Archive

Archive for August, 2012

เอไอเอส จับมือ เรือด่วนเจ้าพระยา ออกแคมเปญใหม่ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” สิทธิพิเศษที่มากยิ่งกว่า ส่งเสริมเที่ยวไทยครบสูตร

August 9th, 2012 No comments

เดินหน้ามอบอีกขั้นกับที่สุดของประสบการณ์เชิงบวกที่มากยิ่งกว่าเพื่อคุณเสมอ ผ่านแคมเปญ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” จับมือ “” พาร์ทเนอร์คู่ใจ ต่อยอดให้ลูกค้าเอไอเอสได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมอิ่มอร่อยไปกับหลากเมนูจากร้านอาหารชื่อดังกว่า 50 ร้าน ตลอดแนวเส้นทางเรือด่วน พร้อมรับส่วนลดความอร่อยสูงสุดกว่า 20% หลังจากประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับจากลูกค้ากว่า 400,000 ราย ที่ร่วมรับส่วนลดการโดยสารทางน้ำในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

คุณวิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการส่งมอบประสบการณ์เชิงบวกที่มากยิ่งกว่า คือ ความพิเศษในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิตสำหรับลูกค้า ซึ่งเอไอเอส เป็นผู้นำในการเปิดมิติของสิทธิพิเศษในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 ได้ขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลากหลายอุตสาหกรรมมากกว่า 7,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ทั้ง Lifestyle และ Daily Life ตั้งเป้ามีลูกค้าเข้าร่วมรับสิทธิพิเศษมากกว่า 7 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2554 และสามารถลดยอดการย้ายค่ายได้ถึง 70%”

ทั้งนี้ในเรื่องของการเดินทาง ซึ่งถือเป็นอีก 1 สิทธิพิเศษที่อำนวยความสะดวกและสร้างความคุ้มค่าในการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้าเป็นอย่างยิ่งนั้น เอไอเอส ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกรูปแบบ ประกอบด้วย รถไฟฟ้าบีทีเอส, รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที, รถทัวร์ , เครื่องบิน และเรือด่วน ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมียอดการเข้าร่วมรับสิทธิ์ในภาพรวมถึง 700,000 ครั้งต่อปี

คุณวิลาสินีย้ำว่า “สำหรับ เรือด่วน ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางที่มีประชาชน ทั้งนิสิต นักศึกษา นิยมใช้บริการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสัญจรได้อย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลา ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ร่วมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าเอไอเอส มาเป็นเวลากว่า 3 ปี โดยมอบส่วนลด 3 บาท สำหรับค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาเรือด่วนพิเศษธงส้ม และเรือด่วนพิเศษธงเหลือง โดยมีผู้โดยสารจำนวนกว่า 40,000 คนต่อวันโดยคิดเป็น 70% คือ กลุ่มคนทำงานนักเรียน และมีลูกค้าเอไอเอส ให้ความสนใจกดเข้าร่วมโครงการถึงกว่า 400,000 ราย

ดังนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดความพิเศษและส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวริมน้ำ จึงเป็นที่มาของการผนึกกำลังร่วมกันอีกครั้งระหว่าง เอไอเอส และ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา ผู้ให้บริการเรือด่วนโดยสารรายเดียวที่มีการเดินเรือตลอดเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยามอบ ประสบการณ์ใหม่อีกขั้นโดยรวมสิทธิพิเศษจากหมวดอาหารการกิน และการเดินทาง มาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ในแคมเปญ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” ที่เอาใจผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมรับส่วนลดความอร่อยสูงสุดกว่า 20% กับร้านอาหารชื่อดังกว่า 50 ร้าน ตลอดสองฝากฝั่งตามแนวเส้นทางเรือด่วน ตั้งแต่ท่าปากเกร็ด – ท่าวัดราชสิงขร อาทิ มังคุค คาเฟ่ by Club Art ,ริมน้ำเทอเรส , เรืออาหารเย็นพระยา, เดอะ เดค บาย เดอะ ริเวอร์ รวมทั้งอีกหลากหลายร้านอร่อยภายใน Asiatique ฯลฯ ซึ่งลูกค้าเอไอเอสสามารถสัมผัสสีสันและดื่มด่ำความอร่อย พร้อมรับส่วนลดกันได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2556”

“เชื่อว่าแคมเปญ “อุ่นใจชวนชิม…ริมน้ำ” นอกจากจะตอบโจทย์ Lifestyle ลูกค้าเอไอเอสผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาแล้ว ยังถือว่าได้ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเอไอเอสเองจะยังคงเดินหน้ามอบความพิเศษที่มากยิ่งกว่าเพื่อชีวิตในแบบคุณอย่างต่อเนื่องตลอดไป” คุณวิลาสินีกล่าวสรุป

View :1339

ทรู ชวนคนไทยทำดีในวันแม่ บอกเล่าเรื่องราวความรักความผูกพันแม่-ลูก เปิดตัวโครงการ “เรื่องเล่า…เรากับแม่ (The Story of Mom and Me)”

August 9th, 2012 No comments

พร้อมเชิญร่วมสมทบทุน สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การ แพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “แม่ของแผ่นดิน”

กลุ่มทรู โดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการ ด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ และ แพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) พร้อมด้วยเหล่าศิลปินชื่อดัง แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ ศิลปินทรูเอเอฟ นำโดย แม็ค เอเอฟ6,โปเต้ เอเอฟ8 และโบว์ เอเอฟ5 แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เรื่องเล่า…เรากับแม่(The Story of Mom & Me)” ด้วยแนวคิด “แม่กับฉัน เรามีกันและกันตลอดไป(Together Mom & Me Forever)” ชวนคนไทยทั่วประเทศ จัดทำสมุดภาพดิจิตอลแสดงความรักความผูกพัน และถ่ายทอดเรื่องราวประทับใจระหว่างแม่-ลูก ผ่านwww.iwilldoforqueen.com ซึ่งสามารถส่งต่อผลงานไปที่เฟซบุ๊คได้ พร้อมร่วมกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) รณรงค์จัดหาทุนสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก ถวายเป็นพระราชกุศลแก่แม่หลวงแห่งแผ่นดิน โดยสามารถบริจาคผ่าน ระบบทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช ส่งไปที่หมายเลข 91266 หรือโอนเงินผ่านบัญชี ดูรายละเอียดช่องทางการบริจาคได้ที่ www.childrenhospital.go.th หรือ โทร.02-640-9363

นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้อำนวยการ ด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผู้เป็นแม่หลวงแห่งแผ่นดิน ที่ทรงมอบความรักความห่วงใยแก่พสกนิกรชาวไทย ซึ่งสื่อถึงสายสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก กลุ่มทรู จึงได้จัดโครงการ เรื่องเล่า…เรากับแม่ () ด้วยแนวคิด “แม่กับฉัน เรามีกันและกันตลอดไป (Together Mom & Me Forever)” เชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมสร้างสรรค์สมุดภาพดิจิตอล โดยสามารถดาวน์โหลดแบบสมุดภาพที่ต้องการผ่าน www.iwilldoforqueen.com พร้อมจัดทำผลงานที่แสดงความรักความผูกพันระหว่างแม่-ลูก ซึ่งสามารถแชร์ไปที่เฟซบุ๊ค โดยผลงานที่มีผู้เข้าชมสูงสุดในแต่ละสัปดาห์ จะได้รับสมุดภาพฉบับพิมพ์ของตนเองเป็นที่ระลึก และยังชวนส่งต่อเรื่องราวดีๆ ผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอื่นๆ ทั้ง ทวิตเตอร์ บล็อก และอินสตราแกรม ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสปีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 กลุ่มทรู ได้ร่วมกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) รณรงค์จัดหาทุนสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก โดยมีศิลปินร่วมโครงการคับคั่ง อาทิ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียร
เกล้า และเหล่าศิลปินทรูเอเอฟ นำโดย โบว์ นัททิว เอเอฟ5, แม็ค ซานิ เอเอฟ6,มีน เอเอฟ7 และ โปเต้ คชา เอเอฟ8 ”

แพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนอย่างกลุ่มทรู ให้การสนับสนุนการจัดหาทุนเข้าโครงการสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก ซึ่งปัจจุบัน สถาบันฯ ยังประสบปัญหาด้านความจำกัดของพื้นที่ในการให้บริการการรักษาแก่ผู้ป่วยเด็กซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากต่างจังหวัด อีกทั้งเป็นโรคซับซ้อนที่รับส่งต่อมาจากทั่วประเทศ ซึ่งอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก แห่งนี้ จะบทบาทสำคัญในการรองรับการให้บริการการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ผู้สนใจ สามารถร่วมบริจาค สมทบทุนผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
• SMS ระบบทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช โดยพิมพ์ 10 เพื่อบริจาค 10 บาท (ไม่รวม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือ พิมพ์ 100 เพื่อบริจาค 100 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ส่งไปที่หมายเลข 91266
• โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก”
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน เลขที่บัญชี 111-410586-1
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เลขที่บัญชี
046-7-00688-8
- ธนาคารออมสิน สาขาอนุสาวรีย์ชัย เลขที่บัญชี 02-8888-99999-3
• โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน ชื่อบัญชีออม
ทรัพย์ “มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก” เลขที่บัญชี 111-410586-1
• บริจาคผ่าน เคาน์เตอร์ เซอร์วิส ทั่วประเทศ โดยแจ้งความจำนงเพื่อ “
มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก”
• โอนเงินผ่านเว็บไซต์ www.childrenhospital.go.th

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.iwilldoforqueen.com, www.childrenhospital.go.th หรือโทร. 02-640-9363 (เวลาราชการ) และ 088-874-4671

View :1416

เอไอเอส จีเอสเอ็ม นำสมาร์ทโฟนสุดฮิต พร้อมส่วนลดและสิทธิพิเศษสุดคุ้ม มาเอาใจลูกค้า

August 9th, 2012 No comments

จีเอสเอ็ม นำสมาร์ทโฟนซัมซุง 3 รุ่นสุดฮิต พร้อมส่วนลดและสิทธิพิเศษสุดคุ้มมากมาย มาเอาใจคอไอทีให้เลือกได้ในแบบคุณ พิเศษ! ซื้อ Samsung Galaxy Slll, Samsung Galaxy Note และ Samsung Galaxy Beam รับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน (เฉพาะที่ ช็อป) พร้อมรับส่วนลดแพ็กเกจ iSmart จากปกติ 899 บาท/เดือน เหลือเพียง 599 บาท/เดือน นาน 10 เดือน และยังจุใจกับฟรี e-magazine และ e-newspaper จาก Book Store นาน 2 เดือน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 10,000 บาท รับความพิเศษนี้ได้ที่เอไอเอส ช็อป และร้านเทเลวิซที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. – 30 ก.ย. 55 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www..co.th/gsmadvance

View :1207

ก.ไอซีที ชวนประชาชนชาวไทยร่วมถวายพระพรออนไลน์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม

August 9th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 โดยการจัดทำเว็บไซต์ถวายพระพรออนไลน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขึ้น ภายใต้ชื่อ www.welovequeenonline.com เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ให้ประชาชนชาวไทย สามารถร่วมแสดงความจงรักภักดีได้ทุกที่ทุกเวลา

“กระทรวงฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด คือ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดทำเว็บไซต์ welovequeenonline.com โดยประสานงานกับกองงานในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อขอพระราชานุญาตนำพระฉายาลักษณ์ และตราสัญลักษณ์ 80 พรรษามาเผยแพร่ในหน้าหลักของเว็บไซต์ รวมถึงในการ์ดถวายพระพรที่จัดทำเป็นรูปแบบ e-postcard พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมบทกลอนมีทั้งหมด 8 แบบ ให้ประชาชนได้เลือกร่วมกับคำถวายพระพรที่ถ่ายทอดถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ ซึ่งมีให้เลือก 4 ข้อความ ได้แก่ 1.ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี 2.ขอพระองค์ทรงมี พระพลานามัยแข็งแรง 3.ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และ 4.ขอทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย นอกจากนั้นในเว็บไซต์นี้ยังมีวิดีโอสารคดีเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นสารคดีที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน โดยปรากฏอยู่ในหน้าแรกของเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมชื่นชมและซาบซึ้งกับพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อประเทศไทย

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนทั่วประเทศ ร่วมกิจกรรมถวายพระพรออนไลน์ผ่าน www.welovequeenonline.com ที่กระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดได้จัดทำขึ้น เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยพร้อมเพรียงกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

View :1203

ก.ไอซีที ผลักดันภาคอุตสาหกรรม ICT ไทย ให้พร้อมรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

August 8th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ไทยเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ว่า กระทรวงฯ ได้วางแผนการดำเนินโครงการส่งเสริมการลงทุน และพัฒนาธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ ICT ไทยสู่สากล โดยได้มีการดำเนินงานในด้านต่างๆ ทั้งด้านการรวบรวมข้อมูล และการจัดทำนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ การสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ICT ไทย และเตรียมความพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้ายแรงงาน ในการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น

“กระทรวงฯ ได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ของภาคอุตสาหกรรม ICT ในด้านต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมพัฒนาซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมแอนิเมชั่น อุตสาหกรรมเกมส์ อุตสาหกรรมผลิตคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมการให้บริการเครือข่าย อุตสาหกรรมสมองกลฝังตัว และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการท่องเที่ยว รวมทั้งมีการรวบรวมข้อมูลสถานภาพของผู้ประกอบการในแต่ละภาคอุตสาหกรรม ICT และภาพรวมของอุตสาหกรรม ICT ไทย เช่น มูลค่าอุตสาหกรรม ICT จำนวนผู้ประกอบการและบุคลากรในแต่ละภาคฯ แนวโน้มการเจริญเติบโตของแต่ละภาคอุตสาหกรรมฯ รวมทั้งแนวโน้มทางเทคโนโลยี เพื่อที่กระทรวงฯ จะนำมาใช้กำหนดนโยบายและแผนงานในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม ICT ได้อย่างถูกต้อง พร้อมกันนี้ยังได้มีการจัดระดมสมองผู้ประกอบการในแต่ละภาคอุตสาหกรรมฯ เพื่อให้ความรู้ในการเตรียมตัวรองรับการแข่งขันจากต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้มีการแสวงหาพันธมิตรจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิง Value Chain รวมถึงจัดสัมมนาผู้ประกอบการที่มีผลกระทบจากการปฏิบัติตามการรับรองมาตรฐานวิชาชีพอุตสาหกรรม ICT ตามข้อตกลงของ e-ASEAN เพื่อทราบนโยบายและแนวทางการรับรองมาตรฐานวิชาชีพ และให้ความเห็นในการปรับปรุงการรับรองมาตรฐานให้สอดคล้องกับความเป็นจริงในภาคอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

ส่วนด้านการสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ (New Entrepreneur) เพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ICT ทั้งไทยและต่างประเทศ กระทรวงฯ ได้มีการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมนักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ทั้งการตลาด การเงิน กฎหมาย และระบบบัญชี ซึ่งจะช่วยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งช่วยลดอัตราความล้มเหลวในการทำธุรกิจได้ และยังมีการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมผู้ประกอบการ และผู้บริหารระดับสูง (ICT Executive Program) เพื่อให้ผู้ประกอบการในระดับผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคผู้ใช้งาน ได้มีความเข้าใจที่ตรงกันทั้งสามฝ่าย และก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งเพื่อรองรับการแข่งขันจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดตั้งสถาบันเฉพาะทางด้าน ICT เพื่อเป็นแหล่งพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะในสาขาที่มีความสำคัญสูงหรือมีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้นในอนาคต โดยได้บูรณาการงานพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อการวางกรอบมาตรฐานวิชาชีพด้าน ICT ในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานในอุตสาหกรรม ICT อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้ประเทศไทยแสดงบทบาทในการเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาบุคลากร ICT ของอาเซียนที่มีมาตรฐานและทักษะในวิชาชีพอันเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนย้ายบุคลากร ICT ของภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งเสริมให้มีการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ผู้ประกอบการ อาทิ การใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการทำธุรกรรมขั้นพื้นฐาน กรอกแบบฟอร์มเอกสารทางราชการ การรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลโดยการใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดเพื่อยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมทางการเงิน การรับส่งอีเมล์สำคัญ หรือการเข้ารหัสไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ เป็นต้น รวมทั้งยังส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานการพัฒนาสินค้าและบริการ เช่น มาตรฐาน มอก. หรือ ISO หรือ CMMI หรือมาตรฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการรายที่ยังไม่ได้มาตรฐานต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากต่างประเทศที่มีความพร้อมทั้งด้านสินค้า/บริการ การเงิน และบุคลากร

“กระทรวงฯ ได้ดำเนินการในโครงการต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้าน ICT อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2550 โดยได้มีการสำรวจบุคลากรด้านไอที ทั้งในด้านความต้องการ (Demand) และด้านการผลิต (Supply) จัดทำกรอบมาตรฐานวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้าน ICT จำนวน 3 กรอบ คือ มาตรฐานวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายและคอมพิวเตอร์ ด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศและข้อมูล และด้านการบริหารความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล จัดฝึกอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับบุคลากรด้าน ICT ทำการศึกษาสายงานวิชาชีพด้าน ICT เพื่อจัดทำกรอบมาตรฐานวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้าน ICT ไทย โดยเป็นการศึกษา วิเคราะห์ เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาข้อมูลสายงานวิชาชีพด้าน ICT ของประเทศไทย และต่างประเทศ ทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์ว่าจะมีในอนาคต รายงานการจัดประเภทกลุ่มสายงานวิชาชีพด้าน ICT ของประเทศไทย รายงานการจัดทำเส้นทางอาชีพในสายงานวิชาชีพด้าน ICT และ รายงานผลการศึกษาข้อดีและข้อเสียของการมีมาตรฐานวิชาชีพ ICT ในภาคอุตสาหกรรมด้าน ICT รวมทั้งยังได้ดำเนินโครงการ ASEAN ICT Skill Standards-Definition and Certification (ISSDaC) ซึ่งจะมุ่งเน้นการศึกษาวิชาชีพด้าน ICT 5 วิชาชีพ คือ Software Development, ICT Project Management, Enterprise Architecture Design, Network and System Administration และ Information System and Network Security ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโครงการที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ ICT ไทยสามารถก้าวสู่การแข่งขันในระดับสากลได้” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

View :1331

สำนักงาน “แอร์เอเชีย อาเซียน” จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการรองรับแผนการขยายกลุ่มแอร์เอเชียสู่ระดับภูมิภาค

August 7th, 2012 No comments

สำนักงานประจำภูมิภาคของสายการบินแอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก ได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 สิงหาคม 2555

การเปิดสำนักงานแอร์เอเชีย อาเซียน เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแอร์เอเชียที่มีต่อภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นบ้านของเรา รวมทั้งวันที่ 7 สิงหาคมนี้ยังเป็นวันก่อนวันครบรอบ 45 ปีของการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน

การก่อตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคครั้งนี้ จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของแอร์เอเชียในการเป็นสายการบินแห่งอาเซียน ตามกลยุทธ์การขยายงานสู่ภูมิภาคของกลุ่มแอร์เอเชีย ปัจจุบันกลุ่มแอร์เอเชียประกอบด้วย 6 สายการบิน ได้แก่ แอร์เอเชีย มาเลเซีย ไทยแอร์เอเชีย แอร์เอเชียอินโดนีเซีย แอร์เอเชียฟิลิปปินส์ และแอร์เอเชีย แจแปน ซึ่งให้บริการเส้นทางระยะสั้น และแอร์เอเชีย เอ็กซ์ สายการบินผู้ให้บริการเส้นทางระยะไกล สายการบิน 5 แห่งของกลุ่มแอร์เอเชียมีฐานการบินอยู่ในภูมิภาคอาเซียน

โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย และกามารูดิน มารานุน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย จะนั่งประจำที่สำนักงานแอร์เอเชีย อาเซียน

“การก่อตั้งสำนักงานแอร์เอเชีย อาเซียนในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเป็นสำนักงานประจำภูมิภาค จะช่วยให้เราส่งต่อแนวคิดที่ว่า “ใครๆ ก็บินได้” ไปยังชาวอาเซียนทุกคนและภูมิภาคใกล้เคียง เราโชคดีอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในภูมิภาคที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่บางภูมิภาคอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาเผชิญกับมรสุม เราเชื่อว่ากลยุทธ์ของแอร์เอเชียที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาค ไม่เพียงจะส่งผลดีกับธุรกิจ แต่ยังทำให้เราก้าวเหนือคู่แข่งได้อย่างแน่นอน” โทนี่กล่าว

แอร์เอเชีย อาเซียน ในฐานะศูนย์กลางทางความคิดของแผนงานการขยายสู่ภูมิภาค จะช่วยให้แอร์เอเชียเตรียมพร้อมรับมือนโยบายการเปิดน่านฟ้าเสรีอาเซียนและการรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นแผนงานของสำนักงานเลขาธิการอาเซียนที่จะริเริ่มในการรวม 10 ประเทศอาเซียนเข้าด้วยกัน
“แอร์เอเชีย อาเซียน จะช่วยส่งให้แนวคิด เสียง และความเห็นของแอร์เอเชียมีพลังต่ออาเซียน เหตุผลหนี่งในการตั้งสำนักงานที่กรุงจาการ์ตา เพื่อช่วยให้แอร์เอเชียได้ทำงานใกล้ชิดกับสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นี่” เฟอร์นานเดสกล่าว

ตามแผนซึ่งเน้นขยายตัวในภูมิภาค แอร์เอเชียจะขยายตลาดรองรับประชากร 600 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพพร้อม โดยแอร์เอเชียจะทำให้อาเซียนใกล้ชิดกันมากขึ้น ด้วยเที่ยวบินที่มีรัศมีให้บริการภายใน 4 ชั่วโมง และเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีประชากรจำนวนมากอย่างจีนและอินเดีย รวมทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลี หากรวมทั้งในอาเซียน เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และเอเชียใต้ จะมีประชากรถึง 3 พันล้านคน หรือคิดเป็น 43% ของประชากรโลก โทนี่กล่าวเพิ่มเติม

แอร์เอเชียได้ดำเนินงานตามแผนการขยายสู่ภูมิภาค ด้วยการเพิ่มจำนวนฝูงบิน ซึ่งกลุ่มแอร์เอเชียได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ320 จำนวน 375 ลำ แอร์บัส เอ330 จำนวน 25 ลำ และแอร์บัส เอ350 จำนวน 10 ลำ ปัจจุบันฝูงบินของกลุ่มแอร์เอเชียประกอบด้วยแอร์บัส เอ320 จำนวน 104 ลำ แอร์บัส เอ330 จำนวน 9 ลำ และแอร์บัส เอ340 จำนวน 2 ลำ ให้บริการบินตรง 160 เส้นทาง สู่ 85 ปลายทาง ซึ่ง 55 ปลายทางอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน

ความมุ่งมั่นของแอร์เอเชียที่มีต่ออาเซียนได้ขยายครอบคลุมเครือข่ายเส้นทางบินของแอร์เอเชีย แอร์เอเชียให้โอกาสในการทำงานกับพนักงานกว่า 10,000 คนจากทั่วอาเซียน และเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารกว่า 140 ล้านคนได้เดินทางไปกับเรา นับตั้งแต่ก่อตั้งสายการบินราคาประหยัดในปี 2544 นอกจากนี้แอร์เอเชียยังมีโครงการหลากหลายในระดับภูมิภาคทั้งในด้านกฬาและเยาวชน รวมทั้งในระดับโลกด้วย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 แอร์เอเชีย อาเซียนได้เปิดตัว “อาเซียนนิต้า” ตัวการ์ตูนสาวน้อยน่ารัก ไกด์สาวที่จะพาคุณท่องไปทั่วอาเซียน นำเสนอผ่านช่องทางเครือข่ายสังคมที่ได้รับความนิยม ขณะนี้ Facebook (facebook.com/Aseanita) มีแฟนเพจ 2,700 คน และมีผู้ติดตาม Twitter (@Aseanita) 250 คน

เนื่องในโอกาสเปิดสำนักงานแอร์เอเชีย อาเซียน อย่างเป็นทางการ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปีของการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน แอร์เอเชียได้ออกโปรโมชั่นบัตรโดยสาราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 790 บาทต่อเที่ยว บินเที่ยวปลายทางในฝัน เช่น เชียงราย สิงคโปร์ บาหลี ฮ่องกง และอีกมากมาย สำรองที่นั่งทาง www.airasia.com ตั้งแต่วันนี้ ถึง 12 สิงหาคม 2555 เพื่อเดินทางวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ถึง 31 มกราคม 2556 ด้านแอร์เอเชีย โกก็ร่วมออกโปรโมชั่นห้องพักราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 50% เพียงเข้าไปที่ www.AirAsiaGo.com ช่วงเวลาสำรองที่นั่งและเวลาเข้าพักเช่นเดียวกับโปรโมชั่นของแอร์เอเชีย

View :1949

โซนี่ เปิดตัว Xperia™ Neo L สมาร์ทโฟนหน้าจอขนาด 4 นิ้ว

August 6th, 2012 No comments

บริษัท โซนี่ โมบายล์ คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Xperia™ Neo L สมาร์ทโฟนที่ให้คุณได้สัมผัสความบันเทิงอย่างเต็มอิ่มด้วยหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480×854 อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0.4 (Ice-Cream Sandwich)

นอกจากนี้ Xperia™ Neo L ยังมาพร้อมกล้องที่มีความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัสและไฟ LED อีกทั้งยังเอาใจคนที่รักการถ่ายภาพให้ได้ถ่ายรูปตัวเองด้วยกล้องหน้าความละเอียดแบบ VGA และสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวขนาด HD720p รวมถึงรองรับไฟล์ MP4 , 3GP ได้เป็นอย่างดี ที่มาพร้อมกับหน่วยความจำในเครื่อง 1GB แรม 512 MB นอกจากนี้ยังให้คุณได้สัมผัสความบันเทิงที่ครบครับด้วยเครื่องเล่นเพลง MP3 รวมถึงรองรับการแชร์ภาพ วีดีโอและ เสียงเพลงแบบไร้สายผ่านระบบ DLNA เข้ากับทีวีได้ รวมถึงให้คุณท่องโลก Social Network อาทิ Facebook™ , Twitter™, Google Talk™ และ Skype ได้อีกด้ว กับเครือข่าย 3G ในระบบ 900/2100 MHz

รุ่น Xperia™ Neo L วางจำหน่ายแล้วในราคา 7,990 บาท พร้อมแถมเมมโมรี่การ์ด MicroSD ขนาด 2 GB โดยตัวเครื่องมี 2 สี คือสีดำ และ สีขาว โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่ทั่วประเทศ ร้าน Power Buy , ร้าน TG Phone ,ร้านซินเน็ค และ ร้านยJay Mart หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sonymobileth

View :1287

ข้อเข่าขาเทียมสำหรับคนพิการขาขาดจากการใช้รถใช้ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา

August 6th, 2012 No comments

โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข บริษัท แฮลเชี่ยนเมทอล จำกัด และ สถานีวิทยุจส.๑๐๐ จัดทำโครงการข้อเข่าขาเทียมสำหรับคนพิการขาขาดระดับเหนือเข่า ที่ประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ 
เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนให้คนพิการขาขาดระดับเหนือเข่าประสบประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในการดำรงชีวิตในสังคม อันเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรที่พิการ

ปัจจุบันมีผู้พิการแขนขาขาดเป็นจำนวนมาก ตามรายงานการสำรวจคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีผู้พิการขาขาดทั้งหมด ๒๓,๗๗๗ คน คิดเป็นร้อยละ๑.๘ ของผู้พิการทั้งหมดและเป็นร้อยละ ๓๖.๙๘ ของประชากรคนพิการแขนขาขาด สาเหตุของความพิการอาจเป็นจากความพิการแต่กำเนิด อุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการกลุ่มนี้ โดยการจัดหาขาเทียมที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยจะช่วยให้ผู้พิการเหล่านี้มีระดับความสามารถสูงขึ้นช่วยเหลือตนเองได้ และสามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างปกติและมีความสุขตามที่สภาพร่างกายและสังคมจะเอื้ออำนวย พร้อมทั้งยังสามารถก่อให้เกิดผลผลิตแก่สังคมได้

การจัดทำขาเทียมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาเทียมแกนใน (Endoskeleton Prosthesis) ยังต้องมีการนำเข้าวัสดุส่วนประกอบจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูง โดยนักกายอุปกรณ์หรือช่างกายอุปกรณ์จะนำส่วนประกอบต่างๆ มาประกอบเป็นขาเทียมให้เหมาะสมแก่คนพิการขาขาดแต่ละราย จากสถิติคนพิการขาขาดข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีจำนวนคนพิการขาขาดมีจำนวนไม่น้อย และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจากสาเหตุต่างๆ หลายประการ รวมทั้งสาเหตุจากการจราจรทางบก หน่วยงานที่มีความสามารถและให้บริการยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการ และงบประมาณในการจัดหาส่วนประกอบมีจำกัด ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาหาส่วนประกอบที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศ และมีคุณภาพที่เหมาะสม เพื่อลดค่าใช้จ่าย รวมถึงสามารถให้บริการได้ทั่วถึงมากขึ้น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้ร่วมมือกับศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ และบริษัทแฮลเชี่ยน เมทอล จำกัด ได้ดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาข้อเข่าขาเทียมแบบสี่จุดหมุน และส่วนประกอบแกนในไม่รวมฝ่าเท้าขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๒ โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการขึ้นรูป การใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทานขึ้น รวมทั้งการพัฒนาระบบปรับหน่วง และระบบล็อคข้อเข่าเพื่อป้องกันการพับงอของข้อเข่าซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการใช้งานของคนพิการ เช่น การหกล้ม ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวใช้เทคโนโลยีและวัสดุภายในประเทศไทย เพื่อเป็นการลดการนำเข้าวัสดุข้อเข่าขาเทียมจากต่างประเทศ โดยได้นำผลงานวิจัยดังกล่าวมาทดสอบทางวิศวกรรมเทียบตามมาตรฐานการทดสอบของ ISO 10328 : 2006 ประกอบด้วย

การทดสอบแรงพิสูจน์สถิตย์ และการทดสอบวัฏจักรของโครงสร้างรวม และทดสอบทางการแพทย์โดยให้คนพิการขาขาดเหนือเข่าจำนวน ๕ คนทดสอบใส่ขาเทียมที่พัฒนาขึ้นใหม่ในเวลา ๓ เดือน ผลการทดสอบปรากฏว่า ข้อเข่าเทียมที่พัฒนาขึ้น ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการทดสอบของ ISO 10328 : 2006 โดยข้อเข่าเทียมแบบสี่จุดหมุนและส่วนประกอบแกนใน ผ่านการทดสอบแรงพิสูจน์สถิตย์ และการทดสอบแบบวัฎจักร จำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ รอบ สำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักไม่เกิน ๘๐ กิโลกรัม และผ่านการทดสอบโดยคนพิการขาขาดเหนือเข่าทดสอบการใช้งานทางการแพทย์ โดยพบว่า อาสาสมัครทั้ง ๕ รายสามารถใช้งานขาเทียมได้ในชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่มีความเสียหายที่มีผลต่อการใช้งาน

ภายหลังจากการทดสอบทางวิศวกรรมครั้งที่ ๑ คณะวิจัยได้ปรับปรุงข้อเข่าขาเทียมเดิมให้มีคุณสมบัติดีขึ้นและพร้อมนำไปใช้งานจริงมากขึ้นและทำการทดสอบครั้งที่ ๒ เพื่อขยายผล ภายใต้โครงการ “พัฒนาข้อเข่าขาเทียมแบบสี่จุดหมุนและส่วนประกอบแกนในเชิงพาณิชย์เพื่อการทดสอบการใช้งานทางการแพทย์ในพื้นที่ ๕ ภูมิภาค เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔” โดยได้ดำเนินการทดสอบข้อเข่าขาเทียมในคนพิการ จำนวน ๘๔ คน ใน ๕ ภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๔ โดยทำการทดสอบในคนพิการตัดขาระดับเหนือเข่าที่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ โดยทำการ ทดสอบทั้งสิ้น ๔ ภาค ประกอบด้วยโรงพยาบาลจำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี จ.ราชบุรี โรงพยาบาลนครปฐม จ.นครปฐม โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา และโรงพยาบาลศูนย์สุราษฎร์ธานี จ. สุราษฎร์ธานี ผลการทดสอบ พบว่าคนพิการขาขาดที่เข้าร่วมโรงการมีสาเหตุมาจากการจราจรทางบก (อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลการทดสอบในคนพิการระยะที่ ๒ จำนวน ๖๐ คน จาก ๘๔ คน ) ผลการทดสอบภายหลังจากใช้งานเป็นระยะเวลา ๓ เดือน โดยทำการทดสอบจับเวลาการเดิน (Time up and go test) โดยเริ่มจากนั่งเก้าอี้ ลุกขึ้นยืน และเดิน ไป- กลับมานั่งรวมระยะทาง ๖ เมตร พบว่าใช้เวลาในการเดินน้อยกว่าขาเทียมแบบเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ของคนพิการขาขาดที่เป็นอาสาสมัครใช้ขาเทียมแบบแกนนอก
คณะวิจัยจึงได้สรุปว่า สามารถใช้งานได้ในกิจกรรมการใช้งานทั่วไป ถึงกิจกรรมระดับปานกลาง เช่นการเดินในพื้นที่เรียบ ลุก-นั่ง จากพื้นและเก้าอี้ และเดินโดยใช้ความเร็วระดับปานกลาง ที่ระดับน้ำหนักตัวของผู้ใช้งานไม่เกิน ๘๐ กิโลกรัม และคนพิการขาขาดอาสาสมัครมีระดับความพึงพอใจในการใช้งานในระดับดีสามารถเดินได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ขาเทียมเดิมที่คนพิการใช้ในปัจจุบัน

ในปี พ.ศ.๒๕๕๕ นี้ด้วยความตระหนักถึงความต้องการของคนพิการขาขาด และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อคนพิการ กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน(กปถ.) จึงขอเชิญชวนผู้พิการจากอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนเข้าร่วม“โครงการข้อเข่าขาเทียมสำหรับคนพิการขาขาดระดับเหนือเข่าที่ประสบประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา” โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งจะเปิดรับผู้พิการขาขาดระดับเหนือเข่าเข้าร่วมโครงการฯจำนวน ๘๐ คน อันจะเป็นการช่วยให้ผู้พิการขาขาดระดับเหนือเข่า ๘๐ คน ได้รับข้อเข่าขาเทียมแบบสี่จุดหมุน เป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศจากการวิจัยและพัฒนาของคนไทย ลดการนำเข้าข้อเข่าขาเทียมต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งส่งผลกระทบที่ดีในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ จะช่วยลดการสูญเสียเงินตราจากการนำเข้าข้อเข่าขาเทียมจากต่างประเทศ (๒๕,๐๐๐ บาทต่อขา) ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐บาท (สองล้านบาทถ้วน) สำหรับผู้ป่วย ๘๐ คน ด้านสังคม จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนพิการขาขาดระดับเหนือเข่าทำให้สามารถประกอบกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปกติส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และคนพิการขาขาดได้เข้าถึงการให้บริการขาเทียม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้านวิชาการได้พัฒนากระบวนการให้บริการด้านกายอุปกรณ์ และพัฒนาเทคโนโลยีด้านวัสดุข้อเข่าขาเทียมและชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตได้ในประเทศให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต รวมทั้งได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีข้อเข่าขาเทียมและชิ้นส่วนประกอบอย่างทั่วถึง และ เพิ่มสมรรถนะของบุคลากรในงานบริการด้านกายอุปกรณ์เทียมให้สูงขึ้น

ผู้พิการขาขาดระดับเหนือเข่า สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ที่ สถานีวิทยุ จส.๑๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๑๑๓๗.

View :1581

เอไอเอส โชว์เทคโนโลยีในงาน Bangkok International ICT Expo 2012 ผ่านแนวคิด “Today & Beyond” หนุนประเทศไทยก้าวสู่ Smart Thailand

August 3rd, 2012 No comments

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า “1
ในโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของประเทศ คือเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในฐานะของการเชื่อมโยง
เพิ่มศักยภาพการใช้ชีวิต การบริหารจัดการ ทั้งในส่วนบุคคล และ ภาคธุรกิจซึ่งท้ายที่สุดส่งผลโดยตรงต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศดังนั้นที่ผ่านมาสำหรับเอไอเอสเราตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ดังกล่าวทำให้นอกจากจะมุ่งมั่นพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแล้วยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีนี้ในทุกๆมิติมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของโครงข่ายและโซลูชั่นส์ต่างๆ ภายใต้กรอบของ Quality DNAs”

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)


การนำนวัตกรรมเข้าร่วมแสดงในงาน Bangkok InternationalICT Expo 2012 ครั้งนี้จึงเป็นการยืนยันถึงเจตนารมณ์และความตั้งใจดังกล่าวโดยต้องการสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์จากเทคโนโลยีในหลากหลายมิติและพัฒนาการจากวันนี้สู่อนาคตภายใต้แนวคิด”Today & Beyond” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญของ Hi Speed WirelessBroadband ที่สามารถลดทอนข้อจำกัดในขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพการใช้ชีวิตของคนไทยให้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยนวัตกรรมที่นำมาจัดแสดงแบ่งเป็น 3 โซน ประกอบด้วย

1. ร่วมกับ TOT นำเสนอ 4G Thailand (The First 100 Mbps)

- Interactive Wall : การประชุมไร้สายผ่าน 4G – 4G to Wifi :
การใช้ 4G เป็นจุดบริการ Wifi

- HD VDO Wall : โชว์ภาพยนตร์แบบ HD ผ่าน 4G – Remote RC Anytime :
โชว์การบังคับรถเคลื่อนที่ผ่าน 4G

2. My Best Applications

- Guide&Go : The World First Social Navigator หรือ App
แรกที่เชื่อมแผนที่เข้ากับ Social

Network

- AIS Bookstore :The First Audio Book หรือ หนังสือเสียงครั้งแรกในประเทศไทย

- AIS Music Store : Music Entertainment App
ที่พัฒนาเพื่อรองรับความหลากหลายของหน้าจอ

Deviceในปัจจุบัน (Multi Screen)

- AIS Line : App Line บน AIS BlackBerry พร้อมสติ๊กเกอร์น้องอุ่นใจ
ครั้งแรกในเมืองไทย

- AIS mPay : สาธิต การโอน-ถอนเงินได้โดยไม่ต้องใช้บัตร ATM

- Telemedicine : ร่วมมือกับโรงพยาบาลพระมุงกุฏเกล้า
สาธิตเทคโนโลยีการรักษาในระยะไกลผ่าน

เครือข่ายไร้ สาย

3. AIS The Start up

- Chatter Box ผู้ชนะเลิศการประกวด AIS STARTUP WEEKEND ในผลงานทำให้ TV
เป็นมากกว่าเดิม ให้ผู้ใช้ เข้าถึงโลกของ Second Screen

- Shopspot ผู้ที่โด่งดังจาก Boot Camp ที่สิงคโปร์
พร้อมด้วยเงินลงทุนจากนักลงทุน
ด้วยแนวคิดการซื้อขายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ 30 วินาที

- Got It แอพฯสะสมสิทธิประโยชน์จากร้านค้าชั้นนำ
ตัดความยุ่งยากที่ต้องเก็บบัตรสะสมของแต่ร้านจนรกกระเป๋าเงิน

-FreeHap ความสุขแบ่งปันกันได้
แชร์อารมณ์ความรู้สึกของคนให้คนพิเศษรับรู้
พร้อมสร้างสังคมให้น่าอยู่ด้วยการวัดค่าความสุข

“นอกจากนี้ในโอกาสของการเปิดตัวโครงการ ICT Free Wifiของรัฐบาลอย่างเป็นทางการในครั้งนี้เอไอเอสจึงรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขยายโอกาสทางการสื่อสารให้แก่คนไทยโดยเราได้ร่วมให้บริการ Wifi ผ่าน 2 เครือข่าย ทั้ง AIS Wifi และ 3BBWifi-Cyberpoint สนับสนุนจุดบริการ wifi ทั่วประเทศมากกว่า 51,000 จุดครอบคลุมทั้งชุมชน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม สถานพยาบาลสถาบันการศึกษา ด้วยความเร็วการดาวน์โหลดที่ 6 Mbps และอัพโหลด ที่ 512Kpbs โดยสามารถใช้งานได้ฟรีรวมสูงสุด 10 ชั่วโมงต่อเดือนคนไทยทุกคนสามารถลงทะเบียนใช้บริการ ICT Free Wifi ที่ www.ais.co.th/smartthailand เพื่อรับ Username และ Password ผ่านทางE-mail ที่ได้ลงทะเบียนไว้เพื่อเข้าใช้งานได้ตั้งแต่เดือนกันยายน ศกนี้”

นายวิเชียร กล่าวในตอนท้ายว่า “ปี 2555จะเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งของประเทศไทยในการก้าวสู่เทคโนโลยี WirelessBroadband อย่างเต็มรูปแบบจากการสนับสนุนอย่างชัดเจนของภาครัฐอันจะทำให้อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศเดินหน้าไปอีกขั้นดังจะเห็นได้จากความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาคเอกชนและภาครัฐไม่ว่าจะเป็นบริการ ICT Free Wifi รวมถึงการร่วมกันนำเสนอนวัตกรรมผ่านงานBangkok International ICT Expo 2012 ในครั้งนี้ที่สะท้อนถึงความพร้อมของทุกภาคส่วนเพื่อการเตรียมมอบประสบการณ์อีกขั้นของเทคโนโลยีให้แก่คนไทยต่อไป”

View :1712

สยามคูโบต้า ท้าเล่นเกม KUBOTA Smart Farm: Happy 5-Minute Challenge แข่งทำเกษตรออนไลน์ 5 นาที ชิง New iPad และ iPod

August 3rd, 2012 No comments

สยามคูโบต้าเปิดตัวเกม : Happy 5-Minute Challenge ชวนสาวก Facebook เล่นเกมสัมผัสวิถีเกษตรกรรม ปลุกจิตวิญญานการเกษตรที่มีอยู่ในคนไทยทุกคน ให้มาลองปลูกพืชเศรษฐกิจไทยแบบออนไลน์เพียงแค่ 5 นาที ผ่าน Fanpage : SIAM KUBOTA club ชิงอุปกรณ์ไอทีสุดเจ๋ง 3 รางวัล ได้แก่ The New iPad , iPod Touch และ iPod Nano ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม – 14 กันยายน 2555

ผู้นำด้านเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศไทย ชวนคอเกม เล่นเกม KUBOTA Smart Farm: Happy 5-Minute Challenge จำลองการเป็นเกษตรกรแบบออนไลน์ ผ่านช่องทาง Social Media ยอดนิยมอย่าง Facebook เพื่อปลุกจิตวิญญาณเกษตรที่มีอยู่ในคนไทยทุกคน พัฒนาเกมเกษตรให้เข้าถึงกลุ่มคนเมือง วัยรุ่น และเกษตรกรยุคใหม่ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสการทำการเกษตรด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อใช้ “ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต” จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นครัวของโลก นอกจากนี้ยังสะท้อนภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้แก่แบรนด์ KUBOTA และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศไทยอย่างครบวงจร

นายจามรวุฒิ ตำนานจิตร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “สยามคูโบต้าเริ่มทำเกมออนไลน์ครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการจัด KUBOTA Pavilion ในงาน BOI Fair 2011 เพื่อปลุกจิตวิญญาณเกษตรที่มีอยู่ในคนไทยทุกคน พัฒนาเกมเกษตรออนไลน์และเชิญชวนคนเมืองให้เข้าชม KUBOTA Pavilion ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากนักท่อง Facebook โดยมีผู้เล่นเกมกว่า 5,000 คน จึงได้พัฒนาต่อยอดเกมให้มีความสนุกและเล่นได้ง่ายขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับบุคคลทุกเพศ ทุกวัย โดยใช้เวลาร่วมสนุกเพียงแค่ 5 นาที ที่จะได้สัมผัสความสนุกจากการทำเกษตรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านคุณ”

วิธีการเล่น เพียงแค่คุณมี Facebook Account แล้วเข้าไปกด Like ที่ Fan page: SIAM KUBOTA Club (www.facebook.com/siamkubotaclub) ก็สามารถเริ่มเล่นเกมได้ โดย 1 รอบ มีเวลาจำกัดเพียงแค่ 5 นาที ท้าผู้เล่นให้บริหารจัดการฟาร์มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน เลือกเมล็ดพันธ์ ปลูก บำรุงรักษา และเก็บเกี่ยว เพื่อนำไปแลกเงินหรือคะแนนสะสม ซึ่งจะเป็นตัววัดในการจัดอันดับผู้ชนะ โดยพืชแต่ละชนิดจะมีราคาเมล็ดพันธุ์ ระยะเวลาในการเจริญเติบโต และราคาขายแตกต่างกันไป ซึ่งต้องใช้ทักษะความคิดและความไวในการเล่นเกม และทุกท่านสามารถเล่นเกมซ้ำได้โดยไม่จำกัดจำนวนรอบจนกว่าจะได้คะแนนที่พอใจสูงสุด ผู้ที่ทำคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกจะได้รับของรางวัล ดังนี้

1. ชนะเลิศ ได้รับ The New iPad 4G 16 GB จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 20,500 บาท
2. รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับ iPod Touch 8 GB จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 6,500 บาท
3. รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับ iPod Nano 8 GB จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 4,700 บาท

สมาชิก SIAM KUBOTA Club สามารถเริ่มเล่นเกมได้ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2555 เวลา 06.00 น. และปิดรับคะแนนการแข่งขันในวันที่ 14 กันยายน 2555 เวลา 24.00 น. เพื่อทำการตรวจสอบและประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 24 กันยายน 2555 ทาง Fan page: SIAM KUBOTA Club และ www.siamkubota.co.th

View :2634