Archive

Posts Tagged ‘Microsoft’

ทรูมูฟ เอช ผนึก ไมโครซอฟท์ ประเดิมขาย Microsoft Surface ที่ร้านทรูช้อป

October 3rd, 2013 No comments

Resize_02
กรุงเทพฯ 3 ตุลาคม 2556 – ทรูมูฟ เอช โดย ดร. กิตติณัฐ ทีคะวรรณ (ขวา) ผู้อำนวยการด้านบริหารผลิตภัณฑ์ดีไวซ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือกับ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย โดย นายมานพ มณีชวขจร (ซ้าย) Consumer Channel Group Director บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขยายประสบการณ์การใช้งาน Window 8 จากสมาร์ทโฟนสู่แท็ปเล็ต อย่างครบวงจร โดย ทรูมูฟ เอช ในฐานะผู้นำสมาร์ทดีไวซ์ทุกแพลตฟอร์ม จัดจำหน่าย Surface ทั้งรุ่น Surface RT และ Surface Pro ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยไม่มีข้อจำกัดระหว่างการทำงานและความเพลิดเพลินอีกต่อไป ทั้งนี้ 8 จะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่รวดเร็วลื่นไหล และเป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี พร้อมมอบข้อเสนอสุดคุ้ม! ด้วยโปรโมชั่น รับฟรี Surface Type Cover มูลค่า 4,490 บาท (สำหรับ 50 ท่านแรกเท่านั้น) และสามารถใช้บริการ WiFi by TrueMove H ฟรี 1 ปีเต็ม ท่องเน็ตจุใจด้วย WiFi ที่เร็วที่สุด และครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดด้วยจุดให้บริการที่มากกว่า 100,000 จุดทั่วไทย ตลอดจนรับสิทธิ์ผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ได้แก่ KCC, KBank, SCB, KTC, Firstchoice, BBL และ CitiBank

Microsoft Surface แท็ปเล็ตทรงพลังมีให้ เลือก 2 รุ่น ได้แก่
Surface RT ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows RT
- ขนาด 32 GB ราคา 11,500 บาท
- ขนาด 64 GB ราคา 14,500 บาท
Surface Pro ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 Pro
- ขนาด 64 GB ราคา 25,500 บาท
- ขนาด 128 GB ราคา 28,500 บาท

ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ทรูช้อป 5 สาขา ได้แก่ ร้านทรู เออร์เบิน พาร์ค, ร้านทรู ดิจิตอล เกตเวย์, ร้านทรู เมกา บางนา, ร้านทรู ซีคอน บางแค และร้านทรู ไอทีมอลล์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truemove-h.com/surface

View :1614
Categories: 3G Tags: ,

Over 7.2 Million PCs in Thailand at Risk as the countdown to End-of-Support for 11-year old Windows® XP Begins

April 10th, 2013 No comments

Industry experts warn businesses and consumers to move away from XP before April 2014 deadline

Bangkok –10 April 2013 – reminded customers today that it will officially retire service and support for XP on 8 April 2014. With this deadline only one year away, it is essential for SMBs and consumers in Thailand to migrate from XP, an eleven year old operating system, to avoid vulnerabilities and risks that have the potential to cause business disruption and extra costs.

From 8 April 2014, Microsoft will no longer provide automatic fixes, updates, or online technical assistance for Windows XP. This also means that users will no longer receive security updates that help protect PCs from harmful viruses, spyware, and other malicious software that can steal personal information.

Crossing a busy road with your eyes closed
Rachod Isarankura Na Ayuthaya, Windows Client Business Group Lead, Microsoft (Thailand) Limited, said: “While XP was one of the most popular operating systems in Microsoft’s history, it was not designed to handle the challenges of today, such as the increased exposure to cyber-attacks and demands for more data privacy, unlike our newer operating systems such as Windows 7 and 8. Continuing to use PCs with XP is similar to crossing a busy road with you’re your eyes closed. By far, the security risk is the most concerning for customers as there are more sophisticated forms of attack which can impact safety of personal information and the hidden costs associated with support and business continuity.”

In March 2013, according to StatCounter, Windows XP still makes up 36.40% of PCs in Thailand with a steady rate of decline since Windows 7 was launched in October 2009. That equates to over 7.2 million PCs. This is high, compared to an Asia average of 34 percent. StatCounter data also shows that about 50% of PCs in Thailand are already on Windows 7 and in the last two months, there’s been an uptake of Windows 8 as well.

Industry analysts are in agreement that now is the time to upgrade from the decade old software. Bryan Ma, Associate Vice President of Client Devices Research at IDC Asia/Pacific, said: “Windows XP has been a major platform that both consumers and business alike have depended on for many, many years now. And yet with the termination of extended support for XP looming ahead, it is important that preparations be made to migrate to newer versions of the OS in order to make sure that users can continue to rely on their systems.”

Customers migrating away from XP to increase security
According to the findings of Microsoft’s Security Intelligence Report, Volume 13, released in June 2012, Windows XP with SP3 is three times more vulnerable than Windows 7 SP1. Malware has become a severe threat in the last decade, having increased from 1,000 in 1991 to millions in 2012. Computer threats include viruses, worms, trojans, exploits, backdoors, password stealers, spyware, and other variations of potentially unwanted software.

In addition to the severe security issues, continued use of XP poses additional threats including compliance issues such as encryption, hashing, and signing, while more than 60% of independent software vendors and modern browsers no longer support XP.

Suebsak Komjezsda, MIS Manager, NEC Corporation (Thailand) Ltd., customer of Microsoft (Thailand) Limited, said: “While XP has served us for many years, we cannot fully utilize the current PC to its full potential anymore because many device drivers on Windows XP are missing. Moreover, Windows XP security is way too outdated to be able to protect us from current virus and malware. If we choose to migrate after the damage from virus and malware, it would cost a fortune. This is why we decided to migrate from Windows XP to Windows 7.”

To support SMBs in this effort, Microsoft today announced the Windows Upgrade Centre website, where SMBs can get more information about this issue, learn from analysts and other customers in the region. Microsoft also advises SMB customers to look out for special offers from their resellers in the next few months.

View :1523
Categories: Software Tags: ,

เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ทั่วประเทพร้อมปกป้องสิทธิผู้บริโภค นวัตกรรม และทรัพย์สินทางปัญญา

May 5th, 2011 No comments

เจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าดำเนินการปราบปรามการจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อคุ้มครอง และปกป้องสิทธิของผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมและผู้บริโภค ระหว่างวันที่ 9 – 19 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งมีการแจ้งเตือนและจุบกุมซอฟต์แวร์เถื่อนได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์รายย่อยไปจนถึงผู้ประกอบกิจการขนาดใหญ่ที่ ผลิตซอฟต์แวร์เถื่อนจำนวนมหาศาลเพื่อจัดจำหน่ายให้กับร้านค้าไอทีทั่วประเทศ

พ.ต.อ. ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามและการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กล่าวว่า “ เมื่อ ปีที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ดำเนินคดีจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งสิ้น 210 บริษัท ซึ่งใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์เถื่อนติดตั้งในคอมพิวเตอร์ โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 472 ล้านบาท ทั้งนี้ ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้จำนวนเครื่องพีซีที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ลดลงจากร้อยละ 90 เหลือร้อยละ 75

เมื่อ เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีเข้าจับกุมร้านค้าทั้งสิ้น 12 ร้านซึ่งจำหน่ายซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย โดยรวมไปถึงร้านจำหน่ายซีดีที่มีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าไอทีทั่วประเทศ ทั้งนี้ จากการปราบปรามดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์เป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บรรจุซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของ ไมโครซอฟท์

ระหว่างการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์เป็นจำนวนมหาศาลประกอบไปด้วย Ultimate, XP Professional และ Office 2007 Enterprise ซึ่ง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 18 ล้านบาท โดยพบว่าร้านค้าที่จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวได้หลอกลวง ให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าซอฟต์แวร์ที่ตนซื้อไปนั้นเป็นของจริง ทั้งนี้ เจ้าของร้านดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมาย

สมพร มณีรัตนะกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซอฟท์แวร์เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด กล่าวว่า “ การปราบปรามซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ นับเป็นแนวทางในการปกป้องนวัตกรรมทางด้านไอทีแนวทางหนึ่ง ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาจะช่วยให้นักพัฒนามีกำลังใจในการสร้าง สรรค์เทคโนโลยีที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้มีการใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น และทำให้การดำเนินชีวิตผู้ใช้งานชาวไทยสะดวกมากยิ่งขึ้น ”

“ ถึง แม้ว่าการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จะฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมาเป็น เวลานาน แต่เราเชื่อมั่นว่าความเชื่อผิดๆ ดังกล่าวจะหมดไป เมื่อผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของนวัตกรรม และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการละเมิดลิขสิทธิ์ ประเทศไทยมีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางด้านนวัตกรรม ซึ่งต้องอาศัยการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวไปสู่จุดหมายดังกล่าว เพื่อเป็นการส่งเสริมแนวทางดังกล่าว เราสนับสนุนให้ผู้คนมีความเข้าใจถึงความสำคัญและซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศปลอดการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างแท้จริง ” นางสาว วารุณี รัชตพัฒนากุล โฆษกประจำกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ ( บีเอสเอ) กล่าว กลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ ( www.bsa.org ) เป็นองค์กรระดับแนวหน้าที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของอุตสาหกรรม ซอต์แวร์ โดยได้ดำเนินงานในประเทศต่างๆ กว่า 80 ประเทศทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโตของตลาดซอฟต์แวร์ รวมทั้งนวัตกรรมต่างๆ ทั้งนี้ พันธมิตรของบีเอสเอได้ลงทุนเป็นจำนวนเงินกว่าพันล้านดอลล่าร์ต่อปีเพื่อส่ง เสริมเศรษฐกิจ การสร้างงานและการสร้างสรรค์โซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

“ หาก เราสามารถควบคุมการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ เราจะมีทรัพยากรเพิ่มมากขึ้นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณภาพในเวลาที่ รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ในแง่ของการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งไอเดียใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและสังคมโลก อย่างไรก็ตาม ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เราได้ใช้พลังงานและทรัพยากรไปกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญามากกว่าการ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ” สมพร มณีรัตนะกูล กล่าวเสริม

การ ผลิตซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นับได้ว่าเป็นการประกอบอาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งรายงานจากรัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมชี้ชัดว่า เป็นแหล่งเงินให้กับเครือข่ายอาชญากรทั่วโลก โดยที่ผู้บริโภคต้องตกเป็นเหยื่อจากการสนับสนุนอาชญากรเหล่านั้น ด้วยการซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ นอกเหนือไปจากการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ภาครัฐยังจำเป็นที่จะต้องประกาศถึงผลจากการกระทำดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไป ได้รับทราบเช่นเดียวกัน

การดำเนินการปราบปรามเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการการแก้ไขปัญหาที่รัฐบาล กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังร่วมมือกันเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในระยะยาวของธุรกิจและเศรฐกิจของประเทศ อีกแนวทางหนึ่งที่สำคัญคือการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคให้เข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของการซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์

ด้าน นายไบรอัน วิลเลียมส์ ผู้จัดการอาวุโส แผนกสืบสวนต่อต้านการละเมิดลิขสิทธ์และการปลอมแปลง กลุ่มนิติการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ปัญหา การละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย นับเป็นปัญหาหลักสำหรับไมโครซอฟท์ ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวเนื่องกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการปกป้องผู้บริโภคด้วย โดยเราต้องการกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของการซื้อ และการใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ และหลีกเลี่ยงการใช้งานซอฟต์แวร์เถื่อน ซึ่งนอกจากจะเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์แล้ว ยังจะส่งผลสัยต่ออุตสาหกรรมไอทีของประเทศโดยรวมอีกด้วย ”

ใน ขณะเดียวกันไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ก็ได้พยายามที่จะปกป้องผู้บริโภคในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงให้การสนับสนุนด้านการตรวจสอบในกรณีที่ผู้บริโภคไม่แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ ที่ซื้อมาเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่

คำ แนะนำจากไมโครซอฟท์ในการปกป้องตนเอง คือการเลือกซื้อซอฟต์แวร์จากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น และเรียนรู้การแยกแยะซอฟต์แวร์ปลอมออกจากซอฟต์แวร์แท้ โดยการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นภาษาไทยได้ที่ www..com/thailand/genuine/howtotell.aspx ทั้งยังควรอัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรม Security Essentials ได้ฟรีที่

www.microsoft.com/security_essentials (มีภาษาไทย)

ผู้บริโภคที่สงสัยว่าถูกหลอกลวงให้ซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถแจ้งเรื่องดังกล่าวมายัง Microsoft Customer Contact Center ที่ 02 263 6888 หรือหากสนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปที่ www.microsoft.com/thailand/genuine

View :1669

โนเกียและไมโครซอฟต์ลงนามสัญญาความร่วมมืออย่างเป็นทางการ

April 22nd, 2011 No comments

บรรลุข้อตกลงได้เร็วกว่าที่วางไว้เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารเคลื่อนที่ระบบใหม่ พร้อมมีความก้าวหน้าในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์

โนเกียและไมโครซอฟต์ประกาศการลงนามสัญญาความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศน์
การสื่อสารเคลื่อนที่ระบบใหม่ของโลก โดยอาศัยทรัพยากรของทั้งสองบริษัทที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งการลงนามนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าแผนการที่วางไว้ หลังจากที่ได้ประกาศความร่วมมือไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

การลงนามครั้งนี้นอกจากจะมีการกำหนดข้อตกลงต่างๆ ในการร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศน์การสื่อสารเคลื่อนที่ โนเกีย
และไมโครซอฟต์ยังประกาศความก้าวหน้าของการพัฒนาผลิตภัณฑ์โนเกียรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Window Phone โดยมีบุคลากรหลายร้อยคนร่วมสร้างระบบวิศวกรรม ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันสร้างสรรค์กลุ่มผลิตภัณฑ์โนเกียใหม่ๆ นอกจากนี้ โนเกียยังได้เริ่มนำแอพพลิเคชั่นและบริการสำคัญๆ มาใช้บนระบบปฏิบัติการ Phone พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อให้เข้าถึงนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น

มร . สตีเฟ่น อีลอป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนเกีย กล่าวว่า “ทั้งสองบริษัทได้บรรลุความร่วมมือแบบ win-win ด้วยกัน
เรามีทรัพยากรที่เสริมและสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กันและกัน และนี่คือรากฐานของความร่วมมือของเรา

มร . สตีฟ บอลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมโครซอฟต์ กล่าวว่า “ความร่วมมือของเราส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม โนเกียและไมโครซอฟต์จะร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมมอบโอกาสที่มากขึ้นให้กับผู้บริโภคและพันธมิตรในการมีส่วนร่วมในความสำเร็จของระบบนิเวศน์ของเรา”

ความร่วมมือมีด้วยกัน 4 ประการ ได้แก่

1. การผสานทรัพยากรที่เสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้ความร่วมมือมีความโดดเด่น ไม่เหมือนใคร

- โนเกียจะมอบแผนที่ ระบบนำทาง และบริการที่เกี่ยวเนื่องบางอย่างให้ระบบนิเวศน์ Windows Phone โนเกียจะสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อยอดให้กับระบบปฏิบัตการ Windows Phone อาทิ การถ่ายภาพ มอบความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์และภาษาเพื่อรองรับภาษาต่างๆ และช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Window Phone ส่วนไมโครซอฟต์จะมอบ Bing ซึ่งเป็นระบบค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตให้กับผลิตภัณฑ์โนเกีย พร้อมมอบสิ่งที่เชี่ยวชาญได้แก่ การเพิ่มผลผลิต การโฆษณา เกมส์ Social Media และบริการอื่นๆ การผสมผสานระหว่างระบบแผนที่นำทาง การโฆษณาและการค้นหาข้อมูลออนไลน์ จะช่วยเสริมความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับระบบแผนที่นำทางของโนเกีย พร้อมก่อให้เกิดรายได้ใหม่ๆ จากการโฆษณา

- การเข้าถึงนักพัฒนาและการจัดหาแอพพลิเคชั่นร่วมกันจะสนับสนุนให้เกิดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก รวมถึงการให้นักพัฒนาของโนเกียลงทะเบียนใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ฟรี

- เปิดแอพพลิเคชั่นสโตร์ระดับโลกภายใต้แบรนด์โนเกียโดยอาศัยโครงสร้างของ Windows Marketplace นักพัฒนาสามารถวางจำหน่ายแอพพลิเคชั่นผ่านพอร์ทัลหลักเพียงแห่งเดียวเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคหลายร้อยล้านคนที่ใช้ Windows Phone, Symbian และ Series 40

- มอบความเชี่ยวชาญด้าน operator billing เพื่อให้ผู้มีส่วนร่วมในระบบนิเวศน์ Windows Phone ได้รับประโยชน์จากข้อตกลงด้านการเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่า 112 รายใน 36 ประเทศ

2. ไมโครซอฟต์จะได้รับค่าธรรมเนียม ( Royalty) จากโนเกีย โดยจะเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ Windows Phone ของโนเกีย วางตลาด ค่า Royalty นั้นจะเหมาะสมกับการแข่งขันและปริมาณเครื่องจำนวนมากที่โนเกียจะวางจำหน่าย ตลอดจนงานด้านวิศวกรรมที่ต้องทำร่วมกัน ซึ่งการมอบระบบปฏิบัติการ Windows Phone ของไมโครซอฟต์ให้กับโนเกียจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับโนเกีย

3. ด้วย ความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ของข้อตกลงระหว่างโนเกียและไมโครซอฟต์ และสิ่งที่โนเกียจะมอบให้ โนเกียจะได้รับผลตอบแทนเป็นมูลค่ากว่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ

4. ข้อตกลงที่ให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญาและกระบวนการในการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตร ซึ่งโนเกียจะได้รับรายได้ที่เหมาะสมจากข้อตกลงนี้

ด้วยข้อตกลงนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันผนึกกำลังกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ นักพัฒนา และพันธมิตรอื่นๆ ในการช่วยให้ทั้งอุตสาหกรรมเข้าใจในประโยชน์ของระบบนิเวศน์ใหม่นี้ ในขณะเดียวกันการทำงานเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
โนเกียบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone จะดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จำนวนมากในปี 2012 ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทเป็นโครงการขนาดใหญ่ซึ่งมี พันธะสัญญาในการสร้างระบบนิเวศน์การสื่อสารเคลื่อนที่บนความร่วมมือเชิง กลยุทธ์ในระยะยาว

View :1541
Categories: Press/Release Tags: ,

ไมโครซอฟท์และทรูผนึกกำลังครั้งสำคัญพร้อมนำเสนอบริการคลาวด์คอมพิวติ้งสู่องค์กรธุรกิจไทย

April 20th, 2011 No comments

ความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะนำมาซึ่งบริการคลาวด์คอมพิวติ้งแบบครบวงจร ด้วยดิจิตัลคอนเทนท์ โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ อีเมล เครื่องมือในการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกัน

อุตสาหกรรมไอทีเตรียมต้อนรับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยความร่วมมือระหว่าง 2 ผู้นำทางด้านไอที บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับความร่วมมือครั้งล่าสุดเพื่อส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าขึ้นอีกระดับของการพัฒนาทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับผู้บริโภค ผู้บริหารสำคัญจากทั้งสององค์กรที่ได้ร่วมในงานดังกล่าว ได้แก่ มร. เควิน เทอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการสายงานคอนเวอร์เจนซ์ และกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์และทรูในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและคลาวด์คอมพิวติ้งอีกขั้นหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการบริการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มทางเลือกและคุณค่าทางธุรกิจที่มากขึ้นให้กับผู้ใช้งาน ทั้งนี้ การผนึกกำลังดังกล่าวจะช่วยสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมของประเทศด้วยผลิตภัณฑ์และบริการยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์และรูปแบบการทำงานของผู้ใช้งานชาวไทยไปสู่การใช้งานทางธุรกิจได้ ความร่วมมือกันระหว่างไมโครซอฟท์และทรูมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นทางธุรกิจที่ล้ำสมัย ผนวกกับคอนเทนท์ที่หลากหลายทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อการใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้งได้ในหลากหลายช่องทางและอุปกรณ์

ความร่วมมือครั้งสำคัญของไมโครซอฟท์และทรูตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของคลาวด์คอมพิวติ้งในฐานะเครื่องมือที่จะช่วยนำประโยชน์และมิติใหม่ๆ มาสู่องค์กรทางธุรกิจในยุคดิจิตัล โดยผลการสำรวจล่าสุดของ Springboard Research เกี่ยวกับการใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้งในประเทศไทยพบว่า ร้อยละ 50 ขององค์กรที่ร่วมตอบแบบสำรวจวางแผนที่จะใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้งในอนาคต ซึ่งนับเป็นอัตราสูงสุดในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ร้อยละ 76 ขององค์กรมองว่าคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นเครื่องมือทางไอทีที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกสุด ทั้งยังมีงบประมาณเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนในเรื่องดังกล่าว ผลสำรวจดังกล่าวชี้ชัดว่าคลาวด์คอมพิวติ้งมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 – 3 ปีต่อจากนี้ ทั้งนี้ ร้อยละ 41 ขององค์กรที่ร่วมตอบแบบสำรวจระบุว่าไมโครซอฟท์จะเป็นตัวเลือกของพวกเขาในการใช้งานบริการคลาวด์คอมพิวติ้งในอนาคต

“ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนรวมทั้งองค์กรต่างๆ บรรลุถึงศักยภาพของตนและมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจผ่านการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง” มร. เควิน เทอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าว “ความร่วมมือระหว่างทรูและไมโครซอฟท์ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ใช้งานชาวไทย รวมทั้งระบบนิเวศน์อุตสาหกรรมไอทีของประเทศได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อช่วยจัดการกับความท้าทายต่างๆทางธุรกิจ ทั้งยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผลมากกว่าที่ผ่านมา”

ด้วยความร่วมมือดังกล่าว ไมโครซอฟท์และทรูจะนำเสนอบริการทางเลือกคลาวด์คอมพิวติ้งแบบเต็มรูปแบบจากไมโครซอฟท์ พร้อมด้วยบริการคอนเวอร์เจนซ์จากทรูสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีและองค์กรในประเทศ โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการผนึกกำลังที่แข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญจากทั้งสองบริษัท และจะได้รับบริการในระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ที่มีประสิทธิภาพในราคาสมเหตุสมผล ทั้งยังมีความน่าเชื่อถือและสามารถลดหรือเพิ่มการใช้งานตามที่ต้องการได้ โดยเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึง อีเมล ปฏิทินนัดหมาย เครื่องมือการติดต่อสื่อสาร การทำงานร่วมกัน การประชุม และบริการคอนเวอร์เจนซ์ในรูปแบบต่างๆ

ไมโครซอฟท์มีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่าสิบปีในการให้บริการทางด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง และเครื่องมือไอทีต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการผนึกกำลังกับทรู ไมโครซอฟท์จะนำเสนอบริการรูปแบบใหม่เข้าสู่ตลาดที่สามารถใช้งานผ่านแพล็ทฟอร์มและอุปกรณ์ที่หลากหลาย ทั้งยังมีความรวดเร็ว สะดวกและปลอดภัย ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ไมโครซอฟท์ จะทำงานร่วมกันเพื่อประเมินการออกแบบ การพัฒนา รวมทั้งรูปแบบในการทำตลาดร่วมกันสำหรับบริการคลาวด์คอมพิวติ้งดังกล่าวต่อไป

ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการสื่อสารทั่วโลก นำโดย ไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมไอทีระดับสากล กำลังพัฒนาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งกลุ่มทรูในฐานะผู้ประกอบการหลักในอุตสาหกรรมไอทีและโทรคมนาคมในไทย ถือเป็นภารกิจสำคัญในการเตรียมความพร้อมเปิดรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในครั้งนี้ กลุ่มทรู จึงยินดีและถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมีบทบาทสำคัญกับ ไมโครซอฟท์ ในการพลิกโฉมและเปิดประสบการณ์มิติใหม่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการสื่อสารของประเทศ ซึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยีที่พัฒนาการแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์และเวิร์คสไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสื่อสารโทรคมนาคมจึงมีบทบาทสำคัญต่อรูปแบบใหม่ในการดำเนินชีวิต และการทำงานยุคคอนเวอร์เจนซ์ในปัจจุบัน ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำเช่นไมโครซอฟท์ครั้งนี้ จะเพิ่มขีดความสามารถพัฒนานวัตกรรมบริการ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าชาวไทยอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กลุ่มทรูในฐานะผู้ให้บริการสื่อสารครบวงจรหนึ่งเดียวของประเทศ และเป็นผู้นำชีวิตคอนเวอร์เจนซ์ไลฟ์สไตล์ มุ่งมั่น สร้างสรรค์ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ ด้วยการผสมผสานสินค้าบริการและเครือข่ายต่างๆ ภายในกลุ่มทรู โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาโซลูชั่นตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของกลุ่มลูกค้าทุกระดับ รวมทั้งลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างกลุ่มทรูกับไมโครซอฟท์ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก ร่วมกันนำเสนอบริการและโซลูชั่นใหม่ที่เป็นมาตรฐานสากลในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจ ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันการใช้งานบริการคลาวด์ที่ทันสมัย เริ่มแพร่หลายเป็นที่ต้องการในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น และมีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมต่างๆ กลุ่มทรู ในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทั้งมีสายและไร้สาย ผ่านหลากหลายแพลทฟอร์ม รวมทั้งนวัตกรรมด้านคอนเทนต์และโซลูชั่น จึงพร้อมที่จะร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งด้านการสื่อสารและการบริโภคคอนเทนต์ด้านต่างๆ ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารคือหัวใจสำคัญต่อไลฟ์สไตล์และเวิร์คสไตล์ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน”

View :1559

ไมโครซอฟท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ระดับพรีเมี่ยม สุดยอดแห่งงานดีไซน์และเทคโนโลยี

March 13th, 2011 No comments

เพื่อตอบสนอ งไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง ด้วย ล้ำหน้าด้วยสุดยอดเทคโนโลยีและการดีไซน์ที่เรียบหรู และ LifeCam Studio ที่ให้ภาพวีดีโอคมชัดกว่าเคย

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว 2 สุดยอดนวัตกรรมเปี่ยมดีไซน์ที่พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตัลกับ Arc Touch Mouse และ LifeCam Studio ที่จะช่วยส่งเสริมประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ดียิ่งขึ้นไปไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม

ชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการแผนก Retail Sales and Marketing (RSM) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ผสานกับดีไซน์ที่ลงตัวและนวัตกรรมที่เหนือชั้น มาเป็นเวลากว่า 28 ปีแล้ว และในวันนี้ เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะช่วยนำประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดมาให้แก่ผู้ใช้งานทุกคน ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่าพอใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์เมื่อเทียบเท่ากับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาด แม้ว่าจะมีภาวะการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่เราก็จะยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพให้กับผู้บริโภคชาวไทยต่อไป”

Arc Touch Mouse ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ โดยเป็นเมาส์ที่ได้รับการออกแบบให้สามารถเก็บในรูปทรงแบนราบได้ช่วยให้พกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น และสามารถพับเมาส์เป็นทรงโค้งเมื่อต้องการใช้งาน ในปัจจุบัน ที่มีจำนวนผู้ใช้งานโน้ตบุ๊คมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการความสะดวกสบายที่มากกว่าเดิม ดังนั้น Arc Touch Mouse จึงสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ Arc Touch Mouse นับเป็นเมาส์ตัวแรกที่ประกอบไปด้วย Touch strip ซึ่งเป็นแถบเลื่อนแบบสัมผัสสำหรับควบคุมการใช้งาน เพียงเลื่อนนิ้วเบาๆ สำหรับการเลื่อนขึ้น-ลงแบบปกติ หรือสะบัดแถบสัมผัสเพื่อการเลื่อนขึ้น-ลงที่เร็วยิ่งขึ้น

“Arc Touch Mouse นับเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร และมาพร้อมกับประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีบลูแทร็ค ช่วยให้ผู้ใช้บอกลาแผ่นรองเมาส์ไปได้เลย เพราะสามารถใช้งานได้บนพื้นผิวที่หลากหลายยิ่งขึ้น Arc Touch Mouse จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพกพา โดยสามารถพกไว้ในกระเป๋าถือ หรือแม้แต่กระเป๋าเสื้อ หรือ กางเกงได้อย่างสะดวก โดยสามารถพับเมาส์ให้มีรูปทรงโค้งสำหรับการใช้งานได้อย่างง่ายดายในทันที การทำงานนอกสถานที่จึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมาส์จะปิดอัตโนมัติเมื่ออยู่ในรูปทรงแบนราบ และจะทำงานเมื่อพับเมาส์ในรูปทรงโค้ง Arc Touch Mouse ยังมีความทนทานสูง โดยได้รับการทดสอบประสิทธิภาพให้นำไปใช้งานได้เป็นระยะเวลาหลายปี อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงาม ทันสมัย และดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้าง”

“สำหรับการเปิดตัว Arc Touch Mouse ในประเทศไทย เราได้สร้างสรรค์ไอคอนในรูปแบบของเก้าอี้ Arc Touch Mouse ขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลานหน้า Digital Gateway เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงดีไซน์อันโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ชิ้นพรีเมี่ยมนี้ และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้คนที่สัญจรไปมาในบริเวณสยามแสควร์มากยิ่งขึ้น เพราะมีรูปลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาการทางด้านดีไซน์ครั้งสำคัญของไมโครซอฟท์ที่เรียกได้ว่าสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนในโลกยุคดิจิตัลที่ต้องเดินทางเป็นประจำได้อย่างดีเยี่ยม” ชัชวาล จิตติกุลดิลก กล่าวเสริม

New LifeCam Studio
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังได้สร้างมิติใหม่ให้กับเว็บแคมด้วยผลิตภัณฑ์ LifeCam Studio ที่ให้ภาพวีดีโอคมชัดพร้อมความละเอียด 1080 พิกเซล ที่สามารถทำงานร่วมกับ Live® Messenger 2011 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังให้ภาพวีดีโอที่มีความคมชัดเป็นเลิศด้วยหน้าจอไวด์สกรีนแบบ 16:9 ที่ช่วยให้มองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น LifeCam Studio นับเป็นเว็บแคมที่มีความแม่นยำสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการร่วมแบ่งปันช่วงเวลาที่ดีๆและสำคัญๆกับเพื่อน หรือ ครอบครัว แม้จะอยู่ห่างกันคนละที่ก็ตาม

Lifecam Studio นับเป็นเว็บแคมตัวแรกของไมโครซอฟท์ที่มีความละเอียดสูงถึง 1080 พิกเซล ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทรูคัลเลอร์ (TrueColor) โดยให้ภาพที่มีความละเอียดคมชัดและมีคุณภาพดีสำหรับการใช้งานวีดีโอคอลล์ เพราะสามารถรับแสงได้มากขึ้น ทำให้ได้คุณภาพวีดีโอที่ชัดกว่าเดิมไม่ว่าจะอยู่ในบริเวณที่มีแสงแบบใดก็ตาม ทั้งในบริเวณแสงจ้าขณะที่แสงแดดส่องจากหน้าต่าง หรือในบริเวณแสงน้อยด้วยแสงจากจอมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์เท่านั้น นอกจากนี้ Lifecam Studio ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนที่เป็น High-fidelity ซึ่งให้เสียงที่เป็นธรรมชาติและคมชัด กล้องสามารถโฟกัสอัตโนมัติ และมีขากล้องแบบ Tripod thread ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ภาพที่สวยไม่ว่าจะในมุมใดก็ตาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายวิดีโอแบบต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ราคาและการวางจำหน่าย
Arc Touch Mouse และ LifeCam Studio มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปแล้วในราคา 2,390 บาท และ 3,490 บาท ตามลำดับ ผู้สนใจยังสามารถหาซื้อได้ในงานคอมมาร์ท ระหว่างวันที่ 17 – 20 มีนาคม 2554 พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมลุ้นประมูล Arc Touch Mouse ได้ทุกวันที่บริเวณเวทีกลางในงานคอมมาร์ทอีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์อื่นๆ ของไมโครซอฟท์ภายในงานคอมมาร์ทยังจะได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมาย โดยลูกค้าที่ซื้อ ® Arc Mouse สามารถนำใบเสร็จมาแลกรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรีจำนวน 2 ที่นั่ง ส่วนลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Lifecam VX700 หรือ Wired Desktop 400 สามารถนำใบเสร็จมาแลกรับบัตรกำนัลจากร้าน Auntie Anne’s ได้เช่นเดียวกัน

ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ พร้อมรับประกัน 3 ปี ข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆของไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ สามารถศึกษาได้ที่ http://www.microsoft.com/hardware

View :1552

โนเกียผนึกไมโครซอฟท์ประกาศแผนความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ สร้างระบบนิเวศน์ของโลกสื่อสารรูปแบบใหม่

February 12th, 2011 No comments

โนเกียและไมโครซอฟท์ประกาศแผนกลยุทธ์ความร่วมมือผนึกรวมความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทสร้างสรรค์ระบบนิเวศน์ของโลกสื่อสารระดับโลกในรูปแบบใหม่

โนเกียและไมโครซอฟท์มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สื่อสารชั้นนำของตลาดพร้อมบริการต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอโอกาสและทางเลือกให้กับผู้บริโภค เหล่าโอเปอเรเตอร์และนักพัฒนาในแบบที่ไร้คู่แข่ง โนเกียและไมโครซอฟท์จะมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของตนพร้อมๆไปกับร่วมมือสร้างโอกาสเจาะตลาดอย่างรวดเร็วฉับไว นอกจากนั้นโนเกียและไมโครซอฟท์จะทำงานร่วมกันเพื่อผนึกกำลังความเชี่ยวชาญ และเดินหน้านำเสนอบริการใหม่ๆ พร้อมทั้งขยายตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่เดิมไปสู่ตลาดใหม่ๆ  

ข้อเสนอความร่วมมือ

·       โนเกียจะนำวินโดว์โฟนมาใช้ในเชิงกลยุทธ์หลักของสมาร์ทโฟน สร้างนวัตกรรมต่อยอดบนแพลทฟอร์มที่โนเกียเป็นผู้นำตลาดเช่นด้านการถ่ายภาพ

·       โนเกียจะผลักดันวินโดว์โฟนไปสู่อนาคต โดยโนเกียจะใช้ความชำนาญด้านการออกแบบฮาร์ดแวร์ การรองรับภาษาต่างๆ และช่วยนำวินโดว์โฟนไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้น เจาะตลาดในกลุ่มเซ็กเมนท์ต่างๆ และมีระดับราคาที่หลากหลายมากขึ้น

·       โนเกียและไมโครซอฟท์จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการริเริ่มทางการตลาดร่วมกันและแบ่งปันแผนการพัฒนาเพื่อร่วมกันปฏิวัติวงการอุปกรณ์สื่อสารในอนาคต

·       โนเกียจะนำ Bing บริการการค้นหา มาใช้ในอุปกรณ์สื่อสารและบริการของโนเกียเพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงบริการค้นหาอันเปี่ยมศักยภาพสำหรับโลกอนาคต และ adCenter จะให้บริการค้นหาโฆษณาบนอุปกรณ์สื่อสารและบริการของโนเกีย

·       บริการแผนที่ของไมโครซอฟท์จะประกอบด้วย Maps เป็นหลัก อาทิ Maps จะผนึกรวมเป็นหนึ่งกับบริการค้นหาของ Bing  และแพลทฟอร์มโฆษณาของ adCenter เพื่อประสบการณ์ด้านโฆษณาและการค้นหาที่เป็นหนึ่งเดียว

·       ข้อตกลงเรื่องการจ่ายเงินผ่านโอเปอเรเตอร์ของโนเกียที่มีอยู่ในมากมายหลายประเทศจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถซื้อบริการต่างๆ ของโนเกียวินโดว์โฟนได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในประเทศที่การใช้เครดิตการ์ดไม่แพร่หลาย

·       อุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาของไมโครซอฟท์จะถูกนำมาใช้สร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นต่างๆ สำหรับโนเกียวินโดว์โฟน เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถขยายผลงานสู่ระบบนิเวศน์ของการสื่อสารระดับโลกได้อย่างง่ายดาย

·       ร้านค้าแอพพลิเคชั่นและคอนเทนท์ของโนเกียจะควบรวมกับ Marketplace ของไมโครซอฟท์เพื่อประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมขึ้นสำหรับผู้บริโภค

มร. สตีเฟ่น อีลอป ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนเกีย กล่าวในงานแถลงข่าวความร่วมมือที่กรุงลอนดอนว่า “ในวันนี้ นักพัฒนา โอเปอเรเตอร์ และผู้บริโภค ต่างต้องการผลิตภัณฑ์มือถือที่ดีพร้อม ซึ่งไม่ได้หมายถึงตัวอุปกรณ์เท่านั้น แต่รวมถึงซอฟท์แวร์ บริการ แอพพลิเคชั่น และความช่วยเหลือลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์อันดีเยี่ยม โนเกียและไมโครซอฟท์จะผนึกรวมความแข็งแกร่งของเราไว้ด้วยเพื่อนำเสนอระบบนิเวศน์ของการสื่อสารขนาดใหญ่ระดับโลกในแบบไร้เทียมทาน พลิกโฉมเกมการแข่งขันไปสู่การชิงชัยของสามระบบปฏิบัติการ”

มร. สตีเว่น เอ บอลล์เมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นกับความร่วมมือกับโนเกียครั้งนี้ ระบบนิเวศน์การสื่อสารจะเติบโตเมื่อเติมเชื้อไฟด้วยความรวดเร็ว นวัตกรรม และศักยภาพ ความร่วมมือที่ประกาศในวันนี้นำไปสู่ขีดความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมทั้งด้านซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมถึงความสามารถในการปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับ”

View :1539
Categories: Press/Release Tags: ,

เอชพีผนึกไมโครซอฟท์พัฒนา 4 ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่

January 21st, 2011 No comments

สนับสนุนองค์กรต่างๆ เร่งสร้างผลการดำเนินงานเร็วขึ้น
เสริมทัพด้วยโซลูชั่นใหม่ด้าน ระบบธุรกิจอัจฉริยะ คลังข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบรับส่งข้อความ และฐานข้อมูลแบบผนวก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และลดความซับซ้อนของระบบไอทีให้ทำงานง่ายขึ้น

กรุงเทพฯ 20 มกราคม 2554 – เอชพีประกาศผนึกกำลังกับไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วมพัฒนา
4 ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่รองรับแอพพลิเคชั่นแบบผนวก ซึ่งรวมทั้งแอพพลิเคชั่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือการทำงาน (productivity tools) เข้าไว้ด้วยกันเป็นระบบเดียว ส่งผลให้พนักงานขององค์กรต่างๆ มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นและตัดสินใจได้เร็วขึ้น ทั้งยังช่วยให้การส่งมอบแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้การใช้งานด้านไอทีเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น(1) ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่ดังกล่าว ได้แก่ Business Decision Appliance ซึ่งวางจำหน่ายอยู่แล้วในขณะนี้ เพื่อนำไปใช้งานโปรแกรมการทำธุรกิจแบบอัจฉริยะ (business intelligence) และ E5000 Messaging System for Exchange Server สำหรับใช้งานโซลูชั่นรับส่งข้อความ โดยมีกำหนดนำออกวางตลาดภายใน 45 วันนับจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่อีก 2 รายการคาดว่าจะพร้อมนำออกสู่ตลาดภายในปีนี้

