Archive

Posts Tagged ‘tarad.com’

TARAD.com ประกาศความเติบโตครั้งยิ่งใหญ่ในธุรกิจอีคอมเมิรซ์ของประเทศไทย

March 30th, 2012 No comments

ด้วยยอดขายเติบโตสูงถึง 216 เปอร์เซ็นต์(จากการเปรียบเทียบยอดขายของTARAD.com ระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2553 และ สิงหาคม-ธันวาคม 2554) หลังจากบริษัทฯ ปรับกลยุทธ์ตามโมเดลธุรกิจของบริษัทแม่อย่างราคูเท็น ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่อันดับสามของโลก

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง


นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง TARAD.com กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า เกิดจากที่ TARAD.com ให้ความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจการค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วประเทศและทั่วโลก รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านรูปแบบของโมเดลทางธุรกิจแบบ B2B2C หรือ ธุรกิจกับธุรกิจกับผู้บริโภค ซึ่งมีความแตกต่างจากรูปแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยอย่าง B2C หรือ ธุรกิจกับผู้บริโภค และ C2C หรือ ผู้บริโภคกับผู้บริโภค เมื่อมอบอิสระให้แก่ผู้ประกอบการในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าตามหลักของราคูเท็น ส่งผลให้ช่องทางการค้ารูปแบบใหม่จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ สำหรับผู้ที่ต้องเพิ่มยอดขายและสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์และสินค้า

TARAD.com ได้นำกลยุทธ์ตามแบบราคูเท็นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตลาดประเทศไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการ โดยจำนวนผู้ประกอบการใน TARAD.com ได้เพิ่มขึ้นกว่า 110 เปอร์เซ็นต์ (จากการเปรียบเทียบจำนวนผู้ประกอบการในTARAD.com ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2553 และ มกราคม-ธันวาคม 2554) ส่วนยอดขายเติบโตสูงถึง 216 เปอร์เซ็นต์ (จากการเปรียบเทียบยอดขายของTARAD.com ระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2553 และ สิงหาคม-ธันวาคม 2554)

โดย TARAD.com ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกรายอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการบริการที่ได้มาตรฐานตามแบบฉบับญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “omotenashi” (“โอโมเทนาชิ” คือการบริการจากใจตามแบบญี่ปุ่น) โดยเป้าหมายของ TARAD คือการที่ผู้ประกอบการทุกรายสามารถมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำและเกินความคาดหวังให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ TARAD.com ได้นำระบบสะสมแต้ม Super Points program (โปรแกรมซุเปอร์พ้อยท์) ของราคูเท็นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งมาใช้ภายใต้ชื่อ TARAD Super Point (ตลาดซุเปอร์พ้อยท์) ซึ่งมอบสิทธิให้ลูกค้าสะสมแต้มจากการซื้อสินค้าเพื่อใช้แทนเงินในการชำระครั้งต่อไป

สำหรับ ราคูเท็น บริษัทค้าปลีกออนไลน์จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้บริษัทแม่ของ TARAD.com() มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากบริษัทอีคอมเมิร์ซอื่นๆนั่นคือ โมเดลธุรกิจแบบ B2B2C หรือ บริษัทกับบริษัทกับผู้บริโภค โดยราคูเท็นยึดมั่นในการให้อำนาจแก่ผู้ประกอบการที่เป็นเสมือนพันธมิตรทางธุรกิจให้มีอิสระในการใช้พื้นที่เว็บไซต์เพื่อการประกอบธุรกิจของตน นอกจากนั้น ราคูเท็น ยังช่วยผู้ประกอบการด้วยวิธีอันหลากหลาย เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมากที่สุด เช่น จัดอบรมหลักการเนินธุรกิจออนไลน์โดย Rakuten University (มหาวิทยาลัยราคูเท็น) และการสร้างเครือข่ายผู้ให้คำปรึกษาเฉพาะทางหรือ ECC ที่ย่อมาจาก consultants ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการสร้างผลงานที่ดีที่สุด

