Archive

Posts Tagged ‘ซอฟต์แวร์เถื่อน’

บก. ปอศ. จับมือผู้บริหารพันธุ์ทิพย์ฯ เร่งปราบปรามซอฟต์แวร์เถื่อนตามห้าง

April 5th, 2012 No comments

5 เมษายน 2555 – ตำรวจเร่งตรวจสอบและปราบปรามการค้าซอฟต์แวร์เถื่อนตามศูนย์การค้าไอทีและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ประกาศจัดหนักในช่วงเดือนเมษาถึงมิถุนาปีนี้ตามนโยบายรัฐบาลที่มีการตั้งเป้าหมายให้ไทยหลุดโผ PWL ของสหรัฐฯ พร้อมจับมือผู้ประกอบการศูนย์การค้าช่วยประสานแจ้งเตือนและสอดส่องดูแลผู้เช่า ล่าสุดเปิดตัวหุ่นตำรวจไอที “จ่าเฉย” เพื่อช่วยกระตุ้นจิตสำนึกผู้ซื้อและผู้ขายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ได้ใช้ความพยายามมาโดยตลอดที่จะลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับการค้าปลีกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในศูนย์การค้าด้านไอที โดยได้เรียกประชุมเพื่อขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการศูนย์การค้าให้ช่วยสอดส่องดูแลและแจ้งเตือนผู้เช่าให้งดเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์สินค้า อาทิ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ภาพยนตร์ และเครื่องแต่งกาย โดยถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของพื้นที่ให้เช่า

พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ บก. ปอศ. กล่าวว่า จากการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่า มีร้านค้าเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อยู่ประมาณ 1,200 แห่งทั่วประเทศ โดย 450-500 ร้านค้าตั้งอยู่ในกรุงเทพฯและจังหวัดใหญ่ๆ และมียอดขายคิดเป็นร้อยละ 80 ของยอดขายโดยรวมในแต่ละปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตำรวจจะจับตามองเป็นพิเศษในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้

“การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากภาษีอากรในแต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล และยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของต่างประเทศ อีกทั้งยังทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะการที่ไทยยังอยู่ในข่ายประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษของสหรัฐอเมริกา ตำรวจจึงจำเป็นต้องเร่งปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว

บก. ปอศ. จึงได้ร่วมมือกับศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า สาขาประตูน้ำ ในการทำโครงการ “จ่าเฉย” เพื่อพิทักษ์ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยจะทำการติดตั้งหุ่นจำลองตำรวจ “จ่าเฉย” ในจุดต่างๆ ของศูนย์การค้า เพื่อเป็นการย้ำเตือนจิตสำนึกไม่ให้ผู้ค้าทำการละเมิดลิขสิทธิ์และผู้บริโภคไม่ให้ซื้อสินค้าที่ผิดกฎหมายเหล่านั้น และยังเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของมาตรการที่ภาครัฐจะนำมาใช้ ทั้งในการป้องปรามและปราบปรามอาชญากรรมด้านทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย

พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะถูกนำมาเป็นแบบเครื่องเปล่าไม่มีโปรแกรมใดๆ ซึ่งมีผู้ค้าปลีกจำนวนน้อยมากที่จะมีการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมการติดตั้งโปรแกรมที่ถูกต้อง ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อซอฟต์แวร์เถื่อนในราคา 300-500 บาท เพื่อติดตั้งและนำมาใช้งาน

“ผู้บริโภคมิได้ตระหนักว่า การกระทำดังกล่าวเสมือนการเป็นมิจฉาชีพที่ทำการขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งบางครั้งซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้เป็นการผลิตจากฝีมือของคนไทยด้วยกันนั่นเอง ทั้งนี้ ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อนทราบดีว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษอย่างชัดเจนแต่กลับเพิกเฉยเสีย” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าวเพิ่มเติม

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีพ.ศ. 2558 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศสมาชิกจะต้องจัดการกับปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และในส่วนของ บก.ปอศ. เอง ก็จะมุ่งเน้นในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์

“ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มีราคาถูกกว่าก็จริง แต่สิ่งที่ผู้บริโภคอาจจะได้กลับมาจากการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายนั้น คือพวกมัลแวร์และไวรัสต่างๆ ที่มากับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เหล่านั้น ทางการใคร่ขอเตือนผู้ขายว่า เราจะมีแผนบุกเข้าตรวจค้นถี่ขึ้น และจากการที่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ได้รับรู้ทั่วกันแล้ว ผู้ที่กระทำความผิดจะได้รับการพิจารณาโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” พ.ต.อ. ชัยณรงค์ กล่าว

เมื่อปีที่ผ่านมา ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ปี พ.ศ. 2537 การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การถือครองเพื่อขาย หรือการนำเสนอขายโปรแกรมเหล่านั้นมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 800,000 บาท และศาลอาจมีคำสั่งให้ปิดกิจการของผู้กระทำความผิดได้

ประเทศไทยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะแซงหน้าฮ่องกง ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในด้านการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ลงให้ได้มากที่สุด ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 80 ในปีพ.ศ. 2549 เหลือร้อยละ 73 ในปีพ.ศ. 2553

View :1368

ตำรวจตรวจจับอินเตอร์เน็ตคาเฟ่พบซอฟต์แวร์เถื่อนบนเครื่องคอมพิวเตอร์รวมทั้งสิ้น 280 เครื่อง มูลค่ากว่า 4.3 ล้านบาท

July 29th, 2010 No comments

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) เพิ่มความพยายามลดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต หรืออินเตอร์เน็ต คาเฟ่ โดยระดมกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศ

ในระลอกแรกนี้ ตำรวจเข้าตรวจค้นอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ จำนวนแปดแห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพ หาดใหญ่ และหนองคาย และพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์คิดเป็นมูลค่า 4.34 ล้านบาท

อินเตอร์เน็ต คาเฟ่ซึ่งถูกตรวจค้นในครั้งนี้ มีคอมพิวเตอร์ในครอบครองเฉลี่ยร้านละ35 เครื่อง ถูกตรวจพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ต่างๆ จริง เจ้าของอินเตอร์เน็ต คาเฟ่อาจต้องหยุดกิจการ ถูกปรับ และอาจถูกจำคุกได้

“ร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตเหล่านี้นับเป็นว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีการใช้งานคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากในการสร้างรายได้และผลกำไร” พันตำรวจเอก ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ โฆษกของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) กล่าว “ธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏหมายลิขสิทธิ์เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ หากฝ่าฝืนก็จำต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย”

อีกหนึ่งผลงานของตำรวจไทย ที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมร้านค้าคอมพิวเตอร์สองแห่ง ที่ต้องสงสัยว่าจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ภายในงานแสดงสินค้าไอทีคอมมาร์ท

เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตรวจภายในบริเวณงาน และพบผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์สองรายที่เสนอติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายให้กับลูกค้า จึงได้เข้าจับกุมผู้จัดจำหน่ายทั้งสองรายในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

“การใช้งานและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อน เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายลิขสิทธิ์ไทยอย่างชัดเจน และเราจำเป็นต้องเตือนให้ธุรกิจต่างๆ ตระหนักถึงความร้ายแรงของผลที่จะตามมาจากการละเมิดกฎหมายด้วยการเข้าตรวจค้นจับกุม” พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าว “ร้านค้าต่างๆ รู้ดีถึงความสุ่มเสี่ยงของการจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ภายในงานคอมมาร์ท เพราะเคยมีการตรวจตราและจับกุมในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อนแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เห็นได้ชัดว่าการจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อนภายในงานลดลง แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง เราจึงยังมีงานต้องทำอีกมาก”

เกี่ยวกับกรณีที่เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่รายหนึ่ง ร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าวว่า

“ผมไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องนี้ แต่จากความเข้าใจของผม เจ้าของอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ รายนี้ถูกตั้งข้อหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จากการตรวจพบว่ามีซอฟต์แวร์เถื่อนหลายรายการ ติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ใช้งานภายในร้าน ขณะนี้กำลังมีการสืบสวนกรณีนี้อยู่ผมจึงไม่อาจให้ความเห็นมากไปกว่านี้ได้ ที่ผมพูดได้ก็คือเมื่อเราเข้าตรวจค้นอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ที่ต้องสงสัยว่าละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เราปฏิบัติตามระเบียบ และเจ้าของสิทธิ์มีส่วนร่วมในกระบวนการทางกฎหมายตลอดจนการตกลงค่าชดเชยอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจบก. ปอศ. เพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของสิทธิ์ เก็บรวบรวมหลักฐานภายในอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ตามที่ได้รับหมายค้นจากศาล เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาตกลงยอมความหรือชดใช้ค่าเสียหาย”

กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทที่ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ที่รายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ผ่านทางสายด่วนโทร. 02-714-1010 begin_of_the_skype_highlighting              02-714-1010      end_of_the_skype_highlighting

View :1897