำให้ FTTx น่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 2 – 3 ปีที่จะถึงนี้ แต่อย่างไรก็ตามความแพร่หลายของ FTTx ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขยายขอบเขตการให้บริการของผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม โดยลูกค้าที่มีกำลังซื้อในระดับสูงน่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่นี้

ศึกระหว่าง PC และ Smart-Devices ยังคงเข้มข้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากกล่าวถึง PC อุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอันดับแรกคือ notebook และdesktop แต่ในปัจจุบันกระแสของ smart-devices (smart-phone และ media-tablet) กำลังทะยานก้าวข้ามกระแสเดิมของ notebook และ desktop ถือได้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ PC ไอดีซีเชื่อว่าทั้งผู้บริโภคและองค์กรต่างๆ ยังคงมีความต้องการใช้ notebook และdesktop อยู่ แต่ในปี 2555 จะเป็นครั้งแรกที่ยอดจัดส่งของ smart- devices (ทั้งหมด 6.7 ล้านเครื่อง) มีจำนวนสูงกว่ายอดจัดส่งของ notebook และ desktop (ทั้งหมด 4.1 ล้านเครื่อง)

ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะหันมาหา Wi-Fi ในขณะที่รอ 3G
ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของไทยได้เริ่มทดสอบให้บริการ 3G มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และด้วยสภาพการแข่งขันด้าน data ที่สูงขึ้นทำให้ผู้ให้บริการบางรายในประเทศได้นำบริการ Wi-Fi มารวมเข้าใน data package เพื่อสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง โดยจุดประสงค์ของการขยายเครือข่าย Wi-Fi ของผู้ให้บริการในไทยไม่ใช่เพียงแค่รองรับความต้องการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการขยายพื้นที่ครอบคลุมให้กว้างขึ้นอีกด้วย ไอดีซีเชื่อว่าในปี 2555 Wi-Fi จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการที่ต้นทุนของการวางระบบบรอดแบนด์ไร้สายนั้นยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้เราน่าจะได้เห็นความร่วมมือที่แนบแน่นมากขึ้นระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต นี่จะช่วยลดภาระในเรื่องของต้นทุนในการปฏิบัติการณ์ให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และช่วยแบ่งเบาภาระของการส่งผ่านข้อมูลผ่านเครือข่าย 3G เพียงอย่างเดียวลงได้ ในขณะเดียวกันผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตก็สามารถเพิ่มรายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายของตนได้ด้วย

Business Continuity และ Disaster Recovery จะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับไอทีในองค์กร
Business Continuity และ Disaster Recovery (BC/DR) ได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว แต่ความนิยมมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นมากในปี 2555 ด้วยอานิสงค์จากความต้องการในการเข้าถึงการบริการแบบ 24×7 ของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความจำเป็นที่จะต้องรับมือกับความเสี่ยง และ ความไม่แน่นอนที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นของภาคธุรกิจนั่นเอง ไอดีซีขอแนะนำให้องค์กรต่างๆ เลือกใช้บริการ BC/DR จากผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ไอดีซีเชื่อว่าความต้องการใช้บริการ BC/DR โดยมากจะมาจากภาคการเงิน การสื่อสาร และภาคการผลิต

มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง: วิธีใหม่ๆ ที่จะร่วมมือกับลูกค้า
การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายและลงทุนด้านไอทีในปี 2555 มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำ โดยองค์กรต่างๆ จะให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ช่วยในการลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเป็นอันดับแรก ความต้องการของลูกค้าทุกวันนี้นั้นหลากหลายมากขึ้น และลูกค้าก็มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น บังคับให้องค์กรต่างๆ ต้องใช้แนวคิดแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการให้ได้ดีและมากที่สุด การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงต้องการมากกว่าแค่การทำ CRM แต่จะต้องหาวิธีเรียนรู้ลูกค้าให้มากขึ้นด้วย เครื่องมือที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ก็คือเครื่องมือด้านไอที ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของลูกค้าที่มีอยู่ในแหล่งต่างๆ รวมทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อให้นำไปสู่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการชี้ชัดให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการกันแน่

