Archive

Posts Tagged ‘ไมโครซอฟท์’

ไมโครซอฟท์สนับสนุนนักพัฒนาเว็บไซต์ไทยสู่สากลด้วยเทคโนโลยี HTML5 ผ่านโครงการ “Travel Thailand, Bring Back the Land of Smiles”

February 22nd, 2012 No comments


บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งผลักดันเทคโนโลยีมาตรฐานล่าสุด ผ่านโครงการแข่งขันออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ “Travel Thailand, Bring Back the Land of Smiles” โดยเชิญชวนนักพัฒนาเว็บไซต์ไทยให้ใช้เทคโนโลยี ในการพัฒนาเว็บไซต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ด้วยความสามารถพิเศษต่างๆ ของ อาทิ Responsive Web Design ที่สามารถแสดงมุมมองที่เหมาะสมบนทุกอุปกรณ์ไอทีและบราวเซอร์ เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ของผู้บริโภคยุคใหม่

ความสามารถที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ HTML5 คือช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดไฟล์เสียงและวิดีโอผ่านบราวเซอร์ใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมเสริมหรือปลั๊กอิน สามารถเล่นย้อนกลับไปมาได้อย่างอิสระ เว็บไซต์โซเชียลมีเดียชื่อดังระดับโลกอย่างเฟซบุ๊คนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ไอทีที่หลากหลายได้ทุกที่ทุกเวลา ไมโครซอฟท์ ในฐานะหนึ่งในสมาชิก 150 องค์กร และกลุ่มทำงาน 350 แห่ง ที่สนับสนุนการสร้างมาตรฐานไอทีในระดับโลก ไม่ใช่เพียงให้ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์สามารถทำงานร่วมกับโอเพ่นซอร์ส แต่ส่งเสริมให้โอเพ่นซอร์ส์ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ได้เป็นอย่างดี จึงพร้อมผลักดันการใช้งาน HTML5 เทคโนโลยีมาตรฐานใหม่นี้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ไอทีที่หลากหลาย บนแพล็ตฟอร์มใดก็ได้ ในทุกที่ทุกเวลา โดยผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟท์ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นวินโดว์ 8 และอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 10 () ต่างสนับสนุนการทำงานของ HTML5 โดยเฉพาะอินเทอร์เฟซแบบ Metro Style จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ

สงวน ธรรมโรจน์สกุล ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมนักพัฒนา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด


นายสงวน ธรรมโรจน์สกุล ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมนักพัฒนา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกและผู้ร่วมสนับสนุนการสร้างมาตรฐานไอที ไมโครซอฟท์ผลักดันแนวคิด Interoperability ซึ่งหมายถึงความสามารถในการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ และเล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมผลักดันเทคโนโลยีมาตรฐานล่าสุดที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานไอทีให้กับผู้ใช้ ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย และ HTML5 คือเทคโนโลยีล่าสุดที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดการทำงานของนักพัฒนาเว็บไซต์ ให้ผลงานสามารถแสดงผลอย่างเหมาะสมผ่านหน้าจอที่หลากหลายของอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ โดยไม่มีข้อจำกัด บริษัทฯ หวังว่าผลงานการออกแบบเว็บไซต์ภายใต้โครงการแข่งขันออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ “Travel Thailand, Bring Back the Land of Smiles” จะช่วยสร้างการรับรู้และขยายการใช้งาน HTML5 ในวงกว้างในประเทศไทย อีกทั้งช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี”

หลังจากเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนมกราคม 2555 โครงการแข่งขันออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ภายใต้หัวข้อ “Travel Thailand, Bring Back the Land of Smiles” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีนักพัฒนาเว็บไซต์เข้าร่วมกว่า 300 คน สำหรับจำนวนแฟนของเฟซบุ๊คแฟนเพจ HTML5 Developer Thailand ซึ่งเป็นช่องทางการรับสมัครและศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไมโครซอฟท์และผู้สมัคร ก็เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 คนแล้ว

เว็บไซต์ชื่อดังของไทยที่ก่อตั้งมายาวนานถึง 15 ปี ถือเป็นเว็บไซต์ของไทยเว็บไซต์แรกที่ตัดสินใจปรับปรุงเว็บไซต์ โดยนำเทคโนโลยี HTML5 มาพัฒนา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการข้อมูลข่าวสารออนไลน์ของผู้ใช้ในปัจจุบัน โดยพันทิปดอทคอมถือเป็นศูนย์กลางสังคมออนไลน์สำหรับข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเงิน ภาพยนตร์ การทำอาหาร ท่องเที่ยว สัตว์เลี้ยง การถ่ายภาพ ครอบครัว อุปกรณ์สื่อสาร ไอทีและอีกมากมาย มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์สูงถึง 700,000 คนต่อวัน โดยเว็บไซต์รูปแบบใหม่ที่พัฒนาบนเทคโนโลยี HTML5 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณเดือนกรกฎาคม

ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เว็บไซต์พันทิปดอทคอม หัวหน้าทีมพัฒนาเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


นายอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เว็บไซต์พันทิปดอทคอม หัวหน้าทีมพัฒนาเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กล่าวถึงการหันมาใช้เทคโนโลยี HTML5 ว่า “ผู้บริโภคมีความต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลและบริการเว็บไซต์ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่างๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเทคโนโลยี HTML5 ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ เราจึงตัดสินใจนำ HTML5 มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเว็บไซต์พันทิปดอทคอมในลุคใหม่”

นายอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินโครงการแข่งขันออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ “Travel Thailand, Bring Back the Land of Smiles” นอกจากนี้ ยังมีกรรมการจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และเว็บไซต์ Blognone ที่ต่างร่วมกันผลักดันและสนับสนุนให้นักพัฒนาเว็บไซต์ไทยได้ใช้เทคโนโลยี HTML5 ในการสร้างสรรค์เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ โดยกิจกรรมต่อไปภายใต้โครงการฯ นี้คือ ทริปถ่ายภาพ ที่จะนำรูปมาให้ผู้สมัครเข้าแข่งขันได้ใช้งาน จะจัดขึ้นที่จังหวัดอยุธยา ในวันที่ 3 มีนาคม 2555 และคอร์สอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี HTML5 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม โดยโครงการฯ ได้ขยายเวลาปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2555 เนื่องจากมีผู้สนใจเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://html5thailand.com

View :3423

ไมโครซอฟท์ ยกระดับคู่ค้ารับวิสัยทัศน์ใหม่ “We Make 70 Million Lives Better”

October 28th, 2011 No comments

มอบรางวัลคู่ค้าดีเด่นประจำปี 2554 และดันความสำเร็จคู่ค้าผ่านโปรแกรม Microsoft Partner Network และ Microsoft Pinpoint
ขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ระดับโลก

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำยกระดับศักยภาพคู่ค้าสู่ระดับ World Class
เพื่อผลักดันความสำเร็จคู่ค้าและการเติบโตทางธุรกิจของลูกค้า รวมถึงอุตสาหกรรมไอทีโดยรวมของประเทศ

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ายกระดับศักยภาพคู่ค้าสู่มาตรฐานระดับโลก เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “We Make 70 Million Lives Better” ที่มุ่งนำเทคโนโลยีเข้าถึงคนทุกกลุ่ม พร้อมเสริมศักยภาพให้กับคู่ค้าด้วยโปรแกรม Microsoft Partner Network ด้วยการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

ในปีนี้ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ตั้งเป้าให้มีรายได้เติบโตต่อปีสูงกว่าการเติบโตของตลาดไอทีโดยรวม หรือ มากกว่าร้อยละ 12.4 ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้คู่ค้าพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเติบโตไปพร้อมๆ กับไมโครซอฟท์โดยผ่านทางการสนับสนุนในโปรแกรม Microsoft Partner Network ซึ่งเปรียบดังเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ที่จะช่วยคู่ค้าให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การฝึกอบรม ตลอดจนการมีเครือข่ายสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้และวิธีปฏิบัติ ที่เป็นเลิศ

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ในปีนี้ ไมโครซอฟท์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือกคู่ค้าตามโปรแกรม Microsoft Partner Network (MPN) เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคู่ค้าและลูกค้ามากยิ่งขึ้นและเพื่อพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าให้ได้มาตรฐานในระดับโลก และด้วยความเข้าใจแนวทางในการสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับคู่ค้าเป็นอย่างดี ไมโครซอฟท์ จึงได้สร้างสรรค์โปรแกรมที่เรียกว่า Competency ซึ่งแบ่งตามความเหมาะสมกับความต้องการของคู่ค้า พร้อมเสริมการสนับสนุนที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งการสร้างความเป็นมืออาชีพ การสร้างภาพลักษณ์การเป็นผู้สร้างสรรค์โซลูชั่นระดับ Best-in-class และการใช้งาน Microsoft Pinpoint เพื่อช่วยสรรหาตลาดใหม่ๆ ให้กับคู่ค้า ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยมีคู่ค้าที่ได้รับการคัดเลือกเป็น Gold Competency และ Silver Competency รวมเป็นจำนวนกว่า 100 ราย”

Microsoft Pinpoint เป็นแพล็ตฟอร์ม online marketplace แห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งและจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้คู่ค้าของไมโครซอฟท์ประสบความสำเร็จโดย Microsoft Pinpoint เป็นตัวกลางเชื่อมโยงลูกค้ากลุ่มธุรกิจให้พบกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่น และ บริการทางด้านไอทีที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจของตน โดยจะจะช่วยพัฒนาเครือข่ายของคู่ค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ให้กับคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มแนะนำ Microsoft Pinpoint ให้แก่คู่ค้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Microsoft Pinpoint ได้ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้มากกว่า 300 ราย ให้แก่คู่ค้าในประเทศไทย

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณคู่ค้าที่มีผลงานดีเด่นและสามารถสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไมโครซอฟท์จึงได้มีการมอบรางวัล Microsoft Partner Award แก่คู่ค้าของไมโครซอฟท์ทั้งสิ้น 12 สาขา โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท Solution Award และ Transaction Award ทั้งนี้ คู่ค้าที่ได้รับรางวัล Microsoft Partner Award 2011 ได้แก่ บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัด บริษัท อินดิจี จำกัด บริษัท ไอโซเน็ท จำกัด บริษัท ภัทร โปรเกรส จำกัด บริษัท ฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไอที โซลูชั่น คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ดิเอ็นเตอร์ไพรส์รีซอร์ส เทรนนิ่ง จำกัด

ไมโครซอฟท์ ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ยังได้เตรียมความพร้อมของคู่ค้า เพื่อรองรับการเข้ามาของเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มคลาวด์ คอมพิวติ้ง อาทิ Office 365 และ Windows Azure ในอนาคต ผ่านทางการฝึกอบรม โอกาสทางการตลาด บริการหลังการขาย และการอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คู่ค้าสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของตน และถ่ายทอดประโยชน์ดังกล่าวไปยังลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่สนใจจะร่วมเป็นคู่ค้ากับไมโครซอฟท์ สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการสมาชิกในโครงการ Microsoft Partner Network ได้ที่ Microsoft Call Center โทร. 02 685 1322 กด 3 เพื่อขอสอบถามเป็นภาษาไทย

View :1705

แอลจี ผนึก ไมโครซอฟท์ และ พริซึ่ม โซลูชั่นส์ นำเสนอ LG Network Monitor U Series

October 18th, 2011 No comments

มร.ชาร์ลส วู (กลาง) ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ไอที บริษัท อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายสุเทพ เตมานุวัตร์ (ขวา) ผู้จัดการอาวุโส โปรแกรมด้านการศึกษา บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยนายภาคภูมิ สุกัญจนศิริ (ซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จำกัด ร่วมถ่ายภาพในงานสัมมนาให้ความรู้แก่ตัวแทนจำหน่ายเกี่ยวกับ ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows MultiPoint Server 2011

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท พริซึ่ม โซลูชั่นส์ จำกัด นำเสนอ LG Network Monitor U Series โซลูชั่นเชื่อมต่อเครือข่ายมอนิเตอร์กับคอมพิวเตอร์หลักผ่านสายยูเอสบีได้อย่างสะดวก และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows MultiPoint Server 2011 พร้อมทั้งจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ตัวแทนจำหน่ายของพริซึ่ม โซลูชั่นส์ ทั่วประเทศ

LG Network Monitor U Series เป็นโซลูชั่นเชื่อมต่อเครือข่ายมอนิเตอร์กับคอมพิวเตอร์หลักผ่านสายยูเอสบี โดยคอมพิวเตอร์หลัก 1 เครื่องสามารถรองรับการใช้งานมอนิเตอร์ได้อย่างอิสระสูงสุดถึง 20 จอ จึงช่วยประหยัดเวลาในการวางระบบเมื่อเทียบกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ 1 คนต่อ 1 เครื่องแบบเดิม และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ได้ถึง 40% รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 70%

มร.ชาร์ลส วู ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ไอที บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีได้ศึกษาถึงความต้องการของภาคธุรกิจในปัจจุบัน จึงทราบว่าลูกค้าต้องการคอมพิวเตอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และลดค่าใช้จ่ายได้ในเวลาเดียวกัน เราจึงพัฒนา LG Network Monitor U Series ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ การติดตั้ง และการดูแลรักษา รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมอบความสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อผ่านสายยูเอสบี พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ Windows MultiPoint Server 2011 ซึ่งแอลจีเชื่อมั่นว่าจะได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าองค์กรทั่วประเทศ”

LG Network Monitor U Series ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows MultiPoint Server 2011 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์หลักกับหลายเครื่องลูกข่ายโดยเฉพาะ จึงให้เสถียรภาพสูงสุด และรองรับการใช้งานพื้นฐานอย่างครบถ้วน ทั้งการพิมพ์เอกสาร การดูหนังฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต และมีระบบบริหารจัดการจากส่วนกลางที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การล็อกอินเพื่อตรวจสอบการใช้งานของเครื่องลูกข่าย การรับส่งไฟล์หรือข้อความระหว่างฮาร์ดแวร์ในเครือข่าย และการแก้ไขปัญหาจากระยะไกล ที่สำคัญยังสามารถติดตั้งและบริหารจัดการได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมเพิ่มเติม

นายสุเทพ เตมานุวัตร์ ผู้จัดการอาวุโส โปรแกรมด้านการศึกษา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และโซลูชั่น ไมโครซอฟท์มุ่งทำงานร่วมกับพันธมิตร ในการส่งเสริมให้ธุรกิจและภาคการศึกษาสามารถบรรลุเป้าหมายของตนด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการ Windows MultiPoint Server 2011 มีแนวคิดพื้นฐานคือการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลักกับหลายเครื่องลูกข่าย จึงใช้งานร่วมกับ LG Network Monitor U Series ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังมีความคุ้นเคยกับแพลทฟอร์มวินโดวส์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องมีการฝึกอบรมเพิ่มเติม อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย เหมาะสำหรับองค์กรต่างๆ ทั้งเอสเอ็มอี ห้องสมุด ห้องประชุม โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ และสถานศึกษา”

นายภาคภูมิ สุกัญจนศิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พริซึ่ม โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวว่า “พริซึ่ม โซลูชั่นส์ เป็นผู้แทนจำหน่ายที่มีศักยภาพด้านการบริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีเครือข่ายร้านค้าครอบคลุมทั่วประเทศ เรายินดีที่แอลจีให้ความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของพริซึ่ม โซลูชั่นส์ และมั่นใจว่าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจากแอลจีและไมโครซอฟท์ รวมทั้งช่องทางการจัดจำหน่ายและบริการระดับมืออาชีพของพริซึ่ม โซลูชั่นส์ จะเสริมความพร้อมในการนำเสนอ LG Network Monitor สู่กลุ่มลูกค้าองค์กรทั่วประเทศได้อย่างเต็มที่”

View :1475

ควอลคอมม์ผนึกไมโครซอฟท์นำเครื่องพีซีต้นแบบแห่งยุคอนาคตที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ใหม่และชิปเซ็ทตระกูลสแนปดราก้อนของควอลคอมม์จัดสาธิตในงานประชุมนักพัฒนา BUILD ของไมโครซอฟท์

September 16th, 2011 No comments

ควอลคอมมม์ผนึกไมโครซอฟท์นำเทคโนโลยีชิปเซ็ทสแนปดราก้อนรุ่นใหม่ของควอลคอมม์ที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่มาใช้ในเครื่องพีซีรุ่นแรกที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ส่งผลให้ควอลคอมม์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปเซ็ทในปัจจุบันที่มีสมรรถนะในการผลิตชิปเซ็ทที่สามารถรองรับทั้งสมาร์ทโฟนและเครื่องพีซี ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์ได้จัดแสดงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องพีซีเครื่องแรกที่รันด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 และใช้หน่วยประมวลผลสแนปดราก้อนรวมทั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อ Gobi ของควอลคอมม์ภายในงานประชุมนักพัฒนา BUILD ของไมโครซอฟท์เมื่อเร็วๆนี้ ก่อนประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป

สำหรับวิดีโอคลิปเกี่ยวกับเทคโนโลยีชิปเซ็ทสแนปดราก้อนรุ่นใหม่ของควอลคอมม์ที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่และสนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถดูได้ที่
watch?v=8Qu7iESwL8E&feature=channel_video_title

View :1806

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จับมือไมโครซอฟท์ เปิดตัวโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมใหม่

August 18th, 2011 No comments

บริษัท คอร์ปอเรชัน หรือ เอชดีเอส ร่วมกับไมโครซอฟท์ เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) โดยผนวก Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track และ Microsoft Exchange 2010 เป็นครั้งแรก ให้ลูกค้าที่ต้องการใช้งานในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงให้เป็นอย่างเหมาะสม อัตโนมัติ และมีประสิทธิภาพสูง

ผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) สามารถลดระยะเวลาการนำไปใช้ ตลอดจนทำให้การปรับใช้ระบบคลาวด์เป็นเรื่องง่ายและกระบวนการที่ทำงานแบบอัตโนมัติ Hitachi CDCS ได้รวมการปรับแต่ง ของระบบจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรขนาดใหญ่ และ ระบบประมวลผลแบบเบลด จากบริษัท ฮิตาชิที่มาพร้อมด้วยโครงสร้างเครือข่ายที่เป็นมาตรฐาน มาปรับใช้อย่างเหมาะสม ที่ครอบคลุม แอพพลิชั่นต่างๆ ในสภาพแวดล้อมของระบบคลาวด์ ภายใต้การนำระบบไปใช้ที่รวดเร็วขึ้น ขยายระบบได้ภายหลัง และมีกระบวนการเป็นอัตโนมัติ โซลูชั่นใหม่นี้ช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่ง สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ จากสิ่งที่องค์กรมีอยู่ และสามารถคาดการณ์ผลจากการนำไปใช้และความคุ้มค่าได้เร็วขึ้น

นายวัชรสิทธิ์ สันติสุขนิรันดร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) เป็นการผนวกกับ Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track และ Microsoft Exchange 2010 จะช่วยวางรากฐานระบบคลาวด์ หรือโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ ด้วยการปรับแต่งระบบของระบบต่างๆมาใช้ร่วมกันได้ อันได้แก่ ระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และการเครือข่ายการสื่อสารข้อมูล องค์กรหลายแห่งต้องการได้รับประโยชน์จากระบบส่วนตัวภายใต้สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นด้วยวิธีใดเนื่องจากมีข้อมูลน้อยมากสำหรับ มาตรฐาน การปรับแต่งเพื่อทำงานรวมกัน และการรับรอง สำหรับการนำใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมคลาวด์ ที่สามารถแสดงผลสำเร็จที่เด่นชัดและเชื่อถือได้ การผสานรวมอุปกรณ์ต่างๆ จาก ระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และเครือข่ายการสื่อสาร ของ Hitachi CDCS จะนำเอาจุดได้เปรียบที่เด่นชัดของความเชื่อมั่นของอุปกรณ์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ความรวดเร็วในการปรับใช้ ประสิทธิภาพ และระบบบริหารจัดการ ที่แตกต่างชัดเจนเมื่อเทียบกับโซลูชั่นที่มีการผสานรวมกันอย่างหลวมๆ โดยไม่ได้มีการปรับใช้ให้เหมาะสม นอกจากนี้ โซลูชั่นของฮิตาชิยังให้คำตอบ สำหรับที่องค์กรที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบคลาวด์ มีกระบวนการสั่งการและนำไปใช้ที่ง่าย ตลอดจนได้ผลการนำไปใช้ที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ”

นางสาวปัญจพร วิทยเลิศพันธุ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสด้านเซิร์ฟเวอร์และแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ประเทศไทย และฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้ร่วมกันประกาศ โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม(CDCS) ในวันนี้ โดย โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม(CDCS) ทำงานบน Microsoft Hyper-V Cloud Fast Track และ Microsoft Exchange 2010 ที่สามารถช่วยให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อัตโนมัติ และเสมือนจริงที่มีประสิทธิภาพสูงและตรงความต้องการของลูกค้าในด้านความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ ด้านการคาดการณ์ และสามารถขยายได้อย่างราบรื่น โดยฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และไมโครซอฟท์ ร่วมกันให้ออปชั่นที่หลากหลายสำหรับลูกค้าเพื่อให้ได้ประโยชน์จากโซลูชั่นนี้มากที่สุด เราทราบดีว่าธุรกิจมีความจำเป็นเฉพาะด้านและหลากหลายที่ต้องการความแตกต่างในการผสานรวมกัน เราจึงให้โซลูชั่นแบบเปิดและยืดหยุ่นเพื่อการป้องการการลงทุน ระยะยาวและสามารถปรับใช้กับระบบคลาวด์ของลูกค้าได้”

นายสุนิล ชวาล ผู้อำนวยการกลุ่มซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นสำหรับคลาวด์ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว ว่า“บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ให้ความสำคัญกับการทำให้สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ของลูกค้าสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นเรื่องง่าย ขณะที่ต้องคุ้มค่าต่อการลงทุนด้านไอทีของลูกค้าด้วยและ Hitachi CDCSโซลูชั่นใหม่ของเรา ได้รวบรวมเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ความเชี่ยวชาญ และเชื่อมั่นได้ จากระบบจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิ ที่วันนี้ได้ มารวมเข้ากับระบบประมวลผล

สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ได้โดยง่าย มีต้นทุนที่เหมาะสม และเป็นระบบที่เชื่อถือได้ ลูกค้าของเราสามารถนำเสนอการให้บริการแบบคลาวด์ได้ในแบบที่ พวกเขาต้องการและสอดคล้องกับธุรกิจของตนได้มากที่สุด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว โซลูชั่นเหล่านี้จะช่วยปรับเปลี่ยนศูนย์ข้อมูลเดิมของลูกค้าให้เป็นศูนย์ข้อมูลแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าใกล้ความต้องการทางธุรกิจ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมดได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด”

ส่วนประกอบโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมของฮิตาชิ(CDCS)

Hitachi CDCS ได้รวมระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบประมวลผล และเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เข้ากับการจัดการซอฟต์แวร์ ทำให้กระบวนการเป็นแบบอัตโนมัติ และปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ทำให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรด้วยตนเองและติดตามการใช้งาน ตลอดจนการนำไปปรับใช้ที่เหมาะสมที่สุดที่ระดับแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม ไฮเปอร์ไวเซอร์ และให้ความยืดหยุ่นในการใช้เทคโนโลยีได้ตามต้องการ โดย CDCS ในช่วงเริ่มแรกนั้น จะประกอบด้วย

· ชุดโซลูชั่นของฮิตาชิพร้อมใช้กับ Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track: การผสานรวมของระบบการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลของฮิตาชิเข้ากับระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล และ Microsoft Windows Server 2008 R2 พร้อมด้วย Hyper-V และ System Center สำหรับโครงสร้างพื้นฐานส่วนตัวในสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง ที่จะนำไปสู่การทำให้กระบวนการแบบอัตโนมัติ และ การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะ Orchestration

· Hitachi Converged Platform for Microsoft Exchange 2010: ผลิตภัณฑ์แรก ของ กลุ่ม CDCS สำหรับแอพพลิเคชั่นเฉพาะ ที่ผ่านการทดสอบล่วงหน้า ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้วิศวกรระบบ สามารถนำไปใช้ที่รวดเร็วและ เข้ากันได้กับคุณสมบัติใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพของ Exchange 2010 ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นตามต้องการ การคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ และความสามารถในการปรับขนาดเพิ่มเติมได้อย่างราบรื่น ภายใต้การสนับสนุนจากHitachi Global Services และสะดวกต่อการสั่งซื้อในรูปแพคเกจที่จัดมาพร้อมใช้

Hitachi Unified Compute Platform (UCP): การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะ Orchestration ครอบคลุมทุกขอบเขตของเทคโนโลยี

UCP เป็นกลยุทธ์สำคัญของ ศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ UCPจะให้การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวและสามารถจัดการร่วมภายในกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นแบบผสานรวมของฮิตาชิ และด้วยซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวแบบใหม่นี้ ทำให้ UCP สามารถเป็นศูนย์รวมและจัดการบริหารเป็นหนึ่งเดียวกับ เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เสมือน ศูนย์รวมทรัพยากรเชิงธุรกิจ ผ่านอินเทอร์เฟสการใช้งานง่ายที่ครอบคลุม นอกจากนี้ จากการพัฒนาบนระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมขอบเขตเทคโนโลยีต่างๆ ยังได้ให้สภาพแวดล้อมการประมวลผลขนาดใหญ่ ที่มีความคล่องตัวในการนำไปใช้ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ตลอดจนลดต้นทุนและความเสี่ยงผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เป็นแบบอัตโนมัติ ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีความยืดหยุ่น

Hitachi Compute Blade: อุปกรณ์ประมวลผลพร้อมใช้สำหรับคลาวด์ ที่ยืดหยุ่นในการกำหนดระบบที่จะนำไปใช้งาน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัท ฮิตาชิ เป็นผู้จัดหาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมและเชื่อถือได้โดยได้สร้างประโยชน์ที่โดดเด่นให้กับ ศูนย์ข้อมูลบางแห่งที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลกมาแล้ว บริษัท ฮิตาชิ อยู่ในธุรกิจด้านการประมวลผลมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปีในรูปของมรดกสืบทอดด้านเมนเฟรม และผลิตภัณฑ์ Hitachi Compute Blade ได้วางจำหน่ายในตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2547 กลยุทธ์ด้านการประมวผลของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คือการนำเอาเอกลักษณะเฉพาะ เบลดประมวลผลของตน มาผสานรวมฟังก์ชันการทำงานเข้ากับโซลูชั่น CDCSได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนำเอาความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพ ของอุปกรณ์ระดับองค์กรขนาดใหญ่มาใช้ โดยเมื่อผสานรวมเข้ากับระบบจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิแล้ว Hitachi Compute Blade จะสามารถนำเสนอการประมวลผลที่ผลักดันให้เกิดสภาพแวดล้อมCDCS และโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้อย่างสมบูรณ์

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นำเสนออุปกรณ์ประมวลผลพร้อมใช้สำหรับระบบคลาวด์ สองชุดที่มีความโดดเด่น ในการให้ความยืดหยุ่นในการกำหนดค่าของระบบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับลูกค้า ทั้งนี้ Hitachi Compute Blade 2000 และ Hitachi Compute Blade 320 มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีการแบ่งพาร์ติชันแบบลอจิคัล (LPAR) เป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์ X86 ระดับแนวหน้าขององค์กรใหญ่ ให้ฟังก์ชันการทำงานแบบเมนเฟรม โดยเทคโนโลยี LPAR ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เป็นคุณสมบัติด้านระบบเสมือนจริงแบบฝังตัวที่ทันสมัย ที่สร้างระบบเสมือนจริงได้ลงบนฮาร์ดแวร์ของเบลดเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากเป็นระบบเสมือนจริงที่ใช้ฮาร์ดแวร์ ทำให้เทคโนโลยี LPAR ให้ความปลอดภัยในระดับที่สูงกว่า ด้วยการแบ่งพาร์ติชันในตัวฮาร์ดแวร์ ที่ยังคงสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีระบบเสมือนระดับซอฟต์แวร์ได้ด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ขณะที่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการ ความเชื่อถือได้ และคงประสิทธิภาพ ไปด้วยกัน โดย Hitachi Compute Blade 2000 ที่มี LPAR เป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์เดียวที่รวมเอาเทคโนโลยี SMP interconnect แบบเฉพาะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าเบรดหลายชุด ให้ทำงานร่วมกันในแบบระบบเดียวได้

นี้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถนำเสนอทางเลือกแบบเปิดสำหรับระบบไอทีเพื่อให้เกิดสิ่งดีที่สุดในสภาพแวดล้อมขององค์กร ทำให้ Hitachi Compute Blade สามารถให้เลือก LPAR ที่ทำงานอยู่ในเบลดหนึ่งเบลดใด ไม่ว่าจะใช้ Microsoft Hyper-V หรือ VMware ให้ขยายการทำงานไปยัง เบลด อื่นๆ ภายใต้ Chassis เดียวกันได้

ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากโซลูชั่น Hitachi CDCS

· ผลของการใช้งาน ที่คาดการณ์ได้ นำมาใช้ซ้ำได้ และเชื่อถือได้: ด้วยสถาปัตกรรมที่สามารถตรวจสอบวัดผลได้ล่วงหน้า โซลูชั่นที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในระดับองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อที่สามารถกำหนดค่าการใช้งานได้ก่อนแบบมีเป้าหมายและครอบคลุม ทำให้แน่ใจได้ถึงผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้และสอดคล้องกันเมื่อองค์กรสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของตนขึ้นมา ในระบบนี้ยังมีคำแนะนำ แม่แบบเพื่อเรียกใช้ซ้ำ และกระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติในตัวที่สามารถขยายขีดความสามารถด้านการทำกระบวนการและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีกได้

· ระยะเวลาเร็วขึ้นให้เห็นถึงความคุ้มค่า: การนำไปใช้งานที่ง่ายขึ้น เร็วขึ้น จากสั่งงานจากจุดเดียวและการจัดสรรบริการ สำหรับวางแผนและการนำไปใช้จริง สำหรับโซลูชั่นแบบผสานรวมนี้ การกำหนดค่าล่วงหน้าคือกุญแจสำคัญในการช่วยลดเวลาในการนำไปใช้งานได้อย่างมาก กระบวนการทำงานอันชาญฉลาดแบบอัตโนมัติสำหรับขั้นตอนงานที่ซับซ้อน จะช่วยให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างรวดเร็วภายใต้การรับประกันที่วางใจได้ว่าส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะได้รับการจัดวางและนำไปใช้อย่างเหมาะสม

· ระบบคลาวด์ในแบบของคุณเอง: ลูกค้าสามารถปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของตนได้ ณ. ขณะนี้ ด้วยการรวมโซลูชั่นที่แตกต่างกันและแม้แต่ขยายโซลูชั่นเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานไอทีปัจจุบัน โดยโซลูชั่นที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมนี้ ใช้ได้กับงานทั่วไป งานที่มีความสำคัญทางธุรกิจ และ แอพพลิเคชั่นเฉพาะ ตลอดจนสภาพแวดล้อมไฮเปอร์ไวเซอร์ที่มีระดับ ของความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่ รูปแบบที่กำหนดเฉพาะไปจนถึงรูปแบบผสมผสานที่ครอบคลุมระบบอื่นๆกว้างขึ้น

View :1722