Archive

Archive for April, 2013

“โมทีฟ” เข้าร่วม MFEC Group บุกกลุ่มธนาคาร-ประกันเพิ่มหลังพบการเติบโตสูง

April 22nd, 2013 No comments

“วรพจน์ อนุเอกจิตร” กรรมการผู้จัดการ โมทีฟ เทคโนโลยี เผยการเข้าร่วมเป็นหนึ่งใน MFEC Group ถือว่าเดินมาถูกทาง ทำให้การขยายธุรกิจทำได้คล่องตัวขึ้น ด้วยต้นทุนลดลง ในขณะที่องค์กรมีขนาดใหญ่มีธุรกิจครบวงจร ครองใจลูกค้าได้เหนียวแน่น คุยปีนี้พร้อมบุกลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงิน- ประกันเพิ่ม หลังพบงบลงทุนสูง เชื่อดันผลงานเติบโตโดดเด่น ส่วนปีหน้าพร้อมใช้จุดแข็ง MFEC Group เจาะตลาดเพื่อนบ้านรับ AEC เต็มสูบ

วรพจน์ อนุเอกจิตร

วรพจน์ อนุเอกจิตร


นายวรพจน์ อนุเอกจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมทีฟ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MOTIF บริษัทไทยแท้ผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบงานโอเปอเรชั่นของสถาบันการเงินการธนาคาร งานกฎหมาย การบริหารองค์กรภาครัฐของไทย ในเครือ MFEC Group กล่าวว่า การเข้ามาเป็นหนึ่งใน MFEC Group ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าบริษัทได้เดินมาถูกทาง โดยทั้งโมทีฟ และ บริษัทในเครือ MFEC Group สามารถใช้จุดแข็งของกันและกัน สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รับมือกับการแข่งขันจากยักษ์ใหญ่ข้ามชาติได้อย่างคล่องตัว โดยใน MFEC Group โมทีฟ จะทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ หรือ โซลูชั่นเฉพาะทางให้กับ MFEC Group โดยเน้นกลุ่มธุรกิจ หรือลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้สามารถแข่งขัน รวมทั้งสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ต่างชาติได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบงานติดตามหนี้ หรือระบบงานกฎหมายของธนาคาร โดยจุดเด่นของซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยโมทีฟ คือ มีแนวปฏิบัติของซอฟต์แวร์ที่สอดคล้องกับระเบียบ ข้อบังคับของกฎหมายไทยที่ต่างชาติไม่สามารถทำได้ จึงทำให้เป็นซอฟต์แวร์ที่ได้รับการยอมรับจากธุรกิจการเงินการธนาคาร ตลอดจนกลุ่มรัฐวิสาหกิจ และภาครัฐอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน ซึ่งโมทีฟ ถือว่าเป็นผู้นำในธุรกิจซอฟต์แวร์ด้านนี้

“ภายหลังการเข้าเป็นส่วนหนึ่งใน MFEC Group ทำให้เรามีเวลาทำงานที่เราถนัด คือ การพัฒนาซอฟแวร์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงงานด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการตลาด งานฮาร์ดแวร์ หรือระบบความปลอดภัยเครือข่าย รวมทั้ง Technology ด้านโครงสร้างต่างๆ เพราะทาง MFEC Group มีทีมงานที่เชี่ยวชาญมากกว่าและรับไปดูแลแทน ทำให้โมทีฟ ทุ่มเทเวลาให้กับงานวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างเต็มที่ จนสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์คุณภาพป้อนให้กับ MFEC กรุ๊ปได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถพัฒนาบุคลากรเฉพาะทาง เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพูดได้ว่าเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญกับการแชร์คอสต์ร่วมกันใน MFEC Group จึงทำให้มั่นใจว่า โมทีฟจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นตามเป้าหมายที่วางไว้ได้” นายวรพจน์ กล่าว

สำหรับการขยายธุรกิจในปีนี้เขากล่าวว่า ทางโมทีฟได้วางเป้าหมายไว้ 2 ด้านคือการขยายฐานลูกค้า และการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้สามารถต่อยอดธุรกิจให้กับลูกค้าได้อย่างคล่องตัว โดยการขยายฐานลูกค้าในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในแนวลึก คือ พัฒนาโซลูชั่นใหม่ให้ลูกค้าเดิมได้ใช้งานเพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอดให้ลูกค้าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ และโมทีฟก็เติบโตไปด้วยกัน ควบคู่กับการขยายธุรกิจในแนวกว้าง คือ เพิ่มลูกค้าใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมเดิม คือ การเงินการธนาคาร ประกันภัย ประกันชีวิต ธุรกิจด้านบริหารทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงิน และ กลุ่มประกัน เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการเติบโตและรับมือกับกับการแข่งขันในระดับภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ซึ่งในปีนี้โมทีฟวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 150 ล้านบาท เติบโตประมาณร้อยละ 20 จากปีก่อน ส่วนกำไรคาดว่าจะทำได้สูงถึงร้อยละ 20 ของรายได้

ส่วนการขยายฐานธุรกิจออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจภายหลังประเทศในภูมิภาคอาเซียนรวมตลาดเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ชื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นายวรพจน์ กล่าวว่าทางโมทีฟมีความพร้อมเป็นอย่างดี ทั้งซอฟแวร์และบุคลากร และมีแผนที่จะพัฒนาศักยภาพทางด้านการสื่อสารของบุคลากรในส่วนของภาษาอังกฤษเพิ่มเติม โดยการเข้าไปขยายฐานในตลาดต่างประเทศ จะรวมกันเป็นทีมงานในนาม MFEC Group ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีความพร้อมทั้ง ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ บุคลากร เงินทุน พันธมิตร และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ โดยคาดว่าจะเริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอาทิ พม่า และลาวก่อน โดยในส่วนของโมทีฟ จะใช้จุดแข็งที่เป็นเจ้าของซอฟต์แวร์ มีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของตัวเองเข้าไปร่วมขยายธุรกิจกับพันธมิตรในท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

View :1859
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคร่วมสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ ลงนามใน MoU เพื่อการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย

April 22nd, 2013 No comments

22 เมษายน 2556 – ดีแทคร่วมเป็นหนึ่งในภาคเอกชนสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มุ่งใช้เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมในที่สุด

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ดีแทคจะให้การสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องของการให้บริการชำระเงิน ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินการธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างรวดเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปธนาคาร เป็นการก้าวข้ามอุปสรรคเรื่องเวลา สถานที่ รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงิน หรือการให้บริการทางการเงินอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการสื่อสาร ดีแทคมีความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และมีการคิดค้น สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ภายใต้เครือข่ายสัญญาณที่ครอบคลุม และแอพพลิเคชั่นที่มีความปลอดภัย ดีแทคจะใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนในการเข้าถึงบริการด้านการเงิน และมีแผนที่จะเปิดตัว บริการด้านการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Financial Services) เร็วๆ นี้
dtac-032_o
ในภาพ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (แถวหลัง ที่ 5 จากซ้าย) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย โดยมี ดร.สรัณยา แสงหิรัญ (แถวหน้า ที่ 4 จากซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น () ผู้แทนบริษัทฯ ร่วมลงนาม

View :1693
Categories: Press/Release Tags:

Social shopping surges globally

April 19th, 2013 No comments

Thais show love of social shopping with 65% of Thais recommending products on social media sites

Today Rakuten, the world’s third largest e-commerce marketplace and owner of Thailand marketplace Rakuten TARAD.com, releases insights from their E-commerce Index, an independent global survey into shopping trends. The E-commerce Index shows that consumer interest in social shopping is up around the world, with almost half of consumers (45%) actively recommending products on social media sites. Southeast Asian nations led the way in social shopping with those in Thailand (65%), Malaysia (67%) and Indonesia (78%) the most likely to share their recommendations among the countries surveyed.

However, despite the strong social sharing habits, each of these countries had the lowest average online spend with less than $300 per person across all nations. The research found that the average spend across all markets surveyed was $725 per person over 2012. The survey found large differences between countries, with the UK leading the way spending an average of $1,700, while at the other end of the spectrum Thais only spent around $243 per person in 2012.

E-Commerce Index: online spend per person

M1-1.4
Pawoot Pongvitayapanu, Managing Director and Founder, Rakuten Tarad.com, commented: “At Rakuten’s Tarad.com we have seen nearly 200 fold growth in traffic from social networks over the last 12 months, which is a trend highlighted by the research. Social is set to become increasingly important in the coming years. Research firm Gartner predicted earlier this year that 50 per cent of information on new customers will be based on social network identities, such as ‘login with Facebook’, by the end of 2015, which is up from less than 5 percent today. As an industry we need to build consumer confidence in social shopping platforms, as well as allowing shoppers to easily share content through these channels.”

Mobile vs. in-store vs. online
When it comes to shopping on mobile, Indonesians continue to be the most mobile shoppers, with 14 per cent of consumers reporting that they mostly shop online using a smartphone, tablet, or other mobile device. Thai shoppers are close behind with more than one in ten consumers (12%) regularly using a mobile device to make online purchases. Top Western markets were the UK (12%), the US (10%), and Spain (9%).

Austria (46%) and Germany (46%) lead the way in preferring to stick with the bricks-and-mortar experience. However, the survey also found that consumers in Brazil and Taiwan prefer the shopping experience online to in-store (29% of Taiwanese and 26% of Brazilian respondents), while almost one in five Thai consumers (18%) recorded the same preference.

Pawoot added: “Whether online, on mobile, or in-store, consumers are coming to expect a high level of customer services and uniform brand experience across all available channels. It’s no longer enough to merely have a website that compliments you brick-and-mortar presence, they must ensure that they are offering shoppers all the information they require through their website or mobile offering as well.”

View :1412
Categories: E-Commerce Tags:

NEC Asia Pacific Appoints New CEO

April 19th, 2013 No comments
Toshiya Matsuki

Toshiya Matsuki

SINGAPORE, 15 April 2013 – NEC Asia Pacific, a wholly owned subsidiary of NEC Corporation (HQ: Japan) and a leading IT and network solutions provider and systems integrator, announced today that Mr Toshiya Matsuki has been appointed as the new Chief Executive Officer.

Mr Toshiya Matsuki has over 30 years of overseas business experience since he joined NEC Corporation of Japan in 1983 and has held both executive and sales management positions during his career. His ample work experience spans from serving at the Jakarta Representative Office as Chief Representative for 2 years and NEC Europe Ltd as Deputy General Manager for 4 years. Mr Matsuki later returned to NEC Corporation to assume position as the Deputy General Manager of Americas and EMEA Sales Division in 2010 and became the Vice-President of the International Sales and Operations Business Unit in 2011. Prior to his appointment as the new CEO of NEC Asia Pacific, he is also the Associate Senior Vice President of NEC Corporation since the beginning of April 2013.

With his new appointment and responsibilities, Mr Matsuki said, “I am honoured to be leading the enterprising and experienced team at NEC Asia Pacific. I am looking forward to this challenging position where we will continue to work closely with our NEC country affiliates in the Asia Pacific region to cultivate and grow the NEC brand by bringing value, innovation and efficiency to our stakeholders.”

Mr Matsuki replaces Mr Kiyofumi Kusaka, who has been leading NEC Asia Pacific, the regional headquarters for NEC Corporation since June 2008. Mr Kusaka will be moving to China to assume position as the President of NEC China Co., Ltd.

View :1737
Categories: Corporate IT Tags:

แอพพลิเคชั่นสำหรับอุทยานแห่งชาติบนมือถือ A-Eye แอพพลิเคชั่นเจ๋งบนมือถือสมาร์ทโฟนฝีมือเด็ก มจธ.

April 19th, 2013 No comments

A-Eye แอพพลิเคชั่นเจ๋งบนมือถือสมาร์ทโฟนฝีมือเด็ก มจธ. ทำหน้าที่เสมือนรุกขเทวดา เปิดโซเชียลเน็ตเวิร์กให้นักท่องเที่ยว แค่ถ่ายและกดแชร์ภาพเหตุร้ายในป่า ทั้งการตัดไม้ ไฟป่า น้ำป่า ก่อนเจ้าหน้าที่อุทยานแจ้งเหตุฉุกเฉินเตือนนักท่องเที่ยว ลดการสูญเสีย ช่วยสอดส่องธรรมชาติ ลดปริมาณโบว์ชัวร์เพราะทำหน้าที่เสมือนไกด์นำเที่ยวเส้นทางธรรมชาติได้ทั้งคนไทยและต่างชาติ

การดูแลรักษาป่าใช่เพียงเป็นงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกต่อไป คนเมืองหัวใจสีเขียวที่ดูห่างไกลเกินไปเมื่อพูดถึงเรื่องดูแลรักษาป่าก็สามารถมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าได้โดยตรง เมื่อมีแอพพลิเคชั่น “A-Eye” แอพพลิเคชั่นฝีมือนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์ป่าไม้ที่นับวันยิ่งมีจำนวนลดลง

แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ว่านี้เป็นผลงานของ ภัทรวุฒิ เรืองกนกมาศ ชณิดา ดีโรจนเดช จิตนันท์ มีนไชยอนันต์ และ ศุภัชญา พวงพรทิพ 4 นักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มจธ.ที่เพิ่งคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย 2013 (NSC 2013) ในมหกรรมประกวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 13 ประเภท Environment App Contest มาหมาดๆ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผลงานชิ้นนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า A-Eye (Extra eyes assisting in the environmental surveillance of the national parks) เป็นระบบอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รักษาป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติรวมทั้งเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยระบบถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการลดลงของพื้นที่ป่าไม้อันมีสาเหตุมาจากการทำลายพื้นที่ป่าไม้ที่เป็นแหล่งรวบรวมทรัพยากรธรรมชาติ และจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่เพียงพอในการสอดส่องดูแลเหตุการณ์ผิดปกติต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม เช่น การเกิดไฟป่า การลักลอบตัดไม้ทำลายสัตว์ป่า A-Eye เป็นแอพพลิเคชั่นที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าไม้ระหว่างการท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติ ผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนมือถือสมาร์ทโฟน

ภัทรวุฒิ เรืองกนกมาศ นักศึกษาวิศวคอมพิวเตอร์ ชั้นปี 4 มจธ.หนึ่งในทีมผู้คิดค้น กล่าวว่า เหตุผลที่พวกเขาพัฒนาระบบดังกล่าวบนมือถือสมาร์ทโฟน เนื่องจาก มีคนจำนวนมากนิยมใช้อีกทั้งยังสะดวกต่อการพกพา หลังจากที่พวกเขาคิดที่จะตอบโจทย์ของสังคมเรื่องป่าไม้ ต่อมาก็คิดวิธีการช่วยในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ป่าไม้ลดลง ทั้งการลักลอบตัดไม้และไฟป่า พวกเขาคิดว่านอกจากเจ้าหน้าที่รักษาป่าแล้วคนทั่วไปก็น่าจะมีส่วนร่วม โดยมีนักท่องเที่ยวเป็นจุดเน้นเพราะบุคคลกลุ่มนี้มีโอกาสพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้เช่นกัน จึงคิดให้นักท่องเที่ยวโหลดแอพพลิเคชั่น A-Eye และสามารถถ่ายภาพและระบุรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งข้อมูลไปยังศูนย์เฝ้าระวัง ซึ่งการถ่ายภาพจะบอกพิกัดที่เกิดเหตุดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่มอนิเตอร์ข้อมูลจะทราบทันทีว่าเหตุเกิดที่จุดใด”

“สมมติว่านักท่องเที่ยวเจอไฟป่า หรืออุบัติเหตุอื่น ก็สามารถถ่ายรูปแล้วส่งไปยังศูนย์ควบคุมซึ่งมีเจ้าหน้าที่อุทยาน มอนิเตอร์ข้อมูลผ่านเว็บแอพพลิเคชั่น ถ้าหากตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าเป็นความจริง จะมอบหมายงานนั้นๆให้แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าไปดำเนินการแก้ไข แต่หากเป็นเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า ที่มีความอันตรายต่อทุกชีวิตในบริเวณกว้าง ในฟังกัชั่นแผนที่ของแอพพลิเคชั่นจะแจ้งพิกัดขอบเขตพื้นที่อันตรายเป็นวงกลมสีแดง เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นนี้บนมือถือสามารถเดินทางออกจากพื้นที่อันตรายไปยังพื้นที่สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย แต่ในเหตุการณ์ปกตินักท่องเที่ยวที่พบเห็นพันธุ์ไม้หรือสัตว์ป่าหายากที่น่าสนใจ ก็สามารถถ่ายรูปแล้วแชร์ขึ้นบนแอพพลิเคชั่นให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสามารถเดินทางมาดูได้เช่นกัน ซึ่งเป็นการสร้างโซเชียลเน็ตเวิร์คของนักเดินป่าได้อีกด้วย

นางสาวชณิดา ดีโรจนเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเป็นแอพพลิเคชั่นช่วยเหลือสังคมแล้วผู้ใช้ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในแง่ของการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีส่วนเพิ่มเติม (features) ที่เป็นการจำลองแผนที่เสมือนจริงทำหน้าที่แทนไกด์แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวภายในอุทยาน บอกเส้นทางการเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยแสดงรูปภาพตัวอย่างของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น แผนที่และรายละเอียดประวัติความเป็นมา รวมถึงข้อมูลสำคัญของสถานที่นั้นๆ โดยอุทยานไม่ต้องเสียงบประมาณในการจัดพิมพ์แผ่นพับ แก้ไขปัญหาแผ่นพับไม่เพียงพอโดยเฉพาะในช่วงฤดูการท่องเที่ยว และเป็นการช่วยอนุรักษ์ป่าไม้จากการถูกทำลายจากการผลิตแผ่นพับได้อีกด้วย นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นนี้ยังช่วยแบ่งเบาภาระงานของเจ้าหน้าที่ในด้านการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยการนำเสนอคำแนะนำทั้งภาพและเสียงเป็นภาษาสากล โดยเพิ่มรายละเอียดข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวให้ครบถ้วนมากกว่าแผ่นพับ อีกทั้งยังดึงดูดผู้ใช้ด้วยการนำโซเชียลเน็ตเวิร์กมาผสมผสาน โดยสามารถถ่ายรูปแล้วแชร์ได้อีกด้วย

รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล รองคณบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษา ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. ที่ปรึกษาโครงการกล่าวเพิ่มเติมว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการรู้นอกห้องเรียน เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากสถานที่จริง มุ่งสู่ความโกอินเตอร์ไปพร้อมกับการมีจิตสาธารณะต่อส่วนรวม ใช้ความรู้ความสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างสร้างสรรค์ช่วยเหลือสังคม และประสานงานได้ดีกับอุตสาหกรรมให้ความช่วยเหลือทั้งในแง่เทคนิคและคำปรึกษา

“โดยเฉพาะนักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์โอกาสที่เข้าจะออกไปทำงานอย่างนี้น้อยมาก นี่เป็นครั้งแรกของนักศึกษา 4 คนนี้ ที่เขาต้องลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลในป่า เพราะการทำแอพพลิเคชั่นนี้จะต้องสำรวจพื้นที่จริง โดยต้องเก็บพิกัดสถานที่ท่องเที่ยว ต้องออกแบบแผนที่ให้น่าดึงดูดต่อการใช้งานด้วยตนเอง ต้องเขียนบท ต้องอัดเสียง ซึ่งมากเกินกว่านักพัฒนาระบบอย่างพวกเขาจะต้องทำ แต่เราต้องการให้เขาเข้าใจและเรียนรู้ซึ่งนักศึกษากลุ่มนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาทำได้แม้ว่าเขาจะไม่ถนัดก็ตาม” รศ.ดร.ธีรณี กล่าวและเพิ่มเติมว่า แม้ว่าปัจจุบันแอพพลิเคชั่นนี้จะมีการวางพิกัดและมีพื้นที่ดำเนินงานเฉพาะอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย จังหวัดเชียงใหม่ แต่แอพพลิเคชั่นดังกล่าวถูกออกแบบให้สามารถเปลี่ยนข้อมูลอุทยาน(Content) โดยจะมีส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลเพื่อรองรับข้อมูลของอุทยานอื่นๆ เพื่อให้อุทยานที่มีความสนใจสามารถจัดทำข้อมูลและอัพโหลดข้อมูลของอุทยานของตนมาใช้งานบนแอพพลิเคชั่น A-Eye ได้

View :1187
Categories: Application Tags:

Winning team MYRA to Represent Thailand at Worldwide Imagine Cup Final in Russia

April 18th, 2013 No comments

Bangkok – 17 April 2013 – Microsoft (Thailand) Limited recently held a celebratory event to honor the winning teams of the Imagine Cup Thailand 2013, the Thai edition of the world’s premier student technology competition. The students epitomize the potential IT leaders that could further strengthen the Thai software industry. MYRA team from King Mongkut’s University of Technology Thonburi (KMUTT) will represent Thailand at the worldwide Imagine Cup Final in the Russian town of St. Petersburg, Russia, from 8-11 July, hoping to extend Thailand’s reputation as the most successful Imagine Cup country.

M1-2.2

The Microsoft Imagine Cup is a worldwide competition in which students use their imagination and passion to find solutions to real-world problems. Thailand is the first country worldwide to win three grand prizes and one 1st runner-up award. In 2012, The ‘Tang Thai’ team from Mahidol University in Bangkok won the global Game Design award with its ‘Verdant Fantasy’ game.

Under this year’s theme “All Dreams Are Now Welcome”, Imagine Cup 2013 centers around three Competitions: World Citizenship, Games and Innovation. This new structure builds on the elements that have been so popular with students in the past 10 years — social impact and gaming — while expanding the competition’s focus on innovation and entrepreneurship. To inspire more students and encourage a wider variety of students to participate in Imagine Cup, the prize money has been doubled to US$50,000 for worldwide first place prizes in each of the competition categories.

Development of future IT leaders will benefit Thailand
Speaking at the awards ceremony for the Thailand edition, Haresh Khoobchandani, Managing Director, Microsoft (Thailand) Limited, said: “The Imagine Cup competition is testimony to Microsoft’s on-going commitment to promoting creativity and IT skills amongst young minds, both in Thailand through our ‘We Make 70 Million Lives Better’ vision, and worldwide. Competing in the global competition inspires students to innovate on the newest and broadest technology platforms, allowing them to build skills that will help them succeed today and advance their careers. The unique skills of the Thai students will in turn help boost the already strong Thai software development ecosystem and further strengthen Thailand’s position as an IT leader in the ASEAN region.”

2013 marks the 11th year of Imagine Cup. It started in 2003 with just 2,000 students from 25 countries. Over the past ten years, more than 1.65 million students from more than 190 countries have participated in the Imagine Cup.

Supported by strong partnerships
The success of the Imagine Cup in Thailand is made possible by the support of a number of sponsors and partners from all areas of society, including Kasikornbank, Nokia, The Software Industry Promotion Agency (SIPA), the National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC), Software Park, the Embassy of the United States, and game developing companies.

Her Excellency Ambassador Kristie A. Kenney, Embassy of the United States, said at the event: “In its 20 years in Thailand, Microsoft has continuously demonstrated its commitment to the development of the country. This event is another demonstration of the Thai-U.S. Creative Partnership at its best—a synergy of U.S. technology with Thai innovation and dynamism.”

The member of team MYRA and the SkyPACS application who won the first prize in the Openness & Innovation Category. The team consists of Sikana Tanupabrungsun, Sarunya Pumma, Katchaguy Areekijseree and Tananan Pattanangkur (From left to right) from KMUTT.

The member of team MYRA and the SkyPACS application who won the first prize in the Openness & Innovation Category. The team consists of Sikana Tanupabrungsun, Sarunya Pumma, Katchaguy Areekijseree and Tananan Pattanangkur (From left to right) from KMUTT.


Art Wichiencharoen, First Senior Vice President, Kasikornbank, platinum sponsor of the Imagine Cup Thailand, said: “As a continuous supporter of the Imagine Cup competition, Kasikornbank is very pleased to support Thai students as they showcase their creativity and develop software applications that contribute to society. We firmly believe that students who join the competition will gain valuable knowledge and experiences that help prepare them to be a part of the capable workforce for the software industry and the country. At Kasikonrnbank, we focus on innovations and see the importance of technology as a key enabler for the country’s progression. We hope that the application of the talented youth will go far on a worldwide level and we will continue our supporting role for the Imagine Cup competition.”
Team Vana from KMUTT who won the first prize in the World Citizenship category consists of  Chanida Deerosejanadej, Jitanun Meanchaianun, Patrawut Ruangkanokmas and  Supadchaya Puangpontip (From left to right)

Team Vana from KMUTT who won the first prize in the World Citizenship category consists of
Chanida Deerosejanadej, Jitanun Meanchaianun, Patrawut Ruangkanokmas and
Supadchaya Puangpontip (From left to right)


Winners of Imagine Cup Thailand 2013
Team MYRA from KMUTT won the first prize in the Openness & Innovation category and the overall first prize for its SkyPACS application. The team will represent Thailand in the worldwide Imagine Cup Final in St. Petersburgh, Russia, from 8 to 11 July 2013.

It’s the SkyPACS appplicationhas been designed to be an assistive technology for the radiologist in organizing and transferring MRI or CT images with low implementation cost. Other than the ability to display the two-dimensional images, SkyPACS is able to process the three-dimensional objects which can be viewed or printed to facilitate the radiologist in diagnosis. The system focuses on the simplicity and user-experience by relying on a web-based application. The system can be accessed via the internet from any device, such as notebook, tablet, and smartphone. Furthermore, the system is available on Windows 8 platform which enables SkyPACS to perform better on the Windows 8 devices.

Team Vana, also from KMUTT, scooped the first prize in the national World Citizenship category for its A-Eye application. A-Eye is designed and developed to be an application used in the National Park in Thailand which will educate people about eco-tourism and encouraging them to love the nature. It lets people be a part of forest monitoring inside the national park area and save paper by using online contents instead of the paper-based trail maps and information brochures. A-Eye can be commercialized with the park tourists as target customers. The A-Eye service module can be installed and run centrally, while each park can provide downloadable online contents to be used with the A-Eye mobile App. Income can be from the selling of the online contents at a nominal charge for each park, while the App itself can be downloaded from the Windows Store for free.

The work of team Myra, SkyPACS, the new medical assistance.

The work of team Myra, SkyPACS, the new medical assistance.


Prizes

Both teams of students and mentor win 3 days, 2 nights trip to visit the Microsoft Technology Center (MTC) and Universal Studios in Singapore. The overall winner will also travel to St. Petersburg to compete on a global level.

The best moment of Imagine Cup Thailand 2013 final with Microsoft’s executives, partners and awarded participants.

The best moment of Imagine Cup Thailand 2013 final with Microsoft’s executives, partners and awarded participants.


Other winners announced at the event included winners of the Nokia Award, who won a Nokia Lumia Windows Phone 8, as well as the award for the Popular Vote, as voted by the public through the Imagine Cup Thailand Facebook Fanpage: www.facebook.com/imaginecup.thailand.

View :1673
Categories: Technology Tags:

ซิสโก้เผยผลการศึกษา 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ทั่วโลกเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวและโซเชียลมีเดีย ก่อนลุกจากเตียง

April 18th, 2013 No comments

Infographic_EVeryday Life of Today's Connected Gen Y
แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และโพสต์ข้อความ กลายเป็นกิจวัตรยามเช้าของคน
ชี้ต้องการเชื่อมต่อตลอดเวลา ตั้งแต่ทำงาน ช้อปปิ้ง โซเชียลกับเพื่อนฝูงและครอบครัว

กรุงเทพฯ – 17 เมษายน 2556 – เวลา 6 โมงเช้า นาฬิกาปลุกของคุณส่งเสียงดัง คุณลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย บิดขี้เกียจ และอ้าปากหาว ถึงเวลาที่คุณจะต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงาน แล้วคุณจะทำอะไรเป็นลำดับถัดไป? แต่งตัว? อาบน้ำ? แปรงฟัน?

ตามรายงานเทคโนโลยี Connected World ของซิสโก้ (Cisco® Connected World Technology Report – CCWTR) ระบุว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ทั่วโลกที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวอัพเดตในอีเมล ข้อความ และโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะลุกจากเตียง ขณะที่ประเทศไทยสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ร่างกายของมนุษย์เรามีกระดูกทั้งหมด 206 ชิ้น และสมาร์ทโฟนอาจเปรียบได้กับกระดูกชิ้นที่ 207 สำหรับคนรุ่น Gen Y ผู้ตอบแบบสอบถามสองในห้าคนระบุว่าพวกเขา “รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลา

InsightExpress ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาและคนทำงานอายุ 18 ถึง 30 ปี จำนวน 1,800 คนใน 18 ประเทศ โดยมุ่งศึกษาพฤติกรรมของคนรุ่น Gen Y ในการใช้อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์พกพาเพื่อเชื่อมต่อโลก ผลการศึกษานี้เปิดเผยถึงพฤติกรรมและทัศนคติของคนเหล่านี้ในการสร้าง การเข้าถึง และการรักษาความเป็นส่วนตัวจากสมาร์ทโฟน กล้องวิดีโอ มอนิเตอร์ และอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ

อุปกรณ์พกพาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ผู้คน กระบวนการ ข้อมูล และสิ่งต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันบน “Internet of Everything” ซึ่งมีข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลและเพิ่มขึ้นในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ

ดร. ธัชพล โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซิสโก้ ซีสเต็มส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากผลการสำรวจ Generation Y ทั่วโลกและในประเทศไทยแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่ทุกเวลาเท่ากับกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า เช่น การแปรงฟัน การเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลาในปัจจุบันส่งผลต่อกิจกรรมในการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการช็อบปิ้งออนไลน์ การเล่น การใช้ชีวิต และการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนรูปแบบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผลการจากการเชื่อมต่อนี้ทำให้องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องพิจารณาในการมีเน็ตเวิร์คอัจฉริยะที่จะสนับสนุนพนักงานในการทำงานรูปแบบใหม่ทุกที่ทุกเวลาที่กำลังจะแพร่หลายในไม่ช้านี้

ข้อมูลสำคัญจากรายงาน Connected World ของซิสโก้

กิจวัตรแบบใหม่ยามตื่นนอนตอนเช้า: แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และส่งข้อความ

คนรุ่น Gen Y ไม่ต้องการพลาดการส่งหรือโพสต์ข้อความ อีเมล์ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนอุปกรณ์พกพาและนั่นคือกิจวัตรเริ่มต้นวันใหม่ก่อนที่จะลุกจากเตียงนอนเสียอีก สำหรับคนรุ่นนี้ ข้อมูลจะต้องเป็นแบบเรียลไทม์ในทุกเวลา

· เก้าในสิบคนจะแต่งตัว แปรงฟัน และเช็คสมาร์ทโฟนะหว่างเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงานในตอนเช้า

· สำหรับพนักงาน ถือเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เพราะแสดงให้เห็นว่าบุคลากรในอนาคตจะมีความคล่องตัวมากขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และตอบสนองอย่างฉับไวมากกว่าคนรุ่นก่อน คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก

ฉันและสมาร์ทโฟนของฉัน ตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน คนรุ่น Gen Y จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง

· หนึ่งในสี่คน (29 เปอร์เซ็นต์) กล่าวว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจนับครั้งได้

· หนึ่งในห้าคนเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูอีเมล ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียอย่างน้อยทุก 10 นาที ในสหรัฐฯ สองในห้าคนเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที

· หนึ่งในสามเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 30 นาที และในสหรัฐฯ ตัวเลขนี้อยู่ที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม

เชื่อมต่อหรือเสพย์ติด?

· 60 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y เช็คอีเมล ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟนเนื่องจากจิตใต้สำนึกหรือแรงจูงใจ

· ผู้หญิงมีแรงจูงใจในการเชื่อมต่อมากกว่า โดย 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง เทียบกับ 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชาย พบว่าตนเองมีแรงจูงใจในการเช็คอีเมล์ ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟน

· กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจะมีอาการ “ลงแดง” และ “รู้สึกกระวนกระวาย” เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าหากไม่สามารถเช็คสมาร์ทโฟนได้อย่างสม่ำเสมอ

· ในบรรดาผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนภายใต้แรงจูงใจ พบว่า 60 เปอร์เซ็นต์ไม่อยากที่จะรู้สึกว่าตนเองถูกบังคับเช่นนั้น

บุคลากรฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศมีการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

· เกือบหนึ่งในสามของบุคลากรฝ่ายไอทีระบุว่า ตนเองตรวจเช็คสมาร์ทโฟน “อย่างต่อเนื่อง”

· 40 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรฝ่ายไอทีกล่าวว่า ตนเองตรวจเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที

สมาร์ทโฟนมีอยู่ทุกที่! มีการใช้สมาร์ทโฟนในทุกๆที่ แม้กระทั่งในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ความต้องการที่จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัวและครอบครัวเริ่มเลือนหาย ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลอัพเดตเรื่องงานและติดต่อสื่อสารทุกชั่วโมงจากทุกๆที่ ที่จริงแล้ว เวลาจะมีลักษณะยืดหยุ่น กล่าวคือ สำหรับคนรุ่น Gen Y ไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่าง “วันทำงาน” และ “เวลาส่วนตัว” เพราะช่วงเวลาเหล่านี้จะผสมปนเปและคาบเกี่ยวกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

· ยังมีเรื่องโรแมนติกบนเตียงบ้างหรือเปล่า? ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก 3 ใน 4 คนใช้สมาร์ทโฟนบนเตียงนอน

· อย่าลืมล้างมือ!: กว่าหนึ่งในสามใช้สมาร์ทโฟนในห้องน้ำ

· ขอพื้นที่บนโต๊ะอาหาร: เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก (46 เปอร์เซ็นต์) ส่งข้อความ อีเมล และโซเชียลมีเดียระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในสหรัฐฯ (56 เปอร์เซ็นต์) ใช้สมาร์ทโฟนระหว่างที่รับประทานอาหารกับผู้อื่น

· ระวัง! แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่ออันตราย แต่เกือบหนึ่งในห้าคนยอมรับว่าตนเองรับส่งข้อความขณะขับรถ

ไม่ใช่เพียงแค่ส่งหรือโพสต์ข้อความแต่เป็นการ “ปฏิวัติของแอพพลิเคชั่น”

· เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรุ่น Gen Y กล่าวว่า โมบายล์แอพพลิเคชั่นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน

· มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้โมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับเกมและความบันเทิงเป็นหลัก

· อย่างไรก็ดี หนึ่งในสี่ (27 เปอร์เซ็นต์) ใช้โมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับการทำงานเป็นหลัก

คุณต้องการใช้แอพมากเท่าไร? ผู้ผลิตนำเสนอแอพพลิเคชั่นหลายพันโปรแกรมในแอพสโตร์ แต่แอพเหล่านั้นได้ถูกใช้งานจริงหรือ? ที่จริงแล้วในบรรดาแอพทั้งหมดที่ดาวน์โหลดในแต่ละวัน มีเพียงไม่กี่โปรแกรมเท่านั้นที่ถูกใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

· ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (70 เปอร์เซ็นต์) ใช้โปรแกรมบนสมาร์ทโฟนเป็นประจำไม่ถึง 10 โปรแกรม

· มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงหนึ่งในสี่ (24 เปอร์เซ็นต์) เท่านั้นที่ใช้ 10 ถึง 25 โปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ

มิตรภาพทางออนไลน์ กับมิตรภาพส่วนบุคคล: ชุมชนออนไลน์ไร้ขีดจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์และเขตเวลา (ไทม์โซน)?

· 40 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาในการเชื่อมต่อออนไลน์กับเพื่อนมากกว่าการพบปะสังสรรค์กันเป็นการส่วนตัว

· สองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองใช้เวลาเท่ากันหรือมากกว่าในการติดต่อเพื่อนฝูงทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับการพบปะพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

· ยังมีความแตกต่างระหว่างชาย-หญิง กล่าวคือ ผู้ชายทั่วโลก 38 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาพบเจอเพื่อนเป็นการส่วนตัวมากกว่าทางออนไลน์ ขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงที่ใช้เวลาพบเจอเพื่อนเป็นการส่วนตัวมีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์

ที่จริงแล้วคุณคือใคร? ภาพลักษณ์ด้านออนไลน์แตกต่างจากความเป็นจริงหรือไม่

การติดต่อพูดคุยทางออนไลน์ช่วยขยายโอกาสในการสร้างตัวตน ภาพลักษณ์ และบุคลิกใหม่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็อาจเป็นรากฐานที่นำไปสู่การโกหกหลอกลวง ก็แล้วคุณจะเชื่อสิ่งที่คุณได้พบเห็นทางออนไลน์ได้มากน้อยเพียงใด?

· สี่ในห้า (81 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าแต่ละคนมีภาพลักษณ์ออนไลน์และออฟไลน์ที่แตกต่าง

· เมื่อถามเกี่ยวกับตัวเอง มีเพียง 44 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ตอบว่าภาพลักษณ์ออนไลน์ของเขาเหมือนกับภาพลักษณ์ “ออฟไลน์” ในโลกแห่งความเป็นจริง

สมาร์ทโฟนจะแทนที่แลปท็อปในสถานที่ทำงานหรือไม่?

ในหลายๆ ส่วนของโลก สมาร์ทโฟนกำลังเป็นคู่แข่งกับแลปท็อป ในฐานะอุปกรณ์ที่ยังเป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับผู้ใช้อายุ 18 ถึง 30 ปี เพราะเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ที่มีขนาดกะทัดรัดมากที่สุด

· หากจำเป็นต้องเลือกอุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว หนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถามตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟน

· สมาร์ทโฟนแซงหน้าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปในฐานะอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานจากมุมมองของคนทั่วโลก

· สมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปพีซี และได้รับความนิยมมากกว่าแท็บเล็ตถึงสามเท่า

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ “เชื่อมต่อตลอดเวลา” อุปกรณ์พกพาเครื่องเดียวจะรองรับการใช้งานได้อย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลหรืออุปกรณ์ของบริษัท แต่จะก่อให้เกิดปัญหาท้าทายต่อผู้จัดการฝ่ายไอที ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องสินทรัพย์และข้อมูลของบริษัท

· สองในห้าคนกล่าวว่านโยบายของบริษัทห้ามไม่ให้นำเอาอุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงาน ขณะที่เกือบสามในสี่ (71 เปอร์เซ็นต์) ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว

· สองในสาม (66 เปอร์เซ็นต์) รู้สึกว่า “นายจ้างไม่ควรตรวจสอบติดตามกิจกรรมออนไลน์ของพนักงาน เพราะไม่ใช่ธุระอะไรของนายจ้าง”

· บุคลากรฝ่ายไอทีทราบดีว่าพนักงานจำนวนมากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีการละเลยกฎเกณฑ์มากน้อยเพียงใด กล่าวคือ บุคลากรฝ่ายไอทีทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่งคิดว่าพนักงานปฏิบัติตามนโยบายเรื่องการห้ามนำเอาอุปกรณ์ของที่ทำงานไปใช้กับเรื่องส่วนตัว

ออนไลน์ชอปปิ้ง – เทรนด์ใหม่สำหรับ Gen Y ทั่วโลก

· เก้าในสิบคนของคนรุ่น Gen Y ที่ตอบแบบสอบถามซื้อสินค้า/บริการทางออนไลน์

· เกือบสามในห้า (58 เปอร์เซ็นต์) ตรวจสอบคำวิจารณ์ของลูกค้า ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ และอีก 28 เปอร์เซ็นต์ตรวจสอบคำวิจารณ์ทางออนไลน์เป็นครั้งคราว

· 57 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบสามในห้า เต็มใจที่จะเปิดเผยอีเมลแอดเดรสของตนเองแก่ร้านค้าและไซต์ออนไลน์เพื่อรับแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลดราคาและโปรโมชั่นพิเศษ แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากนั้น กล่าวคือ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยินดีเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ที่บ้าน หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ

ขับเคลื่อนข้อมูลทั่วโลก

· เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์อัพโหลดภาพถ่ายสำหรับแชร์หรือจัดเก็บไว้บนอินเทอร์เน็ต

· 62 เปอร์เซ็นต์อัพโหลดวิดีโอสำหรับแชร์หรือจัดเก็บไว้บนอินเทอร์เน็ต

· 87 เปอร์เซ็นต์มีบัญชีเฟซบุ๊ค และหนึ่งในสิบออนไลน์เฟซบุ๊คตลอดเวลา

· 41 เปอร์เซ็นต์อัพเดตเฟซบุ๊ควันละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย และกว่าหนึ่งในห้าอัพเดตเฟซบุ๊ควันละหลายครั้ง

· 56 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามมีบัญชีทวิตเตอร์ และ 21 เปอร์เซ็นต์ส่งข้อความทวีตวันละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย

ข้อมูลสำคัญจากการสำรวจในประเทศไทย

· 98 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ในประเทศไทยระบุว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวอัพเดตในอีเมล ข้อความ และไซต์โซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะลุกจากเตียง

คนรุ่น Gen Y ที่แบบสอบถามกว่าเก้าในสิบคนกล่าวว่า เขาเช็คสมาร์ทโฟนครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจนับครั้งได้
กว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจะมีอาการ “ลงแดง” และ “รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าหากไม่สามารถเช็คสมาร์ทโฟนได้อย่างสม่ำเสมอ
· ผู้ตอบแบบสอบถาม 100 เปอร์เซ็นต์ใช้สมาร์ทโฟนบนเตียงนอน

กว่าหนึ่งในสามใช้สมาร์ทโฟนในห้องน้ำ
· 98 เปอร์เซ็นต์ ส่งข้อความ อีเมล และตรวจสอบโซเชียลมีเดียระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง

100 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรุ่น Gen Y กล่าวว่า โมบายล์แอพพลิเคชั่นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน
98 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองใช้เวลาเท่ากันหรือมากกว่าสำหรับการติดต่อเพื่อนฝูงทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับการพบปะพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
เก้าในสิบของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าแต่ละคนมีภาพลักษณ์ออนไลน์ (online identities) และภาพลักษณ์ออฟไลน์ (offline identities) ที่แตกต่างกัน
97 เปอร์เซ็นต์รู้สึกว่า “นายจ้างไม่ควรตรวจสอบติดตามกิจกรรมออนไลน์ของพนักงาน เพราะไม่ใช่ธุระอะไรของนายจ้าง”
เก้าในสิบคนของคนรุ่น Gen Y ที่ตอบแบบสอบถามซื้อสินค้า/บริการทางออนไลน์

· 80 เปอร์เซ็นต์ หรือสี่ในห้า เต็มใจที่จะเปิดเผยอีเมลแอดเดรสของตนเองแก่ร้านค้าและไซต์ออนไลน์เพื่อรับแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลดราคาและโปรโมชั่นพิเศษ แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลอื่นๆ

87 เปอร์เซ็นต์ออนไลน์เฟซบุ๊คตลอดเวลา และ 97 เปอร์เซ็นต์อัพเดตเฟซบุ๊ควันละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย

หมายเหตุ: เกี่ยวกับผลการศึกษาจาก 18 ประเทศ

รายงาน Cisco Connected World Technology Report เป็นรายงานประจำปีที่จัดทำขึ้นโดยซิสโก้มอบหมายให้ InsightExpress บริษัทวิจัยตลาดอิสระในสหรัฐฯ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของคนทั่วโลก โดยแยกเป็นสองส่วน คือ 1) เป็นการสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาและคนทำงานอายุ 18 ถึง 30

View :1840

ดีแทคจัดโปรโมชั่นต้อนรับ Nokia Lumia 520 และ Nokia Lumia 720

April 17th, 2013 No comments

dtac

จับคู่แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตคุ้ม ผ่อน 0% เครดิตเงินคืน 3% ประกันเครื่องนาน 15 เดือน

17 เมษายน 2556 – ดีแทคจัดโปรโมชั่นสนับสนุนสมาร์ทโฟนจากโนเกียเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสกับเทคโนโลยี HD Voice เต็มประสิทธิภาพบนเครือข่ายดีแทค มอบส่วนลดค่าบริการและข้อเสนอพิเศษเมื่อซื้อ และ ที่ศูนย์บริการดีแทคทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

Nokia Lumia 520 ราคา 5,850 บาท รับแพ็กเกจสุดคุ้มเพียง 349 บาท จากปกติ 549 บาท นาน 18 เดือน ลูกค้าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด โทรฟรีทุกเครือข่าย พร้อมรับข้อเสนอผ่อน 0% นาน 6 เดือน และรับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์

Nokia Lumia 720 ราคา 10,900 บาท รับส่วนลดรายเดือนสูงสุด 8,280 บาท จากแพ็กเกจ Smartphone Best Deal 539 เพียงเดือนละ 539 บาทจากปกติ 999 บาท ลูกค้าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด โทรฟรีทุกเครือข่าย พิเศษพร้อมแพ็กเกจ dtac Deezer ให้ฟังเพลงได้ไม่จำกัด 20 ล้านเพลงทั่วโลก ผ่อน 0% นาน 10 เดือน และเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ พิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Nokia Lumia 720 จากดีแทควันนี้ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับ Wireless Charger และ Lumia 720 Snap On มูลค่า 3,380 บาท จำนวนจำกัดเฉพาะ 180 ท่านแรกที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์

นอกจากนั้น ดีแทคยังมอบบริการพิเศษเฉพาะลูกค้าดีแทค เมื่อซื้อ Nokia Lumia 520 และ Nokia Lumia 720 รับสิทธิ์รับประกันเครื่องสมาร์ทโฟนจากดีแทคนานขึ้นถึง 15 เดือน รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.dtac.co.th

View :1608

ดีแทคเปิดจอง BlackBerry Z10 ก่อนใครในวันที่ 12 เมษายนนี้

April 11th, 2013 No comments

11 เมษายน 2556 – ดีแทคเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่นำ BlackBerry Z10 ใหม่ล่าสุดเข้ามาให้ลูกค้าได้สัมผัส โดยเปิดให้จองเครื่องล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ www.dtac.co.th ในวันที่ 12 – 19 เมษายนนี้ ด้วยข้อเสนอพิเศษแพ็กเกจดีแทคสมาร์ทโฟนจาก 999 บาท เหลือเพียง 539 บาท ต่อเดือน นาน 18 เดือน และของแถมพิเศษรวมมูลค่า 2,000 บาทเฉพาะลูกค้าจองล่วงหน้าเท่านั้นที่จะได้รับ accessories จากแบล็กเบอร์รี่ มูลค่า 1,500 บาทและส่วนลดค่าบริการรายเดือน 500 บาท กำหนดวันรับเครื่องจองเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานก่อนใครในวันที่ 23 เมษายน ที่สำนักงานใหญ่ อาคารจัตุรัสจามจุรี ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศในวันที่ 24 เมษายนนี้ ในราคา 20,900 บาท

ลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าหรือซื้อ BlackBerry Z10 จากดีแทค จะได้รับสิทธิ์สมัครแพ็กเกจดีแทคสมาร์ทโฟนเพียง 539 บาทจาก 999 บาท นาน 18 เดือน หรือรวมมูลค่าส่วนลด 8,280 บาท ลูกค้าสามารถใช้งาน 3G /EDGE ได้ไม่จำกัดด้วยความเร็วสูงสุด 2GB และใช้งานโทรทุกเครือข่ายได้ 550 นาที ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดข้อเสนอเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th หรือ สามารถดูรายละเอียดเครื่องได้ที่ www.blackberry.com

View :1694
Categories: 3G, SmartPhone/Mobile phone Tags:

Weibo to bridge Thai-Chinese business via social media channel

April 11th, 2013 No comments

The largest Chinese Microblog Weibo announced to expand business in Thailand, through its local partner Jiaranai Entertainment, with the launch of Weibo Thailand’ to bridge Thai and Chinese business with the largest social network in China.

It positions Weibo as the gateway to Chinese market with the concept of ‘Amazing Wei Thailand: An Easy Wat to Open the Chinese Market’.

It plans to spend Bt10 million as marketing budget that it aims to break even within six months. It aims to have between Bt20 million and Bt30 million as revenue by the first year of operation in Thailand. It also expects to keep growing with 15 to 20 per cent for the next couple years.

Rui Guo, managing director of Jiaranai Entertainment, said that the priority focus of Weibo Thailand is to encourage Thai tourism industry to connect to potential Chinese tourists that as the largest number of tourists visit Thailand. This year, it is expected that there will be around 3.8 million Chinese tourists visit Thailand.

“60 per cent of Chinese tourists visit Thailand are not the first time tourists. Thailand’s tourism industry is the priority for us to focus on. The next industry is export,” said For the first year of operation, Weibo Thailand aims to have 1.6 active accounts in Thailand that is double from the current number of active users in the country that is around 800,000 users, which is mostly are Chinese users,” said Guo.

is friendly support a wide rang of languages. Users can post any languages while its menu provided in Chinese and English. Only automatic translate between Chinese and English is available for trial version. Weibo clients are available for iOS and Android. There are official Weibo client and clients developed by third parties.

The distinguish of Weibo.com is to verify account to guarantee accounts on Weibo.com and to increase confidence for users to use Weibo.com as the business channel to connect to Chinese market.

It is a combination of Twitter and Facebook combined and offers the better features and mobile engagement. Weibo.com is the largest social networking site with a user base of 30 per cent of all Internet users world wide, which is largely made of graduate professionals with an average age of 25 years old.

“We do not want Thai people to leave Facebook and Twitter to stay on Weibo. But we would like to encourage them to benefit Weibo as the gateway to China market,” said Guo.

The services are verification badges for user accounts and consultant services. They include authenticating user’s identities that is to prevent social networking fraud and theft. It also offers consultant services to help businesses to utilize benefit from using Weibo.com to connect, to reach, and to get customers’ attentions in Chinese language and communication style.

Jiaranai has authority to run Weibo’s services in Thailand, Vietnam, Laos, and Burma. The priority focus is on Thailand and then Vietnam.

Corporate account verification charged is Bt60,000, bur verify public account for important people is free. For additional consultant services will be charged by monthly, the cost depends on the scope of customer’s requirements.

“Chinese market is the big market that Thai businesses that would like to reach should not ignore. Weibo plays role as the gateway, we play role as assistant to help them to be success in doing business with Chinese people through the online channel,” said Guo.

She added that in every three Internet users use Weibo, the largest social platform, that is currently driving the most offline commerce as well as online because its great with campaigns for consumer engagement and interactivity.

Weibo.com was designed and developed by Sina company since 2009. By end of 2012, it has 503 million uses that are around 46.2 million daily active users. According to iResearch, it reported that Weibo.com has 86.6 per cent in market share in China’s micro-blogging market.

View :1378