View :2053

TARAD.com จับมือไอเน็ตโชว์เทคโนโลยีผ่าน IPv6แห่งแรกของไทย

June 10th, 2011 No comments

และไอเน็ต เข้าร่วมทดสอบการเปิดให้บริการ การใช้งานผ่านเทคโนโลยี โดยเป็นเว็บเชิงพาณิขย์แห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดให้บริการ และเป็นเว็บไซต์ไทยเพียงเว็บเดียวที่เข้าร่วม World Day จากทั่วโลก โดยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการทดสอบเพื่อแสดงถึงความพร้อมของนำเทคโนโลยี ที่สามารถใช้งานได้จริงในเชิงธุรกิจของไทย และพร้อมรับมือกับสถาณการณ์ IPv4 ที่กำลังจะหมดจากโลกและประเทศไทยในเร็ววันนี้

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาด ดอท คอม ผู้ให้บริการเว็บไซต์ www.TARAD.com กล่าวว่า เนื่องจากสถาณะการณ์ในปัจจุบันจำนวน IPv4 ที่มีรูปแบบลักษณะเป็นกลุ่มตัวเลขอยู่ 4 ชุด แต่ละชุดขั้นด้วยจุด มาจากเลขฐานสอง(มีเลข 1 กับเลข 0เท่านั้น) จำนวน 32 บิท ตัวอย่างเช่น 192.0.2.3 เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ตทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ทำให้การใช้ IPv4 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยประเทศไทยได้รับจัดสรร IPv4ประมาณ 1,800,000 เลขหมาย กำลังจะถูกใช้หมดไปในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้หลายๆ องค์กรต่างๆ เริ่มให้ความสนใจกับเทคโนโลยี  IPv6 โดย IPv6 จะมีจำนวน 128 บิต ทำให้งจำนวนของIPv6 มีมากกว่า IPv4 ถึง 2 ยกกำลัง 96 เท่า

ที่ผ่านมา ยังไม่มีภาคเอกชนในภาคธุรกิจสนใจ การนำ IPv6 มาใช้เท่าไร เพราะยังไม่เห็นความจำเป็นถึงการนำมาใช้ อีกทั้งทางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของไทย (ISP) หลายๆ แห่งก็ยังไม่เปิดให้บริการ IPv6 เพราะต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังไม่มีความต้องการจากภาคกลุ่มธุรกิจเท่าไร ทำให้การนำเทคโนโลยี IPv6 มาใช้ในเชิงพาณิชย์ของประเทศไทย ดูจะยังไม่ตื่นตัวและเติบโตมากนัก ทั้งๆที่ จำนวน IPv4 กำลังจะหมดไปอย่างรวดเร็ว ทางTARAD.com ผู้ให้บริการเว็บไซต์ด้านการค้าขายออนไลน์ จึงได้ร่วมกับทาง บริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย () ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เปิดทดสอบบริการ IPv6 ในเชิงพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทย ผ่าน http://IPv6.tarad.com และในวันที่ 8 มิถุนายน ตลอด 24 ชั่วโมง จะเปิดให้ใช้งานผ่าน www.TARAD.com ผ่าน IPv6 ได้อีกด้วย เพื่อแสดงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ และกระตุ้นให้ภาคธุรกิจอื่นๆ รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เห็นถึงความสำคัญของการนำIPv6 มาใช้  และยังได้เข้าร่วมกับ งาน World IPv6 Day ที่จัดขึ้นทั่วโลกโดยจะเปิดตัวในวันพุธที่ 8 มิถุนายน 2554 นี้ โดยเป็นเว็บไซต์จากประเทศไทยเพียงเว็บไซต์เดียว ที่มีชื่ออยู่เป็นทางการในการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีความพร้อมทางด้าน IPv6 จากทั่วโลก สามารถดูได้รายชื่อเว็บไซต์ที่เข้าร่วมได้ที่ www.worldipv6day.org/participant-websites นายภาวุธุ กล่าว

ทาง TARAD.com ได้ร่วมมือกับทางไอเน็ต (่บริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย) ในการทดสอบการสร้างเน็ตเวิรก์โครงข่าย IPv6 พิเศษขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่มีความพร้อมในการเข้าถึง IPv6สามารถทดสอบเข้าผ่าน http://IPv6.tarad.com ได้ โดยเมื่อเข้าผ่าน URL นี้แล้วทางระบบจะส่งIPv6  ให้กับคุณ โดยคุณสามารถมีประสบการณ์และเห็นว่า IPv6 ของคุณคือหมายเลขอะไร และยังสามารถทดสอบได้ว่าอินเทอร์เน็ตที่คุณใช้งานอยู่ รองรับ IPv6 ได้หรือไม่ผ่าน URL นี้

การเปิดตัวทดสอบ IPv6 ของทาง TARAD.com และ ไอเน็ต จะเป็นการกระตุ้นและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของภาคเอกชนทั้งผู้ให้บริการเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ต ในการนำ IPv6 มาใข้จริงๆ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในเชิงพาณิชย์ และแสดงถึงศักยภาพของกอุตสหกรรมอินเทอร์เน็ตประเทศไทยในเวทีระดับโลกผ่าน World IPv6 Day (www.WorldIPv6day.org)

View :1547
Categories: Internet, Press/Release Tags: , ,

TARAD.com เปิดช่องทางบริจาคเงินออนไลน์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น

March 18th, 2011 No comments

เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตเพื่อนำเงินไปสมทบทุนกับสภากาชาดญี่ปุ่นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น โดยทุกยอดเงินในการบริจาคจะไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยนาย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เปิดเผยว่า “โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องมาจาก หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขั้นรุนแรงในประเทศญี่ปุ่น เราจะเห็นได้ว่ามีกำลังใจและยอดบริจาคมากมายจากทั่วโลกที่คอยส่งไปช่วยเหลือชาวญี่ปุ่น แต่ก็มีอีกหลายๆคนที่อยากจะช่วยบริจาค แต่ไม่มีเวลาหรือไม่รู้ว่าจะไปบริจาคกับหน่วยงานไหน หรือไม่สะดวกในการเดินทาง ดังนั้นเราจึงเปิดช่องทางบริจาคเงินทางออนไลน์ขึ้นเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้คนไทยร่วมบริจาคเงินได้ง่ายขึ้น โดยยอดเงินบริจาคทั้งหมดจะเข้าสู่สภากาชาดของประเทศญี่ปุ่นโดยผ่านบริษัท ราคุเท็น”
ทางด้านของนาย นาโอโตะ โอซาดะ รองประธานบริษัทด้านการปฏิบัติการ บริษัท TARAD.com ได้กล่าวว่า “แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด สูญเสียมากที่สุด แต่ก็ต้องขอขอบคุณคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนไทย สำหรับกำลังใจและยอดบริจาคที่เข้ามา ซึ่งหลังจาก TARAD.com เปิดช่องทางออนไลน์เพื่อรับเงินบริจาคเพียง 2 วัน ตอนนี้มียอดบริจาคอย่างมากมาย ทั้งจากชาวไทย และชาวต่างประเทศ ซึ่งสิ่งที่เราได้รับไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่เป็นเป็นกำลังใจที่ทำให้ประเทศเราลุกขึ้นยืนและก้าวต่อไปข้างหน้าได้อีกครั้ง”
 
และสำหรับประชาชนท่านใดที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคเงินทางออนไลน์เพื่อช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่น ท่านสามารถร่วมบริจาคตามกำลังศรัทธา ผ่านทาง VISA, PayPal, Master Card และ Paysbuy ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2554 เวลา 23.59 น. ที่http://premium.tarad.com/landingpage/donationโดยทุกยอดเงินในการบริจาคจะไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งทุกท่านสามารถเช็ครายชื่อผู้บริจาคและยอดบริจาคได้ใน link เดียวกันนี้

View :1422

ผู้ประกอบการไทยได้เฮ เมื่อ TARAD.com ส่งสินค้าไทยออกไปรุกฆาตตลาดโลก

March 13th, 2011 No comments

จากการร่วมมือกันของ , Rakuten group, กรมส่งเสริมการส่งออก และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2554 ทำให้เกิดกิจกรรมที่เป็นผลประโยชน์ต่อธุรกิจ sme ในประเทศไทย ซึ่งได้จัดโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ sme โดยมีจุดมุ่งหมาย ให้ผู้ประกอบการชาวไทยสามารถค้าขายได้กับทั่วโลก โดยเปิดพื้นที่บนเว็บไซต์  เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้ามาเปิดร้านค้าออนไลน์โดยที่ทาง  จะคัดเลือกร้านค้าที่มีศักยภาพสูงพอที่จะทำการค้าขายกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งร้านค้าที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับสิทธิประโยนช์มากมายรวมไปถึงสัมนา work shop ฟรีเพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งสินค้าออกสู่ต่างประเทศซึ่งผลที่จะได้รับตามมาคือการดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศไทยในขณะเดียวกันก็สามารถเติบโตในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน โดยคุณ โทชิยะ มัตซึโอะ CEO ของบริษัท  ได้เปิดเผยว่า “ปัจจุบันธุรกิจ sme ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งภาระจะตกอยู่กับผู้ประกอบการ แต่ในขณะเดียวกันตัวเลขการส่งออกของธุรกิจ sme ในประเทศไทยมีการขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวขึ้นถึง 19.2 % ดังนั้นเราจึงเล็งเห็นโอกาสที่จะช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการsme ในประเทศไทยได้ขยายตลาดไปสู่ทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีโครงการนำสินค้าจากญี่ปุ่นส่งมาขายที่เมืองไทยและประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่ครั้งนี้เราจะนำสินค้าไทยส่งขายไปยังต่างประเทศทั่วโลกและเชื่อว่าการขยายตลาดสำหรับผู้ประกอบการ sme ในครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งจะผลักดันธุรกิจ sme ไทยให้ก้าวเข้าไปสู่ระดับโลกได้ในไม่ช้า เนื่องจากเรามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น(JETRO) และ กรมส่งเสริมการส่งออก(DEP) ที่คอยสนับสนุน”
นอกจากนี้ TARAD.com ยังมีการจัดสัมนาฟรีในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2554 ณ. โรงแรมเรอเมอร์ริเดียน เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. -18.00 น. โดยเนื้อหาเกี่ยวกับแนวโน้มและผลประโยชน์ในธุรกิจ sme ในอนาคตเมื่อก้าวไปสู่ระดับโลก ซึ่งผู้ประกอบการ sme ท่านใดที่สนใจก็สามารถเข้าร่วมฟังสัมนาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด        

View :1491
Categories: Press/Release Tags:

พฤติกรรมการซื้อคนไทยเริ่มเปลี่ยน ตลาดดอทคอมเผยการค้าออนไลน์โตทะยานแตะ 1,000%

January 4th, 2011 No comments

เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์แนวหน้าของเมืองไทย เปิดเผยตัวเลขการเติบโตของวงการการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิรซ์ ของทางเว็บไซต์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยโมเดลการค้าพรีเมี่ยมมอลล์ หรือ ห้างสรรพสินค้าออนไลน์รูปแบบใหม่เติบโตขึ้นเกือบ 1,000% หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา สินค้าแฟชั่น, นาฬิกาและคอมพิวเตอร์ คือสินค้าขายดี โดดเด่นบนโลกออนไลน์ โดยบัตรเครดิตกลายเป็นช่องทางที่คนนิยมชำระเงินผ่านทางออนไลน์มากที่สุดในขณะนี้ สอดคล้องกับตัวเลขผลสำรวจของทาง เนคเทคพบคนไทยนิยมช๊อปออนไลน์ 57.2% เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมคนไทย เปลี่ยนมาซื้อออนไลน์มากขึ้น และผู้ประกอบการเริ่มหันมาค้าขายผ่านช่องทางนี้มากขึ้นเช่นกัน

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากการร่วมกับทาง บริษัท ราคุเท็น (Rakuten.co.jo) ยักษ์ใหญ่ อีคอมเมิรซ์อันดับ 1 จากญี่ปุ่น ทาง TARAD.com ก็ได้มีการปรับเพิ่มโมเดลการค้าขายออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “พรีเมี่ยมมอลล์” ที่เอื้ออำนวยความสะดวกแก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย “โดยหลังจากได้เปิดบริการมาให้ประมาณ 1 ปี พบว่า ตัวเลขยอดขายและการเติบโตเกือบ 1,000% หลายๆ ร้านค้าที่เข้ามาเปิดร้านขายกับพรีเมี่ยมมอลล์สามารถเพิ่มยอดขายได้หลายร้อยเปอร์เซนต์ ภายในไม่กี่เดือน” ภาวุธกล่าว โดยหมวดหมู่สินค้าที่ขายดีได้แก่ 1. เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น 2. นาฬิกาและจิวเวลลี่ 3. คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ 4. โทรศัพท์มือถือ และ 5. วีดีโอเกมส์

สิ่งทีน่าสนใจที่สุดคือ พฤติกรรมของผู้ซื้อเริ่มเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนการซื้อของออนไลน์ส่วนใหญ่เกือบ 80-90% จะเป็นการจ่ายเงินด้วยวิธีการโอนเงินผ่าน เอทีเอ็ม (ATM) แต่หลังจากระบบ พรีเมี่ยมมอลล์เปิดตัวพบว่าผู้ซื้อนิยมชำระเงินผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์คนไทย ที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตาม “แผนการปฏิวัติวงการอีคอมเมิรซ์ไทย” ที่ได้วางเอาไว้ นอกจากนี้ยังพบว่า การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เกือบ 70% เป็นผู้สั่งที่มาจากต่างจังหวัดเป็นหลัก แสดงให้เห็นถึงความต้องการของคนไทยในจังหวัดอื่นๆ เริ่มมีความพร้อมและพฤติกรรมการซื้อของเริ่มเปลี่ยนไปซื้อของทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่า จังหวัดชลบุรี, เชียงใหม่, สงขลา, นครราชสีมา และ ขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีการสี่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มากที่สุดเรียงลำดับ

จากแนวโน้มทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นว่าการเติบโตของการซื้อของบนโลกออนไลน์ของ TARAD.com เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีมาก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจประชากรเน็ตของไทยปี’53 ของเนทเทคพบว่า คนไทยเคยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากปี 2552 มี 45.9% แต่ปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 57.2% แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป “ในปี 54 จะเป็นปีที่ธุรกิจที่เข้าสู่การค้าออนไลน์อีคอมเมิรซ์จะเพิ่มมากขึ้น และเริ่มขยับและปรับตัวจากเว็บไซต์ในรูปแบบแค็ตตาล๊อกแสดงภาพและข้อมูลธรรมดาๆ เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นเว็บไซต์ที่สามารถค้าขายและชำระเงินออนไลน์อย่างบัตรเครดิตได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ได้ทันที”

สำหรับอนาคตการซื้อขายทางออนไลน์ของปี 2554 แนวโน้มของโซเชี่ยลคอมเมิรซ์ หรือการค้าขายผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียกำลังจะมาแรง และจะเป็นช่องทางที่จะช่วยทำให้การค้าบนโลกออนไลน์เป็นไปได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มเข้ามาบทบาทกับการซื้อขายสินค้าของคนไทยที่ใช้บริการโซเชียลมีเดีย อย่าง เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ และจะเติบโตขึ้นอย่างไปพร้อมๆ กับตัวเลขการขยายตัวของคนไทยที่ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งตอนนี้คนไทยใช้เฟสบุ๊กเกือบ 7 ล้านคนหรือประมาณ 10% ของประชากรประเทศไทย ภาวุธกล่าว

