Archive

Author Archive

ดีแทค – ซัมซุง จับมือโปรโมต Samsung Galaxy Note 8.0 และ Samsung Galaxy S4

May 3rd, 2013 No comments

dtac_Samsung Galaxy S4_1595OOrz
ด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตคุ้มค่าบนเครือข่ายใหม่ รับส่วนลดรายเดือนสูงสุด 8,280 บาท

3 พฤษภาคม 2556 – ดีแทคและซัมซุงร่วมมือกันโปรโมตแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด Samsung Galaxy Note 8.0 และ Samsung Galaxy S4 ที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ มอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดบนเครือข่ายดีแทคด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตคุ้มค่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Samsung Galaxy S4 รับสิทธิ์สมัครแพ็กเกจสมาร์ทโฟน เพียง 539 บาทจากราคาปกติ 999 บาท รับส่วนลดรายเดือนสูงสุด 8,280 บาท ใช้งานอินเทอร์เน็ตบน 3G/Edge ได้ไม่จำกัดด้วยความเร็ว 3G สูงสุด 2GB โทรฟรีทุกเครือข่าย 550 นาที พิเศษพร้อมแพ็กเกจ dtac Deezer ให้ฟังเพลงได้ไม่จำกัด 20 ล้านเพลงทั่วโลก ใช้งานได้นาน 18 เดือน

และสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Samsung Galaxy Note 8.0 สามารถเลือกแพ็กเกจใช้งานได้อย่างจุใจจากแพ็กเกจยอดนิยม 2 แพ็กเกจประกอบด้วยแพ็กเกจที่เหมาะสำหรับลูกค้าโทรและเน็ต แพ็กเกจสมาร์ทโฟน 539 บาทจากราคาปกติ 999 บาท และ แพ็กเกจสำหรับเล่นเน็ตโดยเฉพาะ แพ็กเกจแอร์การ์ดแท็บเล็ต 199 บาท รับส่วนลดรายเดือนสูงสุด 2,400 บาท จากปกติ 399 บาท ใช้งาน 3G/Edge ได้ไม่จำกัด ความเร็ว 3G สูงสุด 1GB ใช้งานได้นาน 12 เดือน

พิเศษ ลูกค้าที่ซื้อ Samsung Galaxy Note 8.0 ราคา 15,200 บาท หรือ Samsung Galaxy S4 ราคา 21,900 บาท ที่ดีแทครับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 6เดือน และผ่อน 0% นาน 10 เดือนตามลำดับ ทั้งสองรายการรับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งรับสิทธิ์รับประกันเครื่องสมาร์ทโฟนจากดีแทคนานขึ้นถึง 15 เดือน

ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.dtac.co.th หรือดูข้อมูล Samsung Galaxy Note 8.0 และ Samsung Galaxy S4 ได้ที่ www.samsung.com

View :1433
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคปลื้มติดโผบริษัทมหาชนรายใหญ่ของโลกจากการจัดอันดับล่าสุดโดยฟอร์บส์

May 2nd, 2013 No comments

30 เมษายน 2556 – บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคภูมิใจติดรายชื่อ 1 ใน 16 บริษัทไทยจากการที่นิตยสารฟอร์บส์ประกาศรายชื่อบริษัทมหาชนรายใหญ่ของโลก 2,000 บริษัท โดยนิตยสารฟอร์บส์ ทำการจัดอันดับบริษัทมหาชนรายใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2012 ที่ผ่านมาและมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ฟอร์บส์

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็น 1 ในรายชื่อบริษัทมหาชนรายใหญ่ของโลก 2,000 บริษัท หรือ The World’s Biggest Public Companies และเป็น 1 ใน 16 บริษัทไทยประจำปีนี้จากการประกาศอันดับประจำปีของฟอร์บส์ โกลบอล 2000 บริษัทชั้นนำ จากนิตยสารฟอร์บส์ ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินชื่อดังในสหรัฐอเมริกาและการจัดอันดับประจำปีประเภทต่างๆ ที่สนใจกันทั่วโลก

ทั้งนี้นิตยสารฟอร์บส์ได้มีเกณฑ์การตัดสินและพิจารณาจัดอันดับบริษัทมหาชนทั่วโลกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากมูลค่าตลาดทั้งหมดทุกบริษัทโดยคำนวณเป็นเงินสกกุลดอลลาห์สหรัฐอเมริกา (USD) ดรรชนีวัดยอดขาย กำไรสุทธิ สินทรัพย์ และมูลค่าตลาด เป็นต้น และประกาศการจัดอันดับทางเว็บไซต์ www.forbes.com/global2000/