ที่ผ่านมา การใช้แอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญทางธุรกิจมี 2 วิธี วิธีแรกคือการใช้งานที่พัฒนาขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้เวลานานมาก และวิธีที่ 2 คือการใช้แอพพลิเคชั่นและระบบโครงสร้างพื้นฐานลิขสิทธิ์ที่ไม่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ช้ามาก ด้วยรูปแบบการใช้งานดังกล่าว ทำให้โครงการไอทีที่ใช้แอพพลิเคชั่นสำคัญทางธุรกิจและได้รับการยอมรับจากองค์กรต่างๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จมีเพียงร้อยละ 32 เท่านั้น(2)

สำหรับผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่ดังกล่าวเป็นการพัฒนาต่อยอดจากการประกาศเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างเอชพีและไมโครซอฟท์ในปีที่ผ่านมา โดยเป็นระบบแรกในวงการไอทีที่มีการผนวกรวมแอพพลิเคชั่นต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบสนองการใช้งานของฝ่ายไอทีและผู้ใช้งานทั่วไป สำหรับแอพพลิเคชั่นที่ผนวกรวมไว้ในผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ดังกล่าว ได้แก่ ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (business intelligence) ระบบคลังข้อมูลขนาดใหญ่ (data warehousing) ระบบประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ (online transaction processing) และระบบรับส่งข้อความ (messaging) นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาร่วมกันดังกล่าว รวมทั้งบริการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นสำคัญทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงชั่วโมงเดียว เมื่อเทียบกับระบบเก่าที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือน(3) โซลูชั่น HP Enterprise Data Warehouse Appliance คือ หนึ่งในโซลูชั่นที่พัฒนาโดยเอชพีร่วมกับไมโครซอฟท์ โดยสามารถประมวลและจัดการคำถามได้เร็วขึ้น 200 เท่า และปรับขยายสมรรถนะการใช้โปรแกรม SQL Server รุ่นเก่าได้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า(4)

มร. อมัน นีล โดคาเนีย รองประธานและผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจ Converged Infrastructure Solutions เอชพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ปัจจุบัน ลูกค้าต้องการลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินงานและตัดสินใจ ด้วยผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ที่สนับสนุนแอพพลิชั่นแบบผนวกดังกล่าว ทำให้เอชพีและไมโครซอฟท์ช่วยลูกค้าย่นระยะเวลาที่ใช้ในการจัดส่งข้อมูล ส่งผลให้มีความเสี่ยงและต้นทุนในการดำเนินงานลดลงอีกด้วย”

มร. ไมเคิล แกมเบีย ผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจ Microsoft APAC Server and Tools Business บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป เปิดเผยว่า “ไมโครซอฟท์และเอชพีช่วยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่สุด 2 รายซึ่งได้แก่เวลาและความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์แอพ พลายแอนซ์ใหม่ดังกล่าวทำให้เราสามารถนำข้อมูลทางธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดส่งตรงถึงมือลูกค้าได้ทันทีตามต้องการ”

ขยายการเข้าถึงบริการ business intelligence
ด้วยผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance ที่พัฒนาโดยเอชพีร่วมกับไมโครซอฟท์จะช่วยให้ฝ่ายไอทีลดเวลาและการดำเนินการเพื่อตั้งค่าระบบ ใช้งาน และบริหารจัดการโซลูชั่น business intelligence แบบครบวงจร เมื่อเทียบกับการใช้โซลูชั่น business intelligence แบบเดิมซึ่งไม่ได้ผนวกรวมแอพพลิเคชั่น ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และเครื่องมือการทำงานเข้าไว้ด้วยกัน ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ใหม่นี้รองรับการทำงานของ Microsoft SQL Server และ Microsoft SharePoint ได้สูงสุด ทั้งยังสามารถติดตั้งและตั้งค่าระบบโดยฝ่ายไอทีได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance ยังช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันที่สนับสนุนโปรแกรม PowerPivot ของไมโครซอฟท์ที่ได้รับรางวัล(5) และเป็นโปรแกรมเสริม (add-in) ที่ทำงานบนโปรแกรม Microsoft Excel และทำงานร่วมกับผู้อื่นบนระบบ SharePoint 2010 ส่งผลให้ฝ่ายไอทีสามารถตรวจสอบ ติดตาม และบริหารจัดการโซลูชั่นต่างๆ ที่สร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานจากแผงควบคุมการทำงานแบบรวมศูนย์เพียงจุดเดียว

บริษัท เรด วิง ชู (Red Wing Shoe Company) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รองเท้าสำหรับทำงานและรองเท้าบู้ทระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของโลก เป็นหนึ่งในผู้ที่ยอมรับและใช้ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance รุ่นแรกๆ โดยจัดซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านจีเน็ท (GNet) ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับแนวหน้าด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอชพีและไมโครซอฟท์

มร. ไมค์ เคลียรี่ ผู้อำนวยการด้าน IT Architecture and Operations บริษัท เรด วิง ชู กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เราสนใจแนวคิดที่ว่า เราสามารถใช้โซลูชั่นแบบครบวงจร (turnkey solution) ที่ได้รับการออกแบบ พัฒนา ทดสอบ ติดตั้ง และให้คำปรึกษาอย่างครบถ้วน และสามารถผนวกรวมกับสภาพแวดล้อมการทำงานของเราได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทุ่นแรงของเราอย่างมาก ทั้งนี้ ในอดีต การติดตั้งซอฟต์แวร์และการตั้งค่าระบบต่างๆ ต้องใช้เวลานานหลายวัน แต่ในวันนี้ นักวิเคราะห์ธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้เครื่องมือที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งคือโปรแกรม Microsoft Excel ในการสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลในแนวทางใหม่และมีประสิทธิภาพ”

ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ที่เป็นแอพพลิเคชั่นแบบผนวกสามารถปรับขยายให้รองรับการทำงานของธุรกิจตั้งแต่ขนาดกลางจนถึงใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยทำให้พันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของเอชพีและไมโครซอฟท์อย่างจีเน็ท (GNet) มีลู่ทางการขายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์แบบเปิด และมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมไอที ทั้งยังสามารถผนวกรวมกับศูนย์ข้อมูลระบบต่างๆ จึงเป็นผลิตภัณฑ์แอพ พลายแอนซ์ที่โดดเด่นสำหรับตัวแทนจำหน่าย

ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Data Warehouse Appliance คือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก โดยมีฟังก์ชั่นการทำงานระดับองค์กร ทั้งยังมีการใช้งานที่ง่าย และสามารถทำงานโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากผู้บริหารระบบ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Data Warehouse Appliance สนับสนุนการทำงานของผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Enterprise Data Warehouse Appliance ที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการใช้งานขององค์กรขนาดใหญ่ โดยสามารถขยายประสิทธิภาพการทำงานของระบบ SQL Server 2008 R2 ได้สูงสุด ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Enterprise Data Warehouse Appliance มีสมรรถนะในการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น โดยสามารถปรับขยายระบบได้ในระดับสูง ทั้งยังสามารถจัดการคำถามได้เร็วกว่าระบบฐานข้อมูล SQL Server รุ่นเก่า นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานบนแพลทฟอร์ม Microsoft Business Intelligence ทำให้ลูกค้าสามารถสร้างโซลูชั่น business intelligence ที่มีการบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยมให้แก่พนักงานทุกคนภายในองค์กร

รับส่งข้อความระดับองค์กรอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP E5000 Messaging System for Microsoft Exchange Server 2010 เป็นแพลทฟอร์มแบบครบวงจรรายแรกในอุตสาหกรรมไอทีที่มีการตั้งค่าระบบมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยทำงานบนโปรแกรม Microsoft Exchange Server 2010 มีสมรรถนะรับส่งข้อความระดับองค์กร เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาด สามารถรับส่งข้อความได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ติดตั้งกล่องรับข้อความ (mailbox) ขนาดใหญ่ในราคาประหยัด มีระบบเก็บเอกสาร (archiving) แบบรวมศูนย์ และสามารถเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ทุกชนิดได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังสามารถปรับขยายเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ได้แก่ เครื่องมือ HP Quick Deployment Tool ที่มีสมรรถนะในการตรวจสอบการตั้งค่าระบบ ตลอดจนดูแลและอนุญาตการเข้าใช้ระบบไดเร็คทอรี่ ทำให้การทำงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความสามารถในการทำงานร่วมกันของเครื่องมือการบริหารจัดการต่างๆ อาทิ HP Systems Insight Manager และ Microsoft System Center Operations Manager ตลอดจนระบบสนับสนุนอื่นๆ จะช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการทำงานของโซลูชั่นดังกล่าวอีกด้วย

เพื่อสนับสนุนการให้บริการให้เป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP E5000 Messaging System for Microsoft Exchange Server 2010 มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีฮาร์ดแวร์ที่เป็นแบบ redundant และสนับสนุนเทคโนโลยี Database Availability Groups ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งของโปรแกรม Microsoft Exchange Server 2010 ที่มีการทำสำเนาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

มุ่งให้บริการภายใต้ระบบคลาวด์แบบส่วนตัว (Private Clouds)
นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์เพื่อรองรับการทำงานดังที่กล่าวมาแล้ว เอชพีและไมโครซอฟท์ยังเตรียมส่งผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Database Consolidation Appliance ที่ผนวกรวมฐานข้อมูลจำนวนหลายร้อยหน่วยเข้าไว้ด้วยกันบนสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วลเพียงแห่งเดียว ทำให้ลูกค้ามีโซลูชั่นฐานข้อมูลที่ทำงานบนระบบคลาวด์ส่วนตัว ที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ปรับขยายได้ตามต้องการ และมีความยืดหยุ่นสูง โดยเพิ่มฟังก์ชั่นการควบคุมภายใต้ระบบการทำงานภายในอาคาร

ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Database Consolidation Appliance คือ ฮาร์ดแวร์ที่สมบูรณ์แบบที่มีชุดติดตั้งและปรับแต่งมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยมีขีดความสามารถในการทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีความสามารถในการบริหารจัดการมากขึ้น โดยลูกค้าที่มีทักษะด้านไอทีและต้องการสร้างอุปกรณ์การทำงานด้วยตนเองสามารถนำสมรรถนะการทำงานที่คล้ายคลึงกันของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้เป็นสถาปัตยกรรมอ้างอิงภายใต้คำแนะนำจากเอชพีและไมโครซอฟท์

เร่งให้บริการทางธุรกิจได้เร็วขึ้น
เอชพีและไมโครซอฟท์จะให้บริการสนับสนุนและคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำงานของผลิตภัณฑ์ แอพพลายแอนซ์ที่รองรับแอพพลิเคชั่นแบบผนวก เพื่อให้ลูกค้าเร่งให้บริการทางธุรกิจได้เร็วขึ้น สำหรับพอร์ทโฟลิโอบริการดังกล่าวประกอบด้วย การประเมินผล (assessment) การออกแบบ (design) การทำ POC (proof of concept) และการดำเนินการติดตั้ง (implementation) ตลอดจนการให้บริการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความรู้ความชำนาญของเอชพีและไมโครซอฟท์ทางด้านการพัฒนาโซลูชั่นการจัดการข้อมูล โซลูชั่น business intelligence โซลูชั่นคลังข้อมูลขนาดใหญ่ และโซลูชั่นการรับส่งข้อความ

ความพร้อมในการให้บริการ
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Decision Appliance พร้อมบริการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงจากเอชพีเป็นระยะเวลา 3 ปี มีวางจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของเอชพี/ไมโครซอฟท์ โดยไม่รวมซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ Microsoft SQL Server 2008 R2 และ Microsoft SharePoint 2010 ที่จำหน่ายแยกต่างหาก
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Enterprise Data Warehouse Appliance พร้อมบริการประเมิน ติดตั้ง และเริ่มการใช้งานถึงสถานที่ และบริการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงจากเอชพีเป็นระยะเวลา 3 ปี มีวางจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของเอชพี/ไมโครซอฟท์ โดยไม่รวมซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์Microsoft SQL Server 2008 R2 Parallel Data Warehouse ที่จำหน่ายแยกต่างหาก
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP E5000 Messaging System พร้อมบริการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงจากเอชพีเป็นระยะเวลา 3 ปี มีกำหนดออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมศกนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับแถวหน้าของ เอชพี/ไมโครซอฟท์ โดยไม่รวมซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ Microsoft Exchange Server 2010 ที่จำหน่ายแยกต่างหาก
• ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Business Data Warehouse Appliance คาดว่าจะวางตลาดในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ และผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP Database Consolidation Appliance คาดว่าจะนำออกจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

View :1540
Categories: Press/Release Tags: ,

ไมโครซอฟท์จัดแคมเปญ “Me and My 100% PC” ตอบรับไลฟ์สไตล์และการทำงานของคนยุคใหม่ หนุนคนไทยใช้ซอฟต์แวร์วินโดวส์ 7 ของแท้

December 12th, 2010 No comments

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแคมเปญ “Me and My 100% PC” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์จากการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ หลังวินโดวส์ 7 สร้างสถิติเป็นระบบปฏิบัติการที่มียอดจำหน่ายและเป็นที่นิยมเร็วที่สุดในโลก และหนึ่งปีหลังการเปิดตัวพบว่าร้อยละ 94 ของผู้บริโภคมีความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการให้ความสำคัญกับตลาดรีเทล โดยต้องการสื่อสารและใกล้ชิดกับผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Me and My 100% PC เป็นแคมเปญระดับโลกที่เกิดขึ้นจากการที่ไมโครซอฟท์รับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วโลก จุดเด่นของแคมเปญอยู่ที่การนำเสนอให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้ระบบปฏิบัติการวินโดส์ 7 ของแท้ ที่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งในด้านการทำงานและชีวิตประจำวันของผู้บริโภคยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การช่วยสร้างสรรค์ไอเดียต่างๆ ให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ การปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัยจากไวรัส และความคุ้มค่าในการลงทุน”

แคมเปญ “Me and My 100% PC” มุ่งเน้นผลักดันให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับคุณค่าและประโยชน์ของการใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ลิขสิทธิ์ ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโฆษณาประเภท In-door และสื่อออนไลน์ โดยทำงานร่วมกับ 4 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์วินโดวส์ 7 ของแท้ในงานและอาชีพที่หลากหลาย ได้แก่ ปกรณ์ สันติสุนทรกุล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Dek-D.com แทนธวัช เรืองศร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม แมนชั่น จำกัด ทิชา สุทธิธรรม นักวิเคราะห์และผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ และปิยชัย กรรณสูต Assistance to Senior Executive Vice President บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

นายปกรณ์ สันติสุนทรกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้ง และผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเว็บไซต์ Dek-D.com กล่าวว่า “เว็บไซต์เด็กดีดอทคอมส่งเสริมให้สมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ในขณะเดียวกัน ทางเว็บไซต์เองก็ใช้ซอฟต์แวร์วินโดวส์ 7 ของแท้ ซึ่งเหมาะกับงานสร้างสรรค์และพัฒนาเว็บไซต์เป็นอย่างยิ่ง เพราะใช้งานง่าย มีความเสถียร สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่น พรินต์เตอร์ สแกนเนอร์ ได้ดีมาก นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานได้เร็ว ง่าย และเพลิดเพลินไปกับ Interface ที่ออกแบบอย่างสวยงาม เช่น Themes และ Background ต่างๆ”
นายแทนธวัช เรืองศร ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไพรม แมนชั่น และ โกลเด้น โคสต์ กล่าวว่า “ในการทำธุรกิจ คุณภาพ ฟังก์ชั่น และราคาที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ทำให้ธุรกิจมีเครื่องมือทางธุรกิจที่มีคุณภาพ มีฟังก์ชั่นที่เหมาะสม ในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุน การเลือกใช้วินโดวส์ 7 ลิขสิทธิ์ทำให้ข้อมูลทางธุรกิจของผมปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า”

จากการรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับการตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ พบว่าร้อยละ 70 ยังไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ มากกว่าร้อยละ 70 สนใจจะซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ และมากกว่าร้อยละ 50 ต้องการซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับผู้บริโภคเกี่ยวกับแคมเปญนี้ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จัดกิจกรรมบนสังคมออนไลน์เชื่อ “MS Avatar: 100% Genuinely You” โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถสร้าง Avatar ในแบบฉบับของตนเองกับ 7 ได้ตามสไตล์ที่ต้องการ ทั้งนี้ หนึ่งเดือนหลังจากได้เปิดตัวกิจกรรมนี้ไป ส่งผลให้ 7 มีแฟนบนเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้น 9,000 คน และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม MS Avatar แล้วกว่า 4,000 คน โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ของ 7 ประเทศไทย มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนกว่า 75,000 ครั้ง

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าเพิ่มช่องทางสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านไมโครซอฟท์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ แกลเลอรี่ และไมโครซอฟท์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์ ทั้ง 3 แห่ง โดยมีแผนที่จะเปิดเพิ่มเติมอีกเป็น 10 แห่งภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคสามารถพบกับซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ และแคมเปญ “Me and My 100% PC’ ได้ที่ทั้งที่ไมโครซอฟท์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ หน้าแฟนเพจของ Windows7 ที่ http://www.facebook.com/Windows7ThaiFan และทางเว็บไซต์วินโดวส์ 7 www.windows7thailand.com

View :1708
Categories: Press/Release Tags:

ไมโครซอฟท์เชิญชวนเยาวชนประลองฝีมือออกแบบซอฟต์แวร์กับการแข่งขัน Microsoft Imagine Cup 2011

November 22nd, 2010 No comments

โค้งสุดท้ายก่อนปิดรับสมัคร เพื่อเป็นตัวแทนไทยไปแข่งขันระดับโลกที่สหรัฐอเมริกา
พิเศษเพิ่มสาขาการแข่งขันออกแบบแอพพลิเคชั่นสำหรับวินโดวส์โฟน 7

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญชวนนิสิต นักศึกษาสมัครเข้าแข่งขันโครงการ Imagine Cup 2011 โค้งสุดท้าย ก่อนปิดรับสมัครสาขา Software Design ใน วันที่ 12 ธันวาคม 2553 เพื่อโชว์ความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์และนวัตกรรมระดับโลก ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทุนการศึกษาในระดับประเทศ ก่อนเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในระดับโลกที่เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ชูความคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ และศักยภาพของเด็กไทยไม่แพ้ชาติอื่นใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทีม SKeeK นัก ศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดบนเวทีที่เปรียบเสมือนซอฟต์แวร์โอลิมปิคที่ประเทศ โปแลนด์ ในการแข่งขัน Imagine Cup 2010 และ ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ครองแชมป์ถึง 2 สมัย โดยครั้งแรกที่ไทยได้แชมป์โลก คือในปี 2550 กับทีม 3KC Returns จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

แนวคิดของการแข่งขัน Imagine Cup 20 11 คือ “Imagine a world where technology helps solve the problems facing us today” ซึ่งใช้ต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 4 แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของมนุษยชาติที่จำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้

การแข่งขันในโครงการ Imagine Cup สำหรับนักศึกษาทั่วโลก แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่

* Software Design ( ปิดรับ Proposal วันที่ 12 ธันวาคม 2553 ผู้ชนะระดับประเทศจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา)
* Embedded Development ( ปิดรับวันที่ 9 มกราคม 2554 ส่งผลงานตรงผ่านเว็บไซต์ เพื่อรับคัดเลือกไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา)
* Game Design ( ปิดรับวันที่ 7 มีนาคม 2554 ส่งผลงานตรงผ่านเว็บไซต์ เพื่อรับคัดเลือกไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา)
* Digital Media Multimedia ( ปิดรับวันที่ 7 มีนาคม 2554 ส่งผลงานตรงผ่านเว็บไซต์ เพื่อรับคัดเลือกไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา)
* Phone 7 ( ปิดรับวันที่ 7 มีนาคม 2554 ส่งผลงานตรงผ่านเว็บไซต์ เพื่อรับคัดเลือกไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา)

ส่วน กติกาการสมัครเข้าแข่งขันในปีนี้ ไมโครซอฟท์เปิดรับสมัครให้นักศึกษายื่นข้อเสนอโครงงานได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 12 ธันวาคม 2553 จากนั้นบริษัทฯ จะคัดเลือกโครงร่างผลงานยอดเยี่ยม 10 อันดับเข้าสู่รอบ 10 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 20 ธันวาคม 2553 เพื่อให้นักศึกษานำโครงร่างผลงานไปพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานอย่างเต็ม รูปแบบ ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์จะจัดกิจกรรมเพื่อเสริมทักษะและต่อยอดความรู้ให้แก่ทีมนักศึกษา ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบ 10 ทีมสุดท้าย ระหว่างวันที่ 11 – 31 มกราคม 2554 ด้วย เพื่อให้นักศึกษานำเสนอผลงานในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ส่วนการประกาศผลรางวัลชนะเลิศชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและทุนการศึกษานั้นจะมีขึ้นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554

เพื่อประชาสัมพันธ์การแข่งขัน 2011 ให้ทั่วถึง บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้สร้าง Thailand Imagine Cup Facebook ที่ www.facebook.com/icthai สำหรับ Microsoft Thailand Imagine Cup Alumni เพื่อร่วมสร้างสังคมออนไลน์ที่มีคุณภาพและเป็นเสมือนแหล่งพบปะพูดคุยระหว่างผู้เข้าแข่งขัน ใน แต่ละปี รุ่นพี่ที่เคยเข้าร่วมโครงการในปีที่ผ่านๆ มา เจ้าหน้าที่ไมโครซอฟท์ และผู้ที่สนใจ ในการขอคำปรึกษา คำแนะนำ และพูดคุย ไม่เพียงเฉพาะเกี่ยวกับการแข่งขันเท่านั้น แต่รวมถึงการเรียน การทำกิจกรรมต่างๆ ไปจนถึงการทำงานต่อไปในอนาคต และการต่อยอดซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นของผู้เข้าแข่งขันทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเปิดให้กับบริษัททั่วไปและหน่วยงานที่สนใจ อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุกๆ และน่าสนใจมากมาย โดย ณ วันนี้ Thailand Imagine Cup Facebook มีสมาชิกทั้งสิ้นกว่า 2,000 คน โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับทีมที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นทีมชนะเลิศระดับประเทศในประเภท Software Design จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไมโครซอฟท์จะออกค่าใช้จ่ายตลอดการแข่งขันให้ทั้งหมด พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และที่พักตลอดการแข่งขัน รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท นอกจากนี้ ทีมชนะเลิศยังจะได้รับรางวัลระดับประเทศเป็นเงินสด 100 , 000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โล่รางวัลและประกาศนียบัตรจากบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรองชนะเลิศอันดับหนึ่งและสองจะได้รับรางวัลเงินสด 5 0 , 000 บาท และ 30,000 บาท ตามลำดับ พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตรจากบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย และได้ทำการพัฒนาแอพลิเคชั่นเสนอต่อคณะกรรมการแต่ไม่ได้รับรางวัล 2 ลำดับแรกจะได้รับรางวัลชมเชยมูลค่า 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตรจากบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด

ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน Microsoft Imagine Cup 2011 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ www.microsoft.com/thailand/imaginecup

View :1771