ความต้องการที่จะวิเคราะห์ Big Data จะเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลที่มีขนาดมหึมาหรือ big data นั้นถือเป็นหนึ่งในกระแสที่มีการถกเถียงกันในแวดวงไอทีในปัจจุบัน ในระยะหลังนั้นปริมาณของแหล่งข้อมูลได้เพิ่มสูงมากขึ้น ทั้งข้อมูลจากการใช้ notebookโทรศัพท์มือถือ media-tablet social-network และแหล่งข้อมูลที่ให้ข้อมูลแบบ real-time ต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ปริมาณของข้อมูลถีบตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด และก็ได้มีเครื่องมือที่สามารถวิเคราห์ข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ได้ ความนิยมของการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อช่วยในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรทั้งในภาครัฐและเอกชนเริ่มลงทุนในการหาเครื่องมือวิเคราะห์ความคิดเห็นจากสังคมออนไลน์ และไอดีซีเชื่อว่าการวิเคราะห์ big data คือเทรนด์ใหม่ที่องค์กรต่างๆ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป

View :1620

ฟูจิตสึส่งไฮไลต์โปรดักส์ “ไลฟ์บุ๊ก SH771” เจาะตลาดไทย

January 25th, 2012 No comments

โน้ตบุ๊กจอ 13.3 นิ้ว รวมที่บางเบาที่สุดแถมแบตเตอรี่ยาวนานกว่า 8 ชม.

ฟูจิตสึเปิดตัว ไลฟ์บุ๊ก SH771 โน้ตบุ๊กขนาด 13.3 นิ้ว ทั้งบางและเบา ด้วยน้ำหนักเพียง 1.22 กิโลกรัม ไลฟ์บุ๊ก SH771 จึงเป็นเครื่องที่บางที่สุดและเบาที่สุดในกลุ่ม LIFEBOOK ที่มาพร้อมกับอายุการใช้แบตเตอรี่ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง

นายวรวุฒิ โกศลกิจวงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟูจิตสึ พีซี เอเชีย แปซิฟิก จำกัด
เปิดเผยว่าทางบริษัทได้เปิดตัว “ฟูจิตสึ ไลฟ์บุ๊ก SH771” ครั้งแรกในตลาดเมืองไทย ด้วยความโดดเด่นทางด้านดีไซน์ใหม่ล่าสุดจากฟูจิตสึที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพการพกพาสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความสมบูรณ์แบบในการใช้ชีวิต ยกระดับคอมพิวเตอร์แบบพกพาไปอีกระดับหนึ่ง ไลฟ์บุ๊ก SH771 ถือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของฟูจิตสึ ที่ให้ความเบาและบางที่สุด ด้วยขนาดหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว พร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง


“ฟูจิตสึเข้าใจถึงความต้องการระหว่างประสิทธิภาพที่สูงสุดและความสะดวกในการพกพาสำหรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ ฟูจิตสึจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ก้าวขีดจำกัดด้านการออกแบบและนวัตกรรมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีและเป็นที่ไว้วางใจสำหรับลูกค้าของเรา” นายวรวุฒิ กล่าวและเสริมว่า “การเปิดตัว ฟูจิตสึ ไลฟ์บุ๊ก SH771 นับเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ไลน์อัพใหม่ที่จะผลักดันการออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไปสู่อีกระดับ”

สำหรับความโดดเด่นของไลฟ์บุ๊ก SH771 นี้อยู่ที่ความบางอย่างมีสไตล์ เบาอย่างเหนือชั้น และเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ไลฟ์บุ๊ก SH771 จึงถูกออกแบบให้เป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2 แกนพับที่บางและเบาที่สุด ด้วยขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว มีน้ำหนักเพียง 1.22 กิโลกรัม ตัวเครื่องที่ทำจากแมกนีเซียม อัลลอยที่เบาและคงทน

ฟูจิตสึยังได้นำเสนอทางเลือกในการใช้งานที่เหมาะสม โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ระหว่าง Intel® Core™ i7 หรือ Intel® Core™ i5 พร้อมรองรับการอัพเกรดฮาร์ดดิสก์ถึง 500GB และหน่วยความจำ 4GB ลูกค้าจึงสามารถมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพระดับสูงสุดและคุณสมบัติด้าน multi-tasking ส่งผลให้ผู้ชั้งานสามารถสนุกกับการทำงานแบบไร้ข้อจำกัดและสนุกกับการท่องอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วกว่าเดิม

นายวรวุฒิ กล่าวว่าในยุคปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่มีแกดเจ็ตพกพาอย่างหลากหลาย ไลฟ์บุ๊ก SH771 จึงมาพร้อมกับคุณสมบัติ USB Anytime Charging และพอร์ต USB 3.0 เพื่อให้ลูกค้าสามารถชาร์จสมาร์ทโฟน เครื่องเกมส์ PSP เครื่องเล่น MP3 และอุปกรณ์อื่นๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา

ไลฟ์บุ๊ก SH771 ยังมาพร้อมกับหน้าจอแบบ SuperFine HD back-light LED ที่มอบความสว่างถึง 300nits รองรับความสามารถด้านมัลติมีเดียอันยอดเยี่ยม ผู้ใช้งานสามารถเต็มอิ่มกับการชมภาพยนตร์ที่ได้อรรถรสสูงสุดด้านไลฟ์บุ๊กรุ่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้นไลฟ์บุ๊ก SH771 มี DTS BoostTM ช่วยสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่คมชัด ด้วยการตัดเสียงรบกวนโดยรอบเพื่ออรรถรสทางเสียงที่สมบูรณ์ รองรับ Intel Wireless Display ให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับโทรทัศน์แบบ HD ได้แบบไร้สาย เพื่อการแบ่งปันรูปภาพหรือวิดีโอกับครอบครัวและเพื่อน หรือเพื่อการใช้งานในการนำเสนอ

นอกจากนี้ไลฟ์บุ๊ก SH771 เน้นถึงเรื่องความปลอดภัยอย่างสูงสุด เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่มาพร้อมกับกับระบบการยืนยันตัวตน เพื่อปกป้องข้อมูลและไฟล์ที่สำคัญ ด้วยระบบเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่มีไฟ LED โดยไฟจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เมื่อสแกนลายนิ้วมือผ่าน โดยไลฟ์บุ๊ก SH771 ใช้เซ็นเซอร์แบบ semi-conductor เป็นคลื่นวิทยุในการจับภาพลายพิมพ์นิ้วมือ เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดทุกครั้ง ทำให้ผู้ใช้สบายใจทุกการใช้งานข้อมูลและไฟล์สำคัญ

ไลฟ์บุ๊ก SH771 ยังล้ำหน้าด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบของฟูจิตสึในปี 2012 “เดอะ ทาคูมิ” ที่เน้นออกแบบให้โน้ตบุ๊กสนองความต้องการใช้งานอย่างสูงสุด ไลฟ์บุ๊ก SH771 จึงโดดเด่นด้วยเส้นโค้งสวยงามเมื่อเปิดหน้าจอ LCD ให้ภาพที่คมชัดทุกมุมมอง สร้างรู้สึกได้ถึงความแตกต่างทันทีที่ได้สัมผัสตัวไลฟ์บุ๊ก SH771

การออกแบบอันโดดเด่นของไลฟ์บุ๊ก SH771 ยังรวมถึงคุณสมบัติ F-line ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และคีย์บอร์ดขนาด 1.7 มม. ด้วยรูปลักษณ์ของคีย์บอร์ดที่ให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์งานได้อย่างยาวนานโดยไม่รู้สึกถึงความเมื่อยล้า คีย์บอร์ดของไลฟ์บุ๊ก SH771 เป็นแบบ double injection ที่ให้สีฟ้าสวยงาม บ่งบอกถึงความหรูหรา นอกจากนั้นไลฟ์บุ๊ก SH771 ยังมาพร้อมกับ touch pad ขนาดใหญ่ และ scroll wheel ที่ให้คุณสามารถท่องเว็บไซต์และดูงานเอกสารได้อย่างง่ายดาย

ฟูจิตสึตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสีเขียว และเพื่อการใช้งานที่ยาวนานขึ้น โดยไลฟ์บุ๊ก SH771 มาพร้อมกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง ด้วยขุมพลัง Intel Huron River แพลตฟอร์ม และชิปเซ็ต HM65 ทำให้เครื่องไลฟ์บุ๊กตอบสนองทุกการใช้งานด้วยปลายนิ้วสัมผัส ในทางกลับกันผู้ใช้สามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้นเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยฟูจิตสึ 0 watt adaptor ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่า 99% เมื่อเทียบกับ adaptor รุ่นอื่นๆ

ฟูจิตสึยึดมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูงให้แก่ผู้บริโภคด้วยการปฏิบัติตามกฎของ European Union’s Restriction of Hazardous Substances directive (RoHS) ที่ฟูจิตสึนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกชนิด นอกจากนี้ฟูจิตสึยังได้ตั้งข้อปฏิบัติที่เกินกว่ามาตรฐานที่ RoHs กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ของลูกค้าของฟูจิตสึอย่างแท้จริง และเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ฟูจิตสึได้ปฏิบัติตามแนวคิดเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวอย่างเคร่งครัด โดยการผลิตเครื่องที่ประหยัดพลังงาน ฟูจิตสึยังได้เข้าร่วมขบวนการต่อสู้เพื่อรักษ์โลกโดยการเป็นสมาชิกของ Climate Servers อีกด้วย

View :1341

ก.ไอซีที เร่งฟื้นฟูเยียวยาภาคอุตสาหกรรมไอซีที

January 25th, 2012 No comments

นายวรพัฒน์ ทิวถนอม รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางขับเคลื่อนการฟื้นฟูเยียวยาภาคอุตสาหกรรมไอซีทีจากเหตุมหาอุทกภัยกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ว่า เพื่อเป็นการ บูรณาการคลี่คลายปัญหาต่างๆ แก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไอซีทีให้เกิดผลโดยเร็ว กระทรวงฯ จึงได้มีการจัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการฟื้นฟูเยียวยาภาคอุตสาหกรรมไอซีทีใน 3 ประเด็น คือ แนวทางดำเนินการเร่งด่วนเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมฯ แนวทางการคลี่คลายปัญหาระยะสั้นและปัญหาระยะยาว รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไอซีที

ในการประชุมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางดำเนินการเร่งด่วนเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมฯ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบในเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที เป็นประธาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ รวดเร็วยิ่งขึ้นและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน รวมทั้งมีการประชุมหารือร่วมกันเป็นประจำ เพื่อวางนโยบายในการช่วยสนับสนุนส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ และมีแผนการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้ โดยเฉพาะระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา และการบูรณาการองค์ความรู้จากสารสนเทศเดิมให้ทันสมัย เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของฝ่ายบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระทรวงฯ จะได้มีการประสานกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อบรรจุเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว

พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้หารือในเรื่องการเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไอซีทีไทย โดยการสนับสนุนมาตรฐาน มอก. กับสินค้าที่มีการจัดซื้อในปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงฯ จะได้ทำหนังสือเชิญชวนหน่วยงานให้ใช้สินค้าไอซีทีที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน มอก. และจะได้มีการจัดทำราคากลางอุปกรณ์ไอซีทีให้เป็นราคาปัจจุบัน รวมทั้งหารือร่วมกับกรมบัญชีกลางในการปรับใช้ราคากลางใหม่สำหรับอุปกรณ์ ที่ยังไม่ได้มีการจัดซื้ออีกด้วย

นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการขอสนับสนุนวงเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจไอซีที ซึ่งกระทรวงฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ดำเนินโครงการ SME สินเชื่อเพิ่อกิจการซอฟต์แวร์ ร่วมกับ SMEs Bank เพื่อให้สินเชื่อในการพัฒนาโครงการและสามารถนำไปจัดซื้ออุปกรณ์/ซอฟต์แวร์ในการทำงาน ซึ่งจะเป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2554

ส่วนแนวทางการคลี่คลายปัญหาระยะสั้นนั้น กระทรวงฯ จะได้ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมจัดงานนิทรรศการออกร้านขายสินค้าไอทีราคาถูกเพื่อส่งเสริมการขายและกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้า เนื่องจากได้มีการประเมินว่าผู้บริโภคจะชะลอกำลังซื้อลงจนถึงไตรมาส 1 ปี 2555 ทำให้มูลค่าตลาดในไตรมาส 4 ของปี 2554 ลดลงประมาณ 30% ส่วนผู้ประกอบการที่ทำสัญญากับภาครัฐและประสบปัญหาการขาดทุนเนื่องจากสินค้าเสียหายจากอุทกภัยและการส่งมอบงานล่าช้า จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระเบียบ สัญญา เพื่อกำหนดแนวทางเยียวยาอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่ายต่อไป

ด้านแนวทางการคลี่คลายปัญหาระยะยาวที่เกิดจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากต่างประเทศนั้น กระทรวงฯ จะดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งทางด้านแหล่งทุน BOI ธนาคาร และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านภัยพิบัติ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งส่งเสริมการลงทุน โดยที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้เข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ BOI เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีหน้าที่ในการพิจารณาสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการจากต่างประเทศและในประเทศที่ขอรับการส่งเสริมอุตสาหกรรม

View :1441

ก.ไอซีที หนุนโครงการ e–Shop บูรณาการร่วมโครงการ e-Women

January 25th, 2012 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้จัดทำโครงการ e-Shop หรือ ร้านค้าชุมชนออนไลน์ ขึ้น และบูรณาการร่วมกับโครงการ เพื่อให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างครบวงจร โครงการ e-Shop นี้ จะเป็นการตั้งร้านค้าสาธิตขึ้นมาเพื่อให้ชุมชนได้เห็นและใช้เป็นตัวอย่างในการปฏิบัติตาม ซึ่งจะเน้นการทำงานจริงขายจริง โดยจัดทำขึ้นเป็น 3 รูปแบบ คือ www.ThaitelecentreCharms.com , www.thaitelecentreShop.com และwww.thaitelecentreMall.com

ThaitelecentreCharms เป็นองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มผู้ผลิตสินค้าชุมชนกว่า 800 แห่งที่ตั้งอยู่โดยรอบศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยและมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ThaitelecentreCharms นี้จะยึดหลัก การทำธุรกิจเพื่อสังคม (Social Entrepreneurship/ Social Entreprise) โดยมุ่งหวังให้ชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลมีช่องทางการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สืบทอดมาจากภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นออกสู่ตลาดสากล รวมทั้งตลาดระดับบน (High-End Market) ด้วยการจัดทำร้านค้าสาธิตออนไลน์ของชุมชน (Demonstration Community e-Shop) ที่มีชุมชนเข้าร่วมบริหารจัดการ และเป็นหุ้นส่วนสำคัญ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างแนวการปฏิบัติที่ดี (Best Practices) จากชุมชนสู่ชุมชนด้วยกัน อีกทั้งเป็นการประกาศอัตลักษณ์ ศักดิ์ศรีของชุมชนออกสู่สังคมใหญ่หรือสาธารณชน และสังคมโลกด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้คนในชุมชน โดยไม่มีการผูกขาดทางการค้าแต่อย่างใด

สำหรับนโยบายของ ThaitelecentreCharms ก็คือ การขายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ราคายุติธรรม เน้นความซื่อสัตย์ และส่งสินค้าแน่นอน โดยทางร้านจะให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยมไปยังตลาดต่างประเทศ (Premium Market) เป็นหลัก ส่วนสินค้าที่จำหน่ายจะแบ่งออกเป็นเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ อาหารแปรรูป เครื่องประดับ ของที่ระลึก และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าทางร้านจะแจ้งหมายเลขการส่งสินค้าให้กับผู้สั่งซื้อทุกครั้ง เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบสถานะการขนส่งกับเว็บไซต์ไปรษณีย์หลังจากการจัดส่งของ ซึ่งหมายเลขการส่งของนี้สามารถตรวจสอบได้หลังจากที่ส่งของแล้วประมาณ 24 ชม. หรืออาจจะเร็วกว่านั้น

ส่วนร้านค้าชุมชนออนไลน์อีก 2 รูปแบบนั้น จะมุ่งเน้นการจำหน่ายสู่ตลาดภายในประเทศเป็นหลัก โดย thaitelecentreMall.com จะเน้นการจำหน่ายสินค้าชุมชนออกสู่ตลาด (Open Market) ขณะที่ thaitelecentreShop จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่คัดสรรแล้ว (Developed Market) ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายผ่าน thaitelecentreMall จะแบ่งออกเป็น 6 หมวดสินค้า คือ อาหาร อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหารและยา ส่วน thaitelecentreShop จะจำหน่ายสินค้าประเภทงานฝีมือและหัตถกรรมชุมชน สินค้าด้านการเกษตร งาน ICT หรือเทคโนโลยี งานบริการต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน

View :1607

เอไอเอสขนทัพสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตบุก Thailand Mobile Expo 2012 พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม

January 25th, 2012 No comments

สยบองศาร้อนของปี เมื่อเอไอเอส สวนกระแสหอบทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตสุดฮอต เสิร์ฟให้เหล่าลูกค้าได้สัมผัสพร้อมจับจองเป็นเจ้าของก่อนใคร ในงานThailand Mobile Expo 2012(ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2012)

ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่อยากบอกต่อ เพื่อเหล่าลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ กับ iPhone4S จาก AISที่ยังคงฮิตติดลมบน ด้วยข้อเสนอโปรโมชั่นผ่อน 0% 10 เดือน พร้อมรับตุ๊กตาน้องอุ่นใจสีเขียวสุดชิคเฉพาะงานนี้เท่านั้นนอกจากนี้เมื่อคุณซื้อสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทุกรุ่น (ยกเว้น iPhone4S ) ราคาตั้งแต่ 10,000บาทขึ้นไปรับทันที Thumb Drive ขนาด 16 GBและร่วมสัมผัสกับสุดยอดแอปพลิเคชั่นจากเอไอเอส อาทิ Bookstore, Music Store, App storeและอื่นๆอีกเพียบ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายรุ่นที่นำไปจำหน่ายได้แก่
· BlackBerry Bold 9790และ BlackBerry Curve 9360 โปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน
· Samsung Galaxy Note ,Samsung Galaxy Tab 7.7 ,Samsung Galaxy Tab7.0 Plus และSamsung Galaxy Nexusสุดยอดสมาร์ทโฟน Android คุณภาพ
· Motorola RAZRโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เพรียวบางและจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 4.3 นิ้ว
· HTC Explorer และHTC Rhyme สมาร์ทโฟน Android พร้อม Accessories สุดล้ำ ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นที่คุณต้องการ

พบกันที่บูธ AIS PL 6 ในงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2012ตั้งแต่วันที่ 26-29 มกราคม 2555ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้องเพนนารี่ ฮอลล์

View :1862

“เอซุส” เผยโน้ตบุ๊ก – อีแพด ยอดทะยานรับปีมังกร รุกเปิดตัวสินค้า 2 ซีรี่ย์ใหม่ดันยอดครึ่งปีแรกเกินเป้า

January 24th, 2012 No comments

“เอซุส” ตอกย้ำกระแสความแรงกลุ่มซิสเต็มส์ หลังยอดขายปี 2554 โตขึ้นอีก 50%จาก 2553 ส่งผลิตภัณฑ์ 2 ซีรี่ย์ใหม่ ประเดิมตลาดปีมังกร ตามติดเทรนด์บางเฉียบด้วย “เอซุส เซนบุ๊ก” อัลตร้าบุ๊กน้ำหนักเบา ดีไซน์สวยหรู ส่วนคอไอทีไม่ควรพลาด “Eee-Pad Transformer Prime” แท็บเล็ตที่เร็ว-แรงที่สุดในโลก วางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่าย เอซุสทั่วประเทศ

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “รู้สึกพอใจกับตัวเลขผลประกอบการในปี 2554 ที่ผ่านมาทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ของบริษัท โดยกลุ่มซิสเต็มส์ เติบโตขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งสัดส่วนยอดขายมากที่สุดจะเป็นผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก ประมาณ. 70:30 และคาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้อีกด้วย ในขณะที่กลุ่มโอพี ซึ่งปัจจุบันมีคุณมนต์ธีร์ วุฒิรงค์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบอยู่นั้น ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปี 2553 โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์เอซุสที่ได้รับการยอมรับและไว้วางใจอย่างกว้างขวางในตลาดเมืองไทย

“ปีนี้เทรนด์สินค้าอัลตร้าบุ๊กมาแรงมาก วันนี้เอซุส จึงขอเปิดตัว “เอซุส เซนบุ๊ก” นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่พกพาความบางเฉียบ ด้วยขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว โดดเด่นด้วยระบบเสียงทรงพลังของโซนิก มาสเตอร์ (Sonic Master) มีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น สามารถรองรับฟังก์ชั่นมัลติมีเดียได้เต็มรูปแบบ ส่วนอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน “Eee-Pad Transformer Prime” แท็บเล็ตที่เร็ว-แรงที่สุดในโลก ที่ใช้หน่วยประมวลผล NVIDIA® Tegra® 3 Quad-Core มาพร้อมดีไซน์แห่งนวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบาย และช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้สูงสุดถึง 18 ชั่วโมง ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมชิ้นเอกที่เพียบพร้อมและครบวงจร” นายพรเทพ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้เอซุสวางแผนจะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และซูเปอร์สโตร์ต่างๆ ทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้นอีก 70% พร้อมกับเจาะกลุ่มลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะด้านการศึกษารวมถึงองค์กรต่างๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เรามีฐานลูกค้าในกลุ่มนี้อยู่เพียง 5% เท่านั้น เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทางด้านการพัฒนางานขาย เอซุสเตรียมปรับโครงสร้างพนักงานขายใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพ และรองรับการเติบโตในปี 2012

“บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าทำตลาดสินค้าโน้ตบุ๊กอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษและข้อเสนอด้านบริการหลังการขายที่มีมาตรฐานเพื่อดึงดูดใจลูกค้า โดยคาดหวังว่าเมื่อจบไตรมาสสอง จำนวนยอดขายต่อยูนิตของเอซุสโน้ตบุ๊ก จะมีส่วนแบ่งอย่างน้อย 15% ของตลาดโน้ตบุ๊ก” นายพรเทพ กล่าวทิ้งท้าย

View :1457
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทครวมคอลเล็คชั่นสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตสีขาวรุ่นล่าสุดทุก OS ที่งาน Thailand Mobile Expo 2012

January 24th, 2012 No comments

ครั้งแรกกับ Samsung GALAXY Note สีขาว 3G 850 และพบโปรโมชั่นแท็บเล็ตที่ยกมาให้อย่างจุใจ

ดีแทคสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตพร้อมที่สุดที่งาน ชูจุดเด่นคอลเล็คชั่นสีขาวของทุกระบบปฏิบัติการ (OS) สัมผัส Samsung GALAXY Note สีขาวที่เพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน ผนึกโปรโมชั่นจูงใจทุกเครื่อง ผ่อน 0% 10 เดือน รับเงินคืนสูงสุด 20% กับธนาคารชั้นนำที่ร่วมรายการคับคั่ง รับ Gift Voucher มูลค่า 500 บาท และพิเศษที่สุดในงาน แท็บเล็ตจากดีแทคจัดเต็มโปรโมชั่นจุใจให้ของแถมมูลค่าสูงสุดกว่า 5,000 บาท

โปรโมชั่นแท็บเล็ตจัดให้มากกว่าทุกครั้ง ลูกค้าที่ซื้อ Samsung GALAXY Tab 8.9 รับทันที Tablet Case มูลค่า 1,490 บาท พร้อมรับเพิ่ม Keyboard Dock มูลค่า 2,200 บาท และ บัตรกำนัลค่าโทรฟรี 1,500 บาท เมื่อซื้อพร้อมสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมูลค่า399 บาทขึ้นไป รวมมูลค่าของแถมกว่า 5,000 บาท iPad2 รับฟรีทันที Smart Cover ของแท้จาก Apple แท็บเล็ตทุกเครื่องรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน รับเงินเครดิตคืน (Cash Back) สูงสุด 20%

สัมผัสและเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุด Samsung GALAXY Note สีขาว รองรับ 3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz ที่เปิดตัวและจำหน่ายเป็นครั้งแรกในงาน iPhone 4S จากดีแทค 350 เครื่องต่อวัน และรับสิทธิ์สมัครแพ็กเกจ Super Deal สุดคุ้มสำหรับคนโทรเยอะ เล่นเน็ตเยอะ เริ่มต้นเพียง 280 บาทต่อเดือน เล่นเน็ตได้ไม่จำกัด BlackBerry 9900 สีขาว และ BlackBerry Curve 9360 สีขาว แถมฟรี BlackBerry White Hard Case และพิเศษสำหรับลูกค้า 40 ท่านแรกที่ซื้อ BlackBerry จากดีแทคภายในงาน รับฟรีที่ชาร์ตแบตฯสำรองของแท้จาก BlackBerry

นอกจากนั้น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตชั้นนำรุ่นล่าสุดทุกรุ่นทุกสี อาทิ HTC Sensation XL, HTC Rhyme, BlackBerry Bold 9790, Samsung GALAXY 7.0 Plus ที่จำหน่ายที่บูธดีแทค รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 500 บาท ผ่อน 0% 10 เดือน รับเงินเครดิตคืน (Cash Back) สูงสุด 20% กับธนาคารชั้นนำที่ร่วมรายการ รวมทั้ง ดีแทคแอร์การ์ดที่มาพร้อมแพ็กเกจคุ้มค่า

พบกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตสีขาวทุกระบบปฏิบัติการ ที่เร็วกว่าบน 3G พร้อมข้อเสนอพิเศษสุดที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่บูธดีแทคในงาน Thailand Mobile Expo 2012 ระหว่างวันที่ 26-29 มกราคมนี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธดีแทคในงาน

View :2346