นายจอน กล่าวต่อไปว่า “ดีแทคได้ประสบความสำเร็จในปี 2555 โดยบริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของกำไรสุทธิ ยอดลูกค้าใหม่ในระบบเพิ่มขึ้น โดยดีแทค มีรายได้รวมทั้งสิ้น 8.95 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 13.0 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) โดยเรายังได้เสร็จสิ้นการยกระดับโครงข่ายทั่วประเทศ รวมทั้งการขยายโครงข่าย 3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz และในเวลาเดียวกัน รายได้ของบริษัท ฯ ยังสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านธุรกิจบริการเสริม การเติบโตในธุรกิจข้อมูลอินเทอร์เน็ต และการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าใหม่เป็นอย่างมาก”

โดยไตรมาสแรกของปี 2556 นั้น ดีแทคมีรายได้จากการดำเนินงาน รวมทั้งสิ้น 23.9 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับปีที่แล้ว (YoY) รายได้จากการให้บริการเติบโตสูงถึงร้อยละ 9.1 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและร้อยละ 2.6 จากไตรมาสก่อน

“สำหรับปี 2556 นี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นในปรัชญาลูกค้าคือศูนย์กลาง หรือ customer centricity เพื่อนำความพอใจสูงสุด และประสบการณ์ที่ดีที่สุดมาสู่ลูกค้า นอกจากนี้ แผนลงทุนของดีแทคในปี 2556-2558 เท่ากับ 3.4 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ที่ครอบคลุมประชากรได้ร้อยละ 80 ภายในปี 2558 ซึ่งเร็วกว่าข้อกำหนดของ กสทช. ถึง 1 ปี และเมื่อเริ่มให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ดีแทคจะเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินการบน 3 เครือข่าย ได้แก่ 1800MHz 850 MHz และ 2.1GHz ทำให้เราเป็นผู้ประกอบการที่มีแบนด์วิธกว้างที่สุด สนับสนุนการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดีและรองรับการใช้งานของโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้หลากหลายที่สุด โดยเราคาดว่าจะเริ่มให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ภายในไตรมาส 2 ของปี 2556” นายจอน กล่าวในที่สุด

View :1256
Categories: Press/Release Tags:

เอคเซนเชอร์ แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยคนใหม่

April 27th, 2013 No comments

กรุงเทพฯ 25 เมษายน 2556 – เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย บริษัทให้คำปรึกษาระดับโลกด้านการจัดการการบริหารเทคโนโลยี และบริการเอาท์ซอร์ส ประกาศแต่งตั้งนายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยคนใหม่ ทั้งนี้ นายนนทวัฒน์ได้เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวแทน นายอรพงศ์ เทียนเงิน ซึ่งได้ลาออกไปร่วมงานกับรัฐบาลไทย

นายอรพงศ์ เทียนเงิน

นายอรพงศ์ เทียนเงิน


นายนนทวัฒน์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสเสริมสร้างสัมพันธภาพระหว่างเอคเซนเชอร์และลูกค้าในไทยให้มีความแข็งแกร่งและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยจะร่วมมือกับลูกค้าพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการทำธุรกิจของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพและสามารถรับมือกับโจทย์ความท้าทายระดับโลกต่างๆได้อย่างดียิ่งขึ้น เช่น ระบบโลกาภิวัฒน์ การผนวกรวมระบบการดำเนินงาน การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎระเบียบข้อบังคับ และการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างครอบคลุมกว้างขวางมากขึ้น เอคเซนเชอร์มีทีมงานระดับมืออาชีพที่เปี่ยมคุณภาพ ทั้งยังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างหลากหลาย และมีความเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นเหล่านี้ จะเป็นพลังที่หนุนเสริมให้เอคเซนเชอร์สามารถดำเนินงานได้อย่างโดดเด่นและมีแต้มต่อเหนือคู่แข่งขันได้ตรงตามกลยุทธ์ที่วางไว้”

นายนนทวัฒน์เข้าร่วมงานกับเอคเซนเชอร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการบริหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาธุรกิจ การให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชั่นให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ได้แก่ การเงินการธนาคาร การสื่อสาร สื่อและเทคโนโลยี และการจัดการทรัพยากร รวมเป็นระยะเวลากว่า 18 ปี นอกจากนี้ นายนนทวัฒน์ยังมีความชำนาญเป็นพิเศษด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management: CRM) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะเชิงธุรกิจ (Business Intelligence)

ที่ผ่านมา นายนนทวัฒน์เคยดูแลและรับผิดชอบโครงการพัฒนาและปฏิรูประบบธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนให้แก่องค์กรธุรกิจชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย ทั้งยังเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ประจำภาคพื้นอาเซียนของเอคเซนเชอร์ โดยดูแลด้านการปฏิรูประบบ CRM ให้แก่บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้การปรับเปลี่ยนระบบดังกล่าวให้เป็นไปอย่างราบรื่น

นายนนทวัฒน์เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในภาคธุรกิจไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ร่วมงานกับเอคเซนเชอร์ นายนนทวัฒน์ได้บุกเบิกเสริมสร้างสัมพันธภาพกับลูกค้าในตลาดใหม่ๆ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาและบริการเพื่อให้ลูกค้าประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

นายนนทวัฒน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโทสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน (George Washington University) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับเอคเซนเชอร์
เอคเซนเชอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ การบริหารเทคโนโลยีและบริการเอาท์ซอร์สชั้นนำของโลก และด้วยประสบการณ์ การทำงานอย่างลึกซึ้ง ผนวกกับศักยภาพที่สมบูรณ์แบบในทุกภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ รวมทั้งการมีผลงานวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทชั้นนำของโลก ทำให้เอคเซนเชอร์สามารถร่วมมือกับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการพัฒนาและยกระดับองค์กรของลูกค้าให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและมีสมรรถภาพสูงสุด ปัจจุบัน มีพนักงานมากกว่า 261,000 คน ใน 120 ประเทศ และมีรายได้สุทธิ 27,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.accenture.com

View :3698
Categories: Technology Tags:

ดีแทคประกาศผลประกอบการแข็งแกร่งและจุดเด่นในไตรมาสแรก ปี 2556

April 27th, 2013 No comments

25 เมษายน 2556 – บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค มีรายได้จากการดำเนินงานสำหรับในไตรมาสแรกของปี 2556 รวมทั้งสิ้น 23.9 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับปีที่แล้ว (YoY) รายได้จากการให้บริการเติบโตสูงถึงร้อยละ 9.1 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและร้อยละ 2.6 จากไตรมาสก่อน

สำหรับรายได้จากบริการเสริม เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2556 ถึงร้อยละ 12.8 จากไตรมาสก่อนและร้อยละ 49.6 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 5 พันล้านบาท แรงขับเคลื่อนหลักของรายได้จากบริการเสริมยังคงเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายที่เติบโตต่อเนื่อง ร้อยละ 84.7 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและร้อยละ 18.2 จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากความนิยมในสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ที่ยังคงมีสูงต่อเนื่องและการขยายพื้นที่ให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 850MHz ดีแทคมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์การใช้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายที่มีคุณภาพ

EBITDA สำหรับไตรมาสแรกปี 2556 เท่ากับ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 10.7 จากไตรมาสก่อนและร้อยละ 10.3 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน EBITDA margin เพิ่มขึ้นสู่ร้อยละ 31.2 ปรับตัวดีขึ้น 3.5 จุดจากไตรมาสก่อน จากต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงจากปัจจัยฤดูกาลและสัดส่วนของยอดขายเครื่องโทรศัพท์ที่มีอัตรากำไรต่ำได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในไตรมาสนี้ กำไรสุทธิสำหรับงวดเท่ากับ 3.0 พันล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 17.7 จากไตรมาสก่อน

ในไตรมาสนี้ ดีแทคได้ปรับเพิ่มประมาณการเงินลงทุนสำหรับปี 2556 จากไม่น้อยกว่า 8 พันล้านบาท เป็นไม่น้อยกว่า 12.5 พันล้านบาท เพื่อให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz สามารถครอบคลุมประชากรร้อยละ 30 ได้ภายในสิ้นปี ทั้งนี้ ดีแทคมุ่งมั่นที่จะเริ่มให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ในไตรมาส 2 ปี 2556

ในส่วนผู้ใช้บริการสมาร์ทโฟนต่อผู้ใช้บริการทั้งหมดของดีแทคเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งสู่ร้อยละ 23.1 จากร้อยละ 16.6 ในไตรมาสแรกปี 2555 ด้วยแรงสนับสนุนจากราคาสมาร์ทโฟนที่ลดลงในตลาด การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการที่เกี่ยวกับบริการข้อมูลดังกล่าวส่งผลดีให้กับดีแทคทั้งในการเติบโตของรายได้บริการอินเทอร์เน็ตและการย้ายลูกค้าสู่ระบบ 3G 2.1GHz ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าแผนลงทุนของดีแทคในปี 2556-2558 เท่ากับ 3.4 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ที่ครอบคลุมประชากรได้ร้อยละ 80 ภายในปี 2558 ซึ่งเร็วกว่าข้อกำหนดของ กสทช. ถึง 1 ปี ขณะที่เราดำเนินการเพื่อให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ลูกค้าของดีแทคจะยังคงได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเครือข่ายปัจจุบันของเรา ซึ่งคือเครือข่าย 2G ที่เพิ่งยกระดับเสร็จสิ้นและเครือข่าย 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 850MHz ที่มีสถานีฐานกว่า 5,200 และเมื่อเริ่มให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ดีแทคจะเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินการบน 3 เครือข่าย ได้แก่ 1800MHz 850 MHz และ 2.1GHz ทำให้เราเป็นผู้ประกอบการที่มีแบนด์วิธกว้างที่สุด สนับสนุนการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดีและรองรับการใช้งานของโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้หลากหลายที่สุด โดยเราคาดว่าจะเริ่มให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1GHz ภายในไตรมาส 2 ของปี 2556

View :1468
Categories: 3G Tags:

เอไอเอส เผยโฉมนวัตกรรม AIS Small Cell เติมเต็มทุกพื้นที่ตรอก ซอก ซอย อีก 1 ความพร้อมด้านเครือข่าย AIS 3G 2100 MHz

April 25th, 2013 No comments

small cell_1

25 เมษายน 2556: เอไอเอสยืนยันอีก 1 ความพร้อมด้านเครือข่าย เผยโฉม AIS Small Cell นวัตกรรมจากทีมวิศวกรเอไอเอสที่นำเข้ามาใช้ผสมผสานในการขยายเครือข่าย เติมเต็มให้ทุกพื้นที่การใช้งาน โดยเฉพาะตรอก ซอกซอยเล็กๆ ในชุมชน หรือ พื้นที่ซึ่งมีลูกค้าใช้งานหนาแน่น เต็มเปี่ยม อัดแน่นด้วยคุณภาพสัญญาณเต็มร้อย โดยเริ่มทยอยติดตั้งไปพร้อมๆ กับการขยายเครือข่าย 3G 2100 MHz ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 เดือนในการพัฒนาเครือข่ายหลังจากได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงการเตรียมเปิดตัวเต็มรูปแบบกับพื้นที่เริ่มต้นกว่า 20 จังหวัดในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ก่อนที่จะครบพื้นที่หัวเมืองของทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย

View :1670
Categories: 3G Tags:

Microsoft Surface RT and Pro headed to Thailand and a number of new countries

April 24th, 2013 No comments

Bangkok – 23 April 2013 – Microsoft Corp. today announced Surface RT and Surface Pro will be available in June in Thailand, see http://blog.surface.com/b/surface/archive/2013/04/23/expanding-surface-pro-and-surface-rt-availability.aspx

“We are eager to see people and businesses in more countries get a chance to experience this new category of devices,” said Panos Panay, corporate vice president, Microsoft Surface. “Surface is the best of a tablet and a PC.”

Surface is an extension of the Windows experience, letting customers work, play and connect with the people who matter to them. Surface lets customers transition between entertainment and creation. It offers an ultra-light, durable casing and an integrated kickstand and cover that allow customers to be productive anywhere, as well as a full-sized USB port and microSDXC card slot for adding additional storage and a 16:9 widescreen high-definition display that makes it optimal for viewing and sharing content easily.

Surface RT is best described as a tablet with some laptop capabilities that weaves productivity and mobility into one beautiful product. It is great for those people looking for all-day battery life1 and an entertainment-first experience with the ability to still get work done. Surface Pro is comparable to a full-blown Windows laptop that also boasts tablet capabilities. For the first time, customers can have a fully functional PC that looks feels and acts like a tablet. With Surface Pro, customers can do virtually everything they have ever done on a PC, ranging from using their favorite desktop applications to enjoying the protection of world-class safety and security software.

Additional details on Surface are available at http://www.Surface.com, the Surface Blog and Surface on Facebook. Those interested can follow Surface on Twitter for additional updates.

View :1462
Categories: Tablet Tags:

ICT และ EGA จัดทำมาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ

April 24th, 2013 No comments

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้ ICT ยกระดับการให้บริการประชาชน ผ่านบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ โดยให้หน่วยงานส่วนราชการนำ “มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ (Government Website Standard)” ที่ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA ดำเนินการอยู่ ไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นอกจากนั้น ยังให้ EGA จดทะเบียนชื่อและเป็นผู้ถือครองโดเมนเนม ภายใต้ชื่อ “data.go.th” และ “apps.go.th” ในการให้บริการเว็บไซต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลภาครัฐ (Open Government Data) และเป็นศูนย์กลางของแอพพลิเคชั่นภาครัฐ (Government Application Center) ตามลำดับ โดยทั้งสองเว็บไซต์จะมีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมประเทศไทยไปสู่สังคมของการใช้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตในหลากหลายมิติ

ต่อจากนั้นให้เว็บไซต์ของ 7 กระทรวง และอีก 1 หน่วยงาน ซึ่งอยู่ในรายการที่องค์การสหประชาชาติจะทำการตรวจประเมิน ดำเนินการพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นไปตามมาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ อันประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2559 จึงให้หน่วยงานราชการระดับกรมขึ้นไป สามารถตั้งงบประมาณเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ได้ทันภายในปีงบประมาณ 2557

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA เปิดเผยว่า ทั้ง ICT และ EGA ได้จัดทำ “มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ (Government Website Standard)” เพื่อช่วยให้การพัฒนาเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลและบริการระหว่างหน่วยงานราชการ ที่สมบูรณ์แบบอย่างยั่งยืน โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน และเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับทั้งในระดับหน่วยงานผู้ให้บริการ ตลอดจนผู้รับบริการทุกภาคส่วน

โดยในแผนจะเริ่มจากการจัดทำเว็บไซต์กลางเพื่อให้บริการในลักษณะของศูนย์กลางข้อมูลภาครัฐ (Open Government Data) และเป็นศูนย์กลางของแอพพลิเคชั่นภาครัฐ (Government Application Center) ช่วยให้ผู้ใช้บริการทั้งภาคประชาชน ธุรกิจเอกชน รวมถึงหน่วยงานราชการ สามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้ง่ายขึ้น และนำไปใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อพัฒนาสังคม และเศรษฐกิจของประเทศ

มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐจะมีการปรับปรุงตั้งแต่ องค์ประกอบเนื้อหาเว็บไซต์ (Contents) คุณลักษณะของเว็บไซต์ภาครัฐที่ควรมี (Recommended Features) รวมถึงแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security) ซึ่งได้รวบรวมและประมวลจาก กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับในประเทศที่เกี่ยวข้อง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และข้อกำหนดองค์การสหประชาชาติ (United Nations) ในการจัดอันดับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ e-Government ของกลุ่มประเทศสมาชิก ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับนานาชาติ (International Best Practice)

ที่ผ่านมา EGA ได้เริ่มดำเนินการและหารือกับหน่วยงานต่างๆ มาแล้วทั้งภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน กลุ่มสมาคม ที่รับพัฒนาเว็บไซต์ให้กับหน่วยงานราชการ และจัดให้มีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นกลุ่มย่อย (Focus Group) โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐระดับกรมขึ้นไป ประมาณ 60 หน่วยงาน ตลอดจนจัดประชุมประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นในวงกว้าง (Public Hearing) ใน “(ร่าง) มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ” เมื่อปี พ.ศ. 2555 มีหน่วยงานภาครัฐ ประมาณ 180 หน่วยงานมารับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะมาจัดทำมาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ ฉบับสมบูรณ์ ทั้งนี้ ได้มีการผลักดัน 8 หน่วยงานดังกล่าวข้างต้น ให้มีการปรับปรุงเว็บไซต์ตามมาตรฐานฯ โดยได้มีการหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

หากพิจารณา สถานภาพปัจจุบันของเว็บไซต์ภาครัฐในระดับกระทรวง โดยการสำรวจเว็บไซต์หน่วยงานราชการ ที่มีการให้บริการประชาชนของส่วนราชการระดับกระทรวง 20 หน่วยงาน ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2555 พบว่า เว็บไซต์ของหน่วยงานส่วนราชการ มีระดับการพัฒนาการให้บริการของเว็บไซต์หน่วยงานราชการในภาพรวม ซึ่งตามมาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐแบ่งออกเป็น 5 ระดับ สามารถสรุปได้ว่า การพัฒนาการให้บริการของเว็บไซต์หน่วยงานราชการในภาพรวม จัดอยู่ในระดับ Emerging Information Services จำนวน 72.1%, Enhance Information Services จำนวน 65.25%, Transaction Information Services จำนวน 62%, Connected Information Services และ Intelligence 6% ระดับการพัฒนาการให้บริการผ่านเว็บไซต์ในระดับ Connected Information Services นั้น ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจประเมินในครั้งนี้ เนื่องจากไม่สามารถทำการตรวจประเมินโดยผู้ใช้บริการเว็บไซต์ได้

สำหรับศูนย์กลางข้อมูลภาครัฐ (Open Government Data) จะจัดตั้งเพื่อทำให้ผู้ใช้บริการทั้งภาคประชาชน ธุรกิจเอกชน รวมถึงหน่วยงานของรัฐ สามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณภาพของภาครัฐได้ง่าย โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อส่งเสริมให้เกิดธรรมาภิบาล ทำให้เกิดความร่วมมือของภาครัฐ และการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ให้ความสำคัญในการให้บริการข้อมูลภาครัฐแก่ประชาชน และดำเนินการศูนย์กลางข้อมูลภาครัฐ ซึ่งเป็นการช่วยสร้างมูลค่าในเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ ความโปร่งใส, การมีส่วนร่วม, การปรับปรุง หรือพัฒนาสินค้าและบริการใหม่, การสร้างนวัตกรรม, การปรับปรุงประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการให้บริการของภาครัฐ, สร้างองค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก

ส่วนศูนย์กลางของแอพพลิเคชั่นภาครัฐ (Government Application Center) จะทำให้มีการเข้าถึงข้อมูลและบริการ การนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดในธุรกิจต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยตัวอย่างของประเทศที่พัฒนาศูนย์กลางของแอพพลิเคชั่นภาครัฐ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำ“Apps.Gov” ในปี พ.ศ. 2552, อังกฤษ พัฒนาศูนย์กลางของแอพพลิเคชั่นภาครัฐ ชื่อ “CloudStore” ซึ่งเป็นบริการหนึ่งบน Cloud Service โดยจัดทำในลักษณะ Government e-Marketplace, เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีการจัดทำเป็น Mobile websites และ Mobile applications ของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ซึ่งให้บริการบน Web portal (www.gov.hk) ผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไปใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น กรมอนามัย ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับการเลิกบุหรี่ (Quit Smoking App) ที่ใช้ได้กับ iPhone และ Android เป็นต้น

View :1696

โนเกียร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิตนำร่องสร้างนักพัฒนาแอพรองรับ 3G

April 24th, 2013 No comments

my first app 2

กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2556–โนเกียร่วมกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดโครงการ My First App
(มาย เฟิร์สต์ แอพ) สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี จัดฝึกอบรม และสร้างแลบปฏิบัติการ เพื่อสร้างนักพัฒนาแอพ
ไทยเลือดใหม่รองรับการเติบโตของระบบนิเวศน์สื่อสารเคลื่อนที่หลังเปิดให้บริการ 3G และการขยายตัวของ
สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนา บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค 3G เต็มรูปแบบ ทำให้เกิดการขยายตัวของการใช้งานอุปกรณ์และระบบสื่อสารเคลื่อนที่ รวมถึงความต้องการด้านแอพพลิเคชั่นเพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น แอพเพื่อการสนทนา แอพสังคมออนไลน์แอพด้านการเงินที่ปลอดภัย แอพเพื่อการท่องเที่ยวและร้านอาหาร แอพข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนแอพด้านภาพถ่าย เกมส์ และความบันเทิงต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีแอพบน Windows Phone Store มากกว่า 135,000แอพ และบน Nokia Store อีกกว่า 63,000 แอพ โดยแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดสามารถทำสถิติมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 375,000 ครั้งในเวลาไม่ถึง 2 เดือน”

ด้วยเหตุนี้ โนเกียและมหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้ริเริ่มโครงการ My First App เพื่อผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่รองรับความต้องการด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่จะเพิ่มมากขึ้นทั้งจากภาคธุรกิจและผู้บริโภครวมทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรไทยให้ก้าวไปสู่ตลาดแอพพลิเคชั่นระดับโลกต่อไปในอนาคต

โครงการ My First App มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาไทย มีความเข้าใจในเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการ และหลักการในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ฝึกอบรม และลงมือปฏิบัติจริงในห้องปฏิบัติการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโนเกียมาถ่ายทอดวิทยาการ อาทิ APIs ของแผนที่โนเกีย แอพที่ใช้งานเทคโนโลยี NFC เป็นต้น รวมถึงนักพัฒนาแอพ มืออาชีพที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์จริงในการทำงานและเคล็ดลับในการผลิตแอพคุณภาพเพื่อตอบสนองได้ทั้งผู้ใช้งานในประเทศและทั่วโลก

10 โครงการจากนักศึกษาที่ผ่านการฝึกอบรมและนำเสนอแนวคิดในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จะได้รับการคัดเลือกเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเผยแพร่บน Windows Phone Store เพื่อให้ผู้บริโภคได้ดาวน์โหลดและนำไปใช้งานจริง แอพ จากทีมใดที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุด ผู้พัฒนาจะได้รับโอกาสไปทัศนศึกษาที่ศูนย์พัฒนาและวิจัยของโนเกีย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยสำคัญของโนเกีย

“ยิ่งมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ในหลากหลายระดับราคา ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสมาร์ทโฟนที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้น และจูงใจให้ผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนเครื่องแรกเพื่อทดลองใช้บริการ 3G ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความต้องการใช้แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่จะพัฒนาบุคลากรด้านนี้อย่างจริงจัง” นายจิรพัฒน์กล่าวเสริม

ด้านผศ.ดร.ม.ล.กุลธร เกษมสันต์ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงการเตรียมตัวของมหาวิทยาลัยในการผลิตบุคลากรด้านนักพัฒนา เพื่อตอบรับกระแสการเปิดให้บริการ 3G ว่า “อุตสาหกรรมด้าน Mobile Application ในประเทศไทยกำลังมีอัตราการขยายตัวอยู่ในปริมาณสูงเพื่อตอบรับการให้บริการ 3G ทำให้เกิดความต้องการบุคลากรด้านนักพัฒนาแอพมากยิ่งขึ้น ทางคณะเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตบัณฑิตพร้อมใช้ทางด้าน Mobile Application เพื่อตอบสนองการพัฒนาของประเทศ และด้วยปรัชญาของคณะฯที่ “มุ่งมั่นสร้างบัณฑิตไอทีมืออาชีพสู่สังคม” เราจึงมุ่งพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนของหลักสูตร ลงทุนสร้างห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง และร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทางด้านไอที เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการปฏิบัติจริง และสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้กับนักศึกษา เพื่อให้เกิดทักษะและประสบการณ์ พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้าน Mobile Application ต่อไป”

โครงการ My First App จะเปิดรับสมัครนักศึกษาเฉพาะมหาวิทยาลัยรังสิตในเดือนเมษายน และจะเริ่มฝึกอบรมในเดือนพฤษภาคม แอพที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เผยแพร่บน Windows Phone Store เพื่อให้ดาวน์โหลดในเดือนสิงหาคม และประกาศแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนกันยายน 2556

โนเกียมีแผนขยายโครงการ My First App ไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ภายหลังการประเมินผลโครงการ เพื่อร่วมผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นของไทยให้มากยิ่งขึ้น โนเกียยังตั้งเป้าผลักดันให้เกิดนักพัฒนาเกมส์บนมือถือ ซึ่งเป็นรูปแบบความบันเทิงที่เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคทั่วโลก เนื่องจากเข้าถึงง่าย สะดวกและค่าใช้จ่ายไม่สูง ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยในยุค 3G ได้เป็นอย่างดี

View :1352
Categories: 3G, Application Tags:

PropertyGuru เปิดตัวประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในภูมิภาค

April 23rd, 2013 No comments

นายบียอร์น สปรีนเจอส์

นายบียอร์น สปรีนเจอส์


นักการตลาดมือฉมัง นายบียอร์น สปรีนเจอส์ พร้อมนำความสามารถและประสบการณ์ในระดับเวิลด์คลาสมาเสริมทัพทีมเว็บไซต์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเอเชีย

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป (PropertyGuru Group) ซึ่งเป็นบริษัทต้นสังกัดของ DDproperty.com – เว็บไซต์ค้นหาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของเมืองไทยเปิดตัวสมาชิกใหม่ในทีมบริหาร ได้แก่ นายนายบียอร์น สปรีนเจอส์ ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดหลังจากที่ได้มีการประกาศแต่งตั้งสมาชิกในทีมบริหารในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน, ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล และผู้จัดการประจำประเทศมาเลเซียไปก่อนหน้านี้

สำหรับการเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ นายบียอร์นจะดูแลรับผิดชอบภาพรวมของธุรกิจ ผู้บริโภค และการตลาดออนไลน์ รวมไปถึงการสื่อสารต่างๆ ทั้งภายในและระหว่างองค์กร โดยนายบียอร์นจะเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์ทางด้านการตลาดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์และชื่อเสียงขององค์กร

โดยก่อนหน้านี้ นายบียอร์นมีประสบการณ์ในการนำทีมการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ให้กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่างฟิลิปส์มานานถึง 11 ปี โดยนายบียอร์นเป็นหัวหอกคนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ของฟิลิปส์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการแข่งขันสูงอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและเครื่องครัว รวมไปถึงแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของฟิลิปส์ในระดับพรีเมี่ยมอย่าง AVENT และ Sonicare

ทั้งนี้ การเสริมทัพทีมผู้บริหารในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ PropertyGuru ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 96% และมีจำนวนผู้ใช้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 60% ในปี 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งความสำเร็จแบบเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างสรรค์ นวัตกรรมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการค้นหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย

“ตั้งแต่แรกเริ่ม PropertyGuru ได้กำหนดทิศทางของตัวเองให้เป็นผู้นำในการค้นหาที่อยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นการค้นหาแบบฉลาดและรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการรายแรกๆ ที่ช่วยให้บรรดาตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเหล่าผู้ประกอบการสามารถโฆษณาและขายอสังหาริมทรัพย์ของตนผ่านช่องทางออนไลน์ได้อีกด้วย ซึ่งการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีไฟและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจเช่นนี้ นับเป็นความภูมิใจของผมเป็นอย่างยิ่ง และผมมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ PropertyGuru ให้ดียิ่งขึ้น” นายบียอร์น กล่าว

ด้านนายสตีฟ เมลฮูอิช ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ปกล่าวว่า “นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของเราที่ได้สมาชิกที่มากไปด้วยประสบการณ์และความสามารถอย่างบียอร์นมาร่วมทีม ซึ่งผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า บียอร์นจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ PropertyGuru และบริษัทในเครือเติบโตยิ่งๆ ขึ้นไปในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นจุดยืนและความเป็นผู้นำของแบรนด์ในตลาด รวมไปถึงการเสริมสร้างบริการที่น่าประทับใจให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายอสังหาริมทรัพย์ให้มากยิ่งขึ้น”

View :1258
Categories: Press/Release Tags:

ดีแทคฉลองสัญญาณใหม่มอบส่วนลดค่าเครื่อง iPhone 5 เป็นครั้งแรกสูงสุดถึง 2,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2556

April 23rd, 2013 No comments

dtaciPhone5_6411 R
23 เมษายน 2556 – ดีแทคจัดแคมเปญต่อเนื่องเพื่อเชิญชวนลูกค้าร่วมฉลองสัญญาณใหม่ และ 3G ครอบคลุมทั่วประเทศ มอบส่วนลดค่าเครื่อง iPhone 5 สูงสุด 2,000 บาทเป็นครั้งแรก และมอบส่วนลดค่าบริการเป็นพิเศษ มูลค่าสูงสุด 11,040 บาท พร้อมข้อเสนอการชำระเงินที่จูงใจ ผ่อน 0% นาน 10 เดือนกับหลากหลายบัตรเครดิต และรับเครดิตเงินคืน 3% จากบัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนและได้ใช้งาน dtac 3G บนเครือข่ายใหม่ที่มีคุณภาพ สิทธิพิเศษนี้เฉพาะที่ศูนย์บริการดีแทคและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศวันนี้ – 31 พฤษภาคม 2556 เท่านั้น

iPhone 5 จากดีแทคราคาพิเศษฉลองสัญญาณใหม่ทั่วประเทศเมื่อซื้อและสมัครแพ็กเกจที่ร่วมรายการ ประกอบด้วย
iPhone 5 รุ่น 16 GB จากราคาปกติ 24,555 บาท พิเศษเพียง 22,855 บาท หรือคิดเป็นส่วนลด 1,700 บาท
iPhone 5 รุ่น 32 GB จากราคาปกติ 28,255 บาท พิเศษเพียง 26,355 บาท หรือคิดเป็นส่วนลด 1,900 บาท
iPhone 5 รุ่น 64 GB จากราคาปกติ 31,955 บาท พิเศษเพียง 29,955 บาท หรือคิดเป็นส่วนลด 2,000 บาท

นอกจากนั้น ลูกค้าจะได้รับ ส่วนลดรายเดือนสูงสุดถึง 11,040 บาท เมื่อสมัครแพ็กเกจ iDeal 539 จากปกติ 999 บาท เหลือเพียง 539 บาทต่อเดือน นาน 24 เดือน สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัด ที่ความเร็ว 3G สูงสุด 2GB โทรฟรีทุกเครือข่าย 550 นาที พร้อมใช้งาน dtac wifi และ dtac Deezer ได้ไม่จำกัด หรือลูกค้าอาจเลือกสมัครแพ็กเกจอื่น ๆ ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถเลือกแพ็กเกจหลากหลายที่ร่วมรายการและติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ

View :1405
Categories: 3G Tags: