Archive

Archive for March, 2012

ดีแทคจัดโปรโมชั่นสุดคุ้มที่คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012

March 20th, 2012 No comments

แอร์การ์ดรุ่นยอดนิยมเพียง 300 บาท และมอบส่วนลดสมาร์ทโฟนสูงสุด 5,000 บาท พร้อมทัพสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรองรับ dtac 3G และ dtac wifi จำนวนมาก

ดีแทคนำข้อเสนอพิเศษตอบโจทย์ลูกค้าใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการความเร็วแรงบนเครือข่าย dtac 3G และ dtac wifi ที่งานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012 จัดโปรโมชั่นคุ้มค่าที่สุดในรอบปีสำหรับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต แอร์การ์ดยอดนิยม ราคาเพียง 300 บาท และสมาร์ทโฟนราคาพิเศษลดสูงสุดกว่า 5,000 บาท iPhone 4S เครื่องเปล่าและเครื่องพร้อมแพ็กเกจมอบข้อเสนอสบายใจให้ลูกค้าผ่อน 0% นาน 10 เดือนร่วมกับบัตรเครดิตชั้นนำจำนวนมาก พร้อมของแถมจุใจ ลำโพง Angry Birds มูลค่า 3,200 บาท และของสมนาคุณอีกเป็นจำนวนมากเมื่อซื้อสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่บูธดีแทค ในงานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012 ตั้งแต่ 22-25 มีนาคม 2555

ข้อเสนอพิเศษคุ้มที่สุดในรอบปีจากดีแทค ด้วยอุปกรณ์ชั้นนำรองรับ dtac 3G และรองรับการใช้งาน dtac wifi ประกอบด้วย

ดีแทคแอร์การ์ด Speedy 7.2 รุ่นยอดนิยม เสนอราคาเพียง 300 บาท จากราคาเต็ม 1,390 บาท เมื่อซื้อพร้อมสมัครแพ็กเกจดีแทคอินเทอร์เน็ต Unlimited 399 โดยชำระค่าบริการล่วงหน้า 1 เดือน และมีสัญญาการใช้บริการ 3 เดือน

สมาร์ทโฟนเฉพาะรุ่น จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ ลดสูงสุดกว่า 5,000 บาท เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจดีแทคอินเทอร์เน็ต Unlimited 399 โดยชำระค่าบริการล่วงหน้า 1 เดือน และมีสัญญาการใช้บริการ 3 เดือน

iPhone 4S ให้เป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยข้อเสนอผ่อน 0% นาน 10 เดือนหรือผ่อนสบายนาน 20 เดือน ร่วมกับบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการจำนวนมาก พร้อมมอบของสมนาคุณที่น่าเป็นเจ้าของที่สุดในงาน เมื่อลูกค้าซื้อ iPhone 4S ทุกรุ่นภายในบูธดีแทครับฟรี iPhone Case รุ่น Kloset Limited Edition ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย มูลค่า 1,150 บาท และพิเศษยิ่งกว่านั้นสำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อ iPhone 4S รุ่น 64 GB รับเพิ่มฟรีลำโพง Angry Birds มูลค่า 3,200 บาท จำนวนจำกัด

นอกเหนือจากนั้น ดีแทคยังนำสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหลากหลายรุ่นที่พร้อมให้ลูกค้ามีประสบการณ์ใช้งานที่สนุกบน dtac 3G และ dtac wifi มาให้ได้ทดลองและเป็นเจ้าของเป็นจำนวนมาก โดยมอบบัตรกำนัลค่าโทรฟรีมูลค่า 500 บาท เมื่อซื้อเครื่องที่ร่วมรายการ

View :1743

ทรูออนไลน์ ประกาศรักษาแชมป์ผู้นำตลาดบรอดแบนด์ไทย

March 20th, 2012 No comments

โชว์ตัวเลขผลประกอบการโดดเด่น ส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกรุงเทพฯและปริมณฑลเดินหน้าเพิ่มพื้นที่บริการ อัลตร้า ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต ถึง 36 จังหวัดในปีนี้

ชูพันธกิจผู้ให้บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตพื้นฐานอันดับ 1 ของไทย ผสมผสานบรอดแบนด์ ดาต้า และเสียง เพื่อให้บริการ
สื่อสารและโซลูชั่น พร้อมเผยความสำเร็จปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ธุรกิจบรอดแบนด์สูงถึง 10.7 พันล้านบาท เพิ่มลูกค้าใหม่อีก 160,000 ราย รวมเป็น 1.34 ล้านรายสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑลถึง 65% ประกาศทิศทางปี 2555เดินหน้าย้ำภาพผู้นำนวัตกรรม เตรียมเพิ่มความเร็วบริการบรอดแบนด์สูงสุดในไทยถึง200 Mbps ขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ถึง 36จังหวัด ตั้งเป้าลูกค้าเป็น 1.5 ล้านรายภายในกลางปีนี้

นายเจริญ ลิ่มกังวาฬมงคล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ทรูออนไลน์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา อัลตร้า ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต จากทรูออนไลน์ประสบความสำเร็จ มียอดรายได้สูงถึง 10.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 มีส่วนแบ่งรายได้มากสุดในประเทศ อันเกิดจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ผ่านโครงข่ายเคเบิล มาให้บริการแก่ลูกค้าในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มั่นใจบรรลุพันธกิจทรูออนไลน์ผู้ให้บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตอันดับ 1 ของไทย ที่ผสมผสานบรอดแบนด์ ดาต้า และเสียง เพื่อให้บริการสื่อสารและโซลูชั่นต่อจากปีที่ผ่านมา โดยเตรียมรุกตลาดบรอดแบนด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายโครงข่ายบริการให้เข้าถึง 3 ล้านครัวเรือนครอบคลุม 36 จังหวัดทั่วประเทศภายในไตรมาส 2 ก่อนจะก้าวสู่กว่า 60 จังหวัดในปีหน้า พร้อมประกาศศักดาผู้นำนวัตกรรม เตรียมเพิ่มความเร็วการใช้งานบรอดแบนด์ขึ้นอีกเท่าตัว จาก 100 Mbps สู่สูงสุด 200 Mbps เป็นรายแรกของประเทศ รองรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ผู้ชื่นชอบการท่องเน็ตเร็วแรง ทันใจ ไร้ขีดจำกัด ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของอินเทอร์เน็ต
ความเร็วสูงไร้สาย (ไวไฟ) ทรูออนไลน์ จะติดตั้งสัญญาณ ULTRA WiFi by TrueMove Hความเร็วสูงสุด 100 Mbps กว่า 1,000 ตึก ทั้งอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม โรงแรมโรงพยาบาล ธนาคาร เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการตอกย้ำภาพผู้นำด้านคุณภาพบริการ นวัตกรรม และเทคโนโลยีของทรูออนไลน์ให้มีความชัดเจน และโดดเด่นยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังสานต่อยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู ที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการสมบูรณ์ทุกรูปแบบการสื่อสาร ทั้งด้านเสียงผ่านโทรศัพท์พื้นฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้านเคเบิ้ลทีวี มัลติมีเดียบรอดแบนด์ และด้านคอนเทนต์ โดยจะคัดสรรแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์หลากหลาย ให้ลูกค้าได้เลือกใช้อย่างตรงใจ รวมทั้งนำเสนอบริการเสริมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น WiFi,TrueNetTalk (VoIP), เล่นเกมออนไลน์, ดูบอลพรีเมียร์ลีก, ดูทีวี ออน ดีมานด์รวมไปถึงบริการโหลดเพลง MP3 เป็นต้น โดยเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การรุกตลาดดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ทรูออนไลน์เป็นผู้นำตลาดต่อไปอีกในระยะยาว

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรูออนไลน์ เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ยกระดับศักยภาพบริการบรอดแบนด์ให้ความเร็วเริ่มต้นที่ 7 Mbps สำหรับตลาดทั่วไป และสูงสุด 100 Mbps สำหรับตลาดพรีเมี่ยม ซึ่งส่งผลให้ยอดค่าใช้บริการเฉลี่ยต่อหัวมากกว่า 700 บาทต่อเดือน โดยทรูออนไลน์มีสิทธิพิเศษหลากหลายสำหรับลูกค้าเลือกสรรตามต้องการ อาทิ ผู้สมัครใช้บริการทุกแพ็กเกจ รับฟรีทันที ไวไฟ เร้าท์เตอร์หรือแพ็กเกจพิเศษ “คุ้มเป็นคู่” เล่นเน็ตแรง 9 Mbps และดูทรูวิชั่นส์ 74 ช่องเพียง 999 บาทต่อเดือน ทำให้มีผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิเพิ่ม 160,000ราย มียอดรวมทั้งสิ้น 1.34 ล้านราย ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 65 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ ในส่วนของบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย (ไวไฟ) ทรูออนไลน์ ยังคงเป็นผู้นำตลาดรายแรกที่สร้างสรรค์ความเร็วสูงสุดและครอบคลุมพื้นที่มากสุด ด้วยจุดเชื่อมต่อกว่า 100,000 จุด ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งปรับมาตรฐานไวไฟใหม่เป็นความเร็วสูงสุด 8 Mbps พร้อมเปิดตัว ULTRA WiFi by TrueMove H ความเร็วสูงสุด 100 Mbps อีกด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดผู้ใช้บริการรวมกว่า 900,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้งานสมาร์ทโฟน

“ทรูออนไลน์ ยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการบรอดแบนด์ทั้งแบบมีสายและไร้สายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนทุกกลุ่ม ให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างทัดเทียมกัน ตอบโจทย์ชีวิตออนไลน์สุดล้ำอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ตั้งแต่ 7 – 100 Mbps ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถรับชมสาระ และความบันเทิงสดๆ อย่างสนุกสมจริง ก้าวทันทุกกระแสโลก รองรับการใช้งานที่หลากหลายในเวลาเดียวกันแบบไม่มีสะดุด และยกระดับตลาดบรอดแบนด์ไทยให้เท่าเทียมมาตรฐานโลกพร้อมมั่นใจว่าด้วยคุณภาพโครงข่าย และบริการหลังการขายตลอด 24 ชั่วโมงของทรูออนไลน์ จะทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการได้รับความพึงพอใจสูงสุด” นายเจริญ กล่าวสรุป

View :1633

เซ็นทรัลพัฒนา นำเปิดแพลตฟอร์มดิจิตอล ใช้นวัตกรรมเข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ เพิ่มสีสันให้ตลาดรีเทลช่วงซัมเมอร์

March 20th, 2012 No comments


บริษัท จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น บริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัวนวัตกรรมทางการตลาดใหม่ สร้างแพลตฟอร์ม Digital Marketing พร้อมกับแคมเปญส่งเสริมการตลาดในช่วงซัมเมอร์ Summer Selected ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ Fashionista Hits World Game ที่เซ็นทรัลพลาซาและเซ็นทรัลเฟสติวัล เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำธุรกิจรีเทลที่มุ่งเน้นสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างให้ผู้บริโภคอยู่เสมอ ซึ่งดิจิตอล แพลตฟอร์มใหม่ของประกอบด้วย แอพพลิเคชั่น Shop @ Central เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาหาข้อมูลร้านค้าใหม่ๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตได้แบบเรียลไทม์ และครั้งแรกของศูนย์การค้าไทยกับนวัตกรรมใหม่ด้าน CRM “CPN Click” ช้อปลุ้นรางวัลโดยไม่ต้องกรอกคูปองในแคมเปญซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ เพื่อมอบความสะดวกสบาย และตอบรับกับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของลูกค้าในปัจจุบัน

คุณกุณฑล บุญกระจ่าง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล กล่าวว่า “ด้วยความที่เราเป็น Market Leader เราได้นำเครื่องมือด้านการตลาดมาใช้แบบ 360 องศา เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมได้ทุกกลุ่ม ซีพีเอ็นเล็งเห็นเทรนด์ของไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวไดร์ฟ จึงต้องการนำนวัตกรรมใหม่มาใช้เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเราคำนึงถึงความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าเป็นหลัก จึงได้ Kick Off เปิดตัวเครื่องมือทางการตลาดใหม่ในรูปแบบดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง มาต่อยอดการเป็นผู้นำนวัตกรรมในตลาดรีเทลในช่วงแคมเปญซัมเมอร์ เพื่อเป็นการกระตุ้นสร้างกระแสการรับรู้ของแคมเปญและเชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมายจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ การเปิดตัว 2 แอพลิเคชั่นใหม่นี้ นับเป็นการนำเครื่องมือทางการตลาดใหม่ที่มาสร้างความผูกพัน (Bonding & Engagement) และความเชื่อมโยงระหว่างศูนย์การค้ากับลูกค้าให้เหนียวแน่นและใกล้ชิดยิ่งมากขึ้น ซึ่งเรามุ่งเน้น Customize สร้างชุมชนที่ Target เป้าหมายเฉพาะกลุ่มหรือ Tribe Marketing ผ่านนิวมีเดีย เพื่อเป็นการสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

นอกเหนือจากการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ในวันนี้ ซีพีเอ็น ยังได้เปิดตัวแคมเปญ CPN Summer 2012 ซึ่งได้แก่ Summer Selected ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ Fashionista Hits World Game ที่เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล ซึ่งในช่วง Summer ศูนย์การค้าของซีพีเอ็นจะเป็น Destination สำหรับคนทั้งครอบครัวที่สามารถมาใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งวัน ศูนย์การค้าของเราจะเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆ มานำเสนอให้ลูกค้าผ่านแคมเปญ Summer ของเราเสมอ ในปีนี้จะเน้นไลฟ์สไตล์เรื่องการเดินทาง แฟชั่น และกีฬา ซึ่งเป็นสิ่งที่ Shopper ชื่นชอบ

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล ร่วมกับ ไทยประกันชีวิต , อิออน และ รมย์รวินทร์ บิ้วตี้ และร้านค้า จัดแคมเปญ Fashionista Hits World Game ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม- 6 พฤษภาคม 2555 ช้อปอัพเดตเทรนด์สุดฮอต ลุ้นสัมผัสประสบการณ์และบรรยากาศเกมส์ระดับโลก กับแพคเกจทัวร์ไปลอนดอน ช้อปครบทุก 1,000 บาท ลงทะเบียนสมัครสมาชิก CPN Click รับสิทธิ์ได้ทันทีไม่ต้องกรอกคูปอง ลูกค้าบัตรเครดิตอิออน และไทยประกันชีวิต รับสิทธิ์เพิ่มเป็น 3 สิทธิ์นอกจากนี้ ยังมี Instant Win ที่มีของรางวัลหลากหลาย ได้ทันทีไม่ต้องลุ้น นอกจากนี้ ในช่วงที่มีแคมเปญ Fashionista Hits World Games ยังมีกิจกรรมแฟชั่นโชว์อัพเดตเทรนด์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ทุกแห่งทั่วประเทศ และเซ็นทรัลเฟสติวัล รวมถึง กิจกรรมคลายร้อนอย่าง งาน Ice cream Festival ซึ่งมี Ice cream ไฮไลท์สุดพิเศษมาให้ลูกค้าได้เลือกชิมมากมาย

ในส่วนของเซ็นทรัลเวิลด์ คุณกัณตภณ ผานิตรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด เซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า “เซ็นทรัลเวิลด์ได้ร่วมกับ มาสเตอร์การ์ด และเตอร์กิช แอร์ไลน์ และร้านค้าพันธมิตร จัดแคมเปญ Summer Selected 2012 ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 6 พฤษภาคม 2555 เพื่อให้ลูกค้ามาอัพเดตเทรนด์ล่าสุด รับหน้าร้อน ช้อปปิ้งคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากร้านค้าที่พร้อมใจกันลดราคาสูงสุดถึง 60% ไฮไลท์ของแคมเปญนี้อยู่ที่แฟชั่นโชว์สุดอลังการจากแฟชั่นแบรนด์ดัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Fashion in Garden อัพเดทเทรนด์ฮอตรับซัมเมอร์ โดยเหล่าดาราชื่อดัง และเซเลบชั้นนำของประเทศ ที่จะมาสร้างความแปลกใหม่ในการเดินแฟชั่นโชว์ โดยได้เชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงมาร่วมบรรเลงเพลงให้ฟังกันแบบสดๆ บนรันเวย์ท่ามกลางบรรยากาศอาคารและสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป เพื่อสร้างประสบการณ์ LIVE Experience แก่ผู้ที่มาร่วมงานนอกจากนี้ Decoration ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเซ็นทรัลเวิลด์ในทุกๆ ปี ได้มีการเนรมิตพื้นที่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ให้กลายเป็นสวนสวย โดยใช้ลาย Patched Fabric ที่เลือกอารมณ์ของความเป็นซัมเมอร์มาผสมผสานกันอย่างลงตัว พร้อมทั้งได้เลือกเอารูปสัตว์ชนิดต่างๆ มาประดับตกแต่งเพิ่มเติม”

ในส่วนของโปรโมชั่น เพียงช้อปครบ 1,500 บาท ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินจากสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ที่ให้คุณได้เลือกไปชิลล์ที่ 10 เมืองเก๋ในทวีปยุโรป จำนวน 5 รางวัลๆละ 2 ที่นั่ง มูลค่ารางวัลละ 120,000 บาท 30 มีนาคม – 6 พฤษภาคม 2555 สิทธิพิเศษ สำหรับโปรโมชั่นจากบัตรเครดิต ช้อปผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตมาสเตอร์การ์ด ครบ 1,500 บาท รับคูปองเพิ่มเป็น 3 ใบ จาก 1 ใบ ลูกค้ามาสเตอร์การ์ด ช้อปครบ 40,000 บาท รับสิทธิ์เล่น wifi ฟรีตลอดปี จาก dtac

พบกับนวัตกรรมดิจิตอล แพลตฟอร์มใหม่ของซีพีเอ็นได้ช่วงซัมเมอร์นี้พร้อมช้อปคลายร้อนลุ้นรางวัลใหญ่ไปทัวร์อังกฤษและช้อปแบบฉ่ำใจที่ยุโรปได้กับแคมเปญ Summer Selected ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ Fashionista Hits World Game ที่เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล

View :2683

ปภ. เชียงใหม่และเนคเทค ติดตั้งระบบเตือนภัยทั่วเชียงใหม่

March 19th, 2012 No comments

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย กระทรวงมหาดไทย โดย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกาศความพร้อมในการติดตั้งระบบเฝ้าระวังเตือนภัยน้ำป่าไหล หลากและโคลนถล่มในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 243 ชุดให้ได้ในเดือนเมษายนนี้ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยเจ้า หน้าที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อวางแผนการรับมือ และตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ เป็นตัวช่วยหนึ่งสำหรับผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อการเฝ้าระวังก่อนเกิด หรือรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2555 นายวิบูลย์ สงวนพงษ์ อธิบดี ได้เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบเฝ้าระวัง เตือนภัยน้ำป่าไหลหลากและโคลนถล่มของจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่าง หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่ง ชาติ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความเดือน ร้อนของประชาชนทีได้รับจากภัยพิบัติ อาทิ อุทกภัย โคลนถล่ม และหมอกควัน คาดจะสามารถฝึกอบรมและติดตั้งอุปกรณ์ได้ภายในเดือนเมษายน 2555 และจะเปิดระบบให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ ป้องกันปัญหาและแก้ไขปัญหาได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรกที่นำระบบดังกล่าวไปติดตั้ง ทั่วจังหวัดถึง 243 จุดและใช้งานอย่างเป็น รูปธรรม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับอันตรายและผลกระทบจากปัญหาโคลนถล่มซึ่งเกิดขึ้นใน จังหวัดเชียงใหม่มาโดยตลอด นอกจากนี่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย เนคเทคยังจะได้ทดลองติดตั้งเครื่องมือวัดควันไฟหรือหมอกควันนำ ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไป แก้ไขปัญหาในอนาคต

ผลจากการสูญเสียพื้นที่ป่า และการขยายตัวของชุมชน ทำให้ประชาชนชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงขึ้น โดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นคงหนีไม่พ้นในเรื่องของภัยพิบัติทางด้านโคลน ถล่ม น้ำป่าไหล่หลาก และการเกิดน้ำท่วมฉบับพัน ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ ผ่านมา นับว่ามีความถี่สูงและความรุนแรงขึ้น ซึ่งทำความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนขึ้นเรื่อยๆ การเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมมฉับพลัน และแผ่นดินถล่มเป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อันเนื่องมาจากอิทธิพลของฝน และปัจจัยทางกายภาพ และชีวภาพอื่นๆ เนื่องจากการขาดองค์ความรู้และข้อมูล ด้านภัยพิบัติต่างๆ ทำให้ ไม่สามารถรู้เท่าทันเหตุการณ์ การป้องกันหรือการรับมือ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ต่างๆและบทเรียนที่ผ่านมาคงไม่มีใครปฎิเส ธถึงความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก ข้อมูลสารสนเทศจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพื่อช่วยมนุษย์ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อวางแผนการรับมือ และตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากและโคลนถล่ม จึงเข้ามามีบทบาทและเป็นตัวช่วยหนึ่งสำหรับผู้ปฎิบัติงานใน พื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อการเฝ้าระวังก่อนเกิด หรือรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

การทำงานของ ระบบเฝ้าระวังปริมาณน้ำฝนเป็นระบบที่ทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งเริ่มจาก สถานีตรวจวัดอากาศทำการบันทึกและเก็บค่าปริมาณน้ำฝนรวมทั้ง ข้อมูลตรวจวัดอื่นๆ อันได้แก่ อุณหภูมิความชื่นในอากาศ จากนั้นสถานีตรวจวัดอากาศจะทำการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่าย อินเตอร์เน็ตผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อทำการส่งข้อมูลที่ตรวจวัดได้ เข้าสู่เครื่องแม่ข่ายบันทึกฐานข้อมูล ซึ่งฐานข้อมูลดังกล่าวนี้จะสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางโปรแกรมเว็บ บราวเซอร์ทั่วไป

นอกจากการส่งข้อมูลตามระยะเวลาที่กำหนดเข้าสู่ เครื่องแม่ข่ายฐานข้อมูลแล้ว สถานีตรวจวัดอากาศระยะไกลยังทำการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ปริมาณน้ำฝนในช่วง 24 ชั่วโมง ย้อนหลัง ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยทำการแจ้งเตือนเเป็นข้อความผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ไปยังผู้ที่มีหน้าที่ในการเฝ้าระวังและรับผิดชอบ โดยตรงไม่ว่าจะเป็น ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น

ในความร่วมมือระหว่าง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ,จังหวัด จะสนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบเฝ้าระวังเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากและ โคลนถล่ม และสามารถนำไปใช้งานได้จริง และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมีขอบเขตความร่วมมือ ดังนี้

ร่วมกัน ดำเนินงานวิจัยและพัฒนา ในรูปแบบต่างๆ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสามฝ่าย
ร่วมกัน จัดหาและสนับสนุนทรัพยากร เช่น บุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ สำหรับใช้ในการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ แลก เปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลทางวิชาการ รวมทั้งจัดฝึกอบรมและสัมมนาระหว่างบุคลากรของทั้งสามฝ่าย

View :1974

เอเซอร์ เซอร์วิส จัดบริการครบวงจร รองรับตลอด 7 วัน มัดใจลูกค้าแบบใกล้ชิด

March 19th, 2012 No comments

บริษัท จำกัด ผู้นำอันดับ 1 ในประเทศไทย และผู้นำด้านนวตกรรม และแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากทั่วโลก จัดกระบวนทัพให้บริการแก่ลูกค้าทั้งกลุ่มคอมเมอร์เชียลและคอนซูมเมอร์อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพิ่มศูนย์บริการขึ้นห้างรองรับลูกค้าตลอด 7 วัน พร้อมบริการโฮม เดลิเวอรี และระบบโลจิสติกส์ รับ-ส่งสินค้า จากที่บ้านและตัวแทนแบบถึงที่

นายโสภณ ปานฉิม ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปีนี้นอกจากการแข่งขันทางการตลาด และการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอให้กับผู้บริโภคแล้ว เอเซอร์ได้วางกลยุทธ์การให้บริการควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ยุทธศาสตร์ในการให้บริการที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้เราสร้างความต่างด้านการให้บริการ ด้วยการย้ายและเพิ่มศูนย์บริการในหลายๆ แห่ง เข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าไอที และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป เพื่อให้บริการได้ตลอด 7 วัน เช่น สาขาพันธุ์ทิพย์ ซีคอนสแควร์ เซียร์รังสิต ฟอร์จูน ระยอง และ พบกับสาขาใหม่เซ็นทรัลพระรามสองในเดือนเมษายนนี้ สำหรับในภาคตะวันออกเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้เอเซอร์เลือกเปิดศูนย์ บริการในห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ชลบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก โดยเราวางแผนที่จะขยายศูนย์บริการให้อยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำให้ครบ 10 แห่ง ทั่วประเทศ ภายในสิ้นปีนี้

นายโสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เอเซอร์พร้อมสร้างมาตรฐานการให้บริการด้วยการกำหนดราคาอะไหล่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และการสำรองอุปกรณ์ เครื่องมือ และอะไหล่ สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ออกวางจำหน่าย เพื่อเตรียมความพร้อมบริการให้ครอบคลุมและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยขยายพื้นที่สำนักงานใหญ่เอเซอร์แคร์ พระราม 3 จากเดิม 1,000 ตร.ม เป็น 4,000 ตร.ม รองรับการจัดเก็บเครื่องมืออะไหล่และผู้ชำนาญการไว้ในที่เดียวกันแบบ One Stop Service โดยสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนกันยายนนี้

“นอกจากศูนย์บริการที่พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าแล้ว เอเซอร์ยังได้พัฒนาระบบโครงข่ายโลจิสติกส์เพื่อบริการรับและส่งสินค้าในรูปแบบโฮม เดลิเวอรี่ สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการส่งตรวจสภาพหรือส่งซ่อมเครื่อง และลูกค้าตามบ้านที่หมดระยะเวลาประกันไปแล้ว รวมถึงการให้บริการออนไซด์เซอร์วิสให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งระบบการจัดส่งสินค้าเพื่อเข้าตรวจสภาพและส่งซ่อมเครื่องนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่เราปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ให้บริการกับลูกค้าได้อย่างฉับไว โดยเราพร้อมที่จะให้บริการกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่” นายโสภณ กล่าว

นอกจากนี้เอเซอร์ได้มีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการลูกค้าและบริหารสินค้าคงคลัง ซึ่งเป็นระบบเดียวกันที่ใช้ทั่วโลก (CSS Program) ทำให้เอเซอร์มีมาตราฐานการชี้วัดความพึงพอใจระดับโลกพร้อมทั้งสามารถควบคุมคุณภาพ เนื่องจากระบบออนไลน์ถึงกันทุกเซอร์วิสเซ็นเตอร์ทั่วโลก

“นอกเหนือจากการให้บริการแล้ว เอเซอร์ยังคำนึงถึงการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยจัดตั้ง eAcademy เพื่อฝึกอบรมบุคลากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานบริการของเอเซอร์ทั่วประเทศ รวมถึงการให้ความรู้เบื้องต้นกับลูกค้าเอเซอร์ ซึ่งเราเชื่อว่ากลยุทธ์ด้านบริการที่วางไว้นี้จะสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พร้อมรับมือการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้นได้อย่างแน่นอนในปีนี้”
นอกจากการพัฒนาทางด้านระบบแล้ว เอเซอร์ได้พัฒนาการประกันสินค้าโดยได้ขยายระยะเวลาประกันจาก 1 ปี เป็น 2 ปีเต็ม และซุปเปอร์แคร์ แพค แพคเกจพิเศษสำหรับเครื่องของลูกค้าที่หมดระยะเวลาประกันไปแล้ว โดยเพิ่มระยะเวลาการให้บริการจาก 2 ปี เป็น 3 ปีเต็มพร้อมวางแผนการพัฒนาบริหารจัดการเพื่อลดขั้นตอนการเคลมประกันให้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยลูกค้าที่ยังอยู่ในระยะเวลาประกัน สามารถโทรแจ้งความเสียหายและเคลมประกันจากกรณีต่างๆ ได้โดยตรงกับกรุงเทพประกันภัย นายโสภณ กล่าวสรุป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4311 หรือสอบถามและแจ้งรับข้อมูลบริการได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4333 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th

View :2574

ทรูมูฟ เอช จับมือ ธนาคารกสิกรไทย จัดแคมเปญ ซื้อตั๋วรถไฟด้วยบัตรเดบิตกสิกรไทย รับเน็ตซิม 3G+ ฟรี

March 19th, 2012 No comments


ทรูมูฟ เอช ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดแคมเปญ “จองตั๋วรถไฟออนไลน์ผ่านบัตรเดบิตกสิกรไทย” มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย 1,000 ท่านแรกที่ซื้อตั๋วรถไฟออนไลน์ผ่าน www.thairailticket.com มูลค่า 500 บาทขึ้นไป และชำระเงินด้วยบัตรเดบิตกสิกรไทย รับฟรี NET SIM 3G+ ซิมทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน มูลค่า 99 บาท ให้เล่นเน็ตผ่านเครือข่ายทรูมูฟ เอช 3G+ ฟรี 100 MB และ WiFi 3 ชั่วโมง ใช้ได้นาน 60 วัน พร้อมมอบอิสระให้วันไม่มีหมดทุกครั้งที่ใช้งาน ได้วันเพิ่มทุกครั้งที่เล่นเน็ต เช็คอีเมล์ โทรออก หรือเติมเงิน ออนไลน์เต็มสปีดบนเครือข่าย 3G+ ที่เร็วและแรงกว่า ความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps* ใช้ได้จริงวันนี้ ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ทั่วกรุงเทพฯ ทุกจังหวัด กว่า 600 อำเภอทั่วไทย ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย รับความคุ้มค่าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 มิถุนายน 2555

View :1767

เพาเวอร์บาย เปิดโลกผ่านเลนส์ ในงาน PHOTO FEST 2012

March 19th, 2012 No comments

ตอกย้ำผู้นำแห่งโลกเทคโนโลยี พร้อมเปิดโลกมุมมองใหม่ ไกลสุดจิตนาการ ยกกองทัพกล้องดิจิตอล ในงาน POWER มหกรรมกล้องดิจิตอล งานใหญ่ที่ทุกคนรอคอย พบกับสุดยอดกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุด อาทิ Canon G1X, Nikon D4, SAMSUNG DV300 เป็นต้น สุดยอดเทคโนโลยีกล้องดิจิตอล, กล้องวีดีโอ, กล้อง DSLR และ อุปกรณ์เสริมต่างๆ ในราคาสุดพิเศษพร้อมรับโปรโมชั่น จุใจ ลดสูงสุด 24% สำหรับสมาชิกเซ็นทรัลคาร์ด ทั้งลด ทั้งผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน และของสมนาคุณมากมาย จากบัตรเครดิตและสินเชื่อชั้นนำ พร้อมมุมสินค้าพิเศษ ลดถล่มราคา ตั้งแต่ วันนี้ – 25 มีนาคม ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซน Eden และ Dazzle

View :1793

โนเกียเปิดตัว Nokia Asha 302 โทรศัพท์ Series 40 รุ่นแรกที่รองรับ Mail for Exchange

March 19th, 2012 No comments

โนเกียเปิดตัว โทรศัพท์ Series 40 ในตระกูล Asha ที่รองรับ Mail for Exchange มอบประสบการณ์ออฟฟิศเคลื่อนที่บนฟีเจอร์โฟนที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ยังให้คุณได้แชตบน Whatsapp และมาพร้อม Nokia Browser ที่มอบประสบการณ์การท่องอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย

Nokia Asha 302


ประสบการณ์ออฟฟิศเคลื่อนที่
Nokia Asha 302 ได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่และผู้ประกอบการ โดยมอบประสบการณ์ออฟฟิศเคลื่อนที่ด้วย push emails ปฏิทิน และการเชื่อมโยงกับรายชื่อผู้ติดต่อ (contacts) ผ่านระบบ Mail for Exchange ผนวกกับคีย์บอร์ด QWERTY ที่สวยงาม ทำให้ Nokia Asha 302 เป็นโทรศัพท์มือถือที่เหมาะกับคนทำงานและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มองหาโทรศัพท์ดีไซน์สวย นอกจากนี้ Nokia Asha 302 ยังเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์และให้คุณแชตผ่าน Whatsapp และบริการ IM อื่นๆ Nokia Asha 302 ทรงพลังด้วยหน่วยประมวลผลขนาด 1-GHz รองรับเครือข่าย 3.5G

“Nokia Asha 302 เพิ่มโอกาสการใช้งานออฟฟิศเคลื่อนที่บนมือถือให้เกิดขึ้นกับองค์กรธุรกิจทั้งหลายได้อย่างรวดเร็ว” มร. แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ กล่าวและเสริมว่า “การใช้งาน Mail for Exchange ได้บนโทรศัพท์ในระดับราคาต่ำกว่า 4,000 บาท ถือเป็นการช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และบริษัทเปิดใหม่ สามารถเพิ่มผลผลิตในการทำงานและความพึงพอใจของพนักงานผ่านระบบออฟฟิศเคลื่อนที่ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานให้ดียิ่งขึ้น”

Nokia Asha 302


ลดค่าใช้จ่ายในการท่องเน็ตด้วย Nokia Browser
Nokia Asha 302 มอบประสบการณ์การท่องอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย Nokia Browser ที่เร่งการประมวลผล ทำให้เนื้อหาบนอินเตอร์เน็ตสามารถค้นพบได้ง่ายๆ ทั้งยังมีเว็บท้องถิ่น และ portal สำหรับ web app นับพัน นอกจากความเร็วแล้ว Nokia Browser ยังบีบอัดข้อมูลได้มากถึง 90% จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการท่องเน็ตของผู้บริโภค และช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถบริหารจัดการเครือข่ายได้ดียิ่งขึ้น

Nokia Asha 302 เป็นโทรศัพท์ QWERTY ระดับพรีเมี่ยม มีให้เลือกหลายสี ได้แก่ เทาเข้ม ขาว แดง น้ำเงิน และทอง
วางจำหน่ายแล้วในราคา 3,900 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nokia Asha 302 ที่โนเกียแคร์ไลน์ 02 255 2111 หรือ www.nokia.co.th

View :3627

สวทช. กระทรวงวิทย์ฯจัดทัพเทคโนโลยีพร้อมรับมือพิบัติภัยในงาน NAC 2012 “รู้ สู้ พิบัติภัยไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”

March 18th, 2012 No comments


สวทช.กระทรวงวิทย์ฯ โชว์นวัตกรรมและผลงานช่วยรับมือพิบัติภัย ในงานประชุมประจำปี สวทช.หรือ ดร.ปลอดประสพมั่นใจจะเป็นเวทีรวมองค์ความรู้การรับมือพิบัติภัยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดีที่สุด พร้อมย้ำให้ภาคธุรกิจพลิกกลยุทธ์แปลงวิกฤติเป็นโอกาสขยายผลงานวิจัยไปสู่การผลิตอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ในวงกว้าง

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า “สวทช.ได้มีการจัดงานประชุมประจำปีขึ้นทุกปี โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีที่เกิดจากองค์ความรู้และการวิจัยพัฒนาของ สวทช.และเครือข่ายเพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถดำเนินงานได้ดี มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมไปถึงการสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์และความมั่นคงประเทศ ด้วยการเน้นบูรณาการระหว่างกัน ซึ่งหมายถึงการนำเทคโนโลยีจากหลายๆ แห่งมารวมเข้าไว้ด้วยกัน และนำเสนอการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สำหรับหัวข้อการจัดงาน “รู้สู้ ไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”ในปีนี้ นับว่าเหมาะและเข้ากับสถานการณ์ในการที่จะมาช่วยสนับสนุนการดำเนินการด้านจัดการภัยพิบัติตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ เนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในปีที่ผ่านมาที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากทั้งในแง่เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่และความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน “

“กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เสนอแนะนโยบายระยะยาวเพื่อใช้ในด้านการวางแผนการจัดการภัยพิบัติด้านน้ำในหลายๆด้าน โดยผมได้รับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ( กบอ.) กำหนดวิธีการดำเนินการของหน่วยงานรัฐ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเป็นไปโดยเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ รวมทั้งการดำเนินการอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมการป้องกันและแก้ไข ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายๆ หน่วยงาน ทั้งภายนอกและภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำให้ปัจจุบันเรามีระบบข้อมูลนำเสนอด้านสภาวะน้ำ ข้อมูลพยากรณ์ระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ ปริมาณฝนรายวันสูงสุดในพื้นที่ต่างๆ เส้นทางพายุจากภาพถ่ายดาวเทียม ปริมาณและระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ ทั้งระดับน้ำในเขื่อน ระดับน้ำในลุ่มน้ำ รวมถึงปริมาณฝนและระดับน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ“

“สวทช.เองก็เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงของกระทรวงฯ ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันและการสนับสนุนทำงานอย่างดีจาก ดร.ทวีศักดิ์ ผอ.สวทช. นอกเหนือจากการวิเคราะห์พยากรณ์เตือนภัยล่วงหน้าต่างๆ ดังที่กล่าวแล้ว คาดว่าในอนาคตจะมีนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดจากภัยพิบัติ เช่น เทคโนโลยีการก่อสร้าง เทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้าง และอื่นๆให้ต้านทานภัยพิบัติได้ดีขึ้น หรือช่วยบรรเทาความสูญเสียให้น้อยลงได้ ดังตัวอย่างของเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่สาธิตให้ชมหรือข้อคิดจากเวทีอภิปรายต่างๆในงานนี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลที่ต้องการแนวทาง ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากหลายๆภาคส่วนเพื่อปรับปรุงแผนงานและบูรณาการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”ดร.ปลอดประสพกล่าว

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การจัดงาน NAC 2012 ภายใต้แนวคิด “รู้ สู้พิบัติภัยไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ในครั้งนี้เพื่อเป็นเวทีให้กับนักวิจัยของ สวทช. จาก ๔ ศูนย์แห่งชาติได้นำเสนอผลงานความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ให้กับประชาชนและสังคมได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับพิบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งก่อนเกิดภัย เมื่อเกิดภัยขึ้นแล้ว และหลังพิบัติภัยผ่านพ้นไป โดยเฉพาะภัยจากน้ำท่วม ตัวอย่างผลงานเด่นที่นำมาจัดแสดงในงานแถลงข่าวครั้งนี้ อาทิ

• ถุงกระสอบ nSack ซึ่งมีขนาดเล็กและเบา สะดวกในการใช้งาน โดยไม่ต้องบรรจุทราย เพียงแช่น้ำไว้ประมาณ ๔๕ นาที ถุงจะดูดซับน้ำได้มากถึง ๑๐๐ เท่า และนำไปใช้งานเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับกระสอบทรายแบบดั้งเดิม
• จ่าเฉยวัดระดับน้ำ หุ่นจำลองตำรวจที่ติดตั้ง sensor เพื่อใช้ในการตรวจจับความเร็วของรถที่วิ่งผ่าน และตรวจการแซงทับเส้นทึบ (จุดห้ามจอด หรือคอสะพาน) นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อการรับมืออุทกภัยที่เกิดขึ้น จึงได้มีแนวคิดในการเพิ่มการตรวจสอบระดับน้ำบนพื้นถนน เพื่อให้สามารถรายงานสถานภาพน้ำท่วมบนพื้นถนนได้ตามความเป็นจริง โดยใช้อุปกรณ์อัลตร้าโซนิคตรวจวัดระดับความสูงของน้ำบนพื้นถนนเทียบกับถนนปกติ ทำให้ผู้ใช้ถนนสามารถตรวจสอบข้อมูลว่าสามารถที่จะวิ่งผ่านถนนดังกล่าวได้หรือไม่
• แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งของอ่าวไทย ซึ่งได้ศึกษาผลกระทบต่อชายฝั่งอันเนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล รวมถึงศึกษาการรุกล้ำของคลื่นทะเลอันเกิดจากพายุที่อาจมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น และอาจส่งผลต่อการเกิดน้ำท่วมได้
• ศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินและผู้บกพร่องทางการพูด ช่วยให้ผู้บกพร่องทางการได้ยินและผู้บกพร่องทางการพูดได้มีโอกาสใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไปในสังคม โดยเฉพาะในขณะที่เกิดพิบัติภัย
• nCA :- “น้ำใส หายเหม็น ออกซิเจนสูง” นวัตกรรมแก้ปัญหาน้ำท่วมขังและเน่าเสียให้กลายเป็นน้ำดี ระบบดังกล่าวประกอบด้วยสารจับตะกอนเพื่อให้น้ำใส และเครื่องเติมอากาศด้วยปั๊มที่ออกแบบการใช้งานที่ง่าย
• Flood Sign Application เครื่องมือในการช่วยเก็บข้อมูลระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี ๒๕๕๔ ซึ่งถือเป็นมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ โดยให้ประชาชนช่วยเก็บรวบรวมและรายงาน (Crowd Sourcing) ข้อมูลระดับคราบน้ำท่วมสูงสุดในแต่ละพื้นที่ผ่านทางMobile Application นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องมือในการรายงานระดับน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกพื้นที่และมีความทันสมัยหรือเป็นปัจจุบันมากที่สุด สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีที่แอนดรอยด์มาร์เก็ตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำป้าย Flood Sign ที่ใช้อลูมิเนียมปรับปรุงผิวด้วยอะโนไดซิ่ง (Anodized Aluminium) มอบให้กับ อบต. ครอบคลุม ๑๗ จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อนำไปติดตั้งยังจุดที่มีระดับน้ำท่วมสูงสุดด้วย
• ข้าวโพดพันธุ์ใหม่ “ข้าวเหนียวข้าวก่ำ” มีสารฟีนอลิกและสารแอนโทไซยานินสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยจะทูลเกล้าฯ ถวายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานประชุมวิชาการในวันที่ ๒๓ มีนาคมนี้ และ สวทช. จะนำไปมอบให้กับเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.อยุธยา และ จ.สระบุรีได้นำไปปลูกต่อไป
• Thai Science Biodiversity ฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ ไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ข้อมูล สืบค้นหาข้อมูลได้ง่าย ทำให้ประเทศไทยมีข้อมูลอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ สามารถยืนยันถิ่นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตของประเทศไทยในเวทีโลกได้ ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ และความหลากหลายทางชีวภาพของไทยหลังเกิดพิบัติภัยต่างๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่พร้อมให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ อาทิ ระบบผลิตไบโอดีเซล เจลรักษาแผลยับยั้งแบคทีเรียและกระตุ้นการหายของแผล สารเคลือบผิวผลไม้จากไขรำข้าว และโปรแกรมบันทึกข้อมูลสุขภาพครอบครัวแบบพกพา เป็นต้น สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีหัวข้อที่น่าสนใจกว่า ๒๘ เรื่อง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศที่จะมาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการรับมือพิบัติภัย อาทิ

• การสัมมนาในหัวข้อ “การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการรับมือมหาอุทกภัย” ซึ่งจะถอดบทเรียนความจริงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ และเสวนาถึงแผนการจัดการและแนวทางการรับมือของภาครัฐ โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงความเป็นไปได้ และชี้แนะแนวทางการใช้เครื่องมือ/เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนแผนการดังกล่าว ซึ่งจะถูกใช้เพื่อเตรียมการ ป้องกัน รับมือ เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนตัดสินใจเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ วิทยากรได้แก่ ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร รศ.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ สิรินธร และ ผศ.ดร.สุทัศน์ วีสกุล สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย

• การเสวนาในหัวข้อ “มองไปข้างหน้ากับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ” บริษัทชั้นนำด้านฮาร์ดิสก์ไดร์ฟที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น บริษัทเวสท์เทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โตซิบา สตอเรจ ดีไวท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศ) จำกัด บริษัท ซีเกท เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะมาร่วมพูดคุยและให้มุมมองต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟของไทย นอกจากนี้ในส่วนของภาคการศึกษากับการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ จะได้ฟังมุมมองและประสบการณ์จากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือฟีโบ้ ที่ได้นำเครื่องบินบังคับวิทยุสำรวจพื้นที่น้ำท่วม และได้นำมาประยุกต์ใช้สำรวจการลอกคูคลองในพื้นที่ต่างๆ

• การเสวนาในหัวข้อ “รู้ทันข้อมูลเพื่อรับมือพิบัติภัย” โดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล นักสื่อสารมวลชน และอาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จะมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองในการที่ประชาชนจะเลือกรับข้อมูลข่าวสารอย่างไรในช่วงวิกฤต ขณะเดียวกันภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีวิธีการสื่อสารอย่างไร เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก

• การสัมมนาเรื่อง “การปรับตัวของเกษตรกรในภาวะน้ำท่วม” เป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะได้รับฟังประสบการณ์ของเกษตรกรไทยที่ต้องปรับวิถีชีวิตและการทำกินในช่วงน้ำท่วม ซึ่งในช่วงวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา เกษตรกรบางรายสามารถสร้างรายได้จากวิกฤตนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีหัวข้อสัมมนาวิชาการอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ความเป็นไปได้ของการพัฒนาอุตสาหกรรม Organic and Printed Electronics ในประเทศไทย และศักยภาพของไทยในการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ Printed Electronic ซึ่งผลิตภัณฑ์ Printed Electronic ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น RFID tags หรือจอภาพต่างๆ

การจัดงานประชุมและแสดงผลงานประจำปี ๒๕๕๕ ของ สวทช. หรืองาน NAC 2012 เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ ๒๔-๒๘ มีนาคม นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมสำหรับครอบครัว “นักวิทยาศาสตร์น้อย รู้ สู้ พิบัติภัย” ในวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ด้วย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการจัดงานในปีนี้มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจ เกษตรกรและประชาชนผู้สนใจทั่วไป ซึ่งข้อมูลและความรู้จากงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับพิบัติภัยได้อย่างเหมาะสมต่อไป ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nstda.or.th/nac2012

View :1976

เนคเทค ผนึกกำลัง ซิป้า สกว. มูลนิธิสยามกัมมาจล และอินเทล เฟ้นหาเยาวชนนักวิทย์ฯ ในมหกรรม Thailand ICT Contest Festival 2012

March 17th, 2012 No comments

ครั้งที่ ๑๑ เฟ้นหาสุดยอดผลงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการสร้างสรรค์ผลงานจากวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ สัมผัสพลังความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์และสติปัญญาที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และพบกับสุดยอดนวัตกรรมต้นแบบ ผลงานทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร ไอที และซอฟต์แวร์ จากแนวคิดของเยาวชนทั่วประเทศ ผลงานที่ได้รับรางวัลทางมูลนิธิสยามกัมมาจลพร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าของผลงานพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่การนำไปใช้ได้จริงในอนาคต พร้อมเดินหน้าผลักดันผลงานที่ชนะเลิศ สู่การแข่งขันเวทีระดับนานาชาติ โชว์ศักยภาพเด็กไทยต่อไป โดยงานมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๐-๒๒ มีนาคมศกนี้ ณ หอประชุมมหิศร อาคารเอสซีบีพาร์ค ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เปิดให้เยาวชนไทยและผู้ที่สนใจเข้าชมผลงานได้ฟรี

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ องค์การมหาชน () สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย () และ บริษัท ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑” หรือ Thailand ICT Contest Festival 2012 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ หอประชุมมหิศร อาคารเอสซีบีพาร์ค ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความรู้ ความสามารถของเยาวชนไทย ให้สามารถพัฒนาผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีศักยภาพ นำไปสู่การประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และยังเป็นการบ่มเพาะต้นทุนแห่งทรัพยากรมนุษย์ สู่การพัฒนารากฐานสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมเชิงสร้างสรรค์

ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กล่าวว่า “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑ ถือเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่สำหรับการแสดงออกถึงความสามารถของเยาวชน โดยจะเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเยาวชนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น ดังจะเห็นได้จากผลงานของเยาวชนไทยที่สามารถคว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชื่อว่า หากมีการสนับสนุนด้วยดีจากทั้งภาครัฐและเอกชน ความสามารถในด้านดังกล่าวจะมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และในอนาคตประเทศไทยจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องพึ่งต่างชาติ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์สู่การเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ทางเนคเทคได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น นอกจากซิป้าและบริษัท อินเทล ที่ได้ร่วมผลักดันการสนับสนุนการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยและมูลนิธิสยามกัมมาจล ก็ได้มาร่วมมือกันสร้างเข้มแข็งให้กับผลงานของเยาวชนผลักดันไปสู่กลุ่มผู้ใช้งานจริงทั้งด้านเกษตรกรรม ชุมชน และสังคมต่อไป”

ด้าน ดร.นิรชราภา ทองธรรมชาติ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ องค์การมหาชน
(ซิป้า) กล่าวว่า “ในมหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารครั้งที่ ๑๑ จะได้เห็นการตื่นตัวและพัฒนาการของเยาวชนไทยในความรู้ ความสามารถทางด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งพบว่ามีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เยาวชนคนไทยสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยสำนักงานฯ ในฐานะที่มีบทบาทในการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จะมีมาตราการสำหรับให้ผู้สนใจพัฒนาซอฟต์แวร์สู่ผู้ประกอบการที่เข้มแข็งในอุตสาหกรรมต่อไป”

ด้านนางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวว่า “มูลนิธิสยามกัมมาจล ดำเนินงานด้านการพัฒนาเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนองค์กรพัฒนาเยาวชนให้มีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพเพื่อประโยชน์ของตนเองและร่วมแบ่งปันความสามารถกับชุมชน ซึ่งจะเป็นผลให้คนรุ่นใหม่ เป็นพลเมืองที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนของสังคมไทย สำหรับเยาวชนที่มีความสามารถด้านไอที มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนการต่อยอดโครงการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย โดยปีนี้เป็นปีแรกที่สนับสนุนให้ผลงานของเยาวชนที่มีศักยภาพได้พัฒนาต่อไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง พร้อมทั้งสนับสนุนการรวมตัวกันของเครือข่ายเยาวชนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาความสามารถร่วมกัน ตลอดจนขยายผลให้เกิดเครือข่ายครู อาจารย์ ที่มีบทบาทสนับสนุนเยาวชนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยให้สามารถสร้างกำลังคนรุ่นใหม่ด้านไอที ที่มีคุณภาพและมีจำนวนมากยิ่งขึ้น ให้เพียงพอต่อความต้องการกำลังคนที่สามารถนำความก้าวหน้าทางไอทีไปสร้างความได้เปรียบในการพัฒนาประเทศต่อไป”

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งผู้สนับสนุนโครงการ “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑” หรือ Thailand ICT Contest Festival 2012 กล่าวว่า “เนื่องจากเยาวชนคือกำลังสำคัญที่จะผลักดัน และพัฒนาศักยภาพโดยรวมทั้งระดับประเทศ และโลกต่อไป ดังนั้น การมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงทักษะการคิดในเชิงวิเคราะห์ รู้จักการทำงานร่วมกัน ตลอดจนความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เราเดินไปสู่ความสำเร็จ การสนับสนุนที่อินเทลมีให้กับเนคเทคกว่าสิบปีที่ผ่านมา และร่วมส่งเสริมให้เด็กไทยได้ก้าวขึ้นไปประชันผลงานกันในเวทีระดับโลกอย่างงาน Intel International Science and Engineering Fair (Intel ISEF) ที่ประเทศสหรัฐฯ ภายหลังจากที่ได้ผู้ชนะจากเวทีระดับประเทศแล้วนั้น นับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยสร้างสรรค์ผลงานการคิดค้นกันอย่างเต็มที่ โดยจะเป็นการช่วยยกระดับความรู้ ความสามารถของเยาวชนไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลมากขึ้น”

ทั้งนี้ “มหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครั้งที่ ๑๑” หรือ Thailand ICT Contest Festival 2012 มีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น การเสนอผลงาน ๑๓๑ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ยอดเยี่ยมในสาขาต่างๆ อาทิ โปรแกรมเกม โปรแกรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ (CAI) โปรแกรมเพื่อช่วยคนพิการ โปรแกรมเพื่อประยุกต์ใช้งาน Web Contest และ Mobile Application ในการแข่งขันโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๔ (The Fourteenth National Software Contest: NSC 2012)

ชมการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ ๑๔ (Young Scientist Competition: YSC 2012) สรรหาสุดยอดตัวแทนประเทศไทยชิงชัยในงาน Intel International Science and Engineering Fair (Intel ISEF) ณ เมืองพิตส์เบิร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ร่วมให้กำลังใจนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตัวแทนค่ายนักอิเล็กทรอนิกส์รุ่นเยาว์จาก ทั่วประเทศในการแข่งขันประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ ๑๑ ( Youth’s Electronics Circuit Contest: YECC 2012) เพื่อชิงชัยในการประดิษฐ์และสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์สำหรับเตรียมรับมือภัยพิบัติ เพื่อค้นหาสุดยอดนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์

ชมการแข่งขันระบบปฏิบัติการลินุกซ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๒ ( National Linux Competition: NLC 2012) ระดับนักเรียนและประชาชนทั่วไปในการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อใช้โปรแกรมต่างๆในลินุกซ์ทะเลและการใช้งานคอมพิวเตอร์สำหรับควบคุมและให้บริการเครือข่ายโดยใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ระบบปฏิบัติการตามแนวทาง Open Source ที่ช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

พร้อมกันนี้ ในการจัดงาน ทั้ง ๓ วัน ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมบนเวที เช่นการพูดคุยกับแขกรับเชิญ การสัมมนาเชิงปฏิบัติการสำหรับครู-อาจารย์ และกิจกรรมสัมมนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในประเด็นที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย รวมถึงการรับฟังเทคนิคและเคล็ดลับในการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อสร้างแรงบันดันดาลใจให้กับเยาวชนไทยที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยี เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. ๐๒ ๕๖๔๖๙๐๐ ต่อ ๒๓๔๕ หรือ ๒๓๘๘ – ๙ หรือทางเว็บไซต์ www.nectec.or.th/fic/

View :1716