View :1657

“ตลาด” ผนึกกำลัง “ราคุเท็น” ยกห้างญี่ปุ่นมาไว้ที่เมืองไทย ไม่ต้องบินไปไกลเพื่อช้อป

November 30th, 2010 No comments

ตลาด ดอท คอม และ ราคุเท็น ผู้นำอันดับ 1 ทางด้าน ของไทยและญี่ปุ่น ผนึกกำลังเปิดแคมเปญใหญ่รับสิ้นปี โดยดึงสินค้าจาก ราคุเท็น ประเทศญี่ปุ่น มาให้คนไทยได้ช้อปกันอย่างจุใจโดยไม่ต้องบินไปไกลถึงแดนปลาดิบ เพราะเพียงแค่เข้าเว็บ พรีเมี่ยมมอลล์ของ ตลาด ดอท คอม ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าของ ราคุเท็น จากญี่ปุ่นได้ง่ายๆ

โดยหัวเรือใหญ่ในครั้งนี้คือ คุณ Toshiya Matsuo และ คุณ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO และ Manager Director ของบริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด ทั้งนี้คุณ ภาวุธ เปิดเผยว่า “ปัจจุบันคนไทยนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นมูลค่าสูงถึง 5ล้านล้าน บาท โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสินค้าแฟชั่น และหลังจากที่ ตลาด ดอท คอม กับ ราคุเท็น ร่วมทุนกันแล้ว ก็เป็นเหมือนก้าวแรกของการเชื่อมโยงชาวไทยเข้าไปสู่ตลาดโลกผ่านทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ เนื่องจากสถิติในปีที่ผ่านมา คนไทยจำนวนถึง 46.3% ยังไม่มั่นใจกับการซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต แคมเปญนี้เราจึงทำให้ชาวไทยที่ชื่นชอบสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นได้อย่างมั่นใจผ่านทางเว็บพรีเมี่ยมมอลล์ เพียงคลิกเข้ามาที่เว็บ แล้วพิมพ์ชื่อสินค้า เช่น แฟชั่น, ของเล่น, IPhone, นินเท็นโด ฯลฯ ก็จะเห็นในส่วนของสินค้าจาก ราคุเท็น ญี่ปุ่น ซึ่งราคาสินค้าจะถูกแปลงเป็นค่าเงินบาทเรียบร้อยแล้วและในส่วนของค่าจัดส่งก็ไม่แพงอย่างที่คิด บางร้านถึงขนาดจัดส่งฟรี! ทำให้ลูกค้าได้ผลประโยชน์ล้วนๆ”

ในขณะเดียวกัน ทางตลาด ดอท คอม ก็ได้เตรียมแผนการผลักดันร้านค้า e- commerce ของไทยเพื่อขยายตลาดเข้าสู่ระดับโลกด้วยเช่นกัน

“ด้วยศักยภาพของ ตลาด ดอท คอม และ ราคุเท็น เราจึงได้ชื่อว่าเป็นรายแรกของประเทศไทยที่สามารถเชื่อมโยงการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และนี่ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ตลาดโลก เพราะในอนาคตนี้เราเตรียมพร้อมที่จะทำการตลาดรูปแบบใหม่เพื่อทำให้สินค้าของไทยไปบุกต่างประเทศ เนื่องจากสถิติในปีที่ผ่านมา ตลาดของธุรกิจ e-commerce เป็นตลาดในประเทศถึงประมาณร้อยละ 85.9 ของมูลค่าการขายทั้งหมด ซึ่งในส่วนของตลาดที่ส่งขายต่างประเทศมีเพียงประมาณร้อยละ 14.1 ดังนั้น พื้นที่ธุรกิจ e- commerce ในตลาดต่างประเทศสำหรับคนไทยยังสามารถเจริญเติบโตได้อย่างที่เราตั้งเป้าหมายไว้แน่นอน” คุณภาวุธ กล่าวทิ้งท้าย

View :1613
Categories: Press/Release Tags: