Archive

Archive for August, 2013

ซีเอส ล็อกซอินโฟ มีกำไรครึ่งปีแรก – 260 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.44 บาทต่อหุ้น

August 8th, 2013 No comments

บริษัท มีกำไรสุทธิรวมสำหรับไตรมาส 2/2556 เท่ากับ 114 ล้านบาท หรือ 0.19 บาท/หุ้น ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรรวมสำหรับครึ่งปีแรกสำหรับปี 2556 เท่ากับ 260 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.44 บาท/หุ้น แบ่งเป็น
· กำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 จากครึ่งปีก่อน(จำนวน 206 ล้านบาท) เนื่องจากการรับรู้ผลประกอบการจากธุรกิจสมุดหน้าเหลืองเต็มหกเดือน (ในขณะที่ครึ่งปีก่อน บริษัทรับรู้ผลประกอบการจากธุรกิจสมุดหน้าเหลืองเพียง 2.5 เดือน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในช่วงสิ้นปี 2554 ส่งผลให้ ทางบริษัทต้องเลื่อนการรับรู้รายได้และต้นทุนการจัดพิมพ์สมุดหน้าเหลืองไปเป็นเดือนพฤษภาคม (จากเดิมรับรู้ตั้งแต่เดือนมกราคม) เพื่อให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของสมุดหน้าเหลือง)

· กำไรจากรายการพิเศษ (สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายทางภาษี) จำนวน 23 ล้านบาท จากส่วนลดค่าเช่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ผ่านมาระหว่างบริษัทกับผู้ให้บริการ

ในขณะที่ กำไรจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของงบการเงินเฉพาะกิจการเท่ากับ 217 ล้านบาท หรือ 0.37 บาท/หุ้น ซึ่งใกล้เคียงกับครึ่งปีก่อน 216 ล้านบาท)

ดังนั้น ในวันที่ 8 สิงหาคม 2556 คณะกรรมการบริษัทฯจึงมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 2556 จำนวน 0.35 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 96 ของผลการดำเนินงานจากงบการเงินเฉพาะกิจการในครึ่งปี 2556

สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงสานต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับ ครึ่งปีแรก โดยทางด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ต จะเน้นกลุ่มบริการ ICT Service และ cloud computing ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนด้านธุรกิจ voice & mobile จะเน้นการเติบโตของรายได้ค่าบริการสมาชิก ผ่านการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการ โดยการเพิ่มบริการที่หลากหลายมากขึ้น อาทิเช่น การให้บริการส่ง SMS ข่าวบันเทิง ตลอดจนการเพิ่มบริการบน smart phone ให้มากขึ้น

ส่วนด้านธุรกิจโฆษณาสมุดหน้าเหลือง เนื่องจากรายได้จากการขายโฆษณาในสมุดหน้าเหลือง ยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการลดขนาดช่องโฆษณาและผู้ลงโฆษณาส่วนใหญ่หันไปลงโฆษณาในสื่อออนไลน์ (ที่มีราคาต่ำกว่า) เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจึงมีแผนที่จะจัดพิมพ์และแจกจ่ายวารสารใหม่ๆแบบเจาะเฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิเช่น “FixGang (ช่างด่วน)” “Fashion & Accessories Guide” “Builder Guide” “Factory Supply Guide” เพื่อชดเชยรายได้จากการขายโฆษณาในสมุดหน้าเหลืองที่ลดลง ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง

View :1168

เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค)ผนึกเครือข่ายพันธมิตร จัด Software Park Annual Conference 2013

August 7th, 2013 No comments

ภายใต้แนว คิด Gateway to Global Market : ประตูสู่ตลาดโลก” พบกับผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาร วิทยากรด้านไอทีและวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เปิดมุมมองหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องธุรกิจ เทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร ร่วมเรียนรู้เรื่องราวความสำเร็จจากผู้มีประสบการณ์จริงในการดำเนินธุรกิจไอ ที ภายใต้แนวคิด “ธุรกิจล้ำ ทำได้ ขายดี ตีตลาดโลก” เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันบุคลากรไอทีและผู้ประกอบการซอฟแวร์ไทย ในเชิงเทคนิคในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอม รับในระดับสากล รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้อำนวยการ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือซอฟต์แวร์พาร์ค เปิดเผยว่า งาน ในปีนี้จะอยู่ภายใต้แนวคิดหลัก “Gateway to Global Market” หรือ “ประตูสู่ตลาดโลก” โดยซอฟต์แวร์พาร์คจะยึดหลักการเปิดมุมมองธุรกิจใน หลากหลายมิติ โดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ บุคลากรด้านไอทีและผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ทั้งในเชิงเทคนิคในการพัฒนา ซอฟต์แวร์ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ “ซอฟต์แวร์ พาร์คประเทศไทย เห็นว่าตลาดของซอฟต์แวร์เป็นตลาดสากล ไม่ได้มีขีดจำกัดเฉพาะอาเซียน หรือเอเชีย ดังนั้นการพัฒนาผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ของไทยจำเป็นต้องใส่ชุดประสบการณ์ ระดับโลก พร้อมกับการจัดการต่างๆ เพื่อรองรับการเข้าสู่ตลาดโลกโดยทันที ซึ่งในงาน ในวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการนำชุดประสบการณ์สำเร็จรูป พร้อมการนำพาร์ตเนอร์ในระดับโลก ซึ่งเป็นโครงข่ายที่ซอฟต์แวร์พาร์คได้สร้างขึ้นในรอบหลายปีมาสนับสนุนเพื่อ ให้ผู้ประกอบการได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่”

การ จัดงานในครั้งนี้จะเป็นการจัดกระบวนทัพของธุรกิจซอฟต์แวร์ ไทยให้พร้อมออกสู่ตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระดับภูมิภาคหรือระดับโลก โดยให้ความรู้และมุมมองหลากหลายมิติ ทั้งในเรื่อง ธุรกิจ,เทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้เริ่มต้นและก้าวเข้าสู่สากลอย่างมีแบบแผน ในส่วนของธุรกิจนั้น ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายสองด้านคือ กลุ่มผู้ประกอบการซอฟต์แวร์โดยตรง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะนำซอฟต์แวร์มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทั้งสองกลุ่มจำเป็นที่จะต้องได้รับประสบการณ์คู่ขนาน กัน เพื่อทำให้ตลาดเติบโตไปอย่างมีเสถียรภาพ ดังนั้นชุดประสบการณ์ทางด้านธุรกิจนั้นทางซอฟต์แวร์พาร์คจะคัดเลือกความรู้ ทั้งสองมุมมองเพื่อทำให้ผู้ประกอบการเห็นภาพการทำธุรกิจ ที่ต้องขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างชัดเจน และสามารถนำไปใช้ได้อย่างจริงจัง รวมถึงการแสดงเจตนารมย์ที่จะก้าวไปสู่ตลาดโลกในระดับต่างๆ ความพร้อมและเป้าหมายของการขยายตลาด ซอฟต์แวร์พาร์คจะมีการจัดกลุ่ม หรือ Grouping ในงาน และจะ Customize หรือปรับแต่งใน แต่ละกลุ่มให้ เหมาะสมกับความต้องการต่อไป เนื่องจากบริษัทซอฟต์แวร์ที่ต้องการจะรุกตลาดต่างประเทศ จะมีทั้งต้องการเพียงแค่ไปออกบูธจำหน่ายสินค้าเพียงครั้ง คราว, บางรายต้องการหาคู่ค้าในประเทศต่างๆ เพื่อขยายฐาน, บางรายเพียงต้องการแหล่งทุน และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้หน่วยงานสนับสนุนเห็นภาพการรุกตลาดต่างประเทศของผู้ประกอบการได้ ชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงการมอบรางวัล Software Park Thailand’s Hall of Inspiration 2013 ให้กับผู้ประกอบการไอทีรุ่นใหม่เพื่อเป็นฑูต สร้างแรงบันดาลในให้คนรุ่นใหม่ หวังผลให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการแบ่งปันในอุตสาหกรรม

ใน ด้านเทคโนโลยีนั้น ซอฟต์แวร์พาร์คประเทศไทย ได้นำเสนอเทคโนโลยีจากพันธมิตรในระดับโลก เพื่อฉายภาพ ทิศทางที่สำคัญ รวมถึงตัวช่วยในด้านต่างๆ จากเจ้าของเทคโนโลยี ทั้งในส่วนของโปรแกรมใน ระดับสากลและโปรแกรมที่ปรับแต่งเฉพาะ ประเทศไทยเพียงแห่งเดียว ซึ่งในงานจะมีตัวช่วยจากพาร์ตเนอร์ที่สนับสนุนมากกว่า 10 โครงการ โดยผู้ประกอบการสามารถ เลือกโครงการที่ เหมาะสมกับการรุก ตลาดของ ตนเองได้

สำหรับการพัฒนาบุคลากรนั้น ซอฟต์แวร์พาร์คยังคงยึดแนวทางการพัฒนาบุคลากร ระดับกลาง โดยเน้น Soft Skill หรือการบริหารงานเชิงความสัมพันธ์ที่ มากกว่าการเน้นเรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เนื่องจากกลุ่มระดับกลางนั้นจะต้องเป็นตัวเชื่อมโยงทรัพยากรกับกลุ่มประเทศ ในอาเซียนเพิ่มมากขึ้น โดยนอกจากโอกาสของ AEC แล้ว ซอฟต์แวร์พาร์คยังเห็นว่าแนวโน้มการสร้างบุคลากรไอทีของไทยในระดับ อุดมศึกษาเริ่มมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนแล้ว โดยคนรุ่นใหม่จะสนใจเรียนสายคอมพิวเตอร์หลักน้อยลง และสนใจที่จะเรียนคอมพิวเตอร์ประยุกต์มากขึ้น ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับแผนงานของซอฟต์แวร์พาร์คในขณะนี้
นอก จากนั้น ซอฟต์แวร์พาร์คยังมุ่งมั่นที่จะสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับภาค ธุรกิจไทย ทั้งในเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการซอฟต์แวร์และการส่ง เสริมการนำ IT ให้เข้าไปมีบทบาทในการเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยในงานนี้จะเป็นการเปิดตัว กิจกรรมของทางซอฟต์แวร์พาร์คที่ชื่อ Software Hunter เนื่องจากที่ผ่านมาซอฟต์แวร์พาร์ค ได้รับการติดต่อจากผู้ทีต้องการซอฟต์แวร์ไปใช้ในงานของตน เองหลากหลายโครงการ ทั้งในและต่างประเทศ โดยต่อไปนี้ซอฟต์แวร์พาร์คจะมีบุคลากรที่ดูแลด้านนี้ชัดเจน เมื่อมีความต้องการเข้ามา Software Hunter จะคัดเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมจำนวน หนึ่งเพื่อนำไปสู่การคัดเลือก โดยทั้งหมดได้รับการยอมรับจากซอฟต์แวร์พาร์คแล้วว่าเหมาะสม และมีประบการณ์ในด้านนั้นๆ ซึ่งเท่ากับสำหรับผู้ประกอบการหรือองค์กรและภาคธุรกิจอื่นๆ ที่มองหาซอฟต์แวร์ไทยที่ดีและมีประสิทธิภาพ

นาย สุทัศน์ วงศ์วิเศษกุล, ผู้จัดการ ทั่วไป บริษัท ซีเอ โซลูชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์บริหารจัดการองค์กร ซีเอ ได้เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าเพื่อก้าวสู่ตลาดโลกและเติบโต อย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการดังต่อไปนี้
1. Accelerate IT : โซลูชั่น ที่จะช่วยงานไอทีของท่านพัฒนาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2. Transform IT : โซลูชั่น ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น จากการไร้ขีดจำกัดด้านทรัพยากร
3. Secure IT : โซลูชั่น ที่ช่วยสร้างความมั่นใจด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลสำคัญของ
ธุรกิจซึ่งกลยุทธ์ทั้งสามที่กล่าวมานี้ จะถูกถ่ายทอดเป็นรูปธรรมในภาพของเทคโนโลยีที่สอดคล้อง Trend ใน ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี DevOps (Development and Operations), Mobility, Cloud and SaaS, Big Data ทั้งนี้ ซีเอ มีความพร้อมและยินดีร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของธุรกิจของลูกค้าในตลาด โลก สามารถสอบถามข้อมูลโซลูชั่นเพิ่มเติมได้ที่ บูธ ซีเอ ภายในงาน
นายจิรวิทย์ แม้ ประสาท, ผู้จัดการฝ่าย ซอฟแวร์ อีโค่ ซิสเต็ม บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีส่วนสำคัญในการ สนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย โดยการเข้าถึงเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ล่าสุด สำหรับงาน Software Park Annual Conference ในปีนี้ บริษัท อินเทลเตรียมจัดแสดงแนวคิดการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการ ทำงานสำหรับอุปกรณ์หลากหลายประเภท (cross platform development) เช่น สมาร์ทโฟน, แท็ปเล็ต, อัลตร้าบุ๊ก™ จากการใช้ชุดเครื่องมือการพัฒนาของอินเทลสำหรับเทคโนโลยี HTML5, ระบบปฎิบัติการ Windows 8 และ Android นอกจากนั้นภายในบูธ จัดแสดงของอินเทล ได้จัดทำ software showcase สำหรับแนวทางใหม่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในอนาคต เช่นซอฟต์แวร์รองรับการสั่งการด้วยท่าทางภายใต้เทคโนโลยี Perceptual Computing
นายประดิษฐ์ ภิญโญ ภาสกุล, หัวหน้าสายงานพาณิชย์ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง มาตรฐานระดับโลกแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระหว่าง ประเทศ ถึง 3 มาตรฐานคือ ISO 20000, ISO 27001 และ BS25999 พร้อมที่จะให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอ ทีแก่องค์กรทุกขนาดในประเทศไทยให้มีความพร้อมในการเปิดตลาด AEC โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นศูนย์ กลางของเนื้อหา และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทรูไอดีซีมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรระดับสากลในการสร้าง ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ ซึ่งต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานสัมมนาครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยผลักดันผู้ประกอบการไอทีของไทยประเทศไทยให้เตรียม ความพร้อมในก้าวเข้าสู่ตลาดสากล

นางสาวศิรินุช ศรารัชต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความสัมพันธ์พันธมิตรและผู้จัดการสำนักนวัตกรรม บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว่า ทางไอบีเอ็มมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างอุตสาหกรรมไอทีให้มีการเติบโตขึ้นไปได้ อย่างต่อเนื่อง และมีความ มุ่งมั่นทุ่มเทในการนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบุคคล กรมาสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่สังคม ดังนั้นเราจึง จัดตั้ง โปรแกรมด้านการศึกษาขึ้น หรือที่ เรียกว่า Academic Initiative Program เพื่อพัฒนาการศึกษาและเพิ่มพูนทักษะของเยาวชน ไทย โดยนำเสนอ solution และ เทคโนโลยีต่างๆ ของ ไอบีเอ็ม สู่มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ และ ยังได้ริเริ่มที่จะให้การรับรองและเสริมสร้างทักษะความ เชี่ยวชาญให้กับนักศึกษาโดยร่วมมือกับสถานศึกษาชั้นนำ เพื่อจัดตั้ง ศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศทางด้านเทคโนโลยี ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง (Center of Excellent) เพื่อสร้างบุคลากรด้านไอทีที่มีคุณภาพสูง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไอ บีเอ็มได้ร่วมมือกับองค์กรภาคอุตสาหกรรมและได้ประสานงาน ร่วมกับมหาวิทยาลัยกว่า 20 แห่ง ในประเทศไทยเพื่อจัดการฝึกอบรมทางด้านไอทีให้แก่นักศึกษา ภายใต้โครงการ IBM Academic Initiative ส่งเสริมหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์การบริการ (Service Science, Management and Engineering – SSME) เพื่อสร้างบุคลากรในอุตสาหกรรมไอที ที่มีทักษะทั้งทางด้านเทคนิคที่แข็งแกร่งและ ยังมีความรู้ความเข้าใจทางด้านธุรกิจอุตสาหกรรมควบคู่กัน ไป รวมทั้ง ทางไอบีเอ็มยังมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างทรัพยากรทางด้าน IT เพื่อให้ทัดเทียมกับมาตรฐานนานาชาติด้วยการจัด ให้มีการสอบ Certification สำหรับ มืออาชีพอีกด้วย

นอกจากนี้ ยัง ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม ISV และ Business Partner สำหรับ อุตสาหกรรมต่างๆ ขึ้นเพื่อพัฒนาและนำเทคโนโลยีของไอบีเอ็มไปใช้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อขยาดตลาดไปสู่นานาชาติ และ ได้จัดให้มีโครงการ IBM Partner World เพื่อช่วยสนับสนุนกลุ่ม ISV เหล่านี้ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นอีกด้วย

View :1397

ดีแทคประกาศ เชิญชวนผู้สนใจร่วมทำธุรกิจขยาย dtac Center ตอกย้ำความตั้งใจจริงให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

August 7th, 2013 No comments

7 สิงหาคม 2556 – ดีแทคประกาศเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมธุรกิจเปิดร้าน เพิ่มเติมเพื่อขยายการรองรับลูกค้าดีแทค และดีแทค ไตรเน็ต ให้ได้รับบริการที่สะดวกเพิ่มขึ้น โดยจัดงานเปิดบ้าน (Open House) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ Branded Retail ของ dtac รวมถึงข้อมูลประกอบการพิจารณาสำหรับผู้ที่สนใจร่วมธุรกิจในการเปิดร้าน ในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 อาคารจัตุรัสจามจุรีสแควร์ หรือสมัครเข้ามาได้ที่ website www.dtac.co.th/dtaccenter ภายในวันที่ 13 สค.นี้
Resize of XU5C7552
นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า ดีแทค กล่าวว่า “หลังจากที่ดีแทคได้ประกาศปรับโฉมหน้าช่องทางการให้บริการลูกค้าใหม่ จากกลยุทธ์ ที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centricity) ด้วยแนวคิดศูนย์บริการรูปแบบใหม่นี้ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์และความสะดวกในการใช้บริการอย่างครบวงจรในลักษณะ One Stop Service ได้รับความสบายใจจากการให้คำแนะนำปรึกษา จำหน่าย และบริการหลังการขายที่ต่อเนื่องเป็นระบบเดียวกันในรูปแบบ Sales & Service Integration มีประสบการณ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น (Better Experience) จากบรรยากาศและระบบบริการที่พัฒนาเพื่อให้มีประสิทธิภาพตอบรับกับความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง รวมทั้งได้รับข้อมูลในการช่วยตัดสินใจจากการจัดข้อเสนอที่แบ่งตามลักษณะการใช้งานในเซ็กเม้นต์ (Segment) ต่าง ๆ เหนือสิ่งอื่นใด รูปแบบใหม่ของศูนย์บริการนี้จะก่อให้เกิดความรู้สึกและความผูกพันที่ดีระหว่างดีแทคกับลูกค้า และสร้างความแตกต่างในธุรกิจในระยะยาวด้วย”

ดีแทคได้ดำเนินการปรับโฉม dtac Hall, dtac Center และ dtac Express ไปแล้วกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ด้วยงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาทภายใน 2 ปี โดยตั้งเป้าปรับโฉมศูนย์บริการดีแทคให้ครบ 300 สาขา ภายในปี 2557 นี้ โดยศูนย์บริการดีแทครูปแบบใหม่ได้เปิดตัวสาขาแรก ในเดือน กรกฎาคม 2555 เป็นต้นแบบการให้บริการครบวงจรทั้งการขายและบริการ พร้อมจัดข้อเสนอให้ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งวางแผนจะเปิดให้บริการลูกค้าครบ 220 สาขาภายในปี 2556

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ดีแทคจึงประกาศเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจหน้าใหม่ ที่สนใจจะเข้ามาทำธุรกิจร่วมกับดีแทคเพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งดีแทคเชื่อมั่นว่าธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมกำลังพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่เข้าสู่ยุค 3G ที่กำลังเติบโตต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งปีหลัง ที่ดีแทค และ ดีแทค ไตรเน็ต พร้อมที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ด้วยจำนวนสถานีฐาน 3G มากกว่า 10,000 สถานีฐานทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งาน และสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าของดีแทค และดีแทค ไตรเน็ตได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่สนใจ ดีแทคจึงขอชวนรับฟังข้อมูลจากดีแทคในงาน Open House ในวัน15 สิงหาคม 2556 หรือหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th/dtaccenter

View :1852
Categories: Application Tags:

Five Great Apps to Celebrate Mother’s Day

August 7th, 2013 No comments

Bangkok – 7 August 2013 – We know we all love our moms. Not only have they given us unending, unconditional love since the day we were born, they have also always been there for us when we have needed them, whether for some motherly advice or just a good old hug! To help you express just how much your mom means to you this coming Mother’s Day, Microsoft have selected a bunch of apps that will help your express feelings in a fun and creative way. Check out all the special apps available on Windows for you and your mom this very special Mother’s Day.

And did you know that in 2012 Microsoft has supported the development of over 1,227 Thai designed and created apps in the Windows store as well as 303 Windows Phone Apps through its Microsoft Innovation Centre Bangkok? Want to find out more? Why not check out http://micthailand.net/ for more details.
M1.4
JustWink
(Free: Available on Windows 8)
(Link: http://apps.microsoft.com/windows/en-US/app/justwink/781fcb23-4eab-43c4-b227-b23d5134dc5a )
To start with, JustWink lets you personalize and send awesome greeting cards from your Windows 8 device to your friends, family, and beyond, via email or Facebook. This app offers the perfect e-cards at your fingertips— with a wide selection of over 500 cards. Let’s put a smile on your mom’s face when she received the beautiful e-card which can be opened and flipped just like real cards. You can also customize the cards just like you can on any greeting card: Add your own note, drop in a photo, and even add your own signature for the authentic “I Actually Care About You” feel!

M1.6
Perfect 365
(Free: Available on Windows 8/ )
(Link: http://apps.microsoft.com/windows/th-th/app/perfect365/1f111962-b2eb-42e6-8d5b-9ee8972b0cc7)
Capture that perfect moment with your mom and then apply a natural touch-up or a complete makeover with amazing results. Perfect 365 is a one-of-a-kind portrait app that allows anyone to easily select trendy makeover styles or fine-tune every facial detail to get great looks for you and your mom!

M1.8
Skype
(Free: Available on Windows 8/ Windows Phone 8)
(Link: http://apps.microsoft.com/windows/th-th/app/5e19cc61-8994-4797-bdc7-c21263f6282b)
For someone that lives far from their mom, why not try wishing your mom the very best on this special Mother’s Day through Skype for a modern twist on a traditional Mother’s day greeting? Skype is especially great for communicating overseas to help you keep in touch with parents and friends through video and voice calls and instant messaging, all from one app. No matter if you’re on a PC, Windows Phone, Mac, tablet, iPhone or Android device, Skype keeps you connected and always available. You can share photos, videos and files of any size over Skype whether your mom are on or offline and also Snap Skype left or right and do more while you IM, video call or keep an eye on your home screen.

M1.11
Ensogo Thailand
(Free: Available on Windows 8)
(Link: http://apps.microsoft.com/windows/th-th/app/dd30de19-cb3f-472a-b7e0-434bfee3f94f)
On this very special day, our mom deserves the best! Try the Ensogo Thailand app, the #1 social shopping site to search for the best deals for our beloved mom including beauty spa treatments, great dining ideas, beautiful travel spots or even a health check-up at leading hospital.

M1.12
Travel
(Free: Available on Windows 8/ Windows Phone 8)
(Link: http://apps.microsoft.com/windows/th-th/app/9e2610f3-bad2-41cd-b793-a712b055089f)
Plan a fun trip with your mom either in Thailand or outside the country through the Travel app, powered by Bing, which will help you explore over 2000 destinations from all over the world through beautiful photos and panoramas. Travel guides, booking tools, real time currency conversion, and weather provide everything you need to turn travel inspiration into your next great trip. This app will definitely take you to a new world!

You can download all apps at Windows Store via http://www.windowsphone.com/th-th/store for Windows® Phone and via http://windows.microsoft.com/th-th/windows-8/apps for Windows® 8

View :6775

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แชมเปี้ยนพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

August 7th, 2013 No comments

Marc and parinya (Large)
กรุงเทพฯ – 6 สิงหาคม 2556: ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานระดับโลก ประกาศความพร้อมในการขยายฐานธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ด้วยความสามารถในการให้บริการโซลูชั่นในการแปลงพลังงานเพื่อการใช้แอพพลิเคชั่นพลังงานแสงอาทิตย์อย่างครบวงจร อีกทั้งความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการ ตลอดจนความสำเร็จในการให้บริการที่ผ่านมาทั้งภายในประเทศ และระดับโลก ตั้งเป้าที่จะผลิตพลังงานมากกว่า 100 เมกะวัตต์จากโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่หลายแห่งภายในสิ้นปี พร้อมเล็งขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มอาคาร และที่พักอาศัยในเวลาเดียวกัน

จากรายงานของกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน สภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยเหมาะสมสำหรับการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีปริมาณความเข้มข้นของรังสีอยู่ในระดับสูงทั้งในแง่ของพลังงานทางตรง และในแบบกระจาย รายงานระบุว่า 14.3% ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์โดยเฉลี่ยสูงถึง 19-20 เมกกะจูลต่อตารางเมตรต่อ 1 วัน ในขณะที่อีก 50% ของพื้นที่ทั้งหมดได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ 18-19 เมกะจูลต่อตาตรารางเมตรต่อ 1 วัน ดังนั้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มประเทศ “เข็มขัดสุริยะ” (sun-belt) ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์

มาร์ค ลีส หัวหน้าฝ่ายพลังงานแสงอาทิตย์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ภาคพื้นเอเชียตะวันออก กล่าวว่า การขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในครั้งนี้เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไทยด้านพลังงานแสงอาทิตย์

“ปัจจุบัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้โครงการด้านโซลาร์หลายแห่งในหลายจังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย และอยุธยาสำเร็จไปด้วยดี โดยโครงการทั้งหมดเหล่านั้นจะจะผลิตพลังงานมากกว่า 100 เมกะวัตต์โดยรวม” มาร์คกล่าว “จากการที่รัฐบาลตั้งเป้าที่จะผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้ได้ 3,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2564 ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีการใช้งานเทคโนโลยีแสงอาทิตย์ในระดับแนวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการมีนโยบายด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ดำเนินรอยตาม ด้วยประสบการณ์ และความสำเร็จในการนำเสนอโซลาร์ โซลูชั่นภายในประเทศไทย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กำลังเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจภายในภูมิภาคด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโต” เขากล่าวเพิ่มเติม

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำด้านโซล่าร์ โซลูชั่นในระดับโลกที่มีทั้งความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายพันธมิตรในวงกว้าง รวมถึงความสามารถในการให้บริการโซล่าร์ โซลูชั่นแบบครบวงจรที่ครอบคลุมห่วงโซ่การแปลงพลังงานกระแสไฟที่ได้รับการตอบรับที่ดียิ่งจากลูกค้า

นายปริญญา พงษ์รัตนกูล รองประธานบริษัท หน่วยธุรกิจ Energy & Infrastructure ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไทยแลนด์ กล่าวว่า “เราเริ่มต้นธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2553 โดยวางเป้าหมายไปที่โซล่าร์ฟาร์มเป็นหลัก ด้วยนโยบายใหม่ของภาครัฐ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค วางแผนที่จะขยายการให้การโซลูชั่นสำหรับลูกค้าในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และอาคารอุตสาหกรรมที่ต้องการการติดตั้งตั้งแต่ระดับ 3 กิโลวัตต์ไปจนถึงระดับ 1 เมกะวัตต์โดยเฉพาะ

“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถเติมเต็มความต้องการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าได้ โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ไปจนถึงโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ครอบคลุมอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบการจัดการอาคาร และระบบความปลอดภัยที่สามารถบูรณาการให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ยิ่งกว่านั้น เพื่อให้ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ในครัวเรือน เราวางแผนที่จะทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วประเทศซึ่งมีความเชี่ยวชาญในระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และความปลอดภัยด้านกระแสไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ และ เราจะเดินหน้าในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และสร้างช่องทางใหม่ๆ ในการเข้าถึง และให้การสนับสนุนลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อครองตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

“สำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือ หนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชั่นส์เพียงไม่กี่รายที่สามารถให้การสนับสนุนด้านการให้บริการซ่อมบำรุงในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดมาจากความเชี่ยวชาญ และความแข็งแกร่งของทีมงานภายในประเทศที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้พลังงานอย่างมีเสถียรภาพ” นายปริญญากล่าว

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานในประเทศไทย บริษัทวางตัวที่จะเป็นผู้ให้บริการทั้งด้านเทคโนโลยี และโซลูชั่นส์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับแนวหน้า พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นที่ครบวงจร ไปจนถึงการให้บริการ ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วประเทศ

View :1132

กลุ่มทรู ร่วมมือกับ เมเจอร์ เปิดบริการฟรี WiFi By TrueMove H ความเร็วสูงสุด 200 Mbps ทุกโรงภาพยนตร์

August 6th, 2013 No comments

2013-08-06
พร้อมรับสิทธิ์ส่วนลด 50% ทุกวัน ทุกเรื่อง ทุกรอบ
กรุงเทพฯ 2 สิงหาคม 2556 – กลุ่มทรู โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ (ที่ 5 จากขวา) ผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป โดย นายวิชา พลูวรลักษณ์ (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ประกาศยกระดับความบันเทิงครบวงจร พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำ WiFi ที่มีโครงข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เอาใจคอหนังทั่วไทย ให้ลูกค้ากลุ่มทรูรับสิทธิพิเศษเต็มอิ่ม กับบริการ WiFi by TrueMove H ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 200 Mbps ให้เพลิดเพลินกับการเชื่อมต่อออนไลน์แบบไร้ขีดจำกัดทุกโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขาทั่วประเทศ ฟรีตลอดทั้งวัน พร้อมรับสิทธิ์ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในราคาพิเศษลด 50% นอกจากนี้ยังสามารถเช็ครอบฉายภาพยนตร์ ผ่านเว็บไซต์ www.truemovie.tv และแอพพลิเคชั่น TrueMovie บนมือถือ รวมถึงบริการและสิทธิพิเศษต่างๆ จากกลุ่มทรูอีกมากมายที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขาทั่วประเทศ

รายละเอียดบริการและสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายสำหรับลูกค้ากลุ่มทรูที่ใช้บริการที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขาทั่วประเทศ ดังนี้

· ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับสิทธิพิเศษใช้บริการ WiFi by TrueMove H ฟรีตลอดทั้งวัน
o ลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน กด *943*01*1# แล้วโทรออก (ฟรี)
o ลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน กด *943*01*2# แล้วโทรออก (ฟรี)
· ลูกค้าทรูการ์ด รับส่วนลดซื้อบัตรชมภาพยนตร์ 50% ทุกวัน ทุกเรื่อง ทุกรอบ
o ลูกค้าทรูแบล็ค การ์ด 4 ที่นั่ง / เดือน เพียงแสดงบัตรทรูการ์ดเพื่อรับสิทธิ์
o ลูกค้าทรูเรด การ์ด 2 ที่นั่ง / เดือน เพียงแสดงบัตรทรูการ์ดเพื่อรับสิทธิ์
· ลูกค้าทรูทั่วไป 1 ที่นั่ง / เดือน
o ลูกค้าทรูมูฟ/ทรูมูฟ เอช กด *878*0127*1#(ฟรี)
o ลูกค้าทรูวิชั่นส์ ทรูออนไลน์ วีพีซีที (กรณีใช้มือถือต่างเครือข่าย) ส่ง SMS พิมพ์ R0127 (เว้นวรรค) หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ส่งมาที่หมายเลข 4764703 (ครั้งละ 3 บาท)
· เช็ครอบฉายภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขาได้แล้ว และซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้เร็วๆ นี้ ที่เว็บไซต์ www.truemovie.tv หรือแอพพลิเคชั่น TrueMovie บนมือถือ ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android

View :1497
Categories: Internet, SmartPhone/Mobile phone Tags:

เรียกร้อง กสทช.แก้กฎระเบียบที่สร้างปัญหาก่อนลามถึงดิจิตอลทีวี สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

August 6th, 2013 No comments

ดร.สมเกียรติ

ประชาชนและผู้ประกอบการจะประสบปัญหาในยุคทีวีดิจิตอลที่กำลังจะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้ หาก กสทช.ไม่ยกเลิกหรือแก้ไขประกาศ 2 ฉบับ คือ must carry และ must have

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทแกรมมี่ได้รับลิขสิทธิ์ แล้วนำรายการส่วนหนึ่งมาถ่ายทอดทางฟรีทีวี แต่ไม่อนุญาตให้เคเบิ้ลทีวีนำไปถ่ายทอดต่อ จนทำให้เกิดปัญหา “จอดำ” นั้น กสทช.ได้แก้ปัญหาซึ่งยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นด้วยการออกกฎ 2 ข้อ คือ กฎที่เรียกกันผิด ๆ ว่า must carry ซึ่งกำหนดให้ฟรีทีวีต้องเปิดรายการของตนให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีเอาไปถ่ายทอดต่อ และกฎ must have ที่กำหนดให้กีฬาสำคัญๆ ที่กำหนดไว้ต้องถ่ายทอดผ่านเฉพาะฟรีทีวีเท่านั้น

กฎ must carry ในต่างประเทศจะกำหนดให้ผู้ให้บริการเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมรายใหญ่ ต้องรับสัญญาณจากช่องฟรีทีวีที่กำหนดไปถ่ายทอดต่อ แต่กฎที่เรียกว่า must carry ของไทยกลับกำหนดฝ่ายเดียวให้ฟรีทีวีจะต้องยิงสัญญาณไปไว้ที่ทีวีดาวเทียม แต่ไม่ได้บังคับให้เคเบิ้ลทีวีต้องรับสัญญาณของรายการของทีวีธุรกิจไปถ่ายทอดต่อ กฎ must carry แบบไทยๆ จึงทำให้เกิดปัญหามากมายคือ นอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาจอดับ-จอดำได้ เพราะขัดกับกฎหมายลิขสิทธิ์แล้ว ยังทำให้ฟรีทีวีมีต้นทุนสูง โดยในหลายกรณีก็เป็นการลงทุนที่ต้นทุนสูญเปล่า เพราะไม่ได้กำหนดให้เคเบิ้ลทีวีจะต้องนำสัญญาณไปถ่ายทอดต่อ ปัญหาความสูญเปล่าดังกล่าวจะเกิดขึ้นมากในอนาคตอันใกล้เมื่อเกิดทีวีดิจิตอลธุรกิจจำนวนถึง 24 ช่อง ในขณะที่ ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากกฎดังกล่าวคือผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่เพียงรายเดียว

ส่วนกฎ must have ที่กำหนดให้รายการกีฬาสำคัญ ๆ จะต้องถ่ายทอดทางฟรีทีวีเท่านั้น ก็จะทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน เพราะกีฬาต่างๆ ทั้งซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิก มีรายการกีฬาที่แข่งขันกันจำนวนมาก จนฟรีทีวีไม่สามารถถ่ายทอดได้หมด การจำกัดให้ถ่ายทอดกีฬาดังกล่าวเฉพาะฟรีทีวีจะทำให้ประชาชนไม่ได้ดูกีฬาเหล่านั้น จากเดิมเคยสามารถดูได้ทางเคเบิ้ลทีวีหรือทีวีดาวเทียม นอกจากนี้ กฎดังกล่าวยังจะทำให้ทีวีช่องใหม่เกิดขึ้นไม่ได้ เช่น กรณีบริษัทอาร์เอสซึ่งได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก และเดิมต้องการที่จะถ่ายทอดทางทีวีดาวเทียมของตน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะขัดกับกฎของกสทช.ดังกล่าว จนอาร์เอสก็ต้องล้มเลิกแผนการเดิมของตนและมีปัญหาฟ้องร้องกับ กสทช.อยู่ขณะนี้

เท่าที่ศึกษาดูพบว่า ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีกฎระเบียบการถ่ายทอดรายการทีวีที่แปลกพิสดารเหมือนกับประเทศไทย เนื่องจาก หากประเทศใดมีกฎบังคับให้ฟรีทีวีต้องเปิดสัญญาณให้เอารายการของตนไปถ่ายทอดต่อแล้ว ก็จะต้องมีกฎ must carry บังคับให้เคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมมีหน้าที่ต้องนำเอาสัญญาณดังกล่าวไปถ่ายทอดต่อ นอกจากนี้ ไม่พบว่ามีประเทศใดในโลกที่บังคับให้ถ่ายทอดรายการกีฬาสำคัญ ๆ เฉพาะทางฟรีทีวีอย่างเดียวเท่านั้น อย่างมากจะกำหนดว่า ถ้ามีการถ่ายทอดรายการกีฬาสำคัญทางเคเบิ้ลหรือทีวีดาวเทียมแล้ว จะต้องยอมให้ถ่ายทอดทางฟรีทีวีด้วย

ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า กฎที่กสทช.ออกมาเป็นกฎที่ผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ทั้งประชาชนในฐานะผู้ชมและผู้ประกอบการเสียประโยชน์ ข้อเสนอก็คือ ควรยกเลิกประกาศ must carry และ must have ทั้งสองฉบับ ทั้งนี้ ในระยะยาว ประกาศ must carry ไม่จำเป็นเพราะทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นจะถูก กสทช. กำหนดให้ต้องขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่ไปกำหนดให้รายการของฟรีทีวีจะต้องไปออกเคเบิ้ลทีวีหรือทีวีดาวเทียมอีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนผ่าน หากจะมีกฎ must carry ก็สมควรยกร่างให้ถูกต้อง เหมือนในต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่.

View :1295
Categories: 3G Tags:

Ericsson Consumer Lab ชี้อัตราการโตในแง่ความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อ M-Commerce ในประเทศแถบละตินอเมริกา

August 6th, 2013 No comments

ขอบเขตของการบริการทางธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือหรือที่เรียกอีกอย่างว่า ไม่ว่าจะเป็น การจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ การโอนเงิน หรือการทำธุรกรรมทางธนาคาร ยังคงมีอยู่ในประเทศแถบละตินอเมริกา แต่ทว่าตลาดนั้นกลับมีการแยกย่อยที่หลากหลายมากมายและการใช้ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนของสมาร์ทโฟนในประเทศแถบละตินอเมริกามีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งความสนใจของผู้บริโภคในเรื่องของ อยู่ในระดับที่สูง

อิริคสันคอนซูเมอร์แล็บทำการวิจัยในเรื่องของความเป็นไปได้ในการนำเอา M-Commerce เข้ามาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศแถบละตินอเมริกา โดยผ่านการสัมภาษณ์และศึกษาค้นคว้าในประเทศบลาซิล อาเจนติน่า ชิลี เม็กซิโก และโคลัมโบ โดยจุดประสงค์เพื่อจะวัดถึงพฤติกรรมผู้บริโภคและขนบธรรมเนียม ตัวขับเคลื่อนหลักและอุปสรรคในการใช้บริการธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งทำอย่างไรที่ M – Commerce นั้นจะได้รับกระแสการตอบรับที่ดี

ทั้งนี้ประเทศแถบละตินอเมริกากำลังบูมมากในเรื่องของตลาดผู้บริโภค และประเทศที่จะนำมาศึกษาในครั้งนี้ ประกอบด้วยประเทศบลาซิล อาเจนติน่า ชิลี เม็กซิโก และโคลัมโบ โดยสัดส่วนการโตของ GDP ต่อปีนั้นแตะอยู่ที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา
เรื่องของโซเชียลโมบิลิตี้นั้นเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่เกิดขึ้นในภูมิภาค แต่อย่างไรก็ตามประชากรโดยส่วนมากในประเทศที่นำมาศึกษาในครั้งนี้ ยังคงอยู่ในสถานภาพที่ยากจน กลุ่มชนชั้นกลางในประเทศแถบละตินอเมริกาโตขึ้นมา 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หรือเทียบเท่ากับประชากร 50 ล้านคน และขณะนี้อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด

ประเทศแถบละตินอเมริกายังคงเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเงิน ลูกจ้างส่วนใหญ่ โดยเฉพาะลูกจ้างรายวันได้รับเงินเดือนในรูปแบบของเงินสด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากที่คนเหล่านั้นมักจะเก็บเงินไว้ที่บ้านมากกว่านำไปฝากผูกติดกับบัญชีเงินฝาก
พฤติกรรมที่สำคัญของผู้บริโภคสามารถสรุปได้ดังนี้

• ความสะดวกสบายคือแรงขับเคลื่อนหลักของ M-Commerce
แรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับ M-Commerce ในประเทศแถบละตินอเมริกาคือความสะดวกสบาย โดยความสะดวกสบายที่กล่าวมาในข้างต้นถูกแสดงออกมาในหลากหลายทาง สำหรับคนที่ไม่มีการผูกติดบัญชี หรือในรายงานฉบับนี้เรียกว่าเป็นพวก ‘struggler’ ความสะดวกสบายคือการหลีกเลี่ยงการใช้เวลาอยู่กับการต่อคิวนานๆ เพื่อจ่ายค่าบิล และสำหรับคนที่มีการผูกติดบัญชีไว้แล้ว หรือที่เรียกว่าพวก ‘achievers’ จะได้รับความสะดวกสบายกับการใช้ชีวิตประจำวันที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะจ่ายเงิน ซื้อของ หรือทำการโอนใดๆ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ ที่และทุกๆ เวลา

• ความปลอดภัยและการควบคุมปัจจัยสำคัญต่างๆ
ในประเทศแถบละตินอเมริกาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นประเทศ ‘cashonomy’ เงินสดถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับผู้บริโภค แต่ทว่าในขณะที่เงินสดนั้นถูกมองว่าเป็นสิ่งที่สะดวกสบายและง่ายที่จะนำมาใช้ แต่ข้อเสียคือความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้นการมองเห็นถึงการที่ไม่ต้องถือเงินมาใช้จ่าย หรือแม้แต่กระทั่งการไม่ต้องใช้การ์ดจึงถูกมองว่าเป็นข้อดีสำหรับ M-commerce แต่อย่างไรก็ตามความคิดในเรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ เพราะการเข้าไปควบคุมในเรื่องของทรัพย์สินถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคหลายคนยังคงเก็บรายละเอียดของงบประมาณและบันทึกเรื่องของค่าใช้จ่าย

• ความกังวลในเรื่องของประสิทธิภาพของเครือข่าย
ความกังวลใจของผู้บริโภคในเรื่องของประสิทธิภาพของเครือข่ายเป็นอุปสรรคในประเทศแถบลาตินอเมริกา โดยผู้บริโภคมีความระมัดระวังและตั้งคำถามอยู่เสมอถึงความสามารถของช่องทางทางโทรศัพท์ในการที่ส่งผ่านโซลูชั่นทาง M-Commerce ที่น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัย ทัศนคติของผู้บริโภคซึ่งกลัวว่าการดำเนินการ M-Commerce อาจเกิดการสะดุดหรือถูกรบกวนโดยการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เนตที่ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้อุปสรรคอีกด้านหนึ่งคือการขาดความรู้ ในการที่จะทำให้ผู้บริโภคนั้นรับ M-commerce เข้ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ

นาย บัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ อีริคสันประเทศไทย กล่าวว่า “ข้อดีของการใช้ M-commerce คือผู้บริโภคนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด หรือแม้แต่กระทั่งการมีเครดิตการ์ดใดๆ และที่สำคัญยังป็นตัวช่วยในการควบคุมและสร้างวินัยของเศรษฐกิจภาคครัวเรือนได้อย่างดีอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสอบการชำระเงินที่จะสามารถถูกส่งโดยตรงไปยังโทรศัพท์มือถือ และผู้บริโภคเองสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเงินที่มากเกิน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ในประเทศแถบละตินอเมริกา การนำเอา M-Commerce มาใช้ประโยชน์ยังมีอัตราส่วนที่ต่ำ โดยอุปสรรคสำคัญคือการขาดความไว้วางใจในหน่วยงาน ทัศนคติในเรื่องของเครือข่ายที่มีคุณภาพต่ำ รวมทั้งความรู้ทั่วไปในเรื่องของการใช้บริการ M-commerce ในตัวของผู้บริโภค ดังนั้นทุกๆฝ่ายทั้งภาครัฐและผู้ให้บริการต่างๆควรจะทำปรับปรุงกฎข้อบังคับ การให้ความรู้ คุณภาพของเครื่อข่าย อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการใช้บริการ M-commerce

View :1460

ผู้ชนะโครงการ “AIS The StartUp Weekends 2013” เตรียมปล่อยของ แอพใหม่สุดล้ำ เอาใจสาวก AIS 3G 2100

August 6th, 2013 No comments

(5 สิงหาคม 2556) เอไอเอสประกาศผลสุดยอดทีม Tech Startup แห่งปี ผู้ชนะเลิศ “AIS The StartUp Weekends 2013” กิจกรรมประกวดสร้างโมบายแอพพลิเคชั่น หลังผ่านหลักสูตร Boot Camp ฝึกอบรมทุกแง่มุมของธุรกิจอย่างเข้มข้น 90 วันเต็ม เตรียมส่งผลงานออกสู่ตลาดจริงทันที ให้สาวก 3G ได้สนุกกับแอพใหม่ฝีมือคนไทย ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอไอเอสและบริษัทพันธมิตร พร้อมรับเงินรางวัลจำนวน 600,000 บาท และโอกาสก้าวสู่ตลาดโลก

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เอไอเอส เปิดเผยว่า“สำหรับกิจกรรม AIS The StartUp Weekends 2013 ที่เปิดโอกาสให้เหล่านักพัฒนาได้แสดงพลังความคิดสร้างสรรค์ แข่งขันสร้างโมบายแอพพลิเคชั่นออกสู่ตลาดในครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยมี Startup ให้การตอบรับสมัครเข้าร่วมกว่า 500 คน หรือ 116 ทีม ได้ร่วม Pitching Idea จนในที่สุดได้ 5 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก ได้รับรางวัลพิเศษในการเข้าร่วมหลักสูตรอบรม Boot Camp ซึ่งเอไอเอสจัดขึ้นโดยเฉพาะเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจดิจิตอลหน้าใหม่ โดยได้รวมเหล่า Hero Mentor กูรูดังจากหลากหลายวงการ ทั้งไทยและต่างประเทศ มาร่วมเป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษา บ่มเพาะทั้งเจ้าของกิจการเองและผลิตภัณฑ์ไปพร้อมๆ กัน เป็นเวลา 90 วันเต็ม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฏาคม 2556 ที่ผ่านมานี้

จนกระทั่งวันนี้ได้จัดกิจกรรมแข่งขันรอบสุดท้ายให้ทั้ง 5 ทีม ได้นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิากแวดวงไอทีและนักลงทุน อาทิ Edgar Hardless CEO แห่ง SingTel Innov8, Amit Anand แห่ง BANSEA, คุณธนพงษ์ ณ ระนอง จาก Invent, คุณพิภวัตว์ ภัทรนาวิก จาก KBank เป็นต้น

โดย 5 ทีม Startup ประกอบด้วย 1. Closed Tag กับผลงาน Mini CRM Platform ที่จะมาพลิกรูปแบบใหม่ของการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า 2. Noonswoon กับแอพพลิเคชั่นแนว Match Maker ที่มาพร้อมไอเดียสุดหวือหวา คอนเนคคนโสดในเมืองใหญ่ 3. Stock Guru แอพพลิเคชั่นเพื่อคอหุ้นรุ่นหนุ่มสาว มาในมาดใหม่สไตล์ Virtual Trading ที่ทำให้การซื้อขายหุ้นเป็นเรื่องง่ายและสนุก 4. TripPacker แอพพลิเคชั่นนำเที่ยวแนวใหม่ เอาใจคนชอบลุย ที่เบื่อการท่องเที่ยวจำเจแบบเดิมๆ และ 5. Zupzip กับแนวคิด Social Second Screen สร้างมิติใหม่ของจอบันเทิงส่วนตัว ให้สนุกไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งผลงานของทั้ง 5 ทีมต่างก็มีแนวคิดและคอนเทนต์ที่โดดเด่น แตกต่าง และมีศักยภาพในการพัฒนาออกสู่ตลาดได้ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้มือถือยุค 3G เป็นอย่างยิ่ง” นายปรัธนากล่าว

โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 600,000 บาท จากเอไอเอส, Invent และธนาคารกสิกรไทย พร้อมการออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดทันที โดยการสนับสนุนด้านแผนการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์จากเอไอเอส อย่างเต็มที่

“อย่างไรก็ตาม ผลงานของอีก 4 ทีมที่ผ่านการอบรมจาก Boot Camp ก็ยังคงในแผนงานพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อเตรียมออกสู่ตลาดเช่นกัน รวมถึงทุกทีมที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม ก็ถือเป็นสมาชิกของ AIS The StartUp ที่เอไอเอสพร้อมเปิดกว้าง และให้การสนับสนุนตลอดเวลา ทุกทีมสามารถนำผลิตภัณฑ์เข้ามาพัฒนาต่อยอดร่วมกัน เพื่อก้าวสู่การเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมทำธุรกิจกับเอไอเอสในอนาคต

ทั้งนี้ จากการจัดกิจกรรม AIS The StartUp Weekends 2013 ที่ผ่านมา ทำให้พบว่า ประเทศไทยเต็มไปด้วยนักคิด นักพัฒนา และคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์และความกล้าที่จะเริ่มต้นและลองทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งกิจกรรมนี้ ถือเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญในการปลุกกระแสและเปิดเวทีให้คนเหล่านี้แสดงความสามารถ รวมตัวเป็นคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประเทศไทยก้าวสู่ยุค 3G อย่างเต็มรูปแบบ เกิดความต้องการใช้งาน DATA และแอพพลิเคชั่นของผู้ใช้มือถืออีกจำนวนมหาศาล จึงเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้กับกลุ่มนักพัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด เอไอเอสจึงขอเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมกลุ่ม Tech Startup ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายปรัธนาสรุป

View :1128
Categories: Press/Release Tags: